รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 - รายการวาไรตี้จีน - รายการเรียลลิตี้จีน - รายการจีน - รายการจีนปี 2023 - ดาราจีน - คนดังจีน - ซุปตาร์จีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

3 รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 ขนความสนุก ทัพซุปตาร์ล้นจอจนต้องตาม!

Alternative Textaccount_circle
event
รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 - รายการวาไรตี้จีน - รายการเรียลลิตี้จีน - รายการจีน - รายการจีนปี 2023 - ดาราจีน - คนดังจีน - ซุปตาร์จีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน
รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 - รายการวาไรตี้จีน - รายการเรียลลิตี้จีน - รายการจีน - รายการจีนปี 2023 - ดาราจีน - คนดังจีน - ซุปตาร์จีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

รวบตึง 3 รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 มาครบทั้งเรียลลิตี้ วาไรตี้ แถมแต่ละรายการยังอัดแน่นทัพซุปตาร์แบบล้นจอ รักใครชอบใครไปตามดูกันค่า!

รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 -Call Me By Fire S3 - 披荆斩棘3

รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 รายการแรกสุดฯ ขอเปิดด้วยรายการที่เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อกลางเดือนส.ค. 2023 และกำลังเป็นกระแสอย่างมากในขณะนี้ นั่นคือ Call Me By Fire S3 รายการที่นำเหล่าศิลปินชายจากทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง และอาจรวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียมาร่วมกันแข่งขันทำโชว์ เพื่อโชว์ฝีมือทั้งด้านการร้อง เต้น จากทั้งหมด 30 กว่าคนจะถูกคัดเหลือเพียง 17 คน โดยรายการนี้เริ่มออกอากาศซีซั่นแรกเมื่อปี 2021 โดยซีซั่นแรกมีศิลปินจีน อาทิ เจอร์รี่ เหยียน (Jerry Yan/Jerry F4), จางอวิ๋นหลง (Zhang Yunlong), ลีซึงฮยอน (Lee Seung-Hyun) ฯลฯ ต่อมาในซีซั่น 2 ที่ออกอากาศในปี 2022 ก็มีคนดังอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นซูโหย่วเผิง (Su Youpeng), หลิวข่ายเวย (Liu Kaiwei), อู๋เจี้ยนหาว (Wu Jianhao/Vanness Wu), พ่านเหว่ยป๋อ (Pan Weibo), ไมค์ พิรัชต์ (MikeAngelo), หวังต้าลู่ (Wang Dalu), ฟางอี้หลุน (Fang Yilun) ฯลฯ

ล่าสุด Call Me By Fire S3 ก็มีทัพคนดังร่วมรายการอีกเช่นเคย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัวแทนเด็กไทยอย่างเจฟ วรกมล ชาเตอร์ หรือ เจฟ ซาเตอร์ ร่วมรายการด้วย นอกจากนี้ยังมีหม่าป๋อเชียน (Ma Boqian/Victor Ma), เว่ยเจ๋อหมิง (Wei Zheming), หลินจื้ออิ่ง (Lin Zhiying), หลานเจิ้งหลง (Lan Zhenglong) เป็นต้น ใครไม่อยากพลาดไปตามดูได้ที่ MangoTV นะคะ

รายการจีนครึ่งปีหลัง 2023 -Call Me By Fire S3 - 披荆斩棘3
  • Chinese Restaurant S7 (中餐厅7)
Chinese Restaurant S7 - 中餐厅7

เป็นอีกหนึ่งรายการที่อยู่กับวงการบันเทิงจีนมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างต่อเนื่องไม่มีแผ่ว นั่นคือ รายการจีน Chinese Restaurant S7 ที่พาเหล่าซุปตาร์จีนไปเปิดร้านอาหารจีนและต้องทำงานต่างๆ ภายในร้านเองทั้งหมดเป็นเวลาระยะประมาณ 20 กว่าวัน โดยซีซั่นก่อนๆ หน้านี้ที่เริ่มออนแอร์ตั้งแต่ปี 2017 มีไปเปิดร้านที่ประเทศไทย ฝรั่งเศส อิตาลี จีน ฯลฯ ซึ่งซีซั่นนี้ไปเปิดไกลถึงเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี โดยทัพคนดังจีนได้หวงเสี่ยวหมิง (Huang Xiaoming), จ้าวโย่วถิง (Zhao Youting), สวี่กวงฮั่น (Xu Guanghan), เฉิงเซียว (Cheng Xiao), หลินอวิ๋น (Lin Yun) ฯลฯ มาร่วมกันทำร้านอาหารด้วย ใครไม่อยากพลาดไปตามเก็บได้ที่ช่อง Hunan หรือ MangoTV นะคะ

Chinese Restaurant S7 - 中餐厅7
  • Natural High (现在就出发)
Natural High - 现在就出发

ปิดท้ายด้วยรายการจีน Natural High ที่เพิ่งจะออนแอร์ไปเมื่อกลางเดือนส.ค. 2023 นี้เช่นกัน โดยเป็นรายการที่จะพาเหล่าคนดังจีนไปบุกสถานที่สวยๆ ท่ามกลางธรรมชาติ เรียนรู้การใช้ชีวิต และทำกิจกรรมต่างๆ ในท้องถิ่นนั้นๆ โดยในรายการนอกจากจะได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ งามๆ แล้ว ยังได้เสียงหัวเราะจากเหล่าสมาชิกในรายการและแขกรับเชิญที่บอกเลยว่า แต่ละอีพีที่ออนแอร์มีขำกันกรามค้างเลยละค่า นำทีมเสียงหัวเราะโดยเสิ่นเถิง (Shen Teng), ไป๋จิ้งถิง (Bai Jingting), ฟ่านเฉิงเฉิง (Fan Chengcheng), จินเฉิน (Jin Chen) เป็นต้น

Natural High - 现在就出发

รูปจาก : 披荆斩棘/湖南卫视中餐厅/现在就出发

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

‘BFF Airlines’!

แคมเปญสุดชิค ‘BFF Airlines’! by ปอ – ศจิกา

account_circle
event
‘BFF Airlines’!
‘BFF Airlines’!

ปอ ศจิกา กัปตันสาวผู้นำ ‘BFF’ เพื่อนสนิทสายบิวตี้ เผยแคมเปญสุดชิค ‘BFF Airlines’! สายการบินที่พร้อมพาคุณออกเดินทางไปส่องสกินแคร์จากทั่วทุกมุมโลกกับสารพัดแบรนด์ระดับลักชัวรี่ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า และสารสกัดสิทธิบัตร

สาวกสกินแคร์เตรียมจัดกระเป๋า (สตางค์) กันให้พร้อม! เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า BFF ร้านมัลติแบรนด์ที่นำเข้าสกินแคร์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บิวตี้จากทั่วทุกมุมโลกซึ่งกำลังเป็นที่สนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ และยังเป็นเจ้าของตำนานอย่าง #เพื่อนสนิทสายบิวตี้ มาร่วม 8 ปี ด้วยความเชื่อถือของลูกค้า BFF มากมาย ในการเลือกผลิตภัณฑ์ ความรอบรู้ และความสง่างามของแบรนด์ BFF

แคมเปญนี้นำทัพโดย ปอ-ศจิกา ทองสุข ผู้ก่อตั้งและ CEO ผู้คัดสรรผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่ตั้งอยู่ภายในร้าน BFF ด้วยตัวเอง หรือในแคมเปญนี้เราจะเรียกเธอว่า “กัปตันปอ” ตัวแม่วงการสกินแคร์ และตัวแม่ในการป้ายยา พร้อมคำแนะนำวิธีการดูแลตนเองที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ จากผู้หญิงที่มีความหลงใหลในสกินแคร์ สู่ผู้ค้นคว้า รวบรวม และนำเข้านิชสกินแคร์เบอร์ต้นๆ ในประเทศไทย โดยคุณปอได้เดินทางไปทุกๆ ประเทศด้วยตนเอง ใช้ประสบการณ์การทดสอบสกินแคร์ ลองผิดลองถูกมามากมายกับผิวของตัวเอง การอ่านวิจัยมานับไม่ถ้วน เพื่อคัดสรรสุดยอดผลิตภัณฑ์ให้กับเหล่าเพื่อนสนิทสายบิวตี้จริงๆ

ปอ ศจิกา ทองสุข
ปอ-ศจิกา ทองสุข

งานนี้ถือว่าเป็นแคมเปญที่น่าจับตามองมาก สำหรับ ‘BFF Airlines’ แคมเปญใหญ่ของ BFF ซึ่งมาภายใต้คอนเซ็ปต์สายการบินที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเหล่าสายบิวตี้โดยเฉพาะ ที่พร้อมให้ทุกคนได้ร่วมเดินทางท่องโลกไปด้วยกัน พบเจอกับ 5 ประเทศ ที่หน้าร้าน BFF 5 สาขา รวมถึงผ่านช่องทางออนไลน์ของ BFF ได้ตลอดเดือนกันยายน 2566 เตือนเลยว่าอย่าลืมชวนเพื่อนสนิทของคุณมาร่วมเดินทางไปด้วยกันนะ …แคมเปญนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

Fly the Destinations to me

สำหรับกิจกรรมแรกของ BFF Airlines เตรียมเดินทางไปพบกับจุดหมายปลายทางทั้งหมด 5 ประเทศ ที่บินตรงมาที่หน้าร้าน BFF ทั้งหมด 5 สาขา :

Central Chidlom – United Kingdom (home of 111SKIN, Manta)

Mega Bangna – France (home of Evidens de Beaute, La Bouche Rouge)

Siam Paragon – Switzerland (home of Cellcosmet)

Central Ladprao – Italy (home of Bakel, La Perla)

The Taste – USA (home of Philip B., Nannette de Gaspe)

กิจกรรมหน้าร้านที่เรียกได้ว่า BFF ยกแต่ละประเทศมาให้ถึงที่เลย โดยแต่ละสาขาจะมาในลุคสวยสะกดสายตา ที่นอกจากจะนำพาสกินแคร์ของประเทศนั้นมา ยังโดดเด่นด้วยการตกแต่งตามเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ ที่พาให้ทุกคนได้ท่องเที่ยว ส่องสกินแคร์ของแต่ละประเทศ เสมือนได้บินไปด้วยตัวเองเลย ด้วยความตั้งใจอยากให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกัน นอกจากได้ช้อปในบรรยากาศดีๆแล้ว ยังได้ถ่ายรูปเก๋ๆ กลับไปด้วย ได้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวไกลโดยที่เดินทางได้ใกล้ๆเลย

Mini-BFF, Take BFF with you on all your Travels!

อีกหนึ่งไฮไลต์ของ ‘BFF Airlines’ ที่ควรจับตามองเป็นพิเศษ ก็คือเซ็ตลิมิเต็ดอิดิชั่นอย่าง ‘Mini-BFF’ เซ็ตที่เปรียบเหมือน carry-on เพื่อให้คุณสามารถพกพาเพื่อนสนิทสายบิวตี้ของคุณไปได้ทุกที่

ภายในเซ็ตนี้ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์ฮ็อตๆ ในฉบับขนาดพกพาได้ ที่ BFF ได้ตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะ ในราคาพิเศษเพียง 2,999 บาท (จากมูลค่ารวม 15,000 บาท) และจะเป็นเซ็ต Limited Edition ที่จะมีวางขายเฉพาะช่วงแคมเปญ ‘BFF Airlines’!

โดยในเซ็ต Mini-BFF จะได้รับไปเลย ผลิตภัณฑ์ Travel Size จำนวน 10 ชิ้น ดังนี้:

Cleanser: Cellcosmet – Gentle Purifying Cleanser 5 ml.

Essence: 111SKIN – Celestial Black Diamond Brightening Essence 30 ml.

Bakel – JALU 3D – 4 patches

111SKIN – Celestial Black Diamond Eye Cream 7.5 ml.

Evidens – The Special Mask 15 ml.

Philip B. – Peppermint Avocado Scalp Scrub 15 ml.

La Perla – Signature Eau De Parfum 1.5 ml.

Nannette De Gaspe – Baume Noir Face Visage 10 ml.

OR Cellcosmet Ultra Vital 3 ml. – 2 tubes

OR Evidens The Day Moisturizer 10 ml.

Ayuna Velo 6-in-1 Suprastratum Protection 5 ml.

OR Evidens – The Total Shield 5 ml.

Oribe – Gold Lust Dry Shampoo 43 ml.

OR Philip B. Forever Shine Shampoo, Conditioner 2*10 ml.

นอกจากของภายในเซ็ต อยากให้คอยจับตามองดีไซน์ของกล่องเซ็ตนี้ด้วย เพราะเป็นการดีไซน์ขึ้นมาใหม่เพื่อแคมเปญนี้โดยเฉพาะ สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะเริ่มที่ตัวไหนก่อน บอกเลยว่าซื้อเซ็ตนี้ คือคุ้มสุดๆ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ตัวท็อปของร้าน ที่รวบรวมมาให้จากทุกมุมโลกมาให้ได้ลองกันในเซ็ต

Treasure Hunt in our Game Zone

ไม่จบเท่านี้แน่นอนงานนี้! เพราะนอกจากเซ็ตพิเศษแล้ว ทาง BFF ยังจัด Treasure Hunt สำหรับผู้โดยสารทุกท่านที่เลือกเดินทางกับสารการบิน BFF Airlines เตรียมล่าของรางวัลกันสนุกๆ กับ Claw Machine หรือตู้เกมคีบสกินแคร์ BFF ซึ่งภายในตู้มีรวมผลิตภัณฑ์ดังๆ ของ BFF เป็นทั้งขนาดมินิและขนาดจริง!

โดยทุกการ Check-in (แชร์สตอรี่ Instagram และแท็ก @bff_bkk) ที่หน้าร้าน คุณก็จะได้รับสิทธิ์เล่นตู้คีบที่ BFF 1 ครั้งทันที และรับสิทธิ์เพิ่มเติมได้อีก 1 ครั้ง เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท (ต่อใบเสร็จ)

Become a World Beauty Traveler with our BFF Passport

ชวนทุกคนมาร่วมสะสมสแตมป์ไปกับ BFF ด้วย ‘BFF Passport’ ที่รับได้ทันทีเมื่อช้อปยอดครบ 999 บาท โดยมีให้ สะสมสแตมป์พร้อมการเดินทางไปแต่ละประเทศ และแน่นอนว่าจะไม่เป็นการสะสมที่ธรรมดา เพราะถ้าคุณสามารถสะสมสแตมป์ได้ครบ 3 ใน 5 ที่ คุณจะได้รับไปเลยรางวัลใหญ่ Evidens – The Best Seller Set มูลค่า 3,150 THB โดยที่ 1 คน สามารถแลกได้เพียง 1 สิทธ์เท่านั้น ที่หน้าร้านได้เลย แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า รางวัลนี้มีจำกัดเพียงแค่ 30 ชิ้นนะ!

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นต่างๆ อีกมากมาย รวมทั้งช่องทางออนไลน์ด้วย อย่าลืมไปติดตามรายละเอียดกันที่หน้าเพจ BFF และ IG : @bff_bkk ตลอดเดือน 1-30 กันยายน 2566

*หมายเหตุ: โปรโมชั่นต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางบริษัทกำหนด และอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ และเงื่อนไขโดยละเอียดที่หน้าร้านอีกครั้ง

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

เตรียมพบกับ Le Labo City Exclusive ตลอดเดือนกันยายนนี้ ที่สยามพารากอน

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

VERSO SKINCARE แบรนด์ดังจากสวีเดนปักธงในไทยแล้วที่ FIRSTER BY KING POWER

“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

จิม ทอมป์สัน เผยโซนร้านอาหารสุดอลังการที่ “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

account_circle
event
“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่
“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

เติมเต็มที่สุดแห่งอาณาจักรไลฟ์สไตล์ กิน-ดื่ม-เที่ยวช้อป ครบวงจร จิม ทอมป์สัน เผยโซนร้านอาหารสุดอลังการที่ “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

จิม ทอมป์สัน แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ชื่อดังของเมืองไทย เปิดตัวโซนร้านอาหารโฉมใหม่สุดยิ่งใหญ่ตระการตาเป็นครั้งแรกภายใต้คอนเซ็ปต์ “Another New Chapter Begins: A Culinary Journey at Jim Thompson, A Thai Restaurant พร้อมกลับมาสร้างตำนานบทใหม่อีกครั้ง ชวนลูกค้าดื่มด่ำกับเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ผสานความคิดสร้างสรรค์กับรสชาติแห่งความเป็นไทยได้อย่างลงตัว โดยการเปิดตัวในแบบซอฟต์โอเพนนิ่งของโซนร้านอาหารโฉมใหม่ในครั้งนี้ พร้อมให้ทุกคนได้พบกับ ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน ในรูปแบบใหม่ที่ยิ่งใหญ่และงดงามกว่าเคย แถมยังสร้างเซอร์ไพรส์กับการเผยโฉมบาร์ใหม่ไวบ์ดีอย่าง “The OSS Bar” เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มแสนวิเศษตลอดทั้งช่วงกลางวันและยามค่ำคืน

เมนูที่เสิร์ฟใน “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” ล้วนใส่ใจกับการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากท้องถิ่นเพื่อ
ซัพพอร์ตชุมชน พร้อมรังสรรค์เป็นจานพิเศษที่สะท้อนถึงความรักที่จิม ทอมป์สันมีต่ออาหารไทย ที่ร้านนำเสนออาหารไทยรสชาติดั้งเดิม อาหารไทยสไตล์โมเดิร์น และเมนูเพื่อการลิ้มลอง (Degustation Menu) ที่เชฟภูมิใจรังสรรค์เป็นพิเศษ ทุกจานล้วนเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นราวกับได้ย้อนเวลากลับไปเป็นแขกร่วมโต๊ะกับ จิม ทอมป์สัน แขกยังจะได้เพลิดเพลินกับค็อกเทลหลากหลายรสชาติได้ในบาร์ใหม่สุดฮิป The OSS Bar ที่ชื่ออินสไปร์มาจากหน่วยสืบราชการของสหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละแก้วสร้างสรรค์โดยมิกซ์โซโลจิสต์ชั้นนำ ให้แขกทุกคนได้เอ็นจอยท่ามกลางบรรยากาศงดงามแสนสงบบนระเบียงริมคลอง

“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

โซนร้านอาหารแห่งนี้ได้รับการออกแบบคอนเซ็ปต์โดย NEXT Hospitality Group และได้บริษัทดีไซน์ชื่อดังอย่าง HBA ดูแลงานดีไซน์อันงดงาม ด้วยแนวคิดในการนำเอาผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งสุดยูนีคของธุรกิจตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สัน กว่า 70 แบบมาครีเอตสเปซสุดตระการตา นับเป็นการยกย่องจิม ทอมป์สัน ในฐานะเจ้าบ้านที่ในอดีตเคยเปิดบ้านต้อนรับเหล่าคนสำคัญมากมายทั้งนักเขียน นักการทูต และเหล่าเซเลบริตี้ โดยธรรมเนียมการรับแขกอย่างอบอุ่นและเปี่ยมด้วยมิตรไมตรีของจิม ทอมป์สัน ได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการตกแต่งที่ทันสมัยและงานศิลป์อันงดงามที่ประดับประดาอยู่ในทุก ๆ ชั้น

ที่โซนร้านอาหารโฉมใหม่นี้จะเปิดประสบการณ์การลิ้มรสที่หลากหลายรสชาติตลอดทั้งวัน แขกที่ชมพิพิธภัณฑ์เสร็จสามารถแวะรับประทานมื้อเที่ยงแสนอร่อยท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นของสวนริมบ่อปลาคาร์ป ส่วนช่วงเย็นก็ดื่มด่ำกับเมนูอาหารแนวโปรเกรสซีฟไทยอันน่าตื่นเต้นที่เอ็นจอยคู่กับไวน์รสเลิศ หรือจะพักเหนื่อยมาจิบน้ำชายามบ่ายพร้อมวิวบ้านไทยและสวนสวยของจิม ทอมป์สัน ก็ได้เช่นกัน ทุกองค์ประกอบของโซนร้านอาหารใหม่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์และศิลปะแห่งการต้อนรับแขกของจิม ทอมป์สัน เพื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้แขกผู้มาเยือนทุกคน

การเผยลุคใหม่ของ “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” ถือเป็นการปรับโฉมสุดยิ่งใหญ่ของแบรนด์ นับเป็นการผสานความแข็งแกร่งของธุรกิจแฟชั่นและสินค้าตกแต่งบ้านของแบรนด์มาสร้างเอกลัษณ์ให้ธุรกิจอาหาร และถ่ายทอดความเป็นแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ของ จิม ทอมป์สัน ได้เป็นอย่างดี โดย แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด แบรนด์ จิม ทอมป์สัน ได้เล่าถึงการเปิดบริการในครั้งนี้ว่า “ธุรกิจร้านอาหารของจิม ทอมป์สัน พร้อมเข้ามาเติมเต็มการเป็นที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์เดสติเนชันของ “Jim Thompson Heritage Quarter” การเปิดโซนร้านอาหารใหม่นี้เป็นการออกเดินทางสู่ถนนเส้นใหม่ที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความน่าตื่นเต้น และบริการที่เหนือระดับ ทั้งยังตอกย้ำความตั้งใจของเราในการรักษาขนบธรรมเนียมของไทย ซึ่งเป็นคุณค่าที่หล่อเลี้ยงจิม ทอมป์สัน ให้กลายเป็นแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาจวบจนทุกวันนี้”

“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่

จวน ทานา ดอท ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม เล่าถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการว่า “ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของเรา ทั้งเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ มิกซ์โซโลจิสต์ เพสตรี้เชฟ และทีมงานทุก ๆ คนพร้อมร่วมยกระดับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของจิม ทอมป์สัน เราสร้างความแตกต่างด้วยการมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผสมผสานรสชาติจัดจ้านแบบไทยต้นตำรับเข้ากับวิธีการปรุงอาหารแบบโมเดิร์น ทั้งยังตั้งใจให้ร้านอาหารแฟล็กชิปของเราสะท้อนคุณค่าที่จิม ทอมป์สัน ยึดมั่น ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมที่ซัพพอร์ตความยั่งยืนของชุมชน วิสัยทัศน์ในการรังสรรค์เมนูของเราจะดึงดูดทั้งลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติได้อย่างแน่นอน”

จวน ทานา ดอท ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม

เปป้ แดซี คีเมเนส หรือ เชฟเปเป้ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟของร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน เปี่ยมด้วยทักษะและประสบการณ์การทำอาหารอันยาวนานที่ร้านระดับมิชลิน 3 ดาวและ 2 ดาวในประเทศสเปน ก่อนจะออกเดินทางไปลับคมฝีมือเพิ่มที่นอร์เวย์และออสเตรเลีย และด้วยความหลงใหลในอาหารไทย จึงเดินทางมาที่ไทยและทำงานร่วมกับเชฟชื่อดังของเมืองไทยเพื่อสร้างสรรค์รสชาติแบบไทยดั้งเดิมที่ผสมผสานเข้ากับรสมืออันจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เชฟเปเป้พร้อมนำไอเดียสดใหม่และทักษะอันล้ำเลิศมาเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารที่อร่อยและแตกต่างอย่างน่าประทับใจให้ลูกค้าจิม ทอมป์สัน

“ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” โฉมใหม่
เปป้ แดซี คีเมเนส เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน

โซนร้านอาหารโฉมใหม่ของจิม ทอมป์สัน มุ่งเฉลิมฉลองวัฒนธรรมไทยผ่านการครีเอตประสบการณ์ไดนิ่งที่สนุกสนานด้วยการใส่ความสดใหม่เข้าไปในเมนูอาหารไทยอันเปี่ยมเรื่องราว ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติแบบไทยแท้ ณ “ร้านอาหารไทย จิม ทอมป์สัน” พร้อมรีแลกซ์ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิลที่ The OSS Bar บาร์ที่ถ่ายทอดช่วงชีวิตที่สำคัญของจิม ทอมป์สัน โดยทุก ๆ สเปซภายใน Jim Thompson Heritage Quarter เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Beyond Silk” ที่มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ก้าวไปไกลจากการเป็นแบรนด์ผ้าไหม พร้อมเตรียมนำคอนเซ็ปต์ดังกล่าวไปใช้กับธุรกิจในไทยและทั่วโลกของแบรนด์ การยกระดับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในครั้งนี้ อยู่ภายใต้แผนการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ของจิม ทอมป์สัน ในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก

อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

YONA Beach Club ขอเชิญคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร กับวิวธรรมชาติที่สวยงามกลางทะเลภูเก็ต

ไปเที่ยวทะเลใต้กับ HYUNDAI STARGAZER ใช้เวลาน้อยแต่สนุกมาก!

ฮ่องกง 2023 เมืองของคนรักสีสัน อาหาร และสายมูฯ #สายถ่ายภาพก็ฟินนะ

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนรอออนแอร์ - ซีรี่ย์จีนรอออกอากาศ -นักแสดงจีน -WeTV - พระเอกจีน -นางเอกจีน -พระเอกซีรี่ย์จีน -นางเอกซีรี่ย์จีน -ข่าวจีน - บันเทิงจีน

ลิสต์ ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV แค่ภาพโปรโมทก็ชวนให้ตั้งตารอตั้งแต่วันนี้!

Alternative Textaccount_circle
event
ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนรอออนแอร์ - ซีรี่ย์จีนรอออกอากาศ -นักแสดงจีน -WeTV - พระเอกจีน -นางเอกจีน -พระเอกซีรี่ย์จีน -นางเอกซีรี่ย์จีน -ข่าวจีน - บันเทิงจีน
ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนรอออนแอร์ - ซีรี่ย์จีนรอออกอากาศ -นักแสดงจีน -WeTV - พระเอกจีน -นางเอกจีน -พระเอกซีรี่ย์จีน -นางเอกซีรี่ย์จีน -ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สุดฯ รวบตึงลิสต์ ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV หลังปล่อยภาพโปรโมทรัวๆ ชวนแฟนๆ คอซีรี่ย์จีนตั้งตารอดูตั้งแต่ตอนนี้! มีเรื่องไหนของใครบ้างตามสุดฯ มาดูกันค่ะ

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV เรื่องแรกสุดฯ ขอเปิดด้วย The Legend of ShenLi ปฐพีไร้พ่าย ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/ดราม่าเข้มข้นที่ได้ 2 พระ-นางคู่จิ้นอย่างหลินเกิงซิน (Lin Gengxin) – จ้าวลี่อิ่ง (Zhao Liying) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วในซีรี่ย์จีนฟอร์มยักษ์ Princess Agents ฉู่เฉียว จอมใจจารชน (2017) กลับมาโคจรร่วมงานกันอีกครั้งในรอบ 5 ปี! ซึ่งล่าสุดมียอดผู้ชมรอติดตามมากกว่า 3 ล้านคนแล้วค่า

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2024  - The Legend of ShenLi - Legend ShenLi - 与凤行 - ปฐพีไร้พ่าย

The Last Immortal ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุคที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนของนักเรียน ซิงหลิง (Xing Ling) ที่เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำไปเมื่อปลายปี 2022 โดยบอกเล่าเรื่องราวของบุตรแห่งเทพเจ้าที่ต้องร่วมมือกันปกป้องโลกมนุษย์ และโลกอื่นๆ ให้อยู่กันอย่างสงบสุข โดย 2 พระเอกนางเอกได้หวังอันอวี่ (Wang Anyu) – จ้าวลู่ซือ (Zhao Lusi) มาประกบคู่กันเป็นครั้งแรก

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2024  - The Last Immortal - 神隐

ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก/วัยรุ่น Young Babylon บาบิโลนวัยรุ่น ที่สร้างจากนิยายในชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียนลู่เน่ย (Lu Nei) โดยบอกเล่าเรื่องราวของคนหนุ่มสาวในช่วงยุค 90 ที่กำลังวิ่งตามความรัก มิตรภาพ ความฝัน และค่อยๆ เติบโตขึ้น นำแสดงโดยโหวหมิงฮ่าว (Hou Minghao), หยางไฉ่อวี้ (Yang Caiyu), เซี่ยงหานจือ (Xiang Hanzhi)

 Young Babylon - บาบิโลนวัยรุ่น -  少年巴比伦

ซีรี่ย์จีน As Beautiful As You ที่พระเอกได้สวีข่าย (Xu Kai) เจ้าของผลงานเรื่อง She and Her Perfect Husband กฎล็อกลิขิตรัก (2022) ฯลฯ แท็กทีมนางเอกอย่างถานซงอวิ้น (Tan Songyun) จากเรื่อง Go Ahead ถักทอรักที่ปลายฝัน (2020) บอกเล่าเรื่องราวของนางเอกที่กำลังก่อตั้งบริษัทของตัวเอง จนเธอได้เจอกับพระเอกซึ่งเป็นนักลงทุนรูปหล่อ ที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตรักของเธอเปลี่ยนไป!

As Beautiful As You - 你比星光美丽

Sword and Fairy หรือ Chinese Paladin Season 6 เซียนกระบี่พิชิตรมาร 6 ซีรี่ย์จีนที่สร้างจากชุดเกมคอมพิวเตอร์แนวกำลังภายใน/เทพเซียน Chinese Paladin: Sword and Fairy ที่ผลิตโดยบริษัทพัฒนาและผลิตเกมไต้หวัน Softstar Entertainment Inc. ที่พระเอกได้สวีข่ายคนเดิม เพิ่มเติมคือมาพร้อมอวี๋ชูซิน (Yu Shuxin อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป THE9 ที่เคยฝากฝีมือการแสดงมาแล้วในซีรี่ย์จีน Love Between Fairy and Devil ของรักของข้า (2022) ฯลฯ

Sword and Fairy - 仙剑六祈今朝

Mr.&Mrs. Chen เป็นซีรี่ย์จีนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตคนรักที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง และถ่ายไฟเก่าก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน พร้อมกับเผชิญในโลกของสายลับไปพร้อมกัน โดยพระเอกได้หานตงจวิน (Han Dongjun) มาประกบคู่นางเอกจีนรุ่นน้อง กวนเสี่ยวถง (Guan Xiaotong)

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - ซีรี่ย์จีน -ซีรี่ย์จีนปี 2024  - Mr.&Mrs. Chen - 梅花红桃

ต่อด้วยซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Love and Sword ที่ดัดแปลงบทมาจากนิยายจีนของเสิ่นชางเหมย (Shen Cang Mei) โดยบอกเล่าเรื่องราวของนักแสดงสาวที่บังเอิญหลุดเข้าไปอีกโลก และเธอยังอยู่ในร่างของนักดาบอีกด้วย กระทั่งได้เจอกับอัศวินหนุ่มหล่อที่จะมาช่วยเหลือเธอไขความลับระหว่างโลกปัจจุบันกับโลกที่เธอหลุดเข้าไป พร้อมๆ กับความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น นำแสดงโดยเกาเหว่ยกวง (Gao Weiguang) และเสวียนลู่ (Xuan Lu)

Love and Sword - 只此江湖梦

I Know I Love You ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกที่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะชื่นชอบกับเรื่องราวของสัตวแพทย์หนุ่มที่ต้องแบกรับภาระดูแลครอบครัวเพียงลำพัง กับ สาวนักจัดดอกไม้ที่มีความรักสิบปี แต่กลับไม่ได้ลงเอยอย่างมีความสุข ในระหว่างที่พวกเขาต่างฝ่ายต่างต่อสู้กับชีวิตของตัวเองก็บังเอิญได้รู้จัก และเริ่มรู้สึกดีต่อกัน แต่กลับถูกครอบครัว เพื่อนฝูงคัดค้าน ความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร ร่วมลุ้นไปกับจางหว่านอี้ (Zhang Wanyi) – ซุนอี๋ (Sun Yi) นะคะ

I Know I Love You - 我知道我爱你

The Farthest Distance ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกที่ได้จางอวิ๋นหลง (Zhang Yunlong) กับจงฉู่ซี (Zhong Chuxi) มาเป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราวเส้นทางชีวิตการทำงานและความรักของคุณหมอหนุ่มแผนกฉุกเฉิน และสาวสวยดีไซเนอร์ ที่ความแตกต่างแบบสุดขั้วจะช่วยเติมเต็มช่องว่างให้กันและกัน ซึ่งนอกจากคู่พระ-นาง ยังมีคู่รองที่รับบทโดยหลี่ซีรุ่ย (Li Xirui) – หลิวอวี่หาง (Liu Yuhang) มาร่วมเสริมทัพความปังด้วย

ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV -  The Farthest Distance - 最遥远的距离
ซีรี่ย์จีนออนแอร์ปี 2024 ของ WeTV - The Farthest Distance - 最遥远的距离

รูปจาก : 腾讯电视剧

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

10 ร้านที่ต้องแวะชิมก่อนเดินทาง ที่ คิง เพาเวอร์

เปิด 30 เมนูเด็ดจาก 10 ร้านที่ต้องแวะชิมก่อนเดินทาง ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

Alternative Textaccount_circle
event
10 ร้านที่ต้องแวะชิมก่อนเดินทาง ที่ คิง เพาเวอร์
10 ร้านที่ต้องแวะชิมก่อนเดินทาง ที่ คิง เพาเวอร์

29 สิงหาคม 2566 – ต้อนรับการเดินทางในช่วงปลายฝนต้นหนาวกับจุดเริ่มต้นที่ “สนามบิน สุวรรณภูมิ” ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ต้องแวะรับประทานอาหารกันหน่อยจะได้อิ่มฟินบินสบาย ล่าสุด คิง เพาเวอร์ ผู้บริหารร้านค้า ดิวตี้ ฟรี และพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดสรรร้านอาหารที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทั้งด้านคุณภาพและความหลากหลายของรสชาติมาให้ได้ลิ้มลอง ทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และอาหารนานาชาติ พร้อมแนะนำ 30 เมนูเด็ดที่ต้องแวะชิมจาก 10 ร้านดังในสนามบิน เป็นไอเดียให้นักเดินทางได้อิ่มอร่อยแบบไม่ซ้ำ สำหรับคออาหารไทย จีน และญี่ปุ่น ขอแนะนำ

1.ร้าน Luk Kai Thong (ลูกไก่ทอง)

เมนูเด็ดที่ คิง เพาเวอร์

ร้านลูกไก่ทอง ร้านอาหารไทยรอยัลดีกรี “มิชลินไกด์” คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี ปรุงด้วยความพิถีพิถันทุกจานโดยเจ้าของร้าน “เชฟแสง” นำเสนอเสน่ห์อาหารไทยสู่ประตูโลก ด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เมนูไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ เมนูเคาหยก อาหารในตำนานกว่า 100 ปี  เมนูจานเด็ดหาทานยาก หมูสามชั้นตุ๋นนานกว่า 5 ชั่วโมงจนละลายในปาก พร้อมผักที่ใช้เวลาบ่มมากกว่า 2 วัน ทำให้ได้รสชาติหวานเค็มพอดี ทั้งยังได้รับการการันตีความอร่อยจาก  มิชลินไกด์ 5 ปีซ้อน นอกจากนี้ยังมีเมนูแนะนำ ได้แก่ ปูผัดผงกะหรี่, กุ้งแม่น้ำเผา เป็นต้น แวะมาชิมเมนูอร่อย ที่ร้านลูกไก่ทอง บริเวณอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 Concourse F

2.ร้าน Aroi (อร่อย)

เมนูเด็ดที่ คิง เพาเวอร์

ร้านอร่อย ร้านอาหารไทยดั้งเดิมและบาร์ในบรรยากาศสบายๆ เสิร์ฟทั้งแบบจานเดียวและเซ็ทเมนู นอกจากนี้ยังมีอาหารเช้า อาหารตะวันตก อาหารจากพืช ขนมหวาน สมูทตี้และกาแฟอีกด้วย ซิกเนเจอร์เซ็ทเมนูแนะนำ ได้แก่ เซ็ทข้าวกะเพราหมูสับ,เซ็ทเมนูส้มตำ และเซ็ทผัดไทยกุ้ง อร่อยง่ายๆได้ที่ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 Concourse F

3.ร้าน Stick & Bowl (สติ๊ก แอนด์ โบว์ล)

เมนูเด็ดที่ คิง เพาเวอร์

ร้านสติ๊ก แอนด์ โบว์ล เน้นคัดเฉพาะวัตถุดิบคุณภาพดี นำมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยมโดย 3 เมนูแนะนำได้แก่ ข้าวมันไก่ เกี๊ยวกุ้งน้ำ และก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ส่วนของหวานที่พลาดไม่ได้คือข้าวเหนียวมะม่วง เป็นร้านอาหารไทยที่ปรับรสชาติให้ทุกเมนูรับประทานง่ายและเป็นสากล เพื่อเป็นการต้อนรับและสร้างความประทับใจแรกให้นักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ที่อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 Concourse F

4.ร้าน Ruam Samai (ร่วมสมัย)

เมนูเด็ดที่ คิง เพาเวอร์

ร้านร่วมสมัย คัดสรรเมนูที่ได้รับความนิยมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน อาหารจานโปรดของทุกคนจากรุ่นสู่รุ่น ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีและสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ให้ทุกคนได้ลิ้มรสอาหารที่ถึงเครื่องถึงรสที่สุด เมนูแนะนำ ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อรวมมิตร,ผัดไทยห่อไข่ และปูผัดผงกะหรี่ รสชาติเข้มข้นเต็มเปี่ยมด้วยเนื้อปูแน่นๆ พร้อมเครื่องดื่มหวานสดชื่นอย่าง น้ำมะม่วงสดปั่น และน้ำมะพร้าวสดเต็มๆลูก และสายกาแฟห้ามพลาดดื่มกาแฟเมล็ดไทยออร์แกนิก 100% ของร้าน เพราะอยากให้ทุกคนที่ได้มา “ร่วมสมัย” รู้สึกเหมือนการมาสนามบินไม่ได้เป็นเพียงการเดินทางแต่เป็นการท่องเที่ยวไปในตัว  ร้านร่วมสมัย ตั้งอยู่ที่ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 3

5.ร้าน Charm Boat Noodles (ชาม โบ๊ท นู้ดเดิ้ลส์)

เมนูเด็ดที่ คิง เพาเวอร์

ร้าน ชาม โบ๊ท นู้ดเดิ้ลส์ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพเกรด A ใช้เนื้อวากิวและหมูคุโรบูตะแบบพรีเมี่ยม พร้อมน้ำซุปเข้มข้นจัดจ้าน มาพร้อมท็อปปิ้งที่มีให้เลือกหลากหลาย สำหรับใครที่ชอบแบบแห้ง แนะนำเมนูแซ่บแห้ง  การันตีความแซ่บแบบเข้าเส้น สำหรับคนรักข้าวมันไก่สิงคโปร์เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มรสเด็ด ปิดท้ายด้วยขนมหวานแบบจัดเต็มความอร่อย เมนูไฮไลท์พลาดไม่ได้เลย ได้แก่  ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูตุ๋น, ข้าวหมูกรอบคั่วพริกเกลือ-ไข่มะตูม และชุดข้าวมันไก่สิงคโปร์ ร้าน ชาม โบ๊ท นู้ดเดิ้ลส์ ตั้งอยู่บริเวณ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 3

6.ร้าน Ess Corner (เอส คอร์เนอร์)

ร้าน เอส คอร์เนอร์ จุดนัดพบแห่งใหม่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยทำเลที่ตั้งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ากับสนามบิน เอส คอร์เนอร์ จึงคัดสรรเมนูอาหารไทยยอดนิยมมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยว เขียวหวานไก่ และผัดไทย รสชาติถูกปากบอกได้เลยว่าห้ามพลาด!! พบกับเมนูความอร่อยได้ที่ อาคารผู้โดยสาร ชั้น B1 Airport Rail Link

อาหารนานาชาติ ได้แก่

7.ร้าน Lee Café (ลี คาเฟ่)

ร้านลี คาเฟ่  ด้วยแรงบันดาลใจของอาหารแต่ละจานเกิดจากการผสมผสานวัตถุดิบ เครื่องปรุง รวมถึงเทคนิคการประกอบอาหาร ทั้งตะวันออกและตะวันตก โดยกลั่นกรองจากประสบการณ์ความชำนาญกว่า 30 ปี จาก The LEE Family ทำให้รสชาติอาหารแต่ละจานที่ “ลี คาเฟ่” มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะ เมนูอาหารจานเดียวแนะนำ ได้แก่  ข้าวผัดสับปะรด, ข้าวกะเพราเป็ดย่าง หรือกับข้าว ได้แก่ ต้มยำกุ้ง เป็นต้น ร้านลี คาเฟ่ ตั้งอยู่ที่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 3

8.ร้าน China Town Express (ไชน่า ทาวน์ เอ็กซ์เพรส)

ร้าน ไชน่า ทาวน์ เอ็กซ์เพรส ร้านอาหารจีนระดับภัตตาคารที่คัดสรรสุดยอดวัตถุดิบคุณภาพดี จำหน่าย ติ่มซำสูตรเฉพาะของทางร้านที่รับประทานง่ายและเหมาะต่อการซื้อเป็นของฝากด้วยเมนูยอดนิยม ได้แก่ ขนมจีบกุ้ง ฮะเก๋า เสี่ยวหลงเปา และซาลาเปาไส้ต่างๆ พบกับเมนูความอร่อยได้ที่ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ชั้น 2 Concourse B

9.ร้าน Sushi Nama (ซูชิ นามะ)

ร้านซูชิ นามะ ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท ซูชิ ซาซิมิ และอาหารจานเดียวที่เน้นวัตถุดิบคุณภาพสูง เมนูแนะนำ ได้แก่ นามะซูชิ เซตบี, ทงคอตสึ ราเมง และชุดปลาซาบะย่าง     เทอริยากิ ตั้งอยู่ที่ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 3 และอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 Concourse F

10.ร้าน Taco Bell (ทาโก้ เบลล์)

ร้านทาโก้ เบลล์ ฟาสต์ฟู้ดสไตล์แม็กซิกัน ให้บริการอาหารเม็กซิกันสุดคลาสสิก ทั้งทาโก้, เบอร์ริโต้, เคซาติย่า, นาโซ่ และเมนูสไตล์เม็กซิกันคุณภาพพรีเมียมอีกมากมาย พร้อมให้คุณมาลิ้มลอง ร้านทาโก้ เบลล์ ตั้งอยู่ที่ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 Concourse F

เชิญชวนนักเดินทางทุกท่านแวะชิมอาหารจากร้านคุณภาพที่ผ่านการคัดสรรหลากหลายความอร่อย ทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติมากมาย อร่อยแน่นอน กับ 30 เมนูเด็ดที่ต้องแวะชิมในสนามบินจาก 10 ร้านอร่อยก่อนออกเดินทาง พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ คิง เพาเวอร์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

YONA Beach Club ขอเชิญคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร กับวิวธรรมชาติที่สวยงามกลางทะเลภูเก็ต

ไปเที่ยวทะเลใต้กับ HYUNDAI STARGAZER ใช้เวลาน้อยแต่สนุกมาก!

ฮ่องกง 2023 เมืองของคนรักสีสัน อาหาร และสายมูฯ #สายถ่ายภาพก็ฟินนะ

รีวิว ออริกา เวลเนส & โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ..สุข สบาย ใจสงบ

Kamalaya Koh Samui รีสอร์ทที่จะทำให้คุณรู้สึกเต็มอิ่มทั้งกายใจ จนไม่อยากออกไปไหนเลย!

สถานที่ขอพร เรื่องเมตตามหานิยม ในไต้หวัน ให้ใม่ถูกเท และโชคดีตลอดไป

The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง - Sheng Yilun - Peter Sheng -盛一伦- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - ดาราชายจีน - ดาราจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

ส่องซีรี่ย์จีน The Brightest of Us เซิ่งอี้หลุนคัมแบ็คบทพระเอกในรอบปี!!

Alternative Textaccount_circle
event
The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง - Sheng Yilun - Peter Sheng -盛一伦- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - ดาราชายจีน - ดาราจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง - Sheng Yilun - Peter Sheng -盛一伦- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - ดาราชายจีน - ดาราจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สุดฯ ชวนดูซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก The Brightest of Us ผลงานการคัมแบ็คบทพระเอกในรอบปีของเซิ่งอี้หลุน หรือ ปีเตอร์ เช็ง ที่ทีมเมียพลาดแล้วจะเสียดายมาก! 

เป็นอีกหนึ่งพระเอกจีนชื่อดังที่แม้นานๆ จะมีผลงานให้ติดตามสักเรื่อง แต่ก็เป็นที่พูดถึงของแฟนๆ เสมอ สำหรับ เซิ่งอี้หลุน (Sheng Yilun หรือ ปีเตอร์ เช็ง/Peter Sheng) วัย 30 ปี (เกิดเดือนก.ย. 1992) ที่เริ่มเข้าวงการบันเทิงจีนเมื่อปี 2012 โดยเริ่มจากผลงานภาพยนตร์สั้นเรื่อง The Mirror Effect หลังจากนั้นก็หายไปนานกว่า 3 ปี ก่อนจะมาเดบิวต์ผลงานทางจอแก้วกับเรื่อง Go Princess Go บันทึกรักข้ามภพ (2015) ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/ทะลุมิติที่เซิ่งอี้หลุนรับบทนำคู่กับจางเทียนอ้าย (Zhang Tianai) ซึ่งประสบความสำเร็จจอย่างมาก การันตีด้วยรางวัล Most Popular Web Series และ Top Ten Web series

The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง  - Sheng Yilun  -  Peter Sheng  -盛一伦

ต่อมาเซิ่งอี้หลุนก็มีผลงานออกมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็น Pretty Li Hui Zhen ขอหยุดหัวใจที่ยัยจอมยุ่ง (2017) ซีรี่ย์จีนรีเมคจากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง She Was Pretty (2015) เนื้อเรื่องโดยส่วนใหญ่ยังคงเหมือนกับต้นฉบับ เล่าเรื่องของนางเอกที่ฉบับจีนใช้ชื่อว่า หลี่ฮุ่ยเจิน ที่อดีตเคยสวย แต่ปัจจุบันพังมาก! กระทั่งรักแรกและรักเดียวในวัยเด็กของเธอ ไป๋ฮ่าวอวี่ ติดต่อเธอมาอีกครั้ง ด้วยความไม่มั่นใจหลี่ฮุ่ยเจินจึงให้เพื่อนสนิทสาวสวยหุ่นปังสวมบทเป็นเธอ แต่ใครจะไปคาดคิดเล่าว่า ไป๋ฮ่าวอวี่ที่หลี่ฮุ่ยเจินพยายามหลบหน้ามาตลอดจะมากลายเป็นเจ้านายของเธอได้!?! ซึ่งผลงานเรื่อง Pretty Li Hui Zhen ขอหยุดหัวใจที่ยัยจอมยุ่ง ถือเป็นซีรี่ย์จีนที่ทำให้ชื่อของเซิ่งอี้หลุนโด่งดังขึ้นแบบก้าวกระโดด และตอกย้ำความฮอตต่อเนื่องในปีเดียวกันกับซีรี่ย์จีน Oh My General แม่ทัพอยู่บน ข้าอยู่ล่าง (2017) ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติกปนคอเมดี้ โดยเซิ่งอี้หลุนนั่งแท่นพระเอกคู่กับหม่าซือฉุน (Ma Sichun) ซึ่งสุดฯ เชื่อว่าคอซีรี่ย์จีนน่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นซีรี่ย์ที่สร้างมาจากนิยายจีนในชื่อเรื่องเดียวกันของจวีฮวาซันหลี (Ju Hua San Li)

ต่อมาในปี 2020 ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก/ดราม่า God of Lost Fantasy ราชันย์เทพบรรพกาล ที่ถือเป็นผลงานในรอบ 2 ปีของเซิ่งอี้หลุน โดยประกบคู่กับนางเอกจีนรุ่นพี่หวังจื่อเหวิน (Wang Ziwen) จากนั้นอีก 2 ปีผ่านไป ในเดือนพ.ย. 2022 ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก Fairy From the Painting ลิขิตรักจากปลายพู่กัน (2022) ที่เซิ่งอี้หลุนคัมแบ็คบทพระเอกในรอบ 2 ปีก็ออนแอร์ โดยบอกเล่าเรื่องราวของกู้เยี่ยนเฉิง ชายหนุ่มที่บังเอิญได้พบกับหญิงสาวสวินอวี่เซวียน ที่รูปลักษณ์เหมือนกับหญิงสาวที่ตำนานเล่าขานของตระกูลของเขาอย่างเหลือเชื่อ! ทั้งคู่ได้เรียนรู้กันและกัน และค่อยๆ ค้นพบเรื่องราวสุดแฟนตาซี พร้อมกับความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น โดยในเรื่อง Fairy From the Painting เซิ่งอี้หลุนประกบคู่กับหวังม่อหาน (Wang Mohan)

เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง  - Sheng Yilun  -  Peter Sheng  -盛一伦
เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง  - Sheng Yilun  -  Peter Sheng  -盛一伦

ล่าสุดในเดือนส.ค. 2023 เซิ่งอี้หลุนก็ปล่อยซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่อย่าง The Brightest of Us ที่เขากลับมารับบทพระเอกในรอบปีลงจอ โดยเป็นเรื่องราวที่มีพื้นหลังเกี่ยวกับยุคสมัยที่สื่อรูปแบบกระดาษดั้งเดิมค่อยๆ ถดถอยลง เย่หรงเซวียน บรรณาธิการบริหารด้านสื่อกระดาษแบบดั้งเดิมผู้มีความทะเยอทะยาน และโจวหราน หญิงสาวที่มีความฝันด้านแฟชั่น และตั้งใจที่จะฟื้นฟูสื่อกระดาษแบบดั้งเดิมให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยในเรื่องThe Brightest of Usเซิ่งอี้หลุนรับบทพระเอกคู่กับจางเทียนอ้าย นางเอกจีนสุดแซ่บที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยร่วมงานกันแล้วในซีรี่ย์จีน Go Princess Go บันทึกรักข้ามภพ เมื่อปี 2015 นอกจากนี้ยังมีทัพนักแสดงชื่อดัง อาทิ กวนเสี่ยวถง (Guan Xiaotong), เจิ้งอีเจี้ยน (Zheng Yijian), เริ่นหรงเซวียน (Ren Rongxuan) ฯลฯ ร่วมเสริมทัพความปังด้วย

The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง - Sheng Yilun - Peter Sheng -盛一伦
The Brightest of Us - 最灿烂的我们- เซิ่งอี้หลุน - ปีเตอร์ เช็ง - Sheng Yilun - Peter Sheng -盛一伦

รูปจาก : 最灿烂的我们官微/盛一伦/盛一伦工作室

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

KFC BONE TIE

ครั้งแรกของโลก! KFC BONE TIE ขนมขัดฟันแปรรูปจากกระดูกไก่

Alternative Textaccount_circle
event
KFC BONE TIE
KFC BONE TIE

ครั้งแรกของโลก! KFC BONE TIE ขนมขัดฟันแปรรูปจากกระดูกไก่ KFC กระดูกไก่ KFC เดียวที่น้องเคี้ยวได้ เซอร์ไพรส์วันมะหมาโลก

ไหน ๆ มีทาสคนไหนเคยถูกสายตาเว้าวอนของน้อน ๆ 4 ขามาวิงวอนเวลามีของกินบ้าง? แล้วยิ่งเป็นไก่ทอดร้อน ๆ ของผู้พัน จะมีน้องหมาที่ไหนอดใจไหว?! แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่า ความเป็นจริงแล้ว การให้น้องหมาแทะกระดูกไก่เป็นอันตรายกับน้อง ๆ โรงพยาบาลสัตว์หลายแห่งก็ออกมาเตือนว่า เศษกระดูกเล็ก ๆ อาจเข้าไปทิ่มแทงอวัยวะภายใน หรืออุดตันลำไส้ ทำให้น้องหมาติดเชื้อจากแบคทีเรียได้ ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่เล็กเลย

KFC BONE TIE

วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา คือ“วันมะหมาโลก” หรือ International Dog Day ปีนี้ KFC เล่นใหญ่แบบแบรนด์ตัวพ่อวงการไก่ทอด จับมือกับ Momo & Friends ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการตระหนักรู้ถึงอันตรายของกระดูกไก่กับน้องหมา ผลิต “KFC BONE TIE” ขนมขัดฟันแปรรูปที่ผลิตจากกระดูกไก่ KFC แจกกันแบบฟรี ๆ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้นุดหยุดให้กระดูกไก่กับน้องหมา และหันมาให้ขนมขัดฟันที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแทน ซึ่งความพิเศษคือ KFC BONE TIE แปรรูปมาจากกระดูกไก่ KFC ช่วยขัดฟันและคราบ มีโปรตีนสูง ไม่ทิ่มอวัยวะ แถมยังดีไซน์พิเศษ ขึ้นรูปเป็นโบว์ผู้พันแซนเดอร์ส น่ารักเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของผู้พันแบบไม่ซ้ำใครและหาไม่ได้จากที่ไหน! เพราะ KFC BONE TIE ไม่มีขาย แต่แจกฟรี ในวันมะหมาโลก เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เฉพาะที่ KFC สาขาเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นห้าง Pet-friendly และกิจกรรมบนเพจ KFC Thailand ผู้พันขอขอบคุณเหล่าทาสที่ได้พาน้อนๆ มากันแบบไม่ขาดสาย แถมยังร่วมสนุกลุ้นรับฟรีกันแบบล้นหลามจนไวรัลกันไปทั้งโซเชียล!

KFC BONE TIE

ซูเฮล ลิมบาดะ (Suhayl Limbada), ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าว “ในฐานะ KFC แบรนด์ไก่ทอดต้นเรื่องที่ยั่วน้ำลายน้องหมา อ้อนขอจนทำให้หลายคนอาจใจอ่อนให้กระดูกน้องหมาไป วันมะหมาโลกปีนี้ เราจึงตั้งใจรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ว่าการให้กระดูกไก่สุกเป็นอันตรายกับน้องหมา และส่งต่อความปรารถนาดีไปยังคนรักน้องหมาทั่วประเทศ ด้วย KFC Bone Tie ขนมขัดฟันจากกระดูกไก่ KFC เป็นครั้งแรกของโลก! และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคที่สาขา KFC ในห้าง Pet-friendly อย่างเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ แฟชั่นไอซ์แลนด์และเมกาบางนา ได้มีส่วนร่วมในการหย่อนกระดูกไก่หลังทานเสร็จแล้ว เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ Upcycle เศษอาหาร และผลิต KFC BONE TIE อีกด้วย”

KFC BONE TIE

ภาคย์ วรรณศิริ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ ของวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า
“แบรนด์ KFC และทีมความคิดสร้างสรรค์ของ Wunderman Thompson ประเทศไทย ได้ร่วมกันคิดค้น KFC BONE TIE ขนมขัดฟันแปรรูปจากกระดูกไก่ KFC ร่วมมือกับผู้ผลิตขนมสุนัขชั้นนำอย่าง Momo & Friends ใส่ความเป็นแบรนด์ KFC เข้าไปด้วยการขึ้นรูปขนมขัดฟันเป็นโบว์ผู้พัน แฝงกิมมิคเล็ก ๆ เป็นชื่อแบรนด์ไว้ที่หางโบว์ได้อย่างน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับผู้พัน และร่วมกับ Gluta Story คอนเทนต์ครีเอเตอร์กับแก๊งน้องหมาชื่อดัง สื่อสารแคมเปญผ่านหนังโฆษณาสุดน่ารัก ที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องร้องงู้ยยยยและไวรัลกันไปทั้งโซเซียล! หนึ่งในแคมเปญโฆษณาที่หลายคนอยากดูจนจบ” 

KFC BONE TIE

นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังช่วยระดมทุนให้กับมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) เปิดให้ทุกคนที่ร่วมสนุกรับ KFC BONE TIE ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน้องหมาตัวอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยการสแกน QR code บริจาคเงินตามอัธยาศัยให้กับมูลนิธิได้โดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญดี ๆ ที่ไวรัลไปทั้งโซเซียล หากใครสนใจร่วมบริจาคสมทบทุน สามารถเข้าไปบริจาคโดยตรงได้ที่เว็บไซต์มูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา)

ใครเป็นแฟน KFC เรายังมีเรื่องดี ๆ สนุก ๆ อีกหลายอย่างรอทุกคนอยู่ อย่าพลาดกดติดตามอัปเดตต่าง ๆ ของพวก เราได้ที่ Instagram kfcthailandFacebook KFC และ Twitter KFC Thailand

โตโยต้าชัวร์

โตโยต้าชัวร์ กรุงไทย แนะ 5 เหตุผลทำไมต้องรีบซื้อรถมือสองตอนนี้ !

Alternative Textaccount_circle
event
โตโยต้าชัวร์
โตโยต้าชัวร์

ตลาดรถมือสองคึกคัก! “โตโยต้าชัวร์ กรุงไทย” แนะ 5 เหตุผลทำไมต้องรีบซื้อรถมือสองตอนนี้! ชี้ “โอกาสทอง” สำหรับคนเล็งรถมือสองสภาพดีในราคาสุดคุ้ม

โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย ผู้แทนจำหน่ายรถมือสองคุณภาพดียอดขายอันดับหนึ่งภายใต้มาตรฐานแบรนด์โตโยต้า ชัวร์ เผย 5 เหตุผลสำคัญทำไมช่วงนี้ ถึงเป็นโอกาสที่เหมาะเจาะและคุ้มที่สุดในการออกรถมือสอง ด้วยตลาดที่กำลังคึกคักขั้นสุด พร้อมดอกเบี้ยต่ำ 2.99% ผ่อน 7 ปี แถมมีรถใหม่ ๆ คุณภาพเยี่ยมเข้ามาให้ลูกค้าเลือกซื้อแบบไม่ต้องรออีกเพียบ โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย ชี้ 5 ข้อดีของการออกรถมือสองตอนนี้ที่มีความพิเศษมากกว่าแค่เรื่องราคาแน่นอน จะมีอะไรบ้าง รีบไปส่องและจับจองรถก่อนจะไม่ทันความคุ้มรอบนี้!

1. ราคาถูกกว่าปีที่แล้วถึง 20% – 30% — “โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย” เผยว่าจริง ๆ แล้วรถมือสองมีราคาดีต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากรถมือหนึ่งขาดตลาดไปหลายเดือนเมื่อปี 2565 และยิ่งในปีนี้มีรถที่ถูกยึดเยอะกว่าปีก่อน ทำให้ราคาก็ตกลงมาอีกครั้งหนึ่ง เรียกได้ว่าสองปัจจัยนี้ทำให้การซื้อรถมือสองในช่วงหน้าฝนปีนี้ดีและคุ้มที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะราคาลงมาจากปีที่แล้วถึง 20 – 30 % เช่น Mitsubishi Expander เมื่อปี 2565 ราคาอยู่ที่ประมาณ 589,000 บาทแต่ตอนนี้ลงมาอยู่ที่ราว 539,000 บาท เป็นต้น

2. ราคาจ่อปรับขึ้นช่วงปลายปี — สำหรับใครที่เล็งจะซื้อรถมือสองก็ต้องรีบตัดสินใจด่วน ๆ เพราะ “โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย” เปิดเผยว่าทุกปีราคาจะทยอยปรับขึ้นในช่วงปลายปีและต้นปีหน้า ซึ่งคาดว่าราคารถจะปรับขึ้นราว 10-15% ในช่วงปลายปีและต้นปีให้สอดคล้องกับดีมานด์และกำลังซื้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงดังกล่าว เรียกได้ว่าราคาสวย ๆ แบบคุ้มเกินคุ้มในช่วงหน้าฝนปีนี้ถือว่าหายากมากจริง ๆ

3. มีรถสภาพเยี่ยมให้เลือกเพียบ — ช่วงนี้ตลาดรถมือสองมีรถสภาพดีให้ลูกค้าได้เลือกสรรมากมายหลายรุ่น ส่วนหนึ่งมาจากซัพพลายที่กลับมาเพราะรถที่ยึดมาจากไฟแนนซ์เริ่มทยอยเข้าตลาด โดย “โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย” ชี้ว่าในตลาดตอนนี้มีรถจำนวนมากทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ถือเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้า ซึ่งลูกค้าบุคคลและองค์กรสามารถใช้บริการซื้อรถจากผู้จำหน่ายรถมือสองที่ได้มาตรฐานเพื่อรับบริการที่สะดวกสบายและน่าเชื่อถือ พร้อมบริการหลังการขายที่ครบวงจร เพื่อความอุ่นใจในทุก ๆ ขั้นตอนของการซื้อรถมือสองนั่นเอง

4. ผ่อนสบายด้วยดอกเบี้ยต่ำ — อีกหนึ่งข้อดีที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับการออกรถมือสองในช่วงกลางปีนี้คือ อัตราดอกเบี้ยยังต่ำมาก แต่พิเศษเฉพาะที่ โตโยต้าชัวร์ กรุงไทย รับดอกเบี้ย 2.99% ผ่อน 7 ปี ซึ่งปัจจุบันในตลาดแข่งกันที่ประมาณ 5.25% ต่อปี ผ่อน 5 ปี ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถสภาพเยี่ยมได้ง่าย ๆ ผ่านการผ่อนสบาย ๆ ในหลักพัน “โตโยต้า ชัวร์ กรุงไทย” จึงมองว่าการตัดสินใจเลือกซื้อรถในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีและคุ้มสุด ๆ ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นในปีหน้าราว 0.5%

5. มีรถทันใช้แบบไม่ต้องรอ! — เป็นที่รู้กันว่าใครจะออกรถใหม่ป้ายแดงช่วงนี้จะต้องรอพักใหญ่ ทั้งการรอลุ้นผลการอนุมัติสินเชื่อ แถมยังต้องรอรถจากบริษัทอีก ไม่เหมือนกับคนจะซื้อรถมือสอง เพราะซัพพลายจัดเต็มมาก ตอนนี้วงการคึกคักมีรถพร้อมส่งมอบแบบไม่ต้องรอนาน และมีการรับประกันเหมือนรถป้ายแดง (สำหรับรถใหม่ ๆ) พร้อมออกรถได้เลย แถมหลาย ๆ บริษัทชั้นนำยังมอบบริการไฟแนนซ์ทั่วประเทศที่สะดวกสบาย พร้อมจัดส่งรถฟรีทั่วประเทศอีกด้วย

โตโยต้าชัวร์

รู้อย่างนี้แล้วใครที่กำลังเล็งรถรุ่นไหนไว้ก็อย่ารอช้า รีบตัดสินใจและคว้าโอกาสทองครั้งนี้ไว้ให้ทัน! สำหรับใครที่ยังใหม่กับการซื้อรถมือสอง “โตโยต้าชัวร์ กรุงไทย” แนะให้ติดต่อผู้แทนจำหน่ายรถมือสองที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน และพร้อมมอบบริการหลังการขายที่ครบวงจร รวมถึงควรทดลองขับรถก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อความมั่นใจและที่สำคัญคือเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถนั่นเอง

นิสสัน คิกส์

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สีสุดเทรนดี้ “ไทเทเนียม กากี” ในงานบิ๊ก มอเตอร์ เซล 2023

Alternative Textaccount_circle
event
นิสสัน คิกส์
นิสสัน คิกส์

เปิดตัว นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สีสุดเทรนดี้ “ไทเทเนียม กากี” ในงานบิ๊ก มอเตอร์ เซล 2023 นิสสันนำรถยอดนิยมครบทุกรุ่นโชว์ในงาน พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ “โปรใหญ่ SAY YES!” หลากหลายทางเลือกตรงใจลูกค้า ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% หรือผ่อนนานสุด 84 เดือน

นิสสัน เปิดตัว นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สีพิเศษ ไทเทเนียม กากี ครั้งแรกกับรถยนต์สีอินเทรนด์ ร่วมสร้างสีสันในงานบิ๊ก มอเตอร์เซล 2023 ระหว่าง 25 สิงหาคม – 3 กันยายน นี้ ที่ไบเทค บางนา สนองความต้องการของลูกค้า พร้อมเติมแอคทีฟไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักการผจญภัยและการใช้ชีวิตกลางแจ้ง

นอกจากนี้ นิสสันยังนำรถยนต์รุ่นอื่น ๆ มาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด อาทิ นิสสัน อัลเมร่า รถสปอร์ตซีดานรุ่นล่าสุด นิสสันเทอร์ร่า รถเอสยูวีหรูสำหรับทุกคนในครอบครัว และนิสสัน นาวารา รถกระบะอเนกประสงค์ยอดนิยม

มาซาโอะ สึสึมิ รองประธานสายงานการตลาด การขาย บริการหลังการขาย และพัฒนาเครือข่าย ผู้จำหน่าย นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “นิสสันรับฟังลูกค้าอยู่เสมอ และเพื่อสร้างสรรค์การเดินทางให้น่าประทับใจ สะท้อนตัวตนของลูกค้า สีไทเทเนียม กากี ซึ่งเป็นสีพิเศษในนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ และได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เปิดตัว โดยมีลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจ เราจึงได้แนะนำสีไทเทเนียม กากี กับรถเอสยูวียอดนิยม เป็นครั้งแรก ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นรถยนต์ที่ใช่ ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ และเติมเต็มความต้องการของลูกค้า ให้ได้รับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้โดยที่ไม่ต้องชาร์จ”

นิสสัน คิกส์

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ไทเทเนียม กากี ออกแบบมาสำหรับคนรุ่นใหม่ที่นิยมการใช้ชีวิตกึ่งผจญภัย และรักการเดินทาง สีภายนอกในโทนกากีเป็นสีที่สื่อถึงธรรมชาติ การผจญภัย ความอบอุ่น และการผ่อนคลาย รวมถึงสะท้อนบุคลิกแอคทีฟไลฟ์สไตล์ที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สี ไทเทเนียม กากี มีเฉพาะรุ่น VL และผลิตจำนวนจำกัด 100 คัน โดยมีราคาจำหน่ายที่ 920,000 บาท

นอกจากนี้ นิสสัน และ THULE ยังได้ร่วมกันมอบข้อเสนอพิเศษด้วยชุดตกแต่งราคาพิเศษเพื่อยกระดับประสบการณ์ในการการทำกิจกรรมกลางแจ้งใกล้ชิดธรรมชาติ อาทิ สปอยเลอร์หลัง สเกิร์ตรอบคัน จาก นิสสัน รวมถึงแร็คหลังคาบรรทุกสัมภาระ และกล่องเก็บสัมภาระจาก THULE

ขณะที่จุดเด่นของรถยังคงเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจากเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากนิสสัน ขับสนุกพร้อมสัมผัสได้ถึงประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จ อัตราเร่งที่ทันใจจากแรงบิดสูงสุดถึง 280 นิวตันเมตร (Nm) แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ให้ประสิทธิภาพและกำลังมากขึ้น มาพร้อมอัตราประหยัดน้ำมันเมื่อขับขี่ในเมือง สูงสุด 26.3 กิโลเมตร/ลิตร*

นิสสัน คิกส์

คอมแพคเอสยูวีรุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นมากมาย อาทิ Wireless Charger** เอาใจลูกค้ายุคดิจิทัล พวงมาลัยบุเสริมวัสดุบุนุ่ม เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ “อี-เพดัล สเต็ป” (e-Pedal Step) ที่สามารถเร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว และยังมั่นใจทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360 Safety Shield เพิ่มความสะดวกสบายด้วย NissanConnect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Android Auto** และ Apple CarPlay

ในงานนี้ นิสสันยังยกขบวนรถยอดนิยมครบทุกรุ่นมาจัดแสดง ได้แก่ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ คอมแพคซีดานที่ “แรงจริง จัดให้” ด้วยเครื่องยนต์ HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 100 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 152 นิวตันเมตร (Nm) ให้อัตราเร่งที่แรง และรวดเร็วให้ทุกการเดินทางสนุกเต็มพิกัด รูปลักษณ์ปราดเปรียวโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นด้วยกระจังหน้าคอนเซปต์ Next-generation V-motion มาพร้อมเทคโนโลยี NissanConnect Services เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายระหว่างผู้ขับขี่และรถผ่านสมาร์ทโฟน แอพพลิเคชัน เสริมด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายจากรถพรีเมียมสู่คอมแพคซีดาน อาทิ เทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System – TPMS) เทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA) และเทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) รวมถึงการติดตั้งฟังก์ชั่น SOS เพื่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีผ่านระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ เมื่อเกิดเหตุต่างๆ

นิสสัน เทอร์ร่า รถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียมรุ่นล่าสุด มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกและภายในที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรุ่นล่าสุด นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต ที่เพิ่มความเท่มีสไตล์ด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน ครบครันทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและความบันเทิง รวมทั้งห้องโดยสารที่กว้างขวาง ทำให้นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต เป็นเอสยูวีที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ประหยัดน้ำมัน ทั้งยังสามารถรองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ไปได้ทุกเส้นทาง อุ่นใจกับ ‘360 Degree Safety Shield’ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ระบบความบันเทิงระดับไฮเอนด์ด้วยเครื่องเสียงจาก Bose Premium Audio พร้อมลำโพงคุณภาพสูง 8 ตัว จอสัมผัสขนาด 11 นิ้วและการเชื่อมต่อสมาร์ททีวีหรือ HDMi เพิ่มความบันเทิงให้แก่ผู้โดยสารด้านหลัง

นิสสัน คิกส์

นิสสัน นาวารา รถกระบะที่ทุกรุ่นทนถึงใจ ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้งาน ทั้งการขับขี่แบบไลฟ์สไตล์หรือการใช้งานที่ต้องการความทนทาน ไม่ว่าจะเป็น นิสสัน นาวารา แบบซิงเกิลแค็บ ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ต้องการรถกระบะใช้งานหนัก และวางไจได้ ด้วยโครงสร้างโมโนเฟรมแชสซีทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน (Fully Boxed Frame) พร้อมรองรับทุกการบรรทุกหนัก ที่มีพื้นที่บรรทุกของได้อย่างจุใจ หรือ นิสสัน นาวารา PRO-4X และ นิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ แบล็คอิดิชั่น ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่สนุกกับทุกการเดินทาง การผจญภัย และการใช้งานทั่วไป

นิสสัน นาวารา มากับสมรรถนะทรงพลัง เครื่องยนต์ทรงพลัง YS23DDTT แบบ 4 สูบ DOHC เทอร์โบคู่ ความจุ 2.3 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 190 hp (Ps) และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร (Nm) เกียร์ออโตเมติก 7 สปีด ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบแมนนวล (M mode) ได้เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่ที่ควบคุมได้ดังใจ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ในด้านประโยชน์การใช้งาน และความสะดวก เช่น ฝาท้ายที่ช่วยผ่อนแรงในการเปิด-ปิดและขนของที่กระบะได้สะดวก รวมถึงการปรับตำแหน่งตะขอยึดใหม่ เพื่อตอบโจทย์การบรรทุกสัมภาระทั้งขนาดใหญ่ และเล็ก

พิเศษในงาน บิ๊ก มอเตอร์ เซล 2023 นิสสันจัดโปรโมชั่นพิเศษ “โปรใหญ่ SAY YES!” ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น กับข้อเสนอพิเศษหลากหลายที่จัดขึ้นให้ตรงตามความต้องการลูกค้าของรถแต่ละรุ่น โดยมีข้อเสนอตั้งแต่ดาวน์ต่ำ ผ่อนสบาย และผ่อนนาน ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ไปจนถึงผ่อนนาน 84 เดือน

นอกจากนี้ลูกค้ายังอุ่นใจได้กับข้อเสนอพิเศษอื่นๆ*** เช่น โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ นิสสัน พรีเมี่ยม วารันตี ค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี/100,000 กิโลเมตร Roadside Service Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง (5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร) ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จำหน่ายนิสสันในงาน และทั่วประเทศ หรือดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ https://nissan.co.th

Sunshine By My Side - 骄阳伴我- ซีรี่ย์จีนของเซียวจ้าน - เซียวจ้าน - Xiao Zhan - Sean Xiao - 肖战- ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีหลัง 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายจีน - ดาราชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

Sunshine By My Side ซีรี่ย์จีนเรื่องที่ 3 ของเซียวจ้านปี 2023 ทีมเมียพลาดไม่ได้!

Alternative Textaccount_circle
event
Sunshine By My Side - 骄阳伴我- ซีรี่ย์จีนของเซียวจ้าน - เซียวจ้าน - Xiao Zhan - Sean Xiao - 肖战- ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีหลัง 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายจีน - ดาราชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
Sunshine By My Side - 骄阳伴我- ซีรี่ย์จีนของเซียวจ้าน - เซียวจ้าน - Xiao Zhan - Sean Xiao - 肖战- ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีหลัง 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายจีน - ดาราชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สุดฯ ชวนดู Sunshine By My Side ซีรี่ย์จีนเรื่องที่ 3 ของเซียวจ้านในปี 2023 แท็กทีมนางเอกคู่จิ้นคนใหม่ ไป๋ไป่เหอ ส่งต่อเรื่องราวชวนละมุนใจรับต้นเดือนก.ย.นี้!

เรียกว่าฮอตไม่หยุดแบบอะไรก็ฉุดไม่อยู่จริงๆ ค่ะ สำหรับเซียวจ้าน (Xiao Zhan หรือ Sean Xiao) นักแสดง ไอดอลชายจีนสมาชิกวง X NINE วัย 31 ปี (เกิดเดือนต.ค. 1991) เจ้าของผลงานซีรี่ย์จีนสุดปังที่คอซีรี่ย์จีนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Oh! My Emperor โอ้ ฝ่าบาทที่รัก ซีซั่น 1-2 (2018), ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/มิตรภาพ The Untamed ปรมาจารย์ลัทธิมาร (2019), The Wolf หมาป่าจอมราชันย์ (2020), Douluo Continent ตํานานจอมยุทธ์ภูตถังซาน (2021), Ace Troops กองกำลังประจัญบาน (2021-2022), The Oath of Love คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (2022) เป็นต้น

นอกจากซีรี่ย์จีนที่ออนแอร์ไปปีก่อนๆ หน้านี้แล้ว ในปี 2023 นี้ก็บอกเลยว่า ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของเซียวจ้านที่แฟนคลับชื่นใจหนักมาก เพราะมีซีรี่ย์จีนของเซียวจ้านทยอยลงจอออนแอร์แบบไม่ขาดสายตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นมา โดยซีรี่ย์จีนเรื่องแรกของเซียวจ้านในปีนี้คือ ซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด/วัยรุ่น/สร้างแรงบันดาลใจ Where Dreams Begin วันที่ฝันเริ่มต้น ที่ออกอากาศทาง WeTV และ CCTV ของจีนช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเซียวจ้านแท็กทีมรุ่นพี่สุดซี้ หลี่ชิ่น (Li Qin) นางเอกจีนมากฝีมือจากเรื่อง Joy Of Life หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร (2019), The Song of Glory เพลงรักเพชฌฆาต (2020), My Dear Guardian ภารกิจลับ ภารกิจรัก (2021), Thousand Years For You รักข้ามสหัสวรรษ (2022) ฯลฯ ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีพื้นเรื่องอยู่ในช่วงการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนและการเปิดประเทศ (ประมาณปี 1970) เรื่องราวของคนหนุ่มสาวในเมืองหลวงกรุงปักกิ่งที่มีความฝันหลากหลาย และมีชะตากรรมที่แตกต่างกัน (คลิกอ่านต่อเรื่องย่อ Where Dreams Begin วันที่ฝันเริ่มต้น ต่อได้ที่นี่ค่ะ)

ซีรี่ย์จีนของเซียวจ้าน   - เซียวจ้าน  - Xiao Zhan -  Sean Xiao  -  肖战-  Where Dreams Begin - วันที่ฝันเริ่มต้น

ต่อด้วยต้นเดือนก.ค. 2023 ก็มีซีรี่ย์จีนของเซียวจ้านอีกเรื่องลงจอ นั่นคือ The Longest Promise ลำนำกระดูกหยก ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก/กำลังภายในที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนชื่อดัง จูเหยียน ลำนำกระดูกหยก ของนักเขียนหญิงจีน ชางเยว่ (Cang Yue) โดยบอกเล่าเรื่องราวของพระ-นางที่เริ่มต้นความสัมพันธ์จากการเป็นอาจารย์-ลูกศิษย์ จากความรักนำไปสู่ความเจ็บปวดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง… ที่ในเรื่องนี้เซียวจ้านประกบคู่กับนักแสดงหญิงจีนรุ่นน้อง เหรินหมิ่น (Ren Min) วัย 23 ปี (เกิดเดือนธ.ค. 1999) ที่เคยฝากฝีมือมาแล้วในเรื่อง Held in the Lonely Castle วังเดียวดาย (2020) ฯลฯ ซึ่งเรื่อง The Longest Promise ลำนำกระดูกหยก ก็ออกอากาศทาง WeTV เช่นกัน แฟนๆ ที่พลาดไปสามารถไปตามเก็บย้อนหลังกันได้จ้า

ซีรี่ย์จีนของเซียวจ้าน - เซียวจ้าน - Xiao Zhan - Sean Xiao - 肖战-The Longest Promise - ลำนำกระดูกหยก

ล่าสุดในวันที่ 1 ก.ย. นี้ Sunshine By My Side หรือชื่อไทย แสงส่องรักข้างกาย ซีรี่ย์จีนเรื่องที่ 3 ของเซียวจ้านปี 2023 ก็เตรียมออกอากาศเจอกับแฟนๆ แล้วจ้า โดยเป็นซีรี่ย์จีนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจี่ยนปิง นางเอกที่เป็นผู้กำกับโฆษณาที่มีชื่อเสียงในวงการ และเซิ่งหยาง พระเอกที่เป็นน้องใหม่ในการเข้าสู่สังคมการทำงาน ทั้งสองคนบังเอิญเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง คนหนึ่งเพิ่งจะจบความสัมพันธ์ชีวิตคู่ ส่วนอีกคนกำลังรอความรักที่ไม่สมหวัง ทั้งสองคนค่อยๆ ถูกดึงดูดเข้าหากันทีละน้อยๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นเส้นทางความรักสุดโรแมนติกและเติบโตไปพร้อมๆ กัน โดยในเรื่องSunshine By My Side แสงส่องรักข้างกาย เซียวจ้านรับบทคู่กับนางเอกจีนรุ่นพี่ ไป๋ไป่เหอ (Bai Baihe) วัย 39 ปี เจ้าของผลงานเรื่อง Grow Up (2015), Only Side by Side with You (2018) ฯลฯ ไปติดตามได้ที่ iQIYI และ WeTV นะคะ

Sunshine By My Side  -  แสงส่องรักข้างกาย - 骄阳伴我

รูปจาก : 电视剧骄阳伴我/肖战工作室

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

โอเรียนท์

โอเรียนท์ แบมบิโน่ (ORIENT Bambino) รุ่นใหม่ที่ผสมผสานความคลาสสิค

Alternative Textaccount_circle
event
โอเรียนท์
โอเรียนท์

โอเรียนท์ แบมบิโน่ (ORIENT Bambino) รุ่นใหม่ที่ผสมผสานความคลาสสิคเข้าไว้กับหน้าปัดสีสันสดใสได้อย่างลงตัว ที่สมบูรณ์แบบสำหรับส่วมใส่ในทุกโอกาส

โอเรียนท์ (ORIENT) เปิดตัวรุ่นยอดนิยมอย่างแบมบิโน่ (Bambino) มาพร้อมกับสีหน้าปัดใหม่ถึงสีสี่     ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสีสันที่มีสไตล์กับความคลาสสิค และรูปแบบของหน้าปัดอันเรียบง่ายในแบบนาฬิกาสามเข็มพร้อมกับการจับคู่สายหนังที่สวยงามและลงตัว ทำให้นาฬิกาอัตโนมัติรุ่นใหม่นี้เป็นเรือนเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับส่วมใส่ในทุกโอกาส

ซีรีย์แบมบิโน่เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ ซึ่งได้รับความนิยมจากทั่วทุกมุมโลกโดยเป็นเสมือนกับสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโอเรียนท์ และเป็นที่รับรู้กันว่านาฬิกาซีรีย์นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิคที่นำเสนอผ่านทางหน้าปัด กระจกรูปทรงโดมแบบเรโทรและดีไซน์อันอ่อนช้อยกับขาที่เพียวบางของตัวเรือน

นาฬิการุ่นใหม่มาพร้อมกับหน้าปัดและโทนสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้แก่ สีเขียวอ่อน สีกรมท่า                 สีฟ้าครามและสีบรอนซ์ ซึ่งสร้างความสวยงามและน่าประทับใจให้กับนาฬิกาสไตล์คลาสสิคอย่างแบมบิโน่

เข็มและหลักชั่วโมงถูกออกแบบให้เป็นสีทองและทองชมพูเพื่อความเข้ากันกับหน้าปัดที่ดึงดูดสายตา โทนสีหน้าปัดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ซึ่งกำลังมองหานาฬิกาอัตโนมัติที่ให้ทั้งความหรูหราและสไตล์ลำลอง

นอกจากสีของหน้าปัดแล้วสายนาฬิกาก็ยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากสายทั่วไป ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีสีที่เข้ากันกับสีของหน้าปัดไม่ว่าจะเป็น รุ่นหน้าปัดสีเขียวอ่อน ที่จับคู่กับสายสีน้ำตาลคาเมลในส่วนผิวสัมผัสด้านหน้าและสีน้ำตาลเข้มที่บริเวณขอบด้านข้างและด้านหลัง รุ่นหน้าปัดสีกรมท่า กับสายสีเบจที่หุ้มด้วย  สีน้ำเงินบริเวณขอบด้านข้างและด้านหลัง รุ่นหน้าปัดสีฟ้าคราม กับสายสีเบจที่หุ้มด้วยหนังสีเทาบริเวณขอบด้านข้างและด้านหลังและหน้าปัดสีบรอนซ์ ที่มากับสายสีน้ำตาลทั้งเส้น ความประณีตละเอียดอ่อนในการใช้สีของหน้าปัดและสาย   ทำให้นาฬิการุ่นนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งในการจับคู่กับการแต่งกายในแบบลำลองทั้งชายและหญิง รวมถึงเป็นเรือนเวลาที่สมบูรณ์แบบและสามารถเข้ากันได้กับทุกสไตล์

โอเรียนท์ แบมบิโน่รุ่นใหม่นี้บอกเวลาและวันที่ผ่านการทำงานของเครื่องอัตโนมัติ in-house รหัส F6724 ที่ขึ้นลานผ่านเม็ดมะยม มอบความเที่ยงตรงในช่วง +25/-15 วินาทีต่อวันและสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 40 ชั่วโมงจึงทำให้เป็นเรือนเวลาที่ลงตัวสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

โอเรียนท์

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

  • คอลเลกชัน : คลาสสิก
  • ชื่อรุ่น : Orient Bambino
  • อ้างอิง : RA-AC0P01E , RA-AC0P02L , RA-AC0P03L , RA-AC0P04Y
  • กลไก : อัตโนมัติ (ไขลานด้วยมือ) , เครื่องกลไกอินเฮาส์ คาลิเบอร์ F6724 ผลิตในประเทศญี่ปุ่น
  • สำรองพลังงาน : 40 ชม
  • ความแม่นยำ : +25 วินาที  ถึง – 15 วินาที / วัน
  • วัสดุตัวเรือน (สี) : สเตนเลสสตีล /  สเตนเลสสตีลสีโรสโกลด์ และขอบหน้าปัดสีโรสโกลด์
  • ขนาดตัวเรือน :  ยาว 49.0 มม. / กว้าง 42.0 มม. / หนา 12.0 มม
  • กระจกหน้า : คริสตัลแบบโค้ง
  • สายนาฬิกา : สายหนังสังเคราะห์สีคาเมล  / สายหนังสีเบจ/  สายหนังสีเบจ /  สายหนังสังเคราะห์สีน้ำตาล
  • หัวเข็มขัด : กว้าง 22 มม
  • สีของหน้าปัด :  สีเขียวอ่อน , สีกรมท่า , สีฟ้าคราม , สีบรอนซ์
  • คุณสมบัติอื่นๆ : กันน้ำได้ 30 เมตร  พร้อมเข็มแฮ็คเข็มวินาที , ทับทิมกันสึก 22 เม็ด และช่องบอกวันที่
  • ราคา 12,000 – 12,500 บาท

สนใจเลือกชมได้ที่ แผนกนาฬิกาศูนย์การค้าสยามพารากอน, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, บางแค , ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ (ไอคอน สยาม), ห้างสรรพสินค้าโรบินสันพระรามเก้า,  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม, ลาดพร้าว , อีสต์วิลล์ , UKT Showroom ถนนเพชรบุรี 15 และร้านนาฬิกาตัวแทนจำหน่าย

Call Me by Fire - 披荆斩棘- เจฟ ซาเตอร์- ดาราจีน - ศิลปินจีน - ดาราไต้หวัน- นักร้องจีน - นักร้องไทย - รายการวาไรตี้จีน - วาไรตี้จีน- รายการจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

Call Me by Fire วาไรตี้จีนมาแรงรวมศิลปินชาย 32 คนแข่งโชว์สุดปัง เจฟ ซาเตอร์ ร่วมแจมด้วย!

Alternative Textaccount_circle
event
Call Me by Fire - 披荆斩棘- เจฟ ซาเตอร์- ดาราจีน - ศิลปินจีน - ดาราไต้หวัน- นักร้องจีน - นักร้องไทย - รายการวาไรตี้จีน - วาไรตี้จีน- รายการจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
Call Me by Fire - 披荆斩棘- เจฟ ซาเตอร์- ดาราจีน - ศิลปินจีน - ดาราไต้หวัน- นักร้องจีน - นักร้องไทย - รายการวาไรตี้จีน - วาไรตี้จีน- รายการจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

พลาดไม่ได้!?! Call Me by Fire ซีซั่น 3 อีกหนึ่งรายการวาไรตี้จีนสุดร้อนแรงที่รวมเหล่าศิลปินชาย 32 คนมาแข่งโชว์ทำเพลงสุดปัง ปีนี้ตัวแทนเด็กไทย เจฟ ซาเตอร์ ร่วมจอยด้วย!

นอกจากซีรี่ย์จีนที่มาแบบต่อเนื่อง และร้อนแรงแบบไม่มีพักแล้ว สำหรับใครที่เป็นสายรายการวาไรตี้จีน สุดฯ บอกเลยว่า ปี 2023 นี้เป็นอีกหนึ่งปีที่มีรายการจีนน่าดูๆ ออนแอร์เยอะมาก-ก-ก ซึ่งหนึ่งในรายการที่สุดฯ บอกเลยว่า พลาดไม่ได้โดยเฉพาะสาวๆ เพราะนี่เป็นรายการที่นอกจากจะรวมเหล่าศิลปินชายไว้เยอะมากๆ แล้ว ยังมีหมดตั้งแต่ซุปตาร์รุ่นใหญ่ขวัญใจเด็กยุค 90 กระทั่งนักร้องรุ่นใหม่ นั่นคือ รายการ Call Me by Fire หรือชื่อจีน 披荆斩棘

ก่อนที่สุดฯ จะพาไปส่องว่ามีหนุ่มคนไหน ขอพูดถึงรายการCall Me by Fireให้หลายๆ คนที่อาจจะยังไม่เคยดูได้รู้จักกันก่อนค่ะ สำหรับรายการCall Me by Fireเป็นรายการที่นำเหล่าศิลปินชายจากทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกง และอาจรวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียมาร่วมกันแข่งขันทำโชว์ เพื่อโชว์ฝีมือทั้งด้านการร้อง เต้น จากทั้งหมด 30 กว่าคนจะถูกคัดเหลือเพียง 17 คน โดยรายการนี้เริ่มออกอากาศซีซั่นแรกเมื่อปี 2021 โดยซีซั่นแรกมีศิลปินจีน อาทิ เจอร์รี่ เหยียน (Jerry Yan/Jerry F4), จางอวิ๋นหลง (Zhang Yunlong), ลีซึงฮยอน (Lee Seung-Hyun) ฯลฯ ต่อมาในซีซั่น 2 ที่ออกอากาศในปี 2022 ก็มีคนดังอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นซูโหย่วเผิง (Su Youpeng), หลิวข่ายเวย (Liu Kaiwei), อู๋เจี้ยนหาว (Wu Jianhao/Vanness Wu), พ่านเหว่ยป๋อ (Pan Weibo), ไมค์ พิรัชต์ (MikeAngelo), หวังต้าลู่ (Wang Dalu), ฟางอี้หลุน (Fang Yilun) ฯลฯ

ล่าสุดในปี 2023 นี้รายการCall Me by Fireซีซั่น 3 ที่เริ่มออกอากาศไปเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาทาง MangoTV โดยในปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่พิเศษไม่แพ้ซีซั่นก่อนๆ เพราะขนทัพศิลปินตั้งแต่รุ่นใหญ่ยันรุ่นเล็กที่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี นำทีมโดยหลินจื้ออิ่ง (Lin Zhiying) นักแสดง นักร้องไต้หวันชื่อดังวัย 48 ปี พระเอกซีรี่ย์ไต้หวัน My Lucky Star ฝากรักมากับดาว (2007) ที่ก่อนหน้านี้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ แต่ก็ผ่านพ้นวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ กระทั่งหายดีและกลับมาให้แฟนๆ หายคิดถึงกัน, หลานเจิ้งหลง (Lan Zhenglong) นักแสดง นายแบบไต้หวันวัย 44 ปีที่ก่อนหน้านี้หายหน้าหายตาไปนาน ผลงานก่อนหน้านี้ เช่น The Outsiders (2004) ฯลฯ, ถังอวี่เจ๋อ (Tang Yuzhe) วัย 38 ปี นักแสดง นักร้องไต้หวันจากเรื่อง Hanazakarino Kimitachihe ปิ๊งรักสลับขั้ว (2006) ฯลฯ ที่มารวมตัวกัน ซึ่งบอกเลยว่าเป็นภาพที่หาได้ยากมากๆ เลยละจ้า

Call Me by Fire -  披荆斩棘

นอกจากนี้ยังมีเว่ยเจ๋อหมิง (Wei Zheming) พระเอกซีรี่ย์จีนหน้าใสจากผลงานสุดฮิต เช่น Perfect And Casual ลุ้นรักคู่รักกำมะลอ (2020), Unforgettable Love รักนี้ไม่ลืมเลือน (2021) ฯลฯ, เคนนี่ ควาน (Kenny Kwan) นักร้อง นักแสดงฮ่องกง, จางหย่วน (Zhang Yuan), หูปิง (Hu Bing) นักแสดง นายแบบจีน, ลู่อี้ (Lu Yi) นักแสดงชายจีน, เจิ้งเจียอิ่ง (Zheng Jiaying) นักแสดง นักร้องฮ่องกงรุ่นใหญ่หรือเจ้าของบทองค์ชายแปดในซีรี่ย์จีน Scarlet Heart เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ (2011) และอื่นๆ อีกเพียบ

Call Me by Fire -  披荆斩棘
Call Me by Fire -  披荆斩棘
Call Me by Fire -  披荆斩棘
Call Me by Fire -  披荆斩棘
  披荆斩棘

ปิดท้ายด้วย 3 หนุ่มฮอตรุ่นใหม่ที่นำทีมโดยหม่าป๋อเชียน (Ma Boqian/Victor Ma) แร็ปเปอร์จีนสุดหล่อที่อายุน้อยที่สุดของรายการ, ป๋อหย่วน (Bo Yuan) ไอดอลจีนอดีตสมาชิกวง INTO1 และที่ต้องพูดถึงเลยคือ เจฟ วรกมล ชาเตอร์ หรือ เจฟ ซาเตอร์ นักร้อง นักแสดงตัวแทนเด็กไทยที่ไปร่วมรายการในปีนี้ด้วย ซึ่งโชว์แรกก็ปังไม่ไหวแล้ว ใครไม่อยากรีบไปตามดู ตามเชียร์หนุ่มเจฟกันได้ที่ MangoTV นะคะ

Call Me by Fire - 披荆斩棘- เจฟ ซาเตอร์
披荆斩棘-   เจฟ ซาเตอร์
披荆斩棘- เจฟ ซาเตอร์

รูปจาก : 披荆斩棘

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

AION

AION รุกธุรกิจรถไฟฟ้าอาเซียนเต็มสูบจ่อเปิดตัว AION Y Plus

Alternative Textaccount_circle
event
AION
AION

AION ผนึกกำลัง 7 พันธมิตร รุกธุรกิจรถไฟฟ้าอาเซียนเต็มสูบจ่อเปิดตัว “AION Y Plus” ประเดิมรุ่นแรก 9 กันยายนนี้

บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Aion) จัดพิธีลงนามความร่วมมือ ณ ห้อง The Glass House บ้านปาร์คนายเลิศ เพื่อก่อตั้งความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวกับ 7 ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำจาก 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ Gold Integrate (ประเทศไทย), AIONIC (ประเทศไทย), V Group AI ( ประเทศไทย), Harmony Auto (ประเทศไทย), 99 เมียนมาร์ (เมียนมาร์), Harmony Auto (เวียดนาม), EV HUB PRE LTD (สิงคโปร์)

โดยแขกผู้เกียรติที่เข้าร่วมพิธีลงนามครั้งนี้ ได้แก่ นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรในอาเซียน โดยมีสื่อมวลชนไทยเข้าร่วมงานมากกว่า 100 ราย รวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 100 คน เพื่อเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญนี้

AION

AION แบรนด์รถไฟฟ้า Top3 เปิดเกมรุกเมืองไทยมุ่งสู่ตลาดใหญ่ในอาเซียน

พิธีลงนามระหว่าง AION กับตัวแทนจำหน่ายชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการเปิดรอบพรีวิวสำหรับสื่อมวลชนให้ได้มาสัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้ ถือเป็นงานใหญ่ครั้งแรกของแบรนด์ AION ในประเทศไทย เพื่อการส่งเสริมแบรนด์อย่างเป็นทางการและการเปิดตัวกลยุทธ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ตลาดอาเซียน โดยมีแผนเปิดตัวรุ่น AION Y Plus ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ประสิทธิภาพสูงรุ่นแรกของ Aion สู่ตลาดอาเซียน โดยประเดิมเปิดตัวที่ตลาดเมืองไทยเพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสเทคโนโลยีขั้นสูงระดับเอ็กซ์คลูซีฟเป็นกลุ่มแรก

นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปริมาณการขายของ AION ติดอันดับ Top 3 ของโลกในกลุ่มตลาดที่เกี่ยวข้อง โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกลยุทธ์การพัฒนาและเติบโตในต่างประเทศของแบรนด์ ซึ่ง AION ไม่เพียงเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการรุกตลาดระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังมีแผนการสร้างสำนักงานใหญ่ของ AION ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เมืองไทยเป็นแห่งแรกอีกด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานหลักในตลาดนี้ และจะยังคงขยายฐานการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ภารกิจของ Aion คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลืออกใหม่ระดับไฮเอนด์ บนมาตรฐานระดับโลกสู่ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อน ด้วยยานยนต์พลังงานใหม่อันชาญฉลาดแก่ผู้บริโภค”

AION

เปิดรอบพรีวิว AION Y Plus สินค้าดาวเด่น รีวิวล้นหลาม

งานนี้ AION ยังได้เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น AION Y Plus ที่พร้อมออกจำหน่ายในประเทศไทยเป็นรุ่นแรก ชูคุณภาพที่เหนือกว่าด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา ห้องโดยสารขนาดใหญ่ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และประสิทธิภาพการขับขี่ขั้นสูง ภายในงาน ผู้บริหารจาก AION รวมถึงตัวแทนจากอาเซียน พันธมิตร และสื่อมวลชนในประเทศไทยมากกว่า 100 ราย ได้ร่วมกันสัมผัสประสบการณ์ AION Y Plus โดยหลังจากที่เหล่าสื่อมวลชนได้มาสัมผัสรถจริง ต่างมีเสียงชื่นชม AION Y Plus อย่างล้นหลาม ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและฟังชันก์การใช้งานหลากหลายที่น่าดึงดูดใจ ในขณะเดียวกัน ยังได้เปิดประสบการณ์ สัมผัสเสน่ห์ของแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าและการขับขี่อันชาญฉลาด โดยบริษัทฯ กำหนดแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ในวันที่ 9 กันยายน 2566 เพื่อรุกตลาดรถยนต์พลังงาน ทางเลือกใหม่ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์สู่การเปลี่ยนแปลงและยกระดับตลาดอาเซียน

AION จะทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในอาเซียน รวมถึงตลาดในประเทศไทยเพื่อสำรวจช่องทางและรูปแบบการบริการ โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อให้สามารถการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และแนวคิดการบริการที่ล้ำสมัยของ AION ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงจากจีนซึ่งมีความเป็น “อัจฉริยะ” ที่แท้จริง และส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยและรวมถึงภูมิภาคอาเซียนในภาพรวม

AION

การบูรณาการ “การวิจัย การผลิต การจัดจำหน่ายและการตลาด” หนุนแบรนด์พลังงานใหม่ ของจีนเป็นผู้นำระดับโลก

การวางผังตลาดในไทยถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งสำหรับ GAC AION ในการดำเนินกลยุทธ์รุกตลาดอาเซียน และเป็นมาตรการอีกประการหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายในระดับโลก โดยในอนาคต GAC AION จะยังคงขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป ผ่านการตั้งฐานการดำเนินงานในไทยอย่างมั่นคง และบูรณาการ “การวิจัย การผลิต การจัดจำหน่ายและการตลาด” สู่โลก พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อช่วยให้แบรนด์พลังงานใหม่ของจีนก้าวเป็นผู้นำระดับโลก

อินิชิเอทีฟ

อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย จับมือ พาร์ทเนอร์ พัฒนาพื้นที่เกษตร

Alternative Textaccount_circle
event
อินิชิเอทีฟ
อินิชิเอทีฟ

อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย (Initiative Thailand) จับมือ ลูกค้า พาร์ทเนอร์ เข้าพัฒนาพื้นที่เกษตร โรงเรียนรวมราษฎร์สามัคคี เสริมแนวคิดความยั่งยืน ขับเคลื่อนสังคมและชุมชนให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างสร้างสรรค์ผ่านโครงการ “Initiative Blue Day: โครงการป้ายต่อความสุข” ปีที่สอง

อินิชิเอทีฟ

อินิชิเอทีฟ ประเทศไทย (Initiative Thailand) นำโดย ดร.สร เกียรติคณารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ และ บีพีเอ็น ประเทศไทย จับมือพาร์ทเนอร์สำคัญ คือ Plan B Media และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ จ.ปทุมธานี  พร้อมลูกค้าใจดีอีกมากมาย ได้แก่  ผลิตภัณฑ์คอนกรีตซีแพ็ค, ไส้กรอก BKP, อาหารสำเร็จรูปและซอสโรซ่า, น้ำผลไม้มาลี, เครื่องดื่มแมนซั่ม, กะทิอัมพวา, ป๊อปคอร์นและ ของเล่นจากเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป, สานต่อกิจกรรม CSI (Corporate Social Innovation) หรือ “Initiative Blue Day: โครงการป้ายต่อความสุข” ภายใต้ธีมปีนี้ “รวมราษฎร์ รวมรัก ปลูกผักให้น้อง” เพื่อช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม ณ โรงเรียนรวมราษฎร์สามัคคี ย่านลำลูกกา ปทุมธานี โดยได้เข้าปรับปรุงพื้นที่เกษตรของโรงเรียน ส่งเสริมการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสันทนาการ และเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่เด็กๆ จำนวนกว่า 500 คน สู่ความมั่นคงทางอาหารด้วยการมีวัตถุดิบสดคุณภาพสูง ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น ผักสด เห็ด เนื้อปลา เนื้อไก่ เพื่อนำมาประกอบอาหารกลางวันของโรงเรียน อีกทั้งเสริมองค์ความรู้ทางการเกษตรที่สามารถนำไปขยายผลต่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างยั่งยืนซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดเริ่มต้นของ Initiative Blue Day

อินิชิเอทีฟ

ปีนี้คือปีที่ของสองของโครงการ Initiative Blue Day เราได้จับมือ เพื่อนพนักงาน พาร์ทเนอร์ คู่ค้า และลูกค้าอีกครั้งในการวางรากฐานการพัฒนาชุมชนผ่านหลักการแบ่งปันองค์ความรู้ ปัจจัยความสำเร็จ แนวคิด และร่วมลงมือปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่สังคมมากที่สุด ตอกย้ำภาพลักษณ์ของเราในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านสังคมและพร้อมที่จะผลักดันสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนให้น่าอยู่และยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนเยาวชนผ่านองค์ความรู้ที่เรามี ทั้งหมดนี้คืออีกหนึ่งพันธกิจที่เรามุ่งมั่นนอกจากการเป็นมีเดียพาร์ตเนอร์ชั้นนำที่ไว้วางใจอย่างต่อเนื่องของลูกค้าในไทย และระดับโลก เสริมให้เราเป็นมีเดียเอเยนซี่หนึ่งเดียวที่นำองค์ความรู้ของเรา ความสามัคคีของทีมไปส่งต่อสิ่งดี ๆ พร้อม ๆ กับการทำงานเพื่อลูกค้าและสังคมที่เรารัก” ดร.สร กล่าว

อินิชิเอทีฟ
OPPO

OPPO ส่งเสริมอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นสำหรับสังคม สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน

Alternative Textaccount_circle
event
OPPO
OPPO

OPPO ส่งเสริมอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นสำหรับสังคม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนและโลกผ่านนวัตกรรมอันทรงคุณค่า

OPPO ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ตอกย้ำพันธกิจ “Technology for Mankind, Kindness for the World” ผ่าน OPPO Inspiration Challenge Regional Demo Event ปี 2023 ซึ่งจัดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ตามด้วยรอบชิงชนะเลิศที่จะจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในปลายปีนี้ ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร OPPO ได้ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั่วโลกสามารถแก้ไขปัญหาสังคมที่เร่งด่วนในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมนวัตกรรมที่ทรงคุณค่าไปด้วย 

โครงการ Inspiration Challenge เป็นรากฐานสำคัญของความพยายามในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ของ OPPO โดยส่งเสริมความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างสิ่งที่ดียิ่งขึ้น ความท้าทายในปีนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ 2 ประเภท ได้แก่ “Inspiration for the People” และ “Inspiration for the Planet” ซึ่งสอดคล้องกับ Brand Proposition อย่าง “Inspiration Ahead” และการอุทิศตนเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา OPPO ได้พัฒนาด้านความยั่งยืนขององค์กรมากมายจากความสำเร็จของ Inspiration Challenge ปี 2022 ซึ่งมีการนำข้อเสนอโครงการยอดนิยม 18 โครงการมาปรับใช้ โดย OPPO จะยังคงพยายามสานต่อแรงขับเคลื่อนนี้ต่อไป

แนวคิดที่สร้างความแตกต่าง

OPPO Inspiration Challenge ปี 2023 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีข้อเสนอโครงการทางนวัตกรรมกว่า 687 รายการจาก 66 ประเทศทั่วเอเชียที่ส่งมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลายนี้ ทีมชั้นนำ 5 ทีมจากแต่ละภูมิภาค รวมทั้งหมด 15 ทีม จะเข้าร่วมค่าย Acceleration Camp โดยมีส่วนร่วมในการสนทนาเชิงลึกกับผู้บริหารของ OPPO และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค

OPPO
Flint’s biodegradable paper battery

หนึ่งในข้อเสนอโครงการที่น่าสนใจที่สุด ได้แก่ Flint Paper Battery ของสิงคโปร์ โดย Flint ซึ่งเป็นองค์กรที่นำโดยเยาวชนซึ่งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำของสิงคโปร์เพื่อสร้างแบตเตอรี่กระดาษ คณะกรรมการที่ปรึกษาประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และนักนวัตกรรม ซึ่งคอยให้คำแนะนำที่จำเป็นในการพัฒนาแนวคิดนี้ แบตเตอรี่กระดาษที่พัฒนาโดย Flint นำเสนอโซลูชันการจัดเก็บพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัยแก่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยสามารถย่อยสลายได้ ใช้งานได้หลากหลาย และช่วยแก้ไขปัญหาที่สำคัญภายในอุตสาหกรรม

สิ่งที่ทำให้แบตเตอรี่กระดาษของ Flint แตกต่างจากโซลูชันในตลาดอื่นๆ คือความสามารถในการผลิตโดยใช้วิธีการเดียวกันกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบดั้งเดิม สิ่งนี้ทำให้ต้นทุนการผลิตที่ลดลง อัตราการใช้งานที่รวดเร็วขึ้น และโอกาสในการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Flint ตั้งเป้าที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทั้งโลกและมนุษยชาติ โดยส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่โลกหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่กระดาษ

OPPO
Backyard Creators’ non-invasive hearing device, Impulse

ในขณะเดียวกัน Backyard Creators ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่มาจากอินเดีย ได้พัฒนา Impulse ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ภายนอกที่ช่วยให้ผู้ที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิดสามารถได้ยินอีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเครื่องช่วยฟังอาจมีราคาค่อนข้างแพง ซึ่งทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงได้ Backyard Creators จึงพยายามลดอุปสรรคในการเข้าถึงอุปกรณ์สำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับชีวิตของผู้คนกว่า 70 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะนี้ทั่วโลก ท้ายที่สุดแล้ว เราจะสามารถเห็นอนาคตที่ไม่มีเด็กคนใดหูหนวกเนื่องมาจากข้อจำกัดทางการเงินผ่านอุปกรณ์ช่วยฟังที่ราคาไม่แพงและไม่ต้องผ่าตัด

แม้ว่า Impulse จะประสบความสำเร็จในการสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อชีวิตของผู้ป่วยมากกว่า 50 รายที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการผลิตและความสามารถในการปรับขนาดที่สำคัญ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางในการช่วยเหลือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือได้มากขึ้น ด้วยความตระหนักถึงความจำเป็นในการมีส่วนร่วมกับสตาร์ทอัพที่มีความคิดเหมือนกันมากขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการขยายขนาดได้ เช่น ความคุ้มค่าและความพร้อมของทรัพยากร ผู้สร้าง Backyard Creators และผู้เข้ารอบสุดท้ายอย่าง Flint ได้หารือเกี่ยวกับแนวคิดในการขับเคลื่อน Impulse ด้วย Flint Paper Battery ที่ OPPO Inspiration Challenge Regional Demo ในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนนี้

OPPO
ERTIGO App Interface showing recommended exercises to address Office Syndrome

Benew Tech จากประเทศไทยยังได้แบ่งปันสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ใน ERTIGO ซึ่งเป็นโปรแกรมการบำบัดออนไลน์เพื่อป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดเรื้อรัง ทั้งหมดนี้ทำได้ผ่านโซลูชันแอปพลิเคชันบนมือถือที่มีแอนิเมชั่นการดูแลตนเองเชิงโต้ตอบตามหลักสรีระศาสตร์ การตรวจสุขภาพกล้ามเนื้อและท่าทางโดยใช้ AI และการเล่นเกม ซึ่งเชื่อมต่อกับคลินิกกายภาพบำบัดสำหรับแผนการดูแลตนเองเฉพาะบุคคล ปัญหาหลักประการหนึ่งที่นำไปสู่การกำหนดแนวความคิดของ ERTIGO คือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า 80% ของพนักงานเผชิญกับภาวะออฟฟิศซินโดรมซึ่งมักจะนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ต่ำและปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดย ERTIGO ช่วยให้การรักษา การฟื้นฟู และการป้องกันเข้าถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับทุกคนรวมถึงผู้สูงอายุ เมื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของ OPPO Inspiration Challenge ปี 2023 แล้ว ERTIGO กำลังมองหาการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของ OPPO ผู้มีประสบการณ์หลายปีในการวิจัยและพัฒนาอัลกอริธึมของแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยให้ Benew Tech สามารถใช้ความรู้เพื่อพัฒนาแอปฯ ต่อไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการมองเห็นโซลูชันทั่วโลก และลดความไม่เท่าเทียมกันด้านการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม

OPPO
Representatives from Flint, Backyard Creators and Benew Tech presenting at the OPPO Inspiration Challenge 2023

ในขณะที่ Flint, Backyard Creators และ Benew Tech มาจากหลายประเทศ ต่างก็จัดการกับปัญหาที่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ค่าใช้จ่ายสูงในการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด และผู้ที่เจ็บป่วยอาการออฟฟิศซินโดรม ด้วยความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาร่วมกับ OPPO มุ่งหน้าผ่านการใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนามนุษยชาติ OPPO ตั้งตารอที่จะมอบ ‘Inspiration Ahead’ ผ่านความท้าทายด้านแรงบันดาลใจนี้และในอนาคต โดยกระตุ้นให้เกิดผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนแก่คนรุ่นใหม่

ความมุ่งมั่นของ OPPO สู่ความยั่งยืน

OPPO Inspiration Challenge เป็นเพียงหนึ่งในโครงการริเริ่มมากมายที่นำโดย OPPO ที่ไม่เพียงแต่จะมีความยั่งยืนมากขึ้นในฐานะบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ผ่านนวัตกรรม เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่งาน MWC 2023 OPPO ได้เผยแพร่รายงาน OPPO Climate Action Report: Climate Pledges and Low Carbon Development Strategy รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า OPPO ให้คำมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในการดำเนินงานทั่วโลกภายในปี 2593 ด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคจาก Deloitte ที่ปรึกษาระดับโลก รายงานสรุปประเด็นสำคัญ 5 ประการที่ OPPO จะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ได้แก่ การผลิตที่มีคาร์บอนต่ำ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การลงทุนทางเลือกที่สร้างคาร์บอนน้อยลง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอน และความร่วมมือด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 ความมุ่งมั่นของบริษัทต่อความยั่งยืนแสดงให้เห็นเพิ่มเติมผ่านรายงานความยั่งยืนประจำปี 2022 ซึ่งเผยแพร่ในวันสิ่งแวดล้อมโลกในวันที่ 5 มิถุนายนปีนี้ ตั้งแต่ปี 2020 OPPO ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนในแต่ละปีเพื่อเปิดเผยแผนงานและความคืบหน้าเชิงปฏิบัติสู่เป้าหมายความยั่งยืนต่อสาธารณะ รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของ OPPO ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของ OPPO ในการสร้างความยั่งยืนในฐานะพลเมืององค์กรระดับโลก ประเด็นสำคัญ 5 ประการของรายงานมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การดูแลพนักงาน นวัตกรรมที่ทรงคุณค่า และการมีส่วนร่วมของระบบนิเวศ 

เมื่อปีที่แล้ว OPPO ได้เปิดตัว OPPO AndesBrain (Binhaiwan Bay) IDC ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่สร้างขึ้นเองแห่งแรกของแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกที่ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% โดยตั้งแต่ปี 2022 ศูนย์ข้อมูลได้ใช้พลังงานหมุนเวียน 6.176 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซได้ 3,600 tCO2e นอกเหนือจากการใช้พลังงานทดแทน 100% แล้ว OPPO AndesBrain IDC ยังได้สำรวจและใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำที่ล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ดังนั้น OPPO AndesBrain IDC จึงเป็นตัวอย่างของความทุ่มเทของแบรนด์ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานและนวัตกรรมทางธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และลงทุนระยะยาวในการรักษาโลก

นอกเหนือจากรายงานความยั่งยืนและศูนย์ข้อมูลแล้ว OPPO ยังมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนผ่านการบูรณาการทางดิจิทัลในทุกกลุ่มอายุ เนื่องจากปัจจุบันนี้ เด็กๆ มีพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ตโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การแนะนำวิธีการใช้สมาร์ตโฟนให้ถูกวิธีจึงเป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นในปีที่แล้ว OPPO จึงได้เปิดตัว ColorOS13 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Kids Space ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ ใช้แอปเกมมากเกินไป และสำหรับผู้ใช้สูงอายุ โหมด Simple บนสมาร์ตโฟน OPPO ก็ยังช่วยมอบประสบการณ์ที่ใช้งานได้ง่ายด้วยไอคอนและแบบอักษรที่ใหญ่ขึ้น และเดสก์ท็อปที่เรียบง่าย 

เส้นทางสู่ความยั่งยืนย่อมต้องพบกับความท้าทาย แต่ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ OPPO ที่มีต่อ “Technology for Mankind, Kindness for the World” จะช่วยขับเคลื่อนแนวปฏิบัติ CSR ในระยะยาว ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ และสร้างประโยชน์ให้กับโลก โดย OPPO จะยังคงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อไป 

สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ OPPO และ Inspiration Challenge ได้ทาง https://www.oppo.com/en/proposal/  

MQDC

บินลัดฟ้าเปิดโลกการออกแบบ! MQDC พาทีมผู้ชนะศึกษาดูงานที่ ปีนัง

Alternative Textaccount_circle
event
MQDC
MQDC

บินลัดฟ้าเปิดโลกการออกแบบ! MQDC พาทีมผู้ชนะโครงการออกแบบสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “MQDC Design Competition 2023” ศึกษาดูงานการออกแบบพื้นที่สาธารณะและเที่ยวเทศกาลจอร์จทาวน์ที่ “ปีนัง”เก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจ-นำความรู้ใหม่ปรับใช้กับบริบทเมืองไทย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ร่วมกับ สภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (CDAST) ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการออกแบบเมืองไทย ด้วยการจัดเวทีประกวดผลงานออกแบบพื้นที่สาธารณะ “MQDC Design Competition 2023” ในหัวข้อ “RE-imagining Thai Social Space: City Festival as Design Intervention” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดผลงานออกแบบพื้นที่สาธารณะของเมืองและพื้นที่กึ่งสาธารณะสำหรับเมืองยุคใหม่ โดยโครงการในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ด้วยจำนวนผู้สมัครมากที่สุดในประเทศไทยถึง 1,222 คน ร่วมชิงเงินรางวัลและทริปศึกษาดูงานต่างประเทศรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

MQDC

เวทีดังกล่าวถือเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญให้ทั้งนักศึกษาออกแบบและบุคคลทั่วไปได้ตีโจทย์การสร้างสรรค์สเปซที่จะมาปลุกเมืองให้คึกคัก พร้อมดึงอัตลักษณ์ของชุมชน โดยความท้าทายของโจทย์ คือการอิงสเกลจากพื้นที่จริงย่านสุขุมวิทใต้ กรุงเทพฯ และสถานที่สำคัญในจังหวัดอื่น ๆ และหลังจากคัดเลือกอย่างเข้มข้น ผลงานออกแบบที่คว้ารางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม A222 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับผลงาน “ลานละคร” และทีมบุคคลทั่วไป ได้แก่ ทีม B124 กับผลงาน “อ้อ-มา-กา-เสะ” ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 200,000 บาท พร้อมโอกาสพิเศษในการบินลัดฟ้าไปศึกษาดูงานออกแบบพื้นที่สาธารณะที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซียถึง 5 วันเต็ม ร่วมตะลุยชมเทศกาลและสถาปัตยกรรมอันงดงาม เพื่อเสาะหาแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ผลงานการออกแบบที่สามารถนำมาปรับใช้กับบริบทของสังคมไทยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ต่อไปในอนาคต

ทริปดูงานตลอด 4 คืน 5 วันที่เมืองแห่งมรดกโลกในครั้งนี้ ทั้งสองทีมนักศึกษาและบุคคลทั่วไปได้เยี่ยมชมศิลปะและการออกแบบหลากหลายแขนง เริ่มต้นทริปสุดพิเศษด้วยการพักที่จอร์จทาวน์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยศิลปวัฒนธรรมสุดตระการตา ตลอดทั้ง 5 วัน ผู้ร่วมทริปได้เดินทางเยี่ยมชมแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็น “หอนาฬิกาควีนวิกตอเรีย” พร้อมชมป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียอย่าง “ป้อมคอร์นวอลลิส” ต่อด้วยการดื่มด่ำกับความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่ “ศาลาว่าการเมืองปีนัง (Penang Town Hall)” และ “City Hall Penang” ซึ่งเป็นสำนักงานของรัฐบาลท้องถิ่นปีนัง โดยอาคารเหล่านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่แหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบบริติชเอ็มไพร์ เนื่องจากสร้างขึ้นในช่วงที่อยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษนั่นเอง

MQDC

เหล่าทีมผู้ชนะยังได้เปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นกับการชมวิวรอบเมืองปีนังบน “เรนโบว์สกายวอร์ก” สัมผัสทัศนียภาพแบบพาโนรามา นอกจากนี้ยังได้สัมผัสเสน่ห์ของท้องถิ่นด้วยการนั่งรถสามล้อ ดื่มด่ำกับความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์ที่หมู่บ้านชาวประมง พร้อมชมวัตถุโบราณที่ “คฤหาสน์เปอรานากัน” และ “บลูแมนชันหรือคฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ” ทั้งยังได้สนุกสนานกับเทศกาลจอร์จทาวน์ (George Town Festival) เต็มอิ่มกับการแสดงเชิงศิลปะ ตลอดจนพูดคุยกับประธานและผู้จัดงานเทศกาลจอร์จทาวน์ พร้อมปิดท้ายทริปด้วยการชม “ฮาบิแทต ปีนัง ฮิลล์” ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่เปี่ยมจิตวิญญาณและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน ตลอดทั้ง 5 วัน เหล่านักออกแบบได้สร้างความทรงจำแสนประทับใจและเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจมากมายจากการเจาะลึกการออกแบบพื้นที่สาธารณะที่เปี่ยมสเน่ห์และมนต์ขลังในปีนัง ก่อนเดินทางกลับไทยอย่างสวัสดิภาพ

ตัวแทนผู้ชนะประเภทบุคคลทั่วไปจากทีม B124 นายศักดิธัช พิทักษ์กชกร กล่าวถึงการได้สัมผัสศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปีนังว่า “ดีใจมาก ๆ ที่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองมรดกโลกของยูเนสโกอย่างปีนัง ได้ซึมซับวัฒนธรรมและศิลปะท้องถิ่นที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะเป็นการผสมผสานของหลายเชื้อชาติ เราได้แรงบันดาลใจในการเบลนด์ความงามและอัตลักษณ์ของหลากหลายวัฒนธรรมในผลงานต่อ ๆ ไปของเรา”

MQDC

ด้าน นายชยพล สิทธิกรวรกุล ตัวแทนจากทีม A222 ผู้ชนะเลิศในประเภทนักศึกษาที่ได้มาร่วมทริปที่ปีนัง เล่าถึงความประทับใจและประสบการณ์ที่ได้รับจากการดูงานออกแบบในครั้งนี้ว่า “ทริปนี้ถือเป็นการเปิดโลกและสปาร์กไอเดียการออกแบบใหม่ ๆ ได้ดีมาก ๆ อย่างการได้เข้าร่วมเทศกาลจอร์จทาวน์ เราเห็นอย่างชัดเจนว่าเมืองดึงฟังก์ชันของพื้นที่สาธารณะมาปรับใช้กับการจัดเทศกาลอย่างไรเพื่อทำให้ชุมชนคึกคักและดึงการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน นอกจากนี้ ส่วนตัวเราชื่นชมการใช้สตรีทอาร์ตและกราฟฟิตี้มาเป็นกิมมิคของเมือง ชอบไอเดียของการใช้ศิลปะมากระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น อยากจะบอกต่องานประกวดดี ๆ อย่าง MQDC Design Competition เพราะเราเชื่อว่าการประกวดออกแบบ Public Space ที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นการพัฒนาสังคมเมืองของประเทศไทยได้จริง”

MQDC และพันธมิตร เตรียมต่อยอดจากความสำเร็จของเวทีประกวดในครั้งนี้ พร้อมเดินหน้าโครงการออกแบบเชิงสร้างสรรค์อีกหลากหลายโครงการในอนาคต เพื่อเปิดเวทีให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาชุมชนเมือง ปลุกเมืองให้คึกคักและนำรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน ติดตามชมผลงานการออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์ “City Festival” ที่ได้รับรางวัลทั้งหมดจากโครงการ พร้อมติดตามอัปเดตล่าสุดของโครงการประกวด ตลอดจนการประกาศรับสมัครในครั้งต่อไปได้ที่ Facebook: MQDC Design Competition 2023

Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽- เฉินเสี่ยว - Chen Xiao - 陈晓- กู่ลี่นาจา - Gulinazha - 古力娜扎- นักแสดงซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีน - นักแสดงจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ดาราจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกครึ่งปีหลัง 2023 - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

ซีรี่ย์จีน Incomparable Beauty เรื่องราวของอดีตคู่รักที่กลับมาเจอกันอีกเพื่อพิสูจน์รักแท้!

Alternative Textaccount_circle
event
Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽- เฉินเสี่ยว - Chen Xiao - 陈晓- กู่ลี่นาจา - Gulinazha - 古力娜扎- นักแสดงซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีน - นักแสดงจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ดาราจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกครึ่งปีหลัง 2023 - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽- เฉินเสี่ยว - Chen Xiao - 陈晓- กู่ลี่นาจา - Gulinazha - 古力娜扎- นักแสดงซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีน - นักแสดงจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ดาราจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกครึ่งปีหลัง 2023 - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สุดฯ ชวนดูซีรี่ย์จีน Incomparable Beauty อีกหนึ่งเรื่องราวความรักที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว จากคนรักกลายเป็นอดีตคู่รักที่ได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง!

จัดเต็มยันท้ายเดือนจริงๆ ค่ะ สำหรับวงการซีรี่ย์จีนที่ในเดือนส.ค. 2023 เดือนเดียวส่งซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่ๆ ลงจอแล้วไม่ต่ำกว่า 7 เรื่องตลอดทั้งเดือน ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวรักวัยรุ่น You Are Desire เธอคือฝันหวานละมุน, Sweet Games รักเธอล้นใจ 25 ชั่วโมง, ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก Love You Seven Times เจ็ดชาติภพ หนึ่งปรารถนา, The Legend of Zhuohua ขุนนางหญิงยอดเสน่หา, Wrong Carriage Right Groom ชุลมุนรักสลับเกี้ยว เป็นต้น ล่าสุด 28 ส.ค. นี้ ก็เตรียมมีอีกหนึ่งซีรี่ย์จีนลงจอด้วย นั่นคือ Incomparable Beauty

Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽-  เฉินเสี่ยว  -  Chen Xiao  -  陈晓- กู่ลี่นาจา  - Gulinazha  -  古力娜扎

สำหรับซีรี่ย์จีนIncomparable Beautyเป็นซีรี่ย์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนหนุ่มสาวหลายคนที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตที่เกิดวิกฤตทั้งเรื่องการงาน ความรักในช่วงวัย 30 ปี โดยมีจุดเริ่มจากการมาโคจรเจอกันของสวี่เหย้า นักธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตที่ประสบความสำเร็จหน้าใหม่ และอดีตภรรยาของเขา อวี๋เจียเอิน ที่ต้องมาร่วมกันในโปรเจ็กต์ใหม่ ในการทำงานทั้งสวี่เหย้าและอวี๋เจียเอินช่วยเหลือกันและกันเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม จางชิง เพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของอวี๋เจียเอินกำลังเผชิญกับปัญหาการงานที่มาถึงจุดพลิกผัน และการกลัวแต่งงานและไม่ต้องการมีลูก ทำให้ความรักระหว่างจางชิงและคนรักของของเธอ ห่าวเฉินฉือ กำลังเข้าสู่ช่วงที่ต้องทดสอบความรักระหว่างพวกเขาว่าจะเดินหน้าต่อไปได้หรือจะต้องจบลงแค่นี้ ขณะเดียวกัน หลี่เนี่ยนฮวน ลูกพี่ลูกน้องของสวี่เหย้าและเพื่อนรักของอวี๋เจียเอินหลังจากต้องเผชิญกับเส้นทางชีวิตคู่ที่ล้มเหลว ก็เข้าสู่เส้นทางชีวิตที่ถูกพ่อแม่บงการไว้ให้ โดยเข้าสู่สังคมการทำงานใหม่ และได้พบรักกับหนุ่มรุ่นน้อง จ้าวอ๋าง ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มเธอกลายเป็นคนใหม่ที่มีชีวิตชีวาและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽- เฉินเสี่ยว - Chen Xiao - 陈晓- กู่ลี่นาจา - Gulinazha - 古力娜扎- นักแสดงซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีน - นักแสดงจีน - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ดาราจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกครึ่งปีหลัง 2023 - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สำหรับซีรี่ย์จีนIncomparable Beautyได้นักแสดงจีนชื่อดังอย่างเฉินเสี่ยว (Chen Xiao) นักแสดงชายจีนวัย 36 ปี (เกิดเดือนก.ค. 1987) เจ้าของผลงานซีรี่ย์จีนสุดฮิต เช่น ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/ดราม่า Legend of Lu Zhen ตำนานลู่เจิน (2013), The Condor Heros มังกรหยก ศึกเทพอภินิหารจ้าวอินทรีย์ (2014), Nothing Gold Can Stay (2017), Above The Clouds ลิขิตรักเมืองมายา (2017), A Dream Of Splendor สามบุปผาลิขิตฝัน (2022), ซีรี่ย์จีนแนวตำรวจ/อาชญากรรม Being A Hero ฮีโร่ ล่าทรชน (2022) เป็นต้น มาประกบคู่กับกู่ลี่นาจา (Gulinazha) นักแสดงหญิงจีนวัย 31 ปี (เกิดเดือนพ.ค. 1992) ที่ก่อนหน้านี้เคยฝากฝีมือมาแล้วในซีรี่ย์จีน Fighter of the Destiny (2017), Weaving a Tale of Love (2021), Twelve Legends (2021), Dancing In The Storm (2021) เป็นต้น

无与伦比的美丽-  เฉินเสี่ยว  -  Chen Xiao  -  陈晓
กู่ลี่นาจา - Gulinazha - 古力娜扎

นอกจากเฉินเสี่ยวกับกู่ลี่นาจา ในเรื่องIncomparable Beautyยังมีอีก 4 นักแสดงจาก 2 คู่รองมาร่วมกันส่งต่อความเข้มข้นในแต่ละเส้นทางความรักด้วย โดยคู่รองคู่แรกได้หลิ่วเหยียน (Liu Yan) มารับบทจางชิง คู่กับจ้าวต๋า (Zhao Da) ที่มารับบทห่าวเฉินฉือ ส่วนอีกคู่ได้เฉินเสี่ยวอวิ๋น (Chen Xiaoyun) มารับบทหลี่เนี่ยนฮวน คู่กับเฉินซีจวิ้น (Chen Xijun) ที่มารับททเป็นจ้าวอ๋าง ซึ่งทั้ง 3 คู่ต่างก็มีเส้นเรื่องความรักที่ต้องเผชิญต่างกันออกไป สำหรับใครที่เป็นแฟนซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกแบบฉบับคนวัยทำงาน 30+ ห้ามพลาดซีรี่ย์จีนIncomparable Beautyนะคะ จะออนแอร์ 28 ส.ค. นี้แล้ว

 无与伦比的美丽-  เฉินเสี่ยว  -  Chen Xiao  -  陈晓- กู่ลี่นาจา  - Gulinazha  -  古力娜扎
Incomparable Beauty - 无与伦比的美丽-  เฉินเสี่ยว  -  Chen Xiao  -  陈晓- กู่ลี่นาจา  - Gulinazha  -  古力娜扎

รูปจาก : 电视剧无与伦比的美丽

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

Le Labo City Exclusive

เตรียมพบกับ Le Labo City Exclusive ตลอดเดือนกันยายนนี้ ที่สยามพารากอน

account_circle
event
Le Labo City Exclusive
Le Labo City Exclusive

ช่วงปีมานี้เทรนด์น้ำหอมมาแรงมาก และหนึ่งในแบรนด์ที่คนรักน้ำหอมสาย Niche ชื่นชอบก็คือ Le Labo ( เลอ ลาโบ ) น้ำหอมที่มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศสแต่ไปเติบโตที่นิวยอร์ก นอกจาก Brand Story ที่น่าสนใจแล้ว ทางแบรนด์ยังมีไฮไลต์ที่ทุกคนต่างรอคอย สิ่งนั้นคืออะไร ตาม สุดสัปดาห์ มาทำความรู้จักกันค่ะ

Le Labo City Exclusive
คอลเล็คชั่น City Exclusive

รู้จัก Le Labo กับกลิ่นหอมแห่งจินตนาการ

Le Labo เป็นแบรนด์น้ำหอมที่กำเนิด ณ เมืองกราสส์ ฝรั่งเศส แต่ไปเติบโตที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (Was born in Le Grasse but raised in New York) โดยเปิดช็อปแรกในนิวยอร์คเมื่อปี 2006 กับคอนเซ็ปต์ร้านในแบบฉบับ Wabi-Sabi ที่โอบรับความงามในความไม่สมบูรณ์แบบ นำเสนอน้ำหอมแนว Slow perfumery ที่ปรุงกลิ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างละเมียดละไม มากกว่าการออกตามซีซั่น และให้ลูกค้าค่อยๆ ทำความรู้จักน้ำหอมก่อนตัดสินใจ

Le Labo
บรรยากาศเท่ๆ ของ เลอ ลาโบ สยามพารากอน

ให้ความสำคัญกับความเป็น Craftsmanship หรือความประณีตของงานมือ สามารถ Personalization ฉลากน้ำหอมของตัวเองได้ โดยทางร้านจะระบุวันที่และเมืองที่เราซื้อน้ำหอมขวดนั้นมา พร้อมพิมพ์ข้อความเฉพาะที่เราต้องการ

นอกจากนี้ยังเป็นน้ำหอมแบบ Genderless ที่ทุกกลิ่นสามารถใช้ได้ในทุกเพศตามความชอบ ไม่มีแบ่งกลิ่นสำหรับชายหญิง และเป็น Claimless ที่ไม่มีการเคลมสรรพคุณอะไรมากมาย เพื่อเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าได้ใช้จิตนาการกับกลิ่นของ Le Labo ได้อย่างอิสระ

สุดท้ายน้ำหอมแบรนด์นี้เป็นน้ำหอม Vegan ที่ได้รับ B Corp Certification ซึ่งเป็นเซอร์ฯ ระดับโลกด้วย

พบ Le Labo City Exclusive ตลอดเดือนกันยายน

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปี 2023 นี้แบรนด์ Le Labo ได้เข้ามาเปิดบูทีคในเมืองไทยแล้วที่ชั้น 1 สยามพารากอน โดยมาพร้อมการตกแต่งในคอนเซ็ปต์ Wabi-Sabi สุดเท่ด้วยของ Second hand อิมพอร์ตจากต่างประเทศที่แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากคนรักน้ำหอมชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่ตามสะสมน้ำหอมแบรนด์นี้

Le Labo
ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ second hand สุดแนว

ข่าวดีสำหรับนักสะสมน้ำหอม! ในเดือนกันยายนนี้จะมีการวางขายน้ำหอมคอลเล็คชั่นพิเศษของแบรนด์ที่เรียกว่า City Exclusive ที่เป็นกลิ่นที่มีขายเฉพาะในเมืองนั้นๆ เท่านั้น เช่น เมืองโตเกียวจะมีกลิ่นพิเศษที่ชื่อว่า GAIAC 10 ซึ่งขายเฉพาะที่โตเกียวเท่านั้น แต่เฉพาะในเดือนกันยายนของทุกปีนอกจาก Classic Collection 17 กลิ่นแล้ว ทาง เลอ ลาโบ จะวางขาย City Exclusive 16 กลิ่นจากทั่วโลกในทุกช็อปและทางออนไลน์ด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะไปช้อปกลิ่นที่ชอบจากคอลฯ นี้โดยไม่ต้องบินไปถึงเมืองนั้นๆ

นอกจากนี้ ช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน จะเป็นช่วงที่มีการวางขาย คอลเล็คชั่น City Exclusive ไซส์ตัวอย่างให้เราได้ทดลองสัมผัสกลิ่นต่างๆ จากทั่วโลก และ Le Labo Discovery Set ที่รวมทุกกลิ่นในไซส์ทดลองมาไว้ในเซ็ตเดียวกัน

Le Labo City Exclusive
Le Labo Discovery Set

City Exclusive ประกอบด้วย

Gaiac 10 (Tokyo) ให้กลิ่นหอมเข้มจากเนื้อไม้และโน้ตกลิ่นมัสก์ที่ต่างกัน 4 ระดับ เจือกลิ่นไม้ซีดาร์และกำยาน

Vanille 44 (Paris) กลิ่นหอมแอมเบอร์อ่อนๆ เจือกลิ่นกำยาน กลิ่นไม้ ที่แฝงความเซ็กซี่เหมือนที่เคยอยู่บนเสื้อสเว็ตเตอร์แคชเมียร์สุดพรีเมียม ก่อนจะเผยกลิ่นวานิลลาบูร์บงนุ่มนวลที่ซ่อนอยู่

Cedrat 37 (Berlin) ผสมผสานกลิ่น Cedrat และขิงที่ให้ความเปรี้ยวและสดชื่น เคลือบด้วยเบสแนวเย้ายวนอย่างไม้หอม มัสก์ และโน้ตจากอำพันทะเล (Ambergris) กลายเป็นกลิ่นที่สนุกสนาน ทนทาน และให้ความรู้สึกอิสระ

เลอ ลาโบ

Tabac 28 (Miami) กลิ่นนุ่มลึกของยาสูบผสานกลิ่นไมกฤษณาหอมหรูและไม้ซีดาร์หอมเด่น รวมทั้งไม้ Gaiac และเหล้ารัมโทนอบอุ่นที่ห่อหุ้มอยู่ในกลิ่นกระวาน เป็นการผสมกันของความรู้สึกเย้ายวน มอดไหม้ และปลุกเร้าในคราวเดียวกัน

Mousse De Chene 30 (Amsterdam) กลิ่นมอสและพิมเสนจับคู่กับบูสเตอร์สังเคราะห์กลิ่นหอมแหลมอย่างคริสตัลมอส Clearwood อบเชย Pimento Bay และพริกไทยสีชมพู เป็นกลิ่นที่เย้ายวน ชัดเจน และทรงพลัง

Citron 28 (Seoul) ท็อปโน้ตเป็นกลิ่นเลมอน ขิง มะลิ ตามด้วยกลิ่นไม้ซีดาร์และมัสก์ กลายเป็นสมดุลระหว่างความมีเอกลักษณ์และขนบของกลิ่นแบบดั้งเดิม

Musc 25 (Los Angeles) กลิ่นหอมชวนฝันของมัสก์หนักๆ เจือกลิ่นแนว Aldehydic ที่หอมเหมือนไม้และแป้ง ให้ความรู้สึกเจิดจ้าร้อนแรง ทว่าแอบแฝงความมืดมนของกลิ่นเย้ายวนของหญ้าแฝก อำพันทะเล มัสก์ และไขชะมด

เลอ ลาโบ

Tubereuse 40 (New York) กลิ่นทิวป์โรสที่เปิดด้วยกลิ่นมะกรูด ส้มเขียวหวาน และดอกส้ม ก่อนจะเผยกลิ่นกลางของแมกไม้และดอกไม้สีขาวนานาพรรณ ตามด้วยกลิ่นทิวป์โรส จากนั้นจึงเป็นไม้หอมอย่างซีดาร์และไม้จันทน์คลอเคลียไปกับโอ๊คมอส มัสก์ และ Ambrette กลายเป็นกลิ่นที่เข้มข้น บริสุทธิ์ และสุขสม

Bigarade 18 (Hong Kong) เป็นกลิ่นที่ผสานความขัดแย้งไว้อย่างลงตัว เพราะเป็นแนวคลาสสิคที่ไม่สุดด้วยการผสานความสดใสทรงพลังเอาไว้ กับกลิ่นของมะกรูด กลีบดอกเนโรลี ผสมกับมัสก์ แล้วหยอดด้วยกลิ่นไม้หอม กลายเป็นความดุดันที่เบาสบาย คลาสสิคแต่ร่วมสมัย บางเบาทว่าติดทน

Poivre 23 (London) กลิ่นพริกไทย Bourbon Pepper  ที่มาพร้อมความอบอุ่น เผ็ดร้อน และอบอวลในโทนของแอมเบอร์ ซึ่งเป็นโทนกลิ่นที่จะพบได้ในลอนดอนเกือบตลอดทั้งปี

Baie Rose 26 (Chicago) สื่อถึงท้วงทำนองแจ๊สด้วยกล่นแหลมฉุนของพริกไทยสีชมพู กานพลู ไม้ซีดาร์ และอัลดี้ไฮด์ ไล่ไปสู่กลิ่นหอมของกุหลาบจากเมืองกราสส์ ก่อนปิดท้ายด้วยกลิ่นมัสก์อันประณีตและเครื่องเทศ

Aldehyde 44 (Dallas) กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสะอาดไม่เหมือนใครของ Aldehyde ผสมกลิ่นดอกไม้อย่างนาร์ซิซัส มะลิ และทิวป์โรส เบสโน้ตเป็นกลิ่นมัสก์และวานิลลาที่น่าหลงใหล

เลอ ลาโบ น้ำหอม

Limette 37 (San Francisco) เปิดด้วยกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น โปร่งสบายของผิวมะกรูด ก่อนสัมผัสความอบอุ่นของมะลิ Petit Grain และกานพลู ที่ขมวดความนุ่มนวลของกลิ่นหญ้าแฝก ถั่วตองก้า และมัสก์เข้าด้วยกัน ให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่น ผ่อนคลาย คล้ายยามท่องเที่ยวไปใต้แสงแดดของเมืองซานฟรานซิสโก

Cuir 28 (Dubai) กลิ่นเสื้อหนัง ไม้ และมัสก์ให้บุคลิกทรงพลัง ดุดัน ดิบเท่ แต่ชวนจดจำด้วยหัวน้ำหอมกลิ่นวานิลลาแท้ที่ผสานเจือปนไปกับกลิ่นหนังสัตว์และพื้นถนนที่ให้ความหอมนุ่มลึกสไตล์กลิ่นโทนแอมเบอร์ที่ดึงดูดใจในตอนท้าย

Benjoin 19 (Moscow) สะท้อนตัวตนของเมืองแห่งวรรณกรรมด้วยกลิ่นกำยาน ผสานกับแอมเบอร์ ไม้ซีดาร์ และมัสก์  ถ่ายทอดประสบการณ์ทรงพลัง ชวนลุ่มหลง ไม่ยอมจำนนต่อกฎเกณฑ์

Myrrhe 55 (Shanghai – กลิ่นใหม่) เป็นกลิ่นกำยานที่มีกลิ่นของชะเอมเทศเข้มข้นแฝงอยู่ ตามด้วยกลิ่นรองอย่างกลิ่นมะลิ พิมเสน ที่อยู่บนเบสของไม้หอม แอมเบอร์กริส และมัสก์

ใครสนใจไปทดลองกลิ่นใหม่ๆ กันได้ที่ เลอ ลาโบ บูทีค ชั้น 1 สยามพารากอน หรือ lelabofragrances.com

เลอ ลาโบ

Text & Image: Nicharee W.

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก เลอ ลาโบ

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

VERSO SKINCARE แบรนด์ดังจากสวีเดนปักธงในไทยแล้วที่ FIRSTER BY KING POWER

รีวิวทรีตเมนต์  Nano Shiso Therapy @ THANN Sanctuary Spa

keyboard_arrow_up