“CHILL AT THE PARQ 2024”

ฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีกับงาน “CHILL AT THE PARQ 2024”

account_circle
event
“CHILL AT THE PARQ 2024”
“CHILL AT THE PARQ 2024”

เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีกับงาน “CHILL AT THE PARQ 2024” เทศกาลกิน-ดื่ม-ช้อป-ดื่มด่ำคอนเสิร์ตในบรรยากาศสุดชิล ที่ เดอะ ปาร์ค

เดอะ ปาร์ค เปิดพื้นที่มอบความสุขในช่วงเวลาของการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับ CHILL AT THE PARQ 2024 เทศกาลกิน ดื่ม ช้อป และคอนเสิร์ตประจำปี ในคอนเซ็ปต์ “WEALTH OF LIVING” ที่ให้ทุกคนร่วมดื่มด่ำบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองท่ามกลางหมู่บ้านหิมะที่อบอุ่นมีชีวิตชีวา ก้าวสู่ปีใหม่อย่างราบรื่น เปิดรับความสุขตลอดปี เต็มอิ่มกับบทเพลงจากศิลปินชื่อดังมากมายที่ผลัดเปลี่ยนมามอบความสนุกสนานกับคอนเสิร์ต Chang Live Park อาทิ ปาล์มมี่, ป๊อบ ปองกูล, แสตมป์ อภิวัชร์, อะตอม ชนกันต์, เดอะ พาร์กินสัน (The Parkinson), เคลียร์ (Klear), โอนลี่ มันเดย์ (Only Monday), ฟลัวร์ (Flure) และแว่นใหญ่ – มน โมนิค ณ ลาน Q Space อีกทั้งกิจกรรม “Gift to Give” แบ่งปันเสื้อผ้า สิ่งของที่เก็บไว้ในสภาพดีให้กับมูลนิธิโอกาสที่สองแห่งชีวิต (Second Chance Bangkok) เพื่อส่งต่อให้กับชุมชนคลองเตย พร้อมเพลิดเพลินกับ Winter Market ตลาดของขวัญที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์ ขนมและเครื่องดื่มจากร้านดังมาในงาน  ตั้งแต่ 23 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2566 นี้

“CHILL AT THE PARQ 2024”

คุณกมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารโครงการ เดอะ ปาร์ค กล่าวว่า “โครงการ เดอะ ปาร์ค มุ่งมั่นที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ใช้อาคารและผู้มาเยือนเพื่อมอบชีวิตที่มีความสมดุลในทุก ๆ ด้าน ภายใต้แนวคิด “Life Well Balanced” และในฐานะโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Gold® และมาตรฐาน WELL Certified™ Core Gold จึงเป็นดั่งเครื่องหมายเตือนใจในภารกิจสำคัญ นั่นคือการเดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างพื้นฐานชีวิตอันสมดุล ส่งมอบความสุขและพลังบวกร่วมเฉลิมฉลองก้าวสู่ปีใหม่ด้วยหนทางที่ราบรื่น สว่างไสวให้กับทุกคนเมื่อมาที่โครงการ เดอะ ปาร์ค”

สำหรับพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณกมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารโครงการ เดอะ ปาร์ค เป็นประธานเปิดงานร่วมด้วยผู้บริหารบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษ คุณทอม –
อิศรา กิจนิตย์ชีว์
มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน

“CHILL AT THE PARQ 2024”


“ถึงแม้ว่าผมจะรักในการทำงาน การได้ถ่ายทอดความรู้สึก ความหมายดี ๆ ผ่านผลงานเพลงของตัวเอง แต่ผมก็ยังไม่ละเลยที่จะบาลานซ์ หรือจัดสรรเวลาให้กับกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการออกไปท่องเที่ยวค้นหาแรงบันดาลใจ หรือการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง และจัดสรรเวลาพักผ่อน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการใช้เวลากับคนใกล้ชิด เพื่อส่งมอบพลังงานดี ๆ ให้กันอยู่เสมออีกด้วย ผมอยากชวนทุกคนมาส่งมอบความสุขผ่านกิจกรรม “Gift to Give”  ที่ เดอะ ปาร์คจัดขึ้นในงานนี้  ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการมอบพลังงานที่ดีสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง” คุณทอมกล่าวเสริม

เพลิดเพลินกับบรรยากาศแสนอบอุ่นของ Snow Globe Village ที่เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ เสมือนอยู่ในหมู่บ้านหิมะ ณ บริเวณ Q Steps ชั้น 1 พร้อมพบกิจกรรม Workshop แต่งหน้าคุกกี้จากร้าน The Chocolate Factory ให้เป็นคุกกี้ชิ้นพิเศษที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก เหมาะแก่การเป็นของขวัญแทนใจให้คนสำคัญ ช้อปชิล ๆ เพื่อสรรหาของขวัญให้คนพิเศษใน Winter Market ที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์จากร้านดังมาให้เลือกสรร ทั้งร้านของขวัญสุดชิค ขนมและเครื่องดื่ม ที่บริเวณ Q Steps ชั้น 1

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันส่งท้ายปีจากร้านค้าบริการเพื่อสุขภาพ และร้านอาหารชื่อดังตลอดเดือน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อใช้จ่ายกับร้านค้าภายในศูนย์ฯ ครบ 500 บาท* รับทันที ต้นไม้จิ๋วในขวดแก้ว (Mini plants) จาก เดอะ ปาร์ค ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2566 เท่านั้น ติดตามข่าวสารล่าสุดและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน “CHILL AT THE PARQ 2024” ได้ที่
Facebook: The PARQ Instagram: @THEPARQBKK  Website: www.theparq.com โทร. 02-080-5700

E-Outside Expo#4

Element 72 จัดใหญ่ E-Outside Expo#4 งานรวมสินค้า Outdoor แบรนด์ดังระดับโลก

account_circle
event
E-Outside Expo#4
E-Outside Expo#4

Element 72 จัดใหญ่ E-Outside Expo#4 งานรวมสินค้า Outdoor แบรนด์ดังระดับโลก ดึง โทนี่ รากแก่น ครีเอทแฟชั่นโชว์สุดชิค เปลี่ยนภาพแคมป์ปิ้งสไตล์ ให้กลายเป็นแฟชั่นคนเมือง

E-Outside Expo#4

Outdoor Botanica โดย Element 72 ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Urban Outdoor และ Urban Lifestyle แถวหน้าของประเทศไทย จัดงาน E-Outside Expo ครั้งที่ 4 เทศกาลแคมป์ปิ้งสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมทุกไอเทมสำหรับนักเดินทางและคนรักกิจกรรม Outdoor มาไว้ที่นี่ที่เดียว พร้อมด้วยแบรนด์ดังระดับโลก อาทิ THE NORTH FACE, YETI, SNOW PEAK, STANLEY, KEEN, KELTY, COLUMBIA, SALOMON, HELINOX, VICTORINOX, FJALLRAVEN, TIMBERLAND, MERRELL, COLEMAN, KODIAK CANVAS, FILTER017, TOPO DESIGNS, GRAMICCI, GOALZERO, DOD, BAREBONES, RAYRON, CALM OUTDOOR, MONT-BELL, CHUMS, LOGOS, BIALETTI, PAVEMENT, NALGENE, KOVEA, SOTO, IWATANI, HILANDER, MYSTERY RANCH, TOYO, AHU, TIMBUK2, EASTPAK, GERBER, EXPLORER CLUB, RUBBER KILLER, UNITO, UROWN และและอีกมากมาย รวมกว่า 150 แบรนด์ ที่ยกทัพกันมาจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษลดสูงสุดถึง 70% พร้อมสิทธิพิเศษแบบไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน

โดยปีนี้งาน E-Outside Expo ครั้งที่ 4 จัดภายใต้แนวคิด The Urban Traveler  ซึ่งถือเป็นการฉลองความสำเร็จของงานที่จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 4 อย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม บนพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร เพลิดเพลินกับพื้นที่โซนใหม่ในบรรยากาศหมู่บ้าน Luxury Glamping Tent ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยเต็นท์ขนาดใหญ่เทียบเท่าพื้นที่คอนโดขนาด 32 ตารางเมตร และเหล่าเพื่อนบ้านจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 50 หลัง ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามเพื่อให้สาวกแคมป์ปิ้งได้เข้าไปถ่ายรูปกัน พร้อมกับการวางจำหน่ายที่แรกอย่างเป็นทางการของรองเท้าคอลเลกชันสุดพิเศษ KEEN x HYKE ที่มาในคอนเซ็ปต์ “HERITAGE AND EVOLUTION”

นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์โชว์สุดพิเศษจากหนุ่มสุดฮ็อตที่เป็นบิ๊กแฟนของ Element 72 มาอย่างยาวนาน อย่าง “โทนี่ รากแก่น” ที่มาเนรมิตพื้นที่จัดงานให้กลายเป็นรันเวย์กับแฟชั่นโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีพ พร้อมมาเปลี่ยนภาพจำเดิม ๆ ด้วยการมิกซ์แอนด์แมชท์เสื้อผ้าสไตล์ Outdoor จากแบรนด์ GRAMICCI, NANGA และ HOUDINI  ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และหยิบมาใส่ได้ทุกวัน

ร่วมด้วยแขกรับเชิญขาประจำอย่าง ลีโอ พุฒ, เรย์ แมคโดนัล, และต้า บาร์บี้ จากแก๊งค์เร่ร่อน ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์สุดมันส์ในการออกทริปอินเดียที่ผ่านมา พร้อมด้วยโชว์ทำอาหารเมนูพิเศษจากเชฟคนดัง “บุช เลอชาญ” มารังสรรค์เมนูสุดเก๋อย่าง “ปาเอญ่า หรือ ข้าวผัดสเปน” และ “ซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิวสไตล์อเมริกัน” เพื่อเป็นไอเดียให้กับชาวแคมป์ปิ้งและให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ชิมกันอีกด้วย โดยในปีนี้มีเหล่าคนดัง Influencer และ Blogger สาย Outdoor มาร่วมงานคับคั่ง อาทิ ภูริ หิรัญพฤกษ์, ลุลา, ฟิลลิปส์ ทินโรจน์, ตูมตาม ยุทธนา, โบ ธนากร, เผือก พงศธร, ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์, ตะวัน ปัณณวิชญ์และ เตชินท์ ชยุติ เป็นต้น

งาน E-Outside Expo ครั้งที่ 4  ยังมีโซนอื่น ๆ ให้ได้ชิมและชิลล์กันอีกไม่ว่าจะเป็น โซน Food Fair & Craft Beers อาหารและเครื่องดื่มจาก Chang Cold Brew Cool Club พร้อมเพลิดเพลินไปกับดนตรีและกิจกรรม Outdoor อื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับใครที่พลาดงานในปีนี้สามารถเข้าไปชมภาพบรรยากาศงานและติดตามรายละเอียดของงานครั้งต่อไปกันได้ที่ https://www.facebook.com/Element72Store

Silk Festival 2023

เชิญเที่ยวงาน Silk Festival 2023 ช้อป ผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง งานหัตถกรรม OTOP Luxury

account_circle
event
Silk Festival 2023
Silk Festival 2023

เชิญเที่ยวงาน Silk Festival 2023 ช้อป ผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง งานหัตถกรรม OTOP Luxury ชมนิทรรศการ Silk Success Sustainability พร้อมผลงานการออกแบบชุดจากผ้าไทย จาก ไทยดีไซเนอร์ชื่อดัง 30 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคมนี้ ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6-7 เมืองทองธานี

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านมหาดไทย ชวนเที่ยวงาน  Silk Festival 2023 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Silk Success Sustainability เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 36 พรรษา และเพื่อสร้างการรับรู้ถึงผลสำเร็จของการขับเคลื่อนโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” รวมทั้งเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6-7 เมืองทองธานี

ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 36 พรรษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และนิทรรศการผลสำเร็จจากโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” การพัฒนาผ้าลายพระราชทาน ได้แก่ ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ลายขิดนารีรัตนราชกัญญา ลายดอกรักราชกัญญา และลายพระราชทานอื่นๆการสร้าง Sustainable Fashion แฟชั่นสู่ความยั่งยืน เพื่อให้ผืนผ้าและงานหัตถกรรมของไทยเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Silk Festival 2023

ตื่นตากับไฮไลต์การแสดงแบบภูมิปัญญาผ้าไทย (Sustainable Fashion) จาก 13 แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชื่อดัง ได้แก่ SIRIVANNAVARI, ARCHIVE 026, ASAVA, JANESUDA, IRADA, ISSUE, LANDMEE,  MILIN, PYVET, TandT, THEATRE, TIRAPAN,  WISHARAWISH และ 2 Young Designers ได้แก่ แบรนด์ HAYA ผู้ชนะเลิศ และ AMEEN Studio รองชนะเลิศการประกวดตัดเย็บชุดผ้าไทยใส่ให้สนุก โครงการดีไซเนอร์รุ่นใหม่ของกรมพัฒนาชุมชน รังสรรค์ผลงานสุดประณีต จำนวน 57 ชุด ภายใต้แรงบันดาลผ้าไทยใส่ให้สนุก โดยนำผ้าไทยซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละชุมชน อาทิ ผ้าไหมแพรวา  ผ้าไหมมัดหมี่  ผ้าไหมยกดอก ผ้าปักชาวเขา ผ้าไหมหางกระรอก ผ้าบาติก ผ้าฝ้ายย้อมคราม ผ้าขาวม้า ผ้าหางกระรอก ฯลฯ มาออกแบบทันสมัย สะท้อนถึงศักยภาพของการพัฒนาลายผ้าทอให้เข้ากับยุคสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์

ชมและเลือกซื้อ ผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ชั้นสูง (OTOP Luxury) อันทรงคุณค่าที่ได้รับเครื่องหมายรับรองสินค้าแฟชั่นและหัตถกรรมพระราชทาน “Sustainable Fashion”  แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่งของที่ระลึก งานหัตถกรรม อิ่มอร่อยกับ โซน OTOP ชวนชิม รวมร้านอาหารดังกว่า 30 ร้าน รวมทั้งกิจกรรมมากมาย อาทิ กาสาธิตการทำผ้ามัดย้อม สาธิตการเตรียมเส้นและการสาน สาธิตการจัดสานกระจูด  จักสานใบตาลพวงมาลัย สาธิตเทคนิคการนุ่งซิ่น เป็นต้น

ช้อปผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ชั้นสูง และอาหารจากร้านดังทั่วประเทศ ได้ในงาน Silk Festival 2023 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6-7 เมืองทองธานี

OPPO

OPPO ส่งท้ายปีเก่า ผ่านแคมเปญ New Year New Phone

Alternative Textaccount_circle
event
OPPO
OPPO

OPPO ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับความสุขแบบจัดเต็ม ผ่านแคมเปญ New Year New Phone มาพร้อมโปรแรง ทั้งลดทั้งแถม วันนี้ – 7 มกราคม 67

OPPO แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก มอบความสุขที่เลือกได้ส่งท้ายปี ผ่านโปรโมชันแคมเปญ New Year New Phone มาพร้อมโปรแรง ทั้งลดทั้งแถม ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 – 7 มกราคม 2567 ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

OPPO

พับกับกล้องที่ดีกว่า ด้วยสมาร์ตโฟนจอพับที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวยที่สุด

OPPO Find N3 Flip พับกับกล้องที่ดีกว่า ใครกำลังมองหาสมาร์ตโฟนจอพับสุดเทรนดี้ที่ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวยปังที่สุด มาพร้อมระบบกล้อง 3 ตัวระดับแฟลกชิป และเป็นครั้งแรกของสมาร์ตโฟนจอพับที่มาพร้อมกับ Telephoto Portrait Camera เมื่อซื้อ OPPO Find N3 Flip ในราคา 34,990 บาท รับทันที! Portable PU Case และ E-VIP Card (1 Year) มูลค่า 16,199 บาท

OPPO

ถูกใจสายถ่ายภาพ! ถ่ายพอร์ตเทรตสวยด้วย OPPO Reno10 5G 

สายถ่ายภาพต้องไม่พลาด ให้คุณใกล้กว่าก็โดดเด่นกว่าด้วย OPPO Reno10 5G สมาร์ตโฟน The Portrait Expert ราคาระดับกลางรุ่นแรกที่มาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ ถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบซูม ออปติคอลได้ถึง 2 เท่า ทำให้ได้ภาพตัวแบบที่ใกล้ และโดดเด่นยิ่งขึ้น เมื่อซื้อ OPPO Reno10 5G ในราคา 12,990 บาท รับฟรี! 3 in 1 Set Box มูลค่า 599 บาท

OPPO

สานต่อนิยามใหม่แห่งการพับด้วย OPPO Find N3 เบา บาง ทรงพลัง          

ก้าวไปอีกขั้นของสมาร์ตโฟนจอพับ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วย OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนจอพับที่มาพร้อมดีไซน์เบา บาง ทรงพลัง เต็มไปด้วยประสิทธิภาพทรงพลัง กับหน้าจอแฟลกชิปถึง 2 จอ สานต่อความเป็นที่สุดในด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัก 3 ตัวที่ออกแบบร่วมกันกับ Hasselblad ถือเป็นกล้องที่ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนจอพับ โดยเมื่อซื้อ OPPO Find N3 ในราคา 69,990 บาท รับทันที! E-VIP Card (2 Years) มูลค่า 39,900 บาท

OPPO

รับโปรโมชันสุดคุ้ม สนุกไปกับทุกการใช้งานด้วยสมาร์ตโฟนจาก OPPO A Series

OPPO A98 5G สมาร์ตโฟนให้คุณใช้งานแบบชาร์จไวไม่มีช็อตฟีล ราคาพิเศษเพียง 9,999 บาท จากราคาปกติ 10,990 บาท, OPPO A58 สมาร์ตโฟนราคาคุ้มค่า มาพร้อม RAM 6GB เพิ่มหน่วยความจำได้อีก 6GB พร้อม ROM 128GB ราคาพิเศษเพียง 5,999 บาท จากราคาปกติ 6,299 บาท และ OPPO A38 สมาร์ตโฟนให้คุณใช้งานลื่นไหลทุกเอนเตอร์เทนเมนต์ มาพร้อม ROM 128GB และ RAM 4GB เพิ่มได้อีก 4GB ราคาพิเศษเพียง 4,999 บาท จากราคาปกติ 5,499 บาท

OPPO

ป๊อปทุกความสนุก! สายเอนเตอร์เทนห้ามพลาด OPPO A79 5G

OPPO A79 5G รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจาก OPPO A Series พร้อมให้คุณใช้งานได้สนุก ตอบโจทย์ทุกความบันเทิงด้วยการมาพร้อมดีไซน์ใหม่ Glowing Feather มอบผิวสัมผัสราวกับขนนก และรูปลักษณ์ประณีตดุจเพชร ในสีม่วง Dazzling Purple วางจำหน่ายในราคา 8,999 บาท รับทันที! OPPO Mini Suit Case มูลค่า 1,299 บาท

OPPO

ให้ชีวิตสมาร์ตยิ่งขึ้น ไปกับ OPPO Pad 2 พร้อมโปรโมชันจัดเต็ม

OPPO ให้คุณเป็นเจ้าของ OPPO Pad 2 แท็บเล็ตระดับแฟลกชิป มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 144Hz มอบภาพสวยคมชัด พร้อมตอบโจทย์ทุกการทำงานด้วย Multi-Screen Connect 2.0 โดยเมื่อซื้อ OPPO Pad 2 รับทันที! OPPO Pencil, Smart Touchpad Keyboard, Smart Case, Tempered Film, หูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds2 และ Google Cloud 100GB นาน 6 เดือน รวมมูลค่า 9,996 บาท

OPPO

พบกับข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย!

ให้คุณเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนถ่ายพอร์ตเทรตปัง OPPO Reno10 Pro+ 5G, OPPO Reno10 Pro 5G, อุปกรณ์ IoT สุดสมาร์ต OPPO Pad Air, OPPO Enco Air3 Pro, OPPO Band2 และ OPPO Enco Air3 ได้ในข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ห้ามพลาด! แล้วมาพบกับโปรโมชันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขที่คุณเลือกได้ ผ่านแคมเปญ “New Year New Phone” ให้คุณเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ IoT จาก OPPO ได้ในราคาสุดคุ้ม ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ถึง 7 มกราคม 2567 ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

*ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด เฉพาะร้านค้าที่ร่วมจำหน่าย โปรดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก เปลี่ยนแปลงเงื่อไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ไปรษณีย์ไทย

โพสต์ติเวิร์ส ยกขบวนความพิเศษเซอร์ไพรส์ 140 ปี

Alternative Textaccount_circle
event
ไปรษณีย์ไทย
ไปรษณีย์ไทย

ไปรษณีย์ไทยจัดงาน โพสต์ติเวิร์ส 140 ปี จับ “ความทรงจำ – อาร์ต – แฟชั่น” รังสรรค์สินค้าพรีเมียมลิมิเต็ด จำกัดเฉพาะงาน ไปรษณีย์กลางบางรัก

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ฉลองครบรอบ 140 ปี ในงานสุดยิ่งใหญ่ POSTiverse ส่งสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปี ไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566เปิดตัวสินค้าพรีเมียมคอลเลกชันพิเศษเอาใจนักสะสม ได้แก่  แสตมป์ที่ระลึก 140 ปี ตราไปรษณียากรไทย และแสตมป์ที่ระลึก 140 ปี ไปรษณีย์ไทยและงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ที่ออกแบบโดยศิลปินรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สินค้าที่ระลึกที่ต่อยอดจากลวดลายแสตมป์ อาร์ตทอยคอลเลกชันพิเศษลิมิเต็ด 14 แบบที่ออกแบบโดยศิลปินรุ่นใหม่ เริ่มจำหน่ายในงาน POSTiverse ส่งสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปี ไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566 ณ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก

ไปรษณีย์ไทย

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในวาระฉลองครบรอบ 140 ปี ไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้อยู่เคียงคู่สังคมไทยมาทุกยุคทุกสมัย มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งและทันกับกระแสโลก โดยเฉพาะในมิติของการพัฒนาสินค้าและบริการ ล่าสุดเพื่อตอบรับกับกระแสสินค้ากลุ่มแฟชันงานศิลปะ และป็อปคัลเจอร์ จึงได้ร่วมกับกลุ่มศิลปินและนักออกแบบพัฒนาสินค้าคอลเลกชันพิเศษ ซึ่งมีความพิถีพิถันตั้งแต่ในเรื่องแนวคิด การออกแบบ และการแสดงออกทางความสร้างสรรค์ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในงาน POSTiverse ส่งสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปี ไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 แบ่งเป็น 4 กลุ่มดังนี้

ไปรษณีย์ไทย
  • แสตมป์ที่ระลึก ซอฟต์พาวเวอร์และสิ่งสะสมที่อยู่คู่คนไทยมาเป็นเวลา 140 ปี โดยในงานนี้จะได้
    พบกับ
     แสตมป์ที่ระลึก 140 ปี ตราไปรษณียากรไทย ที่เป็นการนำเอาแสตมป์ชุดโสฬศ ประกอบด้วย ชนิดราคาโสฬศ อัฐ เสี้ยว ซีก เฟื้องหนึ่ง และสลึงหนึ่ง ซึ่งเป็นแสตมป์ดวงแรกของไทยมาออกแบบใหม่ในรูปแบบ Stamp on Stamp ชนิดราคาโสฬศ อัฐ เสี้ยว ซีก ราคาดวงละ 5 บาท และแสตมป์ที่ระลึก 140 ปี ไปรษณีย์ไทยและงานแสดงตราไปรษณียากรโลก 2566 ออกแบบโดย 4 ศิลปินรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงและมีผลงานการออกแบบสินค้าให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ราคาดวงละ 35 บาท
  • สินค้าที่ระลึก จากลวดลายแสตมป์ที่ระลึกสู่การต่อยอดเป็นสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 4  รายการ ได้แก่ กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิ กระเป๋าผ้าแคนวาส ผ้าพันคอ และจานเซรามิก ซึ่งเป็นการนำแนวคิดจากการออกแบบแสตมป์มาถ่ายทอดลงบนสินค้าที่คนไทยใช้ในชีวิตประจำวัน โดยทุกแบบจะมีความพิเศษจากลายเส้นศิลปะ คอนเซปต์เรื่องราว และความยูนีค จากการออกแบบของคุณธีรวัฒน์  เฑียรฆประสิทธิ์ คุณธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง คุณจักรกฤษณ์ อนันตกุล และคุณยูน ปัณพัท เตชเมธากุล
  • อาร์ตทอยคอลเลกชันพิเศษลิมิเต็ด 14 โมเดล ออกแบบโดยศิลปิน 13 คน ได้แก่ A little Monster Story, Ake Studio, Godswork Studio, Huuyaow, Korn Doll, Moon Day, Mossy Janny,  NSP by Champ The Traveller, Tanimallittle Gods Studio, TAR 88TGU, TOM Moai, Ton Tabun Warrrrrr Studio และ 1 แบบ Secret Collection ที่ออกแบบโดยทีม “ไปรฯ ดีมาดี” ซึ่งเป็นนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตเพียง 14 ตัวเท่านั้น โดยจำหน่ายในรูปแบบโมเดลกาชาปองแบบสุ่มขนาดเล็ก 1 – 2 นิ้ว ในราคาสุ่มละ 299 บาท และมีจัดจำหน่ายแบบครบชุด 14 แบบ จำนวนจำกัดเพียง 20 ชุด ในราคา 5,399 บาท รวมทั้ง Art Toys ขนาดพิเศษ 9 – 23 ซม. จำนวน
    13 แบบ แบบละ 20 ตัว ในราคาตัวละ 2,999 บาท และ 4,999 บาท
ไปรษณีย์ไทย

ภายในงานยังมีกิจกรรมหลากหลายที่จะมอบความสุขและสร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน มีทั้งร้านจำหน่ายตราไปรษณียากรของเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เคาน์เตอร์ให้บริการจำหน่ายตราไปรษณียากร สิ่งสะสม สินค้าที่ระลึกภายในงานและอื่น ๆ อีกมากมายที่เตรียมมาเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ไปรษณีย์ไทยชาวไทยอีกเพียบ โดยสินค้าทั้งหมดที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสพิเศษนี้จะเป็นคอลเลกชันลิมิเต็ดเอดิชัน มีจำนวนจำกัด ผลิตและจัดจำหน่ายเฉพาะที่งาน POSTiverse ส่งความสุขไปทุกเวิร์ส 140 ปีไปรษณีย์ไทย และงานแสดงตราไปรณียากรโลก ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566 ณ ไปรษณีย์กลาง บางรัก

ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่

  • เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
  • เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
  • X : @Thailand_Post
  • ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
  • ติ๊กต็อก : @thailandpost
มูลนิธิรามาธิบดีฯ

มูลนิธิรามาธิบดีฯ เปิดตัวของที่ระลึกการกุศล My Melody เตรียมช้อปได้ 23 พ.ย.นี้

account_circle
event
มูลนิธิรามาธิบดีฯ
มูลนิธิรามาธิบดีฯ

แฟนพันธุ์แท้ My Melody เตรียมตัวให้พร้อม! มูลนิธิรามาธิบดีฯ จับคาแรคเตอร์ขวัญใจคนทั่วโลก My Melody กระต่ายสีขาวฮู้ดสีชมพูแห่งป่าเมอร์รี่แลนด์ คาแร็กเตอร์สุดน่ารักระดับ Top 3 ของค่าย Sanrio ที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลงรัก มาอวดความคิ้วต์บนของที่ระลึกการกุศลคอลเล็กชันล่าสุด “My Melody”

พร้อมมอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้แฟนๆ ได้เป็นเจ้าของ โดยรายได้ทั้งหมดสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์เพื่อคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มูลนิธิรามาธิบดีฯ

พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “My Melody เป็นคาแร็กเตอร์ชื่อดังที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและเป็นที่ชื่นชอบมายาวนานกว่า 40 ปี และมีแฟนๆ มากมายในเมืองไทย มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงนำมาสร้างสรรค์ของที่ระลึกการกุศลคอลเล็กชันใหม่ เพื่อให้ผู้ที่หลงรักคาแรคเตอร์ My Melody หรือชื่นชอบความน่าเอ็นดูของกระต่าย ได้สะสมไอเท็มสุดพิเศษ พร้อมนำความน่ารักของผองเพื่อนซี้ อย่าง Flat หนูตัวจิ๋วสีฟ้า และ Risu กระรอกน้อยสีน้ำตาล มาเพิ่มความสนุกให้กับคอลเล็กชันนี้ด้วยเช่นกัน”

พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ

My Melody เป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ของค่าย Sanrio ประเทศญี่ปุ่น ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 และได้รับความนิยมจากแฟนๆ ทั่วโลกมาถึงทุกวันนี้ ด้วยคาแร็กเตอร์กระต่ายขาวสาวสวย สวมใส่ฮู้ดสีชมพู เติมเต็มความน่ารักด้วยโบว์เล็กๆ ที่ประดับอยู่ที่หูข้างขวา มีนิสัยใจดี และพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนๆ ของเธอเสมอ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสาอันบริสุทธิ์ และเป็นที่รักของแฟนๆ ทุกวัย

สำหรับของที่ระลึกการกุศลคอลเล็กชัน My Melody มีสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัย ในราคาที่จับต้องได้ จะซื้อใช้เองก็น่าเก็บสะสม หรือมอบเป็นของขวัญในเทศกาลแห่งความสุขก็ถูกใจผู้รับ ครบครันด้วยสินค้าหมวดต่างๆ ตั้งแต่ หมวดเครื่องแต่งกาย

ได้แก่ เสื้อยืดทีเชิ้ต ใส่ง่าย นุ่มสบายจากผ้าฝ้ายธรรมชาติ 100% (สีชมพู ม่วง และเหลือง) ราคา 250 บาท เสื้อสเว็ตเตอร์ เนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ใส่เที่ยวหรือทำงาน กันหนาวก็ได้ กันแดดกันลมก็ดี (สีชมพู และม่วง) ราคา 559 บาท ชุดนอนแบบเดรสกระโปรงและแบบเสื้อกางเกง ผ้าโพลีเอสเตอร์ซาติน นุ่มสบาย ไม่ระคายผิว (สีขาว เหลือง และม่วง) ราคา 599 และ 729 บาท ผ้าพันคอ ทำจากผ้าไหมซาตินผืนใหญ่ขนาด 1 เมตร ราคา 499 บาท และ หมวกกลับด้าน สัมผัสนุ่ม เบาสบาย ไม่ร้อน ใช้ได้ทั้ง 2 ด้าน (สีชมพู และม่วง) ราคา 399 บาท

ของที่ระลึกการกุศล My Melody

หมวดกระเป๋ารูปแบบต่างๆ ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ได้แก่ กระเป๋าผ้าร่มพับเก็บ (สีชมพู และเหลือง) ราคา 159 บาท กระเป๋าผ้าไมโคร พกพาสะดวกใช้งานง่าย (สีม่วง และชมพู) ราคา 79 บาท กระเป๋ากลับด้าน (สีม่วง และชมพู) ราคา 399 บาท กระเป๋าถือผ้าแคนวาส ใบใหญ่ราคา 399 บาท ใบเล็ก ราคา 329 บาท กระเป๋าโน้ตบุ๊ค แข็งแรงทนทานด้วยผ้าแคนวาสบุโฟม

พร้อมสายสะพาย ราคา 399 บาท กระเป๋าหูรูด ผ้าซาตินใช้งานได้อเนกประสงค์ ราคา 229 บาท กระเป๋าใส่เหรียญ (สีชมพู และเหลือง) ราคา 99 บาท หมวดของใช้ในบ้าน ได้แก่ หมอนผ้าห่ม (สีชมพู และเหลือง) ราคา 399 บาท ผ้าห่ม ราคา 559 บาท ร่มพับ 3 ตอน กันแดดกันฝน ป้องกันรังสี UV (สีชมพู และม่วง) ราคา 399 บาท และ กระบอกน้ำและแก้วน้ำเก็บอุณหภูมิ ทำจากวัสดุสแตนเลส 2 ชั้น เก็บความเย็นและร้อนได้ดี 4-6 ชั่วโมง (สีชมพู และเหลือง) ราคา 399 และ 359 บาท

ของที่ระลึกการกุศล My Melody

ปิดท้ายด้วย หมวดเครื่องเขียน ได้แก่ แผ่นรองเม้าส์ ผืนใหญ่ วางได้ทั้งคีย์บอร์ดและเมาส์ในแผ่นเดียว ราคา 299 บาท ปากกา เขียนลื่น จับถนัดมือ ราคา 59 บาท สมุดโน้ต ราคา 99 บาท และ สมุดฉีก ราคา 69 บาท

ร่วมสนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ พร้อมจับจองของที่ระลึกการกุศลสุดน่ารัก คอลเล็กชัน My Melody เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 23 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ (โรงพยาบาลรามาธิบดี และ สถาบันการแพทย์ จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ) หรือสั่งออนไลน์ที่ www.ramafoundation.or.th, LINE @RAMAFOUNDATION, LINE SHOPPING และ Robinhood

สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2201-2222 ในวันและเวลาราชการ ติดตามข่าวสารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ที่ FB • IG • LINE @RAMAFOUNDATION

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด


HER HYNESS

“เราอยากให้ทุกคนมีผิวที่สวยที่สุด โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ”

Alternative Textaccount_circle
event
HER HYNESS
HER HYNESS

คลีนบิวตี้สกินแคร์ ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ปราศจากสารเคมีอันตราย ตามมาตรฐานยุโรป เพื่อให้ผิวสุขภาพดีอย่างแท้จริง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

HER HYNESS
HER HYNESS
HER HYNESS
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ALALA เป็นเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ของวงการ T-POP ที่น่าจับตามองมาตั้งแต่เดบิวต์เลยก็ว่าได้ เป็นวงที่รวมสมาชิก 4 คน ได้แก่ เมจิ คริส อิม และมินนี่ ที่พกพาความสามารถรอบด้าน อินเนอร์แรงสไตล์ตัวลูก และยังมีคาริสม่าหรือเสน่ห์พุ่งกระแทกตาสุดๆ อีก

ทันทีที่ ALALA เดบิวต์ก็ได้รับความสนใจทันที มีคนทั้งรีแอ็กชั่น MV และเพลงของพวกเธอ รวมไปถึงคัฟเวอร์ท่าเต้นปังๆ ซึ่งนับตั้งแต่เดบิวต์เมื่อช่วงปลายปี 2022 จนถึงตอนนี้ ALALA ปล่อยเพลงมาทั้งหมด 4 เพลงแล้ว แล้วแต่ละเพลงก็ดีงามมาก

บอกเลยว่าจากการที่สุดสัปดาห์ได้ไปสัมภาษณ์ ALALA ก็พบว่าจากที่เห็นเพอร์ฟอร์แมนซ์บนสเตจว่ามีคาริสม่าสุดๆ แล้ว เวลาปกติสมาชิก ALALA ก็มีเสน่ห์มากเหมือนกัน เรียกว่าตลอดการได้พูดคุยกันเป็นการพูดคุยที่เต็มไปด้วยพลังความสดใสและมีเอนเนอร์จี้แบบจัดเต็มสุดๆ ค่า ซึ่งไหนๆ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกันแล้ว เลยคุยกันแบบจัดเต็มกับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA ได้ในทุกวันนี้

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คุยกับ ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP

ALALA ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความโดดเด่นกันทุกคน แต่ละคนคิดว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร

เมจิ : หนูน่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นค่ะ เพราะว่าชอบแต่งตัว shopping เสื้อผ้า และน่าจะเป็นเรื่องการเข้าถึงง่าย ความเฟรนด์ลี่ค่ะ สามารถคุยได้กับทุกคนในกลุ่ม เวลามีอะไรทุกคนก็จะคุยกับหนู สามารถให้คำปรึกษาได้ดีค่ะ

คริส : คริสนะคะ ก็เป็นคนที่ชอบวาดรูปค่ะ ก็น่าจะเด่นเรื่องการวาดรูป และเด่นในเรื่องความตลกที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เวลาตั้งใจจะไม่ตลกค่ะ (หัวเราะ)

อิม : ของอิมนะคะ ก็น่าจะเป็นความ out growing คือพร้อมลุย เพราะอิมเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม outdoor เยอะ แล้วก็ชอบเล่นกีฬา อย่างที่สองก็เป็นคนตลกค่ะ (หัวเราะ)

มินนี่ : ส่วนมินนี่ก็จะเป็นสายกิจกรรม ชอบอยู่กับเพื่อนๆ ค่ะ จะเป็นสาย extrovert ชอบทำกิจกรรม ทั้งด้านกีฬาและกิจกรรมด้านแอ็กติ้ง รู้สึกการทำกิจกรรมเยอะทำให้ได้มีเพื่อนๆ หลากหลายดี พอมีเพื่อนหลากหลายก็สนุกขึ้นค่ะ จุดเด่นก็น่าจะเป็น extrovert และ friendly ค่ะ

ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ตอนนั้นทุกคนมีควาฝันอยากเป็นนักร้องตั้งแต่แรกเลยไหมคะ

มินนี่ : ตอนมินนี่เด็กๆ มินนี่ได้แรงบันดาลใจในการเป็นนักร้องมาจากนักร้องทางอเมริกาค่ะ ก็จะมี Ariana  Grande, Taylor Swift พอได้ดู MV ของพวกเขา และก็เคยไปคอนเสิร์ตของ katy perry ก็ยิ่งชอบค่ะ เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาด้านนี้ค่ะ ก็เลยฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กเลย

ตอนแรกเราก็ชอบศิลปินฝั่งอเมริกาค่ะ แต่พอเราโตขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มชอบฝั่งเคป๊อปด้วย ก็เลยชอบทั้งเต้นกับร้องตั้งแต่เด็ก เลยได้เรียนเต้น ได้เรียนร้องเพลง ก็เป็นสิ่งที่เราชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ

อิม : อิมเหมือนกันค่ะ เพราะว่าตอนเด็กๆ อิมก็ชอบ Katy Perry หรือ Taylor Swift เหมือนกัน แล้วตอนนั้นคุณพ่อชอบ Girls’ Generation มากๆ ค่ะ(หัวเราะ) เลยเหมือนส่งต่อมาให้ลูก อิมก็ชอบฟังเพลง ชอบดู MV และอิมก็ชอบคิดว่าอยากเป็นเหมือนเขา ตั้งแต่เด็กก็เลยมีความฝันอยากจะเป็นนักร้องค่ะ

คริส : ถ้าตอนเด็ก จริงๆแล้วเมื่อก่อนอยากเป็นนางเงือกค่ะ อยากเป็นแอเรียล เพราะเมื่อก่อนดูหนังเรื่อง The Little Mermaid มาเกิน 100 รอบเลยก็ว่าได้ อยากเป็นแอเรียลมากๆ ดูพิเศษดีค่ะแบบอยู่ใต้น้ำ (หัวเราะ) แต่ถ้าอยากเป็นมากที่สุดในตอนนี้คืออยากเป็นนักร้องเหมือนเดิมค่ะ เพราะว่ามันเป็นความฝันที่คริสก็ชอบเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็ชอบอยู่บนสเตจ พอมีมีตติ้งที่ครอบครัวใหญ่จะมากินข้าวด้วยกัน เขาก็จะมีสเตจให้เด็กๆขึ้นไปร้องเพลง เราก็จะไปยืนร้องอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงเลย จนเขาต้องบอกให้หนูลงมา หนูไม่ยอมให้ใครแย่งไมค์เลย ซึ่งเรื่องที่ทำให้เห็นว่าหนูอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กเลยค่ะ

เมจิ : ส่วนหนูนะคะ หนูชอบดูพวกหนังมากกว่า อยากเป็นนางเอก อยากเป็นนักแสดงค่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชอบพูด เราน่าจะสามารถแสดงคาแร็กเตอร์ของตัวละครออกมาได้ เพราะเมื่อก่อนก็จะมีละครโรงเรียนแล้วหนูก็ได้เล่นเป็นตัวเอก อุ้ย! เขิน (หัวเราะ) ตอนนั้นก็เลยรู้สึกชอบทางนักแสดงค่ะ

แต่พอโตขึ้นก็ได้เห็น BLACKPINK ซึ่งถือว่าเป็นแรงบันดาลใจของหนู หนูชอบเจนนี่มากค่ะ พอได้ชมเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเขาแล้วรู้สึกว่าอยากจะเป็นนักร้องขึ้นมาค่ะ

จากความฝันในวัยเด็กทุกคนก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายของบริษัทใหญ่อย่าง GMM GRAMMY การฝึกโหดขนาดไหนกว่าจะได้เดบิวต์

มินนี่ : ถือว่าโหดเหมือนกันค่ะ เพราะว่าตอนที่หนูเข้ามา จะมีเพื่อนๆ ใน ALALA ได้เทรนมาก่อน แล้วหนูก็เพิ่งเข้ามา แต่ยังไม่ได้เข้ามาในกลุ่มเพราะว่าก่อนที่จะได้เข้ามา ก็ประเมินการเต้น การร้องเพลง การเพอร์ฟอร์มทุกอย่างเลย ช่วงนั้นก็เป็นช่วงโควิดด้วย เพื่อนๆ เขาก็เริ่มซ้อมกันแล้ว แต่ช่วงนั้นหนูเหมือนทิ้งการเต้นและร้องเพลงไปนาน ตอนนั้นก็ต้องมีเพื่อนๆ มาช่วยหนูทำให้เราสามารเข้ากับกลุ่มได้

อิม : ก็ยากเหมือนกันสำหรับอิมนะคะ เพราะทุกเดือนก็จะมีสอบ เช่น สอบร้อง สอบเต้น แล้วก็จะให้คะแนนมาเป็นตัวเลขเลย ก่อนจะเข้ามาฝึก อิมจะไม่เคยโดนอะไรแบบนี้ ไม่เคยโดนติ ช่วงแรกๆ อิมก็จะรู้สึกเศร้า รู้สึกเฟลกับตัวเองนิดนึง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ปรับตัวได้ แล้วก็เรื่องเวลาด้วย ตั้งแต่อิมเข้ามา เวลาครึ่งหนึ่งอิมแบ่งให้ทางนี้เลย ก่อนหน้านี้อิมก็มีเวลาเที่ยวกับเพื่อน ก็เลยต้องปรับตัวนิดนึงค่ะ

คริส : สำหรับคริสนะคะ ตั้งแต่เริ่มออดิชั่น คริสก็เคยไปออดิชั่นมาหลายที่แล้ว พอมาออดิชั่นที่นี่ ก็โหดนิดนึง พอออดิชั่นเสร็จก็ยังมีการออดิชั่นอีกรอบนึง ก็คือการออดิชั่นร่วมกันเป็นกลุ่มค่ะ เพื่อดูว่าเคมีเข้ากันไหม ซึ่งตอนนั้นมีการซ้อมสองสัปดาห์ก่อนที่จะออดิชั่นรอบนี้ค่ะ ถ้าใครมีดีมาก เราก็ได้ผ่านเข้าไป แล้วก็ไปเทรนต่อค่ะ

หลังจากนี้การเทรนหนักมากเหมือนกัน เราได้เทรนเรื่องใหม่ๆ เยอะมากเลย เช่น การเพอร์ฟอร์ม การแต่งหน้า การทำผม การพรีเซนต์คาแร็กเตอร์ของตัวเองให้ออกมายังไง มันก็ยากหน่อยที่เรามีอะไรที่ความท้าทายใหม่ๆ ทุกวัน พูดเลยว่าเทรนนี่ที่แกรมมี่โหดมาก เพราะเรามีออดิชั่นเป็นกลุ่มก่อนที่จะเดบิวต์ไปทำเพลงอีกว่าเราพร้อมไหม เราเข้ากันไหม เราดีพอที่จะออกไปทำเพลงส่งความสุขให้ทุกคนไหม ก็เลยยากนิดนึงค่ะ เครียดนิดนึง แต่พอทำสำเร็จแล้วก็รู้สึกอุ่นใจ เพราะว่าเราได้ทำในสิ่งที่เรารักค่ะ

มินนี่ : ขอต่อจากคริสนิดนึงนะคะ นอกจากที่เราต้องหาเวลามาซ้อมด้วยกัน ซึ่งต้องบอกว่าตารางของทุกคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะเราก็ต้องเรียนด้วย ต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งในการไปเรียนที่โรงเรียนเรา ซึ่งเราก็ทำให้ดีที่สุด หลังจากเลิกเรียนก็ต้องมาที่ตึกแกรมมี่เพื่อที่จะมาซ้อมค่ะ แล้วก็มีสอบทุกเดือนด้วย ช่วงเวลานั้นก็มีความเครียดนิดนึง แต่เพื่อนๆ ก็เหมือนเป็นครอบครัวคอยซัพพอร์ตกันจนมาถึงทุกวันนี้ที่เราได้เดบิวต์แล้ว

เมจิ : สำหรับหนู สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจูนกันให้เป็นกลุ่ม เพราะว่าการที่เราเดบิวต์เป็นกลุ่ม หนึ่งไลน์เต้นต้องพร้อม สองเราต้องคุยกันว่าต่างคนชอบอะไรแล้วอยากให้แนวทางกลุ่มเป็นแบบไหน ก็ต้องมีการพูดคุยกันหลายอย่าง ต้องเข้าใจจุดเดียวกันว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ต้องการที่จะสำเร็จด้วยกันแบบไหน อันนี้น่าจะยากในช่วงแรกๆ เพราะเราอาจจะไม่ได้รู้จักกันมาก มันอยู่ที่ความสนิทด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ  และมินนี่เข้ามาทีหลังก็ถือว่ามินนี่เข้ากับพวกเราได้เร็วมากๆด้วยค่ะ

เมื่อกี้มีพูดเรื่องการต้องแบ่ง แล้วปกติมีวิธีแบ่งเวลาระหว่างการเรียนกับการซ้อมหรือการทำงานยังไงบ้างคะ

คริส : พวกเราจะมีที่จะส่งให้ทางทีมงานทุกสัปดาห์ค่ะว่าสัปดาห์นี้มีอะไรปรับเปลี่ยนไปบ้าง ถ้าไม่มีก็เหมือนเดิมค่ะ ปกติตารางก็จะเหมือนเดิม เช่น วันนี้มีเรียนร้อง วันนี้หยุด วันนี้มีเรียนเต้น ซึ่งก็จะทำให้หนูรู้ว่าแต่ละวันต้องทำอะไร ก็จะส่งแจ้งเข้าไปในกลุ่มให้เพื่อนรับรู้ว่าวันนี้มีต้องไปทำงานรึเปล่า หรือเรามีเรียนเต้น เรียนร้อง ก็เลยทำให้ง่ายขึ้นกับการเรียนและการที่เราจะมีเวลาไปซ้อมหรือไปทำงานด้วยค่ะ

มินนี่ : ช่วงตอนเป็นเด็กฝึกหัดก็จะพยายามทำการบ้านในโรงเรียนให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องทำการบ้านหลังจากเทรนเสร็จค่ะ เพราะพวกเราเทรนเสร็จก็จะดึกแล้ว พวกเราก็จะพยายามทำที่โรงเรียนให้เสร็จ หรือไม่พอมีช่วงเบรกระหว่างการเทรนก็จะทำการบ้านค่ะ และพวกเราเรียนโรงอินเตอร์กัน ก็จะมีหลักสูตรไม่เหมือนกัน เพราะมีทั้งเรียนหลักสูตรอังกฤษและหลักสูตรอเมริกา ก็ต้องมีการปรับตารางกันค่ะ

หลังจากผ่านการฝึกหัดมา วันที่รู้ว่าจะได้เดบิวต์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง

คริส : ดีใจมากกก รู้สึกเครียดอยู่นะคะว่าเพลงจะออกมายังไง คนจะชอบเพลงเราไหม วันนั้นก็สั่นเลย กลัวมากๆ แต่พอมาเพลงออกมาแล้วทุกคนชอบ เต้นคัฟเวอร์เพลงพวกเรากันเยอะมาก

มินนี่ : มินนี่ยังจำช่วงเวลานั้นได้ตอนที่ทางหัวหน้าค่ายเขาประกาศว่าเราจะได้ร่วมงานกับพี่เต๋า URBOYTJ ก็คือสุดยอดมาก เพราะว่าเขาเป็น Rapper ระดับประเทศเลยค่ะ ซึ่งเราทั้ง 4 คนก็มีความฝันที่จะเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป แล้วเราก็ได้โอกาสออกอัลบั้มแรกได้ทำงานร่วมกับพี่เต๋า แถมมีเพลงที่ได้พี่เต๋าก็มาฟีทเจอริ่งในเพลง “เถียงเก่ง” ด้วยค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าเหมือนความฝันเลยค่ะ

อิม : ใช่ค่ะ แล้วก็มีอีกโมเมนต์หนึ่งที่เราเชื่อว่าทุกคนแฮปปี้มากและก็ซึ้งมากๆ ก็คือหลังจากเดบิวต์เสร็จ อิมน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่ตอนนั้นต้องมีแถลงข่าวกับสื่อต่อ เลยต้องซับน้ำตา ตอนนั้นอิมดีใจมากๆ ซึ้งและตื่นตันใจมากๆ กับการเดบิวต์ของพวกเราค่ะ

มินนี่ : เหมือนเราก็เทรนมาด้วยกัน และเราก็เจอสอบทุกเดือน แต่พอเดบิวต์เสร็จ เรารู้สึกว่าที่เราซ้อมมาทุกอย่าง เราคุ้มแล้ว วันนี้เป็นวันของเราแล้วอะค่ะ

แล้วตอนก่อนขึ้นเวทีที่เป็นเวทีแรกของเราในฐานะศิลปิน ตื่นเต้นขนาดไหน

เมจิ : ตื่นเต้นมากกก ของเราจะไม่มีการหลบหลัง stage เพราะตอนนั้นเราเป็น stage แบบ flow แล้วเราต้องเดินเข้า คือตื่นเต้นมากที่สุดเลยตอนถือไมค์ แล้วยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเพราะมีแต่คนที่เรารู้จักที่มาดูแค่เราค่ะ วันนั้นคนประมาณ 500 คนได้ค่ะ

มินนี่ : ก็จะมีเพื่อนๆ ที่เราชวนมา

เมจิ : ใช่ๆ ก็มีเพื่อนๆ ด้วย รู้สึกซึ้งตรงจุดนี้มาก เพราะเป็นเพื่อนที่อยู่ที่โรงเรียนด้วยกันแล้วโตมาด้วยกันค่ะ เห็นกันตั้งแต่อยู่โรงเรียน แล้วเราก็มาทำงาน

มินนี่ : เหมือนเขาก็เชียร์เราตอนที่เราได้เป็นเด็กฝึกหัด แต่เหมือนวันนี้เราได้มาเป็นศิลปินแล้ว พอได้เห็นเขามาเชียร์ เราก็รู้สึกดีใจค่ะ

อิม : หนูบอกเลยว่าตื่นเต้นแค่ตอนก่อนออกไป ตอนออกไปไม่ตื่นเต้นเลย

คริส : ใช่ๆ ของคริสตื่นเต้นตอนเดิน แต่พอเริ่มเต้นจริงๆ แล้วมีความสุขมากกว่าค่ะ

อิม : ใช่ เพราะได้ยินเสียงแบบกรี๊ด อะไรอย่างนี้ค่ะ

คริส : ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกว่าความฝันของเราทำสำเร็จแล้วค่ะ

พูดถึงซิงเกิลที่ปล่อยออกมาหน่อยค่ะ มีเพลงฮิต คนเต็มตามเยอะด้วย

เมจิ : เพลง “ร้องไห้ดังๆ” ค่ะ เป็นเพลงแรกที่เราเริ่มอัด เริ่มทำ เป็นเพลงที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเพลงนี้ใหม่ ตั้งแต่ได้ยินเพลงนี้ก็คือว้าว แล้วก็เชื่อว่าทุกคนน่าจะดีใจด้วย เพลงนี้ก็จะเป็นแนว alternative pop ค่ะ ก็จะมีความแดนซ์หน่อย ยังมีไวบ์ของความเป็น EDM ส่วนเนื้อหาเพลงจะพูดถึงความรักที่เราต้องการ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ยินคำว่ารักขนาดนั้น เลยจะต้องร้องไห้ค่ะ ท่าเต้นก็คือก็รู้สึกว่ายากค่ะ (หัวเราะ) หนูว่าร้องไห้ดังๆ ยากสุดเลย

มินนี่ : มันจะมีท่าหนึ่งที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้องไห้ดังๆ ก็จะเป็นท่าสะพานโค้ง ซึ่งครั้งแรกที่ครูเขามาสอนเรา ก็คือทุกคนน่าจะปวดหลังกลับบ้านกันหมดเลยค่ะ (หัวเราะ)

อิม : คือวันแรกเราขึ้นกันมาไม่ได้ด้วย ต้องฝึกซ้อมกันเยอะมากค่ะ แต่ดีที่ทุกคนเต้นได้ เอาไปคัฟเวอร์กันเยอะมาก คุ้มแล้วกับที่เราซ้อมกันมาค่ะ

แล้วตอนที่เราเห็นฟีดแบ็กของเพลงที่ออกมา เป็นยังไงบ้าง

คริส : โห ดีมากกก

มินนี่ : คือพวกเราก็แอบส่องบน YouTube ค่ะว่าจะมีคนเต้นคัฟเวอร์เพลงเราไหม เราก็คิดว่าเพลงของเรา ท่าเต้นก็ยากนะคะ แต่ก็มีหลายๆ คนมาเต้น แล้วเป๊ะด้วย

อิม : แล้วก็มีคนรีแอ็กชั่นเพลงเรา จากต่างประเทศก็มี รู้สึกว่า อุ๊ย! มีคนรีแอ็กชั่นเพลงเราด้วย ปกติเราดูแต่รีแอ็กชั่นคนอื่น ก็รู้สึกขอบคุณทุกช่องเลยค่ะที่มารีแอ็กเพลงของพวกเรา เขาทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นเหมือนกัน และเราก็ได้เจอพี่ๆ รีแอคเกือบทุกคนที่ได้เจอกันในตามงานเลยค่ะ

สุดสัปดาห์ : เพลงต่อไปเลยค่า

มินนี่ : เพลงที่สองคือเพลง “เจ็บนะ” ค่ะ จะเป็นเพลงช้าเพลงเดียวในอัลบั้ม “BABYMVP”  ซึ่งเพลงนี้จะสื่อถึงการรักข้างเดียวว่าเรารักใครสักคนนึง แต่คนนั้นไม่ได้รักเรากลับ ก็จะสื่อถึงความรักเด็กรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นค่ะว่าเราก็เจ็บนะที่เธอไม่ได้รักเรา แต่เราก็โอเค ไม่เป็นไร เราเข้มแข็ง เราอยู่ต่อได้ เพลงนี้ก็จะมีท่าเต้นเหมือนกัน ก็มีคนเต้นคัฟเวอร์บน TikTok และ YouTube ด้วยค่ะ รู้สึกว่าแฮปปี้เหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่เพลงแรกและเพลงที่สองมีคนมาเต้นคัฟเวอร์เรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นแรงผลักดันให้กับเราพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ทำผลงานเพลงดีขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ

อิม : เพลงต่อไปชื่อว่า “เถียงเก่ง” ก็จะเป็นอีกแนวนึงเลย จะมีความร็อก เพลงนี้ก็จะเศร้าเลย โดยจะเล่าเกี่ยวกับคู่รักที่ต้องมีช่วงเวลาที่เถียงกันหน่อย เพื่อจะทำให้ความสัมพันธ์นั้นมีความสนุกอะไรอย่างนี้ค่ะ แบบเฮ้ย! เธอเถียงเก่งน้า ประมาณนั้นค่ะ ซิงเกิลนี้เราก็ได้พี่เต๋ามาฟีทเจอริ่งให้ด้วย ดีใจมากๆ เลย แล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่อุตส่าห์ยอมมาฟีทเจอริ่งกับพวกเรา

มินนี่ : แลัวก็วันที่ถ่าย MV ไม่ได้ถ่ายในกรุงเทพค่ะ เราถ่ายที่ฉะเชิงเทรา ก็คือต้องตื่นเช้ามากแล้วก็ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง พี่เต๋าก็ต้องขับรถไปด้วยค่ะ (หัวเราะ)

คริส : ซิงเกิลต่อไปก็คือ “เสียใจไม่เสียดาย” นะคะ เป็นซิงเกิลใหม่ของพวกเรา ก็หวังว่าทุกคนจะไปฟังกันเยอะๆ เพราะเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่เราเต้นเยอะมากเลย มีหมุนตีลังกาบนอากาศ เพลงนี้ก็จะเป็นสไตล์ใหม่ขึ้นมาหน่อย มีเสียงปืนบ้าง มีความ electric pop ผสมกันค่ะ เพลงนี้ก็จะสื่อประมาณว่า เขาเสียใจที่เลิกกับเรา แต่เขาก็ยังอยากกลับมา แต่เราก็ไม่ได้สน ไม่ได้แคร์  เราก็ต้องมูฟออนและไปหาคนใหม่ we don’t care ค่ะ

เมจิ : คือเหมือนเราเสียใจนะกับความสัมพันธ์นี้ แต่เราก็ไม่เสียดายค่ะ คือใครฟังก็ต้องมีอินเนอร์แบบ ไม่คิดถึงแฟนเก่าแล้วอะ

การร่วมงานกับพี่เต๋าเป็นยังไงบ้าง

อิม : น่ารักมาก

เมจิ : สนุกมาก ทำงานเก่งมาก

อิม : ใช่ แบบเทกเดียวก็ผ่านเลย คือเราเห็นพี่เต๋าตั้งแต่ตอนอัดเสียงแล้วค่ะ ซึ่งทุกคนตื่นเต้น เพราะว่าเป็นการเข้าห้องอัดครั้งแรก และโปรดิวเซอร์ของเราคือแร็ปเปอร์ระดับต้นๆ ของประเทศค่ะ บอกเลยว่าตื่นเต้น แล้วก็ต้องทำให้ดีค่ะ ต้องซ้อมอะไรอย่างนี้ แต่พอไปถึงปุ๊บ พี่เต๋าใจดีมาก น่ารักมาก และรู้สึกว่าทุกคนผ่านเร็วมากเลย ก็คือเสร็จก่อนเวลาทุกเพลง

คริส : จำได้ว่าวันนั้นหนูแขนสั่นมาก พี่เต๋าบอกว่า คริสๆ เดี๋ยวขออีกรอบนึงนะ เอาแบบมีเอนเนอร์จี้หน่อย หนูแบบได้ค่า (หัวเราะ)

อิม : คริสนี่เห็นเป็นคนเงียบๆ แต่จริงๆ เป็นคนที่ตื่นเต้นกับอะไรง่ายมาก

มีอะไรที่อยากจะทำในวงการอีกไหมคะ

คริส : หนูมีเยอะเลย หนูอยากเป็นแฟชั่นนิสต้า และอยากเป็นโปรดิวเซอร์เพลงค่ะ อยากเป็นคนที่วาดรูปแล้วทำแกลลอรี่ของตัวเอง อยากทำด้านการแสดงสายภาพยนตร์ค่ะ อยากทำอีกหลายๆ อย่างมากๆ เลยค่ะ สิ่งที่หนูอยากทำอยู่ในวงการนี้หมดเลย และหนูคิดว่าถ้าโตไปแล้วได้ทำสิ่งนี้ก็คงจะเป็นฝันที่คอมพลีตแล้วค่ะ เพราะว่าหนูอยากทำเยอะมากแต่ไม่รู้หนูจะทำได้หรือเปล่าค่ะ

เมจิ : สำหรับหนูก็น่าจะเป็นเล่นละคร ไม่ได้อยากเป็นนางเอก แค่แบบทำการแสดงอารมณ์ออกมาค่ะ (หัวเราะ) เพราะหนูเป็นคนอิโมชั่นเยอะ และก็ค่อนข้างแบบเข้าถึงคาแร็กเตอร์ของตัวละครได้ง่ายค่ะ ก็เลยอยากลองเล่นละครดูค่ะ ความจริงหนูชอบบทนางร้ายมากกว่าบทนางเอก ชอบบทที่เข้าใจง่าย อารมณ์ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่ว่าอยากได้วัยใสๆ แบบ “ยูนาบี” (นางเอกจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Nevertheless) ค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็อยากแบบทำเสื้อผ้า เพราะหนูอยากเรียนด้านแฟชั่นค่ะ

คริส : ถ้าเกิดได้เล่นละครหรือหนัง หนูอยากเป็นผีค่ะ (หัวเราะ) และอยากเล่นเป็นแนนโนะ ถ้าหนูเล่นบทแบบนี้หนูว่าลุคน่าจะแบบได้ค่ะ

อิม : ที่อิมอยากทำมากที่สุดก็คือคอนเสิร์ต ALALA ค่ะ อยากจะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง อยากให้มีแฟนคลับ BABY A มาดูเรา นอกจากนี้ก็อยากเดินแบบ หรือไม่ก็ถ่าย fashion shoot อะไรอย่างนี้ค่ะ ที่จริงอิมอยากลองทุกอย่างเลย อิมก็อยากลองว่าอิมชอบอะไรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้างค่ะ

มินนี่ : ส่วนมินนี่อยากลองแต่งเพลงเองค่ะ เพราะว่าชอบแต่งแร็ปด้วย ปีที่แล้วหนูก็เป็นประธานนักเรียน แล้วหนูก็ได้แต่งแร็ปเป็นประธานนักเรียนแล้วก็ได้เป็นด้วยค่ะ แล้วหนูก็มีหนังสือไว้เขียนแร็ปเล่นๆ วันหนึ่งก็อยากจะลองเขียนเพลงเองค่ะ แล้วก็อยากเขียนสตอรี่ว่า ใน MV ของพวกเราว่าอยากมีซีนอะไรบ้าง แบบครีเอตผลงานเองค่ะ

สุดท้ายนี้อยากจะให้ฝากผลงาน และฝากข้อความถึงแฟนๆ หน่อยค่ะ

เมจิ : ก็ฝากเพลงที่สี่ของพวกเรานะคะ “เสียใจไม่เสียดาย” ออกแล้วนะคะ และฝากติดตามพวกเรา ALALA ด้วยนะคะ จะมีผลงานดีๆ ออกมาเยอะแยะมากมายให้ทุกคนได้ชมกัน บอกเลยว่าอยากเห็นทุกคนเต้น TikTok เพลงที่สี่ของพวกเราค่ะ และอย่าลืมติดแฮชแท็กด้วยนะคะ  #ALALAเสียใจไม่เสียดาย ค่ะ

คริส : สามารถติดตาม ALALA ได้ที่ @alala.whitefox ทุกแพลตฟอร์มนะคะ และถ้าอยากฟังเพลงของพวกเรา เสียใจไม่เสียดาย ฟังได้แล้วทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเลยค่ะ หวังว่าทุกคนก็จะชอบพวกเรานะคะ

มินนี่ : แล้วก็ใครที่ยังไม่ได้ฟังเพลงแรก เพลงสอง เพลงสามของพวกเราก็สามารถฟังได้ที่ YouTube : @officialwhitemusic ค่ะ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

วงการ T-POP มีศิลปินน้องใหม่เกิดขึ้นอีกวงแล้ว ครั้งนี้เป็นสไตล์ดูโอ้กันบ้าง นั่นก็คือสองหนุ่ม FIRZTER จากค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ได้แก่ เฟิร์สและเชสเตอร์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน

ชื่อวง FIRZTER มีที่มาจากการรวมชื่อของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน พร้อมกับมีตัว Z มาเชื่อมตรงกลางโดยจะสื่อถึงทั้ง Gen Z และการเชื่อมโยงทั้งคู่เข้าด้วยกัน สื่อถึงมิตรภาพและความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สู้ในสิ่งที่รัก และซื่อสัตย์กับความฝันนั่นเองค่า

สำหรับเพลงเดบิวต์เปิดตัวของ FIRZTER คือเพลง “ดวงจันทร์” เป็นเพลงที่ทั้งคู่ได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วย โดยเพลงปล่อยออกมาให้ได้ฟังเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่สองหนุ่มจะเดบิวต์อย่างเป็นทางการ สุดสัปดาห์ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขามาด้วย เรียกว่าคุยกันตั้งแต่เรื่องมิตรภาพสมัยเด็ก จนมาถึงการได้เดบิวต์เป็นศิลปินดูโอด้วยกัน

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คุยจัดเต็มกับ FIRZTER สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลย ย้อนกลับไปตอนนั้นหน่อยค่ะว่าเจอกันที่ไหน และความทรงจำที่มีต่อกันตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : เราเจอกันที่โรงเรียนสอนเต้นที่หนึ่ง แล้วเราก็เหมือนได้เรียนในคลาสเดียวกันเกือบทุกวันเลยครับ ซึ่งเตอร์ก็ได้เจอเฟิร์สที่นั่นครับ

เฟิร์ส : พ่อแม่พวกเราก็นั่งรอพวกเราเรียน ก็เลยคุยกันและได้รู้จักกัน พ่อแม่ก็เลยสนิทกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน

เชสเตอร์ : ไปเที่ยวด้วยกันทุกครั้งที่เรียนเสร็จ กินข้าวด้วยกันตลอดครับ

แล้วความทรงจำตอนเรียนเต้นในคลาสเดียวกันเป็นยังไงคะ

เชสเตอร์ : ตอนนั้นพวกผมไม่ชอบกันครับ เพราะว่าเฟิร์สก็เก่งมากครับ แล้วตอนเด็กๆ แต่ละคนก็จะชอบแข่งขันกัน ก็จะมีไม่ชอบหน้ากันอะไรแบบนี้ครับ

ตอนนั้นทั้งสองคนไม่ชอบหน้ากัน แต่พ่อแม่ก็มีไปกินข้าวด้วยกัน สถานการณ์เป็นยังไง

เชสเตอร์ : หมั่นไส้ตั้งแต่แรก แต่มาดีกันจริงๆ ก็คือ เวลาพ่อแม่พามากินข้าว ซึ่งพอเวลาเริ่มผ่านมา 2-3 ปี ก็ต้องอยู่ด้วยกันอะครับ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันครับ

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

ด้วยความที่เชสเตอร์และเฟิร์สสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วมีช่วงที่ห่างหายกันไปบ้างไหม

เฟิร์ส : มีช่วงที่เว้นว่างห่างหายกันครับผม ก่อนเข้า LAZ iCON

เชสเตอร์ : คือเตอร์กับเฟิร์สเข้าไปประกวดรายการหนึ่งด้วยกัน แต่ก่อนหน้านั้นเตอร์ไม่ได้เจอเฟิร์สมาประมาณเกือบ 2 ปีครับ

แม้จะมีช่วงเวลาห่างหายกันไป แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบันเลยใช่มั้ยคะ ความสนิทของทั้งสองคนสนิทกันขนาดไหนคะ

เฟิร์ส : ก็ไปไหนไปด้วยกันอะครับผม ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันครับ

แล้วมีโมเมนต์ไหนที่จำไม่ลืมมาจนทุกวันนี้

เชสเตอร์ : ผมกับเฟิร์สนะครับ เอาจริงๆ ตอนที่ดีกันจริงๆ คือตอนที่ไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ต Magic James ของพี่เจมส์จิด้วยกันครับตอนอายุ 13 ซึ่งหลังคอนเสิร์ตนั้น พวกเราต่อยกันครับ

เฟิร์ส : แต่ว่าที่จริงไม่มีอะไรเลยนะครับ ผมนั่งดูเตอร์เล่นกับคนอื่นอยู่ คนอื่นก็เลยยุ ต่อยกันเลยๆ ก็เลยต่อยกัน หลังจากนั้นก็เลยต่อยจริง

เชสเตอร์ : แล้วหลังจากก็เลยดีกันเลย เตอร์กลัวเฟิร์สไปฟ้องแม่ครับ ผมชกเฟิร์สปากแตกอะครับ ผมก็เลยพยายามทำดีด้วยครับ จนสุดท้ายก็เลยรักกัน

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

เมื่อกี้บอกว่ามีช่วงที่ห่างหายกันไป 2 ปีก่อนแข่งขันในรายการ LAZ iCON พอกลับมาเจอกันในรายการด้วยกันเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : จริงๆ จุดเริ่มต้นที่ได้ไปรายการ LAZ iCON ด้วยกันมาจากที่เตอร์ได้รับติดต่อให้ไปร่วมรายการ แล้วก็เตอร์รู้สึกว่าอยากมีเพื่อนไปด้วย ก็เลยโทรไปหาเฟิร์ส เฟิร์สก็เลยมาด้วยกัน เหมือนโทรไปชวนกันออดิชันครับ

เฟิร์ส : เวลาผมไปไหน สมมติไปออดิชันก็ต้องมีเพื่อน ไม่อยากไปคนเดียว ก็เข้าใจ ก็เลยไปเป็นเพื่อนเตอร์ครับ

สุดท้ายก็ออดิชั่นติดทั้งคู่ ตอนเข้าแข่งขันในรายการเป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนอยู่ในรายการไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ

เชสเตอร์ : ใช่ เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สอยู่คนละทีมกันเลย จะมีแค่อีพีสุดท้ายที่มาอยู่ด้วยกันครับ

พูดถึงตอนไปเข้าแข่งขันรายการเพื่อคว้าโอกาสเป็นศิลปิน บวกกับทั้งคู่เรียนเต้นตั้งแต่เด็ก เลยอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไปเรียนเต้นมาจากอะไร

เฟิร์ส : ผมอยากเรียนครับ ตอนเด็กก็เริ่มจากอยากร้องเพลงก่อน ก็เริ่มเรียนร้องเพลงก่อน ประมาณ 6 ขวบ หลังเรียนร้องเพลงเสร็จ ตอนแรกยังไม่ได้อยากเต้นครับ แต่มีเพื่อนแม่คนหนึ่งเมื่อก่อนเขาเรียนเต้น ผมก็ลองไปเรียนตาม ก็เริ่มชอบเรียนเต้นครับผม ก็เลยเรียนควบคู่มาตลอด ผมเริ่มอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอนร้องเพลงครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์ แรงบันดาลใจมาจากการที่เตอร์มีแฟนตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง คราวนี้เตอร์ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจได้คือการร้องเพลง กับการเต้น มันจะดูป๊อปปูลาร์มาก จะดูหล่ออะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้นครับ ร้องเพลง เต้น ทุกอย่างเลย เราฝึกจนแบบวันหนึ่งพ่อแม่เสนอให้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนเต้นแห่งหนึ่งที่ได้ไปเจอกับเฟิร์สที่นี่ เราก็เลยตัดสินใจไปเลย เผื่อว่าจะเต้นดีขึ้นก็จะได้หล่อขึ้นต่อหน้าผู้หญิงอะไรแบบนี้ครับ

กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งสองคนผ่านจุดทดสอบอะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

เชสเตอร์ : โห! คือเตอร์กับเฟิร์สนะ 7 วัน เตอร์ว่าเรียนพวกเต้น พวกร้องกัน 7 วันเลยครับ คือเรียนทุกวันหลังเรียนที่โรงเรียนเสร็จปุ๊บ มาซ้อม หลังเรียนเสร็จปุ๊บเข้ามาเรียนเต้น เข้ามาเรียนร้อง ลูปมันเป็นอย่างนี้มาตลอด จนมาถึงช่วงหนึ่งเราเริ่มโตขึ้น ก็เริ่มมีไปออดิชั่นนะ เฟิร์สจะมีไปเข้าแข่งขันรายการ

เฟิร์ส : เตอร์ก็จะมีค่าย

เชสเตอร์ : ก็คือซ้อมกันหนัก แต่อยู่คนละทางกันครับ

แล้วตอนไปแข่ง LAZ iCON รายการนี้ให้อะไรกับทั้งสองคนบ้าง

เฟิร์ส : รายการนี้ให้หลายอย่างกับเฟิร์สนะ ในเรื่องการฝึกซ้อมและเรื่องระเบียบวินัย ได้ฐานแฟนคลับมากขึ้นเยอะมากๆ แล้วก็ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์กับเพื่อนครับผม

เชสเตอร์ :  สำหรับเตอร์ก็คิดเหมือนกันครับว่ารายการนี้ที่ให้เตอร์จริงๆ คือเรื่องมิตรภาพครับ คือทุกคนใน LAZ iCON เป็นครอบครัวเดียวกันครับ

นอกจากเคยเข้าแข่งขันในรายการ จากที่ทั้งคู่เล่าก่อนหน้านี้ว่ามีไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตให้ศิลปินรุ่นพี่ มีเคยเป็นแดนเซอร์ให้ใครอีกมั้ยคะ นอกจากเจมส์จิ

เฟิร์ส : เต้นให้พี่เจ เจตริน

เตอร์ : ใช่ เตอร์กับเฟิร์สไปเต้นให้พี่เจ เจตรินครับ

เฟิร์ส : เป็นแดนเซอร์นี่แหละครับ ตอนนั้นได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีครับ

เตอร์ : เหมือนเราเรียนกันมาพอๆ กันเลยอ่ะ ทั้งร้อง ทั้งเต้น

ยังจำความรู้สึกตอนเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตที่จัดที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีได้มั้ยว่าเป็นยังไง ตื่นเต้นไหม เพราะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่อิมแพคได้

เฟิร์ส : จริงๆ ตอนเด็กผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากไปโชว์ความเท่ จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ผมแค่รู้สึกว่า ผมได้มาเต้นโชว์คนดูเยอะมากแค่นั้นอะครับ

เชสเตอร์ : ใช่ครับ แต่ผมมีความดีใจนะครับที่ได้ขึ้นเวทีใหญ่

การที่เราได้เป็นแดนเซอร์ให้รุ่นพี่ศิลปิน ทำให้ยิ่งจุดประกายในการเดินเส้นทางนี้มากขึ้นมั้ยคะ

เฟิร์ส : เฟิร์สว่าจุดประกายนะครับ เพราะพี่เจ เจตรินก็เป็นไอดอลหนึ่งคนที่เฟิร์สชอบ แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมาก เฟิร์สแค่รู้สึกว่าสักวันหนึ่งเฟิร์สอยากจะไปอยู่จุดๆ นั้นให้ได้มากกว่า เพราะว่าเหนื่อยมาเยอะครับผม

แล้วการได้ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายแกรมมี่ได้ ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของไทยเลย รู้สึกยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : ตอนเข้ามาเป็นเด็กฝึก ถ้าให้พูดตรงๆ พวกผมยังไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น เรามาดีใจตอนที่พวกเราได้เดบิวต์เป็นศิลปิน อันนี้คือดีใจมาก ตอนแรกเตอร์กับเฟิร์สกะเข้ามาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่คราวนี้พี่ๆ ทีมงานหรือค่ายเขาจับมาคู่กัน

เฟิร์ส : แล้วเขาไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นเพื่อนกัน

เชสเตอร์ : พอจับมาคู่กันปุ๊บ ความรู้สึกเตอร์กลับเปลี่ยนครับ ตอนนี้เราไม่ได้อยากเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เราโอเคมากกับการทำคู่ เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทเรา ด้วยเคมีอะไรหลายๆ อย่าง เวลาร้อง เต้นค่อนข้างที่จะเชื่อมกันและลงตัวมากครับ

กว่าจะได้เดบิวต์ ทั้งสองคนผ่านการฝึกฝนที่โหดมากมั้ยคะ

เฟิร์ส : สำหรับผมไม่หนักครับ เพราะเคยเจอหนักมากกว่านี้แล้วครับก่อนหน้านี้

เชสเตอร์ : มันโอเคครับ ไม่ได้หนัก เตอร์เคยเจอโหดมากมาแล้ว

เฟิร์ส : อันนี้ก็คือเราก็พัฒนาความสามารถตัวเอง เช่น เรียนร้องเพลง และมีการสอบเพื่อดูว่าในทุกๆ วีค เราพัฒนาขึ้นยังไงบ้าง เพื่ออัพสกิลตัวเองครับผม

ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว อยากให้เล่าหน่อยว่าเพลงเดบิวต์ของ FIRZTER เป็นเพลงสไตล์ไหน

เฟิร์ส : แนวเพลงก็จะเป็นแนว HIPHOP กับ R&B และลาติน ก็คือจะผสมกันหลายๆ แนวครับผม เพลงจะเล่าเกี่ยวกับซื้อบ้านให้เธอบนดวงจันทร์ครับ ส่วนที่มาของเพลงต้องให้เตอร์เล่าครับ

เชสเตอร์ : เพลงนี้เป็นการสานต่อตอนอนุบาล เวลาเขาจีบกัน เขาก็จะซื้อบ้านที่ทองหล่อให้ แต่ของเตอร์กับเฟิร์สมันธรรมดาไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราต้องเหนือกว่านั้นครับ เราก็เลยไปซื้อให้เธอที่ดวงจันทร์เลย ก็คือเพลงนี้จริงๆ ใช้เวลาแต่งครึ่งชั่วโมงได้ครับ เตอร์กับเฟิร์สมีส่วนร่วมในการทำเนื้อร้อง ทำบีท ทำเดโม่ทุกอย่างแล้วก็ส่งให้ค่ายไป แล้วทีนี้ค่ายก็เห็นว่าเพลงนี้เขาชอบมาก ก็เลยให้เราไปทำกับนักดนตรีต่างชาติที่ทำดนตรีดีมาก และมีพี่แม็ค ศรัณย์มาเป็น executive producer ด้วย เหมือนมีหลายหัวมาช่วยกันคิดครับ

เฟิร์ส : ก็เลยทำให้ออกมาเป็นเพลง “ดวงจันทร์” ครับ

ตอนที่ส่งเพลงไปให้ค่ายแล้วเพลงผ่าน ตอนนั้นรู้สึกยังบ้าง

เชสเตอร์ : ดีใจนะ

เฟิร์ส : ผมดีใจ รู้สึกว่าเราได้ทำเพลงตามสไตล์ที่เราชอบอ่ะครับ คือทุกอย่างมันมาจากเรา

เชสเตอร์ : White Music ก็เปิดใจกับเพลงเราด้วยครับ

เฟิร์ส : ใช่ ก็เลยพอใจในสิ่งที่เราทำ แล้วก็ตื่นเต้นมากครับ

แล้วเบื้องหลังการเตรียมตัวในเรื่องการเต้นสำหรับเพลงเดบิวต์เป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนแรกเฟิร์สกับเตอร์จะไม่เต้นครับ เพราะอยากเป็น hiphop boys ครับ จะเต้นแบบฟรีสไตล์อะไรแบบนี้ครับ แต่ว่าพอมาดูภาพจริงๆ ก็โอเค อาจจะต้องเต้นบ้าง

เชสเตอร์ : เต้นหน่อยดีกว่า ให้เพลงมันมีความมันขึ้นครับ

เฟิร์ส : เราจะมีคนมาออกแบบท่าเต้นให้ ส่วนพวกเรามีส่วนร่วมในการเลือกท่าเต้น

เชสเตอร์ : ทางคนออกแบบท่าเต้นเขาทำมาเป็น options ให้เราเลือกว่าอยากได้แบบไหนอะไรแบบนี้ครับ

เฟิร์ส : แล้วตอนแรกดูในคลิปก็คิดว่ามันไม่เหนื่อยครับ แต่จริงๆ แล้วเหนื่อยแทบตาย (หัวเราะ) เหมือนวิ่ง 50 นาทีครับ

เชสเตอร์ : อยากให้ทุกคนได้ลองเต้นท่าเพลงนี้ดู ทุกคนจะรู้ว่าเหนื่อยมาก เหมือนได้ออกกำลังกาย

เฟิร์ส : ตอนซ้อมเต้นผมอยากกลับบ้านเลยครับ (หัวเราะ)

ปกติยุคนี้ก็ต้องมีทำท่าเต้นให้คนไปเต้นตาม ทาง FIRZTER จะมี challenge อะไรมาฝากให้ทุกคนไปเต้นตามกันมั้ย

เฟิร์ส : เราคิดท่าเต้นง่ายๆ มาให้ครับ

เชสเตอร์ : เรามี Tiktok ให้ทุกคนได้เต้นด้วย

เฟิร์ส : ก็คืออาจจะไม่ได้เหนื่อยเหมือน MV ง่ายๆ ครับ

เชสเตอร์ : ถ้าเกิดอยากคัฟเวอร์ท่าจริง เราก็ยินดีมากครับ  

เฟิร์ส : ถ้าไม่เหนื่อยนะ ผมยกย่องเลย แต่ก็สนุก (หัวเราะ)

ที่บอกว่าเต้นแล้วเหนื่อยคือท่าเต้นเป็นแบบไหนคะ

เฟิร์ส : ท่าเต้นจะเป็นแนวการเต้นที่เท้าจะไม่อยู่กับพื้นเลย จะกระโดดตลอดเวลา แล้วก็มีมือต้องคอยมูฟตลอดเวลา

เชสเตอร์ : จะเหมือนเราทำคาร์ดิโอ ออกกำลังกายตลอดเวลา คือเต้นประมาณ 30 วินาที เหมือนวิ่งไปแล้ว 10 นาที

แล้วมีน้ำหนักลดมั้ยคะเวลาซ้อมเต้นช่วงนี้

เฟิร์ส : น้ำหนักผมลดครับ ผมเป็นคนเล่นฟิตเนส ผมเลยต้องชั่งน้ำหนักตลอด แล้วช่วงที่กลับมาเต้นอีก เพราะก่อนหน้านี้มีช่วงที่ไม่ได้เต้นครับ น้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม แล้วพอกลับมาเต้น ผมเหลือ 59-60 กิโลกรัมครับ

เชสเตอร์ : ผมเป็นคนผอม แต่จริงๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนที่มีพุง และพุงใหญ่มากเหมือนตี๋น้อยเลย แล้วพอได้มาเต้นเพลงนี้คือพุงผมยุบไปเลยครับ

คิดว่าจุดเด่นของ FIRZTER คือจุดไหนบ้าง

เชสเตอร์ : ผลงานพวกเราก็คือตัวพวกเราเลยครับ เพราะพวกเราทำเอง

เฟิร์ส : ใช่ และพวกเราก็เป็นตัวเองครับผม รวมถึงสไตล์ของเราด้วยครับ

เชสเตอร์ : จะบอกว่าเสียงเตอร์กับเฟิร์ส ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ เสียงเตอร์กับเฟิร์สค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์ เป็นเสียงเด็กที่อยู่ในผู้ใหญ่ครับ

ด้วยความที่ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนวันนี้ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน มีความประทับใจอะไรต่อกันบ้างคะ

เฟิร์ส : สำหรับเฟิร์สก็คือเป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไปย้อนดูรูปก็เห็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้มาเดบิวต์ด้วยกัน มันเหมือนเป็นอะไรถูกล็อกไว้แล้วอะครับ ก็รู้สึกว่าเตอร์เป็นคนเก่ง ทำได้ทุกอย่าง และเป็นคนตั้งใจ มีไฟครับ บางทีเฟิร์สก็มีความขี้เกียจบ้าง แต่พอมีเตอร์อยู่ด้วย พอเตอร์จะลงมือทำ ผมก็ต้องทำไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่มีเตอร์ ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ครับ เพราะอย่างไปรายการ LAZ iCON เตอร์ก็เป็นคนชวน มีช่วงหนึ่งที่เฟิร์สจะไม่ทำแล้ว เพราะไปออดิชันจนถึงรอบสุดท้ายมาหลายครั้งแล้วแบบไม่ได้ตลอด ก็เลยรู้สึกเฟลครับ แต่เป็นเพราะเตอร์ก็เลยมาครับผม

เชสเตอร์ : คำตอบเดียวกันเลยครับ คือเฟิร์สเป็นคนที่เก่งมากทุกอย่าง เช่น เรื่องความคิด เฟิร์สเป็นคนฉลาดมาก จริงๆ เตอร์ก็เป็นคนมีความขี้เกียจเหมือนกัน เราจะสลับกันตลอดเวลา คือถ้าเตอร์ขี้เกียจ เฟิร์สจะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้นมา แต่ถ้าเฟิร์สขี้เกียจ เตอร์ก็จะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้น เหมือนมันจะสลับกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ประทับใจที่แบบเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ใจกันหมดในทุกอย่าง ทำงานด้วยกันแล้วรู้สึกมีความสุข เราสามารถอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดอะครับ เตอร์ก็คิดว่าถ้าเตอร์ต้องมาดูโอคู่กับคนอื่น เตอร์อาจจะมีความไม่ค่อยสนิทใจ หรือมีความเกร็งนิดนึง แต่พอเป็นเฟิร์ส เตอร์รู้สึกว่าเราได้ทำงานกับครอบครัวเราครับ

ทั้งสองคนมองเป้าหมายในอนาคตยังไงบ้าง

เฟิร์ส : น่าจะต่างกันครับ เป้าหมายของเฟิร์สก็คือดนตรีนี่แหละครับผม อยากให้มันแบบเดินไปไหนก็ได้ยินเพลงตัวเองครับ ให้มีคนรู้จัก และดังไปถึงต่างประเทศครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์เหมือนกันครับ

เฟิร์ส : เป้าหมายเราต่างกันไม่ใช่เหรอ

เชสเตอร์ : ก็ตอนแรกนายบอกนายขอรวยเฉยๆ

เฟิร์ส : ขอรวยด้วยครับ (หัวเราะ)

เชสเตอร์ : จริงๆ  เป้าหมายคืออยากให้เพลงดังแบบทั่วโลกเลย อยากให้เพลงนี้ทุกๆคน ทุกๆ อายุ และทุกๆ โอกาสสามารถฟังได้หมดครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานและฝากให้แฟนๆ สุดสัปดาห์ติดตามหน่อยค่ะ

เฟิร์ส : ฝากแฟนคลับทุกคนไม่ว่าใครก็ตามเลยนะครับ ฝากติดตามเพลงดวงจันทร์ด้วยนะครับผม เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำกันมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบครับ และขอให้ติดตามเพลงหลังๆ จากนี้ด้วยครับ

เชสเตอร์ : เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำทุกเพลง ตั้งใจสุดๆ เลยครับ ฝากทุกๆ คนด้วย เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สจะเป็นหนึ่งในศิลปิน T-POP ที่สนับสนุนให้เพลงไทยได้มีโอกาสไประดับโลก ก็ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล เป็นนักร้องเดี่ยวสายเลือดใหม่จากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ที่เพิ่งเดบิวต์เมื่อปี 2022 นี่เอง ซึ่งบอกเลยว่าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดามากๆ เพราะนอกจากคินจะเป็นนักร้องแล้ว ก่อนหน้านั้นคินเป็นนักกีฬาฮอกกี้ระดับทีมชาติ ซึ่งติดในทีมระดับเยาวชนมาตั้งแต่อายุยังน้อย และปัจจุบันคินก็ยังยึดอาชีพเป็นนักกีฬาควบคู่ไปกับการเป็นนักร้อง

ต้องบอกว่าคินทำทั้งสองบทบาทได้ดีมาก เป็นนักกีฬาก็ทำได้ดี ฝีมือสุดยอด ผ่านการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติมากมาย และยังมุ่งมั่นกับการเป็นนักกีฬาสุดๆ ในขณะเดียวกันพอหันมาจับไมค์ คินก็มีเสียงอันไพเราะและยังมีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดแฟนๆ ได้อีก

คินได้เล่าให้สุดสัปดาห์ฟังว่าเขาเติบโตมากับการเล่นกีฬา เรียกว่าเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก แต่อีกมุมหนึ่งคินก็ชื่นชอบการร้องเพลงมากๆ ถึงขนาดเวลาว่างต้องแอบไปร้องเพลง แต่คินไปแอบร้องเพลงยังไง ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ งานนี้คุยกับคินจัดเต็มมากตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กยันเป้าหมายในอนาคต

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

แนะนำตัวเองพร้อมบอกจุดเด่นของตัวเองหน่อยค่ะ

ได้ครับผม สวัสดีครับ ผมคินนะครับผม มาจากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ครับ ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นตัวเองก็เป็นคนที่เอาใจใส่คนครับผม และก็เทกแคร์คนอื่นครับ ก็จะพยายามเทกแคร์แฟนคลับทุกคนครับ ทุกคนก็แฮปปี้ที่อยู่กับคิน และก็เป็นคนตลกครับ อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยแล้วสบายใจกับเราครับ

อยากรู้ว่าตอนวัยเด็ก คินเป็นเด็กสไตล์ไหนคะ

ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กที่เล่นกีฬาอย่างเดียวเลยครับ กับเรียนหนังสือ สองอย่างเลยครับสมัยก่อน ก็มีร้องเพลงบ้างเป็นงานอดิเรกเล็กๆ ของผมครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ซ้อมกีฬาเยอะมาก คินซ้อมฮอกกี้ 5 วันเลยสมัยก่อน ซ้อมบาส 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ซ้อมฮอกกี้ต่ออีก 2 ชั่วโมง เล่นสองกีฬาเลยครับผม แล้วก็มีช่วงที่ไปปั่นจักรยานด้วยครับผมก็ปั่น 40 กิโลเมตรเลยครับ

ด้วยความต่อหนึ่งวันทำหลายอย่างมาก ในหนึ่งวันคินมีวิธีแบ่งเวลายังไงบ้าง

ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเวลาไปเล่นกีฬา ส่วนใหญ่ผมจะเล่นกีฬาเป็นทีม แม้กระทั่งจักรยานก็ไม่ได้ไปคนเดียว ก็ได้ไปเจอเพื่อนๆ พี่น้องทั้งหลายที่ไปด้วยกันครับ ก็รู้สึกว่าอันนั้นเป็นเวลาพักผ่อน บางทีเราไม่ได้เล่นกีฬาเพื่อที่จะเอาจริงเอาจัง บางอย่างเวลาเราเล่น เราก็แค่เล่นเพื่อผ่อนคลาย

อย่างปั่นจักรยาน คินจะตื่นตี4 หรือตี5 ไปปั่นจักรยานประมาณ 6 โมงครับ ซึ่งเช้ามาก บางทีปั่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เวลาเราปั่นไป ตลอดระยะเวลาที่ปั่นไปก็จะมีเหมือนกับคลองครับผม บางทีก็มีสัตว์อยู่ในนั้นบ้าง ก็รู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่ได้ปั่นแบบว่าสปินต์ตลอดเวลา เราปั่นไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องการที่จะพุ่งไปเลย เราไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ แค่ให้มันครบรอบสองรอบประมาณนั้นครับ

นอกจากเล่นกีฬาเยอะ เราเป็นเด็กมีบุคลิกอุปนิสัยสไตล์ไหน เรียบร้อยหรือว่าเฮฮา สดใสคะ

เป็นเด็กเฮฮา สดใสตั้งแต่เด็กเลยครับ ก็จะเป็นคนที่ชอบอยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยชอบทำอะไรคนเดียว แต่เวลาอยู่คนเดียวเราก็มีนะ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ชอบที่จะอยู่คนเดียวขนาดนั้น ติดการที่ทำอะไรเป็นทีมครับ อย่างปั่นจักรยานก็ไปปั่นกับเพื่อนที่เล่นฮอกกี้ด้วยกันนี่แหละครับ และบาสที่ผมเล่น ผมก็เป็นทีมกับเพื่อน ซึ่งก็คือเพื่อนจากทีมฮอกกี้ด้วยกันครับ

ที่จริงก็คือบางทีเราเล่นกีฬาอื่นนอกจากฮอกกี้บ้าง ซึ่งการที่ผมเล่นฮอกกี้ พอไปเล่นกีฬาอื่นก็ทำให้เห็นอะไรมากขึ้น เช่น แผนการเล่นบางอย่างก็อาจจะคล้ายๆ กัน พยายามประยุกต์วิธีการเล่นเข้ามากับฮอกกี้ได้

แล้วคินเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูสไตล์ไหนจากคุณพ่อคุณแม่ เป๊ะไหม หรือว่าชิลๆ

ถามว่า strick ไหม ก็ strick พอสมควรนะ แต่ว่าอยากเล่นกีฬาอะไรก็ได้เล่นครับ จริงๆ พ่อแม่จะบอกตลอดเลยว่าชอบอะไรก็ทำ ถ้าไม่ชอบให้หยุด เขาจะแบบว่าไม่ฝืนเลย ถ้าเราไม่ชอบทำอะไร แล้วเราฝืนทำต่อไปยังไง ระยะยาวเราทำไม่ได้นานหรอกครับ เขาก็เลยจะซัพพอร์ตตลอดครับว่า ชอบใช่ไหม ถ้าชอบก็ลุย อย่างบาสถ้าชอบก็เล่นเลย ฮอกกี้คินก็เล่นเลย

แล้วนอกจากการซัพพอร์ตด้านนี้ เขาซัพพอร์ตด้านไหนอีกมั้ย อย่างคอยช่วยดูเรื่องตารางให้อะไรแบบนี้

แม่ก็จะคอยช่วยจัดตารางครับผม และมาเชียร์ มาซัพพอร์ต คุณแม่จะเป็นห่วงตลอดเลยเรื่องของการบาดเจ็บ คุณแม่ก็จะวิ่งมาตลอดเลย จริงๆ ก็เคยบาดเจ็บหนักตอนเล่นฮอกกี้พอสมควร บาดเจ็บมาเยอะมากครับผม บางทีก็มีโดนชน คุณแม่ก็จะกลัวแล้ว เช่น บางทีแม่ยืนเชียร์อยู่ข้างบน  แล้วผมตะโกน ม๊า! ขอพลาสเตอร์ยาได้ไหม คือตอนนั้นนิ้วแตก นิ้วแตกแบบว่าไม่ใช่แค่ถลอกนะครับ อารมณ์เหมือนโดนบีบ แล้วมันปริออกมา จริงๆต้องเย็บ แต่ยังแข่งอยู่ ก็เลยขอพลาสเตอร์ยามาพัน จริงๆ แล้วมีแข่งอีกเกมส์หนึ่งด้วย แต่แม่บอกไม่ต้องเล่นแล้ว ไปเย็บ ผมก็เลยขอพันแล้วไปเล่นต่อ ไม่เย็บแล้วกันทำให้ปัจจุบันนิ้วก็เลยมีร่องรอยจากการบาดเจ็บครั้งนั้นครับ

KIN
อันนี้คือเจ็บหนักสุดแล้วใช่ไหม มีอย่างอื่นที่เคยเจ็บหนักกว่านี้ไหม

อันนี้ก็ปกตินะครับ ผมเคยคางแตก แต่ที่เจ็บหนักสุดก็โดนล้มทับครับ เดินไม่ได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง เหมือนเส้นพลิก แล้วตอนนั้นคินแข่งทีมชาติครั้งแรกแล้วก็ชนกันแล้วเขาล้มทับมา ก็เลยเดินไม่ได้ แต่เราฝืนเล่นรอบชิงสุดท้ายนะ เราฝืนลงไปเพราะอยากเล่น ไปทั้งทีแล้วมันก็รอบชิงด้วย เราโดนประมาณเกมส์ก่อนชิงประมาณสองเกมส์ครับ แล้วก็พักได้ประมาณสองเกมส์ก็ไปเล่นรอบชิง มีลงไปเกมส์รอบก่อนชิงรอบหนึ่ง ลงไปปุ๊บ ไม่ไหวครับ ตอนนั้นโค้ชเขาอยากให้ลง เราก็ลงไป แต่ว่าไม่ไหว พอกลับมาไทยก็มารักษาตัวต่อ เจ็บสุดละมั้งครับที่โดนมา

ก่อนที่จะไปถึงทีมชาติ อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เล่นฮอกกี้มาจากอะไร เพราะถ้าพูดถึงฮอกกี้ในประเทศไทย กีฬานี้อาจจะไม่ได้เป็นกีฬาที่แมส หรือคนรู้จักเยอะ ทำไมเราถึงเลือกเล่นกีฬานี้

เริ่มจากญาติคินครับ คินมีญาติเป็นฝรั่ง แล้วเขาก็ไปเรียนไอซ์สเก็ตนี่แหละ ฝรั่งส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นแบบกีฬาสไตล์นี้เป็นกีฬาท้องถิ่นของเขาที่แบบลูกเขาควรเล่นไอซ์สเก็ตเป็นนะ บ้านเขาบางทีพอน้ำแข็งเริ่มละลายจะพาลูกออกไปเล่นสเก็ต ซึ่งตอนนั้นก็เห็นคินก็เห็นญาติเล่นแล้วเขาก็ชวนไปเล่น

ตอนแรกตอนที่คินเด็กมากๆ คินเคยไปทำงานกับคุณแม่แล้วที่นั่นมีลานสเก็ตพอดี ก็เลยไปดู อยากเล่น แต่เชื่อมั้ยว่าแม่ไม่ให้เล่นครับ แม่บอกว่าเป็นกีฬาอันตราย กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวนั่น แต่พอมีโอกาสที่ญาติเขามาชวนแล้วเหมือนเราอยากเล่นอยู่แล้ว พอญาติชวนก็เลยไปลอง แล้วเราก็เกิดติดใจครับ ก็เลยเล่นจนมาถึงทีมชาติครับ

ก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย! ถ้ามันเกิดมาเพื่อที่จะได้เล่นจริงๆ มันก็จะได้เล่น ตอนนั้นจำได้ว่าก็ประมาณ 4 ขวบ จำได้แน่ๆ ว่าเราเคยขอแม่เล่นตอนเด็ก คินเริ่มเล่นสเก็ต 8 ขวบ แต่จำได้ว่าประมาณ 6 ขวบ หรือ 4 ขวบคินจำไม่ได้แม่นๆ คือเคยขอแล้ว แต่แม่บอกกีฬาอันตราย อย่าเล่น ม๊ากลัว

เราคิดว่าเสน่ห์ของฮอกกี้คืออะไรที่ทำให้อยากเล่น แล้วพอได้ลองก็ติดใจจนเล่นกีฬาชนิดนี้มาถึงวันนี้

คิดว่าก็เป็นเสน่ห์ของทุกกีฬาแหละครับ การแพ้ชนะ ก็คือในการแข่งขันมีคนหนึ่งดีใจก็ต้องมีคนหนึ่งเสียใจ เป็นเสน่ห์ที่เราต้องยอมรับ ถ้าฝั่งชนะก็เป็นอะไรที่สวยงามตลอด แต่เราไม่รู้หรอกว่าฝั่งแพ้จะเป็นยังไง เวลาเราสนใจดูเกมจริงๆ เราไม่ได้สนใจหรอกว่าคนแพ้เป็นยังไง เราสนใจแต่คนชนะว่าเขาดีใจ เขาร้องไห้กัน อย่างเวลารอบชิงอ่ะ ไม่รู้ว่าคนดูกีฬาทุกคนจะสังเกตไหม เวลาฮอกกี้ชิง แล้วรอบชิงชนะ คนจะวิ่งไปกอดกัน กล้องก็จะแพลนไปฝั่งที่กอดกัน แต่กล้องจะไม่แพลนไปฝั่งแพ้ ฝั่งแพ้บางทีตอนแข่งทีมชาติบางคนล้มทั้งน้ำตาเลยครับ

แล้วก็อีกเสน่ห์นึงก็คือเป็นกีฬาที่กระทบกระทั่งสูงครับ บางคนก็ชอบกัน เพราะเป็นกีฬาแบบ มาดิ ชนก็ชน มาเลย อยากชนก็มา เดี๋ยวรอรับอะไรอย่างนี้อะครับ

แล้วก็เรื่องของพวก sportsmanship ต่างๆ ก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์ของฮอกกี้จริงๆ นะครับ เพราะสมมติเกิดเราชนกันแทบตายเลยนะ คินเคยแบบจะต่อยเพื่อนในสนามด้วย คือแบบตอนนั้นอารมณ์เสียกันทั้งคู่ พอจบกันก็เป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมนะ พอเกมจบก็เฮ้ย! เป็นไง โอเคเปล่า จับมือกัน เรื่องนั้นจบก็คือจบ คือบางคนกลัวนะที่มาดูแข่ง คือเห็นแข่งแล้วแบบว่า เฮ้ย! มันรุนแรง มันต่อยกันจริงจังมาก ชนกันแรงมาก ชนกันเจ็บ ชนกันแตกเลย แต่พอหมดเวลาออกนอกสนาม ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ

แล้วการฝึกซ้อมของนักกีฬาน่าจะมีตารางการฝึกซ้อมที่แน่น ตัวคินโอเคกับการซ้อมหนักมั้ยคะ

โอเคครับ ถ้าจะแนะนำคนที่กำลังหาแรงบันดาลใจอยู่ว่าเราอยากทำอะไรสักอย่าง ต้องบอกก่อนว่าถ้าเราชอบจริงๆ เราจะทำมันไปได้นาน อย่างบางคนคินเห็นพ่อแม่บังคับเพื่อให้ลูกไปเล่นกีฬา แต่ของผมคุณแม่ไม่เคยบังคับไปซ้อมเลยนะ มีแต่ผมไปซ้อมเองอย่างเดียวเลยครับ คือเราอยากทำมันเองเพราะเวลาเราทำแล้วเรามีความสุข ถึงจะเหนื่อยก็เถอะ แต่เราก็มีความสุขที่จะเหนื่อย

พอวันที่เราก้าวขึ้นไปเป็นทีมชาติได้ ครั้งแรกที่รู้ว่าได้ติดทีมชาติแล้ว ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

จริงๆ ก็ดีใจครับผม ตอนนั้นติดทีมชาติตอนอายุ 13 ครับ โดยติดชาติรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีครับ โห! ดีใจมาก เพราะตอนนั้นเราเด็กสุดในทีมด้วยครับ เพื่อนที่อายุ 13 ติดกันไม่กี่คน แล้วก็ไปแข่งต่างประเทศเลยเป็นทัวร์นาเมนต์แรก ตอนแรกเราก็เล่นในระดับสโมสรครับ ซึ่งตอนนั้นเราก็อยากจะทำไรก็ทำ อยากจะคุยเล่น อยากจะกวนเพื่อน แกล้งกันในสนามก็ไม่มีอะไรถูกผิด

แต่ว่าพอเรามีธงชาติติดอยู่บนหน้าอก มันเป็นความรู้สึกที่ เฮ้ย!เราพราวด์อะทุกอย่างมันเป็นกฎระเบียบ แล้วถ้าเราทำอะไรพลาดนิดเดียวนี่คือประเทศเราเสียเลยนะ เราแบกรับคนทั่วประเทศอยู่บนหน้าอกเราอะ แล้วเวลาเราแข่งเวลาเรามองธงชาติเรารู้สึกแพ้ไม่ได้ เราทำเพื่อประเทศ เราจะคิดว่าแพ้ค่อยกลับไปซ้อมไม่ได้ คือเราซ้อมมาเพื่อจะเอาแชมป์ให้กับประเทศเราอะครับ แล้วก็ความคิดหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเมื่อเราติดทีมชาติ เราจริงจังกับการเล่นมากขึ้น เราทำทุกอย่างใส่สุดทุกอย่างที่เรามีแล้วในการแข่งขัน ถึงแม้เราแพ้ชนะก็ต้องทำให้ดีที่สุดตลอดเพราะเราติดธงไว้แล้ว

แล้วก็พอติดทีมชาติก็ทำให้เรารู้สึกเรียนรู้ที่จะ Respect ธงชาติเยอะขึ้นมาก อย่างในทีมก็จะระวังมากเลย เรื่องการเอาอุปกรณ์ที่มีธงชาตินักกีฬาฮอกกี้ทุกคนจะไม่วางที่พื้นเลย ถ้าเห็นวางจะรีบหยิบขึ้นมาเลยนะ คือวางไม่ได้เลย จะเลี่ยงการเอาธงชาติไปไว้ที่พื้น แล้วก็จะไว้สูงตลอดครับ เราก็จะมีธงที่แบบแห่กัน จะมีเอามือรวมกันแล้วแปะไว้ที่ธง แล้วเขาก็จะปลุกกำลังใจ แบบว่า สู้ไหม สู้ไหม เราก็ตอบ สู้ สู้ แล้วก็รวมพลังกัน 1 2 3 Thailand อะไรอย่างนี้ครับ

การที่เราได้ทำแบบนั้นคิดว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากเลยนะในชีวิต เพราะว่าตอนแข่งแล้วธงชาติอยู่บนอก แล้วพอเราได้มารวมพลังกับเพื่อน รู้สึกว่ามันขลังครับ เราไม่รู้นะว่าคนอื่นคิดเหมือนกันรึเปล่า แต่เรารู้สึกว่า ทำไมมันขลังจังเลย โมเมนต์นี้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องสู้ ทำให้บางครั้งสามารถกลับมาชนะได้ สู้ดิวะ

นอกจากนี้ความเป็นทีมชาติ ก็จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับรุ่นน้องที่มาดู ทำให้เวลาแข่งก็ต้องพยายามใช้สมองเยอะกว่าเดิมมากๆ เพราะแบบว่าพลาดนิดเดียวคือเสียเลยครับ ถ้าเสียคือเราจะมาขอโทษแล้วจบไม่ได้ เพราะมีคนในประเทศมาเพื่อมาเชียร์เรา แน่นอนตอนเราแข่งสโมสรก็จะมีคนไทยเชียร์ฝั่งนู้น คนไทยเชียร์ฝั่งนี้ แต่ว่าทุกทีมทั่วประเทศไทยรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะว่านี่คือทีมชาติ แล้วทุกคนที่มาคือมาเชียร์ทีมชาติ ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็เลยแบบพราวด์มากๆ ครับ

แล้วมีแมทช์ไหนที่อยู่ในความทรงจำที่เราจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้

โอ้โห! U 20 เลยครับ ที่พึ่งแข่งมาได้แชมป์ที่ผ่านมา บอกก่อนว่าทีมชาติมีทั้งหมด 20 คนครับ แต่ติดโควิดไป 10 คน ติดก่อนรอบ semi final ก็คือถ้าเราชนะคือเราเข้าชิงที่ 1 เลย แล้วถ้าแพ้ตกรอบชิงที่ 3 เลย แล้วเราชนะ 10 ลูกเกือบทุกเกม แต่วันหนึ่งก็มีเหตุให้หายไปครึ่งทีม ฝั่งตรงข้ามนำก่อนประมาณ 3-0 มั้งครับ เกมนั้นเป็นเกมที่ มะม๊าเล่าให้ฟังว่าดูไม่ไหว กดดันต้องออกไปไหว้พระเลยครับ ทุกคนคือใจไปแล้ว ถ้าแพ้ก็ต้องไปชิงที่สามเลย

สุดท้ายตามกลับมา 20 นาทีสุดท้าย ปกติการแข่งขันฮอกกี้จะแบ่งเป็น 3 period แล้ว period ที่ 3 ตามกลับมาชนะได้อะ ต่อเวลาด้วยมั้งครับแล้วก็ชนะ คือเกมนั้นรู้สึกดีใจเหมือนได้แชมป์ ตอนนั้นเรานึกว่าเราทำให้ทีมชาติด้วย และเราทำให้เพื่อนที่ติดโควิดด้วย มันเป็นอะไรที่แบบสุดยอดในชีวิตแล้วครับ คือใจทุกคนสู้ขาดใจอ เพราะมันเหลืออยู่แค่นั้น หายไปแล้วครึ่งทีม แล้วตอนแข่ง เราเล่นแล้วเปลี่ยนตัวออกได้นั่งพักแค่นิดเดียว ก็ต้องลงไปเล่นต่อๆ คือมันทรมานมากจริงๆ

เกมในรอบชิงนี่ก็หนักพอกัน เขาก็นำก่อนเหมือนเดิม ซึ่งตอนรอบชิงคินแบบสู้ขาดใจเลยนะ ถ้าจำไม่ผิด เราชนะ 4-3 ครับ แข่งกับประเทศสิงคโปร์ เป็นแมทช์ Asia and Oceania Championship ครับ ตอนนั้นเราก็โดนนำก่อนนี่แหละ โอ้ย! ทุกคนก็หัวใจจะวาย แล้วตอนนั้นคินยิงไปสามลูก (หัวเราะ) แล้วก็ชนะ 4-3 ก็รู้สึกว่าเกมนั้นเป็นอะไรที่แบบสุดๆ แล้วเหมือนกัน

หลังจากนั้นคือเราก็ work hard play hard มากอ่ะ เพราะช่วงก่อนหน้านั้นเครียดมาก คนหายไปเยอะมาก เวลาลงที เราลง 5 คน แล้วก็จะมีเพื่อนเรามาเปลี่ยน พอเราวิ่งไปเปลี่ยน 5 คนปุ๊บ พอวิ่งมาเปลี่ยนแล้วลงเลยๆ เหมือนฮอกกี้จะเปลี่ยนทีละคนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะเปลี่ยนเป็นขุดเหมือนบาสประมาณนี้ครับ

ปกติถ้าเจอช่วงเวลาที่การแข่งขันสูสี มีวิธีจัดการความตื่นเต้นยังไง

คินเคยยิงจุดโทษที่เกาหลี ถ้าคินยิงเข้าก็ชนะเลย ถ้ายิงไม่เข้าก็เล่นต่อครับ คือเราก็อยากจบ ก่อนลงโค้ชก็เอาเบาะตี เฮ้ย! ยิงเข้าชนะเลยนะ โห! กดดันมากกว่าเดิม คุณแม่บอกตอนดูหัวใจจะวาย (หัวเราะ)

ในฐานะนักกีฬา คินมีวิธีการสร้างวินัยในตัวเองไหม เพื่อที่จะรักษาฟอร์มและพัฒนาตัวเองขึ้น

ทำอะไรก็ตามต้องไม่หยุดซ้อมครับ การซ้อมสำคัญ เพราะที่จริงบางทีคินก็แอบเอียงมาด้านนักร้อง เต้นเยอะมากครับ แล้วก็ซ้อมน้อยลง พอซ้อมน้อยลงบางทีทั้งสมองและร่างกายก็จะเหมือนหยุดไป แบบพอลงไปขาไม่ไป คือใจเรามันไปแล้ว ถึงหน้าโกลแล้ว แต่ขาเราทำไมขยับไม่ได้นะ กล้ามเนื้อเรามันไม่ชินครับ ที่จริงควรจะซ้อมเรื่อยๆ ครับ ไม่ว่าจะซ้อมเต้น ร้องเพลง เรียนหนังสือ ทุกอย่างก็ควรจะทำให้สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ไม่ควรหยุดพัฒนาครับ

แล้วก็ไม่ควรเป็นน้ำเต็มแก้ว คือห้ามคิดเลยว่าเก่ง คิดได้แต่ห้ามแบบว่าใครพูดอะไรแล้วเราไม่ฟัง หมายถึงเวลาเล่นฮอกกี้ ถึงแม้เราจะได้แชมป์มา 3 สมัยติดก็ตาม ห้ามอ่อนให้ผู้ต่อสู้ ห้ามคิดว่าตัวเองเก่ง คือเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เราเก่งขึ้นมาขนาดนี้ได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน เราทำได้ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะทำไม่ได้

สิ่งที่เราคิดไว้เสมอนอกจากน้ำเต็มแก้ว มีอะไรที่จะฟิกซ์ไว้ไหมในการใช้ชีวิต อย่างเช่น อาหารการกิน

ที่จริงช่วงเก็บตัวนักกีฬาก่อนแข่งก็จะระวังเรื่องอาหาร การกินมากครับ จะฟิสเนตบ่อยครับ และหลีกเลี่ยงการไปเล่นกีฬาอื่นในช่วงนั้นครับ จะระวังอุบัติเหตุเยอะมากพอสมควรครับ

แล้วคินมีเป้าหมายอะไรที่มองไว้ในฐานะนักกีฬาไหมคะ

ก็อีก 2 ปีหน้า ซีเกมส์ก็เจอกันครับ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อยากจะคัดให้ติดครับในรุ่นซีเกมส์ ครั้งหน้าจะจัดที่เมืองไทยด้วย สนุกสนานแน่นอนครับ

มาถึงการพลิกบทบาทมาเป็นนักร้องกันบ้าง จากคนที่ใช้ชีวิตเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็กจนโต จุดพลิกผันที่ทำให้เราอยากมาทำงานด้านนี้มาจากอะไรคะ

ที่จริงตอนเราซ้อมกีฬา ที่บอกว่าแอบร้องเพลงเล็กๆ คือเราจะมีแอบไปร้องเพลงอยู่สัปดาห์ละครั้งครับ คือเราอยากร้องเพลงให้ได้ แล้วก็ชอบอยู่แล้วส่วนตัวครับผม ประจวบเหมาะกับตอนที่ไปแข่งซีเกมส์ครั้งหนึ่งแล้วคินไปติดอยู่ในแฮชแท็ก #นักกีฬาหล่อบอกต่อ (หัวเราะ) แล้วทางค่ายเขาเห็น เขาก็ชวนคินมาออดิชั่นครับ ก็เลยได้มาเป็นศิลปินครับ

แล้วตอนที่เราแอบไปร้องเพลง ไปร้องที่ไหนคะ

ก็ไปเรียนเลยครับ (หัวเราะ) ไม่บอกเพื่อนด้วย เพราะอาย คือสมัยก่อนเราเล่นกีฬาอย่างเดียวไง ถ้าคนรู้ก็จะ เฮ้ย! ไปเรียนร้องเพลงเหรอ คนก็จะแตกตื่นอะไรอย่างนั้นครับ กลัวสุดท้ายเรามาเป็นนักร้อง ทุกคนก็แบบ เฮ้ย!เอาจริงเหรอ (หัวเราะ)

ด้วยความที่เราเป็นนักกีฬา พอเรามาเป็นนักร้อง มีอะไรที่สั่งสมมาจากการเป็นนักกีฬาที่ช่วยได้มั้ย

ก็จะช่วยในเรื่องของวินัยมากกว่าครับ ถ้าบอกว่าความตื่นเต้น ก็ตื่นเต้นเหมือนเดิมแน่นอน (หัวเราะ) เราขึ้นร้องเพลงเราตื่นเต้นเหมือนเดิม พอหลังๆ ก็เริ่มสบายมากขึ้น เริ่มกดดันน้อยลงครับ ผมจะมีติดนิสัยแบบเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ทุกอย่างต้องเป๊ะ อย่างสมัยก่อนมันก็จะต้องเป๊ะตลอดเวลา ซึ่งสำหรับการเป็นนักร้องบางทีก็ต้องสบายๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก

แล้วสำหรับคิน การเป็นนักกีฬากับนักร้องแตกต่างกันยังไง

แตกต่างเยอะนะครับ เพราะว่าอย่างปีแรกการเล่นฮอกกี้เราต้องเก็บอารมณ์สุดๆ เลย เราเอาอารมณ์มาใช้มาได้ เพราะไม่งั้นรูปเกมเสียแน่นอน เราทำเสียไม่ได้ อารมณ์ต้องคุมดีๆ อยู่ดีๆ วิ่งไปชนเขาเนี่ยแล้วฟาวล์ขึ้นมาเพื่อนเดือดร้อนอีก แต่ว่าในพาร์ทของร้องเพลงเราต้องสื่อสารอารมณ์มาให้ได้เยอะที่สุดให้คนฟังแล้วซึ้ง

KIN
คินมีการปรับตัวยังไงบ้างเมื่อต้องมาเป็นนักร้อง

ตอนแรกเราติดความเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ก็ปรับตัวเยอะมากพอสมควรครับ กว่าที่เราจะสบายเวลายืนอยู่หน้าคนเยอะๆ กว่าที่เราจะกล้าร้องเพลงให้หลายๆ คนฟัง เพราะแรกๆ เขินมากครับ แล้วก็เราเป็นนักกีฬาด้วย ตัวเราก็จะแข็ง พอเรามาเต้นก็เต้นไม่ได้เพราะเราตัวแข็ง บางทีหลังไม่ต้องตรงตลอดเวลา เวลาเต้นก็มีต้องหลังค่อมบ้างอะไรแบบนั้นครับ แต่ว่าพอเราเดินเข้าลานนักกีฬาก็ต้องหลังตรง (หัวเราะ)

แล้วคินมองเป้าหมายในฐานะนักร้องไว้ยังไงบ้าง

ถ้าเป้าหมายในฐานะนักร้อง ก็อยากจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองครับผม แล้วก็อยากจะออกเพลงมาให้แฟนๆได้ฟังเยอะๆ ครับให้ทุกคนร้องตามได้ อยากให้ทุกคนฟังแล้วมีความสุข เอ็นจอยกับการฟังเพลงของคินครับ

แบ่งเวลายังไงเพราะตอนนี้ก็ยังเป็นนักกีฬาอยู่ แต่ก็ยังต้องทำอาชีพนี้ด้วย

ที่จริงเวลาซ้อมฮอกกี้บางทีก็จะซ้อมตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ก็เย็นหรือค่ำไปเลยครับ ส่วนพาร์ทของร้องเพลงจะอยู่ช่วงบ่าย แล้วเรียนก็จะเป็นช่วงเช้า เพราะว่าเลิกเรียน 4 โมง บางทีก็เข้าตึกเลย 5 โมงถึงสองทุ่ม แล้วรีบไปซ้อมฮอกกี้ต่อ 3 ทุ่ม หรือไม่ก็ 2 ทุ่มครึ่งอะไรอย่างนั้นครับ โชคดีที่อยู่ใกล้กันครับ ซ้อมฮอกกี้พระราม9 ซ้อมเต้นที่อโศก ก็เลยโอเคอยู่ครับ

มีอะไรในวงการที่อยากทำอีกไหมนอกจากการเป็นนักร้อง

ก็งานแสดงครับผม มีได้ลองบ้างแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายดี เพราะว่าเราได้ลองเป็นคนอื่นครับ เพราะอย่างนักร้องเราได้เป็นตัวเอง 100% เราไม่ใช่ใครเลย เราเป็นคินที่ร้องเพลงให้ทุกคนฟัง แต่พอเราเป็นนักแสดงเราก็จะเป็นคนในบทนั้น เราได้ลองทำอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยทำ ก็ได้ลองไปบ้างเป็นอะไรที่ท้าทายสนุกมากครับ

สุดท้ายนี้ให้ฝากผลงานหน่อยและฝากอะไรถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์ค่ะ

ฝากละครนะครับ เรื่อง “รักร้าย” ทางช่อง one31 นะครับผม แล้วก็ฝากอัลบั้ม Adrenaline ของคินด้วยครับ ก็มีทั้งหมด 5 เพลง และฝากค่าย White Fox ด้วยครับ ส่วนกีฬาฮอกกี้ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจดูกับกีฬาฮอกกี้ ลองไปเล่นสเก็ตดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าชอบจริงๆ ก็ลุยฮอกกี้เลยครับ เป็นกีฬาที่มีความเร็ว กระทบกระทั่ง ไม่ใช่แค่ผู้ชายเล่นได้อย่างเดียวนะ ผู้หญิงก็มีนะ เพราะน้องสาวคินก็เล่น ตอนนี้ก็ติดทีมชาติแล้วเหมือนกัน เล่นได้ทุกเพศทุกวัยเลยครับ เผื่อเราจะได้มีโอกาสมาเล่นด้วยกัน (หัวเราะ) แล้วก็ถ้าคินมีแข่งอะไรก็อยากให้ทุกคนมาดู เผื่อจะมีแรงบันดาลใจให้อยากลองทำอะไรที่เรารักบ้างครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ถ้าใครจำกันได้ว่าช่วงปี 2022 เคยเกิดไวรัลหนึ่งดังสนั่นไปทั่วโซเชียล เมื่อมีการแชร์คลิปของกลุ่มวงดนตรีวัยรุ่นที่ได้เปิดการแสดงย่านสยามสแควร์แล้วมีผู้ชมมากมายไปยืนชม ซึ่งด้วยเสียงร้องอันไพเราะและทักษะการเล่นดนตรีอันดีงาม บวกกับเสน่ห์ของสมาชิกในวงดนตรีก็ทำให้ชื่อของ “Yes Indeed” ดังในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

หลังจากนั้นชีวิตของพวกเขา Yes Indeed ก็เปลี่ยนไป จากเด็กนักเรียนมัธยมฯ และนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รักในดนตรี มารวมตัวกันเล่นดนตรีด้วยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตก็พลิกผันได้กลายเป็นศิลปิน เข้ามาอยู่ค่ายใหญ่อย่าง White Music ในเครือ GMM Grammy มีซิงเกิลแรกเปิดตัว เพลง “เลื่อนชั้น” และล่าสุดเพิ่งจะปล่อยซิงเกิลที่สอง  “ลอกข้อสอบ” ออกมา

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สุดสัปดาห์เลยขอไปพูดคุยกับ Yes Indeed ถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นศิลปิน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ชอบดนตรี จนได้มารวมตัวกัน จนถึงเรื่องราวการได้มาเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วในปัจจุบัน ซึ่งบอกเลยว่าพวกเขารักดนตรีกันอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ แล้วสมาชิกในวงยังเคมีเข้าขารับส่งกันโบ๊ะบ๊ะมาก

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่เจ้าของไวรัลข้ามปี

ก่อนอื่นอยากให้แนะนำตัว พร้อมตำแหน่งในวงหน่อยค่ะ

พอร์ส : สวัสดีครับ ผมพอร์ส yes indeed เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ครับผม

มังกร : สวัสดีครับ ผมมังกรนะครับ เป็นมือกลองครับ

ตฤณ : สวัสดีครับ ผมตฤณนะครับ เป็นมือคีย์บอร์ดครับ

ทะเล : สวัสดีครับ ผมทะเลนะครับ เป็นมือกีตาร์ครับ

แพนเค้ก : สวัสดีค่ะ แพนเค้กนะคะ เป็นนักร้องนำค่ะ

อยากรู้ว่าทั้ง 5 คน มารวมตัวกันได้ยังไง

พอร์ส : จริงๆแล้ว ผมกับเค้กเป็นพี่น้องกัน แล้วทีนี้เราก็มีความฝันที่อยากจะให้คนมาติดตาม เราก็เลยทำช่อง YouTube กับ Facebook ลงคลิปคัฟเวอร์ต่างๆ ครับ แล้วก็มีเพื่อนๆ หรือญาติมาสนับสนุน คอยแชร์ให้ แต่เรารู้สึกว่าเป็นคนที่รู้จักกันกับเราอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าอยากให้คนนอกรู้จักเรามากขึ้น อยากหาประสบการณ์มากขึ้น ก็เลยหาวิธีทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้น โดยการที่ออกไปเล่นเปิดหมวกในที่สาธารณะ เพื่อให้คนอื่นได้เจอเรา ได้พบเห็นเรามากขึ้นครับ

แพนเค้ก : แล้วทีนี้เล่นกัน 2 คนไปนานๆ ก็รู้สึกเบื่อและอิ่มตัว ก็เลยอยากที่จะชวนคนหลายๆ คนเข้ามา พอร์สก็รู้จักกับมังกรตั้งแต่ตอนประถมและเป็นเพื่อนกัน ก็เลยเห็นคลิปมังกรจากในออนไลน์ ก็เลยชวนเข้ามา ต่อมาเล่นไปสักระยะหนึ่งหนูรู้จักกับทะเล ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด เหมือนทะเลก็เหงาๆ เป็นคนที่เรียนสายดนตรีอยู่แล้วด้วย เลยชวนเข้ามาเล่นด้วยกัน กลายเป็น 4 คน พวกเราก็เลยรวมตัวกันไปเล่นที่เอเชียทีควันลอยกระทง หลังจากนั้นน้องตฤณเห็นพวกเราแล้วก็เข้ามาทัก มาขอเล่นบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ และเราก็มารวมตัวกัน 5 คนแบบงงๆ (หัวเราะ)

ทำไมตอนนั้นตฤณถึงเลือกที่จะทักไปหาพี่ๆ คะ

ตฤณ : คือผมมีความฝันอยากจะทำวงดนตรีออกมาเล่นข้างนอกอยู่แล้วครับ และก็เห็นว่าวงนี้เขาเล่นแล้วดูน่าสนุกดี เลยอยากจะไปแจมกับเขาครับ ก็เลยทักขอเข้าไปเลยครับ

ตอนที่ออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกัน เคยเจอประสบการณ์อะไรบ้าง มีเคยโดนไล่ไหม

พอร์ส : ช่วงแรกๆ มีบ้างครับ เพราะว่าพวกเราก็ไม่ได้ร้องเพลงเก่งเลย คุณภาพของเครื่องเสียงอาจจะไม่ดีอะไรขนาดนั้น อาจจะมีเสียงแตกบ้าง ซ่าบ้าง ก็เลยทำให้เป็นที่รำคาญมากกว่าเป็นที่ยอมรับในช่วงนั้น แต่เราก็ฝึกตัวเองมาเรื่อยๆ ใช้การฝึกฝน ออกไปเล่นบ่อยๆ เราก็เริ่มรู้ว่าต้องเอาเครื่องเสียงแบบไหนไปเล่นเพื่อให้คนชอบ เราก็เลยหาวิธีจนคนก็เริ่มเปิดใจและยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ และก็มีประสบการณ์ฝนตกบ้าง เป็นอุปสรรคต่างๆ นาๆ กันไปครับ

เคยมีเหตุการณ์ที่เล่นๆ อยู่แล้วฝนเทบ้างไหมคะ แล้วทำยังไง

พอร์ส : มีครับ ประจำเลย

แพนเค้ก : มีค่ะ เราก็เล่นต่อเลย ถ้าเกิดมันหนักจริงๆ ก็เก็บค่ะ ส่วนใหญ่ฝนจะปรอยๆ พอเริ่มหนัก เราก็เริ่มมูฟเข้าไปเล่นข้างในค่ะ

เคยมีประสบการณ์อย่างอื่นอีกไหม ที่รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ

ตฤณ : สำหรับผมก็เป็นเหตุการณ์สยามแตกครับ ด้วยความที่เรามาจากการรวมตัวกันเป็นวงดนตรี และมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงตรงนี้ด้วย

แพนเค้ก : ของหนูก็เป็นประสบการณ์ที่มีคนเดินเข้ามาบอกว่าลูกเขาเล่นดนตรี เพราะว่าพวกเราเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกเขาเริ่มเล่นดนตรี พอฟังแล้ว รู้สึกเหมือนเราได้เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตด้วยเลยค่ะ

อย่างที่ตฤณบอกว่ามีเหตุการณ์สยามแตก ตอนที่เจอเหตุการณ์นั้น มันเปลี่ยนชีวิตเราขนาดไหน

พอร์ส : วันนั้นที่สยามแตก ตอนแรกๆ เราไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราสนุก เพราะไม่เคยเล่นดนตรีแล้วแบบคนเยอะขนาดนั้น หรือถ้าคนเยอะจริงๆ ทุกคนก็จะแบบตั้งใจถ่ายเรามาก แต่วันนั้นคือวันที่ทุกคนเอ็นจอยกับพวกเรามาก อาจจะมีถ่ายคลิป จับโทรศัพท์ก็จริง แต่ทุกคนถ่ายเราพร้อมกับเอ็นจอยไปกับพวกเรา มีความสุขแล้วก็อินไปกับเสียงเพลงที่พวกเราเล่นออกไป เป็นอะไรที่แบบสนุกมาก จนเราไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเราได้กลับบ้านไปก็ไปเจอว่ามีคลิปเรามากมายในโซเชียลครับ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาครับ

ทะเล : ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนกันครับ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีใครรู้จัก พอมีกระแสนี้ขึ้นมาก็เลยมีคนสนใจ บางทีจะทำอะไร ก็ต้องระวังตัวหน่อย วางตัวให้ถูกเวลาไปไหนแต่ละที่ เวลาทำอะไรก็ต้องคิดตลอดว่าแบบ มีคนเห็นอยู่นะอะไรแบบนี้ครับ

จากวันนั้นทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป ได้เข้ามาเป็นศิลปินในค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่ รู้สึกยังไงบ้าง

มังกร & พอร์ส : ตื่นเต้น

แพนเค้ก : ดีใจแบบทำตัวไม่ถูก แล้วก็รู้อยู่แล้วว่าเราต้องพัฒนาขึ้นไปให้เก่งกว่านี้แน่นอนค่ะ

พอร์ส : ผมยังเคยพูดเล่นกับมังกรอยู่เลย (หัวเราะ) ก่อนที่จะได้เข้ามาแกรมมี่ประมาณ 2-3 เดือน ที่เราได้มีโอกาสไปเล่นที่หน้าลิโด้ ว่าแบบมังกร แกจะบ้าเหรอ เราจะเข้าแกรมมี่ได้จริงๆ เหรอ พอเข้ามาก็ต้องมีปรับตัวในเรื่องฝีมือและการฝึกซ้อมส่วนตัว รวมถึงการตรงต่อเวลามากขึ้น คือก่อนหน้านี้เราก็เล่นกันด้วยความสนุกล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรมาตั้งเป็นมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ พอเราเข้ามาอยู่ในแกรมมี่ เราจะต้องฝึกซ้อม สร้างมาตรฐานให้เหมาะสมกับที่ที่เราอยู่ด้วย

การที่มาอยู่วงเดียวกัน ด้วยความที่แต่ละคนก็ต่างที่มา นิสัยก็ต่างกัน มีวิธีปรับกันยังไงบ้าง

แพนเค้ก : อยู่ด้วยกันให้มากขึ้น ใช้วันหยุดร่วมกันและอยู่ด้วยกันบ่อยๆ

มังกร : ช่วงเปิดหมวกแรกๆ เราก็อาจจะส่งสัญญาณกัน มองตากัน เหมือนเป็นการบังคับให้ต้องปรับตัวหากันอะครับ จุดนั้นอาจจะช่วยให้เราจูนกันได้ครับ

เมาท์เพื่อนในวงหน่อยค่ะ ใครที่มีโมเมนต์ที่ทำให้เราประทับใจไม่ลืมจนต้องขอเล่าหน่อย

พอร์ส : เจอตฤณครั้งแรกก็คือตลกมาก เพราะว่าบุคลิกเขาจะดูแบบเป็นคนเนี้ยบๆ เสื้อตึงๆ กางเกงตึงๆ (หัวเราะ) แล้วพอได้มารู้จักกัน ผมก็ได้เซอร์ไพรส์มากขึ้น เพราะว่าเขาดูพวกเราจนจบ แล้วเขาก็ขอมาร้อง ผมก็งง เด็กนี่เป็นใครนะ ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) เขามาขอร้องเพลง เพลงแรกก็คือเพลงลูกอม ผมฟังแล้วก็รู้สึกเพราะมากก เพราะว่าภายนอกเป็นคนเรียบร้อย เพลงลูกอมก็ต้องเป็นคนที่ดูอบอุ่น พอเขาร้องทีหนึ่งนี่ผมหนาวเลยครับ ผมก็เลยถามเขาว่าเล่นดนตรีอะไรเป็นบ้าง เขาก็บอกว่าเขาเล่นเปียโนได้ ผมก็เลยเออ วงเราก็คีย์บอร์ดอยู่ เพื่อให้มีอะไรที่คุมดนตรีได้มากขึ้น ผมก็เลยลองให้เขาแบกไปเล่น แล้วเขาก็แบกคีย์บอร์ดตัวใหญ่มากๆ มาเลยครับ

แพนเค้ก : ตฤณเป็นเด็กที่มีความพยายาม ดูกระตือรือร้นในการอยากเล่นมากค่ะ ส่วนหนูก็ประทับใจพี่มังกรนะคะ ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่อาจจะตีกลองเบา แต่พัฒนาเร็วมาก พอได้ไปเรียนตีกลองแค่ไม่กี่ครั้ง ก็พัฒนาขึ้นเร็วมาก มีแต่คนบอกว่าพัฒนาขึ้น ก็ภูมิใจ ประทับใจที่เขาดูขยัน (หัวเราะ)

มังกร : ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เคยเรียนดนตรีมาเลย ก็จะแบบศึกษาเอง ซ้อมเอง แต่เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ โชคดีที่มีพี่ๆ ศิลปินในแกรมมี่คอยแนะนำ คอยช่วยสอนให้ ผมก็ฝึกซ้อมเพิ่มครับ

ทะเล : หลายคนน่าจะลืมแต่พี่มังกรไม่น่าจะลืม เป็นช่วงสยามแตกที่เป็นเพลงสุดท้ายที่จะได้เล่น ตอนนั้นที่ฝนตก แล้วเป็นท่อนโซโล่ของผม ทุกคนก็หนีออกกันไปหมดแล้ว เพราะกลัวไฟดูด แต่มันเป็นท่อนเดียวของผม แล้วก็เหลือพี่มังกรยังเล่นกับผมอยู่ เพราะถ้าไม่มีพี่มังกร ผมก็คงไม่ได้เล่นโซโล่ท่อนนั้นแล้ว เราก็เล่นกันจนจบ และวิ่งเข้าร่มกันครับ

มังกร : กลองเกือบพัง (หัวเราะ)

สุดสัปดาห์ : ทำไมถึงไม่ทอดทิ้งกัน

มังกร : มันใกล้จบเพลงพอดี (หัวเราะ)

พอร์ส : อารมณ์ค้างๆ

มังกร : ใช่ เครื่องผมมันอาจจะพอกันน้ำได้นิดนึง คนอื่นผมเข้าใจว่าเครื่องเป็นไม้อะครับ

ตฤณ : คีย์บอร์ดไม่กันน้ำครับ (หัวเราะ) คือจริงๆ ผมอยากจะอยู่ด้วยมาก แต่คีย์บอร์ดไม่กันน้ำ เดี๋ยวพังครับ ส่วนผมประทับใจพี่พอร์สแล้วกันครับ ตอนเข้ามาผมปลื้มพี่พอร์สมาก คนอะไรเท่มาก เป็นไอดอลเลย แต่เข้ามาอยู่วงเดียวกันก็รั่วเกินครับ เป็นคนแบบนำพาสีสันให้กับวงนี้ ถ้าเรื่องไร้สาระก็คนนี้แหละครับ

พอร์ส : อันนี้ความประทับใจนะครับ ความประทับใจนะครับตฤณ (หัวเราะ)

ตฤณ : ไม่ๆ เขาให้เมาท์ได้ ตอนแรกก็ประทับใจ แต่ว่าพอรู้จักกันมาก็ขอเปลี่ยนเป็นเมาท์ดีกว่า (หัวเราะ)

อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนมารักดนตรีมาจากอะไร

พอร์ส : ของผมก็ที่บ้านเป็นนักดนตรีครับ ได้ฟังและอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เล่นจริงจังขนาดนั้น จนขึ้น ป.5-6 ผมชอบรุ่นพี่คนหนึ่งครับ แต่คือผมไม่หล่อไง ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำไงให้หล่อ ผมก็เลยไปดูฮอร์โมนส์ พอดูปั๊บผมหล่อเลย (หัวเราะ) พี่ต้นหนในซีรีส์มีคาแรกเตอร์ที่หัดเล่นกีตาร์เพื่อคนๆหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ คือคาแรกเตอร์ต่างจากตอนที่เขาเล่นไม่เป็น ในเรื่องเขาก็ดูไม่มีอะไร แต่พอเขาเล่นปั๊บ เขาก็หล่อขึ้นมาเลย เราก็เลยแบบ เฮ้ย! เราลองทำแบบนี้ดีไหม แล้วพอเราทำเราก็ได้ผล ทุกวันนี้ผมก็เลยหล่อเลย (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการฝึกก็ฝึกเองครับ แล้วก็เพิ่งจะมาเรียนเพิ่มนิดนึง ฝึกเองมาเรื่อยๆ ดูจาก YouTube และเรียนกับ GMM Academy ครับ ดีมากๆ ผมชอบมาก

แพนเค้ก : หนูเช่นกันค่ะ เป็นครอบครัวที่เป็นนักดนตรีอยู่แล้ว ซึ่งหนูเห็นว่าครอบครัวเล่นดนตรีกันมาทั้งตระกูล หนูก็เบื่อ ตอนแรกคือเบื่อมาก ไม่อยากเล่นดนตรี ไม่อยากร้องเพลง ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ว่าด้วยความที่ฟังคนอื่นเขาเล่นมาตั้งแต่เด็ก เลยสามารถร้องได้

แล้วตอนนั้นพอร์สทำ YouTube แต่ว่าไม่ได้ร้องเพลง เพราะว่าเป็นคนเล่นกีตาร์อย่างเดียว พอร์สก็เลยมาขอให้หนูไปร้องให้ จะได้คัฟเวอร์กันสองคน แต่มาเริ่มชอบจริงๆ ก็ตอนสยามแตกเลย เพราะว่าหนูรู้สึกว่า พอเราเป็นที่ยอมรับ มีคนชื่นชมเราก็รู้สึกมั่นใจ เพราะว่าหนูเป็นคนที่แบบไม่ค่อยมั่นใจในด้านการร้องเพลงเท่าไหร่ หนูก็เลยแบบไม่อยากจะทำ แต่ว่าพอมีคนชื่นชมและได้เห็นความสามารถของเรา เราก็อยากทำให้เห็นมากกว่าเดิมค่ะ เป็นคนแบบชอบเอาขนะความกลัวอะไรแบบนี้ค่ะ

ทะเล : ของผมก็จริงๆ เกิดจากคุณพ่อครับ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นนักดนตรีนะครับ เขาเล่นกีตาร์โปร่ง เราก็จะได้ยินพ่อเปิดเพลงตั้งแต่เด็กอะไรแบบนี้ครับ ก็เลยเหมือนซึมซับเข้ามาในตัว ที่นี้ประมาณช่วง ป.1-2 พ่อก็เอากีตาร์ให้เราเล่นดู ผมก็ลองฝึกด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนครับ แล้วก็หยุดเล่นไปสักพักหนึ่ง

จนช่วง ม.1 ผมกลับมาเล่นกีตาร์ เพราะว่ามีครูเขารู้ว่าเราเล่นกีตาร์ได้ เขาเลยอยากให้เราไปลองประกวดดูครับ ช่วงนั้นก็เลยมีแพสชั่นขึ้นมาว่าอยากทำวง ก็เลยฝึกจาก YouTube จนตอน ม.4 ผมได้เข้าไปเรียนสายดนตรี ก็เลยเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ

มังกร : ผมเริ่มเล่นดนตรีตอน ม.1 ครับ ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนประถมถามพอร์สได้เลยว่าผมเป็นคนที่ไม่ทำกิจกรรมอะไรสักอย่างเลย วันๆ ก็จะเข้าแต่ห้องสมุด พอ ม.1 ปุ๊บจะมีงาน open house ครับ รุ่นพี่เขาก็จะมาเล่นดนตรี แล้วทีนี้ผมก็เห็นรุ่นพี่เล่นอยู่บนเวทีก็เลยรู้สึกว่าอยากเล่นดนตรีบ้าง อยากมีวันหนึ่งที่ขึ้นไปบนเวทีอย่างนั้นครับ

ตอนแรกผมเลยเริ่มเล่นจากเบสก่อนครับ เพราะว่าในวงไม่มีใครเล่นเบสเลย (หัวเราะ) แล้วก็ลองย้ายไปกีตาร์ดู จากนั้นก็ย้ายไปเจอกลองตอน ม.3 ครับ ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เล่นแล้วเข้ากับเราที่สุด แรกๆ ก็โดนเพื่อนด่า ส่ายหัวเลยครับ ก็ฝึกมาเรื่อยๆ ครับ

ตฤณ : ผมก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่โดนบังคับเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กครับ (หัวเราะ) ไม่เคยรู้สึกชอบเลย ตอนนั้นโดนบังคับเรียนเปียโนคลาสสิค ทนเรียนมานานมากครับ จนมีวันหนึ่งตัดสินใจว่า ยังไงก็ตามจะไม่เล่นแล้ว ไม่ว่าใครจะยังไงก็ไม่ไปแล้ว จนแม่ก็บอกไม่เป็นไร งั้นไปเรียนดนตรีที่โรงเรียนข้างบ้าน โจทย์ที่แม่ให้กับครูก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปสอบเกรดหรือเรียนเพื่อไปเล่นเพลงยากๆ ได้ แต่กลายเป็นเพื่อให้เราเล่นเพลงที่เราอยากเล่น เล่นเพลงที่เราชอบ หลังจากนั้นผมก็เลยเล่นมาเรื่อยๆ และรู้สึกชอบดนตรีขึ้นเรื่อยๆครับ

ตอนนี้ทุกคนมองเป้าหมายของวงไว้ว่ายังไง มีเป้าหมายอะไรที่อยากทำให้ได้กันบ้าง

ตฤณ : ความฝันของผมก็อยากให้วงนี้อยู่ไปนานๆ ครับ แล้วก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เป็นวงที่มาแค่กระแสแล้วก็วูบหายไป อยากให้เป็นวงที่อยู่กับวงการนี้ไปนานๆ ครับ

มังกร : อยากเติบโตไปพร้อมกับทุกๆ คนเลยครับ และพัฒนาฝีมือหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันครับ ก็ยังอยากทำกันไปเรื่อยๆ ครับ

พอร์ส : ก็จะคล้ายๆ กัน ให้เดินทางตามเวลาไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดวันไหน แต่ว่าวันนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้เป็นที่จดจำในวันข้างหน้าของใครหลายๆ คนครับ

แพนเค้ก : ของหนูอยากให้มีคอนเสิร์ตของวงเราสักครั้งในชีวิต อยากทำโชว์ อยากคิดโชว์เอง อยากเป็นคนดีไซน์โชว์ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วก็อยากให้ทุกที่นั่งเต็ม ให้ทุกคนซื้อบัตรมาดูคอนเสิร์ตของเราอ่ะค่ะ

สุดสัปดาห์ : มีที่ไหนที่เราอยากไปเล่นสักครั้งในชีวิตให้ได้

แพนเค้ก : โห ทุกที่! ตอนนี้เราเหลืออยู่ที่เดียว คืออิมแพค อารีน่า เมืองทองค่ะ อยากเล่นที่นั่นสักครั้งค่ะ

ทะเล : ของผมความฝันของวง ผมอยากให้ทุกคนอินและเข้าใจในเพลงเรา ทำเพลงออกมาแล้วคนฟังรู้สึกตรงกับเรา อยากให้คนรักเพลงของเราและร้องเพลงของเราได้ด้วย

พูดถึงเพลงพอดี ถึงเวลาขายเพลงแล้ว เล่าถึงเพลงที่ปล่อยออกมาหน่อยค่ะเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร

พอร์ส : สำหรับเพลงแรก เพลงเลื่อนชั้น ก็เป็นเพลงรักใสๆ ในวัยเรียน รุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ หรือว่าทุกคนจะแปลความหมายในสถานะแบบไหนก็ได้ ที่เกี่ยวกับการทำยังไงก็ได้เพื่อให้ใครสักคนรู้สึกชอบเรา เราต้องทำตัวเอง พัฒนาให้เท่าเขา หรือต้องทำตัวเองดีเพื่อที่จะให้คู่กับเขาครับ ผมรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง หรือแม้กระทั่งคล้ายๆ ตัวผมในวัยที่หัดเล่นกีตาร์ด้วยครับ

มังกร : ส่วนเพลงที่ 2 เพลง  “ลอกข้อสอบ” ก็จะเป็นแนวคนๆ หนึ่งอยากรู้คำตอบในหัวใจของอีกคนหนึ่งครับ

แพนเค้ก : เป็นฟีลอยากที่จะชอบคนๆนี้ แต่ถ้าคนนี้เขาไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร แค่อยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา คือเป็นฝ่ายรออยู่ฝ่ายเดียว ก็เลยคิดว่าสักวันหนึ่งอยากจะรู้สักทีว่าเฮ้ย! คนที่เราชอบรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ถ้าเกิดไม่รู้สึกอะไรก็เป็นแค่เพื่อนก็ได้อะไรประมาณนี้ค่ะ (หัวเราะ)

พอร์ส : ถึงได้รู้คำตอบแล้ว แต่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้เป็นเพื่อนเขาอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันเลย

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงาน แล้วก็ฝากถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์เพื่อให้เขารู้จักวงเรามากขึ้นค่ะ

พอร์ส : ก็ฝากเพลงแรก “เลื่อนชั้น” ด้วยครับ แล้วก็เพลงล่าสุดที่ปล่อยไป เพลง “ลอกข้อสอบ” ด้วยนะครับ ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนนะครับ แล้วก็ฝากทุกคอนเทนต์และผลงานของเรากับช่องออฟฟิเชียลของ White Music แล้วก็ GMM Grammy นะครับ รวมถึงของฝากแฟนเพจของ yesindeedband นะครับ จะมีไอจีส่วนตัวของพวกเราอยู่หน้าไบโอนั้นเลยครับ สามารถเข้าไปกดติดตามได้ครับผม

มังกร : สามารถติดตามพวกเราได้ที่สุดสัปดาห์ด้วยนะครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Longevity Hub by Clinique La Prairie

สุดหรู! Longevity Hub by Clinique La Prairie แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

account_circle
event
Longevity Hub by Clinique La Prairie
Longevity Hub by Clinique La Prairie

ไมเนอร์ โฮเทลส์ รังสรรค์ “ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี” ( Longevity Hub by Clinique La Prairie ) แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำศาสตร์แห่งความอ่อนเยาว์ส่งตรงจากสวิตเซอร์แลนด์

ไมเนอร์ โฮเทลส์ พร้อมเผยโฉม ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรีศูนย์ดูแลสุขภาพระดับอัลตราลักชูรีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่ชั้น 15 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ด้วยการนำเสนอบริการเหนือระดับ กับโปรแกรมลองจิวิตี้ เมมเบอร์ชิป เพื่อสร้างประสบการณ์การดูแลแบบองค์รวมเฉพาะรายบุคคล เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ที่ลึกถึงระดับเซลล์ เริ่มต้นจากการประเมินดัชนีอายุยืน (Longevity Index Assessment) ไปจนถึงการฟื้นฟูและเสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมก้าวสู่เส้นทางของการชะลอวัยที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ  

ก่อนหน้าที่จะรีแบรนมาเป็น ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี ศูนย์สุขภาพแห่งนี้เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2563 สานต่อความตั้งใจของ คลินิก ลา แพรรี (Clinique La Prairie) ซึ่งใช้เวลากว่า 91 ปี ที่ได้ทำการวิจัยมุ่งเน้นศาสตร์การชะลอวัยมาอย่างต่อเนื่อง และยังคงพัฒนาสร้างชื่อเสียงระดับโลก ก้าวข้ามขอบเขตความเป็นเลิศ พร้อมกับนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่นำเสนอโปรแกรมการชะลอวัยเพื่อคงความอ่อนเยาว์ ด้วยเครื่องมือต่างๆ และบุคลากรที่เชี่ยวชาญ ตามหลักการของ Professor Dr. Paul Niehans ผู้สร้างตำนานในศาสตร์ของ “Cellular Therapy” ต้นกำเนิดของ Clinique La Prairie Longevity Method

Longevity Hub by Clinique La Prairie

ศาสตร์การชะลอวัยเริ่มต้นด้วยการประเมินค่าดัชนีอายุยืน (Longevity Index Assessment) เพื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของแขกแต่ละท่าน ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้ Longevity Coach ของลองจิวิตี้ ฮับ กรุงเทพฯ สามารถออกแบบการเดินทางสู่การชะลอวัยอย่างมีแบบแผน ซึ่งประกอบไปด้วย องค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ Longevity– Wellbeing- Aesthetic

แซนดี้ โจแฮนเนสสัน (Sandie Johannessen) ผู้อำนวยการกลุ่มงานสปาและเวลเนส เอ็มสปา อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างไมเนอร์ โฮเทลส์ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับตำนานอย่างคลินิก ลา แพรรี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เรามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่จะได้เป็นผู้มอบประสบการณ์ เพื่อช่วยทุกท่านให้ได้ฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย เราพร้อมสร้างประสบการณ์ที่พิเศษสุดให้กับสมาชิกด้วยโปรแกรมที่จัดขึ้นเฉพาะแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน และลูกค้าที่ต้องการรับบริการสปาทรีตเมนต์”

ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนชั้น 15 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ให้บริการแบบองค์รวมเฉพาะบุคคล เพื่อการดูแลสุขภาพและความงามทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการบริการในรูปแบบสมาชิก 12 เดือน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี กรุงเทพฯ โทร 02-207-7779 หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.cliniquelaprairiebangkok.com

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain

EXTRAIT DE PARFUME น้ำหอมเข้มข้นระดับสูง 6 กลิ่นใหม่ จาก GUERLAIN

account_circle
event
EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain
EXTRAIT DE PARFUME - Guerlain

GUERLAIN รังสรรค์ EXTRAIT DE PARFUME น้ำหอมเข้มข้นระดับสูง 6 กลิ่นใหม่จาก 6 วัตถุดิบเลอค่าผ่านศิลปะการปรุงน้ำหอมโดย ‘สุคนธศิลป์ชั้นสูง’ ที่สืบทอดสูตรต่อกันถึง 5 รุ่น เพื่อให้ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และงดงามแห่งอาณาจักร L’ART & LA MATIERE

จะดีแค่ไหนหากน้ำหอมหนึ่งขวดสามารถสร้างสรรค์กลิ่นได้อย่างไม่รู้จบ.. Les Extraits Signature อีกหนึ่งการสร้างสรรค์ของ Maison Guerlain ที่ได้สานต่อธรรมเนียมการปรุงสูตรน้ำหอมเข้มข้นระดับสูงของ ปิแอร์-ฟรองซัวส์-ปาสกาล ที่สืบทอดสูตรตำรับหัวน้ำหอมอันล้ำค่าต่อเนื่องกันมาถึง 5 รุ่น นับตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1828 สุดยอดส่วนผสมน้ำหอมเข้มข้นที่ผ่านขั้นตอนการปรุงโดยอาศัยศิลปะทางสุคนธศิลป์ชั้นสูงเพื่อให้ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และงดงาม รังสรรค์เป็นน้ำหอมกลิ่นเดี่ยวอันสุดวิจิตรบรรจงด้วยความเป็นเลิศในทุกแง่มุมแสดงถึง “ความเป็นเกอร์แลง” ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่สุดในทุกมิติ

โดยความพิเศษครั้งนี้คือการนำ ‘ค่าสัดส่วนทองคำ’ มาใช้ในศิลปะการปรุงน้ำหอม โดย “สัดส่วนทองคำ” หรือ Golden Number หมายถึงอัตราส่วนอันลงตัวอย่างที่สุดสำหรับการสร้างศิลปะหลากแขนงไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม, ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรม เพื่อมอบผลลัพธ์อันเป็นเลิศทางคุณภาพกลิ่นแก่น้ำหอมทั้ง 6 แต่ละวัตถุดิบล้วนผ่านการคัดเลือกโดยพิจารณาจากสายพันธุ์ซึ่งมอบผลผลิตอันเปี่ยมคุณภาพระดับสูงให้คุณลักษณ์กลิ่นอันงดงามอย่างที่สุด Les Extraits Signature ประกอบด้วยกลิ่นหอมทั้ง 6 ได้แก่ IRIS PALLIDA EXTRAIT 6, ROSE CENTIFOLIA EXTRAIT 1, VANILLE PLANIFOLIA EXTRAIT 21, BERGAMOTE FANTASTICO EXTRAIT 11, JASMIN GRANDIFLORUM EXTRAIT 30 และ TONKA SARRAPIA EXTRAIT 75 โดยตัวเลขสัดส่วนทองคำที่ทาง Maison Guerlain ได้นำมารังสรรค์เป็นน้ำหอม Les Extraits Signature นั้นมีดังนี้

IRIS PALLIDA EXTRAIT 6 (อิริส ปัลลิดา เอ็กซ์แตรต์ ซิส)

เลข 6 คือตัวเลข Golden Number ของระยะเวลาที่ GUERLAIN อาศัยเวลาถึง 6 ปีในการเพาะปลูกและสกัดกลิ่นหอมสไตล์ ‘พาวเดอร์รี่’ จาก ‘ดอกไอริสสายพันธุ์พัลลิดา’ ไม้ดอกสามกลีบสีม่วงสวยสด ด้วยการอดทนรอให้โมเลกุลกลิ่นมีความเข้มข้นสูงจนทำให้หัวน้ำหอมจากบัตเตอร์สกัดไอริสพัลลิดามีคุณภาพกลิ่นเหนือกว่าไอริสทั่วไป จนได้กลิ่นตระกูลไม้ที่มีทั้งความหอมสดชื่นแนวดอกไม้และอ่อนโยนละมุนละไม เจือความหวานบางเบาของกลิ่น “แป้ง” นวลเนียน ผสานด้วย เอสเซนส์สกัดจากอัลมอนด์ ร่วมกับ หัวน้ำหอมกลิ่นมัสค์ และเติมด้วย หัวน้ำหอมกลิ่นเครื่องหนัง ให้กลิ่นอ่อนโยนลดทอนความฉุนเฉียว ชวนให้นึกถึงหนังกลับขาวพิสุทธิ์ โดยมีฐานโครงสร้างกลิ่นครีมจาก ไม้จันทน์เทศ เร่งระดับความคมชัด

ROSE CENTIFOLIA EXTRAIT 1 (โรส เซ็นติโฟเลีย เอ็กซ์แตร ตัง)

อาจกล่าวได้ว่ายุคสมัยของ Guerlain เริ่มต้นขึ้นพร้อม ‘กุหลาบ’ Maison Guerlain ได้ใช้กุหลาบร้อยกลีบซึ่งผลิบานระหว่างเดือนพฤษภาคม อันเป็นที่มาของอีกชื่อเรียกว่า “เมย์โรส” หรือ “กุหลาบพฤษภา”มาใช้ปรุงสูตรน้ำหอมความเข้มข้นระดับเอ็กซ์แตรต์ ภายหลังจากเก็บเกี่ยวเพียงแค่ ‘หนึ่งวัน’ ซึ่งเป็นการถนอมกลิ่นของกุหลาบสัญชาติฝรั่งเศสนี้ ให้กลายเป็นกลิ่นหอมตระกูลดอกไม้ที่ครบครันสมบูรณ์พร้อม

โดย EXTRAIT 1 คือสัดส่วนทองคำของ Rose Centifolia ที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน ในกระบวนการเก็บเกี่ยวจนถึงแปรรูป “กุหลาบร้อยกลีบ” เพื่อให้ได้หัวน้ำหอมที่มี “ความเป็นกุหลาบ” อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ “ความเป็นดอกไม้ของราชินีแห่งมวลพฤกษา” สู่จุดสูงสุด ความคมชัดทางแง่มุมกลิ่นผลไม้ฉ่ำหวาน, กรุ่นไออบอุ่นแนวเครื่องเทศ กับความเข้มข้นระดับแอ็บโซลูทสกัดจากกุหลาบร้อยกลีบเมืองกราซ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผลิดอกบานเฉพาะพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว จนได้เป็นกลิ่นที่ให้ความหวานละมุนดุจน้ำผึ้ง พร้อมเติมเต็มด้วยน้ำกุหลาบร่วมกับเอสเซนส์กุหลาบดามัสก์ จากบัลแกเรีย เผยความหรูหราท่ามกลางมิติความลึกของฐานโครงสร้างอันหลอมรวมไว้ด้วยหัวน้ำหอมกำยานสกัดจากผลึกยางไม้บอสเวลเลีย และ แพ็ทชูลิ

VANILLE PLANIFOLIA EXTRAIT 21 (วานิล ปลานิโฟเลีย เอ็กซ์แตรต์ เว็งเตอัง)

EXTRAIT DE PARFUME

มอบกลิ่นหอมหวานอันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain จากฝักวานิลลาที่ผ่านสกัดถึง 21 วัน ซึ่งทีมสุคนธกรได้ร่วมกันสร้างเอกลักษณ์อันหอมหวานละมุนละไมด้วยการใช้หัวน้ำหอมตระกูลกลิ่นไม้และแนวกลิ่นเครื่องเทศอันได้แก่ มดยอบและมัสค์ขาว น้ำหอมปรุงสูตรจำลองกลิ่นยางไม้กำยานตระกูลอำพันอันโด่งดังระดับตำนานของ Guerlain เพื่อให้เอ็กซ์แตรต์กลิ่นนี้หลอมรวมกับกลิ่นกายอย่างกลมกลืนและติดทนนาน ความกลมกล่อมหอมหวานตระกูลอำพัน กลิ่นหอมหวานปานจะลิ้มรสได้ของวานิลลาอันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain เพื่อยกย่องความรักอมตะที่ Maison Guerlain มีต่อวานิลลา

ทีมนักปรุงน้ำหอมจะคัดเลือกฝักวานิลลา พลานิโฟเลีย (planifolia) ฝักต่อฝัก โดยสัดส่วนทองคำของ EXTRAIT 21 คือระยะเวลา 21 วันของการแช่วานิลลาในแอลกอฮอล์เพื่อแปรรูปเป็นทิงเจอร์ เพื่อให้กลิ่นวานิลลามีความฉ่ำหวาน ละมุนละไมอย่างเหนือชั้น ทุกขั้นตอนทำตามสูตรดั้งเดิมที่โรงงานของ Guerlain ณ เมืองออร์แฟ็ง ประเทศฝรั่งเศส

BERGAMOTE FANTASTICO EXTRAIT 11 (เบรกามอเต ฟานตาสติโก เอ็กซ์แตร ต็องซ์)

EXTRAIT DE PARFUME

แนวกลิ่นอำพันของมะกรูด ตระกูลกลิ่นสดชื่นของมะกรูดเข้มข้น สัดส่วนทองคำของ EXTRAIT 11 คือ การเก็บเกี่ยวมะกรูดในเดือน 11 Guerlain เก็บเกี่ยวมะกรูด สายพันธุ์ฟานตาสติโก (Fantastico) จากไร่ของตระกูลกาปัว ในเขตกาลาเบรีย ทางตอนใต้ของอิตาลี ที่ป้อนผลผลิตให้แก่ Maison Guerlain จากรุ่นสู่รุ่น โดยเริ่มเก็บเกี่ยวตอนต้นพฤศจิกายน เดือนที่ 11 ของปี ช่วงที่ผลมะกรูดจะเติบโตได้ที่ ด้วยเอกลักษณ์กลิ่นฝาดเปรี้ยว ฉ่ำชื่น จรัสประกายความหอมสดใส มีชีวิตชีวาที่สุด เป็นกลิ่นมะกรูดที่แตกต่างด้วยแง่มุมอบอุ่น กรุ่นอวล และหวานละมุน

การปรุงสูตรแอ็กซ์แตรต์กลิ่น BERGAMOTE ได้ปรับสัดส่วนเข้มข้น ให้สมดุลกับหัวน้ำหอมตระกูลกลิ่นอำพัน เพื่อให้กลิ่นสดชื่นกรุ่นไออวลผิวอย่างเนิ่นนาน ทีมนักผู้ปรุงสูตรน้ำหอมของ Guerlain จึงเลือกแนวกลิ่นฉ่ำชื่นแบบใบไม้สด เขียวขจีจากเปอติตเกรนตำรับพิเศษ เอสเซนส์สกัดจากใบมะกรูด เร่งระดับความสดชื่นของมะกรูดปริมาณเกินพิกัดเพื่อให้ได้กำลังกลิ่นเสมอกับโอโปปานีน หัวน้ำหอมปรุงสูตรตระกูลกลิ่นอำพัน อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง Guerlain บนฐานโครงสร้างกลิ่นควันไฟจากการเผาไม้ของเอสเซนส์สกัดจากไม้เจ้าจอม

JASMIN GRANDIFLORUM EXTRAIT 30 (ยาสแม็ง กรองดิฟลอรัมเม็กซ์แตรต์ ทร็องต์)

EXTRAIT DE PARFUME

กลิ่นหอมตระกูลดอกไม้กับไออุ่นของแดดใสจากมะลิ GUERLAIN ด้วยกลิ่นสดชื่น จุดประกายสดใสดุจไอแดดอุ่นสบาย โดยเลข 30 คือ หมายเลขสัดส่วนทองคำที่ใช้กับ JASMINE ทีมนักออกแบบผู้ปรุงน้ำหอมของ Guerlain เลือกเทคนิคการสกัดในระดับอุณหภูมิต่ำ 30 องศาเซลเซียสเพื่อกลั่นกรองโมเลกุลกลิ่นที่มอบธรรมชาติ “ความเป็นมะลิ” แท้ได้อย่างคมชัดและติดทนนาน สมกับหนึ่งในตำนานความหอม สุคนธกรของ GUERLAIN ได้เลือกใช้มะลิก้านแดงสายพันธุ์ Grandiflorum จาก เมืองกราซ ประเทศฝรั่งเศส และ ไร่ที่แคว้นกาลาเบรีย ประเทศอิตาลี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื่องจากคุณภาพดินตามภูมิประเทศและระดับการพัฒนาโมเลกุลกลิ่นตามภูมิอากาศ

GUERLAIN สกัดมะลิด้วยเทคนิค คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂ extraction) JASMIN GRANDIFLORUM จึงมอบกลิ่นหอมสะกดอารมณ์ด้วยความฉ่ำชื่นและสดใสดุจประกายแสงเฉกเช่นกลีบขาวพิสุทธิ์ โดยมีหั วน้ำหอมกลิ่นลูกกวาดสตรอว์เบอร์รีเติมความหวานฉ่ำชื่นบนฐานโครงสร้างกลิ่นน้ำนมเย้ายวนใจจากไม้จันทน์เทศ

TONKA SARRAPIA EXTRAIT 75 (ตองกา ซาร์ราเปีย เอ็กซ์แตรต์ ซัวซองต์แก็งซ์)

Guerlain

เสน่ห์ความหอมตระกูลกลิ่นอำพัน สะกดอารมณ์แห่งกลิ่นแนวเครื่องเทศของตองกาบีน ปรุงสูตรอย่างละเมียดละไม ยกระดับกลิ่นธรรมชาติของตองกาบีนไปสู่จุดสุดยอดแห่งความหรูหรา หมายเลข 75 คือ Golden Number ที่มาจากระดับความเข้มข้น 75% ที่ Guerlain ใช้เป็นมาตรฐานคัดเลือกหัวน้ำหอมตองกาบีนสกัดจากเมล็ดถั่วสายสกุลซาราเปีย (Sarrapia) ซึ่งต้องมีโมเลกุลกลิ่นคูมารินธรรมชาติเป็นสารประกอบในสัดส่วน 75% เพื่อโทนกลิ่นฝาดหวานแบบอัลมอนด์ พร้อมเจือคูมาริน (Coumarin) เพื่อให้กลิ่นตองกาบีนมีความกลมกล่อมหอมหวาน ปราศจากความฉุนเสียดจมูกแบบควันไฟเผาหญ้าแห้ง ตองกาบีนในสูตรของเอ็กซ์แตรต์ จุดประกายเร่าร้อนรัญจวนพิศวาสเมื่อสัมผัสกับวานิลลา, หัวน้ำหอมกลิ่นโกโก และ เครื่องเทศโทนกลิ่นอุ่น

Les Extraits Signature ใหม่ทั้ง 6 กลิ่นสามารถแยกใช้ได้เพียงกลิ่นเดียวหรือเลือกใช้ผสมกลิ่นร่วมกับ โอ เดอ ปารฟัง L’Art & La Matière ในคอลเลกชันหลักเพื่อให้ได้กลิ่นตามแบบที่เราชื่นชอบจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคุณ เพื่อเร่งระดับความคมชัดตามแบบที่เราชื่นชอบ หรือต้องการ เพื่อความไม่สิ้นสุดในการออกแบบกลิ่นตามความต้องการเพื่อเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

สัมผัสและทดลองกลิ่น Les Extraits Signature (50 มล. ราคา 24,700 บาท) ทั้ง 6 กลิ่นได้แล้ววันนี้ที่เคาท์เตอร์ Guerlain Ultimate Store สาขาสยามพารากอน และที่ Guerlain Pop Up Store คอนเซ็ปต์ใหม่บนพื้นที่ 90 ตร.ม. ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่สำหรับลูกค้าคนพิเศษ สามารถเข้ามาค้นหาตัวตนของคุณกับกลิ่นน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นตัวเองผ่านคอลเล็กชันน้ำหอมชั้นสูง L’Art & La Matière ทั้ง 22 กลิ่น และทุกผลิตภัณฑ์เกอร์แลงทั้งสกินแคร์, เมคอัพ และน้ำหอมแบบเต็มคอลเลกชัน ตั้งแต่ วันนี้-31 มกราคม 2567 ที่ Luxe Hall ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมจากเกอร์แลงได้ทาง Line Official Account: @guerlainth

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ผ่อนคลายไปกับ Jet Lag Recovery Treatment @ สปา อินเตอร์คอนติเนนตัล

เจาะลึกเรื่อง Hair Care กับ Beng Lee ผู้บริหาร ORIBE

เข้าถึงความงามแบบฉบับเกาหลีกับ Angela Jia Kim ผู้เขียน Radical Radiance และผู้ก่อตั้ง Savor

รู้จักปรัชญาความงามและเทคนิคการดูแลผิวแบบญี่ปุ่น กับ Yasushi Ishibashi ผู้ก่อตั้งแบรนด์

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Divana Thai Med การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแพทย์แผนไทยกับศาสตร์สปาบำบัด

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย ร่วมงานกับดิสนีย์อีกครั้งในฐานะนักพากษ์เสียงหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่!

Alternative Textaccount_circle
event
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย - คริสตัล หลิว - Liu Yifei - Crystal Liu -刘亦菲-หนังดิสนีย์ - นักแสดงหญิงจีน - นักแสดงจีน - นางเอกจีน -ดาราจีน - ซุปตาร์จีน - คนดังจีน - บันเทิงจีน - ข่าวจีน

กรี๊ดหนักมาก! เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย หรือเจ้าของบท มู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดง ร่วมงานกับดิสนีย์อีกครั้งในฐานะนักพากษ์เสียงอนิเมชั่นเรื่องใหม่ Wish พรมหัศจรรย์!

ปังแล้วยังปังได้อีกแบบนันสต็อป! สมฐานะตัวแม่ตัวมารดาจริงๆ ค่า สำหรับ หลิวอี้เฟย หรือ คริสตัล หลิว (Liu Yifei/Crystal Liu) นักแสดงหญิงจีนสัญชาติอเมริกันวัย 36 ปี (เกิดวันที่ 25 ส.ค. 1987) ที่สุดฯ เชื่อว่าคอซีรี่ย์จีนน่าจะรู้จักกันดีจากผลงานซีรี่ย์จีนและหนังจีนสุดฮิตระดับตำนานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/กำลังภายใน Demi-Gods and Semi-Devils แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (2003), Chinese Paladin เซียนกระบี่พิชิตมาร (2005) ที่รับบทคู่กับหูเกอ (Hu Ge), The Return of the Condor Heroes มังกรหยก ภาค 2 ตอน ตำนานศึกเทพอินทรี (2006) ที่หลิวอี้เฟยรับบทเซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งยังคงเป็นบทบาทที่ได้รับการพูดถึงอยู่จนถึงปัจจุบัน, หนังจีน A Chinese Fairy Tale โปเยโปโลเย (2011), The Assassins หรือ Bronze Swallow Terrace (2012), THE FOUR 4 มหากาฬพญายม (2012 – 2014), For Love or Money เพื่อรักหรือเงินตรา (2014) ที่รับบทคู่กับเรน (Rain) ซุปตาร์เกาหลี, The Third Way Of Love (2015) คู่กับซงซึงฮอน (Song Seung Heon), So Young 2: Never Gone (2016), Once Upon a Time สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ (2017) เป็นต้น

หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲

นอกจากผลงานการแสดงทางฝั่งจีนแล้ว หลิวอี้เฟยยังเป็นนักแสดงที่โด่งดังระดับอินเตอร์ และเมื่อปี 2020 ก็ได้ร่วมงานกับ Walt Disney ในฐานะนางเอกหนังเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น มู่หลาน (Mulan) ซึ่งในปีเดียวกันนั้น เว็บไซต์ The Hollywood Reporter บริษัทนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ที่เก่าแก่ของอเมริกาที่นำเสนอเรื่องราวในอุตสาหกรรมหนัง โทรทัศน์และบันเทิงของฮอลลีวู้ดก็ได้เปิดเผยรายชื่อ 25 นักแสดงดาวรุ่งของฮอลลีวู้ด (Next Gen Talent 2019: Hollywood’s Rising Young Stars) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหลิวอี้เฟยรวมอยู่ด้วย

หลังจากเคยร่วมงานกันในปี 2020 เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย ก็ได้กลับมาร่วมงานกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์อีกครั้งในปี 2023 นี้ในฐานะนักพากษ์เสียงหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่ของดิสนีย์อย่าง Wish พรมหัศจรรย์ ที่มีกำหนดฉาย 22 พ.ย. นี้ที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนังที่มีชาวไทยมากความสามารถอย่างคุณฝน วีระสุนทร ผู้วางบทบาทนักวาดสตอรี่บอร์ดของ The Walt Disney Studios เป็นผู้กำกับร่วมกับ Chris Buck ด้วย ซึ่งในฝั่งจีนก็มีกำหนดการฉายหนัง Wish พรมหัศจรรย์ วันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยมีงานเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการไปแล้วในจีน ซึ่งหลิวอี้เฟยก็ได้เดินทางไปร่วมงานด้วย พร้อมกับใส่ชุดสวยตะลึงในชุดราตรีสีม่วงที่สะกดทุกสายตาไปร่วมงานด้วย วันนี้สุดฯ ไม่รอช้าขอพาทุกคนมาเก็บตกบรรยากาศกันค่า

เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
เจ้าหญิงดิสนีย์หลิวอี้เฟย - หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲
 หลิวอี้เฟย  - คริสตัล หลิว  - Liu Yifei  - Crystal Liu  -刘亦菲

รูปจาก : 刘亦菲/迪士尼电影/红星坞娱乐传媒

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

2 คนดังเกาหลีร่วมรายการจีนปี2023 นั่งแท่นเมนเทอร์สุดโปร!!

2 คู่จิ้นซีรี่ย์จีนคัมแบ็คงานคู่ สานต่อเคมีชวนฟินในซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่!!​

น่าดูมาก! ซีรี่ย์จีน I Love You ที่รีเมคจากเกาหลี One Spring Night ของจองแฮอิน-ฮันจีมิน!

หวังซิงเยว่ นักแสดงจากซีรี่ย์จีนเล่ห์รักวังคุนหนิง ที่น่าจับตามอง!

เสิ่นอวี่เจี๋ย นักแสดงจีนน้องใหม่หน้าเฟียร์ซ ว่าที่ซุปตาร์คนต่อไป!

3 หนุ่มหล่อจากซีรี่ย์จีนOnly For Love เลือกไม่ถูก ขอเหมาหมดได้มั้ย!?!

3 ซีรี่ย์จีนสุดปังของไป๋ลู่ในปี2023 ฮอตปรอทแตกทุกเรื่อง!!

อลิอันซ์ อยุธยา

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิตครั้งแรก!

Alternative Textaccount_circle
event
อลิอันซ์ อยุธยา
อลิอันซ์ อยุธยา

กลุ่มมาหามิตร นำโดย อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิตครั้งแรก! ยกกองขยะมาไว้ใจกลางกรุง พร้อม 7 ศิลปินร่วมสร้างจิตสำนึก

กลุ่มมาหามิตร นำโดย บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมด้วย กรุงเทพมหานคร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการ Chula Zero Waste มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เอ็ม บี เค สยามพิวรรธน์ กลุ่มสยามกลการ โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในฐานะกลุ่ม “มาหามิตร” (Alliance for Sustainability) ส่งเสริมการแยกขยะ “เลิกเทรวม” เพื่อให้เกิดการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เปิดงาน THINK ทิ้ง … ชีวิต งานใหญ่กลางกรุง หยิบแนวคิดการใช้ศิลปะมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจสู่การตระหนักคิด สร้างจิตสานึก และเปลี่ยนแปลงสู่พฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคนเมือง

อลิอันซ์ อยุธยา

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะตัวแทนกลุ่มมาหามิตร กล่าวว่า กลุ่ม “มาหามิตร” เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรต่างๆทั้งภาคเอกชนและภาคสาธารณะในเขตปทุมวัน ร่วมแสดงเจตจำนงตั้งเป้าหมายสู่ความยั่งยืนร่วมกัน ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กรเพื่อขยายผลสู่ภายนอก แต่ละองค์กรพันธมิตรอาจมีเป้าหมายธุรกิจที่ต่างกัน แต่เป้าหมายใหญ่ร่วมกัน คือ การสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกในมิติต่างๆ โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวคือ เรื่องการจัดการขยะในองค์กร ซึ่งต่อมาเกิดเป็นโครงการ ปทุมวัน Zero Waste ส่งเสริมการแยกขยะเพื่อให้เกิดการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่เขตปทุมวัน ที่มีเป้าหมายเพื่อลดขยะไปสู่บ่อขยะให้น้อยที่สุด และเพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดการแยกขยะในวงกว้างขึ้น ปีนี้เราจึงต่อยอด สู่งาน THINK ทิ้ง … ชีวิต เพื่อสะท้อนสถานการณ์ขยะที่เกิดจากพฤติกรรมการทิ้งของพวกเรา และชี้ให้เห็นแนวทางการแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับการ “แยกขยะ” ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับองค์กร

งาน THINK ทิ้ง … ชีวิต มุ่งสะท้อนพฤติกรรม “มักง่าย” ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหามากมายในสังคมไทย รวมทั้ง “ปัญหาขยะ” งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อตะโกนดังดังบอกทุกคนว่า “เลิกมักง่ายเถอะ” “แยกขยะกันเถอะ” เพราะปัญหาขยะจะไม่มีวันแก้ได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่ช่วยกัน อีกทั้ง การ “ทิ้ง” ของทุกคนมีผลต่อการเปลี่ยน “ชีวิต” ของใครคนใดคนหนึ่งเสมอ ถ้า “คิด” ก่อน “ทิ้ง” เราอาจเปลี่ยนชีวิตได้มากมาย จะทิ้งเพื่อ “สร้าง” ชีวิต จะทิ้งเพื่อ “ปลูก” ชีวิต จะทิ้งเพื่อ “ช่วย” ชีวิต หรือ จะทิ้ง … ชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราทุกคน

อลิอันซ์ อยุธยา

ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศารและกิจกรรมให้ความรู้มากมายที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพื่อมุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมทุกคนให้มีพฤติกรรมการทิ้งที่เปลี่ยนไป โดยมีการจำลองบ่อขยะ และเปิดประสบการณ์ชีวิตจริงของพนักงานเก็บขยะจากกทม. เริ่มจากห้องเปลี่ยนใจ ที่จะมาไขข้อข้องใจ ทลายความเชื่อ ว่าแยกขยะไปทำไม หากสุดท้ายนำไปเทรวม ต่อด้วย กิจกรรมทิ้ง…ชีวิต ที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้สวมบทบาทคนเก็บขยะ กับความท้าทายที่คุณไม่อาจเคยรู้ ต่อด่วยทางเลือกคนกรุง ตัวช่วยที่จะทำให้การแยกขยะของคุณมีค่า และชุมชนแลกเปลี่ยนแฟชั่น Swoop Buddy

นอกจากนั้น ยังได้รับเกียรติ จาก 7 ศิลปินร่วมสมัยชั้นนำของไทย คุณวิชชุลดา ปัณฑุรานุวงศ์ คุณจิรายุ ตันตระกูล คุณเอก ทองประเสริฐ คุณพงษธัช อ่วยกลาง คุณปรัชญา เจริญสุข คุณปฏิพัทธ์ ชัยวิเทศ คุณปิยาภา วิเชียรสาร และคุณชโลชา นิลธรรมชาติ จาก A Thing that is Pieces ที่ร่วมกันรังสรรค์ผลงานศิลปะ จากวัสดุส่วนเกินที่หลายคนไม่ต้องการ พร้อมกันนี้ ยังได้ Bigdel ศิลปินกราฟฟิตี้และสตรีทอาร์ทชื่อดัง มาร่วมสร้างสรรค์มาสคอตประจำงานอีกด้วย

“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ในฐานะผู้นำกลุ่มมาหามิตร มีความตั้งใจเป็นอย่างมากในการจัดงาน “THINK ทิ้ง…ชีวิต” ครั้งนี้ เพราะปัญหาขยะ คือ ปัญหาเร่งด่วน แต่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ เมื่อทุกคนร่วมมือกัน เราขอเชิญชวนให้ทุกคนมางานนี้ เพื่อมาดู มารู้ มาเข้าใจว่า การทิ้ง (กระทบ) ชีวิต (เราและคนอื่น) อย่างไร เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มแยกขยะ เลิกเทรวม ตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณภาพชีวิตของเราและทุกคนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นางสาวพัชรา กล่าวสรุป

งาน “THINK ทิ้ง…ชีวิต” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 – 19.00 น. ณ ลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ลานใบบัวเชื่อมรถไฟฟ้า สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และ Meeting Point ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ผู้สนใจ สามารถร่วมงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

GoodFood

เทศกาลอาหารและดนตรีริมแม่น้ำสุดชิล GoodFood Vol.02 กลับมาแล้ว

Alternative Textaccount_circle
event
GoodFood
GoodFood

สายกินเตรียมเฮ! กับงาน “GoodFood Vol.02” เทศกาลอาหารและดนตรีริมแม่น้ำสุดชิลที่ยกขบวนร้านสุดฮิปจาก #GrabThumbsUp มาเพียบ!

พลาดไม่ได้กับการกลับมาของอีเว้นท์สุดฮิป ต้อนรับลมหนาวในบรรยากาศสุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยากับงาน “GoodFood Vol.2” จุดรวมตัวของคนมีสไตล์ที่ปีนี้ Good Hood Services และ ถนัดชิม ได้จับมือกับ GrabFood เนรมิตโกดังเสริมสุขให้กลายเป็นลานแห่งความอร่อย รวมสุดยอดร้านดังจาก #GrabThumbsUp พร้อมยกขบวนศิลปินคุณภาพมากกว่า 12 วงมาสร้างสีสันและความสนุกให้ทุกคนได้ฟินกันแบบถ้วนหน้าตลอด 4 วันเต็ม เตรียมตัวไปเช็คอินความอร่อยภายในงานกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 4 ธันวาคม 2566 นี้ โดยสามารถซื้อบัตรเข้างานได้แล้ววันนี้ พร้อมรับดีลเด็ดๆ ก่อนใครผ่านฟีเจอร์ DINE-IN บน GrabFood เท่านั้น

GoodFood

สาวกนักชิมเตรียมตัวกันให้พร้อมรับการกลับมาของ “GoodFood Vol.02” อีเว้นท์พิเศษในบรรยากาศสุดคูลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ โกดังเสริมสุข แหล่งรวมตัวของคนมีสไตล์ โดยปีนี้ Good Hood Services และถนัดชิม ได้ชวน แกร็บฟู้ด มาจัดเซอร์ไพร์สเอาใจสายกินโดยเฉพาะ ด้วยการขนสุดยอดร้านอร่อยยกนิ้วจาก #GrabThumbsUp มาไว้ในงาน GoodFood Vol.02 ในครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เบเกิล แป้งนุ่ม ไส้แน่นจากร้าน ‘PANI’S SANDWICH’ ข้าวผัดอเมริกันสุดฮอตจากร้าน ‘Lucky’s Hungry’ เบอร์เกอร์สไตล์อเมริกันแท้จากร้าน ’25 Degrees Bangkok’ และหอยทอดขึ้นชื่อจากร้าน ‘เฮงหอยทอดชาวเล’ ก็มาร่วมจอยด้วย นอกจากนี้ต้องห้ามพลาดกับบรรดาร้านขนมและของหวาน นำขบวนโดย พุดดิ้งเนื้อเนียนนุ่มจากร้าน ‘Ba HaoTian Mi’ ขนมไข่ฉ่ำเนยจากร้าน ‘Haab.bkk’ โชนัท โดนัทที่ให้รสสัมผัสนุ่ม หนึบหนับแบบโชกุปังจากร้าน ‘Huus of Bread’ ชาไทยสเลอปี้สุดฮิตจากร้าน ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ชานมไข่มุกสูตรเฮลท์ตี้จากร้าน ‘CHA BAR BKK’ สำหรับสายรักสุขภาพ และอีกมากมาย พร้อมทั้งร่วมฟังดนตรีสดจากศิลปินรุ่นเก๋า ไม่ว่าจะเป็น Yokee Playboy, Armchair, Superbaker, Pla Nil Tem Baan และศิลปินอินดี้อีกมากมายที่ยกทัพกันมาสร้างความบันเทิงตลอด 4 วันเต็มๆ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีเคล้าความอร่อยจากร้านอาหารที่แกร็บฟู้ดคัดสรรมาเป็นอย่างดี

GoodFood

โดยสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ผ่านฟีเจอร์ DINE-IN บนแกร็บฟู้ด ในราคาใบละ 200 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษจากแกร็บแบบเน้นๆ อาทิ คูปองส่วนลดมูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อดีลส่วนลดจากบริการ DINE-IN หรือกินที่ร้านในครั้งถัดไป โค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับบริการ Self-Pickup หรือรับเองที่หน้าร้านสำหรับใช้กับร้านค้า #GrabThumbsUp ภายในงาน และโค้ดส่วนลดบริการการเดินทางสำหรับการเดินทางไปร่วมงาน GoodFood Vol.02

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook GrabTH | Facebook Good Hood Services

CENTRAL

เซ็นทรัล ส่งเมกะแคมเปญ CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024

Alternative Textaccount_circle
event
CENTRAL
CENTRAL

CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ห้างเซ็นทรัลยกบรรยากาศคริสต์มาสจากกรุงลอนดอนมาไว้ที่เมืองไทย พร้อมอัดโปรแรงทุกช่องทางช้อป

“ห้างเซ็นทรัล” ยืนหนึ่งเดสติเนชันช้อปของขวัญ ส่งเมกะแคมเปญ “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024”ยกบรรยากาศคริสต์มาสจากกรุงลอนดอนมาไว้ที่เมืองไทยเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่อันแสนอบอุ่น อัดโปรแรงทุกช่องทางช้อป ปลุกมู้ดจับจ่าย-กระตุ้นท่องเที่ยวคึกคักตลอดช่วงเฟสทีฟ

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำการเป็นเดสติเนชันแห่งแรงบันดาลใจในทุก ๆ วันสำหรับคนทุกเจเนอเรชันและการช้อปของขวัญเบอร์หนึ่งในใจคนไทย ร่วมกับบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และมาสเตอร์การ์ด เดินหน้าคิกออฟแคมเปญใหญ่แห่งปี “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024” ตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน 2566 – 9 มกราคม 2567 จัดที่สุดแห่งการเฉลิมฉลองที่ทุกคนตั้งตารอคอย เชิญชวนลูกค้ามาแบ่งปันความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและทุกแพลตฟอร์มการช้อปสุดสะดวกของห้าง

CENTRAL

ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยถึงแคมเปญ CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ว่า “ห้างเซ็นทรัลเดินหน้ามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในฐานะเดสติเนชันอันดับหนึ่งเพื่อการช้อปของขวัญและการฉลองคริสต์มาสและปีใหม่สำหรับคนทุกเจเนอเรชัน ทุก ๆ ปีเราให้ความสำคัญกับการรังสรรค์แคมเปญที่มอบคุณค่าและประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่ลูกค้า สำหรับ LET’S CELEBRATE 2024 เรายกบรรยากาศและกลิ่นอายการฉลองเทศกาลคริสต์มาสส่งตรงจากลอนดอนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันแห่งความสนุกและแรงบันดาลใจมาไว้ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา นำคาแรกเตอร์ The Nutcracker หุ่นกระบอกสุดน่ารัก มาตกแต่งสร้างสีสันและบรรยากาศ ผสานเข้ากับความสนุกในแบบที่คนไทยชื่นชอบ เพราะคริสต์มาสที่ไทยไม่เหมือนที่ใดในโลก และห้างเซ็นทรัลเข้าใจดีว่าลูกค้าของเราชื่นชอบอะไร เราตั้งใจมอบช่วงเวลาแห่งความสุขอันอบอวลไปด้วยความรัก ให้ลูกค้าทุกเจนเนอเรชันได้มีช่วงเวลาอันน่าจดจำร่วมกันที่ห้างเซ็นทรัลตลอดแคมเปญนี้ เราตั้งเป้าว่าแคมเปญนี้จะช่วยดันยอดขายโต 15% ในไตรมาสสุดท้าย”
“ห้างเซ็นทรัล” เป็นเดสทิเนชันสำหรับการช้อปของขวัญที่ครองใจลูกค้ามากว่า 76 ปี โดยปีนี้ขนพาเหรดสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกครบครันทุกหมวดหมู่ มาให้ลูกค้าเลือกซื้อเป็นของขวัญและให้รางวัลตนเองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่  ช้อปสนุกกับสินค้าคอลเลกชันใหม่และคอลเลกชันเอ็กซ์คลูซีฟแบบ Only at Central เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อฮอลิเดย์ คอลเลกชันจากแบรนด์ดังในแผนกบิวตี้ แกลเลอรี, โฮมและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, และแฟชั่น พิเศษสุด! พบคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก Central Edition ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้าง Central@centralwOrld, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ที่ให้ลูกค้าได้ครีเอตไอเทมแฟชั่นในสไตล์ของตนเองที่สามารถ Personalize Patch ติดเสื้อจากคาแรกเตอร์สุดคิ้วท์ และยังสามารถเลือกติดเป็นตัวอักษร หรือข้อความสนุก ๆ ได้ตามต้องการ รวมถึงคอลเลกชัน Happy Christmas จาก Defry01 ที่มาพร้อมคาแรกเตอร์ The Nutcracker ให้ช้อปใส่ได้ทั้งครอบครัว

CENTRAL

จัดเต็มกิจกรรมสุดสนุกตลอดแคมเปญ “CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024” เพื่อมอบช่วงเวลาการฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น

  • เพลิดเพลินไปกับ Christmas Market สเปซแห่งแรงบันดาลใจที่รวบรวมไอเทมไฮไลต์สุดพิเศษจากแบรนด์ดังครบทุกหมวดหมู่ ที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้าง Central@centralwOrld, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, และห้างเซ็นทรัล ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่  24 พ.ย. 66 – 9 ม.ค. 67
  • Gift-wrapping Service บริการห่อของขวัญด้วยกระดาษห่อของขวัญลวดลายลิมิเต็ด ฟรี! เมื่อช้อปที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาตลอดแคมเปญ
  • สนุกไปกับเทคโนโลยีบอลลูน AR น่ารัก ๆ เมื่อนำโทรศัพท์ไปถ่ายในพื้นที่ที่กำหนด ณ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา, เล่นเกม X’Mas Magic Run ผ่านแอปเพื่อลุ้นรับคูปองส่วนลด100 บาท เซอร์ไพรส์สุด! พบกับกิจกรรม Golden Ticket ที่พนักงานห่อของขวัญจะแอบใส่ตั๋วทองคำลงในกล่องของขวัญ และเมื่อผู้รับเป็นผู้โชคดีได้ตั๋วสุดพิเศษและสแกนเปิดลิงก์ ก็จะพบกับเซอร์ไพรส์ที่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือ!
  • และพบกับอีเวนต์และกิจกรรมที่ห้างเซ็นทรัลเตรียมไว้ให้ลูกค้าร่วมสนุกและอบอุ่นใจได้ทุกสัปดาห์ตลอดทั้งแคมเปญ
    – 1 – 3 ธ.ค. 66: กิจกรรม Nutcracker Art & Craft
    – 8 – 10 ธ.ค. 66: กิจกรรมจัดดอกไม้ กับ English Rose Arrangement
    – 15 – 17 ธ.ค. และ 22- 25 ธ.ค. 66: อบอุ่นหัวใจไปกับคณะนักร้องประสานเสียงในธีม The Sound of Christmas และตื่นตากับ Christmas Flash Mob ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา
    – พิเศษสำหรับคุณหนูๆ! พบกับคุณลุงแซนต้าคลอส ที่จะมาพบปะและร่วมถ่ายรูปกับน้อง ๆ อย่างอบอุ่นในวันที่ 22- 25 ธ.ค. 66 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา
  • อบอุ่นใจไปกับการส่งต่อความสุขกับแคมเปญเพื่อสังคม
    – 
    ชวนส่งต่อความสุขที่ไม่สิ้นสุด ห้างเซ็นทรัล ผนึกกำลัง Mastercard และลูกค้าคนสำคัญ “เติมเต็มรอยยิ้มที่หายไป” ผ่านโครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้กับน้องๆ ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ใบหน้าผิดรูป และแผลจากความทุกข์ทรมานจากไฟไหม้ ด้วยการผ่าตัดอย่างปลอดภัยทั่วประเทศไทย โดยทุก ๆ การช้อปสินค้า ผ่านบัตร Mastercard ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และ Central App ครบ 3,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป ทางห้างฯ และ Mastercard จะบริจาคเงิน 100 บาท ให้แก่มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม
    – ชวนช้อปกระเป๋า GOOD GOODS คอลเลกชันพิเศษ “Smiles are Blooming” ซึ่งออกแบบโดย คุณอาเรียนนา คาโรลี ศิลปินระดับโลกชาวอิตาลี ร่วมกับห้างเซ็นทรัล ห้างโรบินสัน และแบรนด์ GOOD GOODS โดยนำวัสดุธรรมชาติจากชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช มาจักสานเป็นกระเป๋าสุดพิเศษที่เปี่ยมด้วยคุณค่า โดยรายได้ทั้งหมดนำไปสมทบทุน เพื่อช่วยในการผ่าตัดแก่ผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศ ผ่านมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเช่นกัน
  • ชวนมาเป็นผู้ให้ในกิจกรรม Central Drop & Shop for Kids (วันที่ 14 พ.ย. 66 – 4 ม.ค. 67) ด้วยการบริจาคสิ่งของใช้แล้วสภาพดี ทั้งอุปกรณ์การเรียน ของเล่นเสริมพัฒนาการ และเสื้อผ้าแก่น้องผู้ด้อยโอกาส ที่ห้างเซ็นทรัล 10 สาขา ได้แก่สาขา ห้างเซ็นทรัล ชิดลม, ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ห้างเซ็นทรัล แอท เซ็นทรัลเวิลด์, ห้างเซ็นทรัล บางนา, ห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, ห้างเซ็นทรัล เวสต์วิลล์, ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่,ห้างเซ็นทรัล อุดรธานี, ห้างเซ็นทรัล พัทยา และห้างเซ็นทรัล หาดใหญ่ เพื่อรับคูปองดิจิทัลส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท สำหรับช้อปในห้าง และรับส่วนลดสูงสุด 12% (สูงสุด 1,000 บาท) สำหรับช้อปใน Central App เมื่อช้อปตามเงื่อนไข
CENTRAL

จัดเต็มกับโปรโมชันพิเศษและสิทธิพิเศษจากหลากหลายบัตรเครดิตชั้นนำที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ได้แก่ โปรโมชัน CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ระหว่างวันที่ 14 – 23 พ.ย. 66

  • คอลเลกชันใหม่ ลดสูงสุด 30%
  • รับ Cash Coupon มูลค่าสูงสุด 4,500 บาท และ Cash Back จากบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท ตามเงื่อนไข
  • สมาชิกเดอะวัน ใช้คะแนนเดอะวัน แลกรับส่วนลด on top สูงสุด 12.5% และใช้คะแนนเดอะวัน 1,000 คะแนน แลกรับคูปองเงินสดมูลค่า 150 บาท (จำกัดจำนวน 10,000 สิทธิ์)
  • สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด รับบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป ตามเงื่อนไข

โปรโมชัน CENTRAL LET’S CELEBRATE 2024 ระหว่างวันที่ 6 ธ.ค. 66 – 9 ม.ค. 67

  • คอลเลกชันใหม่ ลดสูงสุด 30%
  • รับ Cash Coupon 100 บาท เมื่อช้อปทุก 3,000 บาท
  • สมาชิกเดอะวัน ใช้คะแนนเดอะวัน แลกรับส่วนลด on top สูงสุด 12.5% และใช้คะแนนเดอะวัน 1,000 คะแนน แลกรับคูปองเงินสดมูลค่า 150 บาท (จำกัดจำนวน 10,000 สิทธิ์)
  • สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด รับเซ็นทรัล กิฟท์การ์ดมูลค่า 2,000 บาทเมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 30,000 บาท/เซลล์สลิป ตามเงื่อนไข
  • แลกรับของขวัญพรีเมียมจากคอลเลกชัน The Nutcracker สุดลิมิเต็ดน่าสะสม อาทิ แท็กกระเป๋า (เมื่อช้อปครบ 7,500 บาทขึ้นไป) และ Tote Bag (เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป)

โปรโมชันพิเศษเมื่อช้อปที่ Central App

  • สินค้า Christmas และ Holiday Collection ที่ร่วมรายการ รับส่วนลดสูงสุด 30%
  • ลูกค้าใหม่รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 12%
  • รับของขวัญ Central Exclusive Tote bag สำหรับ 40 ท่าน ที่สะสมยอดช้อปสูงสุด ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 66 – 4 ม.ค. 67
  • รับส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน

ร่วมฉลองเทศกาลสุดอบอุ่นแห่งปีและเลือกซื้อของขวัญกันอย่างสนุกสนานพร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆที่ “ห้างเซ็นทรัล” ทุกสาขาทั่วประเทศ และทุกช่องทางช้อปสุดสะดวกของห้างเซ็นทรัล ติดตามข่าวสารกิจกรรมสุดสนุกตลอดแคมเปญได้ที่ www.facebook.com/CentralDepartmentStore

Macau

เทศกาลความเร็ว Macau Grand Prix ครั้งที่ 70

Alternative Textaccount_circle
event
Macau
Macau

ฉลองยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี เทศกาลความเร็ว Macau Grand Prix ครั้งที่ 70 จัดเต็มกิจกรรม ย้ำคอนเซ็ปต์‘การท่องเที่ยวเชิงกีฬา’ เริ่ม 11-19 พ.ย.นี้

พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ มาเก๊า (Macao Grand Prix Museum) ภายใต้การบริหารจัดการของสำนักงานการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาเก๊า (Macao Government Tourism Office หรือ MGTO) เตรียมเปิดตัวซีรีส์กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นควบคู่ไปกับการฉลองครบรอบ 70 ปี มาเก๊ากรังด์ปรีซ์ (Macau Grand Prix) ในระหว่างวันที่ 11-19 พฤศจิกายน ซึ่งไฮไลท์ของกิจกรรมครั้งนี้รวมถึงการจัดการแสดง Projection Mapping ใหม่ล่าสุด, พร้อมภาพวิดีโอที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่โมเมนต์ที่น่าจดจำในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์, นิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับทีมแข่งรถชั้นนำระดับโลก, ฟีเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยีในการจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนจริง, การขยายเวลาเปิดทำการ และส่วนลดพิเศษสำหรับบัตรที่ซื้อที่พิพิธภัณฑ์ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ชาวเมืองมาเก๊าและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์และบรรยากาศของเดือนแห่งการแข่งรถในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี ของมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ พร้อมเน้นย้ำการผสมผสานกันระหว่าง “การท่องเที่ยว + กีฬา” และเสริมสร้างรูปแบบของประสบการณ์ท่องเที่ยวประเภทนี้

Macau

โชว์ Projection Mapping ทุกวันตลอดเดือนพฤศจิกายน

ทุก ๆ คืนตลอดเดือนพฤศจิกายน จะมีการฉายภาพเคลื่อนไหว Projection Mapping ที่จัดทำขึ้นใหม่บนจอด้านนอกของพิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ มาเก๊า โชว์ชุดนี้มีชื่อว่า “Macao Grand Prix Museum Chronicles: 70 Legendary Years” ความยาว 5 นาที และโชว์ทุก ๆ 15 นาที ระหว่างช่วงเวลา 19.00 น. – 22.00 น. เป็นประจำทุกคืน ตั้งแต่ 1 – 30 พฤศจิกายน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ให้กับกิจกรรมและเพิ่มทางเลือกของความบันเทิงยามค่ำคืนอีกด้วย

โมเมนต์ประวัติศาสตร์ของการแข่งรถที่น่าประทับใจรวมไว้ในวิดีโอเดียว

เนื่องในโอกาสพิเศษครั้งนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำวิดีโอเรื่อง “70 Legendary Years of Macau Grand Prix” ถ่ายทอดภาพของช่วงเวลาที่น่าจดจำที่เกิดขึ้นในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของ Guia Circuit, การแข่งขันที่ดุเดือดของนักแข่งรถจากทั่วโลก และโมเมนต์ประทับใจของทีมนักแข่งและผู้ชมที่เต็มไปด้วยพลัง โดยวิดีโอนี้จะจัดฉายที่ห้องฉายหนัง (Screening Room) ของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

Macau

VR360จำลองบรรยากาศของการแข่งขันที่เป็นตำนาน

พิพิธภัณฑ์จะเปิดตัวเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) ที่ผู้ชมสามารถชม VR 360° ผ่านอุปกรณ์แสดงภาพเสมือนจริงในรูปแบบของชุดหูฟังสวมหัวที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดเตรียมไว้ เพื่อย้อนกลับไปสู่การแข่งขัน Macau Touring Car Cup – China Touring Car Championship ในมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ 2022 ฟีเจอร์ VR นี้จะมอบประสบการณ์หลายมิติรอบทิศทางที่ให้ความสมจริง ยกความตื่นเต้นเร้าใจจากในสนามแข่งมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์นั้น

นิทรรศการพิเศษ “Oracle Red Cull Racing” ถ่ายทอดเรื่องราวทีมแข่งรถชั้นนำของโลก

นิทรรศการพิเศษ “Oracle Red Bull Racing” จะจัดขึ้นที่ชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม – 19 พฤศจิกายน นี้ เพื่อนำเสนอประวัติศาสตร์ของทีม “Oracle Red Bull Racing” ไปจนถึงอุปกรณ์ที่นักแข่งรถ F1 ใช้ และวิดีโอที่ใช้ในการโปรโมท MGTO ยังอยู่เบื้องหลัง อีกกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกัน อย่าง “Red Bull Pit Stop Challenge” กิจกรรมท้าทายความเร็วในการเปลี่ยนยาง ซึ่งจัดขึ้นที่ Galaxy MacauTM เพื่อขยายพื้นที่ในการจัดงานและเพิ่มความน่าสนใจด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬา

Macau

ขยายเวลาเปิดทำการของพิพิธภัณฑ์ในวันที่มีการแข่งรถ

ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขยายเวลาทำการไปจนถึง 21.30 น. (ซื้อบัตรได้จนถึงเวลา 21.00 น.) ในวันที่ 11, 12, 16, 17, 18 และ 19 พฤศจิกายน ซึ่งทั้งหกวันตรงกับการแข่งขันมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ ครั้งที่ 70 ในช่วงที่ขยายเวลาเปิดทำการนี้ จะมีการเพิ่มบริการนำชมพร้อมไกด์อีก 2 ช่วง คือ ในช่วง 18.30 น. (ภาษาอังกฤษ) และ 19.30 น. (ภาษาจีนกลาง) พร้อมการฉายหนังเพิ่มที่ห้องฉายหนัง เวลา 18.30 น. และ 20.30 น.

มาเก๊า เดินหน้าในการส่งเสริมแง่มุมต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์แข่งรถกรังด์ปรีซ์ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตลอดจนการจัดนิทรรศการและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกทั้งสำหรับชาวเมืองมาเก๊าและนักท่องเที่ยว โดยประกาศจุดยืนชัดเจนในเรื่องการสนับสนุนความหลากหลายของ ‘การท่องเที่ยวเชิงกีฬา’ เพื่อยกระดับความน่าสนใจของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

keyboard_arrow_up