ทุกการเดินทางมีความหมาย แม้จะไปในสถานที่เดิมแต่เชื่อเถอะว่าคุณจะได้ประสบการณ์มุมใหม่ที่ไม่ซ้ำเดิม ทั้งจากช่วงเวลาและผู้คนที่เปลี่ยนไป ใครไม่เชื่อให้พิสูจน์ไปพร้อมกับเราที่…สิงคโปร์
เคยสงสัยกันไหมว่าสิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย แต่กลับไม่เคยขาดแคลนนักท่องเที่ยว งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้วิสัยทัศน์ของรัฐบาลสิงคโปร์ที่สามารถสร้างสรรค์จุดขายใหม่ๆ ให้ประเทศได้ตลอด อย่างช่วงหลายปีก่อนที่โปรโมทความเป็นเมืองแห่งงานอาร์ตก็ทำได้ดี มีนิทรรศการดีๆ เต็มเมือง และในปีนี้การท่องเที่ยวสิงคโปร์ก็จัดทริปเชิญสื่อมวลชนไปสัมผัสสิงคโปร์ในมุมใหม่ๆ อีกแล้ว คราวนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกัน
เที่ยวสิงคโปร์มุมใหม่ หัวใจ Sustains
เชื่อว่าหลายคนประทับใจกับนโยบายจัดระเบียบและเพิ่มพื้นที่สีเขียวของสิงคโปร์อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณได้ไปเยือนสิงคโปร์ในช่วงนี้จะยิ่งประทับใจเพราะรัฐได้พยายามเพิ่มพื้นที่สีเขียวเข้าไปอีก รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) อย่างจริงจังด้วย
Jewel Changi
เริ่มกันตั้งแต่บนเครื่องบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์เลย เขาเสิร์ฟอาหารในแพ็คเกจรักโลก ปริมาณพอดี แถมอร่อยทั้งขาไป-ขากลับ เซอร์ไพร้ส์มาก ทำให้กินหมด ไม่เหลือเป็น Food Waste
เมื่อเครื่องแลนดิ้งก็ผ่านตม.อย่างง่ายดายแค่สแกน QR Code แล้วกรอกข้อมูล จากนั้นเราก็แวะไป Jewel Changi เพื่อถ่ายรูปเช็คอินกับน้ำตกใจกลางห้างที่ตอนนี้ฮอตจนแทบจะกลายเป็น Merlion 2 ไปแล้ว
นอกจากความสดชื่นสวยงามของน้ำตก รอบๆ ยังออกแบบให้เป็นที่นั่งพักสบายๆ ดูสายน้ำท่ามกลางต้นไม้สีเขียวใหญ่น้อย คิดดูว่าเขาสามารถสร้างความร่มรื่นขนาดนี้ไว้กลางห้างเลยนะ! และได้ยินมาว่ากระจกโดยรอบของ Jewel Changi กว่า 9 พันชิ้นยังออกแบบให้ปรับอุณหภูมิและแสงได้ตามสภาพแวดล้อมด้านนอกซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก
Capita Spring Building
ระหว่างทางเข้าเมืองไกด์ชี้ให้เราดูตึกใหม่ๆ ที่มีสีเขียวแทรกดูสบายตา ที่เห็นทุกตึกพร้อมใจกันเขียวเพราะในช่วง 5 ปีหลังรัฐออกกฎให้ทุกอาคารที่สร้างใหม่ต้องมีพื้นที่สีเขียว 10% ซึ่งแต่ละตึกก็นำโจทย์นี้ไปตีความและออกแบบมาอย่างเก๋ไก๋ บางตึกแทรกต้นไม้เป็นแนวดิ่งขึ้นไป บางตึกออกแบบให้พื้นที่สีเขียวเล่นระดับไปตามชั้น บางตึกก็มีสวนอยู่ตรงกลาง ในส่วนของตึกเก่าจะเป็นการส่งเสริมมากกว่าบังคับ แต่เท่าที่เห็นก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี
อย่างตึกที่เราไปชมคือ Capita Spring Building ออกแบบให้ดาดฟ้าเป็นสวนขนาดใหญ่มีทางเดินขึ้นเนินและบันไดไปชมสวนในรูปแบบต่างๆ ทั้งไม้ใบ ไม้ผล ไปจนถึงสวนครัว เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปพักผ่อนชมพื้นที่สีเขียวพร้อมกับชมเมืองในมุมสูงได้ แต่จะปิดในช่วงเย็นเพราะเป็นช่วงเวลาที่ร้านอาหารและบาร์บนชั้นดาดฟ้าเปิดทำการ ซึ่งเราได้ดินเนอร์ที่ร้านบนนี้เลย คือร้าน 1 Arden เป็นร้านดัง เสิร์ฟเมนูสุดหรูที่ใช้วัตถุดิบบางส่วนจากในสวนด้วย
Ginlee
อยากให้คนที่มีหัวใจรักในแฟชั่นพอๆ กับรักโลกได้รู้จักแบรนด์นี้! นี่คือขั้นกว่าของแฟชั่นที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะทุกกระบวนการผลิตลดความเสียเปล่าและดีต่อสิ่งแวดล้อมสุดใจ เป็นแบรนด์ที่ไม่มีการผลิตมาสต็อกเยอะๆ ให้ล้นเกิน ไม่มีการเซล แต่ส่งเสริมให้ลูกค้าสั่งผลิตด้วยส่วนลดพิเศษ
สินค้าของแบรนด์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่การอัดพลีตแบบ Handmade คือจับลายพลีตด้วยมือคนแล้วนำไปเข้าเครื่องอบ ซึ่งทางแบรนด์จะอัดพลีตผ้าสำหรับแต่ละชุดทั้งชิ้นไปเลย เช่น เดรส 1 ตัว ใช้ผ้าขนาดนี้ก็นำผ้าชิ้นนั้นมาจับ-อัดพลีตแล้วนำไปตัด ดังนั้นแต่ละชุดจึงเป็นงานมือที่มีเอกลักษณ์ และยังช่วยลดปริมาณการตัดผ้าทิ้งให้น้อยลง ส่วนผ้าที่จำเป็นต้องตัดออกและผ้าส่วนที่เหลือจากการทำชุดก็นำมาดีไซน์เป็นสินค้าอื่นๆ เช่น กระเป๋า ซองโทรศัพท์ ฯลฯ เรียกว่าแทบไม่เสียเปล่า
อีกจุดที่ประทับใจคือการทำสี เขาไม่ใช้วิธีย้อมแต่จะเป็นการพิมพ์สีด้วยความร้อนลงบนเนื้อผ้า ซึ่งจะช่วยลดน้ำเสียจากกระบวนการฟอก-ย้อมสีได้อีกส่วนหนึ่ง
ทางร้านมีกิมมิคให้ลูกค้าได้เวิร์คช็อปทำกระเป๋าพลีตด้วยนะ ซึ่งเราก็ได้สัมผัสความ Sustainability ทุกกระบวนการผ่านกระเป๋าผ้า 1 ใบ โดยเราสามารถเลือกสี สาย วัสดุตกแต่งได้ตามความชอบ จากนั้นค่อยเลือกลายพลีตและลองจับพลีตเอง บอกเลยไม่ใช่เรื่องง่าย นี่แค่กระเป๋าใบเล็กๆ นะ ไม่ใช่เดรสยาว (บางชุดใช้คนจับถึง 8 คน 16 มือเลย) เมื่อจับพลีตสำเร็จ (อย่างทุลักทุเล) ก็มัดแล้วนำไปอบ แล้วก็เอาออกมาตอกตาไก่ ร้อยหูกระเป๋า ผูกเงื่อน หุ้มปลายเชือก เป็นอันเสร็จ ได้กระเป๋า 1 ใบที่ภาคภูมิใจ เพราะมิกซ์แอนด์แมตช์สีเอง และลงมือทำเองด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
…ใครไปเที่ยวสิงคโปร์และพอมีเวลาแนะนำเวิร์คช็อปนี้นะ เป็นประสบการณ์ที่ดีและยังได้กระเป๋าน่ารักๆ กลับมาใช้ด้วย ส่วนใครที่ไม่มีเวลาแต่สนใจสามารถสั่งทางเว็บไซต์ได้ โดยเราสามารถเลือกสีตัวกระเป๋า ลายพลีต ตาไก่ สายกระเป๋า ผ่านเว็บไซต์ได้เช่นกัน
สัมผัสความเป็นสิงคโปร์อย่างถึงแก่น
ในทริปนี้เรายังได้สัมผัสสิงคโปร์ในมุมใหม่ๆ ทั้งด้านวัฒนธรรมที่หลากหลายทว่ากลับอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนซึ่งถือเป็นความยั่งยืนด้านสังคมรูปแบบหนึ่ง รวมไปถึงการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่ใกล้ชิดความเป็นสิงคโปร์มากขึ้น
Instawalk Adventure
โปรแกรมนี้จะพาเราเดินชมเมืองในย่าน Bugis, Waterloo และ Kampong Glam อย่างใกล้ชิด ซอกซอนไปจนถึงหน้าประตูบ้าน เสาะหามุมถ่ายภาพเก๋ๆ พร้อมกับสอดแทรกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ “ความเป็นสิงคโปร์” ผ่านวิถีชีวิตและผู้คนอย่างลึกและเรียล!
ไม่ว่าจะเป็น…
เดินชมศาสนสถานของหลากหลายศาสนา ที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน เห็นถึงความผสมกลมกลืนของผู้คนหลากเชื้อชาติศาสนาและวัฒนธรรม เช่น วัดฮินดูที่ติดกับวัดจีนซึ่งกระถางธูปหน้าวัดฮินดูก็เป็นแบบจีนที่คนจีนในย่านนั้นบริจาค และถัดไปในระยะมองเห็นก็เป็นโบสถ์ของชาวยิว
ส่องวิถีความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นถึงหน้าประตูบ้าน โดยไกด์จะพาเราลัดเลาะขึ้นตึกพักอาศัยในย่านนั้น ตั้งแต่พื้นที่ส่วนกลาง โซนร้านค้าและบริการชั้นล่าง ไปจนถึงโซนพักอาศัยชั้นบน พร้อมอธิบายความเป็นอยู่จริงๆ เช่น เล่าถึงนโยบายสัดส่วนการขายห้องพักอาศัยตามเชื้อชาติ โดยทางการจะกำหนดว่าใน 1 ตึกจะขายให้คนเชื้อชาติจีน อินเดีย มาเลย์ ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าโควต้าสำหรับคนเชื้อชาตินั้นหมดแม้ว่าจะมีส่วนของเชื้อชาติอื่นเหลือก็ซื้อไม่ได้
ทั้งนี้เพื่อให้ประชากรทุกเชื้อชาติได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยร่วมกัน ใช้ชีวิตในพื้นที่เดียวกัน อันจะนำมาสู่ความเข้าใจและผสมกลมเกลียวกันไปโดยปริยาย เรื่องนี้ต้องรอเวลาข้ามเจเนอเรชั่นจึงจะเห็นผลแต่ก็คุ้มค่า เพราะเมื่อเด็กๆ เติบโตมาในพื้นที่เดียวกัน เล่นด้วยกัน ไปโรงเรียนด้วยกัน เขาจะปรับตัวเข้าหากันและเคารพในกันและกันไปโดยปริยาย อย่างที่ลูกชายของไกด์ซึ่งมีเชื่อชาติจีนมีเพื่อนสนิทที่สุดเป็นคนเชื้อชาติอินเดียที่เล่นกันมาแต่เด็ก เป็นต้น
สำรวจฮวงจุ้ยย่านการค้า จากนั้นเป็นการเดินไปถ่ายภาพตึกเก่าจากมุมที่ไม่ค่อยมีใครรู้ และปิดท้ายด้วยการเดินดูฮวงจุ้ยของบรรดาตึกสวยๆ ในย่านนั้น ฟังเพลินๆ ได้ความรู้ดี และมีมุมถ่ายภาพเยอะด้วย
เราชอบโปรแกรมนี้ตรงที่ได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นจริงๆ แนะนำสำหรับคนที่สนใจวิถีชีวิตของผู้คนหรือชอบถ่ายภาพแนวสารคดี ฟีลลิ่งเรียลมาก
Singapore Sidecars
คุณเคยเห็นขบวนเวสป้าพ่วงข้างน่ารักๆ ไหม ที่สิงคโปร์เราจะได้อยู่ในขบวนนี้พร้อมกับมีหนุ่มๆ ขับให้นะ! งานนี้ไม่ต้องหาแฟนมาขับให้แค่จองทัวร์กับ Singapore Sidecars เขาจะจัดหาหนุ่มๆ ขี่เวสป้าวินเทจมารับเราไปกินลมชมวิวทั่วเมือง พร้อมแวะถ่ายรูปในจุดสวยๆ เป็นระยะ บอกเลยว่าฟินมาก!
ทัวร์นี้ได้แรงบันดาลใจจากทัวร์เวสปาที่ทัสคานี อิตาลี และมีความเชื่อมโยงกับสิงคโปร์ตรงที่ที่นี่เคยมีโรงงานเวสป้าแต่เลิกผลิตไปนานแล้ว ซึ่งรุ่นนั้นก็คือหนึ่งในคันที่เจ้าของสะสมไว้และนำมารับนักท่องเที่ยวนั่นเอง
ฟีลตอนนั่งก็คือรู้สึกสวยมากเพราะคนมองทั้งถนน! บางคนถึงกับยกโทรศัพท์มาถ่ายรูป ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเวลาน้องเวสป้าพ่วงข้างสีสดใสแล่นผ่านเป็นขบวนมันน่ารักจริงๆ ยิ่งตอนเขาแวะจอดเรียงกันตามสถานที่สวยๆ อย่างสะพานโบราณ หน้าตึกโบราณ หรือตรอกซอกซอยที่มีภาพอาร์ตๆ บนผนังเพื่อให้เราถ่ายรูปยิ่งน่าประทับใจ แถมระหว่างทางยังได้ชมแสงสีของเมืองไปพร้อมๆ กับสัมผัสสายลมอุ่นๆ ยามค่ำคืน ไวบ์ในตัวเมืองสิงคโปร์ตอนค่ำดีมาก เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราอิ่มเอมใจจริงๆ
*ทัวร์นี้มีทั้งรอบกลางวันและรอบค่ำ เราแนะนำรอบค่ำนะ อย่าลืมว่าประเทศนี้อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมาก แดดกลางวันอย่างเปรี้ยงเมื่อบวกกับความร้อนอบอ้าวอาจจะทำให้เราหมดสนุกได้ ขณะที่ช่วงค่ำอากาศจะดีกว่า แดดไม่ร้อน และยังได้เห็นแสงสีของเมืองด้วย
ทำความรู้จักผู้คนผ่านอาหารการกิน
“อาหาร” คือหนึ่งในหนทางที่เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตคนในท้องถิ่นแบบง่ายๆ และทริปนี้เราก็ได้ลองอาหารท้องถิ่นสไตล์จีนและมาเลย์ด้วย ซึ่ง 2 ร้านนี้คือร้านที่อยากบอกต่อ
Heap Seng Leong
ร้านอาหารสไตล์จีนที่เปิดมากว่า 70 ปี เป็นตึก 2 คูหาอยู่ในย่านพักอาศัย บรรยากาศเหมือนร้านตามเยาวราชยุคเก่า ไม่ตกแต่ง ไม่มีแอร์ แต่คนแน่นมาก และต้องต่อแถวค่อนข้างยาว ขายอาหารจำพวกขนมปัง ไข่ลวก ชาร้อน ชาหอมอร่อย (แต่สำหรับบางคนอาจจะว่าหวานไป) ส่วนขนมปังจะทาสังขยาบางๆ แล้วหั่นเนยเป็นแผ่นใส่มาเลย เราว่าอาหารอยู่ในระดับโอเค แต่ที่ดีคือได้สัมผัสอาหารการกินของคนท้องถิ่นจริงๆ มากกว่า
The Coconut Club
ร้านอาหารมาเลย์ บรรยากาศดี ตกแต่งสวยงาม ชั้นบนโปร่งสบาย อาหารโดยรวมอร่อย ลูกค้าเยอะเช่นกัน แต่ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างจึงไม่แน่นจนอึดอัด เมนูที่ไม่อยากให้พลาดคือ Nasi Lemak ข้าวหุงกะทิเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง (ปลาตัวเล็กทอด ไข่ดาว ถั่วลิสงทอด และน้ำพริก) จานนี้อร่อย ไม่มันมาก ไม่เลี่ยน และ Sate Ayam Bumbu Kacang หรือก็คือไก่สะเต๊ะบ้านเรานั่นเอง รสชาติคล้ายของไทยแต่แห้งกว่า หวานมันน้อยกว่า และมีกลิ่นเครื่องเทศชัดกว่าเล็กน้อย
Bhai Sarbat Singapore
ร้านนี้แถมสำหรับคนไม่กลัวความหวาน เป็นร้านชาชักเก่าแก่อยู่ใกล้ร้าน The Coconut Club (เดินเข้าซอยข้างร้านไป 1 ล็อก ร้านอยู่หัวมุมทางขวา) จุดเด่นคือเป็นชาชักที่ชงด้วยน้ำอ้อย หวานตัดขาแต่หอมน้ำอ้อย แปลกใหม่มาก ยิ่งกินตอนเดินตากแดดร้อนๆ ช่วยให้มีแรงเดินต่อ
นี่คือส่วนหนึ่งของความประทับใจกับสิ่งคโปร์ในมุมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียว การสร้างวิถีความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมที่ผสมกลมกลืนกัน
...ทั้งหมดนี้เป็นจริงได้ที่สิงคโปร์ เมืองที่สร้างทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ด้วย Human-made
.
Text: Nicharee W.
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและดูแผนที่ คลิกที่ชื่อสถานที่ด้านล่างนี้ได้เลย
รายละเอียดภาษาไทยจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์
Capita Spring Building (ช่วงเย็นไปจนถึงค่ำอนุญาตเฉพาะผู้ที่จองร้านอาหารและบาร์เอาไว้)
1 Arden (ต้องจองล่วงหน้า)
Instawalk Adventure (Bugis, Waterloo And Kampong Glam Instagram Walking Tour) (ต้องจองล่วงหน้า + แนะนำเตรียมอุปกรณ์กันแดดและน้ำดื่มให้พร้อม)
Singapore Sidecars (ต้องจองล่วงหน้า)
Heap Seng Leong (เข้าไปหาโต๊ะนั่งแล้วเข้าคิวสั่งอาหารด้านใน / ทางร้านไม่อนุญาตให้สั่งกะหรี่พัฟฟ์หน้าร้านเข้ามานั่งรับประทาน)
ฝากติดตามอ่าน Made in Singapore …ทำทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ที่สิงคโปร์ EP.2 ที่จะพาคุณผู้อ่านไปชมความน่ารักของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่และนกนานาชนิดที่ Mandai Singapore Zoo และ Mandai Bird Paradise ด้วยนะคะ
ขอบคุณ การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board – STB) สนับสนุนการเดินทาง
.
อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village
ฮ่องกง 2023 เมืองของคนรักสีสัน อาหาร และสายมูฯ #สายถ่ายภาพก็ฟินนะ
Hotel MYS Khao Yai โรงแรมระดับ 5 ดาวแนวลักชูรีโคซี อบอุ่น สวยงาม อาหารเลิศ
ไปเที่ยวทะเลใต้กับ HYUNDAI STARGAZER ใช้เวลาน้อยแต่สนุกมาก!
12 เรื่องน่ารักๆ ที่แม่สื่อมืออาชีพอยากบอกคนโสด (ไม่โสดก็อ่านได้)
5 เหตุผลที่คนเก๋ๆ ต้องไปเช็คอินที่ Kimpton Kitalay Samui
รีวิว ออริกา เวลเนส & โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ..สุข สบาย ใจสงบ
Kamalaya Koh Samui รีสอร์ทที่จะทำให้คุณรู้สึกเต็มอิ่มทั้งกายใจ จนไม่อยากออกไปไหนเลย!