Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

วงการ T-POP มีศิลปินน้องใหม่เกิดขึ้นอีกวงแล้ว ครั้งนี้เป็นสไตล์ดูโอ้กันบ้าง นั่นก็คือสองหนุ่ม FIRZTER จากค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ได้แก่ เฟิร์สและเชสเตอร์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน

ชื่อวง FIRZTER มีที่มาจากการรวมชื่อของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน พร้อมกับมีตัว Z มาเชื่อมตรงกลางโดยจะสื่อถึงทั้ง Gen Z และการเชื่อมโยงทั้งคู่เข้าด้วยกัน สื่อถึงมิตรภาพและความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สู้ในสิ่งที่รัก และซื่อสัตย์กับความฝันนั่นเองค่า

สำหรับเพลงเดบิวต์เปิดตัวของ FIRZTER คือเพลง “ดวงจันทร์” เป็นเพลงที่ทั้งคู่ได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วย โดยเพลงปล่อยออกมาให้ได้ฟังเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่สองหนุ่มจะเดบิวต์อย่างเป็นทางการ สุดสัปดาห์ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขามาด้วย เรียกว่าคุยกันตั้งแต่เรื่องมิตรภาพสมัยเด็ก จนมาถึงการได้เดบิวต์เป็นศิลปินดูโอด้วยกัน

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คุยจัดเต็มกับ FIRZTER สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลย ย้อนกลับไปตอนนั้นหน่อยค่ะว่าเจอกันที่ไหน และความทรงจำที่มีต่อกันตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : เราเจอกันที่โรงเรียนสอนเต้นที่หนึ่ง แล้วเราก็เหมือนได้เรียนในคลาสเดียวกันเกือบทุกวันเลยครับ ซึ่งเตอร์ก็ได้เจอเฟิร์สที่นั่นครับ

เฟิร์ส : พ่อแม่พวกเราก็นั่งรอพวกเราเรียน ก็เลยคุยกันและได้รู้จักกัน พ่อแม่ก็เลยสนิทกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน

เชสเตอร์ : ไปเที่ยวด้วยกันทุกครั้งที่เรียนเสร็จ กินข้าวด้วยกันตลอดครับ

แล้วความทรงจำตอนเรียนเต้นในคลาสเดียวกันเป็นยังไงคะ

เชสเตอร์ : ตอนนั้นพวกผมไม่ชอบกันครับ เพราะว่าเฟิร์สก็เก่งมากครับ แล้วตอนเด็กๆ แต่ละคนก็จะชอบแข่งขันกัน ก็จะมีไม่ชอบหน้ากันอะไรแบบนี้ครับ

ตอนนั้นทั้งสองคนไม่ชอบหน้ากัน แต่พ่อแม่ก็มีไปกินข้าวด้วยกัน สถานการณ์เป็นยังไง

เชสเตอร์ : หมั่นไส้ตั้งแต่แรก แต่มาดีกันจริงๆ ก็คือ เวลาพ่อแม่พามากินข้าว ซึ่งพอเวลาเริ่มผ่านมา 2-3 ปี ก็ต้องอยู่ด้วยกันอะครับ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันครับ

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

ด้วยความที่เชสเตอร์และเฟิร์สสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วมีช่วงที่ห่างหายกันไปบ้างไหม

เฟิร์ส : มีช่วงที่เว้นว่างห่างหายกันครับผม ก่อนเข้า LAZ iCON

เชสเตอร์ : คือเตอร์กับเฟิร์สเข้าไปประกวดรายการหนึ่งด้วยกัน แต่ก่อนหน้านั้นเตอร์ไม่ได้เจอเฟิร์สมาประมาณเกือบ 2 ปีครับ

แม้จะมีช่วงเวลาห่างหายกันไป แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบันเลยใช่มั้ยคะ ความสนิทของทั้งสองคนสนิทกันขนาดไหนคะ

เฟิร์ส : ก็ไปไหนไปด้วยกันอะครับผม ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันครับ

แล้วมีโมเมนต์ไหนที่จำไม่ลืมมาจนทุกวันนี้

เชสเตอร์ : ผมกับเฟิร์สนะครับ เอาจริงๆ ตอนที่ดีกันจริงๆ คือตอนที่ไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ต Magic James ของพี่เจมส์จิด้วยกันครับตอนอายุ 13 ซึ่งหลังคอนเสิร์ตนั้น พวกเราต่อยกันครับ

เฟิร์ส : แต่ว่าที่จริงไม่มีอะไรเลยนะครับ ผมนั่งดูเตอร์เล่นกับคนอื่นอยู่ คนอื่นก็เลยยุ ต่อยกันเลยๆ ก็เลยต่อยกัน หลังจากนั้นก็เลยต่อยจริง

เชสเตอร์ : แล้วหลังจากก็เลยดีกันเลย เตอร์กลัวเฟิร์สไปฟ้องแม่ครับ ผมชกเฟิร์สปากแตกอะครับ ผมก็เลยพยายามทำดีด้วยครับ จนสุดท้ายก็เลยรักกัน

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

เมื่อกี้บอกว่ามีช่วงที่ห่างหายกันไป 2 ปีก่อนแข่งขันในรายการ LAZ iCON พอกลับมาเจอกันในรายการด้วยกันเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : จริงๆ จุดเริ่มต้นที่ได้ไปรายการ LAZ iCON ด้วยกันมาจากที่เตอร์ได้รับติดต่อให้ไปร่วมรายการ แล้วก็เตอร์รู้สึกว่าอยากมีเพื่อนไปด้วย ก็เลยโทรไปหาเฟิร์ส เฟิร์สก็เลยมาด้วยกัน เหมือนโทรไปชวนกันออดิชันครับ

เฟิร์ส : เวลาผมไปไหน สมมติไปออดิชันก็ต้องมีเพื่อน ไม่อยากไปคนเดียว ก็เข้าใจ ก็เลยไปเป็นเพื่อนเตอร์ครับ

สุดท้ายก็ออดิชั่นติดทั้งคู่ ตอนเข้าแข่งขันในรายการเป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนอยู่ในรายการไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ

เชสเตอร์ : ใช่ เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สอยู่คนละทีมกันเลย จะมีแค่อีพีสุดท้ายที่มาอยู่ด้วยกันครับ

พูดถึงตอนไปเข้าแข่งขันรายการเพื่อคว้าโอกาสเป็นศิลปิน บวกกับทั้งคู่เรียนเต้นตั้งแต่เด็ก เลยอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไปเรียนเต้นมาจากอะไร

เฟิร์ส : ผมอยากเรียนครับ ตอนเด็กก็เริ่มจากอยากร้องเพลงก่อน ก็เริ่มเรียนร้องเพลงก่อน ประมาณ 6 ขวบ หลังเรียนร้องเพลงเสร็จ ตอนแรกยังไม่ได้อยากเต้นครับ แต่มีเพื่อนแม่คนหนึ่งเมื่อก่อนเขาเรียนเต้น ผมก็ลองไปเรียนตาม ก็เริ่มชอบเรียนเต้นครับผม ก็เลยเรียนควบคู่มาตลอด ผมเริ่มอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอนร้องเพลงครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์ แรงบันดาลใจมาจากการที่เตอร์มีแฟนตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง คราวนี้เตอร์ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจได้คือการร้องเพลง กับการเต้น มันจะดูป๊อปปูลาร์มาก จะดูหล่ออะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้นครับ ร้องเพลง เต้น ทุกอย่างเลย เราฝึกจนแบบวันหนึ่งพ่อแม่เสนอให้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนเต้นแห่งหนึ่งที่ได้ไปเจอกับเฟิร์สที่นี่ เราก็เลยตัดสินใจไปเลย เผื่อว่าจะเต้นดีขึ้นก็จะได้หล่อขึ้นต่อหน้าผู้หญิงอะไรแบบนี้ครับ

กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งสองคนผ่านจุดทดสอบอะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

เชสเตอร์ : โห! คือเตอร์กับเฟิร์สนะ 7 วัน เตอร์ว่าเรียนพวกเต้น พวกร้องกัน 7 วันเลยครับ คือเรียนทุกวันหลังเรียนที่โรงเรียนเสร็จปุ๊บ มาซ้อม หลังเรียนเสร็จปุ๊บเข้ามาเรียนเต้น เข้ามาเรียนร้อง ลูปมันเป็นอย่างนี้มาตลอด จนมาถึงช่วงหนึ่งเราเริ่มโตขึ้น ก็เริ่มมีไปออดิชั่นนะ เฟิร์สจะมีไปเข้าแข่งขันรายการ

เฟิร์ส : เตอร์ก็จะมีค่าย

เชสเตอร์ : ก็คือซ้อมกันหนัก แต่อยู่คนละทางกันครับ

แล้วตอนไปแข่ง LAZ iCON รายการนี้ให้อะไรกับทั้งสองคนบ้าง

เฟิร์ส : รายการนี้ให้หลายอย่างกับเฟิร์สนะ ในเรื่องการฝึกซ้อมและเรื่องระเบียบวินัย ได้ฐานแฟนคลับมากขึ้นเยอะมากๆ แล้วก็ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์กับเพื่อนครับผม

เชสเตอร์ :  สำหรับเตอร์ก็คิดเหมือนกันครับว่ารายการนี้ที่ให้เตอร์จริงๆ คือเรื่องมิตรภาพครับ คือทุกคนใน LAZ iCON เป็นครอบครัวเดียวกันครับ

นอกจากเคยเข้าแข่งขันในรายการ จากที่ทั้งคู่เล่าก่อนหน้านี้ว่ามีไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตให้ศิลปินรุ่นพี่ มีเคยเป็นแดนเซอร์ให้ใครอีกมั้ยคะ นอกจากเจมส์จิ

เฟิร์ส : เต้นให้พี่เจ เจตริน

เตอร์ : ใช่ เตอร์กับเฟิร์สไปเต้นให้พี่เจ เจตรินครับ

เฟิร์ส : เป็นแดนเซอร์นี่แหละครับ ตอนนั้นได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีครับ

เตอร์ : เหมือนเราเรียนกันมาพอๆ กันเลยอ่ะ ทั้งร้อง ทั้งเต้น

ยังจำความรู้สึกตอนเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตที่จัดที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีได้มั้ยว่าเป็นยังไง ตื่นเต้นไหม เพราะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่อิมแพคได้

เฟิร์ส : จริงๆ ตอนเด็กผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากไปโชว์ความเท่ จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ผมแค่รู้สึกว่า ผมได้มาเต้นโชว์คนดูเยอะมากแค่นั้นอะครับ

เชสเตอร์ : ใช่ครับ แต่ผมมีความดีใจนะครับที่ได้ขึ้นเวทีใหญ่

การที่เราได้เป็นแดนเซอร์ให้รุ่นพี่ศิลปิน ทำให้ยิ่งจุดประกายในการเดินเส้นทางนี้มากขึ้นมั้ยคะ

เฟิร์ส : เฟิร์สว่าจุดประกายนะครับ เพราะพี่เจ เจตรินก็เป็นไอดอลหนึ่งคนที่เฟิร์สชอบ แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมาก เฟิร์สแค่รู้สึกว่าสักวันหนึ่งเฟิร์สอยากจะไปอยู่จุดๆ นั้นให้ได้มากกว่า เพราะว่าเหนื่อยมาเยอะครับผม

แล้วการได้ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายแกรมมี่ได้ ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของไทยเลย รู้สึกยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : ตอนเข้ามาเป็นเด็กฝึก ถ้าให้พูดตรงๆ พวกผมยังไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น เรามาดีใจตอนที่พวกเราได้เดบิวต์เป็นศิลปิน อันนี้คือดีใจมาก ตอนแรกเตอร์กับเฟิร์สกะเข้ามาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่คราวนี้พี่ๆ ทีมงานหรือค่ายเขาจับมาคู่กัน

เฟิร์ส : แล้วเขาไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นเพื่อนกัน

เชสเตอร์ : พอจับมาคู่กันปุ๊บ ความรู้สึกเตอร์กลับเปลี่ยนครับ ตอนนี้เราไม่ได้อยากเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เราโอเคมากกับการทำคู่ เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทเรา ด้วยเคมีอะไรหลายๆ อย่าง เวลาร้อง เต้นค่อนข้างที่จะเชื่อมกันและลงตัวมากครับ

กว่าจะได้เดบิวต์ ทั้งสองคนผ่านการฝึกฝนที่โหดมากมั้ยคะ

เฟิร์ส : สำหรับผมไม่หนักครับ เพราะเคยเจอหนักมากกว่านี้แล้วครับก่อนหน้านี้

เชสเตอร์ : มันโอเคครับ ไม่ได้หนัก เตอร์เคยเจอโหดมากมาแล้ว

เฟิร์ส : อันนี้ก็คือเราก็พัฒนาความสามารถตัวเอง เช่น เรียนร้องเพลง และมีการสอบเพื่อดูว่าในทุกๆ วีค เราพัฒนาขึ้นยังไงบ้าง เพื่ออัพสกิลตัวเองครับผม

ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว อยากให้เล่าหน่อยว่าเพลงเดบิวต์ของ FIRZTER เป็นเพลงสไตล์ไหน

เฟิร์ส : แนวเพลงก็จะเป็นแนว HIPHOP กับ R&B และลาติน ก็คือจะผสมกันหลายๆ แนวครับผม เพลงจะเล่าเกี่ยวกับซื้อบ้านให้เธอบนดวงจันทร์ครับ ส่วนที่มาของเพลงต้องให้เตอร์เล่าครับ

เชสเตอร์ : เพลงนี้เป็นการสานต่อตอนอนุบาล เวลาเขาจีบกัน เขาก็จะซื้อบ้านที่ทองหล่อให้ แต่ของเตอร์กับเฟิร์สมันธรรมดาไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราต้องเหนือกว่านั้นครับ เราก็เลยไปซื้อให้เธอที่ดวงจันทร์เลย ก็คือเพลงนี้จริงๆ ใช้เวลาแต่งครึ่งชั่วโมงได้ครับ เตอร์กับเฟิร์สมีส่วนร่วมในการทำเนื้อร้อง ทำบีท ทำเดโม่ทุกอย่างแล้วก็ส่งให้ค่ายไป แล้วทีนี้ค่ายก็เห็นว่าเพลงนี้เขาชอบมาก ก็เลยให้เราไปทำกับนักดนตรีต่างชาติที่ทำดนตรีดีมาก และมีพี่แม็ค ศรัณย์มาเป็น executive producer ด้วย เหมือนมีหลายหัวมาช่วยกันคิดครับ

เฟิร์ส : ก็เลยทำให้ออกมาเป็นเพลง “ดวงจันทร์” ครับ

ตอนที่ส่งเพลงไปให้ค่ายแล้วเพลงผ่าน ตอนนั้นรู้สึกยังบ้าง

เชสเตอร์ : ดีใจนะ

เฟิร์ส : ผมดีใจ รู้สึกว่าเราได้ทำเพลงตามสไตล์ที่เราชอบอ่ะครับ คือทุกอย่างมันมาจากเรา

เชสเตอร์ : White Music ก็เปิดใจกับเพลงเราด้วยครับ

เฟิร์ส : ใช่ ก็เลยพอใจในสิ่งที่เราทำ แล้วก็ตื่นเต้นมากครับ

แล้วเบื้องหลังการเตรียมตัวในเรื่องการเต้นสำหรับเพลงเดบิวต์เป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนแรกเฟิร์สกับเตอร์จะไม่เต้นครับ เพราะอยากเป็น hiphop boys ครับ จะเต้นแบบฟรีสไตล์อะไรแบบนี้ครับ แต่ว่าพอมาดูภาพจริงๆ ก็โอเค อาจจะต้องเต้นบ้าง

เชสเตอร์ : เต้นหน่อยดีกว่า ให้เพลงมันมีความมันขึ้นครับ

เฟิร์ส : เราจะมีคนมาออกแบบท่าเต้นให้ ส่วนพวกเรามีส่วนร่วมในการเลือกท่าเต้น

เชสเตอร์ : ทางคนออกแบบท่าเต้นเขาทำมาเป็น options ให้เราเลือกว่าอยากได้แบบไหนอะไรแบบนี้ครับ

เฟิร์ส : แล้วตอนแรกดูในคลิปก็คิดว่ามันไม่เหนื่อยครับ แต่จริงๆ แล้วเหนื่อยแทบตาย (หัวเราะ) เหมือนวิ่ง 50 นาทีครับ

เชสเตอร์ : อยากให้ทุกคนได้ลองเต้นท่าเพลงนี้ดู ทุกคนจะรู้ว่าเหนื่อยมาก เหมือนได้ออกกำลังกาย

เฟิร์ส : ตอนซ้อมเต้นผมอยากกลับบ้านเลยครับ (หัวเราะ)

ปกติยุคนี้ก็ต้องมีทำท่าเต้นให้คนไปเต้นตาม ทาง FIRZTER จะมี challenge อะไรมาฝากให้ทุกคนไปเต้นตามกันมั้ย

เฟิร์ส : เราคิดท่าเต้นง่ายๆ มาให้ครับ

เชสเตอร์ : เรามี Tiktok ให้ทุกคนได้เต้นด้วย

เฟิร์ส : ก็คืออาจจะไม่ได้เหนื่อยเหมือน MV ง่ายๆ ครับ

เชสเตอร์ : ถ้าเกิดอยากคัฟเวอร์ท่าจริง เราก็ยินดีมากครับ  

เฟิร์ส : ถ้าไม่เหนื่อยนะ ผมยกย่องเลย แต่ก็สนุก (หัวเราะ)

ที่บอกว่าเต้นแล้วเหนื่อยคือท่าเต้นเป็นแบบไหนคะ

เฟิร์ส : ท่าเต้นจะเป็นแนวการเต้นที่เท้าจะไม่อยู่กับพื้นเลย จะกระโดดตลอดเวลา แล้วก็มีมือต้องคอยมูฟตลอดเวลา

เชสเตอร์ : จะเหมือนเราทำคาร์ดิโอ ออกกำลังกายตลอดเวลา คือเต้นประมาณ 30 วินาที เหมือนวิ่งไปแล้ว 10 นาที

แล้วมีน้ำหนักลดมั้ยคะเวลาซ้อมเต้นช่วงนี้

เฟิร์ส : น้ำหนักผมลดครับ ผมเป็นคนเล่นฟิตเนส ผมเลยต้องชั่งน้ำหนักตลอด แล้วช่วงที่กลับมาเต้นอีก เพราะก่อนหน้านี้มีช่วงที่ไม่ได้เต้นครับ น้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม แล้วพอกลับมาเต้น ผมเหลือ 59-60 กิโลกรัมครับ

เชสเตอร์ : ผมเป็นคนผอม แต่จริงๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนที่มีพุง และพุงใหญ่มากเหมือนตี๋น้อยเลย แล้วพอได้มาเต้นเพลงนี้คือพุงผมยุบไปเลยครับ

คิดว่าจุดเด่นของ FIRZTER คือจุดไหนบ้าง

เชสเตอร์ : ผลงานพวกเราก็คือตัวพวกเราเลยครับ เพราะพวกเราทำเอง

เฟิร์ส : ใช่ และพวกเราก็เป็นตัวเองครับผม รวมถึงสไตล์ของเราด้วยครับ

เชสเตอร์ : จะบอกว่าเสียงเตอร์กับเฟิร์ส ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ เสียงเตอร์กับเฟิร์สค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์ เป็นเสียงเด็กที่อยู่ในผู้ใหญ่ครับ

ด้วยความที่ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนวันนี้ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน มีความประทับใจอะไรต่อกันบ้างคะ

เฟิร์ส : สำหรับเฟิร์สก็คือเป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไปย้อนดูรูปก็เห็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้มาเดบิวต์ด้วยกัน มันเหมือนเป็นอะไรถูกล็อกไว้แล้วอะครับ ก็รู้สึกว่าเตอร์เป็นคนเก่ง ทำได้ทุกอย่าง และเป็นคนตั้งใจ มีไฟครับ บางทีเฟิร์สก็มีความขี้เกียจบ้าง แต่พอมีเตอร์อยู่ด้วย พอเตอร์จะลงมือทำ ผมก็ต้องทำไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่มีเตอร์ ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ครับ เพราะอย่างไปรายการ LAZ iCON เตอร์ก็เป็นคนชวน มีช่วงหนึ่งที่เฟิร์สจะไม่ทำแล้ว เพราะไปออดิชันจนถึงรอบสุดท้ายมาหลายครั้งแล้วแบบไม่ได้ตลอด ก็เลยรู้สึกเฟลครับ แต่เป็นเพราะเตอร์ก็เลยมาครับผม

เชสเตอร์ : คำตอบเดียวกันเลยครับ คือเฟิร์สเป็นคนที่เก่งมากทุกอย่าง เช่น เรื่องความคิด เฟิร์สเป็นคนฉลาดมาก จริงๆ เตอร์ก็เป็นคนมีความขี้เกียจเหมือนกัน เราจะสลับกันตลอดเวลา คือถ้าเตอร์ขี้เกียจ เฟิร์สจะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้นมา แต่ถ้าเฟิร์สขี้เกียจ เตอร์ก็จะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้น เหมือนมันจะสลับกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ประทับใจที่แบบเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ใจกันหมดในทุกอย่าง ทำงานด้วยกันแล้วรู้สึกมีความสุข เราสามารถอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดอะครับ เตอร์ก็คิดว่าถ้าเตอร์ต้องมาดูโอคู่กับคนอื่น เตอร์อาจจะมีความไม่ค่อยสนิทใจ หรือมีความเกร็งนิดนึง แต่พอเป็นเฟิร์ส เตอร์รู้สึกว่าเราได้ทำงานกับครอบครัวเราครับ

ทั้งสองคนมองเป้าหมายในอนาคตยังไงบ้าง

เฟิร์ส : น่าจะต่างกันครับ เป้าหมายของเฟิร์สก็คือดนตรีนี่แหละครับผม อยากให้มันแบบเดินไปไหนก็ได้ยินเพลงตัวเองครับ ให้มีคนรู้จัก และดังไปถึงต่างประเทศครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์เหมือนกันครับ

เฟิร์ส : เป้าหมายเราต่างกันไม่ใช่เหรอ

เชสเตอร์ : ก็ตอนแรกนายบอกนายขอรวยเฉยๆ

เฟิร์ส : ขอรวยด้วยครับ (หัวเราะ)

เชสเตอร์ : จริงๆ  เป้าหมายคืออยากให้เพลงดังแบบทั่วโลกเลย อยากให้เพลงนี้ทุกๆคน ทุกๆ อายุ และทุกๆ โอกาสสามารถฟังได้หมดครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานและฝากให้แฟนๆ สุดสัปดาห์ติดตามหน่อยค่ะ

เฟิร์ส : ฝากแฟนคลับทุกคนไม่ว่าใครก็ตามเลยนะครับ ฝากติดตามเพลงดวงจันทร์ด้วยนะครับผม เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำกันมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบครับ และขอให้ติดตามเพลงหลังๆ จากนี้ด้วยครับ

เชสเตอร์ : เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำทุกเพลง ตั้งใจสุดๆ เลยครับ ฝากทุกๆ คนด้วย เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สจะเป็นหนึ่งในศิลปิน T-POP ที่สนับสนุนให้เพลงไทยได้มีโอกาสไประดับโลก ก็ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล เป็นนักร้องเดี่ยวสายเลือดใหม่จากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ที่เพิ่งเดบิวต์เมื่อปี 2022 นี่เอง ซึ่งบอกเลยว่าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดามากๆ เพราะนอกจากคินจะเป็นนักร้องแล้ว ก่อนหน้านั้นคินเป็นนักกีฬาฮอกกี้ระดับทีมชาติ ซึ่งติดในทีมระดับเยาวชนมาตั้งแต่อายุยังน้อย และปัจจุบันคินก็ยังยึดอาชีพเป็นนักกีฬาควบคู่ไปกับการเป็นนักร้อง

ต้องบอกว่าคินทำทั้งสองบทบาทได้ดีมาก เป็นนักกีฬาก็ทำได้ดี ฝีมือสุดยอด ผ่านการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติมากมาย และยังมุ่งมั่นกับการเป็นนักกีฬาสุดๆ ในขณะเดียวกันพอหันมาจับไมค์ คินก็มีเสียงอันไพเราะและยังมีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดแฟนๆ ได้อีก

คินได้เล่าให้สุดสัปดาห์ฟังว่าเขาเติบโตมากับการเล่นกีฬา เรียกว่าเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก แต่อีกมุมหนึ่งคินก็ชื่นชอบการร้องเพลงมากๆ ถึงขนาดเวลาว่างต้องแอบไปร้องเพลง แต่คินไปแอบร้องเพลงยังไง ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ งานนี้คุยกับคินจัดเต็มมากตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กยันเป้าหมายในอนาคต

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

แนะนำตัวเองพร้อมบอกจุดเด่นของตัวเองหน่อยค่ะ

ได้ครับผม สวัสดีครับ ผมคินนะครับผม มาจากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ครับ ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นตัวเองก็เป็นคนที่เอาใจใส่คนครับผม และก็เทกแคร์คนอื่นครับ ก็จะพยายามเทกแคร์แฟนคลับทุกคนครับ ทุกคนก็แฮปปี้ที่อยู่กับคิน และก็เป็นคนตลกครับ อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยแล้วสบายใจกับเราครับ

อยากรู้ว่าตอนวัยเด็ก คินเป็นเด็กสไตล์ไหนคะ

ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กที่เล่นกีฬาอย่างเดียวเลยครับ กับเรียนหนังสือ สองอย่างเลยครับสมัยก่อน ก็มีร้องเพลงบ้างเป็นงานอดิเรกเล็กๆ ของผมครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ซ้อมกีฬาเยอะมาก คินซ้อมฮอกกี้ 5 วันเลยสมัยก่อน ซ้อมบาส 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ซ้อมฮอกกี้ต่ออีก 2 ชั่วโมง เล่นสองกีฬาเลยครับผม แล้วก็มีช่วงที่ไปปั่นจักรยานด้วยครับผมก็ปั่น 40 กิโลเมตรเลยครับ

ด้วยความต่อหนึ่งวันทำหลายอย่างมาก ในหนึ่งวันคินมีวิธีแบ่งเวลายังไงบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเวลาไปเล่นกีฬา ส่วนใหญ่ผมจะเล่นกีฬาเป็นทีม แม้กระทั่งจักรยานก็ไม่ได้ไปคนเดียว ก็ได้ไปเจอเพื่อนๆ พี่น้องทั้งหลายที่ไปด้วยกันครับ ก็รู้สึกว่าอันนั้นเป็นเวลาพักผ่อน บางทีเราไม่ได้เล่นกีฬาเพื่อที่จะเอาจริงเอาจัง บางอย่างเวลาเราเล่น เราก็แค่เล่นเพื่อผ่อนคลาย

อย่างปั่นจักรยาน คินจะตื่นตี4 หรือตี5 ไปปั่นจักรยานประมาณ 6 โมงครับ ซึ่งเช้ามาก บางทีปั่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เวลาเราปั่นไป ตลอดระยะเวลาที่ปั่นไปก็จะมีเหมือนกับคลองครับผม บางทีก็มีสัตว์อยู่ในนั้นบ้าง ก็รู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่ได้ปั่นแบบว่าสปินต์ตลอดเวลา เราปั่นไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องการที่จะพุ่งไปเลย เราไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ แค่ให้มันครบรอบสองรอบประมาณนั้นครับ

นอกจากเล่นกีฬาเยอะ เราเป็นเด็กมีบุคลิกอุปนิสัยสไตล์ไหน เรียบร้อยหรือว่าเฮฮา สดใสคะ

เป็นเด็กเฮฮา สดใสตั้งแต่เด็กเลยครับ ก็จะเป็นคนที่ชอบอยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยชอบทำอะไรคนเดียว แต่เวลาอยู่คนเดียวเราก็มีนะ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ชอบที่จะอยู่คนเดียวขนาดนั้น ติดการที่ทำอะไรเป็นทีมครับ อย่างปั่นจักรยานก็ไปปั่นกับเพื่อนที่เล่นฮอกกี้ด้วยกันนี่แหละครับ และบาสที่ผมเล่น ผมก็เป็นทีมกับเพื่อน ซึ่งก็คือเพื่อนจากทีมฮอกกี้ด้วยกันครับ

ที่จริงก็คือบางทีเราเล่นกีฬาอื่นนอกจากฮอกกี้บ้าง ซึ่งการที่ผมเล่นฮอกกี้ พอไปเล่นกีฬาอื่นก็ทำให้เห็นอะไรมากขึ้น เช่น แผนการเล่นบางอย่างก็อาจจะคล้ายๆ กัน พยายามประยุกต์วิธีการเล่นเข้ามากับฮอกกี้ได้

แล้วคินเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูสไตล์ไหนจากคุณพ่อคุณแม่ เป๊ะไหม หรือว่าชิลๆ

ถามว่า strick ไหม ก็ strick พอสมควรนะ แต่ว่าอยากเล่นกีฬาอะไรก็ได้เล่นครับ จริงๆ พ่อแม่จะบอกตลอดเลยว่าชอบอะไรก็ทำ ถ้าไม่ชอบให้หยุด เขาจะแบบว่าไม่ฝืนเลย ถ้าเราไม่ชอบทำอะไร แล้วเราฝืนทำต่อไปยังไง ระยะยาวเราทำไม่ได้นานหรอกครับ เขาก็เลยจะซัพพอร์ตตลอดครับว่า ชอบใช่ไหม ถ้าชอบก็ลุย อย่างบาสถ้าชอบก็เล่นเลย ฮอกกี้คินก็เล่นเลย

แล้วนอกจากการซัพพอร์ตด้านนี้ เขาซัพพอร์ตด้านไหนอีกมั้ย อย่างคอยช่วยดูเรื่องตารางให้อะไรแบบนี้

แม่ก็จะคอยช่วยจัดตารางครับผม และมาเชียร์ มาซัพพอร์ต คุณแม่จะเป็นห่วงตลอดเลยเรื่องของการบาดเจ็บ คุณแม่ก็จะวิ่งมาตลอดเลย จริงๆ ก็เคยบาดเจ็บหนักตอนเล่นฮอกกี้พอสมควร บาดเจ็บมาเยอะมากครับผม บางทีก็มีโดนชน คุณแม่ก็จะกลัวแล้ว เช่น บางทีแม่ยืนเชียร์อยู่ข้างบน  แล้วผมตะโกน ม๊า! ขอพลาสเตอร์ยาได้ไหม คือตอนนั้นนิ้วแตก นิ้วแตกแบบว่าไม่ใช่แค่ถลอกนะครับ อารมณ์เหมือนโดนบีบ แล้วมันปริออกมา จริงๆต้องเย็บ แต่ยังแข่งอยู่ ก็เลยขอพลาสเตอร์ยามาพัน จริงๆ แล้วมีแข่งอีกเกมส์หนึ่งด้วย แต่แม่บอกไม่ต้องเล่นแล้ว ไปเย็บ ผมก็เลยขอพันแล้วไปเล่นต่อ ไม่เย็บแล้วกันทำให้ปัจจุบันนิ้วก็เลยมีร่องรอยจากการบาดเจ็บครั้งนั้นครับ

KIN
อันนี้คือเจ็บหนักสุดแล้วใช่ไหม มีอย่างอื่นที่เคยเจ็บหนักกว่านี้ไหม

อันนี้ก็ปกตินะครับ ผมเคยคางแตก แต่ที่เจ็บหนักสุดก็โดนล้มทับครับ เดินไม่ได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง เหมือนเส้นพลิก แล้วตอนนั้นคินแข่งทีมชาติครั้งแรกแล้วก็ชนกันแล้วเขาล้มทับมา ก็เลยเดินไม่ได้ แต่เราฝืนเล่นรอบชิงสุดท้ายนะ เราฝืนลงไปเพราะอยากเล่น ไปทั้งทีแล้วมันก็รอบชิงด้วย เราโดนประมาณเกมส์ก่อนชิงประมาณสองเกมส์ครับ แล้วก็พักได้ประมาณสองเกมส์ก็ไปเล่นรอบชิง มีลงไปเกมส์รอบก่อนชิงรอบหนึ่ง ลงไปปุ๊บ ไม่ไหวครับ ตอนนั้นโค้ชเขาอยากให้ลง เราก็ลงไป แต่ว่าไม่ไหว พอกลับมาไทยก็มารักษาตัวต่อ เจ็บสุดละมั้งครับที่โดนมา

ก่อนที่จะไปถึงทีมชาติ อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เล่นฮอกกี้มาจากอะไร เพราะถ้าพูดถึงฮอกกี้ในประเทศไทย กีฬานี้อาจจะไม่ได้เป็นกีฬาที่แมส หรือคนรู้จักเยอะ ทำไมเราถึงเลือกเล่นกีฬานี้

เริ่มจากญาติคินครับ คินมีญาติเป็นฝรั่ง แล้วเขาก็ไปเรียนไอซ์สเก็ตนี่แหละ ฝรั่งส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นแบบกีฬาสไตล์นี้เป็นกีฬาท้องถิ่นของเขาที่แบบลูกเขาควรเล่นไอซ์สเก็ตเป็นนะ บ้านเขาบางทีพอน้ำแข็งเริ่มละลายจะพาลูกออกไปเล่นสเก็ต ซึ่งตอนนั้นก็เห็นคินก็เห็นญาติเล่นแล้วเขาก็ชวนไปเล่น

ตอนแรกตอนที่คินเด็กมากๆ คินเคยไปทำงานกับคุณแม่แล้วที่นั่นมีลานสเก็ตพอดี ก็เลยไปดู อยากเล่น แต่เชื่อมั้ยว่าแม่ไม่ให้เล่นครับ แม่บอกว่าเป็นกีฬาอันตราย กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวนั่น แต่พอมีโอกาสที่ญาติเขามาชวนแล้วเหมือนเราอยากเล่นอยู่แล้ว พอญาติชวนก็เลยไปลอง แล้วเราก็เกิดติดใจครับ ก็เลยเล่นจนมาถึงทีมชาติครับ

ก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย! ถ้ามันเกิดมาเพื่อที่จะได้เล่นจริงๆ มันก็จะได้เล่น ตอนนั้นจำได้ว่าก็ประมาณ 4 ขวบ จำได้แน่ๆ ว่าเราเคยขอแม่เล่นตอนเด็ก คินเริ่มเล่นสเก็ต 8 ขวบ แต่จำได้ว่าประมาณ 6 ขวบ หรือ 4 ขวบคินจำไม่ได้แม่นๆ คือเคยขอแล้ว แต่แม่บอกกีฬาอันตราย อย่าเล่น ม๊ากลัว

เราคิดว่าเสน่ห์ของฮอกกี้คืออะไรที่ทำให้อยากเล่น แล้วพอได้ลองก็ติดใจจนเล่นกีฬาชนิดนี้มาถึงวันนี้

คิดว่าก็เป็นเสน่ห์ของทุกกีฬาแหละครับ การแพ้ชนะ ก็คือในการแข่งขันมีคนหนึ่งดีใจก็ต้องมีคนหนึ่งเสียใจ เป็นเสน่ห์ที่เราต้องยอมรับ ถ้าฝั่งชนะก็เป็นอะไรที่สวยงามตลอด แต่เราไม่รู้หรอกว่าฝั่งแพ้จะเป็นยังไง เวลาเราสนใจดูเกมจริงๆ เราไม่ได้สนใจหรอกว่าคนแพ้เป็นยังไง เราสนใจแต่คนชนะว่าเขาดีใจ เขาร้องไห้กัน อย่างเวลารอบชิงอ่ะ ไม่รู้ว่าคนดูกีฬาทุกคนจะสังเกตไหม เวลาฮอกกี้ชิง แล้วรอบชิงชนะ คนจะวิ่งไปกอดกัน กล้องก็จะแพลนไปฝั่งที่กอดกัน แต่กล้องจะไม่แพลนไปฝั่งแพ้ ฝั่งแพ้บางทีตอนแข่งทีมชาติบางคนล้มทั้งน้ำตาเลยครับ

แล้วก็อีกเสน่ห์นึงก็คือเป็นกีฬาที่กระทบกระทั่งสูงครับ บางคนก็ชอบกัน เพราะเป็นกีฬาแบบ มาดิ ชนก็ชน มาเลย อยากชนก็มา เดี๋ยวรอรับอะไรอย่างนี้อะครับ

แล้วก็เรื่องของพวก sportsmanship ต่างๆ ก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์ของฮอกกี้จริงๆ นะครับ เพราะสมมติเกิดเราชนกันแทบตายเลยนะ คินเคยแบบจะต่อยเพื่อนในสนามด้วย คือแบบตอนนั้นอารมณ์เสียกันทั้งคู่ พอจบกันก็เป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมนะ พอเกมจบก็เฮ้ย! เป็นไง โอเคเปล่า จับมือกัน เรื่องนั้นจบก็คือจบ คือบางคนกลัวนะที่มาดูแข่ง คือเห็นแข่งแล้วแบบว่า เฮ้ย! มันรุนแรง มันต่อยกันจริงจังมาก ชนกันแรงมาก ชนกันเจ็บ ชนกันแตกเลย แต่พอหมดเวลาออกนอกสนาม ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ

แล้วการฝึกซ้อมของนักกีฬาน่าจะมีตารางการฝึกซ้อมที่แน่น ตัวคินโอเคกับการซ้อมหนักมั้ยคะ

โอเคครับ ถ้าจะแนะนำคนที่กำลังหาแรงบันดาลใจอยู่ว่าเราอยากทำอะไรสักอย่าง ต้องบอกก่อนว่าถ้าเราชอบจริงๆ เราจะทำมันไปได้นาน อย่างบางคนคินเห็นพ่อแม่บังคับเพื่อให้ลูกไปเล่นกีฬา แต่ของผมคุณแม่ไม่เคยบังคับไปซ้อมเลยนะ มีแต่ผมไปซ้อมเองอย่างเดียวเลยครับ คือเราอยากทำมันเองเพราะเวลาเราทำแล้วเรามีความสุข ถึงจะเหนื่อยก็เถอะ แต่เราก็มีความสุขที่จะเหนื่อย

พอวันที่เราก้าวขึ้นไปเป็นทีมชาติได้ ครั้งแรกที่รู้ว่าได้ติดทีมชาติแล้ว ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

จริงๆ ก็ดีใจครับผม ตอนนั้นติดทีมชาติตอนอายุ 13 ครับ โดยติดชาติรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีครับ โห! ดีใจมาก เพราะตอนนั้นเราเด็กสุดในทีมด้วยครับ เพื่อนที่อายุ 13 ติดกันไม่กี่คน แล้วก็ไปแข่งต่างประเทศเลยเป็นทัวร์นาเมนต์แรก ตอนแรกเราก็เล่นในระดับสโมสรครับ ซึ่งตอนนั้นเราก็อยากจะทำไรก็ทำ อยากจะคุยเล่น อยากจะกวนเพื่อน แกล้งกันในสนามก็ไม่มีอะไรถูกผิด

แต่ว่าพอเรามีธงชาติติดอยู่บนหน้าอก มันเป็นความรู้สึกที่ เฮ้ย!เราพราวด์อะทุกอย่างมันเป็นกฎระเบียบ แล้วถ้าเราทำอะไรพลาดนิดเดียวนี่คือประเทศเราเสียเลยนะ เราแบกรับคนทั่วประเทศอยู่บนหน้าอกเราอะ แล้วเวลาเราแข่งเวลาเรามองธงชาติเรารู้สึกแพ้ไม่ได้ เราทำเพื่อประเทศ เราจะคิดว่าแพ้ค่อยกลับไปซ้อมไม่ได้ คือเราซ้อมมาเพื่อจะเอาแชมป์ให้กับประเทศเราอะครับ แล้วก็ความคิดหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเมื่อเราติดทีมชาติ เราจริงจังกับการเล่นมากขึ้น เราทำทุกอย่างใส่สุดทุกอย่างที่เรามีแล้วในการแข่งขัน ถึงแม้เราแพ้ชนะก็ต้องทำให้ดีที่สุดตลอดเพราะเราติดธงไว้แล้ว

แล้วก็พอติดทีมชาติก็ทำให้เรารู้สึกเรียนรู้ที่จะ Respect ธงชาติเยอะขึ้นมาก อย่างในทีมก็จะระวังมากเลย เรื่องการเอาอุปกรณ์ที่มีธงชาตินักกีฬาฮอกกี้ทุกคนจะไม่วางที่พื้นเลย ถ้าเห็นวางจะรีบหยิบขึ้นมาเลยนะ คือวางไม่ได้เลย จะเลี่ยงการเอาธงชาติไปไว้ที่พื้น แล้วก็จะไว้สูงตลอดครับ เราก็จะมีธงที่แบบแห่กัน จะมีเอามือรวมกันแล้วแปะไว้ที่ธง แล้วเขาก็จะปลุกกำลังใจ แบบว่า สู้ไหม สู้ไหม เราก็ตอบ สู้ สู้ แล้วก็รวมพลังกัน 1 2 3 Thailand อะไรอย่างนี้ครับ

การที่เราได้ทำแบบนั้นคิดว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากเลยนะในชีวิต เพราะว่าตอนแข่งแล้วธงชาติอยู่บนอก แล้วพอเราได้มารวมพลังกับเพื่อน รู้สึกว่ามันขลังครับ เราไม่รู้นะว่าคนอื่นคิดเหมือนกันรึเปล่า แต่เรารู้สึกว่า ทำไมมันขลังจังเลย โมเมนต์นี้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องสู้ ทำให้บางครั้งสามารถกลับมาชนะได้ สู้ดิวะ

นอกจากนี้ความเป็นทีมชาติ ก็จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับรุ่นน้องที่มาดู ทำให้เวลาแข่งก็ต้องพยายามใช้สมองเยอะกว่าเดิมมากๆ เพราะแบบว่าพลาดนิดเดียวคือเสียเลยครับ ถ้าเสียคือเราจะมาขอโทษแล้วจบไม่ได้ เพราะมีคนในประเทศมาเพื่อมาเชียร์เรา แน่นอนตอนเราแข่งสโมสรก็จะมีคนไทยเชียร์ฝั่งนู้น คนไทยเชียร์ฝั่งนี้ แต่ว่าทุกทีมทั่วประเทศไทยรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะว่านี่คือทีมชาติ แล้วทุกคนที่มาคือมาเชียร์ทีมชาติ ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็เลยแบบพราวด์มากๆ ครับ

แล้วมีแมทช์ไหนที่อยู่ในความทรงจำที่เราจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้

โอ้โห! U 20 เลยครับ ที่พึ่งแข่งมาได้แชมป์ที่ผ่านมา บอกก่อนว่าทีมชาติมีทั้งหมด 20 คนครับ แต่ติดโควิดไป 10 คน ติดก่อนรอบ semi final ก็คือถ้าเราชนะคือเราเข้าชิงที่ 1 เลย แล้วถ้าแพ้ตกรอบชิงที่ 3 เลย แล้วเราชนะ 10 ลูกเกือบทุกเกม แต่วันหนึ่งก็มีเหตุให้หายไปครึ่งทีม ฝั่งตรงข้ามนำก่อนประมาณ 3-0 มั้งครับ เกมนั้นเป็นเกมที่ มะม๊าเล่าให้ฟังว่าดูไม่ไหว กดดันต้องออกไปไหว้พระเลยครับ ทุกคนคือใจไปแล้ว ถ้าแพ้ก็ต้องไปชิงที่สามเลย

สุดท้ายตามกลับมา 20 นาทีสุดท้าย ปกติการแข่งขันฮอกกี้จะแบ่งเป็น 3 period แล้ว period ที่ 3 ตามกลับมาชนะได้อะ ต่อเวลาด้วยมั้งครับแล้วก็ชนะ คือเกมนั้นรู้สึกดีใจเหมือนได้แชมป์ ตอนนั้นเรานึกว่าเราทำให้ทีมชาติด้วย และเราทำให้เพื่อนที่ติดโควิดด้วย มันเป็นอะไรที่แบบสุดยอดในชีวิตแล้วครับ คือใจทุกคนสู้ขาดใจอ เพราะมันเหลืออยู่แค่นั้น หายไปแล้วครึ่งทีม แล้วตอนแข่ง เราเล่นแล้วเปลี่ยนตัวออกได้นั่งพักแค่นิดเดียว ก็ต้องลงไปเล่นต่อๆ คือมันทรมานมากจริงๆ

เกมในรอบชิงนี่ก็หนักพอกัน เขาก็นำก่อนเหมือนเดิม ซึ่งตอนรอบชิงคินแบบสู้ขาดใจเลยนะ ถ้าจำไม่ผิด เราชนะ 4-3 ครับ แข่งกับประเทศสิงคโปร์ เป็นแมทช์ Asia and Oceania Championship ครับ ตอนนั้นเราก็โดนนำก่อนนี่แหละ โอ้ย! ทุกคนก็หัวใจจะวาย แล้วตอนนั้นคินยิงไปสามลูก (หัวเราะ) แล้วก็ชนะ 4-3 ก็รู้สึกว่าเกมนั้นเป็นอะไรที่แบบสุดๆ แล้วเหมือนกัน

หลังจากนั้นคือเราก็ work hard play hard มากอ่ะ เพราะช่วงก่อนหน้านั้นเครียดมาก คนหายไปเยอะมาก เวลาลงที เราลง 5 คน แล้วก็จะมีเพื่อนเรามาเปลี่ยน พอเราวิ่งไปเปลี่ยน 5 คนปุ๊บ พอวิ่งมาเปลี่ยนแล้วลงเลยๆ เหมือนฮอกกี้จะเปลี่ยนทีละคนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะเปลี่ยนเป็นขุดเหมือนบาสประมาณนี้ครับ

ปกติถ้าเจอช่วงเวลาที่การแข่งขันสูสี มีวิธีจัดการความตื่นเต้นยังไง

คินเคยยิงจุดโทษที่เกาหลี ถ้าคินยิงเข้าก็ชนะเลย ถ้ายิงไม่เข้าก็เล่นต่อครับ คือเราก็อยากจบ ก่อนลงโค้ชก็เอาเบาะตี เฮ้ย! ยิงเข้าชนะเลยนะ โห! กดดันมากกว่าเดิม คุณแม่บอกตอนดูหัวใจจะวาย (หัวเราะ)

ในฐานะนักกีฬา คินมีวิธีการสร้างวินัยในตัวเองไหม เพื่อที่จะรักษาฟอร์มและพัฒนาตัวเองขึ้น

ทำอะไรก็ตามต้องไม่หยุดซ้อมครับ การซ้อมสำคัญ เพราะที่จริงบางทีคินก็แอบเอียงมาด้านนักร้อง เต้นเยอะมากครับ แล้วก็ซ้อมน้อยลง พอซ้อมน้อยลงบางทีทั้งสมองและร่างกายก็จะเหมือนหยุดไป แบบพอลงไปขาไม่ไป คือใจเรามันไปแล้ว ถึงหน้าโกลแล้ว แต่ขาเราทำไมขยับไม่ได้นะ กล้ามเนื้อเรามันไม่ชินครับ ที่จริงควรจะซ้อมเรื่อยๆ ครับ ไม่ว่าจะซ้อมเต้น ร้องเพลง เรียนหนังสือ ทุกอย่างก็ควรจะทำให้สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ไม่ควรหยุดพัฒนาครับ

แล้วก็ไม่ควรเป็นน้ำเต็มแก้ว คือห้ามคิดเลยว่าเก่ง คิดได้แต่ห้ามแบบว่าใครพูดอะไรแล้วเราไม่ฟัง หมายถึงเวลาเล่นฮอกกี้ ถึงแม้เราจะได้แชมป์มา 3 สมัยติดก็ตาม ห้ามอ่อนให้ผู้ต่อสู้ ห้ามคิดว่าตัวเองเก่ง คือเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เราเก่งขึ้นมาขนาดนี้ได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน เราทำได้ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะทำไม่ได้

สิ่งที่เราคิดไว้เสมอนอกจากน้ำเต็มแก้ว มีอะไรที่จะฟิกซ์ไว้ไหมในการใช้ชีวิต อย่างเช่น อาหารการกิน

ที่จริงช่วงเก็บตัวนักกีฬาก่อนแข่งก็จะระวังเรื่องอาหาร การกินมากครับ จะฟิสเนตบ่อยครับ และหลีกเลี่ยงการไปเล่นกีฬาอื่นในช่วงนั้นครับ จะระวังอุบัติเหตุเยอะมากพอสมควรครับ

แล้วคินมีเป้าหมายอะไรที่มองไว้ในฐานะนักกีฬาไหมคะ

ก็อีก 2 ปีหน้า ซีเกมส์ก็เจอกันครับ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อยากจะคัดให้ติดครับในรุ่นซีเกมส์ ครั้งหน้าจะจัดที่เมืองไทยด้วย สนุกสนานแน่นอนครับ

มาถึงการพลิกบทบาทมาเป็นนักร้องกันบ้าง จากคนที่ใช้ชีวิตเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็กจนโต จุดพลิกผันที่ทำให้เราอยากมาทำงานด้านนี้มาจากอะไรคะ

ที่จริงตอนเราซ้อมกีฬา ที่บอกว่าแอบร้องเพลงเล็กๆ คือเราจะมีแอบไปร้องเพลงอยู่สัปดาห์ละครั้งครับ คือเราอยากร้องเพลงให้ได้ แล้วก็ชอบอยู่แล้วส่วนตัวครับผม ประจวบเหมาะกับตอนที่ไปแข่งซีเกมส์ครั้งหนึ่งแล้วคินไปติดอยู่ในแฮชแท็ก #นักกีฬาหล่อบอกต่อ (หัวเราะ) แล้วทางค่ายเขาเห็น เขาก็ชวนคินมาออดิชั่นครับ ก็เลยได้มาเป็นศิลปินครับ

แล้วตอนที่เราแอบไปร้องเพลง ไปร้องที่ไหนคะ

ก็ไปเรียนเลยครับ (หัวเราะ) ไม่บอกเพื่อนด้วย เพราะอาย คือสมัยก่อนเราเล่นกีฬาอย่างเดียวไง ถ้าคนรู้ก็จะ เฮ้ย! ไปเรียนร้องเพลงเหรอ คนก็จะแตกตื่นอะไรอย่างนั้นครับ กลัวสุดท้ายเรามาเป็นนักร้อง ทุกคนก็แบบ เฮ้ย!เอาจริงเหรอ (หัวเราะ)

ด้วยความที่เราเป็นนักกีฬา พอเรามาเป็นนักร้อง มีอะไรที่สั่งสมมาจากการเป็นนักกีฬาที่ช่วยได้มั้ย

ก็จะช่วยในเรื่องของวินัยมากกว่าครับ ถ้าบอกว่าความตื่นเต้น ก็ตื่นเต้นเหมือนเดิมแน่นอน (หัวเราะ) เราขึ้นร้องเพลงเราตื่นเต้นเหมือนเดิม พอหลังๆ ก็เริ่มสบายมากขึ้น เริ่มกดดันน้อยลงครับ ผมจะมีติดนิสัยแบบเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ทุกอย่างต้องเป๊ะ อย่างสมัยก่อนมันก็จะต้องเป๊ะตลอดเวลา ซึ่งสำหรับการเป็นนักร้องบางทีก็ต้องสบายๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก

แล้วสำหรับคิน การเป็นนักกีฬากับนักร้องแตกต่างกันยังไง

แตกต่างเยอะนะครับ เพราะว่าอย่างปีแรกการเล่นฮอกกี้เราต้องเก็บอารมณ์สุดๆ เลย เราเอาอารมณ์มาใช้มาได้ เพราะไม่งั้นรูปเกมเสียแน่นอน เราทำเสียไม่ได้ อารมณ์ต้องคุมดีๆ อยู่ดีๆ วิ่งไปชนเขาเนี่ยแล้วฟาวล์ขึ้นมาเพื่อนเดือดร้อนอีก แต่ว่าในพาร์ทของร้องเพลงเราต้องสื่อสารอารมณ์มาให้ได้เยอะที่สุดให้คนฟังแล้วซึ้ง

KIN
คินมีการปรับตัวยังไงบ้างเมื่อต้องมาเป็นนักร้อง

ตอนแรกเราติดความเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ก็ปรับตัวเยอะมากพอสมควรครับ กว่าที่เราจะสบายเวลายืนอยู่หน้าคนเยอะๆ กว่าที่เราจะกล้าร้องเพลงให้หลายๆ คนฟัง เพราะแรกๆ เขินมากครับ แล้วก็เราเป็นนักกีฬาด้วย ตัวเราก็จะแข็ง พอเรามาเต้นก็เต้นไม่ได้เพราะเราตัวแข็ง บางทีหลังไม่ต้องตรงตลอดเวลา เวลาเต้นก็มีต้องหลังค่อมบ้างอะไรแบบนั้นครับ แต่ว่าพอเราเดินเข้าลานนักกีฬาก็ต้องหลังตรง (หัวเราะ)

แล้วคินมองเป้าหมายในฐานะนักร้องไว้ยังไงบ้าง

ถ้าเป้าหมายในฐานะนักร้อง ก็อยากจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองครับผม แล้วก็อยากจะออกเพลงมาให้แฟนๆได้ฟังเยอะๆ ครับให้ทุกคนร้องตามได้ อยากให้ทุกคนฟังแล้วมีความสุข เอ็นจอยกับการฟังเพลงของคินครับ

แบ่งเวลายังไงเพราะตอนนี้ก็ยังเป็นนักกีฬาอยู่ แต่ก็ยังต้องทำอาชีพนี้ด้วย

ที่จริงเวลาซ้อมฮอกกี้บางทีก็จะซ้อมตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ก็เย็นหรือค่ำไปเลยครับ ส่วนพาร์ทของร้องเพลงจะอยู่ช่วงบ่าย แล้วเรียนก็จะเป็นช่วงเช้า เพราะว่าเลิกเรียน 4 โมง บางทีก็เข้าตึกเลย 5 โมงถึงสองทุ่ม แล้วรีบไปซ้อมฮอกกี้ต่อ 3 ทุ่ม หรือไม่ก็ 2 ทุ่มครึ่งอะไรอย่างนั้นครับ โชคดีที่อยู่ใกล้กันครับ ซ้อมฮอกกี้พระราม9 ซ้อมเต้นที่อโศก ก็เลยโอเคอยู่ครับ

มีอะไรในวงการที่อยากทำอีกไหมนอกจากการเป็นนักร้อง

ก็งานแสดงครับผม มีได้ลองบ้างแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายดี เพราะว่าเราได้ลองเป็นคนอื่นครับ เพราะอย่างนักร้องเราได้เป็นตัวเอง 100% เราไม่ใช่ใครเลย เราเป็นคินที่ร้องเพลงให้ทุกคนฟัง แต่พอเราเป็นนักแสดงเราก็จะเป็นคนในบทนั้น เราได้ลองทำอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยทำ ก็ได้ลองไปบ้างเป็นอะไรที่ท้าทายสนุกมากครับ

สุดท้ายนี้ให้ฝากผลงานหน่อยและฝากอะไรถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์ค่ะ

ฝากละครนะครับ เรื่อง “รักร้าย” ทางช่อง one31 นะครับผม แล้วก็ฝากอัลบั้ม Adrenaline ของคินด้วยครับ ก็มีทั้งหมด 5 เพลง และฝากค่าย White Fox ด้วยครับ ส่วนกีฬาฮอกกี้ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจดูกับกีฬาฮอกกี้ ลองไปเล่นสเก็ตดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าชอบจริงๆ ก็ลุยฮอกกี้เลยครับ เป็นกีฬาที่มีความเร็ว กระทบกระทั่ง ไม่ใช่แค่ผู้ชายเล่นได้อย่างเดียวนะ ผู้หญิงก็มีนะ เพราะน้องสาวคินก็เล่น ตอนนี้ก็ติดทีมชาติแล้วเหมือนกัน เล่นได้ทุกเพศทุกวัยเลยครับ เผื่อเราจะได้มีโอกาสมาเล่นด้วยกัน (หัวเราะ) แล้วก็ถ้าคินมีแข่งอะไรก็อยากให้ทุกคนมาดู เผื่อจะมีแรงบันดาลใจให้อยากลองทำอะไรที่เรารักบ้างครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ถ้าใครจำกันได้ว่าช่วงปี 2022 เคยเกิดไวรัลหนึ่งดังสนั่นไปทั่วโซเชียล เมื่อมีการแชร์คลิปของกลุ่มวงดนตรีวัยรุ่นที่ได้เปิดการแสดงย่านสยามสแควร์แล้วมีผู้ชมมากมายไปยืนชม ซึ่งด้วยเสียงร้องอันไพเราะและทักษะการเล่นดนตรีอันดีงาม บวกกับเสน่ห์ของสมาชิกในวงดนตรีก็ทำให้ชื่อของ “Yes Indeed” ดังในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

หลังจากนั้นชีวิตของพวกเขา Yes Indeed ก็เปลี่ยนไป จากเด็กนักเรียนมัธยมฯ และนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รักในดนตรี มารวมตัวกันเล่นดนตรีด้วยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตก็พลิกผันได้กลายเป็นศิลปิน เข้ามาอยู่ค่ายใหญ่อย่าง White Music ในเครือ GMM Grammy มีซิงเกิลแรกเปิดตัว เพลง “เลื่อนชั้น” และล่าสุดเพิ่งจะปล่อยซิงเกิลที่สอง  “ลอกข้อสอบ” ออกมา

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สุดสัปดาห์เลยขอไปพูดคุยกับ Yes Indeed ถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นศิลปิน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ชอบดนตรี จนได้มารวมตัวกัน จนถึงเรื่องราวการได้มาเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วในปัจจุบัน ซึ่งบอกเลยว่าพวกเขารักดนตรีกันอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ แล้วสมาชิกในวงยังเคมีเข้าขารับส่งกันโบ๊ะบ๊ะมาก

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่เจ้าของไวรัลข้ามปี

ก่อนอื่นอยากให้แนะนำตัว พร้อมตำแหน่งในวงหน่อยค่ะ

พอร์ส : สวัสดีครับ ผมพอร์ส yes indeed เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ครับผม

มังกร : สวัสดีครับ ผมมังกรนะครับ เป็นมือกลองครับ

ตฤณ : สวัสดีครับ ผมตฤณนะครับ เป็นมือคีย์บอร์ดครับ

ทะเล : สวัสดีครับ ผมทะเลนะครับ เป็นมือกีตาร์ครับ

แพนเค้ก : สวัสดีค่ะ แพนเค้กนะคะ เป็นนักร้องนำค่ะ

อยากรู้ว่าทั้ง 5 คน มารวมตัวกันได้ยังไง

พอร์ส : จริงๆแล้ว ผมกับเค้กเป็นพี่น้องกัน แล้วทีนี้เราก็มีความฝันที่อยากจะให้คนมาติดตาม เราก็เลยทำช่อง YouTube กับ Facebook ลงคลิปคัฟเวอร์ต่างๆ ครับ แล้วก็มีเพื่อนๆ หรือญาติมาสนับสนุน คอยแชร์ให้ แต่เรารู้สึกว่าเป็นคนที่รู้จักกันกับเราอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าอยากให้คนนอกรู้จักเรามากขึ้น อยากหาประสบการณ์มากขึ้น ก็เลยหาวิธีทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้น โดยการที่ออกไปเล่นเปิดหมวกในที่สาธารณะ เพื่อให้คนอื่นได้เจอเรา ได้พบเห็นเรามากขึ้นครับ

แพนเค้ก : แล้วทีนี้เล่นกัน 2 คนไปนานๆ ก็รู้สึกเบื่อและอิ่มตัว ก็เลยอยากที่จะชวนคนหลายๆ คนเข้ามา พอร์สก็รู้จักกับมังกรตั้งแต่ตอนประถมและเป็นเพื่อนกัน ก็เลยเห็นคลิปมังกรจากในออนไลน์ ก็เลยชวนเข้ามา ต่อมาเล่นไปสักระยะหนึ่งหนูรู้จักกับทะเล ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด เหมือนทะเลก็เหงาๆ เป็นคนที่เรียนสายดนตรีอยู่แล้วด้วย เลยชวนเข้ามาเล่นด้วยกัน กลายเป็น 4 คน พวกเราก็เลยรวมตัวกันไปเล่นที่เอเชียทีควันลอยกระทง หลังจากนั้นน้องตฤณเห็นพวกเราแล้วก็เข้ามาทัก มาขอเล่นบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ และเราก็มารวมตัวกัน 5 คนแบบงงๆ (หัวเราะ)

ทำไมตอนนั้นตฤณถึงเลือกที่จะทักไปหาพี่ๆ คะ

ตฤณ : คือผมมีความฝันอยากจะทำวงดนตรีออกมาเล่นข้างนอกอยู่แล้วครับ และก็เห็นว่าวงนี้เขาเล่นแล้วดูน่าสนุกดี เลยอยากจะไปแจมกับเขาครับ ก็เลยทักขอเข้าไปเลยครับ

ตอนที่ออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกัน เคยเจอประสบการณ์อะไรบ้าง มีเคยโดนไล่ไหม

พอร์ส : ช่วงแรกๆ มีบ้างครับ เพราะว่าพวกเราก็ไม่ได้ร้องเพลงเก่งเลย คุณภาพของเครื่องเสียงอาจจะไม่ดีอะไรขนาดนั้น อาจจะมีเสียงแตกบ้าง ซ่าบ้าง ก็เลยทำให้เป็นที่รำคาญมากกว่าเป็นที่ยอมรับในช่วงนั้น แต่เราก็ฝึกตัวเองมาเรื่อยๆ ใช้การฝึกฝน ออกไปเล่นบ่อยๆ เราก็เริ่มรู้ว่าต้องเอาเครื่องเสียงแบบไหนไปเล่นเพื่อให้คนชอบ เราก็เลยหาวิธีจนคนก็เริ่มเปิดใจและยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ และก็มีประสบการณ์ฝนตกบ้าง เป็นอุปสรรคต่างๆ นาๆ กันไปครับ

เคยมีเหตุการณ์ที่เล่นๆ อยู่แล้วฝนเทบ้างไหมคะ แล้วทำยังไง

พอร์ส : มีครับ ประจำเลย

แพนเค้ก : มีค่ะ เราก็เล่นต่อเลย ถ้าเกิดมันหนักจริงๆ ก็เก็บค่ะ ส่วนใหญ่ฝนจะปรอยๆ พอเริ่มหนัก เราก็เริ่มมูฟเข้าไปเล่นข้างในค่ะ

เคยมีประสบการณ์อย่างอื่นอีกไหม ที่รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ

ตฤณ : สำหรับผมก็เป็นเหตุการณ์สยามแตกครับ ด้วยความที่เรามาจากการรวมตัวกันเป็นวงดนตรี และมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงตรงนี้ด้วย

แพนเค้ก : ของหนูก็เป็นประสบการณ์ที่มีคนเดินเข้ามาบอกว่าลูกเขาเล่นดนตรี เพราะว่าพวกเราเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกเขาเริ่มเล่นดนตรี พอฟังแล้ว รู้สึกเหมือนเราได้เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตด้วยเลยค่ะ

อย่างที่ตฤณบอกว่ามีเหตุการณ์สยามแตก ตอนที่เจอเหตุการณ์นั้น มันเปลี่ยนชีวิตเราขนาดไหน

พอร์ส : วันนั้นที่สยามแตก ตอนแรกๆ เราไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราสนุก เพราะไม่เคยเล่นดนตรีแล้วแบบคนเยอะขนาดนั้น หรือถ้าคนเยอะจริงๆ ทุกคนก็จะแบบตั้งใจถ่ายเรามาก แต่วันนั้นคือวันที่ทุกคนเอ็นจอยกับพวกเรามาก อาจจะมีถ่ายคลิป จับโทรศัพท์ก็จริง แต่ทุกคนถ่ายเราพร้อมกับเอ็นจอยไปกับพวกเรา มีความสุขแล้วก็อินไปกับเสียงเพลงที่พวกเราเล่นออกไป เป็นอะไรที่แบบสนุกมาก จนเราไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเราได้กลับบ้านไปก็ไปเจอว่ามีคลิปเรามากมายในโซเชียลครับ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาครับ

ทะเล : ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนกันครับ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีใครรู้จัก พอมีกระแสนี้ขึ้นมาก็เลยมีคนสนใจ บางทีจะทำอะไร ก็ต้องระวังตัวหน่อย วางตัวให้ถูกเวลาไปไหนแต่ละที่ เวลาทำอะไรก็ต้องคิดตลอดว่าแบบ มีคนเห็นอยู่นะอะไรแบบนี้ครับ

จากวันนั้นทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป ได้เข้ามาเป็นศิลปินในค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่ รู้สึกยังไงบ้าง

มังกร & พอร์ส : ตื่นเต้น

แพนเค้ก : ดีใจแบบทำตัวไม่ถูก แล้วก็รู้อยู่แล้วว่าเราต้องพัฒนาขึ้นไปให้เก่งกว่านี้แน่นอนค่ะ

พอร์ส : ผมยังเคยพูดเล่นกับมังกรอยู่เลย (หัวเราะ) ก่อนที่จะได้เข้ามาแกรมมี่ประมาณ 2-3 เดือน ที่เราได้มีโอกาสไปเล่นที่หน้าลิโด้ ว่าแบบมังกร แกจะบ้าเหรอ เราจะเข้าแกรมมี่ได้จริงๆ เหรอ พอเข้ามาก็ต้องมีปรับตัวในเรื่องฝีมือและการฝึกซ้อมส่วนตัว รวมถึงการตรงต่อเวลามากขึ้น คือก่อนหน้านี้เราก็เล่นกันด้วยความสนุกล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรมาตั้งเป็นมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ พอเราเข้ามาอยู่ในแกรมมี่ เราจะต้องฝึกซ้อม สร้างมาตรฐานให้เหมาะสมกับที่ที่เราอยู่ด้วย

การที่มาอยู่วงเดียวกัน ด้วยความที่แต่ละคนก็ต่างที่มา นิสัยก็ต่างกัน มีวิธีปรับกันยังไงบ้าง

แพนเค้ก : อยู่ด้วยกันให้มากขึ้น ใช้วันหยุดร่วมกันและอยู่ด้วยกันบ่อยๆ

มังกร : ช่วงเปิดหมวกแรกๆ เราก็อาจจะส่งสัญญาณกัน มองตากัน เหมือนเป็นการบังคับให้ต้องปรับตัวหากันอะครับ จุดนั้นอาจจะช่วยให้เราจูนกันได้ครับ

เมาท์เพื่อนในวงหน่อยค่ะ ใครที่มีโมเมนต์ที่ทำให้เราประทับใจไม่ลืมจนต้องขอเล่าหน่อย

พอร์ส : เจอตฤณครั้งแรกก็คือตลกมาก เพราะว่าบุคลิกเขาจะดูแบบเป็นคนเนี้ยบๆ เสื้อตึงๆ กางเกงตึงๆ (หัวเราะ) แล้วพอได้มารู้จักกัน ผมก็ได้เซอร์ไพรส์มากขึ้น เพราะว่าเขาดูพวกเราจนจบ แล้วเขาก็ขอมาร้อง ผมก็งง เด็กนี่เป็นใครนะ ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) เขามาขอร้องเพลง เพลงแรกก็คือเพลงลูกอม ผมฟังแล้วก็รู้สึกเพราะมากก เพราะว่าภายนอกเป็นคนเรียบร้อย เพลงลูกอมก็ต้องเป็นคนที่ดูอบอุ่น พอเขาร้องทีหนึ่งนี่ผมหนาวเลยครับ ผมก็เลยถามเขาว่าเล่นดนตรีอะไรเป็นบ้าง เขาก็บอกว่าเขาเล่นเปียโนได้ ผมก็เลยเออ วงเราก็คีย์บอร์ดอยู่ เพื่อให้มีอะไรที่คุมดนตรีได้มากขึ้น ผมก็เลยลองให้เขาแบกไปเล่น แล้วเขาก็แบกคีย์บอร์ดตัวใหญ่มากๆ มาเลยครับ

แพนเค้ก : ตฤณเป็นเด็กที่มีความพยายาม ดูกระตือรือร้นในการอยากเล่นมากค่ะ ส่วนหนูก็ประทับใจพี่มังกรนะคะ ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่อาจจะตีกลองเบา แต่พัฒนาเร็วมาก พอได้ไปเรียนตีกลองแค่ไม่กี่ครั้ง ก็พัฒนาขึ้นเร็วมาก มีแต่คนบอกว่าพัฒนาขึ้น ก็ภูมิใจ ประทับใจที่เขาดูขยัน (หัวเราะ)

มังกร : ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เคยเรียนดนตรีมาเลย ก็จะแบบศึกษาเอง ซ้อมเอง แต่เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ โชคดีที่มีพี่ๆ ศิลปินในแกรมมี่คอยแนะนำ คอยช่วยสอนให้ ผมก็ฝึกซ้อมเพิ่มครับ

ทะเล : หลายคนน่าจะลืมแต่พี่มังกรไม่น่าจะลืม เป็นช่วงสยามแตกที่เป็นเพลงสุดท้ายที่จะได้เล่น ตอนนั้นที่ฝนตก แล้วเป็นท่อนโซโล่ของผม ทุกคนก็หนีออกกันไปหมดแล้ว เพราะกลัวไฟดูด แต่มันเป็นท่อนเดียวของผม แล้วก็เหลือพี่มังกรยังเล่นกับผมอยู่ เพราะถ้าไม่มีพี่มังกร ผมก็คงไม่ได้เล่นโซโล่ท่อนนั้นแล้ว เราก็เล่นกันจนจบ และวิ่งเข้าร่มกันครับ

มังกร : กลองเกือบพัง (หัวเราะ)

สุดสัปดาห์ : ทำไมถึงไม่ทอดทิ้งกัน

มังกร : มันใกล้จบเพลงพอดี (หัวเราะ)

พอร์ส : อารมณ์ค้างๆ

มังกร : ใช่ เครื่องผมมันอาจจะพอกันน้ำได้นิดนึง คนอื่นผมเข้าใจว่าเครื่องเป็นไม้อะครับ

ตฤณ : คีย์บอร์ดไม่กันน้ำครับ (หัวเราะ) คือจริงๆ ผมอยากจะอยู่ด้วยมาก แต่คีย์บอร์ดไม่กันน้ำ เดี๋ยวพังครับ ส่วนผมประทับใจพี่พอร์สแล้วกันครับ ตอนเข้ามาผมปลื้มพี่พอร์สมาก คนอะไรเท่มาก เป็นไอดอลเลย แต่เข้ามาอยู่วงเดียวกันก็รั่วเกินครับ เป็นคนแบบนำพาสีสันให้กับวงนี้ ถ้าเรื่องไร้สาระก็คนนี้แหละครับ

พอร์ส : อันนี้ความประทับใจนะครับ ความประทับใจนะครับตฤณ (หัวเราะ)

ตฤณ : ไม่ๆ เขาให้เมาท์ได้ ตอนแรกก็ประทับใจ แต่ว่าพอรู้จักกันมาก็ขอเปลี่ยนเป็นเมาท์ดีกว่า (หัวเราะ)

อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนมารักดนตรีมาจากอะไร

พอร์ส : ของผมก็ที่บ้านเป็นนักดนตรีครับ ได้ฟังและอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เล่นจริงจังขนาดนั้น จนขึ้น ป.5-6 ผมชอบรุ่นพี่คนหนึ่งครับ แต่คือผมไม่หล่อไง ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำไงให้หล่อ ผมก็เลยไปดูฮอร์โมนส์ พอดูปั๊บผมหล่อเลย (หัวเราะ) พี่ต้นหนในซีรีส์มีคาแรกเตอร์ที่หัดเล่นกีตาร์เพื่อคนๆหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ คือคาแรกเตอร์ต่างจากตอนที่เขาเล่นไม่เป็น ในเรื่องเขาก็ดูไม่มีอะไร แต่พอเขาเล่นปั๊บ เขาก็หล่อขึ้นมาเลย เราก็เลยแบบ เฮ้ย! เราลองทำแบบนี้ดีไหม แล้วพอเราทำเราก็ได้ผล ทุกวันนี้ผมก็เลยหล่อเลย (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการฝึกก็ฝึกเองครับ แล้วก็เพิ่งจะมาเรียนเพิ่มนิดนึง ฝึกเองมาเรื่อยๆ ดูจาก YouTube และเรียนกับ GMM Academy ครับ ดีมากๆ ผมชอบมาก

แพนเค้ก : หนูเช่นกันค่ะ เป็นครอบครัวที่เป็นนักดนตรีอยู่แล้ว ซึ่งหนูเห็นว่าครอบครัวเล่นดนตรีกันมาทั้งตระกูล หนูก็เบื่อ ตอนแรกคือเบื่อมาก ไม่อยากเล่นดนตรี ไม่อยากร้องเพลง ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ว่าด้วยความที่ฟังคนอื่นเขาเล่นมาตั้งแต่เด็ก เลยสามารถร้องได้

แล้วตอนนั้นพอร์สทำ YouTube แต่ว่าไม่ได้ร้องเพลง เพราะว่าเป็นคนเล่นกีตาร์อย่างเดียว พอร์สก็เลยมาขอให้หนูไปร้องให้ จะได้คัฟเวอร์กันสองคน แต่มาเริ่มชอบจริงๆ ก็ตอนสยามแตกเลย เพราะว่าหนูรู้สึกว่า พอเราเป็นที่ยอมรับ มีคนชื่นชมเราก็รู้สึกมั่นใจ เพราะว่าหนูเป็นคนที่แบบไม่ค่อยมั่นใจในด้านการร้องเพลงเท่าไหร่ หนูก็เลยแบบไม่อยากจะทำ แต่ว่าพอมีคนชื่นชมและได้เห็นความสามารถของเรา เราก็อยากทำให้เห็นมากกว่าเดิมค่ะ เป็นคนแบบชอบเอาขนะความกลัวอะไรแบบนี้ค่ะ

ทะเล : ของผมก็จริงๆ เกิดจากคุณพ่อครับ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นนักดนตรีนะครับ เขาเล่นกีตาร์โปร่ง เราก็จะได้ยินพ่อเปิดเพลงตั้งแต่เด็กอะไรแบบนี้ครับ ก็เลยเหมือนซึมซับเข้ามาในตัว ที่นี้ประมาณช่วง ป.1-2 พ่อก็เอากีตาร์ให้เราเล่นดู ผมก็ลองฝึกด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนครับ แล้วก็หยุดเล่นไปสักพักหนึ่ง

จนช่วง ม.1 ผมกลับมาเล่นกีตาร์ เพราะว่ามีครูเขารู้ว่าเราเล่นกีตาร์ได้ เขาเลยอยากให้เราไปลองประกวดดูครับ ช่วงนั้นก็เลยมีแพสชั่นขึ้นมาว่าอยากทำวง ก็เลยฝึกจาก YouTube จนตอน ม.4 ผมได้เข้าไปเรียนสายดนตรี ก็เลยเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ

มังกร : ผมเริ่มเล่นดนตรีตอน ม.1 ครับ ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนประถมถามพอร์สได้เลยว่าผมเป็นคนที่ไม่ทำกิจกรรมอะไรสักอย่างเลย วันๆ ก็จะเข้าแต่ห้องสมุด พอ ม.1 ปุ๊บจะมีงาน open house ครับ รุ่นพี่เขาก็จะมาเล่นดนตรี แล้วทีนี้ผมก็เห็นรุ่นพี่เล่นอยู่บนเวทีก็เลยรู้สึกว่าอยากเล่นดนตรีบ้าง อยากมีวันหนึ่งที่ขึ้นไปบนเวทีอย่างนั้นครับ

ตอนแรกผมเลยเริ่มเล่นจากเบสก่อนครับ เพราะว่าในวงไม่มีใครเล่นเบสเลย (หัวเราะ) แล้วก็ลองย้ายไปกีตาร์ดู จากนั้นก็ย้ายไปเจอกลองตอน ม.3 ครับ ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เล่นแล้วเข้ากับเราที่สุด แรกๆ ก็โดนเพื่อนด่า ส่ายหัวเลยครับ ก็ฝึกมาเรื่อยๆ ครับ

ตฤณ : ผมก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่โดนบังคับเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กครับ (หัวเราะ) ไม่เคยรู้สึกชอบเลย ตอนนั้นโดนบังคับเรียนเปียโนคลาสสิค ทนเรียนมานานมากครับ จนมีวันหนึ่งตัดสินใจว่า ยังไงก็ตามจะไม่เล่นแล้ว ไม่ว่าใครจะยังไงก็ไม่ไปแล้ว จนแม่ก็บอกไม่เป็นไร งั้นไปเรียนดนตรีที่โรงเรียนข้างบ้าน โจทย์ที่แม่ให้กับครูก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปสอบเกรดหรือเรียนเพื่อไปเล่นเพลงยากๆ ได้ แต่กลายเป็นเพื่อให้เราเล่นเพลงที่เราอยากเล่น เล่นเพลงที่เราชอบ หลังจากนั้นผมก็เลยเล่นมาเรื่อยๆ และรู้สึกชอบดนตรีขึ้นเรื่อยๆครับ

ตอนนี้ทุกคนมองเป้าหมายของวงไว้ว่ายังไง มีเป้าหมายอะไรที่อยากทำให้ได้กันบ้าง

ตฤณ : ความฝันของผมก็อยากให้วงนี้อยู่ไปนานๆ ครับ แล้วก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เป็นวงที่มาแค่กระแสแล้วก็วูบหายไป อยากให้เป็นวงที่อยู่กับวงการนี้ไปนานๆ ครับ

มังกร : อยากเติบโตไปพร้อมกับทุกๆ คนเลยครับ และพัฒนาฝีมือหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันครับ ก็ยังอยากทำกันไปเรื่อยๆ ครับ

พอร์ส : ก็จะคล้ายๆ กัน ให้เดินทางตามเวลาไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดวันไหน แต่ว่าวันนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้เป็นที่จดจำในวันข้างหน้าของใครหลายๆ คนครับ

แพนเค้ก : ของหนูอยากให้มีคอนเสิร์ตของวงเราสักครั้งในชีวิต อยากทำโชว์ อยากคิดโชว์เอง อยากเป็นคนดีไซน์โชว์ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วก็อยากให้ทุกที่นั่งเต็ม ให้ทุกคนซื้อบัตรมาดูคอนเสิร์ตของเราอ่ะค่ะ

สุดสัปดาห์ : มีที่ไหนที่เราอยากไปเล่นสักครั้งในชีวิตให้ได้

แพนเค้ก : โห ทุกที่! ตอนนี้เราเหลืออยู่ที่เดียว คืออิมแพค อารีน่า เมืองทองค่ะ อยากเล่นที่นั่นสักครั้งค่ะ

ทะเล : ของผมความฝันของวง ผมอยากให้ทุกคนอินและเข้าใจในเพลงเรา ทำเพลงออกมาแล้วคนฟังรู้สึกตรงกับเรา อยากให้คนรักเพลงของเราและร้องเพลงของเราได้ด้วย

พูดถึงเพลงพอดี ถึงเวลาขายเพลงแล้ว เล่าถึงเพลงที่ปล่อยออกมาหน่อยค่ะเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร

พอร์ส : สำหรับเพลงแรก เพลงเลื่อนชั้น ก็เป็นเพลงรักใสๆ ในวัยเรียน รุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ หรือว่าทุกคนจะแปลความหมายในสถานะแบบไหนก็ได้ ที่เกี่ยวกับการทำยังไงก็ได้เพื่อให้ใครสักคนรู้สึกชอบเรา เราต้องทำตัวเอง พัฒนาให้เท่าเขา หรือต้องทำตัวเองดีเพื่อที่จะให้คู่กับเขาครับ ผมรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง หรือแม้กระทั่งคล้ายๆ ตัวผมในวัยที่หัดเล่นกีตาร์ด้วยครับ

มังกร : ส่วนเพลงที่ 2 เพลง  “ลอกข้อสอบ” ก็จะเป็นแนวคนๆ หนึ่งอยากรู้คำตอบในหัวใจของอีกคนหนึ่งครับ

แพนเค้ก : เป็นฟีลอยากที่จะชอบคนๆนี้ แต่ถ้าคนนี้เขาไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร แค่อยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา คือเป็นฝ่ายรออยู่ฝ่ายเดียว ก็เลยคิดว่าสักวันหนึ่งอยากจะรู้สักทีว่าเฮ้ย! คนที่เราชอบรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ถ้าเกิดไม่รู้สึกอะไรก็เป็นแค่เพื่อนก็ได้อะไรประมาณนี้ค่ะ (หัวเราะ)

พอร์ส : ถึงได้รู้คำตอบแล้ว แต่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้เป็นเพื่อนเขาอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันเลย

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงาน แล้วก็ฝากถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์เพื่อให้เขารู้จักวงเรามากขึ้นค่ะ

พอร์ส : ก็ฝากเพลงแรก “เลื่อนชั้น” ด้วยครับ แล้วก็เพลงล่าสุดที่ปล่อยไป เพลง “ลอกข้อสอบ” ด้วยนะครับ ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนนะครับ แล้วก็ฝากทุกคอนเทนต์และผลงานของเรากับช่องออฟฟิเชียลของ White Music แล้วก็ GMM Grammy นะครับ รวมถึงของฝากแฟนเพจของ yesindeedband นะครับ จะมีไอจีส่วนตัวของพวกเราอยู่หน้าไบโอนั้นเลยครับ สามารถเข้าไปกดติดตามได้ครับผม

มังกร : สามารถติดตามพวกเราได้ที่สุดสัปดาห์ด้วยนะครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Longevity Hub by Clinique La Prairie

สุดหรู! Longevity Hub by Clinique La Prairie แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

account_circle
event
Longevity Hub by Clinique La Prairie
Longevity Hub by Clinique La Prairie

ไมเนอร์ โฮเทลส์ รังสรรค์ “ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี” ( Longevity Hub by Clinique La Prairie ) แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำศาสตร์แห่งความอ่อนเยาว์ส่งตรงจากสวิตเซอร์แลนด์

ไมเนอร์ โฮเทลส์ พร้อมเผยโฉม ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรีศูนย์ดูแลสุขภาพระดับอัลตราลักชูรีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่ชั้น 15 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ด้วยการนำเสนอบริการเหนือระดับ กับโปรแกรมลองจิวิตี้ เมมเบอร์ชิป เพื่อสร้างประสบการณ์การดูแลแบบองค์รวมเฉพาะรายบุคคล เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ที่ลึกถึงระดับเซลล์ เริ่มต้นจากการประเมินดัชนีอายุยืน (Longevity Index Assessment) ไปจนถึงการฟื้นฟูและเสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมก้าวสู่เส้นทางของการชะลอวัยที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ  

ก่อนหน้าที่จะรีแบรนมาเป็น ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี ศูนย์สุขภาพแห่งนี้เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2563 สานต่อความตั้งใจของ คลินิก ลา แพรรี (Clinique La Prairie) ซึ่งใช้เวลากว่า 91 ปี ที่ได้ทำการวิจัยมุ่งเน้นศาสตร์การชะลอวัยมาอย่างต่อเนื่อง และยังคงพัฒนาสร้างชื่อเสียงระดับโลก ก้าวข้ามขอบเขตความเป็นเลิศ พร้อมกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่นำเสนอโปรแกรมการชะลอวัยเพื่อคงความอ่อนเยาว์ ด้วยเครื่องมือต่างๆ และบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ตามหลักการของ Professor Dr. Paul Niehans ผู้สร้างตำนานในศาสตร์ของ “Cellular Therapy” ต้นกำเนิดของ Clinique La Prairie Longevity Method

Longevity Hub by Clinique La Prairie

ศาสตร์การชะลอวัยเริ่มต้นด้วยการประเมินค่าดัชนีอายุยืน (Longevity Index Assessment) เพื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของแขกแต่ละท่าน ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้ Longevity Coach ของลองจิวิตี้ ฮับ กรุงเทพฯ สามารถออกแบบการเดินทางสู่การชะลอวัยอย่างมีแบบแผน ซึ่งประกอบไปด้วย องค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ Longevity– Wellbeing- Aesthetic

แซนดี้ โจแฮนเนสสัน (Sandie Johannessen) ผู้อำนวยการกลุ่มงานสปาและเวลเนส เอ็มสปา อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างไมเนอร์ โฮเทลส์ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับตำนานอย่างคลินิก ลา แพรรี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เรามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่จะได้เป็นผู้มอบประสบการณ์ เพื่อช่วยทุกท่านให้ได้ฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย เราพร้อมสร้างประสบการณ์ที่พิเศษสุดให้กับสมาชิกด้วยโปรแกรมที่จัดขึ้นเฉพาะแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน และลูกค้าที่ต้องการรับบริการสปาทรีตเมนต์”

ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้น 15 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ให้บริการแบบองค์รวมเฉพาะบุคคล เพื่อการดูแลสุขภาพและความงามทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการบริการในรูปแบบสมาชิก 12 เดือน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี กรุงเทพฯ โทร 02-207-7779 หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.cliniquelaprairiebangkok.com

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain

EXTRAIT DE PARFUME น้ำหอมเข้มข้นระดับสูง 6 กลิ่นใหม่ จาก GUERLAIN

account_circle
event
EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain
EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain

GUERLAIN รังสรรค์ EXTRAIT DE PARFUME น้ำหอมเข้มข้นระดับสูง 6 กลิ่นใหม่จาก 6 วัตถุดิบเลอค่าผ่านศิลปะการปรุงน้ำหอมโดย ‘สุคนธศิลป์ชั้นสูง’ ที่สืบทอดสูตรต่อกันถึง 5 รุ่น เพื่อให้ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และงดงามแห่งอาณาจักร L’ART & LA MATIERE

จะดีแค่ไหนหากน้ำหอมหนึ่งขวดสามารถสร้างสรรค์กลิ่นได้อย่างไม่รู้จบ.. Les Extraits Signature อีกหนึ่งการสร้างสรรค์ของ Maison Guerlain ที่ได้สานต่อธรรมเนียมการปรุงสูตรน้ำหอมเข้มข้นระดับสูงของ ปิแอร์-ฟรองซัวส์-ปาสกาล ที่สืบทอดสูตรตำรับหัวน้ำหอมอันล้ำค่าต่อเนื่องกันมาถึง 5 รุ่น นับตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1828 สุดยอดส่วนผสมน้ำหอมเข้มข้นที่ผ่านขั้นตอนการปรุงโดยอาศัยศิลปะทางสุคนธศิลป์ชั้นสูงเพื่อให้ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และงดงาม รังสรรค์เป็นน้ำหอมกลิ่นเดี่ยวอันสุดวิจิตรบรรจงด้วยความเป็นเลิศในทุกแง่มุมแสดงถึง “ความเป็นเกอร์แลง” ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่สุดในทุกมิติ

โดยความพิเศษครั้งนี้คือการนำ ‘ค่าสัดส่วนทองคำ’ มาใช้ในศิลปะการปรุงน้ำหอม โดย “สัดส่วนทองคำ” หรือ Golden Number หมายถึงอัตราส่วนอันลงตัวอย่างที่สุดสำหรับการสร้างศิลปะหลากแขนงไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม, ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรม เพื่อมอบผลลัพธ์อันเป็นเลิศทางคุณภาพกลิ่นแก่น้ำหอมทั้ง 6 แต่ละวัตถุดิบล้วนผ่านการคัดเลือกโดยพิจารณาจากสายพันธุ์ซึ่งมอบผลผลิตอันเปี่ยมคุณภาพระดับสูงให้คุณลักษณ์กลิ่นอันงดงามอย่างที่สุด Les Extraits Signature ประกอบด้วยกลิ่นหอมทั้ง 6 ได้แก่ IRIS PALLIDA EXTRAIT 6, ROSE CENTIFOLIA EXTRAIT 1, VANILLE PLANIFOLIA EXTRAIT 21, BERGAMOTE FANTASTICO EXTRAIT 11, JASMIN GRANDIFLORUM EXTRAIT 30 และ TONKA SARRAPIA EXTRAIT 75 โดยตัวเลขสัดส่วนทองคำที่ทาง Maison Guerlain ได้นำมารังสรรค์เป็นน้ำหอม Les Extraits Signature นั้นมีดังนี้

IRIS PALLIDA EXTRAIT 6 (อิริส ปัลลิดา เอ็กซ์แตรต์ ซิส)

เลข 6 คือตัวเลข Golden Number ของระยะเวลาที่ GUERLAIN อาศัยเวลาถึง 6 ปีในการเพาะปลูกและสกัดกลิ่นหอมสไตล์ ‘พาวเดอร์รี่’ จาก ‘ดอกไอริสสายพันธุ์พัลลิดา’ ไม้ดอกสามกลีบสีม่วงสวยสด ด้วยการอดทนรอให้โมเลกุลกลิ่นมีความเข้มข้นสูงจนทำให้หัวน้ำหอมจากบัตเตอร์สกัดไอริสพัลลิดามีคุณภาพกลิ่นเหนือกว่าไอริสทั่วไป จนได้กลิ่นตระกูลไม้ที่มีทั้งความหอมสดชื่นแนวดอกไม้และอ่อนโยนละมุนละไม เจือความหวานบางเบาของกลิ่น “แป้ง” นวลเนียน ผสานด้วย เอสเซนส์สกัดจากอัลมอนด์ ร่วมกับ หัวน้ำหอมกลิ่นมัสค์ และเติมด้วย หัวน้ำหอมกลิ่นเครื่องหนัง ให้กลิ่นอ่อนโยนลดทอนความฉุนเฉียว ชวนให้นึกถึงหนังกลับขาวพิสุทธิ์ โดยมีฐานโครงสร้างกลิ่นครีมจาก ไม้จันทน์เทศ เร่งระดับความคมชัด

ROSE CENTIFOLIA EXTRAIT 1 (โรส เซ็นติโฟเลีย เอ็กซ์แตร ตัง)

อาจกล่าวได้ว่ายุคสมัยของ Guerlain เริ่มต้นขึ้นพร้อม ‘กุหลาบ’ Maison Guerlain ได้ใช้กุหลาบร้อยกลีบซึ่งผลิบานระหว่างเดือนพฤษภาคม อันเป็นที่มาของอีกชื่อเรียกว่า “เมย์โรส” หรือ “กุหลาบพฤษภา”มาใช้ปรุงสูตรน้ำหอมความเข้มข้นระดับเอ็กซ์แตรต์ ภายหลังจากเก็บเกี่ยวเพียงแค่ ‘หนึ่งวัน’ ซึ่งเป็นการถนอมกลิ่นของกุหลาบสัญชาติฝรั่งเศสนี้ ให้กลายเป็นกลิ่นหอมตระกูลดอกไม้ที่ครบครันสมบูรณ์พร้อม

โดย EXTRAIT 1 คือสัดส่วนทองคำของ Rose Centifolia ที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ในกระบวนการเก็บเกี่ยวจนถึงแปรรูป “กุหลาบร้อยกลีบ” เพื่อให้ได้หัวน้ำหอมที่มี “ความเป็นกุหลาบ” อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ “ความเป็นดอกไม้ของราชินีแห่งมวลพฤกษา” สู่จุดสูงสุด ความคมชัดทางแง่มุมกลิ่นผลไม้ฉ่ำหวาน, กรุ่นไออบอุ่นแนวเครื่องเทศ กับความเข้มข้นระดับแอ็บโซลูทสกัดจากกุหลาบร้อยกลีบเมืองกราซ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผลิดอกบานเฉพาะพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว จนได้เป็นกลิ่นที่ให้ความหวานละมุนดุจน้ำผึ้ง พร้อมเติมเต็มด้วยน้ำกุหลาบร่วมกับเอสเซนส์กุหลาบดามัสก์ จากบัลแกเรีย เผยความหรูหราท่ามกลางมิติความลึกของฐานโครงสร้างอันหลอมรวมไว้ด้วยหัวน้ำหอมกำยานสกัดจากผลึกยางไม้บอสเวลเลีย และ แพ็ทชูลิ

VANILLE PLANIFOLIA EXTRAIT 21 (วานิล ปลานิโฟเลีย เอ็กซ์แตรต์ เว็งเตอัง)

EXTRAIT DE PARFUME

มอบกลิ่นหอมหวานอันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain จากฝักวานิลลาที่ผ่านสกัดถึง 21 วัน ซึ่งทีมสุคนธกรได้ร่วมกันสร้างเอกลักษณ์อันหอมหวานละมุนละไมด้วยการใช้หัวน้ำหอมตระกูลกลิ่นไม้และแนวกลิ่นเครื่องเทศอันได้แก่ มดยอบและมัสค์ขาว น้ำหอมปรุงสูตรจำลองกลิ่นยางไม้กำยานตระกูลอำพันอันโด่งดังระดับตำนานของ Guerlain เพื่อให้เอ็กซ์แตรต์กลิ่นนี้หลอมรวมกับกลิ่นกายอย่างกลมกลืนและติดทนนาน ความกลมกล่อมหอมหวานตระกูลอำพัน กลิ่นหอมหวานปานจะลิ้มรสได้ของวานิลลาอันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain เพื่อยกย่องความรักอมตะที่ Maison Guerlain มีต่อวานิลลา

ทีมนักปรุงน้ำหอมจะคัดเลือกฝักวานิลลา พลานิโฟเลีย (planifolia) ฝักต่อฝัก โดยสัดส่วนทองคำของ EXTRAIT 21 คือระยะเวลา 21 วันของการแช่วานิลลาในแอลกอฮอล์เพื่อแปรรูปเป็นทิงเจอร์ เพื่อให้กลิ่นวานิลลามีความฉ่ำหวาน ละมุนละไมอย่างเหนือชั้น ทุกขั้นตอนทำตามสูตรดั้งเดิมที่โรงงานของ Guerlain ณ เมืองออร์แฟ็ง ประเทศฝรั่งเศส

BERGAMOTE FANTASTICO EXTRAIT 11 (เบรกามอเต ฟานตาสติโก เอ็กซ์แตร ต็องซ์)

EXTRAIT DE PARFUME

แนวกลิ่นอำพันของมะกรูด ตระกูลกลิ่นสดชื่นของมะกรูดเข้มข้น สัดส่วนทองคำของ EXTRAIT 11 คือ การเก็บเกี่ยวมะกรูดในเดือน 11 Guerlain เก็บเกี่ยวมะกรูด สายพันธุ์ฟานตาสติโก (Fantastico) จากไร่ของตระกูลกาปัว ในเขตกาลาเบรีย ทางตอนใต้ของอิตาลี ที่ป้อนผลผลิตให้แก่ Maison Guerlain จากรุ่นสู่รุ่น โดยเริ่มเก็บเกี่ยวตอนต้นพฤศจิกายน เดือนที่ 11 ของปี ช่วงที่ผลมะกรูดจะเติบโตได้ที่ ด้วยเอกลักษณ์กลิ่นฝาดเปรี้ยว ฉ่ำชื่น จรัสประกายความหอมสดใส มีชีวิตชีวาที่สุด เป็นกลิ่นมะกรูดที่แตกต่างด้วยแง่มุมอบอุ่น กรุ่นอวล และหวานละมุน

การปรุงสูตรแอ็กซ์แตรต์กลิ่น BERGAMOTE ได้ปรับสัดส่วนเข้มข้น ให้สมดุลกับหัวน้ำหอมตระกูลกลิ่นอำพัน เพื่อให้กลิ่นสดชื่นกรุ่นไออวลผิวอย่างเนิ่นนาน ทีมนักผู้ปรุงสูตรน้ำหอมของ Guerlain จึงเลือกแนวกลิ่นฉ่ำชื่นแบบใบไม้สด เขียวขจีจากเปอติตเกรนตำรับพิเศษ เอสเซนส์สกัดจากใบมะกรูด เร่งระดับความสดชื่นของมะกรูดปริมาณเกินพิกัดเพื่อให้ได้กำลังกลิ่นเสมอกับโอโปปานีน หัวน้ำหอมปรุงสูตรตระกูลกลิ่นอำพัน อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain บนฐานโครงสร้างกลิ่นควันไฟจากการเผาไม้ของเอสเซนส์สกัดจากไม้เจ้าจอม

JASMIN GRANDIFLORUM EXTRAIT 30 (ยาสแม็ง กรองดิฟลอรัมเม็กซ์แตรต์ ทร็องต์)

EXTRAIT DE PARFUME

กลิ่นหอมตระกูลดอกไม้กับไออุ่นของแดดใสจากมะลิ GUERLAIN ด้วยกลิ่นสดชื่น จุดประกายสดใสดุจไอแดดอุ่นสบาย โดยเลข 30 คือ หมายเลขสัดส่วนทองคำที่ใช้กับ JASMINE ทีมนักออกแบบผู้ปรุงน้ำหอมของ Guerlain เลือกเทคนิคการสกัดในระดับอุณหภูมิต่ำ 30 องศาเซลเซียสเพื่อกลั่นกรองโมเลกุลกลิ่นที่มอบธรรมชาติ “ความเป็นมะลิ” แท้ได้อย่างคมชัดและติดทนนาน สมกับหนึ่งในตำนานความหอม สุคนธกรของ GUERLAIN ได้เลือกใช้มะลิก้านแดงสายพันธุ์ Grandiflorum จาก เมืองกราซ ประเทศฝรั่งเศส และ ไร่ที่แคว้นกาลาเบรีย ประเทศอิตาลี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื่องจากคุณภาพดินตามภูมิประเทศและระดับการพัฒนาโมเลกุลกลิ่นตามภูมิอากาศ

GUERLAIN สกัดมะลิด้วยเทคนิค คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂ extraction) JASMIN GRANDIFLORUM จึงมอบกลิ่นหอมสะกดอารมณ์ด้วยความฉ่ำชื่นและสดใสดุจประกายแสงเฉกเช่นกลีบขาวพิสุทธิ์ โดยมีหั วน้ำหอมกลิ่นลูกกวาดสตรอว์เบอร์รีเติมความหวานฉ่ำชื่นบนฐานโครงสร้างกลิ่นน้ำนมเย้ายวนใจจากไม้จันทน์เทศ

TONKA SARRAPIA EXTRAIT 75 (ตองกา ซาร์ราเปีย เอ็กซ์แตรต์ ซัวซองต์แก็งซ์)

Guerlain

เสน่ห์ความหอมตระกูลกลิ่นอำพัน สะกดอารมณ์แห่งกลิ่นแนวเครื่องเทศของตองกาบีน ปรุงสูตรอย่างละเมียดละไม ยกระดับกลิ่นธรรมชาติของตองกาบีนไปสู่จุดสุดยอดแห่งความหรูหรา หมายเลข 75 คือ Golden Number ที่มาจากระดับความเข้มข้น 75% ที่ Guerlain ใช้เป็นมาตรฐานคัดเลือกหัวน้ำหอมตองกาบีนสกัดจากเมล็ดถั่วสายสกุลซาราเปีย (Sarrapia) ซึ่งต้องมีโมเลกุลกลิ่นคูมารินธรรมชาติเป็นสารประกอบในสัดส่วน 75% เพื่อโทนกลิ่นฝาดหวานแบบอัลมอนด์ พร้อมเจือคูมาริน (Coumarin) เพื่อให้กลิ่นตองกาบีนมีความกลมกล่อมหอมหวาน ปราศจากความฉุนเสียดจมูกแบบควันไฟเผาหญ้าแห้ง ตองกาบีนในสูตรของเอ็กซ์แตรต์ จุดประกายเร่าร้อนรัญจวนพิศวาสเมื่อสัมผัสกับวานิลลา, หัวน้ำหอมกลิ่นโกโก และ เครื่องเทศโทนกลิ่นอุ่น

Les Extraits Signature ใหม่ทั้ง 6 กลิ่นสามารถแยกใช้ได้เพียงกลิ่นเดียวหรือเลือกใช้ผสมกลิ่นร่วมกับ โอ เดอ ปารฟัง L’Art & La Matière ในคอลเลกชันหลักเพื่อให้ได้กลิ่นตามแบบที่เราชื่นชอบจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ เพื่อเร่งระดับความคมชัดตามแบบที่เราชื่นชอบ หรือต้องการ เพื่อความไม่สิ้นสุดในการออกแบบกลิ่นตามความต้องการเพื่อเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

สัมผัสและทดลองกลิ่น Les Extraits Signature (50 มล. ราคา 24,700 บาท) ทั้ง 6 กลิ่นได้แล้ววันนี้ที่เคาท์เตอร์ Guerlain Ultimate Store สาขาสยามพารากอน และที่ Guerlain Pop Up Store คอนเซ็ปต์ใหม่บนพื้นที่ 90 ตร.ม. ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่สำหรับลูกค้าคนพิเศษ สามารถเข้ามาค้นหาตัวตนของคุณกับกลิ่นน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นตัวเองผ่านคอลเล็กชันน้ำหอมชั้นสูง L’Art & La Matière ทั้ง 22 กลิ่น และทุกผลิตภัณฑ์เกอร์แลงทั้งสกินแคร์, เมคอัพ และน้ำหอมแบบเต็มคอลเลกชัน ตั้งแต่ วันนี้-31 มกราคม 2567 ที่ Luxe Hall ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมจากเกอร์แลงได้ทาง Line Official Account: @guerlainth

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย ร่วมงานกับดิสนีย์อีกครั้งในฐานะนักพากษ์เสียงหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่!

Alternative Textaccount_circle
event
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

กรี๊ดหนักมาก! เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย หรือเจ้าของบท มู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดง ร่วมงานกับดิสนีย์อีกครั้งในฐานะนักพากษ์เสียงอนิเมชั่นเรื่องใหม่ Wish พรมหัศจรรย์!

ปังแล้วยังปังได้อีกแบบนันสต็อป! สมฐานะตัวแม่ตัวมารดาจริงๆ ค่า สำหรับ หลิวอี้เฟย หรือ คริสตัล หลิว (Liu Yifei/Crystal Liu) นักแสดงหญิงจีนสัญชาติอเมริกันวัย 36 ปี (เกิดวันที่ 25 ส.ค. 1987) ที่สุดฯ เชื่อว่าคอซีรี่ย์จีนน่าจะรู้จักกันดีจากผลงานซีรี่ย์จีนและหนังจีนสุดฮิตระดับตำนานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/กำลังภายใน Demi-Gods and Semi-Devils แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (2003), Chinese Paladin เซียนกระบี่พิชิตมาร (2005) ที่รับบทคู่กับหูเกอ (Hu Ge), The Return of the Condor Heroes มังกรหยก ภาค 2 ตอน ตำนานศึกเทพอินทรี (2006) ที่หลิวอี้เฟยรับบทเซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งยังคงเป็นบทบาทที่ได้รับการพูดถึงอยู่จนถึงปัจจุบัน, หนังจีน A Chinese Fairy Tale โปเยโปโลเย (2011), The Assassins หรือ Bronze Swallow Terrace (2012), THE FOUR 4 มหากาฬพญายม (2012 – 2014), For Love or Money เพื่อรักหรือเงินตรา (2014) ที่รับบทคู่กับเรน (Rain) ซุปตาร์เกาหลี, The Third Way Of Love (2015) คู่กับซงซึงฮอน (Song Seung Heon), So Young 2: Never Gone (2016), Once Upon a Time สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ (2017) เป็นต้น

หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲

นอกจากผลงานการแสดงทางฝั่งจีนแล้ว หลิวอี้เฟยยังเป็นนักแสดงที่โด่งดังระดับอินเตอร์ และเมื่อปี 2020 ก็ได้ร่วมงานกับ Walt Disney ในฐานะนางเอกหนังเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น มู่หลาน (Mulan) ซึ่งในปีเดียวกันนั้น เว็บไซต์ The Hollywood Reporter บริษัทนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ที่เก่าแก่ของอเมริกาที่นำเสนอเรื่องราวในอุตสาหกรรมหนัง โทรทัศน์และบันเทิงของฮอลลีวู้ดก็ได้เปิดเผยรายชื่อ 25 นักแสดงดาวรุ่งของฮอลลีวู้ด (Next Gen Talent 2019: Hollywood’s Rising Young Stars) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหลิวอี้เฟยรวมอยู่ด้วย

หลังจากเคยร่วมงานกันในปี 2020 เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย ก็ได้กลับมาร่วมงานกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์อีกครั้งในปี 2023 นี้ในฐานะนักพากษ์เสียงหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่ของดิสนีย์อย่าง Wish พรมหัศจรรย์ ที่มีกำหนดฉาย 22 พ.ย. นี้ที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนังที่มีชาวไทยมากความสามารถอย่างคุณฝน วีระสุนทร ผู้วางบทบาทนักวาดสตอรี่บอร์ดของ The Walt Disney Studios เป็นผู้กำกับร่วมกับ Chris Buck ด้วย ซึ่งในฝั่งจีนก็มีกำหนดการฉายหนัง Wish พรมหัศจรรย์ วันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยมีงานเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการไปแล้วในจีน ซึ่งหลิวอี้เฟยก็ได้เดินทางไปร่วมงานด้วย พร้อมกับใส่ชุดสวยตะลึงในชุดราตรีสีม่วงที่สะกดทุกสายตาไปร่วมงานด้วย วันนี้สุดฯ ไม่รอช้าขอพาทุกคนมาเก็บตกบรรยากาศกันค่า

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲

รูปจาก : 刘亦菲/迪士尼电影/红星坞娱乐传媒

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

2 คนดังเกาหลีร่วมรายการจีนปี2023 นั่งแท่นเมนเทอร์สุดโปร!!

2 คู่จิ้นซีรี่ย์จีนคัมแบ็คงานคู่ สานต่อเคมีชวนฟินในซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่!!​

น่าดูมาก! ซีรี่ย์จีน I Love You ที่รีเมคจากเกาหลี One Spring Night ของจองแฮอิน-ฮันจีมิน!

หวังซิงเยว่ นักแสดงจากซีรี่ย์จีนเล่ห์รักวังคุนหนิง ที่น่าจับตามอง!

เสิ่นอวี่เจี๋ย นักแสดงจีนน้องใหม่หน้าเฟียร์ซ ว่าที่ซุปตาร์คนต่อไป!

3 หนุ่มหล่อจากซีรี่ย์จีนOnly For Love เลือกไม่ถูก ขอเหมาหมดได้มั้ย!?!

3 ซีรี่ย์จีนสุดปังของไป๋ลู่ในปี2023 ฮอตปรอทแตกทุกเรื่อง!!

อลิอันซ์ อยุธยา

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิตครั้งแรก!

Alternative Textaccount_circle
event
อลิอันซ์ อยุธยา
อลิอันซ์ อยุธยา

กลุ่มมาหามิตร นำโดย อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิตครั้งแรก! ยกกองขยะมาไว้ใจกลางกรุง พร้อม 7 ศิลปินร่วมสร้างจิตสำนึก

กลุ่มมาหามิตร นำโดย บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมด้วย กรุงเทพมหานคร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการ Chula Zero Waste มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เอ็ม บี เค สยามพิวรรธน์ กลุ่มสยามกลการ โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในฐานะกลุ่ม “มาหามิตร” (Alliance for Sustainability) ส่งเสริมการแยกขยะ “เลิกเทรวม” เพื่อให้เกิดการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิต งานใหญ่กลางกรุง หยิบแนวคิดการใช้ศิลปะมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจสู่การตระหนักคิด สร้างจิตสานึก และเปลี่ยนแปลงสู่พฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคนเมือง

อลิอันซ์ อยุธยา

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะตัวแทนกลุ่มมาหามิตร กล่าวว่า กลุ่ม “มาหามิตร” เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรต่างๆทั้งภาคเอกชนและภาคสาธารณะในเขตปทุมวัน ร่วมแสดงเจตจำนงตั้งเป้าหมายสู่ความยั่งยืนร่วมกัน ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กรเพื่อขยายผลสู่ภายนอก แต่ละองค์กรพันธมิตรอาจมีเป้าหมายธุรกิจที่ต่างกัน แต่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน คือ การสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกในมิติต่างๆ โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวคือ เรื่องการจัดการขยะในองค์กร ซึ่งต่อมาเกิดเป็นโครงการ ปทุมวัน Zero Waste ส่งเสริมการแยกขยะเพื่อให้เกิดการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่เขตปทุมวัน ที่มีเป้าหมายเพื่อลดขยะไปสู่บ่อขยะให้น้อยที่สุด และเพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดการแยกขยะในวงกว้างขึ้น ปีนี้เราจึงต่อยอด สู่งาน THINK ทิ้ง … ชีวิต เพื่อสะท้อนสถานการณ์ขยะที่เกิดจากพฤติกรรมการทิ้งของพวกเรา และชี้ให้เห็นแนวทางการแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับการ “แยกขยะ” ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับองค์กร

งาน THINK ทิ้ง … ชีวิต มุ่งสะท้อนพฤติกรรม “มักง่าย” ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหามากมายในสังคมไทย รวมทั้ง “ปัญหาขยะ” งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อตะโกนดังดังบอกทุกคนว่า “เลิกมักง่ายเถอะ” “แยกขยะกันเถอะ” เพราะปัญหาขยะจะไม่มีวันแก้ได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ช่วยกัน อีกทั้ง การ “ทิ้ง” ของทุกคนมีผลต่อการเปลี่ยน “ชีวิต” ของใครคนใดคนหนึ่งเสมอ ถ้า “คิด” ก่อน “ทิ้ง” เราอาจเปลี่ยนชีวิตได้มากมาย จะทิ้งเพื่อ “สร้าง” ชีวิต จะทิ้งเพื่อ “ปลูก” ชีวิต จะทิ้งเพื่อ “ช่วย” ชีวิต หรือ จะทิ้ง … ชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราทุกคน

อลิอันซ์ อยุธยา

ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศารและกิจกรรมให้ความรู้มากมายที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพื่อมุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมทุกคนให้มีพฤติกรรมการทิ้งที่เปลี่ยนไป โดยมีการจำลองบ่อขยะ และเปิดประสบการณ์ชีวิตจริงของพนักงานเก็บขยะจากกทม. เริ่มจากห้องเปลี่ยนใจ ที่จะมาไขข้อข้องใจ ทลายความเชื่อ ว่าแยกขยะไปทำไม หากสุดท้ายนำไปเทรวม ต่อด้วย กิจกรรมทิ้ง…ชีวิต ที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้สวมบทบาทคนเก็บขยะ กับความท้าทายที่คุณไม่อาจเคยรู้ ต่อด่วยทางเลือกคนกรุง ตัวช่วยที่จะทำให้การแยกขยะของคุณมีค่า และชุมชนแลกเปลี่ยนแฟชั่น Swoop Buddy

นอกจากนั้น ยังได้รับเกียรติ จาก 7 ศิลปินร่วมสมัยชั้นนำของไทย คุณวิชชุลดา ปัณฑุรานุวงศ์ คุณจิรายุ ตันตระกูล คุณเอก ทองประเสริฐ คุณพงษธัช อ่วยกลาง คุณปรัชญา เจริญสุข คุณปฏิพัทธ์ ชัยวิเทศ คุณปิยาภา วิเชียรสาร และคุณชโลชา นิลธรรมชาติ จาก A Thing that is Pieces ที่ร่วมกันรังสรรค์ผลงานศิลปะ จากวัสดุส่วนเกินที่หลายคนไม่ต้องการ พร้อมกันนี้ ยังได้ Bigdel ศิลปินกราฟฟิตี้และสตรีทอาร์ทชื่อดัง มาร่วมสร้างสรรค์มาสคอตประจำงานอีกด้วย

“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำกลุ่มมาหามิตร มีความตั้งใจเป็นอย่างมากในการจัดงาน “THINK ทิ้ง…ชีวิต” ครั้งนี้ เพราะปัญหาขยะ คือ ปัญหาเร่งด่วน แต่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ เมื่อทุกคนร่วมมือกัน เราขอเชิญชวนให้ทุกคนมางานนี้ เพื่อมาดู มารู้ มาเข้าใจว่า การทิ้ง (กระทบ) ชีวิต (เราและคนอื่น) อย่างไร เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มแยกขยะ เลิกเทรวม ตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณภาพชีวิตของเราและทุกคนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นางสาวพัชรา กล่าวสรุป

งาน “THINK ทิ้ง…ชีวิต” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 – 19.00 น. ณ ลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ลานใบบัวเชื่อมรถไฟฟ้า สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และ Meeting Point ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ผู้สนใจ สามารถร่วมงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

GoodFood

เทศกาลอาหารและดนตรีริมแม่น้ำสุดชิล GoodFood Vol.02 กลับมาแล้ว

Alternative Textaccount_circle
event
GoodFood
GoodFood

สายกินเตรียมเฮ! กับงาน “GoodFood Vol.02” เทศกาลอาหารและดนตรีริมแม่น้ำสุดชิลที่ยกขบวนร้านสุดฮิปจาก #GrabThumbsUp มาเพียบ!

พลาดไม่ได้กับการกลับมาของอีเว้นท์สุดฮิป ต้อนรับลมหนาวในบรรยากาศสุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยากับงาน “GoodFood Vol.2” จุดรวมตัวของคนมีสไตล์ที่ปีนี้ Good Hood Services และ ถนัดชิม ได้จับมือกับ GrabFood เนรมิตโกดังเสริมสุขให้กลายเป็นลานแห่งความอร่อย รวมสุดยอดร้านดังจาก #GrabThumbsUp พร้อมยกขบวนศิลปินคุณภาพมากกว่า 12 วงมาสร้างสีสันและความสนุกให้ทุกคนได้ฟินกันแบบถ้วนหน้าตลอด 4 วันเต็ม เตรียมตัวไปเช็คอินความอร่อยภายในงานกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 4 ธันวาคม 2566 นี้ โดยสามารถซื้อบัตรเข้างานได้แล้ววันนี้ พร้อมรับดีลเด็ดๆ ก่อนใครผ่านฟีเจอร์ DINE-IN บน GrabFood เท่านั้น

GoodFood

สาวกนักชิมเตรียมตัวกันให้พร้อมรับการกลับมาของ “GoodFood Vol.02” อีเว้นท์พิเศษในบรรยากาศสุดคูลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โกดังเสริมสุข แหล่งรวมตัวของคนมีสไตล์ โดยปีนี้ Good Hood Services และถนัดชิม ได้ชวน แกร็บฟู้ด มาจัดเซอร์ไพร์สเอาใจสายกินโดยเฉพาะ ด้วยการขนสุดยอดร้านอร่อยยกนิ้วจาก #GrabThumbsUp มาไว้ในงาน GoodFood Vol.02 ในครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เบเกิล แป้งนุ่ม ไส้แน่นจากร้าน ‘PANI’S SANDWICH’ ข้าวผัดอเมริกันสุดฮอตจากร้าน ‘Lucky’s Hungry’ เบอร์เกอร์สไตล์อเมริกันแท้จากร้าน ’25 Degrees Bangkok’ และหอยทอดขึ้นชื่อจากร้าน ‘เฮงหอยทอดชาวเล’ ก็มาร่วมจอยด้วย นอกจากนี้ต้องห้ามพลาดกับบรรดาร้านขนมและของหวาน นำขบวนโดย พุดดิ้งเนื้อเนียนนุ่มจากร้าน ‘Ba HaoTian Mi’ ขนมไข่ฉ่ำเนยจากร้าน ‘Haab.bkk’ โชนัท โดนัทที่ให้รสสัมผัสนุ่ม หนึบหนับแบบโชกุปังจากร้าน ‘Huus of Bread’ ชาไทยสเลอปี้สุดฮิตจากร้าน ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ชานมไข่มุกสูตรเฮลท์ตี้จากร้าน ‘CHA BAR BKK’ สำหรับสายรักสุขภาพ และอีกมากมาย พร้อมทั้งร่วมฟังดนตรีสดจากศิลปินรุ่นเก๋า ไม่ว่าจะเป็น Yokee Playboy, Armchair, Superbaker, Pla Nil Tem Baan และศิลปินอินดี้อีกมากมายที่ยกทัพกันมาสร้างความบันเทิงตลอด 4 วันเต็มๆ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีเคล้าความอร่อยจากร้านอาหารที่แกร็บฟู้ดคัดสรรมาเป็นอย่างดี

GoodFood

โดยสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ผ่านฟีเจอร์ DINE-IN บนแกร็บฟู้ด ในราคาใบละ 200 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษจากแกร็บแบบเน้นๆ อาทิ คูปองส่วนลดมูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อดีลส่วนลดจากบริการ DINE-IN หรือกินที่ร้านในครั้งถัดไป โค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับบริการ Self-Pickup หรือรับเองที่หน้าร้านสำหรับใช้กับร้านค้า #GrabThumbsUp ภายในงาน และโค้ดส่วนลดบริการการเดินทางสำหรับการเดินทางไปร่วมงาน GoodFood Vol.02

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook GrabTH | Facebook Good Hood Services

CENTRAL

เซ็นทรัล ส่งเมกะแคมเปญ CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024

Alternative Textaccount_circle
event
CENTRAL
CENTRAL

CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ห้างเซ็นทรัลยกบรรยากาศคริสต์มาสจากกรุงลอนดอนมาไว้ที่เมืองไทย พร้อมอัดโปรแรงทุกช่องทางช้อป

“ห้างเซ็นทรัล” ยืนหนึ่งเดสติเนชันช้อปของขวัญ ส่งเมกะแคมเปญ “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024”ยกบรรยากาศคริสต์มาสจากกรุงลอนดอนมาไว้ที่เมืองไทยเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่อันแสนอบอุ่น อัดโปรแรงทุกช่องทางช้อป ปลุกมู้ดจับจ่าย-กระตุ้นท่องเที่ยวคึกคักตลอดช่วงเฟสทีฟ

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำการเป็นเดสติเนชันแห่งแรงบันดาลใจในทุก ๆ วันสำหรับคนทุกเจเนอเรชันและการช้อปของขวัญเบอร์หนึ่งในใจคนไทย ร่วมกับบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และมาสเตอร์การ์ด เดินหน้าคิกออฟแคมเปญใหญ่แห่งปี “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024” ตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2566 – 9 มกราคม 2567 จัดที่สุดแห่งการเฉลิมฉลองที่ทุกคนตั้งตารอคอย เชิญชวนลูกค้ามาแบ่งปันความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและทุกแพลตฟอร์มการช้อปสุดสะดวกของห้าง

CENTRAL

ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยถึงแคมเปญ CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ว่า “ห้างเซ็นทรัลเดินหน้ามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในฐานะเดสติเนชันอันดับหนึ่งเพื่อการช้อปของขวัญและการฉลองคริสต์มาสและปีใหม่สำหรับคนทุกเจเนอเรชัน ทุก ๆ ปีเราให้ความสำคัญกับการรังสรรค์แคมเปญที่มอบคุณค่าและประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ลูกค้า สำหรับ LET’S CELEBRATE 2024 เรายกบรรยากาศและกลิ่นอายการฉลองเทศกาลคริสต์มาสส่งตรงจากลอนดอนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันแห่งความสนุกและแรงบันดาลใจมาไว้ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา นำคาแรกเตอร์ The Nutcracker หุ่นกระบอกสุดน่ารัก มาตกแต่งสร้างสีสันและบรรยากาศ ผสานเข้ากับความสนุกในแบบที่คนไทยชื่นชอบ เพราะคริสต์มาสที่ไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก และห้างเซ็นทรัลเข้าใจดีว่าลูกค้าของเราชื่นชอบอะไร เราตั้งใจมอบช่วงเวลาแห่งความสุขอันอบอวลไปด้วยความรัก ให้ลูกค้าทุกเจนเนอเรชันได้มีช่วงเวลาอันน่าจดจำร่วมกันที่ห้างเซ็นทรัลตลอดแคมเปญนี้ เราตั้งเป้าว่าแคมเปญนี้จะช่วยดันยอดขายโต 15% ในไตรมาสสุดท้าย”
“ห้างเซ็นทรัล” เป็นเดสทิเนชันสำหรับการช้อปของขวัญที่ครองใจลูกค้ามากว่า 76 ปี โดยปีนี้ขนพาเหรดสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกครบครันทุกหมวดหมู่ มาให้ลูกค้าเลือกซื้อเป็นของขวัญและให้รางวัลตนเองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่  ช้อปสนุกกับสินค้าคอลเลกชันใหม่และคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟแบบ Only at Central เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อฮอลิเดย์ คอลเลกชันจากแบรนด์ดังในแผนกบิวตี้ แกลเลอรี, โฮมและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, และแฟชั่น พิเศษสุด! พบคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก Central Edition ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้าง Central@centralwOrld, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ที่ให้ลูกค้าได้ครีเอตไอเทมแฟชั่นในสไตล์ของตนเองที่สามารถ Personalize Patch ติดเสื้อจากคาแรกเตอร์สุดคิ้วท์ และยังสามารถเลือกติดเป็นตัวอักษร หรือข้อความสนุก ๆ ได้ตามต้องการ รวมถึงคอลเลกชัน Happy Christmas จาก Defry01 ที่มาพร้อมคาแรกเตอร์ The Nutcracker ให้ช้อปใส่ได้ทั้งครอบครัว

CENTRAL

จัดเต็มกิจกรรมสุดสนุกตลอดแคมเปญ “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024” เพื่อมอบช่วงเวลาการฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

  • เพลิดเพลินไปกับ Christmas Market สเปซแห่งแรงบันดาลใจที่รวบรวมไอเทมไฮไลต์สุดพิเศษจากแบรนด์ดังครบทุกหมวดหมู่ ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้าง Central@centralwOrld, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่  24 พ.ย. 66 – 9 ม.ค. 67
  • Gift-wrapping Service บริการห่อของขวัญด้วยกระดาษห่อของขวัญลวดลายลิมิเต็ด ฟรี! เมื่อช้อปที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาตลอดแคมเปญ
  • สนุกไปกับเทคโนโลยีบอลลูน AR น่ารัก ๆ เมื่อนำโทรศัพท์ไปถ่ายในพื้นที่ที่กำหนด ณ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา, เล่นเกม X’Mas Magic Run ผ่านแอปเพื่อลุ้นรับคูปองส่วนลด100 บาท เซอร์ไพรส์สุด! พบกับกิจกรรม Golden Ticket ที่พนักงานห่อของขวัญจะแอบใส่ตั๋วทองคำลงในกล่องของขวัญ และเมื่อผู้รับเป็นผู้โชคดีได้ตั๋วสุดพิเศษและสแกนเปิดลิงก์ ก็จะพบกับเซอร์ไพรส์ที่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือ!
  • และพบกับอีเวนต์และกิจกรรมที่ห้างเซ็นทรัลเตรียมไว้ให้ลูกค้าร่วมสนุกและอบอุ่นใจได้ทุกสัปดาห์ตลอดทั้งแคมเปญ
    – 1 – 3 ธ.ค. 66: กิจกรรม Nutcracker Art & Craft
    – 8 – 10 ธ.ค. 66: กิจกรรมจัดดอกไม้ กับ English Rose Arrangement
    – 15 – 17 ธ.ค. และ 22- 25 ธ.ค. 66: อบอุ่นหัวใจไปกับคณะนักร้องประสานเสียงในธีม The Sound of Christmas และตื่นตากับ Christmas Flash Mob ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา
    – พิเศษสำหรับคุณหนูๆ! พบกับคุณลุงแซนต้าคลอส ที่จะมาพบปะและร่วมถ่ายรูปกับน้อง ๆ อย่างอบอุ่นในวันที่ 22- 25 ธ.ค. 66 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา
  • อบอุ่นใจไปกับการส่งต่อความสุขกับแคมเปญเพื่อสังคม
    – 
    ชวนส่งต่อความสุขที่ไม่สิ้นสุด ห้างเซ็นทรัล ผนึกกำลัง Mastercard และลูกค้าคนสำคัญ “เติมเต็มรอยยิ้มที่หายไป” ผ่านโครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้กับน้องๆ ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ใบหน้าผิดรูป และแผลจากความทุกข์ทรมานจากไฟไหม้ ด้วยการผ่าตัดอย่างปลอดภัยทั่วประเทศไทย โดยทุก ๆ การช้อปสินค้า ผ่านบัตร Mastercard ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และ Central App ครบ 3,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ทางห้างฯ และ Mastercard จะบริจาคเงิน 100 บาท ให้แก่มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม
    – ชวนช้อปกระเป๋า GOOD GOODS คอลเลกชันพิเศษ “Smiles are Blooming” ซึ่งออกแบบโดย คุณอาเรียนนา คาโรลี ศิลปินระดับโลกชาวอิตาลี ร่วมกับห้างเซ็นทรัล ห้างโรบินสัน และแบรนด์ GOOD GOODS โดยนำวัสดุธรรมชาติจากชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช มาจักสานเป็นกระเป๋าสุดพิเศษที่เปี่ยมด้วยคุณค่า โดยรายได้ทั้งหมดนำไปสมทบทุน เพื่อช่วยในการผ่าตัดแก่ผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศ ผ่านมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเช่นกัน
  • ชวนมาเป็นผู้ให้ในกิจกรรม Central Drop & Shop for Kids (วันที่ 14 พ.ย. 66 – 4 ม.ค. 67) ด้วยการบริจาคสิ่งของใช้แล้วสภาพดี ทั้งอุปกรณ์การเรียน ของเล่นเสริมพัฒนาการ และเสื้อผ้าแก่น้องผู้ด้อยโอกาส ที่ห้างเซ็นทรัล 10 สาขา ได้แก่สาขา ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์, ห้างเซ็นทรัล บางนา, ห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, ห้างเซ็นทรัล เวสต์วิลล์, ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่,ห้างเซ็นทรัล อุดรธานี, ห้างเซ็นทรัล พัทยา และห้างเซ็นทรัล หาดใหญ่ เพื่อรับคูปองดิจิทัลส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท สำหรับช้อปในห้าง และรับส่วนลดสูงสุด 12% (สูงสุด 1,000 บาท) สำหรับช้อปใน Central App เมื่อช้อปตามเงื่อนไข
CENTRAL

จัดเต็มกับโปรโมชันพิเศษและสิทธิพิเศษจากหลากหลายบัตรเครดิตชั้นนำที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ได้แก่ โปรโมชัน CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ระหว่างวันที่ 14 – 23 พ.ย. 66

  • คอลเลกชันใหม่ ลดสูงสุด 30%
  • รับ Cash Coupon มูลค่าสูงสุด 4,500 บาท และ Cash Back จากบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท ตามเงื่อนไข
  • สมาชิกเดอะวัน ใช้คะแนนเดอะวัน แลกรับส่วนลด on top สูงสุด 12.5% และใช้คะแนนเดอะวัน 1,000 คะแนน แลกรับคูปองเงินสดมูลค่า 150 บาท (จำกัดจำนวน 10,000 สิทธิ์)
  • สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด รับบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไข

โปรโมชัน CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ระหว่างวันที่ 6 ธ.ค. 66 – 9 ม.ค. 67

  • คอลเลกชันใหม่ ลดสูงสุด 30%
  • รับ Cash Coupon 100 บาท เมื่อช้อปทุก 3,000 บาท
  • สมาชิกเดอะวัน ใช้คะแนนเดอะวัน แลกรับส่วนลด on top สูงสุด 12.5% และใช้คะแนนเดอะวัน 1,000 คะแนน แลกรับคูปองเงินสดมูลค่า 150 บาท (จำกัดจำนวน 10,000 สิทธิ์)
  • สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด รับเซ็นทรัล กิฟท์การ์ดมูลค่า 2,000 บาทเมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 30,000 บาท/เซลล์สลิป ตามเงื่อนไข
  • แลกรับของขวัญพรีเมียมจากคอลเลกชัน The Nutcracker สุดลิมิเต็ดน่าสะสม อาทิ แท็กกระเป๋า (เมื่อช้อปครบ 7,500 บาทขึ้นไป) และ Tote Bag (เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป)

โปรโมชันพิเศษเมื่อช้อปที่ Central App

  • สินค้า Christmas และ Holiday Collection ที่ร่วมรายการ รับส่วนลดสูงสุด 30%
  • ลูกค้าใหม่รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 12%
  • รับของขวัญ Central Exclusive Tote bag สำหรับ 40 ท่าน ที่สะสมยอดช้อปสูงสุด ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 66 – 4 ม.ค. 67
  • รับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

ร่วมฉลองเทศกาลสุดอบอุ่นแห่งปีและเลือกซื้อของขวัญกันอย่างสนุกสนานพร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆที่ “ห้างเซ็นทรัล” ทุกสาขาทั่วประเทศ และทุกช่องทางช้อปสุดสะดวกของห้างเซ็นทรัล ติดตามข่าวสารกิจกรรมสุดสนุกตลอดแคมเปญได้ที่ www.facebook.com/CentralDepartmentStore

Macau

เทศกาลความเร็ว Macau Grand Prix ครั้งที่ 70

Alternative Textaccount_circle
event
Macau
Macau

ฉลองยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี เทศกาลความเร็ว Macau Grand Prix ครั้งที่ 70 จัดเต็มกิจกรรม ย้ำคอนเซ็ปต์‘การท่องเที่ยวเชิงกีฬา’ เริ่ม 11-19 พ.ย.นี้

พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ มาเก๊า (Macao Grand Prix Museum) ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาเก๊า (Macao Government Tourism Office หรือ MGTO) เตรียมเปิดตัวซีรีส์กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นควบคู่ไปกับการฉลองครบรอบ 70 ปี มาเก๊ากรังด์ปรีซ์ (Macau Grand Prix) ในระหว่างวันที่ 11-19 พฤศจิกายน ซึ่งไฮไลท์ของกิจกรรมครั้งนี้รวมถึงการจัดการแสดง Projection Mapping ใหม่ล่าสุด, พร้อมภาพวิดีโอที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่โมเมนต์ที่น่าจดจำในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์, นิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับทีมแข่งรถชั้นนำระดับโลก, ฟีเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในการจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนจริง, การขยายเวลาเปิดทำการ และส่วนลดพิเศษสำหรับบัตรที่ซื้อที่พิพิธภัณฑ์ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ชาวเมืองมาเก๊าและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์และบรรยากาศของเดือนแห่งการแข่งรถในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี ของมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ พร้อมเน้นย้ำการผสมผสานกันระหว่าง “การท่องเที่ยว + กีฬา” และเสริมสร้างรูปแบบของประสบการณ์ท่องเที่ยวประเภทนี้

Macau

โชว์ Projection Mapping ทุกวันตลอดเดือนพฤศจิกายน

ทุก ๆ คืนตลอดเดือนพฤศจิกายน จะมีการฉายภาพเคลื่อนไหว Projection Mapping ที่จัดทำขึ้นใหม่บนจอด้านนอกของพิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ มาเก๊า โชว์ชุดนี้มีชื่อว่า “Macao Grand Prix Museum Chronicles: 70 Legendary Years” ความยาว 5 นาที และโชว์ทุก ๆ 15 นาที ระหว่างช่วงเวลา 19.00 น. – 22.00 น. เป็นประจำทุกคืน ตั้งแต่ 1 – 30 พฤศจิกายน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ให้กับกิจกรรมและเพิ่มทางเลือกของความบันเทิงยามค่ำคืนอีกด้วย

โมเมนต์ประวัติศาสตร์ของการแข่งรถที่น่าประทับใจรวมไว้ในวิดีโอเดียว

เนื่องในโอกาสพิเศษครั้งนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำวิดีโอเรื่อง “70 Legendary Years of Macau Grand Prix” ถ่ายทอดภาพของช่วงเวลาที่น่าจดจำที่เกิดขึ้นในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของ Guia Circuit, การแข่งขันที่ดุเดือดของนักแข่งรถจากทั่วโลก และโมเมนต์ประทับใจของทีมนักแข่งและผู้ชมที่เต็มไปด้วยพลัง โดยวิดีโอนี้จะจัดฉายที่ห้องฉายหนัง (Screening Room) ของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

Macau

VR360จำลองบรรยากาศของการแข่งขันที่เป็นตำนาน

พิพิธภัณฑ์จะเปิดตัวเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) ที่ผู้ชมสามารถชม VR 360° ผ่านอุปกรณ์แสดงภาพเสมือนจริงในรูปแบบของชุดหูฟังสวมหัวที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดเตรียมไว้ เพื่อย้อนกลับไปสู่การแข่งขัน Macau Touring Car Cup – China Touring Car Championship ในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ 2022 ฟีเจอร์ VR นี้จะมอบประสบการณ์หลายมิติรอบทิศทางที่ให้ความสมจริง ยกความตื่นเต้นเร้าใจจากในสนามแข่งมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์นั้น

นิทรรศการพิเศษ “Oracle Red Cull Racing” ถ่ายทอดเรื่องราวทีมแข่งรถชั้นนำของโลก

นิทรรศการพิเศษ “Oracle Red Bull Racing” จะจัดขึ้นที่ชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม – 19 พฤศจิกายน นี้ เพื่อนำเสนอประวัติศาสตร์ของทีม “Oracle Red Bull Racing” ไปจนถึงอุปกรณ์ที่นักแข่งรถ F1 ใช้ และวิดีโอที่ใช้ในการโปรโมท MGTO ยังอยู่เบื้องหลัง อีกกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกัน อย่าง “Red Bull Pit Stop Challenge” กิจกรรมท้าทายความเร็วในการเปลี่ยนยาง ซึ่งจัดขึ้นที่ Galaxy MacauTM เพื่อขยายพื้นที่ในการจัดงานและเพิ่มความน่าสนใจด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬา

Macau

ขยายเวลาเปิดทำการของพิพิธภัณฑ์ในวันที่มีการแข่งรถ

ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขยายเวลาทำการไปจนถึง 21.30 น. (ซื้อบัตรได้จนถึงเวลา 21.00 น.) ในวันที่ 11, 12, 16, 17, 18 และ 19 พฤศจิกายน ซึ่งทั้งหกวันตรงกับการแข่งขันมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ ครั้งที่ 70 ในช่วงที่ขยายเวลาเปิดทำการนี้ จะมีการเพิ่มบริการนำชมพร้อมไกด์อีก 2 ช่วง คือ ในช่วง 18.30 น. (ภาษาอังกฤษ) และ 19.30 น. (ภาษาจีนกลาง) พร้อมการฉายหนังเพิ่มที่ห้องฉายหนัง เวลา 18.30 น. และ 20.30 น.

มาเก๊า เดินหน้าในการส่งเสริมแง่มุมต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์แข่งรถกรังด์ปรีซ์ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตลอดจนการจัดนิทรรศการและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกทั้งสำหรับชาวเมืองมาเก๊าและนักท่องเที่ยว โดยประกาศจุดยืนชัดเจนในเรื่องการสนับสนุนความหลากหลายของ ‘การท่องเที่ยวเชิงกีฬา’ เพื่อยกระดับความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

OPPO Find N3 Flip

ร่วมสัมผัสความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟไปกับ พีพี กฤษฏ์ OPPO Find N3 Flip

Alternative Textaccount_circle
event
OPPO Find N3 Flip
OPPO Find N3 Flip

OPPO เปิดตัว OPPO Find N3 Flip The Golden Life Limited Set ร่วมสัมผัสความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟไปกับ “พีพี กฤษฏ์”

สานต่อความร้อนแรงอย่างต่อเนื่องกับ OPPO Find N3 Flip สมาร์ตโฟนจอพับระดับแฟลกชิปที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวยที่สุด พร้อมพับที่ดีกว่าด้วยการเปิดตัว The Golden Life Limited Set ความเรียบหรูที่คุณสัมผัสได้ไปกับศิลปินสุดฮอต “พีพี กฤษฏ์” ส่งต่อแพสชั่นผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุด 

โดยในคอลเลกชัน The Golden Life Limited Set สุดพิเศษนี้ ได้มาพร้อมกับของลิมิเต็ดสุดพรีเมียม 6 อย่าง ได้แก่ OPPO Find N3 Flip 1 เครื่อง (สามารถเลือกสีได้) , E-VIP Card ,  OPPO T-Shirt (คละลายและไซส์) , นิตยสาร “The Golden Life” พร้อมโปสการ์ด PP สุดพิเศษ , Exclusive Chain Crossbody , The Golden Seat (VIP Zone) รับสิทธิเข้างาน OPPO Flip Fan Fest พร้อมลุ้นโชคสุดฟินในงานอีกมากมาย

OPPO Find N3 Flip

OPPO Find N3 Flip สมาร์ตโฟนจอพับกับสไตล์สุดคลาสสิกด้วยดีไซน์กล้องหลังที่มาพร้อมวงแหวน Cosmos Ring ซึ่งล้อมรอบด้วย Starlight Track มาในสีใหม่หมดจด ได้แก่ สีทอง Cream Gold, สีชมพู Misty Pink และสีดำ Sleek Black ด้วยระบบ Flexion Hinge รุ่นที่ 3 ทำให้พับเปิด-ปิดลื่นไหล ทนทาน และมีรอยพับบนหน้าจอที่แทบมองไม่เห็น มาพร้อมกล้องหลัก 3 ตัว ให้ภาพพอร์ตเทรตสวยและมีสไตล์ที่สุดในตลาด และมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของ Hasselblad ในขณะที่หน้าจอด้านนอกที่มีขนาดใหญ่พอที่จะใช้งานตอบข้อความ หรือเลื่อนดูฟีดโซเชียล โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอด้านใน มาพร้อม Mini App ที่อัปเกรดให้รองรับแอปต่างๆ ได้มากขึ้น รวมไปถึงมิติใหม่ให้สัตว์เลี้ยงโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้บนหน้าจอด้านนอกได้ด้วยฟีเจอร์ Interactive Pet ที่อัปเกรดให้โต้ตอบแบบ 3 มิติได้อย่างเพลิดเพลิน  ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันเพราะแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,300mAh ที่รองรับการชาร์จไว 44W SUPERVOOC และใช้งาน Dual SIM ระดับ 5G ได้อีกด้วย

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ OPPO Find N3 Flip The Golden Life Limited Set เพียงแค่สั่งซื้อ OPPO Find N3 Flip ราคา 34,990 บาท ที่ OPPO Flagship Store Central World (Temporary Booth) และ OPPO Official Store ใน Lazada ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป 

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bit.ly/3Qn8j9D 

*สินค้ามีจำนวนจำกัด
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เดอะมอลล์ กรุ๊ป

Platinum M Curated Dining Private Gala X Potong

Alternative Textaccount_circle
event
เดอะมอลล์ กรุ๊ป
เดอะมอลล์ กรุ๊ป

Scarlet M Card และ Platinum M Card จัดงาน Platinum M Curated Dining Private Gala X Potong มอบประสบการณ์พิเศษเหนือระดับ

Scarlet M Card และ Platinum M Card ร่วมกับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท Just Co On จำกัด (Origin High Net worth) และ บริษัท สยามดรากอน (เอเชีย-แปซิฟิก) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเหมาไถ ประเทศไทย จัดงาน Platinum M Curated Dining Private Gala X Potong สัมผัสประสบการณ์ความอร่อยสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเมนูอาหารสุดพิเศษที่เชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ เชฟมิชลิน 1 ดาว 2023 เจ้าของร้าน RESTAURANT POTONG ที่รังสรรค์เมนูใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

เดอะมอลล์ กรุ๊ป

คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “งาน Platinum M Curated Dining Private Gala จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษเหนือระดับที่เงินก็หาซื้อไม่ได้ Money Can’t Buy Experience ให้กับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยม ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษเหนือระดับเฉพาะลูกค้า Scarlet M Card และ Platinum M Card ตอกย้ำกลยุทธ์ Experiential Marketing โดยเฉพาะด้านไลฟ์สไตล์การกิน รวบรวมสุดยอดร้านอาหารหาทานยากแห่งปี โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย คัดสรรร้านอาหารระดับ MICHELIN Star และ MICHELIN Selected ในประเทศไทย, ร้านดังหาจองยาก (Happening Restaurant) และร้าน Chef’s Table ที่รังสรรค์เมนูอาหารเลิศรสสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้า Top Spender ของสมาชิกบัตร Scarlet M Card และ Platinum M Card ได้สัมผัสประสบการณ์และลิ้มรสความอร่อยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับเมนูใหม่สุดพิเศษที่เชฟชื่อดังครีเอทเพื่องานนี้โดยเฉพาะ”

เดอะมอลล์ กรุ๊ป
เดอะมอลล์ กรุ๊ป

สำหรับงาน Platinum M Curated Dining Private Gala ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นที่RESTAURANT POTONG (โพทง) ร้านอาหาร Fine Dining ย่านเยาวราช เป็นการรังสรรค์เมนูใหม่สุดพิเศษของเชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ เชฟมากความสามารถการันตีด้วยมิชลิน 1 ดาว 2023 เจ้าของร้าน RESTAURANT POTONG โดยเชฟแพมได้รังสรรค์เมนูใหม่เฉพาะงานนี้ โดย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) , บริษัท Just Co On จำกัด (Origin High Net worth) และ บริษัท สยาม ดรากอน (เอเชีย-แปซิฟิก) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเหมาไถ ประเทศไทย พันธมิตรที่ร่วมจัดงานครั้งนี้ได้นำ เหมาไถ สุราแบรนด์ดังระดับโลกของจีน อายุกว่า 2,000 ปี มา Paring กับมื้ออาหารสุดพิเศษในงาน และเชฟแพมยังได้ครีเอทเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่มีส่วนผสมของเหมาไถให้ได้ลิ้มรสความอร่อยอีกด้วย งานนี้ ได้รับเกียรติจาก Scarlet M Card และ Platinum M Card อาทิ ดร.อรรณพ พรประภา, คุณอธิภัทร

เดอะมอลล์ กรุ๊ป

พรประภา , ดร.สักก์พิพัฒน์ ประภาสิทธิ, ดร.พลภัทร์ อุดมผล, คุณณวพรรณ พรประภา , คุณ วศธร พลไพศาล และแขกคนพิเศษอีกหลายท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ โดยมี คุณวรลักษณ์ ตุลาภรณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้า Top Spender ของสมาชิกบัตร Scarlet M Card และ Platinum M Card ที่จะจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ติดตามกิจกรรมความพิเศษได้ที่ www.platinummcard.com

ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci -檀健次- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - นักร้องจีน - นักร้องชายจีน - ไอดอลชายจีน - ดาราจีน - ดาราชายจีน - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

เปิดวาร์ป ถานเจี้ยนซื่อ จากนักร้องไอดอลสู่พระเอกเจ้าของซีรี่ย์จีนสุดฮิต!!

Alternative Textaccount_circle
event
ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci -檀健次- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - นักร้องจีน - นักร้องชายจีน - ไอดอลชายจีน - ดาราจีน - ดาราชายจีน - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci -檀健次- พระเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกจีน - นักร้องจีน - นักร้องชายจีน - ไอดอลชายจีน - ดาราจีน - ดาราชายจีน - นักแสดงจีน - นักแสดงชายจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

สุดฯ พาเปิดวาร์ป ถานเจี้ยนซื่อ จากการเริ่มต้นเส้นทางในสายนักร้องไอดอลวงบอยแบนด์ สู่การเป็นนักแสดงผู้ก้าวขึ้นสู่บทพระเอกในซีรี่ย์จีนสุดฮิต!

หากใครที่ติดตามวงการบันเทิงจีนมาตลอด สุดฯ เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จัก ถานเจี้ยนซื่อ (Tan Jianci) นักแสดง นักร้องชายจีนวัย 33 ปีกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งวันนี้สุดฯ ขอพาทุกคนมาเปิดวาร์ปส่องโปรไฟล์ของเขากันค่ะ

ถานเจี้ยนซื่อเกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 1990 ที่มณฑลกว่างซี โดยเขาชื่นชอบการเต้นมาตั้งแต่ยังเด็ก และเคยได้รับรางวัลด้านการเต้นประเภทลาตินด้วย กระทั่งในปี 2006 ถานเจี้ยนซื่อได้เข้าร่วมการฝึกแบบปิดเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกบอยแบนด์จีน MIC ที่เดบิวต์อย่างเป็นทางการในปี 2010 โดยในวงยังมีสมาชิกอีก 4 คนร่วมด้วย นั่นคือ หวังอีฮ่าว (Wang Yihao), จ้าวหย่งซิน (Zhao Yongxin), ฉือเยวฮั่น (Chi Yuehan) และเสี้ยวซุ่นเหยา (Xiao Shunyao) ซึ่งในระหว่างที่เป็นเด็กฝึก ในปี 2007 ถานเจี้ยนซื่อก็ได้แสดงนำในหนังจีนเรื่อง Lost, Indulgence ที่ฉายในปี 2009 ด้วย

ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci  -檀健次

หลังจากเดบิวต์ในนามสมาชิกวง MIC เมื่อปี 2010 และมีอัลบั้มแรกคือ ROCK STAR ต่อด้วยเพลงอื่นๆ ออกมาอีกเพียบ ซึ่งมีเพลง Get it hot, To bad Girls ที่ถานเจี้ยนซื่อร่วมเขียนเนื้อเพลงด้วย 4 ปีต่อมาถานเจี้ยนซื่อก็มีซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรก ชื่อว่า Fly Away นอกจากจะมีงานเพลงออกมาแล้ว เขายังมีงานแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยซีรี่ย์จีนเรื่องแรกคือ Strength to Fly ที่ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ปี 2011 แต่ได้ออกอากาศปี 2022

ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci -檀健次

หลังจากนั้นก็มีซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค The Advisors Alliance (2017), Secret of the Three Kingdoms (2018), Wu Xin: The Monster Killer 3 (2020), Winter Begonia (2020) นอกจากนี้ยังมีซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Twisted Fate of Love ภพรักภพพราก (2020), Court Lady ลำนำรักแห่งฉางอัน (2021), Under the Skin คู่มือนักล่า (2022) ซีรี่ย์จีนแนวอาชญากรรม/สืบสวนที่ถานเจี้ยนซื่อรับบทนำร่วมกับจินซื่อเจีย (Jin Shijia) ต่อด้วยซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก/ดราม่า Lost You Forever ห้วงคำนึง ดวงใจนิรันดร์ ที่ถานเจี้ยนซื่อรับบท 1 ใน 4 นักแสดงนำของเรื่องร่วมกับจางหว่านอี้ (Zhang Wanyi), เติ้งเว่ย (Deng Wei), หวังหงอี้ (Wang Hongyi) และอีกหนึ่งสาวสวย หยางจื่อ (Yang Zi) ผู้รับบทนางเอกของเรื่อง ซึ่งออนแอร์ไปแล้วเมื่อกลางปี 2023 ใครพลาดไปตามเก็บกันได้ค่า

Lost You Forever - ห้วงคำนึง ดวงใจนิรันดร์ 
 - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci -檀健次

ล่าสุดถานเจี้ยนซื่อยังมีซีรี่ย์จีนอีกเรื่องที่ออนแอร์ 30 พ.ย. 2023 นี้ นั่นคือ Love Me Love My Voice ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน/โรแมนติกที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนของนักเขียนเจ้าของนามปากกา ม่อเป่าเฟยเป่า (Mo Bao Fei Bao) บอกเล่าเรื่องราวสุดโรแมนติกของนักศึกษาปีสี่ กู้เซิง ที่ยืนหยัดในความฝันด้านดนตรีของตัวเอง และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับนักพากย์เสียงหนุ่มที่เธอชื่นชอบสักครั้ง โดยในเรื่องนี้ถานเจี้ยนซื่อรับบทนำคู่กับนางเอกจีนรุ่นน้อง โจวเหย่ (Zhou Ye) นางเอกจากซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Back From the Brink ล่าหัวใจมังกร (2023) และซีรี่ย์จีน Scent of Time (2023) แฟนคลับไปตามกรี๊ดกันได้ทาง WeTV นะคะ

Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You  - Tan Jianci -檀健次
Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You - Tan Jianci -檀健次

นอกจากซีรี่ย์จีนที่ออนแอร์แล้ว ถานเจี้ยนซื่อยังมีซีรี่ย์จีนที่รอออนแอร์อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก Love Has Fireworks (ชื่อจีน 爱情有烟火), ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Go East (ชื่อจีน 四方馆) เป็นต้น ทีมเมียของถานเจี้ยนซื่อเตรียมปักหมุดรอดูกันได้เลยจ้า

Tan Jianci -檀健次
Tan Jianci -檀健次

รูปจาก : MIC檀健次JC-T/檀健次JC-T工作室/电视剧很想很想你官微

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

2 คนดังเกาหลีร่วมรายการจีนปี2023 นั่งแท่นเมนเทอร์สุดโปร!!

2 คู่จิ้นซีรี่ย์จีนคัมแบ็คงานคู่ สานต่อเคมีชวนฟินในซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่!!​

น่าดูมาก! ซีรี่ย์จีน I Love You ที่รีเมคจากเกาหลี One Spring Night ของจองแฮอิน-ฮันจีมิน!

หวังซิงเยว่ นักแสดงจากซีรี่ย์จีนเล่ห์รักวังคุนหนิง ที่น่าจับตามอง!

3 หนุ่มหล่อจากซีรี่ย์จีนOnly For Love เลือกไม่ถูก ขอเหมาหมดได้มั้ย!?!

3 ซีรี่ย์จีนสุดปังของไป๋ลู่ในปี2023 ฮอตปรอทแตกทุกเรื่อง!!

Weaving a Tale of Love 2 ซีรี่ย์จีนภาคต่อของสวี่เว่ยโจว-กู่ลี่นาจา!

Jira Bangkok

Jira Bangkok Flagship Store พร้อมเผยโฉม Neo Voyage คอลเลคชั่น

Alternative Textaccount_circle
event
Jira Bangkok
Jira Bangkok

แกรนด์โอเพนนิ่ง Jira Bangkok Flagship Store พร้อมเผยโฉม Neo Voyage คอลเลคชั่น พร้อมเสิร์ฟกระเป๋าหนังจระเข้คุณภาพที่รังสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญ

ฐณะวัฒน์ จิรรัชเศรษฐ์ (คุณแทน) Founder Creative Director และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Jira Bangkok (จิร บางกอก) พร้อมด้วย อนุรักษ์ มูเก็ม (คุณทาย) นักออกแบบ จัดงานเปิดตัว Jira Bangkok Flagship Store ที่พร้อมเสิร์ฟกระเป๋าหนังจระเข้คุณภาพที่รังสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องหนังที่ตอบโจทย์ในทุกๆไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนปราถนา ณ บริเวณชั้น 2 เกษร วิลเลจ (Gaysorn Village)

Jira Bangkok

โดยมีเหล่าคนดังในแวดวงสังคม อาทิ จิรัสย์ วัฒนภัทรเศรษฐ์ รองกรรมการบริหารเกษรวิลเลจ, ปิยะ อัจฉริยศรีพงศ์ ประธานบริหารกลุ่มบริษัท เจมส์ พาวิลเลี่ยน จำกัด, ดร.สุรพัฒน์  วงศ์แพงสอน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายอำนวยการ บริษัทไทยยาซากิคอร์ปอเรชั่น ไทยแอโรว์ และกลุ่มบริษัทในเครือ, เกษมศักดิ์  ทรัพย์เจริญ พร้อมด้วย โจ๊กเกอร์-ณัฐชนน อุปนันท์, เต้-สรรวยศ ศิริโภค 2 ศิลปินบอยแบนด์วงโซลาร์ (ZOLAR) ร่วมแสดงความยินดี นอกจากนี้ยังมีบรรดาแฟนคลับตัวยงของกระเป๋าหนังจระเข้สุด Luxury แบรนด์ Jira Bangkok (จิร บางกอก) มาร่วมยลโฉมคอลเลคชั่น  Fall/Winter 2023 กันอย่างคับคั่ง

Jira Bangkok

สำหรับแรงบันดาลใจหลักในการรังสรรค์ Jira Bangkok Fall/Winter 2023 collection “Neo Voyage”

เป็นการนำเรื่องของความชื่นชอบและความหลงไหล ที่ผสานกันในความคิด มาตีความใหม่ โดยต้องการให้ความรู้สึกสูงค่าของงานศิลปะให้เป็นความล้ำค่าที่ถ่ายทอดออกมาผ่านงาน ฝีมือการตัดเย็บสุดปราณีตบนกระเป๋าหนังจระเข้สีหิมาลายาให้ความรู้สึกพิเศษดั่งประติมากรรมหินอ่อน โครงสร้างของกระเป๋าที่ประกอบด้วยเส้นเรขาคณิตแบบสมมาตร สื่อถึงความก้าวหน้าทางสถาปัตยกรรมและแนวคิดด้านต่างๆ ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

Jira Bangkok

นอกจากกระเป๋ากว่า 6 รุ่นในคอลเลคชั่นคงยังไม่เพียงพอ Jira Bangkok ยังเพิ่มลูกเล่นให้คอลเลคชั่นมีความสนุกมากยิ่งขึ้นด้วย Charm รุ่น Flu­ffy สุนัขตัวโปรดที่มีสีสันมากถึง 5 คู่สี จนกลายเป็นคีย์ลุคเด่นอีกหนึ่งชิ้นสำคัญ จากความชื่นชอบกระเป๋าหนังเป็นทุนเดิม ถูกเติมเต็มด้วยความหลงไหลจนเกิดเป็นความประทับใจให้นึกถึง ทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการคิดซ้ำๆ จนตกผนึกเป็นคอลเลคชั่น “Neo Voyage”

Jira Bangkok

พบกับ Jira Bangkok Fall/Winter 2023 collection “Neo Voyage” และ Jira Bangkok Flagship Store ได้แล้ววันนี้ บริเวณชั้น 2 เกษร วิลเลจ (Gaysorn Village)

KIKO

THE KIKO MILANO CRAZY ‘90S COLLECTIONTHE

Alternative Textaccount_circle
event
KIKO
KIKO

KIKO MILANO ย้อนกลับไปในยุค 90s ด้วยคอลเลคชั่นใหม่ที่มีสีสันสดใส THE KIKO MILANO CRAZY ‘90S COLLECTIONTHE COLOURFUL SIDE OF BEAUTY

KIKO MILANO ย้อนกลับไปในยุค 90s ด้วยคอลเลคชั่นใหม่ที่มีสีสันสดใสและเนื้อผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นเต้น เพื่อให้คุณย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสนุกที่เต็มไปด้วยสีสัน และความสุข เตรียมพร้อมสวมรองเท้าส้นตึก เสื้อครอปสีสันสดใส แล้วออกไปสนุกกัน!

คอลเลคชั่น Crazy ’90s นำเสนอสีสันที่สดใสและกล่องสีแห่งกาลเวลา ผสมผสานกับสีเมทัลลิกและเนื้อเชียร์ซึ่งทำให้มีเฉดสีที่หลากหลายมากขึ้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แพคเกจของคอลเลกชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกราฟฟิคและรูปทรงเรขาคณิตที่เห็นได้บนสิ่งของตั้งแต่กระโปรงและเสื้อไปจนถึงวอลเปเปอร์ เครื่องเขียน และแผ่นซีดี ในขณะที่เนื้อผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นนี้มีความทันสมัยมากขึ้นแต่ยังคงกลิ่นอายของยุค 90s ไว้ และผสมผสานความสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ

The Base

KIKO

ถึงเวลาโชว์ผิวที่ดูเปล่งประกายแห่งทศวรรษด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าที่มีความเบาสบายผิวและผสมผสานความสมบูรณ์แบบ เริ่มต้นด้วยการทา Velvet Sheer Foundation (ราคา 999 บาท) โดยใช้แปรงในตัว เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ไร้ที่ติ ผิวดูเปล่งประกาย เนื้อผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของวิตามินอี, เชียบัตเตอร์, กรดไฮยาลูโรนิกและสารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพื่อมอบผิวดูสวยเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และตามด้วย Incredible Duo Stick Concealer (ราคา 849 บาท) เพื่อเพิ่มความสว่างและอำพรางจุดบกพร่องและจุดหมองคล้ำบนใบหน้า รวมถึงรอยคล้ำรอบดวงตา มาพร้อมฟองน้ำในแท่ง ให้เกลี่ยง่ายและมอบการปกปิดระดับปานกลาง เนื้อบางเบา ใช้ได้ตรงจุดที่คุณต้องการ

ถึงเวลาถ่ายทอดพลังของคอนทัวร์ในยุค 90s ด้วย 2-in-1 Face Contour Stick (ราคา 799 บาท) ซึ่งผสมผสานสองเฉดสีในแท่งเดียว เพื่อช่วยสร้างมิติให้กับโครงหน้าของคุณ ให้สีที่พอดีเข้ากับผิวของคุณและเนื้อสัมผัสที่เกลี่ยง่าย แม้ว่าคุณจะเดินทางไปไหน ก็พกพาสะดวก

แล้วถึงเวลาเติมสีสันให้กับใบหน้าตามสไตล์ยุค 90s เลือก Rock And Blush (ราคา 999 บาท) บลัชออนเนื้อฝุ่นมีสองเฉดสีในตลับเดียว มอบสัมผัสที่นุ่มนวล และผลลัพท์ที่เนียนสวยมาพร้อมดีไซน์กะทัดรัดสะดุดตา และกลิ่นหอมอบอวลชวนน่ารับประทานจนคุณไม่อยากวางเลย

KIKO

ปิดท้ายด้วยไฮล์ไลท์สัมผัสนุ่มลื่น Full Star Face & Body Highlighter (ราคา 999 บาท) มอบเอฟเฟกต์เล่นแสงอย่างเป็นธรรมชาติ แก่ผิวหน้า เนินอก และหัวไหล่ของคุณ

The Eyes

KIKO

ถึงเวลาที่จะเติมประกายแวววาวสู่ดวงตาและถ่ายทอดความเป็นผู้นำแฟชั่นด้านสีสันในตัวคุณ เริ่มต้นด้วยการสร้างสีสัน โดยใช้โทนสีเข้ม ตั้งแต่แนวขนตาไปจนถึงกระดูกคิ้วโดยใช้ 2-in-1 Creamy & Liquid Eyeshadow (ราคา 799 บาท) ด้านดินสอและลิควิด 2 แบบในแท่งเดียวให้เอฟเฟ็กต์แวววาวเป็นพิเศษ เนื้อผลิตภัณฑ์เกลี่ยง่ายและไม่หนักผิวรอบดวงตา มอบสีที่สดชัด มีการผสมผสานระหว่างแมตต์และเมทัลลิคที่มอบสีสดชัด ช่วยให้คุณถ่ายทอดความเป็น DIVA ในตัวคุณ อย่างสนุกสนาน

ใช้แปรง 3-in-1 Face Brush (ราคา 999 บาท) เพื่อเลเยอร์ด้วยอายแชร์โดว์เลือกจาก 6 เฉดสีใน Colour Explosion Eyeshadow Palette (ราคา 999 บาท) เพื่อให้ดวงตาคุณดูโดดเด่น มีสเน่ห์ แต่ละพาเลตต์มีส่วนผสมของเนื้อสัมผัสทั้งแบบแมตต์ เมทัลลิก และกลิตเตอร์ ทั้งหมดนี้มารวมกันในพาเลตต์เดียว

อย่าลืมแต่งคิ้วให้สวยงามเป็นพิเศษด้วย Comb & Define Eyebrow Mascara (ราคา 799 บาท) โดยใช้ด้านเนื้อเจลเพื่อสร้างลุคตามที่คุณต้องการ เนื้อเจลบางเบา แห้งเร็ว และมีด้ามแบบปลายคู่เพื่อความอเนกประสงค์สูงสุด ทั้งหัวแปรงด้านข้างและหวีเพื่อจัดรูปทรงขนคิ้วของคุณให้ดูสวยเป๊ะ

The Lips

KIKO

ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลิปแมตต์หรือลิปกลอส ลิปสติกคอลเลคชั่น Crazy 90s ก็ตอบทุกโจทย์ของคุณ

เพื่อลุคแมตต์ที่เบาสบายริมฝีปาก แต่มอบสีสันสดใส และยังติดทนนานถึง 10 ชั่วโมง จะเป็นอะไรได้นอกจาก Matte Liquid Lip Colour (ราคา 799 บาท) หัวแปรงมีความแม่นยำเพื่อทาสีสันได้เข้ากับรูปปากที่สมบูรณ์แบบ และหัวแปรงฟองน้ำ เพื่อเกลี่ยเนื้อลิปสติกและมอบฟินิชฟุ้งๆ เบลอสวย

หากคุณชอบความกลอส โดดเด่นเป็นประกายต้องเลือก Give Me More Volumizing Gloss (ราคา 699 บาท) มอบสีระเรื่อให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี เนื้อสัมผัสเบาสบายไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งมอบความนุ่มนวลและช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นแล้วยังทาง่ายด้วยหัวแปรงที่ยืดหยุ่นและยังมีกลิ่นหอมของราสเบอร์รี่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนคิดถึง

เมื่อผ่านช่วงเวลาสนุกสนานมาแล้ว หลังเช็คลิปแมตต์หรือลิปกลอสออก อย่าลืมบำรุงริมฝีปากด้วย Roller Serum Lip Balm (ราคา 599 บาท) ลิปบาล์มบำรุงให้ริมฝีปากชุ่มชื้น เนียนนุ่มน่าสัมผัส

แค่นี้คุณก็สวยสมบูรณ์แบบ ถึงเวลาออกไปสนุกย้อนกลับไปในยุค 90s ด้วยกันแล้ว! กับ KIKO MILANO คอลเลคชั่นล่าสุด Crazy 90s โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไปที่ร้าน KIKO Milano สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว, สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาใหม่ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และทางออนไลน์ LINE Chat & Shop @KIKOMilanoTH, LazMall และ Shopee

ปล่อยตัวปล่อยใจให้ธรรมชาติโอบกอดที่ GRAND KOKKOD KHAO KHO RESORT

account_circle
event

GRAND KOKKOD KHAO KHO แค่ฟังชื่อรีสอร์ตก็ชิลล์แล้ว เพราะทันทีที่มาถึง เราก็สัมผัสได้ถึงการได้พักผ่อน ภาพตรงหน้าเราคือรีสอร์ตที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โอบล้อมด้วยธรรมชาติและทะเลหมอก 360 องศา

DCIM\100MEDIA\DJI_0022.JPG

GRAND KOKKOD KHAO KHO RESORT ที่พักสุดหรูที่ทำให้เราได้สัมผัสทะเลหมอก 360 องศา

แกรนด์ กกกอด รีสอร์ท เขาค้อ รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอเขาค้อใกล้กับจุดชมวิวอำเภอเขาค้อ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ทันทีที่มาถึงก็รู้สึกถึงการพักผ่อนเลย เพราะบรรยากาศโอบล้อมไปด้วยขุนเขาล้อมรอบ ซึ่งสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ถึง 180 องศา จากทุกระเบียงห้องพัก

DCIM\100MEDIA\DJI_0007.JPG

ที่สำคัญภายในห้องพักและรีสอร์ทมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังมีสถานที่รับรองส่วนกลางขนาดใหญ่ ทั้งห้องอาหารและบาร์ ศูนย์ออกกำลังกาย สามารถเลือกผ่อนคลายบริเวณสวนหย่อม หรือถ่ายภาพและชมวิวบริณดาดฟ้าของตัวอาคาร ซึ่งมี Sky Walk เป็นจุดเด่นอีกด้วย และพลาดไม่ได้กับหนึ่งไฮไลท์ คือการชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณด้านหน้ารีสอร์ท ภาพตรงหน้าสวยงามดังภาพวาดจริงๆ

GRAND KOKKOD KHAO KHO RESORT พักได้ทั้งปี มีดีมากกว่าแค่ทะเลหมอก

แกรนด์ กกกอด รีสอร์ท เขาค้อ มีพื้นที่ที่มีวิวสวย เป็นที่พักขนาดใหญ่ที่มีความงดงามและมีความ Luxury และเน้นการสร้างที่พักให้เหมาะกับการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของพื้นที่เขาค้อที่มีบรรยากาศสบายและอากาศเย็นตลอดปี รีสอร์ทตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกลางพื้นที่บนจุดสูงของเขาค้อ เราจึงมั่นใจได้เลยว่าหากคุณมาพักที่นี่ คุณจะได้พักผ่อนท่ามกลางความสงบอย่างเต็มอิ่ม สะดวกสบาย อบอุ่น และยังได้รับพลังงานบวกจากการมาพักที่นี่อย่างแน่นอน

สำหรับส่วนอำนวยความสะดวกนั้น ทางแกรนด์ กกกอด รีสอร์ท มีจุดบริการพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างที่สุด เมื่อเทียบกับรีสอร์ทระดับเดียวกันในอำเภอเขาค้อ มีบริการห้องอาหาร และบาร์ด้านบนซึ่งสามารถชมวิวได้ทั่วทั้ง 360 องศา ส่วนบริเวณดาดฟ้าของอาคาร 2 และ อาคาร 3 มี Sky WalK ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทางรีสอร์ท สำหรับชมวิว ถ่ายภาพบรรยากาศ และวิวธรรมชาติที่มีขุนเขาโอบล้อม นอกจากนี้ผู้เข้าพักสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินจากบริเวณด้านหน้าอาคาร หรือจากระเบียงห้องพักได้ทั้งหมด หากใครที่ชื่นชอบการออกกำลังทางรีสอร์ทมีบริการห้องออกกำลังกายให้อีกด้วย

ห้องพักสุดแสนโรแมนติก

ที่พักในโซนอาคารจะมีให้บริการทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ Executive Suite (อาคาร 1) ซึ่งอยู่อาคารเดียวกับ Lobby มีแค่ 4 ห้อง 4 สไตล์เท่านั้น ส่วน Grand Deluxe และ Deluxe (อาคาร 2 กับ อาคาร 3) มีบริการทั้งหมด 16 ห้อง โดย Grand Deluxe จะอยู่ในโซนชั้น 3 – 4 และ Deluxe จะอยู่ในโซนชั้น 1 – 2 แต่ละอาคารไม่ห่างกันมาก สามารถเดิน หรือใช้บริการรถกอล์ฟของทางรีสอร์ทได้

Executive Suite

ห้องพักสวีทหรือห้องพักวีไอพี สไตล์ Luxury มีทั้งหมด 4 แบบ ขนาดห้อง 90 ตารางเมตร พร้อมระเบียงกระจกใส ที่สามารถมองเห็นวิวได้ถึง 180 องศา เหมาะแก่การนั่งชิลล์ชมบรรยากาศ

Grand Deluxe & Deluxe

ห้องพักสไตล์ Grand Luxury Loft ขนาดห้อง 45 ตารางเมตร พร้อมระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวได้ถึง 180 องศา อีกทั้งห้องน้ำมีขนาดกว้างขวาง Grand Deluxe & Deluxe

Private Villa Zone

ที่พักโซนวิลล่าส่วนตัวแยกออกเป็นหลังๆ มีให้บริการทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ Valley Villa วิลล่าสไตล์โมเดิร์นโทนอบอุ่นสบายตา จุดเด่นของโซนนี้คือจะมีอ่างอาบน้ำอยู่ตรงระเบียงและมีระเบียงกว้างหันไปทางวิวภูเขา 180 องศา โดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างบดบังสายตา โซนต่อมา Onsen Villa วิลล่าสไตล์ Luxury หรูหราตกแต่งด้วยไม้ให้ความหรูหรา โทนน้ำตาล-ทอง จุดเด่นของโซนนี้คือมีลานระเบียงกว้างมีโซฟาชิงช้า

และที่สำคัญมีอ่างน้ำ Jacuzzi มีส่วนผสมของน้ำแร่ออนเซ็น ซึ่งระเบียงสามารถมองเห็นวิวภูเขาและพระอาทิตย์ตกดินได้ 180 องศา ส่วนโซนสุดท้ายที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุดคือ Pool Villa ซึ่งมีเพียงแค่ 3 หลัง 3 สไตล์แต่คงความหรูหราไว้เหมือนเดิม จุดเด่นของหลังนี้คือมีสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นพร้อมระเบียงกว้างซึ่งตั้งอยู่บนความสูงของรีสอร์ททำให้สามารถมองเห็นวิวได้มากกว่า 180 องศา ที่สำคัญภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน

Valley Villa

ที่พักวิลล่าสไตล์ Modern โทนสีอบอุ่นสบายตาเหมาะแก่การพักผ่อน มีทั้งหมด 4 หลังเท่านั้น ขนาดห้อง 60 ตารางเมตร พร้อมลานระเบียงสามารถมองเห็นวิวภูเขาด้านหน้าได้ถึง 180 องศา

Onsen Villa

ที่พักวิลล่าสไตล์ Grand Luxury ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลังโทนสีน้ำตาล-ทอง ให้ความหรูหรา มีทั้งหมด 4 หลังเท่านั้น ขนาดห้อง 55 ตารางเมตร พร้อมลานระเบียงขนาดใหญ่สามารถมองเห็นด้านหน้าได้ถึง 180 องศา

President Pool Villa

ที่พักพูลวิลล่าสไตล์ Grand Luxury พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นส่วนตัว ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก ให้ความหรูหรา มีขนาดภายในห้อง 50 ตารางเมตร พร้อมลานระเบียงขนาดใหญ่อีก 60 ตารางเมตร (พื้นที่รวมทั้งหมด 110 ตารางเมตร) สามารถมองเห็นด้านหน้าได้มากกว่า 180 องศาในมุมสูง

Grand President Pool Villa

ที่พักพูลวิลล่าสไตล์ Grand Luxury พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นส่วนตัว ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก ให้ความหรูหรา มีขนาดภายในห้อง 63 ตารางเมตร พร้อมลานระเบียงขนาดใหญ่อีก 82 ตารางเมตร (พื้นที่รวมทั้งหมด 145 ตารางเมตร)  ความพิเศษของหลังนี้ ไม่ใช่ความสวยงามแค่ภายในตัวบ้านที่มีการตกแต่งสถาปัตยกรรมที่สวยงามเท่านั้น แต่มีรายละเอียดตั้งแต่ก้าวเข้าไปไม่ว่าจะเป็นสวนหย่อม และวิวมุมกว้างมากกว่า 250 องศา

Two Bedroom President Pool Villa

ที่พักพูลวิลล่าสไตล์ Grand Luxury ที่เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน มาพร้อมกับ 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ โซนครัว โต๊ะรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่น พร้อมสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นส่วนตัวขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักเน้นโทนไม้ และมีสีเขียว-ทอง เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น มีขนาดภายในห้อง 120 ตารางเมตร พร้อมลานระเบียงขนาดใหญ่อีก 112 ตารางเมตร (พื้นที่รวมทั้งหมด 232 ตารางเมตร)

333 หมู่ 12 ตำบล เขาค้อ อำเภอ เขาค้อ จังหวัด เพชรบูรณ์ 67270

เบอร์โทร:   089-888-8838
Facebook: GrandKokKodKhaoKho

Instagram: GrandKokKodKhaKho
Website: https://grandkokkodkhaokho.com/

Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次- โจวเหย่ - Zhou Ye -周也- ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนน่าดูปี 2023 - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - พระเอกจีน - นางเอกจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ดาราจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

Love Me Love My Voice ซีรี่ย์จีนเอาใจสายฟินของถานเจี้ยนซื่อ-โจวเหย่!

Alternative Textaccount_circle
event
Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次- โจวเหย่ - Zhou Ye -周也- ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนน่าดูปี 2023 - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - พระเอกจีน - นางเอกจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ดาราจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次- โจวเหย่ - Zhou Ye -周也- ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนน่าดูปี 2023 - ซีรี่ย์จีนปี 2023 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - นักแสดงจีน - พระเอกจีน - นางเอกจีน - พระเอกซีรี่ย์จีน - นางเอกซีรี่ย์จีน - ดาราจีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

มาแล้วจ้า! Love Me Love My Voice ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกเอาใจสายฟินของพระ-นางเคมีดี ถานเจี้ยนซื่อ – โจวเหย่ เตรียมออนแอร์ 30 พ.ย. 2023 นี้!

เดือนพ.ย. 2023 นี้ บอกเลยว่ามีซีรี่ย์จีนน่าดูทยอยออนแอร์เพียบตั้งแต่ต้นเดือนยันปลายเดือน ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Wonderland of Love พสุธารักเคียงใจ, Story of Kunning Palac เล่ห์รักวังคุนหนิง, ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก Only for Love จีบให้วุ่นลงทุนด้วยรัก เป็นต้น ล่าสุดปลายเดือนพ.ย. ในวันที่ 30 นี้ก็จะมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ลงจอฟาดความปังด้วย นั่นคือ Love Me Love My Voice หรืออีกชื่อ Missing You (ชื่อจีน 很想很想你)

สำหรับLove Me Love My Voiceเป็นซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน/โรแมนติกที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนของนักเขียนเจ้าของนามปากกา ม่อเป่าเฟยเป่า (Mo Bao Fei Bao) บอกเล่าเรื่องราวสุดโรแมนติกของนักศึกษาปีสี่ กู้เซิง ที่ยืนหยัดในความฝันด้านดนตรีของตัวเอง และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับนักพากย์เสียงที่เธอชื่นชอบสักครั้ง

Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You

เนื้อเรื่องเต็มๆ ของซีรี่ย์จีนLove Me Love My Voice เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกู้เซิง ผู้กำกับรายการโทรทัศน์และนักศึกษาชั้นปีสี่ที่ชื่นชอบในการแต่งเพลง และยังคงยึดมั่นในความฝัน ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างผลงานให้สำเร็จ โดยความใฝ่ฝันสูงสุดของเธอคือ การได้ร่วมงานกับนักพากษ์เสียงชื่อดัง ม่อชิงเฉิง โดยม่อชิงเฉิงเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เขาก่อตั้งบริษัทกับเพื่อนๆ และทุ่มเทให้กับการพากษ์เสียงอย่างมาก แต่หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกที่จะอำลาอุตสาหกรรมพากย์เสียง และกลายเป็นแพทย์หทัยวิทยาแทน โดยมุ่งเน้นที่การรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คน

Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You

คนสองคนที่ดูเหมือนจะไม่สามารถมาโคจรเจอกันได้ กลับได้มาเจอกันในงานฉลองงานหนึ่ง หลังจากนั้นกู้เซิงและม่อชิงเฉิงก็ค่อยๆ ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และกลายเป็นคู่รักกันในที่สุด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ไปติดตามกันได้ที่ซีรี่ย์จีนLove Me Love My Voiceนะคะ

นางเอกของเรื่องที่มารับบทกู้เซิงได้โจวเย่ (Zhou Ye) วัย 25 ปี (เกิดวันที่ 20 พ.ค. 1998) นักแสดงหญิงจีนรุ่นใหม่ที่เคยฝากฝีมือมาแล้วในหนังจีน Better Days หรือชื่อไทย ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ (2019), ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Word of Honor นักรบพเนจรสุดขอบฟ้า (2021), ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Back From the Brink ล่าหัวใจมังกร (2023) ที่โจวเหย่รับบทนางเอกคู่กับโหวหมิงฮ่าว (Hou Minghao), Scent of Time (2023) เป็นต้น มารับบทคู่กับนักร้อง นักแสดงชายจีนรุ่นพี่ ถานเจี้ยนซื่อ (Tan Jianci) ที่มีผลงานก่อนหน้านี้ เช่น Under The Skin คู่มือนักล่า (2022), Lost You Forever ห้วงคำนึง ดวงใจนิรันดร์ (2023) ฯลฯ

Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You  - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci  -  檀健次-  โจวเหย่  - Zhou Ye  -周也
Love Me Love My Voice - 很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次
很想很想你- Missing You - โจวเหย่ - Zhou Ye -周也

ในเรื่องLove Me Love My Voiceนอกจากถานเจี้ยนซื่อกับโจวเหย่ ยังมีนักแสดงจีนชื่อดังร่วมแสดงอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นโหวเหวินหยวน (Hou Wenyuan), หยางซีจื่อ (Yang Xizi), เฉาเอินฉี (Cao Enqi), เฉินฮ่าวหลาน (Chen Haolan) เป็นต้น ใครไม่อยากพลาดอีกหนึ่งซีรี่ย์จีนแนวฟินๆ พลาดไม่ได้จ้า

很想很想你- Missing You  - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci  -  檀健次-  โจวเหย่  - Zhou Ye  -周也
很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次- โจวเหย่ - Zhou Ye -周也
很想很想你- Missing You - ถานเจี้ยนซื่อ - Tan Jianci - 檀健次- โจวเหย่ - Zhou Ye -周也

รูปจาก : 电视剧很想很想你官微

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

2 คนดังเกาหลีร่วมรายการจีนปี2023 นั่งแท่นเมนเทอร์สุดโปร!!

2 คู่จิ้นซีรี่ย์จีนคัมแบ็คงานคู่ สานต่อเคมีชวนฟินในซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่!!​

น่าดูมาก! ซีรี่ย์จีน I Love You ที่รีเมคจากเกาหลี One Spring Night ของจองแฮอิน-ฮันจีมิน!

หวังซิงเยว่ นักแสดงจากซีรี่ย์จีนเล่ห์รักวังคุนหนิง ที่น่าจับตามอง!

เสิ่นอวี่เจี๋ย นักแสดงจีนน้องใหม่หน้าเฟียร์ซ ว่าที่ซุปตาร์คนต่อไป!

3 หนุ่มหล่อจากซีรี่ย์จีนOnly For Love เลือกไม่ถูก ขอเหมาหมดได้มั้ย!?!

คิมโซฮยอน

อัพเวลความอินเตอร์! นางเอกเกาหลี คิมโซฮยอน ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ Belotero® Revive

account_circle
event
คิมโซฮยอน
คิมโซฮยอน

อัพเลเวลสู่ความอินเตอร์ Merz Aesthetics ดึงนางเอกเกาหลีใต้ที่มีผลงานโด่งดังมากมายอย่าง คิมโซฮยอน นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของ Belotero® Revive โดยจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงไทเป ไต้หวัน

Merz Aesthetics
ถ่ายภาพกับทีมผู้บริหารเมิร์ซ เอสเธติกส์ (จากซ้าย) ลอว์เรนซ์ เซียว, คิมโซฮยอน และซิลเวีย ลี

งานนี้สุดสัปดาห์ขอรายงานบรรยากาศวันเปิดตัวแบบชิดติดขอบเวที พร้อมเผยบทสัมภาษณ์ถึงการดูแลผิวพรรณของคิโซฮยอนที่เชื่อว่าจะเป็นไอเดียที่ดีในการดูแลตัวเองของทุกคน

Merz Aesthetics บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายนวัตกรรมความงามระดับโลกเพื่อการดูแลผิวในยุคปัจจุบัน ที่นอกจากจะบุกตลาดไทยได้อย่างสวยงามด้วยการเปิดตัว 2 แบรนด์แอมบาสเดอร์ชาวไทยชื่อดังอย่าง เกรซ – กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า และ ฟิล์ม – ธนภัทร กาวิละ ล่าสุด Belotero® Reviveยังต่อยอดความอินเตอร์ด้วยการดึง ‘คิมโซฮยอน’ ซุปตาร์เกาหลีใต้ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประเดิมด้วยการบินลัดฟ้ามาร่วมงานเปิดตัวในระดับภูมิภาค ณ กรุงไทเป ไต้หวัน

Transparent Skin เทรนด์ผิวมาแรงแห่งยุค

นอกจากจะมีไฮไลต์สำคัญอย่างการเปิดตัวคิมโซฮยอนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้ว ทางเมิร์ซ เอสเธติกส์ ยังพาทุกคนมาค้นหาคำตอบกับเบื้องลึกของเทรนด์งานผิวจากงานวิจัย รวมไปถึงเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสกับนวัตกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Belotero® AI Skin Analysis โปรแกรมจำลองการวิเคราะห์ปัญหาผิวและโซลูชัน รวมทั้งยังมีจุดจัดกิจกรรมน่ารักๆ ในธีมสีฟ้าเทอร์คอยส์ทั่วทั้งงาน

Kim So Hyun

ในงานนี้ยังมีการเผยคอนเซปต์ใหม่ “Step Zero” ชูแนวคิดช่วยเซ็ตซีโร่ขั้นตอนการเตรียมผิวที่ซับซ้อน เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาของคิมโซฮยอนที่สื่อถึงการดูแลผิวให้ดีอันเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้การดูแลตัวเองง่ายและสะดวกขึ้น บอกเลยว่าเป็นภาพยนตร์โฆษณาที่น่ารักมาก สื่อถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ได้ดี สมดีกรีนักแสดงมือรางวัลจริงๆ     

เคล็ดลับการดูแลผิวตามแบบฉบับ คิมโซฮยอน

คิมโซฮยอน นักแสดงตัวแทน Gen Z เริ่มเข้าวงการจากการเป็นนักแสดงเด็กสู่นางเอกแถวหน้าฝีมือฉกาจ ผู้เคยฝากผลงานในซีรีส์เรื่องดังไว้มากมายอย่าง Love Alarm รวมถึงเรื่องล่าสุดอย่าง My Lovely Liar วันนี้ได้ก้าวขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ความงามระดับอินเตอร์ ได้แชร์ถึงเคล็ดลับที่ส่วนใหญ่ดาราเกาหลีใต้เลือกในการดูแลผิวให้หวานละมุนดูเป็นธรรมชาติ ภายใต้หลักสำคัญ “การล็อคความชุ่มชื้นและเติมน้ำให้ผิว” ซึ่งคิมโซฮยอนเชื่อว่า ผิวที่สุขภาพดีและชุ่มชื้น จะช่วยชะลอความแห้งกร้าน รวมไปถึงริ้วรอยก่อนวัย

เธอเผยว่า แม้ว่าตารางงานจะอัดแน่น เธอก็ไม่ลืมที่จะให้เวลากับตัวเอง ที่นอกจากจะดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ เธอยังฟื้นบำรุงผิวโดยอาศัยตัวช่วยอย่างสารเติมเต็มที่มีประสิทธิภาพ จึงไม่น่าแปลกใจที่ต่อให้เธอเข้าวงการตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ผ่านผลงานการแสดงมากว่า 40 เรื่อง ในสายตาของแฟนซีรีส์เกาหลี เธอคือนักแสดงที่หน้าเด็ก ดูสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติไม่เปลี่ยนแปลง

คิมโซฮยอนย้ำถึงความสำคัญของการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ

ในช่วงการสัมภาษณ์ คิมโซฮยอนได้ตอบคำถามจากสุดสัปดาห์ถึงการดูแลตัวเองตั้งแต่ในช่วงวัยยี่สิบว่า “ฉันคิดว่าการดูแลผิวตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าคนที่อายุน้อยผิวจะมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลผิวที่ดีให้อยู่ได้นานที่สุด นี่คือคอนเซ็ปต์ของการดูแลผิวเชิงป้องกันและชะลอวัยค่ะ” ซึ่งคำตอบของคิมโซฮยอนก็สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Step Zero ของแบรนด์ที่เธอสื่อผ่านภาพยนตร์โฆษณานั่นเอง

นางเอกดังยังทิ้งท้ายด้วยว่าแม้จะไม่มีเวลาแต่อย่างไรก็ต้องดูแลผิวให้ชุ่มชื้นหลังล้างหน้าและใช้ครีมกันแดดอยู่เสมอ ซึ่งเธอกล่าวด้วยว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Belotero® Revive ในภูมิภาคนี้และได้แนะนำแบรนด์นี้ให้กับทุกคนค่ะ”


ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

keyboard_arrow_up