ในปี 2017 เฉินซิงซวี่ได้รับบทรองในซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค The Legend of the Condor Heroes (2017) กระทั่งในปี 2019 ก็ถือเป็นปีที่สร้างความสำเร็จให้กับเฉินซิงซวี่แบบก้าวกระโดด โดยเฉินซิงซวี่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกซีรี่ย์จีนอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก/ดราม่า Good Bye My Princessหรือชื่อไทย ตงกง ตำหนักบูรพา ที่เฉินซิงซวี่รับบทนำคู่กับนักแสดงหญิงจีนรุ่นพี่เผิงเสี่ยวหรั่น (Peng Xiaoran) แท็กทีมกันส่งต่อเรื่องราวความรักสุดดราม่าเคล้าน้ำตา พร้อมเคมีชวนจิ้นจนขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 10 ซีรี่ย์จีนที่ได้รับความนิยมสูงสุดของปี 2019 ซึ่งไม่เพียงกวาดความปังในจีนเท่านั้น แต่ในไทยก็เป็นที่ฮอตฮิตอย่างมากเช่นกัน
ต่อมาเฉินซิงซวี่ก็มีซีรี่ย์จีน The Best Of Times (2020) ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนหนุ่มสาวที่ต้องร่วมกันพัฒนารถไฟความเร็วสูงของจีนเพื่อยกระดับไปอีกขั้น พร้อมกับเรื่องราวความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ประกบคู่กับหูปิงชิง (Hu Bingqing), ซีรี่ย์จีนแนวทหาร/กองทัพ The Glory of Youth (2021) และอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด/โรแมนติก Fall in Love หรือชื่อไทย รักแรกเจอ เผลอจนหมดใจ (2021) ที่เฉินซิงซวี่ควงคู่จางจิ้งอี๋ (Zhang Jingyi) มาถ่ายทอดเรื่องราวความรักของหลานชายของผู้บัญชาการใหญ่ที่พร้อมด้วยฐานะ หน้าตา การศึกษาที่ได้มาเจอกับนางเอกลูกสาวของตระกูลที่ว่ากันว่าร่ำรวยเป็นอันดับ 1 ของเซี่ยงไฮ้ เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงของเฉินซิงซวี่ที่ต้องตามค่า
หลังส่งซีรี่ย์จีน Fall in Love รักแรกเจอ เผลอจนหมดใจลงจอไปเมื่อปี 2021 เฉินซิงซวี่ก็ไม่มีผลงานซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่ลงจอ กระทั่งในเดือนก.พ. 2023 นี้ที่ในที่สุดแฟนคลับของเฉินซิงซวี่ก็ได้ชื่นใจอีกครั้ง หลังซิงซวี่ส่งซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่อย่าง The Starry Love หรือชื่อไทย ดาวตกก่อเกิดรัก (ชื่อเดิม Love When The Stars Fall) ออนแอร์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งยังถือเป็นการคัมแบ็คซีรี่ย์จีนย้อนยุคในรอบ 3 ปีของเฉินซิงซวี่อีกด้วย!!
สำหรับซีรี่ย์จีนThe Starry Love ดาวตกก่อเกิดรักเป็นผลงานที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนชื่อดังของอีตู้จวินหัว (Yi Du Jun Hua) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเทพหนุ่มรูปงามที่ถูกท่านพ่อบังคับให้แต่งงานกับองค์หญิง เพื่อรักษาความสงบสุขของเหล่าหมู่เทพ แต่การแต่งงานครั้งนี้กลับไม่ใช่การแต่งงานธรรมดา เพราะเกิดการสลับตัวเจ้าสาวกัน จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดอลวน! แม้ว่าช่วงเริ่มต้นความแก่นเสี้ยวเปรี้ยวซ่าขององค์หญิงจะทำให้มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้น แต่ท้ายที่สุดความรักก็ค่อยๆ ก่อเกิดตัวขึ้น!
จองคยองโฮเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นที่เกิดมาในครอบครัวที่คุณพ่อทำอาชีพในวงการบันเทิง โดยคุณพ่อของจองคยองโฮชื่อว่า “จองอึลยอง” เป็นโปรดิวเซอร์มือฉกาจของช่อง KBS ที่ผลิตซีรี่ย์เกาหลีดังๆ มามากมาย ทำให้ตอนเด็กๆ จองคยองโฮเคยไปที่กองถ่ายละครที่พ่อทำด้วย
วันหนึ่งเมื่อจองคยองโฮเติบโต เขาก็เริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางนักแสดงด้วยการเรียนสายการแสดงที่มหาวิทยาลัยชุงอัง ก่อนที่เดบิวต์เป็นนักแสดงเมื่อปี 2004 ในเรื่อง Five stars ของ SK Telecom โดยก่อนหน้านั้นจองคยองโฮได้ไปลองออดิชั่นเป็นนักแสดงของ KBS เมื่อปี 2003 ซึ่งจริงๆ แล้วพ่อของจองคยองโฮคัดค้านอย่างรุนแรงเรื่องที่เขาจะเป็นนักแสดงด้วย ถึงกระนั้นจองคยองโฮก็ยังคงมุ่งมั่นกับการเป็นนักแสดง นับตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2004
จองคยองโฮเริ่มต้นการแสดงในปีแรกด้วยบทเล็กๆ ในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Sweet 18 และ You Will Know ก่อนที่จองคยองโฮจะได้ก้าวขึ้นมารับบทสำคัญด้วยเป็นหนึ่งในนักแสดงนำของซีรี่ย์เกาหลีเรื่องดังระดับตำนานอย่าง I’m Sorry, I Love You จำกันได้ไหมเอ่ย ตอนนั้นจองคยองโฮรับบทเป็น “ชเวยุน” ชายหนุ่มที่ตกหลุมรักนางเอก ซึ่งกลายเป็นบทแจ้งเกิดของจองคยองโฮตั้งแต่ปีแรกที่เดบิวต์
หลังจากนั้นจองคยองโฮก็มีงานแสดงออกมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง My Sweetheart My Darling เมื่อปี 2005 แถมได้กระโดดไปเล่นหนังด้วยในปีเดียวกัน กับหนังเรื่อง All For Love และ When Romance Meets Destiny แล้วก็ได้ก้าวขึ้นมารับบทตัวละครหลักในภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Gangster High ในปี 2006 และ Herb ในปี 2007
บอกเลยว่าพอจองคยองโฮได้รับบทนำ ก็กินยาวรับบทนำยาวๆ เลยจ้า ทั้งในผลงานหนังและซีรี่ย์เกาหลี โดยในปี 2007 จองคยองโฮทั้งรับบทนำในหนังเกาหลีเรื่อง For Eternal Hearts กับซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Time Between Dog and Wolf เมื่อปี 2007 และหนังเรื่อง Sunny ในปี 2008 รวมถึงหนังเรื่อง Running Turtle ในปี 2009 ถึงกระนั้นแม้จองคยองโฮได้รับบทเป็นพระเอกในหนังแล้ว แต่ยังไม่ได้รับบทพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีเลย ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
จองคยองโฮได้ก้าวขึ้นมารับบทเป็นพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีผ่านเรื่อง Ja Myung Go เมื่อปี 2009 ซึ่งเป็นแนวย้อนยุคนะจ๊ะ ตามมาด้วยบทพระเอกในซีรี่ย์เกาหลี Smile, You เมื่อปี 2009 – 2010 และ Drama Special“The Great Gye Choon-bin” เมื่อปี 2010 แต่แล้วในช่วงที่จองคยองโฮเริ่มรับบทพระเอก เขาก็ตัดสินใจเข้ากรมรับใช้ชาติในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2010 ทำให้จองคยองโฮห่างหายจากงานแสดงไปเกือบ 3 ปีเลย
ก่อนที่จองคยองโฮจะปลดประจำการกลับมาทำงานในวงการ ด้วยการรับบทพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Heartless City และหนังเกาหลีเรื่อง Fasten Your Seatbelt เมื่อปี 2013 พร้อมไปรับเชิญในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง After School: Lucky orNot และรับบทนำในซีรี่ย์เกาหลีสั้นเรื่อง Drama Festival “Crow’s-Eye View” ด้วย
ตามมาด้วยบทนำในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Endless Love, หนังเกาหลีเรื่อง Manhole และซีรี่ย์เกาหลีสั้นเรื่อง Drama Festival “House, Mate” ในปี 2014 ตัดมาที่ปี 2015 จองคยองโฮก็มารับบทเป็นพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Falling for Innocence หรือ Beating Again กับหนังเกาหลีเรื่อง Amor รวมถึงมีไปแสดงรับเชิญในซีรี่ย์เกาหลีอีก
หลัง Prison Playbook จบไปได้ 5 เดือน จองคยองโฮก็เปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นตำรวจใน Life on Mars แถมยังเป็นงานย้อนเวลาด้วย เมื่อจองคยองโฮประสบบางอย่างจนทำให้กลับไปปี 1988 เฉยเลย เรื่องนี้สนุก และจองคยองโฮก็ยังงานแสดงคุณภาพเหมือนเดิม
แล้วในปี 2019 ก็มีผลงานซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง When the Devil Calls Your Name ออกมา ที่ได้เห็นจองคยองโฮในบทบาทนักแต่งเพลงฮิตที่มีความลับที่เขาขายวิญญาณให้กับปีศาจเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อแลกกับความสำเร็จจ้า ซึ่งการแสดงของจองคยองโฮในเรื่องนี้ปังมาก
ช่างภาพทั้งหกคนได้เดินทางไปทั่วทั้งประเทศสิงคโปร์ นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย เพื่อค้นหาจุดที่น่าสนใจใหม่ๆ ที่มีความสวยงามตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีเสน่ห์ ไปจนถึงพื้นที่ลุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ และหอประภาคารริมทะเลอีกด้วย สถานที่ที่ช่างภาพได้ไปเก็บภาพและนำมาแสดงผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ Marina One, Funan Mall, SAF Yacht Club, Jurassic Mile, East Coast Park, Sungei Buloh Wetland Reserve และ Lau Pa Sat เป็นต้น
Dan Brown (@simplydanbrown) ออสเตรเลีย – Dan Brown เป็นนายแบบแฟชั่นประจำอยู่ที่ซิดนีย์ที่ได้เซ็นสัญญากับ Chadwick Models โดยที่เขาเคยปรากฏตัวบนนิตยสาร GQ ออสเดตรเลีย ในปี 2564 ในฐานะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชายออสซี่กล้าที่จะแต่งตัวแตกต่าง
Roxanne Gould (@roxmod) สหรัฐอเมริกา – Roxanne เป็นนางแบบแฟชั่นและโค้ชด้านสุขภาพ เธอนำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับการแก่ตัวลงพร้อมเป็นโค้ชสอนผู้หญิงในทุกช่วงอายุ บันทึกความทรงจำของเธอที่มีชื่อว่า Not Just Another Pretty Face ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนมกราคม ปี 2566 และพร้อมจำหน่ายแล้วในขณะนี้