Reblooming Blue - 另一种蓝- วิค โจว F4 - วิค F4 - Vic F4 - Vic Zhou - ซ่งเชี่ยน - วิคตอเรีย ซ่ง - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายไต้หวัน - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนปี 2024 - นักแสดงซีรี่ย์จีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

พลาดไม่ได้! Reblooming Blue ซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่ในรอบเกือบ 3 ปีของวิค โจว F4!

Alternative Textaccount_circle
event
Reblooming Blue - 另一种蓝- วิค โจว F4 - วิค F4 - Vic F4 - Vic Zhou - ซ่งเชี่ยน - วิคตอเรีย ซ่ง - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายไต้หวัน - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนปี 2024 - นักแสดงซีรี่ย์จีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน
Reblooming Blue - 另一种蓝- วิค โจว F4 - วิค F4 - Vic F4 - Vic Zhou - ซ่งเชี่ยน - วิคตอเรีย ซ่ง - พระเอกซีรี่ย์จีน - นักแสดงชายไต้หวัน - ซีรี่ย์จีน - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก - ซีรี่ย์จีนปี 2024 - นักแสดงซีรี่ย์จีน - ข่าวจีน - บันเทิงจีน

8 พ.ค. 2024 นี้เตรียมพบกับการกลับมาอีกครั้งทางจอแก้วของพระเอกระดับตำนาน วิค F4 ในซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่ Reblooming Blue ในรอบเกือบ 3 ปี!

เอาใจแฟนคลับให้หายคิดถึงกันหลังจากห่างหายจากจอแก้วไปนานเกือบ 3 ปี สำหรับวิค โจว (Vic Zhou) หรือชื่อจริง โจวอวี๋หมิน (Zhou Yumin) ที่แจ้งเกิดจากการรับบทฮัวเจ๋อเล่ย หนึ่งในสมาชิกแก๊ง F4 แห่งซีรี่ย์ไต้หวันเวอร์ชั่นต้นฉบับในตำนานอย่าง Meteor Garden รักใสๆ หัวใจสี่ดวง (2001) หลังจากที่เมื่อปี 2021 ส่งผลงานซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/ดราม่า Palace of Devotion จอมนางแห่งวังหลัง ที่รับบทคู่กับนักแสดงหญิงจีนเจ้าบทบาท หลิวเทา (Liu Tao) จากเรื่อง Nirvana in Fire มหาบุรุษพลิกแผ่นดิน (2015), Ode to Joy (2016-2017) ฯลฯ และออริจินัลซีรี่ย์เรื่องแรกของอ้ายฉีอี้ (iQIYI) อย่าง Danger Zone โซนอันตราย แนวอาชญากรรม/ดราม่าที่ดัดแปลงบทมาจากนิยายชื่อดัง Zhui Xiong Zhe ของนักเขียนเจ้าของนามปากกาเชียนอวี่จือเฉิง ถ่ายทอดเรื่องราวของทนายความสุดฉลาดที่สามารถอ่านพฤติกรรมคนได้ แต่วันหนึ่งเขากลับเข้าไปพัวพันกับคดีหนึ่ง ซ้ำร้ายยังถูกเข้าใจว่าเขาคือคนร้ายของคดีด้วย จากทนายชื่อดังสู่ชีวิตนักโทษที่เส้นทางการใช้ชีวิตในเรือนจำมีแต่ความอันตรายและสิ่งน่าสงสัยอีกเพียบ พร้อมกันนี้ภายนอกยังมีคดีต่อเนื่องที่ยังไขปริศนาไม่ได้!

ล่าสุดในเดือนพ.ค. 2024 นี้ วิค โจวเตรียมส่งซีรี่ย์จีนเรื่องใหม่อย่าง Reblooming Blue (ชื่อจีน 另一种蓝) บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเฉินเสียวหม่าน หญิงสาวที่สู้ชีวิต ตั้งใจทำงานอยู่ในเมืองใหญ่เพื่อที่จะหาเงินทุนไปลงในธุรกิจเครื่องลายครามของครอบครัวเธอ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอตกงานและต้องกลับไปบ้านเกิด ระหว่างนั้นเอง หัวหน้าของเฉินเสียวหม่านอย่างเคอเหยียน ก็เผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยเจอ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เขาจึงเดินทางไปหาเฉินเสียวหม่านที่บ้านเกิด และขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชนนั้น ทั้งสองคนได้เจอกันอีกครั้ง และโชคชะตาของพวกเขาก็เชื่อมโยงกันผ่านเครื่องลายคราม ภายใต้คำแนะนำและกำลังใจของเคอเหยียน ทำให้เฉินเสียวหม่านตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางแห่งการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง เคอเหยียนได้มอบความรักอันอบอุ่นและการสนับสนุนที่แข็งแกร่งแก่เฉินเสียวหม่าน เธอจึงรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในธุรกิจของครอบครัว เอาชนะความยากลำบากต่างๆ และพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องลายครามอย่างสร้างสรรค์ หลังจากผ่านความยากลำบากต่างๆ ไปด้วยกัน ทั้งสองคนก็ได้บ่มเพาะความรัก ความเข้าใจและคอยอยู่เคียงข้างกัน…

Reblooming Blue - 另一种蓝-  วิค โจว F4  -  วิค F4  -  Vic F4  - Vic Zhou  -  ซ่งเชี่ยน  - วิคตอเรีย ซ่ง

สำหรับในซีรี่ย์จีนReblooming Blue วิค โจวได้แท็กทีมคู่จิ้นอย่างวิคตอเรีย ซ่ง หรือชื่อจริง ซ่งเชี่ยน (Victoria Song หรือ Song Qian) นักร้อง นักแสดงหญิงจีนเจ้าของซีรี่ย์จีนสุดฮิต Beautiful Secret (2015), ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Ice Fantasy ศึกอาณาจักรน้ำแข็งมายา (2016), A Life Time Love ลำนำรักเทพสวรรค์ (2017), Moonshine and Valentine อมตะรักคำสาปจันทรา (2018) ฯลฯ

Reblooming Blue - 另一种蓝- วิค โจว F4 - วิค F4 - Vic F4 - Vic Zhou

นอกจากวิค โจวกับซ่งเชี่ยนในเรื่องนี้ยังมีนักแสดงจีนรุ่นใหญ่ หลิวหมิ่นเทา (Liu Mintao) มารับเชิญพิเศษ รวมถึงหลิวช่าง (Liu Chang), จูเหยียนม่านจื่อ (Zhu Yanmanzi), หวงผิ่นหยวน (Huang Pinyuan) และอื่นๆ อีกเพียบ รอติดตามซีรี่ย์จีนReblooming Blueพร้อมกัน 8 พ.ค.นี้จ้า

另一种蓝- วิค โจว F4 - วิค F4 - Vic F4 - Vic Zhou - ซ่งเชี่ยน - วิคตอเรีย ซ่ง

รูปจาก : 电视剧另一种蓝

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

มัดรวบ 6 ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 พลาดเรื่องไหนไปเช็คลิสต์ด่วน!

8 นักแสดงจีนที่เกิดหลังปี2000 ผู้เตรียมสานต่อความปังในวงการบันเทิงจีน!

มัดรวบ 10 ซีรี่ย์จีนไตรมาสแรกปี2024 พลาดเรื่องไหนรีบตามเก็บด่วน!

ย้อนรอย 6 ซีรี่ย์จีนของหลินเกิงซิน หลังคัมแบ็คในรอบ 2 ปี!

The Best Thing ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกเคมีปังของจางหลิงเฮ่อ-สวีรั่วหาน!

4 นางเอกจีนฮอตเสิร์ชเดือนมี.ค. 2024 การันตีความมาแรงของ 4 ซีรี่ย์จีน!

ตามรอยซีรี่ย์จีน Ode To Joy ทั้ง 5 ภาค เหล่าซุปตาร์จีนแน่นตาแตกทุกภาค!

ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 - ซีรี่ย์จีน- ซีรี่ย์จีนปี 2024 - ซีรี่ย์จีนไตรมาสสอง - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีแรก 2024 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก- ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน- ซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด - ข่าวจีน - บันเทิงจีน - สกู๊ปจีน - นักแสดงจีน - ดาราจีน- นางเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกซีรี่ย์จีน

มัดรวบ 6 ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 พลาดเรื่องไหนไปเช็คลิสต์ด่วน!

Alternative Textaccount_circle
event
ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 - ซีรี่ย์จีน- ซีรี่ย์จีนปี 2024 - ซีรี่ย์จีนไตรมาสสอง - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีแรก 2024 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก- ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน- ซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด - ข่าวจีน - บันเทิงจีน - สกู๊ปจีน - นักแสดงจีน - ดาราจีน- นางเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกซีรี่ย์จีน
ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 - ซีรี่ย์จีน- ซีรี่ย์จีนปี 2024 - ซีรี่ย์จีนไตรมาสสอง - ซีรี่ย์จีนครึ่งปีแรก 2024 - ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก- ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค - ซีรี่ย์จีนแนวปัจจุบัน- ซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด - ข่าวจีน - บันเทิงจีน - สกู๊ปจีน - นักแสดงจีน - ดาราจีน- นางเอกซีรี่ย์จีน - พระเอกซีรี่ย์จีน

สุดฯ พาเช็คลิสต์ 6 ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 แต่ละเรื่องเนื้อหาเข้มข้น น่าติดตาม แถมพระ-นางระดับตัวท็อป พลาดแล้วจะเสียดายมาก!?!

Best Choice Ever สุดท้ายคือเธอ

ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 เรื่องแรกสุดฯ ขอเปิดด้วย Best Choice Ever สุดท้ายคือเธอ ซีรี่ย์จีนแนวชีวิต/โรแมนติกที่ได้สวีข่าย (Xu Kai) พระเอกจากเรื่อง The Legends เจาเหยา จอมมารโลกต้องจำ (2019), She and Her Perfect Husband กฎล็อกลิขิตรัก (2022) ฯลฯ แท็กทีมหยางจื่อ (Yang Zi) เจ้าของผลงานสุดฮิตอย่างซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค/โรแมนติก/ดราม่ายอดวิวหมื่นล้านวิว Ashes of Love มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (2018), Go Go Squid! นายเย็นชากับยัยปลาหมึก (2019), The Oath of Love คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (2022) ฯลฯ มารับบทนำคู่กันเป็นครั้งแรก โดย Best Choice Ever สุดท้ายคือเธอ บอกเล่าเรื่องราวที่ดัดแปลงบทจากนิยายในชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียน อี้ซู (Yi Shu) ที่มีแกนหลักของเรื่องเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกที่เหมือนจะธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา สะท้อนการต่อสู้ชีวิตของหญิงสาวรุ่นใหม่ที่ต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของครอบครัว ชีวิตการแต่งงาน การทำงาน ความรักของหนุ่มสาวถูกถ่ายทอดออกมาด้วย

Best Choice Ever สุดท้ายคือเธอ 承欢记

Blossoms in Adversity ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย

ต่อด้วยซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุค Blossoms in Adversity ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย ที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนชื่อดังของคงหลิว (Kong Liu) บอกเล่าเรื่องราวของหลานชายของฮ่องเต้ราชวงศ์ปัจจุบันกับหญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ แต่ต้องตกอับด้วยเหตุการณ์บางอย่าง แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ดิ้นรนพาครอบครัวกลับมาสร้างตัวตั้งหลักได้อีกครั้ง โดยมีพระเอกคอยช่วยเหลือ อยู่เคียงข้าง ปกป้องดูแล นำทีมเคมีสุดฟินโดยหูอี้เทียน (Hu Yitian) นักแสดงชายจีนเจ้าของผลงานสุดฮิต เช่น A Love So Beautiful คนนั้นต้องเป็นเธอ (2017), Unrequited Love รักข้างเดียวที่หวายหนาน (2021), Go Go Squid 2 Dt.AppleDog’s Time (2021) เป็นต้น มารับบทนำคู่กับจางจิ้งอี๋ (Zhang Jingyi) นางเอกจากเรื่อง Fall in Love เพียงรักแรกพบ (2021), ซีรี่ย์จีนแนวรักวัยรุ่น Lighter&Princess ไฟแช็กกับชุดเจ้าหญิง (2022), Bright Eyes in the Dark อุ่นหัวใจด้วยไฟรัก (2023) ฯลฯ

Blossoms in Adversity ฮวาจื่อ บุปผากลางภัย 惜花芷

Will Love in Spring ในวันที่รักผลิบาน

Will Love in Spring ในวันที่รักผลิบาน ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกที่ดัดแปลงบทจากนิยายจีนชื่อดังของเส่อมู่ซือ (She Mu Si) โดยพระเอกได้หลี่เซี่ยน (Li Xian) จากเรื่อง Go Go Squid! นายเย็นชากับยัยปลาหมึก, Meet Yourself ณ ที่สายลมรักพัดผ่าน (2023) มาประกบคู่กับโจวอวี่ถง (Zhou Yutong) จากเรื่อง Begin Again รักกันนะคุณสามี (2020), Nothing But You สายตาบอกว่ารัก (2023) ฯลฯ ร่วมกันบอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่เคยเกเร แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิตเขาก็ได้กลายเป็นศัลยแพทย์ และได้เจอกับเพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนพิการ แต่ก็ต่อสู้ดิ้นรน ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต ทั้งสองคนได้อยู่เคียงข้างกัน เข้าใจ เคารพซึ่งกันและกัน

Will Love in Spring ในวันที่รักผลิบาน 春色寄情人

In the Name of the Brother ฮาร์บิน 1944

ซีรี่ย์จีนแนวพีเรียด In the Name of the Brother ฮาร์บิน 1944 ที่บอกเล่าเรื่องราวในช่วงสมัยที่กำลังทำสงครามกับญี่ปุ่นก่อนจะได้รับชัยชนะ โดยมีซ่งโจวเหวิน เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพรรคคอมมิวนิสต์ที่แอบเข้าไปในกลุ่มสายลับพิเศษของกรมตำรวจฮาร์บิน และถูกหัวหน้าแผนกสายลับพิเศษ กวนเสวี่ย เข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ โดยซ่งโจวเหวินต้องผ่านด่านความเคลือบแคลงใจของกวนเสวี่ยกว่าจะได้รับความไว้วางใจจากเธอและเจ้าหน้าที่อาวุโสของญี่ปุ่น เพื่อขัดขวางและนำประเทศสู่ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ โดยนางเอกได้หยางมี่ (Yang Mi) ซุปตาร์ตัวแม่จากเรื่อง Swords of Legends มหัศจรรย์กระบี่จ้าวพิภพ (2014), The Interpreter (2016), Eternal Love สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ (2017) ฯลฯ มารับบทคู่กับนักแสดงจีนรุ่นพี่ ฉินฮ่าว (Qin Hao) จากเรื่อง The Song of Glory เพลงรักเพชฌฆาต (2020), The Bad Kids มุมที่ซ่อนอยู่ (2020) ฯลฯ

In the Name of the Brother ฮาร์บิน 1944 哈尔滨一九四四 - ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024

Young Babylon วัยกล้าท้าฝัน

ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก/วัยรุ่น Young Babylon วัยกล้าท้าฝัน ที่สร้างจากนิยายในชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียนลู่เน่ย (Lu Nei) โดยบอกเล่าเรื่องราวของคนหนุ่มสาวในช่วงยุค 90 ที่กำลังวิ่งตามความรัก มิตรภาพ ความฝัน และค่อยๆ เติบโตขึ้น ในเรื่องนี้ได้นักแสดงจีนชื่อดังหลายคนมารวมตัวกันในเรื่องเดียว นำทีมโดยโหวหมิงฮ่าว (Hou Minghao) จากเรื่อง When We Were Young ฝันรักวัยเรียน (2018), A Girl Like Me ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ (2021) ฯลฯ, หยางไฉ่อวี้ (Yang Caiyu) จากเรื่อง Like a Flowing River (2020-2024), เซี่ยงหานจือ (Xiang Hanzhi) นักแสดงจีนวัยรุ่นจากเรื่อง Forever Love บอกว่ารักแล้วไม่คืนคำ (2021), Our Times ฝันเหนือกาลเวลา (2021) ฯลฯ

ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 - Young Babylon วัยกล้าท้าฝัน 少年巴比伦

Lady Revenger Returns From the Fire อุปสรรคร้ายนำพารัก

ซีรี่ย์จีนต้องเก็บประจำเดือนเม.ย.2024 ปิดท้ายด้วย Lady Revenger Returns From the Fire อุปสรรคร้ายนำพารัก ซีรี่ย์จีนแนวย้อนยุคที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลัวอ้ายเหลียน ที่ถูกลอบฆ่าและกลายมาเป็นเสิ่นตันชิง หญิงสาวที่มีความสามารถในการต่อสู้ โดยเธอค่อยๆ แอบตามสืบและล้างแค้นคนที่วางแผนทำร้ายเธอ ในระหว่างนี้เธอได้พบกับสวีเฉิงเฟิง ที่แม้แรกเริ่มจะต่างฝ่ายต่างสงสัยและไม่ไว้วางใจกัน แต่พวกเขาก็ค่อยๆ เรียนรู้กันและไว้ใจกัน จนกลายเป็นความรักในที่สุด โดยในเรื่อง Lady Revenger Returns From the Fire นางเอกได้สวีลู่ (Xu Lu) จากเรื่อง Destiny’s Love (2019), Sunshine of My Life รักกันเมื่อวันฟ้าใส (2021), Love Scenery ฉากรักวัยฝัน (2021) ฯลฯ ส่วนพระเอกได้เว่ยเจ๋อหมิง (Wei Zheming หรือ Miles Wei) จากเรื่อง Perfect And Casual ลุ้นรักคู่รักกำมะลอ (2020)Unforgettable Love รักนี้ไม่ลืมเลือน (2021) ฯลฯ มารับบท

Lady Revenger Returns From the Fire อุปสรรคร้ายนำพารัก 披荆斩棘的大小姐

รูปจาก : 哈尔滨一九四四/春色寄情人官微/电视剧惜花芷/电视剧承欢记/少年巴比伦官方微博/披荆斩棘的大小姐官微

เรื่องโดย : Lizhu

อัพเดตข่าวบันเทิงจีน ซีรี่ย์จีน ดาราจีนได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

8 นักแสดงจีนที่เกิดหลังปี2000 ผู้เตรียมสานต่อความปังในวงการบันเทิงจีน!

มัดรวบ 10 ซีรี่ย์จีนไตรมาสแรกปี2024 พลาดเรื่องไหนรีบตามเก็บด่วน!

ย้อนรอย 6 ซีรี่ย์จีนของหลินเกิงซิน หลังคัมแบ็คในรอบ 2 ปี!

The Best Thing ซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติกเคมีปังของจางหลิงเฮ่อ-สวีรั่วหาน!

4 นางเอกจีนฮอตเสิร์ชเดือนมี.ค. 2024 การันตีความมาแรงของ 4 ซีรี่ย์จีน!

ตามรอยซีรี่ย์จีน Ode To Joy ทั้ง 5 ภาค เหล่าซุปตาร์จีนแน่นตาแตกทุกภาค!

2 ซีรี่ย์จีนของYOUKU ที่ทำประเด็นร้อนทะลุหมื่นในไตรมาสแรกปี 2024!

6 จุดเช็กอินย่านปทุมวัน เอาใจสายอาร์ต-สายถ่ายรูป

account_circle
event

ย่านปทุมวันนับเป็นย่านใจกลางเมืองที่มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เพราะเป็นย่านที่ผสานความทันสมัยเข้ากับคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจ จะเห็นได้ชัดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาต่างๆ ที่ตั้งสลับกับศูนย์การค้าชั้นนำและตึกรามบ้านช่องหลายรูปแบบ ทำให้ปทุมวันเป็นย่านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความชอบหลากหลาย ไม่ว่าจะสายช้อป สายกิน สายมูย่านนี้ก็มีให้ครบ และสำหรับวันนี้เป็นคิวของสายอาร์ต สายถ่ายรูปที่เราจะพาไปเช็กอิน 6 สถานที่ย่านปทุมวัน รับรองว่าได้เสพงานศิลป์แบบจุใจแถมได้รูปสวยๆ กลับบ้านไปแน่นอน

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เริ่มจากที่แรก หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ หอศิลปกรุงเทพ บอกเลยว่าเดินทางสะดวกมากๆ เพราะมาลงสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เดินออกทางออก 3 ก็สามารถเข้าหอศิลป์จากสกายวอล์คได้เลย

หอศิลปกรุงเทพเป็นแหล่งรวมนิทรรศการศิลปะที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ตัวอาคารมีความสูงทั้งหมด 9 ชั้น บริเวณชั้น 1-6 จะมีทั้งงานศิลปะติดเรียงรายตามผนัง ห้องนิทรรศการ ร้านค้าหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านกิฟท์ช็อปที่ขายของที่ระลึกแบบไทยสไตล์ รวมไปถึงตู้สติ๊กเกอร์น่ารักๆ ก็มี ส่วนชั้น 7-9 จะเป็นโซนนิทรรศการหลักที่จะจัดนิทรรศการหมุนเวียนไปตามแต่ละช่วงเวลา

ตัวอาคารออกแบบมาให้ดูโปร่ง สบายตา แถมมีงานศิลปะหลายสไตล์จากศิลปินมากหน้าหลายตา เรียกได้ว่าเดินผ่านตรงไหนก็ถ่ายภาพออกมาสวยทุกมุม หรือจะเดินชมนิทรรศการเพลินๆ ก็ได้เสพงานศิลป์ทั้งไทยทั้งเทศแบบเต็มอิ่มแน่นอน

เข้าชมฟรี *บางจุดอาจไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ กรุณาตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

เปิดทำการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ 10.00 – 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์ วันหยุดปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์)

ที่ตั้ง : บริเวณสี่แยกปทุมวัน ตรงข้าม MBK Center 

Facebook : Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

Instagram : @baccbangkok

TikTok : @baccbangkok_

X : @baccnews

YouTube : baccchannel

Website : bacc.or.th

บ้านแสนแสบ

ทางเข้าร้านฝั่งติดคลองแสนแสบ

ไปกันต่อที่บ้านแสนแสบ คาเฟ่สุดชิคริมคลองแสนแสบที่ห่างจากหอศิลปกรุงเทพแค่ 400 เมตร เดินเลียบถนนพญาไทแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเกษมสันต์ 1 ใช้เวลาเดินแค่ 5-6 นาทีเท่านั้น ก็จะเจอคาเฟ่แห่งนี้เลย ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดำ ครีม น้ำตาล มาในสไตล์ลอฟท์เปิดให้เห็นปูนเปลือย เสาและคาน ให้ความรู้สึกดิบ เท่ แต่ผสานด้วยความสดชื่นผ่อนคลายจากสีเขียวของต้นไม้ที่ตกแต่งไว้รอบร้าน ไม่ว่าจะแชะภาพมุมไหนก็ได้รูปสุดชิคกลับไปแน่นอน

เมนูของร้านมีหลากหลาย ทั้งขนม กาแฟ ชา โทนิค แฟรบปูชิโน่ คนไม่ดื่มนมก็สามารถเลือกเป็นโอ๊ตมิลค์หรือนมถั่วเหลืองได้ นอกจากนี้ทางร้านยังมีพื้นที่ให้ศิลปินหรือบุคคลทั่วไปมาเช่าพื้นที่จัดงานได้ ทำให้บ้านแสนแสบมีนิทรรศการศิลปะ อีเวนต์ต่างๆ หมุนเวียนมาจัดที่ร้านอยู่เรื่อยๆ ใครเป็นสายอาร์ตหรือสนใจงานด้านนี้ติดตามช่องทางโซเชียลของร้านเพื่ออัปเดตข่าวสารการจัดงานไว้เลย!

เปิดทำการ : ทุกวัน 08.00 – 18.30 น.

ที่ตั้ง : ติดคลองแสนแสบ 20/2 ซอยเกษมสันต์ 1

*หากต้องการติดต่อเช่าพื้นที่ หรือ งานนิทรรศการต่างๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 

Email : [email protected]

Instagram : @baansaensaep

LINE : baansaensaep

Tel : 06-2606-7482

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน

ถัดจากบ้านแสนแสบ สามารถออกทางหลังร้าน เดินเลียบคลองแสนแสบไปทางซ้ายมือประมาณ 3-4 นาทีก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักชื่อ “จิม ทอมป์สัน” กันดีในฐานะแบรนด์ผ้าไหมไทยที่ก่อตั้งโดย เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน สถาปนิกและนักธุรกิจชาวอเมริกันที่ชื่นชอบการสะสมศิลปะ หลังการหายตัวไปของทอมป์สัน บ้านเรือนไทยของเขาก็ได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงงานศิลปะของเอเชีย ทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม และของสะสมอื่นๆ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของไทย

ภายในพิพิธภัณฑ์มีไกด์ภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และจีน นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยสุดหรู และร้านจิม ทอมป์สัน ที่มีสินค้าครบครันให้ช้อปกันก่อนกลับอีกด้วย

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 บาท

ผู้เข้าชมอายุต่ำกว่า 22 ปี 100 บาท (ต้องแสดงบัตร)

เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีที่มาพร้อมผู้ใหญ่ เข้าฟรี

เปิดทำการ : ทุกวัน 10.00 – 18.00 น. มีไกด์พาทัวร์รอบสุดท้ายเวลา 17.00 น.

ที่ตั้ง : ติดคลองแสนแสบ 6 ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 

Facebook : Jim Thompson House

Website : jimthompsonhouse.com

Dragon Town

Dragon Town

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่อยู่ไม่ไกลจากถนนบรรทัดทอง แหล่งตระเวนกินที่อินเทรนด์สุดๆ ในช่วงนี้ ตัวโครงการออกแบบตกแต่งในสไตล์จีน-โปรตุเกส ผสานความเป็นเอเชียและยุโรปได้อย่างลงตัว นับว่าเป็นอีกโครงการที่น่าสนใจมาก เพราะมีทั้งศาลเจ้าจีน ร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่หลากหลาย ซึ่งแต่ละร้านก็ตกแต่งได้เข้ากันดีกับคอนเซ็ปต์ของโครงการ

ด้านในมีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ ชั้นบนของ Dragon Town เปิดพื้นที่ให้ถ่ายรูปแบบจุใจ และใครที่อยากได้ฟีลท่องยุทธภพเต็มรูปแบบ ในโครงการก็มีร้านเช่าชุดจีนให้บริการ ลองเช่าชุดมาเดินเที่ยว เดินถ่ายรูปกันก็ได้บรรยากาศน่าสนใจไปอีกแบบนะคะ

ที่ตั้ง : 88/74 ซอยจุฬาฯ5 

Facebook : Dragon Town ดราก้อนทาวน์

Instagram : @dragontown_th

X : @DragonTown5

Chula Art Town

กราฟิตีในโซนสวนหลวง รหัส SL002

ข้ามมาสายสตรีทอาร์ตกันบ้าง คอกราฟิตีต้องเลิฟกับ Chula Art Town โครงการที่เกิดจากความร่วมมือของคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท อุไรพาณิชย์ จำกัด และศิลปินสตรีทอาร์ตทั้งไทยทั้งเทศ มาเนรมิตให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่งรวมกราฟิตีเท่ๆ มากกว่า 40 ผลงาน

ความสนุกของ Chula Art Town คือการได้เดินสำรวจตามหางานศิลป์ที่ซ่อนอยู่ตามอาคารต่างๆ ในย่านสวนหลวง สามย่าน และสยามสแควร์ เป็นเหมือนมิชชันหนึ่งสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินห้าง มาตามหากราฟิตีสวยๆ ไปพร้อมกับสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ทำให้ย่านนี้สมกับชื่อ Art Town อย่างแท้จริง

แผนที่สำหรับเช็กอินแต่ละจุด : https://art4c.org/map/

Lido Connect

Lido Connect

หลังจากเก็บภาพกราฟิตีสวยๆ ตามอาคารบ้านช่องจนหนำใจแล้ว ก่อนขึ้น BTS กลับ ขอชวนทุกคนมาแวะ Lido Connect อีกหนึ่งสถานที่ทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะของเมืองไทย เพราะในอดีตที่นี่คือโรงภาพยนตร์ลิโด โรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนสุดคลาสสิคซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งแฮงก์เอาต์สำหรับคนหลากสไตล์ หลายเจเนอเรชัน เพิ่มเติมคาเฟ่ สตูดิโอ ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย แฟลกชิปสโตร์ของ Sculpture Bangkok บริการตู้ถ่ายรูปสุดฮิตก็อยู่ที่นี่ มีสถานที่ให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงผลงาน ทั้งจัดนิทรรศการ จัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์อีกมากมาย

ทั้งนี้ในส่วนของภาพยนตร์ก็ยังมีฉายเหมือนเดิม บรรยากาศของสถานที่หรือแม้แต่ตั๋วภาพยนตร์ยังคงดีไซน์สุดคลาสสิกให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปในอดีต ใครที่สนใจสามารถติดตามกำหนดฉายภาพยนตร์กับกำหนดการงานอีเวนต์ของ Lido Connect ไว้เลยค่ะ

เปิดทำการ : ทุกวัน 10.00 – 22.00 น.

ที่ตั้ง : ใกล้กับสถานี BTS สยาม ทางออก 2

Facebook : Lido Connect

Instagram : @lidoconnect

TikTok : @lidoconnect

X : @LidoConnect

YouTube : Lido Connect

Website : lidoconnect.com

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Jim Thompson House

Text : Nattakarn Saekhoo

อ่านบทความไลฟ์สไตล์เพิ่มเติม

แจกไอเดียตะลุยภูเก็ต ดื่มด่ำศิลปวัฒนธรรม สัมผัสเสน่ห์ทะเลใต้ ลิ้มรสอาหารไทยอร่อยเลิศ

ชวนรู้จักนอร์วีเจียนซาบะ พร้อมแจกสูตรอาหารไทยจากเชฟจิ๊บ Hell’s Kitchen Thailand

สยาม ทาคาชิมายะ

คอลเล็กชั่นล่าสุด เอ็กซ์คลูซีฟเจแปนแบรนด์จากสยาม ทาคาชิมายะ

Alternative Textaccount_circle
event
สยาม ทาคาชิมายะ
สยาม ทาคาชิมายะ

ส่องไอเทมสุดฮอตกับคอลเล็กชั่นล่าสุด เอ็กซ์คลูซีฟเจแปนแบรนด์จากสยาม ทาคาชิมายะ ห้างญี่ปุ่นหนึ่งเดียวในไทย ณ ไอคอนสยาม

สยาม ทาคาชิมายะ ตอกย้ำความเป็นหนึ่งเดียวของห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นขนานแท้แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม ขอชวนทุกคนมาส่องไอเทมสุดฮอตสู้กับอากาศที่ร้อนระอุกับคอลเล็กชั่นล่าสุด Spring-Summer 2024 จาก 5 Exclusive Brands ส่งตรงจากญี่ปุ่น ให้สาวๆ สายแฟ(ชั่น) ได้หยิบจับมามิกซ์แอนด์แมทช์อัพลุค พร้อมเพิ่มความสนุกสดใสไปกับซัมเมอร์นี้อย่างมีสไตล์

สยาม ทาคาชิมายะ

เริ่มจาก SNIDEL (สไนเดล) แบรนด์สตรีทแฟชั่นขวัญใจวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่ขนไอเทมตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ไปจนถึงเครื่องประดับ มาอัปเดตให้แฟนประจำของแบรนด์ได้ช้อปก่อนใคร โดยคอลเล็กชั่นนี้มาในคอนเซ็ปต์ “Airly V ibrant” ความมีชีวิตชีวาที่แสนบางเบา สีสันที่เน้นถึงท้องฟ้าที่โปร่งไสว และสีอ่อนๆ ของสีชมพูปะการัง โดดเด่นด้วยการใช้วัตถุดิบจากผ้าโปร่ง มอบความเคลื่อนไหวที่สุดแสนจะบางเบา ผสานการใช้งานของผ้าจับจีบ และริบบิ้นมอบลุคที่ดูสามมิติ ถึงแม้ว่าจะมอบอารมณ์ที่ดูนุ่มนวลและเป็นเด็กสาว แต่ยังคงสะท้อนให้รูปแบบที่ดูแข็งแกร่ง สรรค์สร้างแสงเงาที่ดูสง่างามแถมมอบความเรียบง่าย สบายๆ เมื่อสวมใส่

 FRAY I.D (เฟรย์ ไอดี) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไฮสตรีทแฟชั่นที่เน้นกลุ่มวัยรุ่นและความทันสมัยตามเทรนด์แฟชั่น คอลเล็กชั่นใหม่ “อารมณ์ที่เงียบสงบ” (Serenity Mode) นี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ผสานความนุ่มนวล เพิ่มสัมผัสแห่งความสง่างามด้วยผ้าลูกไม้ ลวดลายปัก และเส้นสายที่ละเอียดอ่อน ในขณะที่การออกแบบเผยให้เห็นความทันสมัยน่าหลงใหล ด้วยเทคนิคการนำผ้าเนื้อโปร่งบางเบา มารวมเข้าไว้ด้วยกันกับเส้นด้าย สร้างลุคที่เตะตา และถือเป็นการผสมผสานกันของอารมณ์และความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้คุณสาวๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สง่างาม

สยาม ทาคาชิมายะ

Double Standard (ดับเบิล สแตนดาร์ด) แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าที่ผสมผสานสไตล์ที่หลากหลายทั้งโมเดิร์นและคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกัน ส่ง “Ocean Reflection” หรือ “แสงสะท้อนแห่งมหาสมุทร” มาอวดโฉมเป็นผลงานคอลเล็กชั่นใหม่ประจำซีซั่นนี้ โดยเอาแสงระยิบระยับเหนือพื้นผิวทะเลมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกผ่อนคลาย โดยนำลวดลายที่ส่องสว่างกับพื้นผิวของวัสดุมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่น เดนิมฟอก ลูกไม้ ผ้าโปร่งย้อมสี และเลื่อมระยิบระยับมาออกแบบเป็นไอเทมที่รีแล็กซ์แต่แฝงด้วยความเปรี้ยวขาดใจ

ต่อด้วยกระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ดังจากอิตาลีที่ได้รับความนิยมสุดๆ ในญี่ปุ่น ANTEPRIMA (แอนทิพรีม่า) กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการนำเส้นลวดชนิดพิเศษซึ่งมีความนิ่ม ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา มาถักด้วยมืออย่างประณีต จนกลายเป็นไอเทมสุดฮิต มาพร้อมคอลเลคชั่น “Game On!” ที่ได้แรงบันดาลใจจากเกมสุดคลาสสิคที่ผสานกลยุทธ์และทักษะเข้าไว้ด้วยกัน จับเอาความสุข สนุกสนานและความตื่นเต้นของวัยเด็ก เชิญชวนให้เรากลับมาค้นหาความสุขที่แสนเรียบง่ายอีกครั้ง ด้วยรูปแบบหรือแพทเทิร์นที่โดดเด่นที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับองค์ประกอบของเกม และสีสันที่สดใสมีชีวิตชีวา เลเยอร์ที่โปร่งใส บางเบาอย่างที่สุด

สยาม ทาคาชิมายะ

ปิดท้ายด้วย MAISON MAVERICK PRESENTS (เมซง มาเวอริค พรีเซ้นต์) มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นำสีสันใหม่มาเพิ่มความสดใสให้คอลเล็กชั่นล่าสุด รองเท้า “The Maverick” เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สาวๆ พลาดไม่ได้ ด้วยดีไซน์กึ่งสปอร์ตผสมกับรองเท้าส้นสูงที่ดูหรูหราในรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ MAVERICK เพิ่มลุคเก๋ด้วยการสวมใส่พร้อมถุงเท้าคู่สวย จะยิ่งทำให้คุณสาวๆ ดูโดดเด่นกว่าใครแน่นอน

มาร่วมอัปเดตคอลเล็กชั่นใหม่มาแรงของเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์จากญี่ปุ่นที่มีอีกมากมายกว่า 10 แบรนด์ดัง อาทิ Ball & Chain, A-Jolie, Viva Heart, Tranoi, และ Goddess กันได้แล้ววันนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม เพียงที่เดียวเท่านั้น สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-011-7500 หรือ Facebook: SIAM Takashimaya

สยาม ทาคาชิมายะ
Emma Clinic

คุณหมอหนึ่ง Emma Clinic คุณหมอมาแรงแห่งปี 2024

Alternative Textaccount_circle
event
Emma Clinic
Emma Clinic

พูดคุยแบบเจาะลึกถึงการออกแบบทรงจมูกเฉพาะบุคคลกับ “คุณหมอหนึ่ง“ Emma Clinic คุณหมอมาแรงแห่งปี 2024 เพื่อมาอัพเดทเทรนด์จมูกในปีนี้

“เสริมจมูก” เป็นคำค้นหาลำดับต้นๆ ในเสิร์ชเอนจิน เนื่องจากสาวไทยหลายคนอยากเพิ่มมิติให้ใบหน้า จึงเลือกที่จะเสริมจมูก แต่ปัจจุบันแค่รูปทรงที่โด่งขึ้นอาจยังไม่ตอบโจทย์ สุดสัปดาห์ จึงต้องขอพูดคุยกับ คุณหมอหนึ่ง นพ.อนันต์ จึงสุวัฒนานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจมูกเฉพาะบุคคลที่ EMMA CLINIC คลินิกเจ้าของรางวัล The Best Rhinoplasty Design of 2023 เพื่อมาอัพเดทเทรนด์จมูกในปีนี้ พร้อมเผยวิธีเลือกรูปทรงจมูกให้เข้ากับใบหน้า

…ใครอยากดูดีขึ้นในแบบฉบับของตัวเองตามมาพบกับความรู้และคำแนะนำสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากคุณหมอหนึ่งกันค่ะ

Emma Clinic
นพ.อนันต์ จึงสุวัฒนานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจมูกเฉพาะบุคคล
ที่ EMMA CLINIC

เทรนด์ความงามปี 2024 : เน้นความกลมกลืน-สวยในแบบฉบับของตัวเอง
ขอเริ่มต้นกันที่เรื่องเทรนด์ความงามในยุคนี้ก่อนเลย ซึ่งคุณหมอหนึ่งอัพเดทว่า “ภาพรวมเทรนด์ความงามปัจจุบันจะนิยมทำศัลยกรรมเพื่อให้สวยขึ้นแต่ยังคงความเป็นตัวเอง เช่น ไม่ได้คิดว่าต้องทำจมูกโด่งที่สุด พุ่งที่สุด คางต้องยาวที่สุด ต้องแหลมที่สุด แต่จะมองถึงความกลมกลืนมากขึ้น มีความละมุนขึ้น มองการทำสวยที่เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนมากขึ้น อาจจะด้วยในยุคนี้คนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการศัลยกรรมมากขึ้นด้วยครับ
“เมื่อมีผู้รับบริการเข้ามาปรึกษา เราจะมีการพูดคุยกันในแต่ละเคส สอบถามข้อมูลจากเจ้าตัวด้วยว่ามีแบบที่ชอบ หรือมีทรงในใจไหม และแพทย์จะตรวจประเมินโครงสร้างใบหน้าว่าสามารถเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อหาตรงกลางที่สุด ทั้งความคาดหวังและสิ่งที่ทำได้”
สำหรับเรื่องนวัตกรรมในการเสริมจมูกนั้น คุณหมอหนึ่งอธิบายว่า “จริงๆ เทคนิคมีตั้งแต่แบบ Open และแบบปิด แต่ว่าเทคนิคปิด ปัจจุบันมีมากขึ้น ในส่วนของวัสดุที่ใช้รองปลายจมูก แต่ก่อนจะใช้กระดูกหลังหู หรือว่าเนื้อเยื่อก้นกบ ทำให้คนไข้ต้องเจ็บตัว 2 จุด พักฟื้นนาน แต่เดี๋ยวนี้มีพวกเนื้อเยื่อเทียมขึ้นมาทดแทน ซึ่งช่วยลดจุดที่ต้องทำการผ่าตัด
“ในแง่ของความปลอดภัย จริงๆ แล้วการเสริมจมูกด้วยเทคนิคในสมัยก่อนกับปัจจุบันมีความปลอดภัยไม่ต่างกัน แต่ผู้รับบริการมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น เริ่มรู้จักเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เลือกแพทย์อย่างพิถีพิถันมากขึ้น ไม่ใช่ดูจากรูปรีวิวอย่างเดียว ทำให้ตัวเขามีความปลอดภัยมากขึ้นไปด้วย รวมทั้งเริ่มมีความเข้าใจแล้วว่า การทำจมูกที่โด่งมากเกินไปหรือพุ่งมากเกินไปก็อาจทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง เช่น ทะลุ อักเสบ ฯลฯ เมื่อเขาเข้าใจว่าความโด่งประมาณไหนพอดีกับเนื้อจมูก หรือเนื้อจมูกของเขาทำสูงที่สุดได้แค่ไหน ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาดังที่เล่าไป ซึ่งสมัยก่อนจะไม่ใช่แบบนี้เลยครับ”

Emma Clinic

ทำจมูกที่ EMMA Clinic แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร

  • ความปลอดภัยคือ Priority

“ในการเสริมจมูก เราจะเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่เสริมให้ฝืนเนื้อ กับบางเคสที่ทำด้วยเทคนิคปิดแล้วไม่ปลอดภัย เราจะแจ้งกับคนไข้ตรงๆ เลยว่า ทำไม่ได้นะ ไม่ควรทำ และจะแนะนำวิธีอื่น เทคนิคอื่นที่ปลอดภัยกับตัวเขามากกว่าเพื่อเป็นทางเลือก” คุณหมอหนึ่งย้ำจุดยืนเรื่องความปลอดภัยซึ่งเป็นหลักการทำงานที่ Emma Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

  • แนะนำเทคนิคที่เหมาะสม

ส่วนเทคนิคการเสริมจมูก คุณหมอบอกว่าที่นี่มีครบทุกแบบ ทั้ง Closed Technique, Semi-Open Technique และแบบ Open Technique โดยแพทย์จะประเมินดูว่าเทคนิคแบบไหนเหมาะกับคนไข้ ขณะที่ Closed Technique เป็นเทคนิคที่คุณหมอทำมากที่สุด

ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่ปัญหาของคนไทยจะเป็นในเรื่องที่ “ขาด” มากกว่า “เกิน” ต่างจากทางฝั่งยุโรปที่มักมีปัญหาจมูกโด่งเกินไปหรือมีปมกระดูกสูง ในการตัดสินใจมาทำจมูกของคนไทยจึงมักเป็นการเพิ่มความสูงมากกว่า และ Closed Technique ราคาไม่แพง พักฟื้นไว แก้ไขปัญหาของคนไทยได้ตรงจุดประมาณ 80-90% ส่วนที่เหลือนอกจากนี้คือเคสที่ต้องทำเป็นเทคนิค Semi-Open Technique หรือแบบ Open Technique

สำหรับเทคนิค Closed Technique ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมนั้น คุณหมอหนึ่งให้ความรู้เพิ่มเติมว่า “เทคนิค Closed Technique เป็นการเสริมจมูกแบบปิด โดยแพทย์จะใช้ซิลิโคนแท่งเป็นตัวเสริม และมีการรองตรงส่วนปลายจมูกด้วยวัสดุต่างๆ อย่างเช่นเนื้อเยื่อเทียม กระดูกหลังหู หรือเนื้อเยื่อหลังหู ตามความเหมาะสม เทคนิคนี้จะช่วยแก้ไขให้ทรงจมูกดูเรียวขึ้น มีความพุ่งขึ้น ได้มิติขึ้น แต่ถ้าหากผู้รับบริการมีปัญหาเรื่องแกนจมูกเอียงมาก หรือเนื้อน้อยมาก ก็อาจจะต้องเลือกเป็นเทคนิคอื่น เช่น Open Technique หรือเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดเพื่อแก้โครงสร้างจมูก ซึ่งสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ การเสริมจมูกแบบปิดก็ถือว่าตอบโจทย์แล้ว”

Emma Clinic

การออกแบบจมูกเฉพาะบุคคล

ในส่วนของการดีไซน์จมูกในแต่ละบุคคล คุณหมอหนึ่งเล่าว่า “อันดับแรกต้องดูเรื่องของเนื้อจมูกก่อน ว่าเนื้อของเคสนั้นๆ เพิ่มความโด่งขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนเพื่อไม่ให้ทำมากเกินไปแล้วเกิดปัญหาตามมาภายหลัง แล้วก็ดูตรงช่วงสัน เพื่อให้รับกับบริเวณหน้าผาก ซึ่งหน้าผากของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ เลยก็คือจะไม่ให้สูงมากเกินไป สูงที่สุดก็คือเสมอกับหน้าผาก ซึ่งแบบนี้จะเป็นทรงสายฝ. แต่ถ้าอยากได้หวานก็จะดร็อปลงมานิดหนึ่งเพื่อให้มีสโลปตรงช่วงหัวตา ให้ดูหวานขึ้น เป็นแนวสายเกา ส่วนของปลายเราจะดีดขึ้น เพื่อยกให้ดูเรียวขึ้น อาจจะมีทิ้งหยดน้ำเล็กๆ แต่ว่าไม่ให้เยอะจนเกินไป และจะดูภาพรวมให้กลมกลืนเหมาะกับใบหน้าของเคสนั้นๆ ด้วย”

คำแนะนำสำหรับคนที่กังวลเรื่องจมูก

  • การประเมินเบื้องต้นด้วยตัวเอง

เราเชื่อว่าคนที่มีความกังวลก็มักจะโฟกัสกับส่วนนั้นๆ เวลาที่ส่องกระจก ซึ่งคุณหมอหนึ่งได้ให้คำแนะนำง่ายๆ สำหรับคนที่กังวลเรื่องจมูกและอยากประเมินเบื้องตเนด้วยตัวเองอย่างน่าสนใจว่า

“เบื้องต้นสามารถส่องกระจกดูได้เองคร่าวๆ ว่าแกนจมูกเอียงไหม รูจมูกสองข้างไม่เท่ากันหรือเปล่า หรือถ้าอยากดูว่าหากเสริมจมูกจะทำได้แค่ไหน ให้ลองหยิบเนื้อตรงบริเวณช่วงระหว่างตาขึ้นมา แล้วดูว่าความยืดที่หยิบได้มากน้อยแค่ไหน คนที่หยิบได้เป็นแค่หนังบางๆ จะไม่แนะนำให้เสริมด้วย Closed Technique รวมทั้งกลุ่มที่มีปัญหาแกนจมูกเอียงมากก็ไม่แนะนำเช่นกัน เพราะจะไม่ปลอดภัย แต่ถ้าไม่ชัวร์หรือตัดสินใจแล้วว่าอยากทำจริงๆ แนะนำให้เข้ามาตรวจที่คลินิกเพื่อให้แพทย์ประเมินอีกครั้ง แต่การประเมินด้วยตัวเองมาเบื้องต้นจะช่วยให้เข้าใจและมีความคาดหวังที่ไปกันได้กับเนื้อจมูกของตัวเอง เมื่อปรึกษาพูดคุยกับแพทย์จะเห็นภาพในทิศทางเดียวกันได้ดีขึ้น”

ส่วนเรื่องทำจมูกตามเทรนด์ คุณหมอหนึ่งมองว่าควรทำให้เหมาะกับตัวเองมากกว่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เทรนด์จะเปลี่ยน แต่ถ้าทำให้เข้ากับหน้าเราจะอยู่ได้ยาวนาน ไม่ต้องแก้ไขตามเทรนด์บ่อยๆ

Emma Clinic

เลือกคลินิกให้ปลอดภัย+ทำในเวลาที่เหมาะสม

“อันดับแรกต้องหาข้อมูลว่าแต่ละคลินิกมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จากนั้นดูว่าคลินิกที่เราชอบจดทะเบียนถูกต้องไหม มีมาตรฐานความปลอดภัยและชื่อเสียงที่เชื่อถือได้ไหม นอกจากนี้ควรศึกษาว่าเทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกแบบต่างๆ แตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้มีความรู้เบื้องต้นก่อนพูดคุยกับแพทย์ สามารถซักถามได้ละเอียดและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญแนะนำให้ดูเรื่องรูปทรง รีวิวผลงานของแต่ละคลินิกว่าชอบสไตล์ จากนั้นค่อยเจาะลงไปว่าแบบที่เราชอบเป็นผลงานของแพทย์ท่านไหน” คุณหมอแนะนำพร้อมทิ้งท้ายถึงช่วงอายุที่เหมาะสมในการเสริมจมูกว่า

“ต้องยอมรับว่าสมัยนี้คนเริ่มทำจมูกเร็วขึ้นคล้ายๆ เกาหลีที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มที่จะเข้าใจและยอมรับการศัลยกรรมได้มากขึ้น บางเคสก็เป็นการให้รางวัลอย่างหนึ่ง เช่น ให้ทำก่อนเข้ามหาวิทยาลัย แต่ถ้าให้แนะนำควรเสริมจมูกในช่วงที่กระดูกเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว คืออายุประมาณ 18 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่วงที่เรียนจบมัธยมพอดี แต่ถ้าเป็นเคสที่อายุน้อยกว่านี้แต่ต้องใช้หน้าตาในการทำงานจริงๆ หมอจะแจ้งตามตรงว่ามีโอกาสที่กระดูกจะเติบโตกว่านี้และทรงจมูกอาจเปลี่ยนแปลงนะ และต้องมีการยินยอมของผู้ปกครองร่วมด้วย ซึ่งที่ EMMA CLINIC กลุ่มหลักที่เข้ามาทำจมูกจะเป็นวัย 18 ปีขึ้นไป ทั้งวัยรุ่น วัยเริ่มทำงาน หรือเพิ่งเรียนจบ ซึ่งที่นี่มีการเสริมจมูกในทุกเทคนิคซึ่งแพทย์จะแนะนำแบบที่เหมาะสม รวมทั้งมีหลายช่วงราคาสำหรับผู้รับบริการกลุ่มต่างๆ หากสนใจสามารถมาปรึกษาแพทย์ก่อนได้ครับ”

บอกเลยว่าการพูดคุยกับคุณหมอหนึ่ง EMMA CLINIC นั้น ทำให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับการทำจมูกเพียบ ทั้งเรื่องของเทคนิค เทรนด์ ทัศนคติ ความปลอดภัย ไปจนถึงเทคนิคการเลือกสรรสิ่งที่เหมาะกับเรา เชื่อว่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่สนใจ ซึ่งหากอยากได้ข้อมูลที่มากขึ้นทั้งในเรื่องการทำจมูกและเสริมความงามอื่นๆ หรือดู Reference สวยๆ เพิ่มเติม สามารถตามไปดูได้ที่ emmaclinicthailand.com หรือเข้าไปปรึกษาแพทย์ได้ที่ EMMA CLINIC ทั้ง 3 สาขา

Emma Clinic

EMMA CLINIC

  • สาขาพระราม 2 โทร 064 192 2823
  • สาขาลาดพร้าว โทร 063 394 7492 ต่อ 3
  • สาขาอโศก โทร 095 746 2823

กิน ฟิน ดื่ม: ร้านดังห้ามพลาดและรสชาติความอร่อยที่ต้องชิมเมื่อได้ไปนิวซีแลนด์

account_circle
event

นอกจากประเทศนิวซีแลนด์จะขึ้นชื่อในเรื่องของทิวทัศน์ที่มีความงดงามแล้ว เกาะใต้แห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งอาหารที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของความสดใหม่จากท้องถิ่นที่พร้อมเสิร์ฟให้นักชิมจากทั่วโลกได้ลิ้มลองอีกด้วย จากวัตถุดิบลับรสชาติล้ำไปจนถึงเหล่าร้านอาหารที่ได้รับรางวัลที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้กับวงการอาหาร ทำให้นิวซีแลนด์ถือเป็นหมุดหมายของนักชิมจากทั่วโลกที่จะมาเพื่อเปิดประสาทสัมผัสแห่งความอร่อย

คู่มือพาชิมในประเทศนิวซีแลนด์

●      ลิ้มรสความอร่อยฉบับดินแดนกีวี่

●      เหล่าร้านดังต้องโดน ประสบการณ์แห่งรสชาติ

●      ร้านลับประจำถิ่น

●      แหล่งไวน์ที่ควรใส่ไว้ในลิสต์

ลิ้มรสความอร่อยฉบับดินแดนกีวี่

เมื่อนึกถึงอาหารนิวซีแลนด์ ก็ต้องนึกถึงวัตถุดิบท้องถิ่นที่เป็นไฮไลท์ของเกาะที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยถึงโต๊ะอาหารของคุณ ทั้งอาหารทะเลสด ๆ จากน้ำทะเลใสสะอาดของมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมกับเนื้อแกะฉ่ำ ๆ ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีบนทุ่งหญ้าเขียวขจี ปรุงแบบฮังกิ (Hāngī) หรือหลุมอบใต้ดิน วิธีปรุงอาหารจากชนเผ่าเมารี (Māori) ที่มอบรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิมที่ยากจะลืมเลือน

ร้าน Ada, โอ๊คแลนด์ (Auckland)

ร้านอาหาร Ada ตั้งอยู่ในโรงแรม The Convent Hotel พร้อมเชิญชวนให้แขกเหรื่อได้เพลิดเพลินไปกับอาหารอิตาเลียนชั้นเลิศ โดยเพิ่งเปิดตัวเมนูใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบของชาวเมารี เทคนิคการทำอาหารและสำรับอาหารแบบดั้งเดิมแบบฉบับอาวเตอารัว (Aotearoa) ร้านอาหาร Ada พร้อมเสิร์ฟเมนูที่สะท้อนความเข้มข้นและหลากหลายของประเทศนิวซีแลนด์ได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่สปาเก็ตตี้ Alla Creamed Pāua (หอยเป๋าฮื้อ) ไปจนถึงหมูสามชั้นอบเสิร์ฟคู่กับมูสมันฝรั่ง ที่ถูกปรุงในเตาอบดินแบบฮังกิ (Hāngī)

ร้าน Frank’s Oyster Bar & Eatery, มาร์ลโบโรห์ (Marlborough)

หอยแมลงภู่ปากเขียว ไม่ว่าจะนึ่งกับไวน์ขาวและกระเทียม จะอบหรือจะชุบแป้งทอดก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูแสนอร่อยที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อได้ท่องเที่ยวไปยังประเทศนิวซีแลนด์ และหากต้องการลิ้มลองรสชาติหอยและอาหารทะเลแบบสด ๆ ล่ะก็ ร้าน Frank’s Oyster Bar & Eatery จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน จุดหมายความอร่อยนี้ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองเบลนเนม (Blenheim) ที่มีอาหารจานเด็ดมากมายรอให้คุณได้ลิ้มลอง โดยทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่สดใหม่ พร้อมให้คุณดื่มด่ำความอร่อยอย่างแท้จริงของเมือง มาร์ลโบโรห์ (Marlborough) ท่ามกลางบรรยากาศที่ทั้งมีชีวิตชีวาและแสนผ่อนคลาย

ร้าน Paua Barn Cafe & Bar

ทริปในฝันของเหล่านักผจญภัยที่รักการกินหลายท่าน คงเป็นการได้ไปไคคูร่า (Kaikoura) เมืองชายทะเลอันเงียบสงบและสวยงามที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch) เพื่อชิม Pāua แสนอร่อย หรือ หอยเป๋าฮื้อชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้นกันแบบสด ๆ ใช่ไหม? หากทริปนี้คือการเดินทางที่คุณตามหา ร้าน Paua Barn Cafe & Bar คาเฟ่และบาร์ที่ทำการตกแต่งด้วยสไตล์โพลีนิเซียนและโอบล้อมทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาแห่งนี้ก็พร้อมให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเมนู Pāua รสชาติอร่อยสดชื่น อาหารรสชาติดีอีกหลายเมนู ตบท้ายด้วยไวน์ดี ๆ สักแก้ว ทั้งอิ่มทั้งฟินในที่เดียว

ร้าน Ahi, โอ๊คแลนด์ (Auckland)

ตั้งอยู่ ณ ใจกลางเมืองโอ๊คแลนด์ (Auckland) สุดคึกคัก ร้าน Ahi พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์สดใหม่ของประเทศนิวซีแลนด์ให้กับผู้ทานในทุกจาน ด้วยเมนูอาหารนิวซีแลนด์แบบต้นตำรับที่เน้นชูความออร์แกนิกของวัตถุดิบท้องถิ่นและรสชาติที่เข้มข้น ซึ่งปลูกโดยชาวนิวซีแลนด์ด้วยระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู สดใหม่ปลอดสาร พร้อมลดการทำลายระบบนิเวศ มาถึงประเทศแห่งไวน์ทั้งที ก็ต้องห้ามพลาดจับคู่มื้ออร่อยของคุณไปกับลิสต์ไวน์ที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี ยกระดับความอร่อยแบบชาวนิวซีแลนด์แท้ ๆ ขึ้นไปอีกขั้น

ร้าน Pātaka Kai, เทปูเอีย (Te Puia), โรโตรัว (Rotorua)

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ร้านอาหาร Pātaka Kai ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับความอร่อยพร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมทางอาหารและเครื่องดื่มอันยาวนานของชนเผ่าเมารี(Māori)ผ่อนคลายท่ามกลางทิวทัศน์ที่ถูกรายล้อมหุบเขาที่เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนที่ยังคงมีไอพวยพุ่งขึ้นมาเป็นระยะ โดยเฉพาะบ่อน้ำพุร้อน Pōhutu อิ่มอร่อยไปกับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันสไตล์ฮังกิ (Hāngī) ที่ยกขบวนความอร่อยแบบผสมผสานระหว่างอาหารเมารี (Māori) และอาหารนานาชาติมาอย่างครบครัน หรือจะดื่มด่ำไปกับบุฟเฟ่ต์อาหารเย็นสไตล์ฮังกิ (Hāngī) ที่เต็มไปด้วยรสชาติของความสดใหม่ ทั้งอาหารทะเลสด ๆ สลัดต่าง ๆ บรรดาเนื้อสัตว์สุดชุ่มฉ่ำ ตบท้ายด้วยเมนูของหวานของชาวกีวี่ อย่าง พาฟโลวา (Pavlova) และอีกหลายเมนูให้คุณได้ลิ้มลอง

เหล่าร้านดังต้องโดน ประสบการณ์แห่งรสชาติ

ร้าน Rātā, ควีนส์ทาวน์ (Queenstown)

ประเดิมสุดยอดแห่งประสบการณ์ด้วย ร้านอาหารสุดหรูอย่าง Rātā ผลงานของเชฟ Josh Emett เชฟมิชลินสตาร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและ Fleur Carltonเจ้าของภัตตาคารชื่อดังในท้องถิ่น ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับธรรมชาติของพันธุ์ไม้ป่าพื้นเมือง โดยมีทิวทัศน์อาคารประวัติศาสตร์ของประเทศเป็นฉากหลัง ซ่อนตัวอยู่ ณ ใจกลางเมือง ควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ที่ไม่เคยหลับไหล ความโดดเด่นของเมนูที่ร้าน Rātā คือการใช้ผลผลิตท้องถิ่นอันสดใหม่ มายกระดับเป็นเมนูอาหาร 3 คอร์ส ประกอบไปด้วย เมนูชีส Goat Cheese Profiteroles เมนูเนื้อ Glazed Wakanui Beef Cheek และไวน์ลูกแพรร้อนโฟมซินนาม่อน หรือจะลิ้มลองเมนูอื่น ๆ พร้อมจับคู่มื้ออาหารของคุณกับไวน์จากภูมิภาคโอทาโก (Otago) หรือไวน์ชื่อดังจากทั่วทั้งนิวซีแลนด์

ร้าน Amisfield Bistro & Cellar Door, ควีนส์ทาวน์ (Queenstown)

ร้าน Amisfield Bistro & Cellar Door สามารถผสมผสานระหว่างดีไซน์ความเรียบง่ายของธรรมชาติแบบ Rustic อย่างหินและไม้ ให้เข้ากับเมนูสุดล้ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยั่งยืนของเชฟ Vaughan Mabee จากการสั่งสมประสบการณ์ทางอาหารมาจากโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์กได้อย่างลงตัว เมื่อรวมเข้ากับบรรยายกาศความงดงามสุดฮีลลิ่งของทะเลสาบเฮย์ส ทิวเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และเมนูรสเลิศอย่าง เนื้อแกะทอดฉ่ำๆ จับคู่กับไวน์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) หรือไวน์ชั้นเยี่ยมที่กลั่นอยู่ไม่ไกล อย่าง ไวน์รีสลิ่ง (Riesling) และ ปิโนต์ กรี (Pinot Gris) ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยกระดับประสาทสัมผัสของนักชิมจากร้านนี้จึงเรียกได้ว่าคุ้มค่าน่าลิ้มลองอย่างปฏิเสธไม่ได้

ร้าน The Grove, โอ๊คแลนด์ (Auckland)

การันตีความอร่อยระดับโลก The Grove ติด 1 ใน 25 อันดับ ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกแห่งปี 2023 จาก TripAdvisor Travellers’ Choice โดยนำเสนอเมนูอาหารร่วมสมัยแบบ 8 คอร์สประกอบไปด้วยความอร่อยของอาหารนิวซีแลนด์สไตล์โมเดิร์นตามฤดูกาลที่มาจากฟาร์มรายย่อยของท้องถิ่น “โดนัทกุ้งเครย์ฟิช” หนึ่งในจานซิกเนเจอร์ของร้านที่สร้างสรรค์โดยเชฟ Cory Campbell อดีตเชฟร้าน Noma โคเปนฮาเกน ร้าน Vue de Monde ในเมลเบิร์น และร้าน Kokomo ประจำฟิจิ ที่ผสมผสานรสชาติสุดกลมกล่อมของอาหารคาวกับแป้งนุ่มๆ ได้อย่างลงตัว ความชิคของการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้เงา บรรยากาศความอบอุ่น และการตกแต่งภายขยายความกว้างขวางให้ร้าน ยิ่งเป็นการเชิญชวนให้นักชิมจากทั่วโลกได้มาลิ้มลองอาหารจับคู่กับไวน์ชั้นดีที่คัดมาอย่างพิถีพิถัน ชูความโดดเด่นของวงการไวน์ในประเทศนิวซีแลนด์ได้เป็นอย่างดี

ร้าน Jervois Steak House, โอ๊คแลนด์ (Auckland)

สเต็กเฮ้าส์ชื่อดังของ Simon Gault กรรมการรายการแข่งทำอาหารระดับโลกอย่าง Masterchef และหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ของ Nourish Group พร้อมนำเสนอความอร่อยของชนบทไว้อย่างเต็มจาน เริ่มตั้งแต่การตกแต่งภายในด้วยไม้และอิฐ ไปจนถึงการเลือกสรรทั้งเนื้อสัตว์และอาหารทะเลคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ร้าน Jervois Steak House พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบเต็มคำในทุกเมนูไม่ว่าจะเป็น สเต็กทาร์ทาร์ สเต็กแกะ สเต็กเนื้อ และหอยเชลล์ตัวอวบ พร้อมเมนูอื่นอีกมากมาย

ร้าน The Shed at Te Motu, เกาะไวเฮเกะ (Waiheke Island)

พักผ่อนจากความเร่งรีบและวุ่นวายของการใช้ชีวิตในเมืองพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบของร้าน The Shed at Te Motu ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นสุดโรแมนติกและทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขาวันแทงกิ (Onetangi) พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารท้องถิ่นในไร่ไวน์ โดยจะมีเมนูตามฤดูกาลจากผลผลิตของคนในพื้นที่ รับประกันความสดใหม่ให้ทุกจานและเส้นทางการชิมอาหารที่ไม่เหมือนใคร ในบางฤดูคุณอาจได้พบกับเมนูขนมปังซาวโดวจ์มันฝรั่ง Franco (Franco’s potato sourdough) เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย จานหลักที่มีให้เลือกสรรสำหรับทั้งคนทานเนื้อและมังสวิรัติ ปิดท้ายความอร่อยด้วยเมนูขนมหวานแสนอร่อย

ร้านลับประจำถิ่น

เบเกอรี่ Fairlie Bakehouse, แม็คเคนซีย์ (Mackenzie)

หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่แม็คเคนซีย์ (Mackenzie) เมนูขายดีหมดไวอย่าง “พาย” ไม่ว่าจะเป็น พายหมูสามชั้นอบ หรือพายแอปเปิ้ล จากร้านเบเกอรี่ Fairlie Bakehouse ถือเป็นของอร่อยที่นักชิมห้ามพลาด! โดยร้านตั้งอยู่ศูนย์กลางของเขตเกษตรกรรม ทำให้ขนมปังทุกชิ้นถูกอบสดใหม่ด้วยวัตถุดิบประจำฤดูกาลสุดพรีเมี่ยมจากฟาร์มของคนในพื้นที่

เบเกอรี่ Harbour Street Bakery, ไวทากิ (Waitaki)

ไม่ว่าคุณจะอยากเติมพลังให้กับเช้าอันสดใส หรือตบท้ายมื้ออาหารด้วยขนมแสนอร่อย เบเกอรี่ที่ร้าน Harbour Street Bakery ก็พร้อมตอบโจทย์นักชิมในทุกมื้อ เพื่อสร้างสรรค์ขนมอบหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขนมปังซาวโดวจ์ไปจนถึงโครนัทลูกผสมแสนอร่อยระหว่างครัวซองต์และโดนัท ที่อบสดใหม่จากวัตถุดิบจากฟาร์มท้องถิ่น ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ห้ามพลาดหากได้มีโอกาสไปเมืองโออามารุ (Ōamaru)

ร้าน Nins Bin, ไคคูรา (Kaikōura)

หากต้องการทานอาหารทะเลที่สดเหมือนเพิ่งตกมาจากทะเล ร้าน Nin’s Bin อาจเป็นคำตอบของคนรักซีฟู๊ด ร้านลับนี้ ตั้งอยู่ทางเหนือของทางหลวงหมายเลข 1 ห่างไปประมาณ 20 นาที ลองจินตนาการถึงอาหารทะเลสด ๆ หวาน ๆ จากแหล่งการเพาะเลี้ยงที่ยั่งยืนจากประเทศนิวซีแลนด์ ปรุงอย่างพอดีด้วยน้ำแร่จากธรรมชาติเพียงเล็กน้อย เรียกได้ว่าพร้อมเสิร์ฟความสดจากทะเลท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งริมชายฝั่งแบบฟิน ๆ

คาเฟ่ Cafe 35, อ่าวโทโคมารู (Tokomaru Bay)

มาถึงอ่าวโทโคมารู (Tokomaru Bay) ทั้งทีต้องชิมพายหอยเป๋าฮื้อ Paua ในตำนานของ Cafe 35 ลองจินตนาการถึงหอยสด ๆ แป้งพายบางกรอบที่สอดไส้ด้วยครีมหอยเป๋าฮื้อหอมมัน อร่อยเพลินทุกคำ บอกเลยว่าชิ้นเดียวก็ไม่พอ คาเฟ่ Cafe 35 นี้ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 35 มีบริการอาหารถึง 3 มื้อทั้ง อาหารเช้า บรันช์ และอาหารกลางวัน

ร้านปลา Mangonui Fish Shop, มังกานุย (Mangōnui)

ร้านปลาลับเก่าแก่เริ่มเสิร์ฟปลาสดๆ ที่เพิ่งตกได้จากเรือหาปลามาตั้งแต่ปี 1950 ถือเป็นอีกหนึ่งร้านลับดินแดนกีวี่ที่นักชิมไม่ควรพลาด โดยร้านอาหารตั้งอยู่บริเวณท่าเรือในหมู่บ้านนักตกปลา อาจมีโอกาสได้เห็นปลากระเบนหรือปลาโลมาที่คอยเวียนว่ายรอชิมปลาแสนอร่อยด้วยเช่นกัน ภายในร้านเป็นครัวเปิดจึงสามารถรับชมการเดินทางของอาหารจากทะเลสู่จานได้แบบเพลิน ๆ ตลอดทั้งมื้ออาหารของคุณ

แหล่งไวน์ที่ควรใส่ไว้ในลิสต์

ไร่ไวน์ Batch Winery, เกาะไวเฮเกะ (Waiheke Island)

ไร่ไวน์ Batch Winery ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของไร่องุ่นบนเกาะไวเฮเกะ พร้อมให้คุณเพลิดเพลินไปกับอาหารกลางวันและจิบน้ำชายามบ่าย ท่ามกลางทิวทัศน์อันตระการตาของริมชายฝั่งที่ทอดยาวตั้งแต่โคโรมันเดล (Coromandel) ไปจนถึง        โอ๊คแลนด์ (Auckland) พร้อมด้วยไวน์ชั้นเยี่ยมหลายชนิด ที่จะมอบประสบการณ์แห่งรสชาติอันไม่รู้ลืมให้กับผู้ที่ได้มาเยือน

ไร่ไวน์ Mission Estate Winery, อ่าวฮอว์ค (Hawke’s Bay)

ไร่ไวน์ Mission Estate Winery เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1851 ณ อ่าวฮอว์ค (Hawke’s Bay) และถือเป็นโรงกลั่นไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตของนักร้องและนักดนตรีชื่อดังระดับโลกมากมาย อาทิ Sting Sir Rod Stewart และ Sir Elton John นอกจากนี้ยังมีการปลูกองุ่นชั้นดีหลายสายพันธุ์ ทั้ง องุ่นชาร์ดอนเนย์ แมร์โล คาเบอร์เน่ต์ โซวีนยอง และชีราส ยิ่งไปกว่าไวน์ชั้นดีจากที่ไร่แล้ว ไร่ไวน์ Mission Estate Winery ยังสามารถดึงดูดผู้คนด้วยประสบการณ์การทานอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น การชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเขา Te Mata เป็นต้น

ไร่องุ่น Cloudy Bay, มาร์ลโบโรห์ (Marlborough)

ตั้งอยู่ในเมืองมาร์ลโบโรห์ (Marlborough) ภูมิภาคผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์และแหล่งผลิตไวน์โซวินญง บลอง (Sauvignon Blanc) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไร่องุ่น Cloudy Bay ถือเป็นหมุดหมายที่เชิญชวนผู้ที่ต้องการดื่มด่ำกับประสบการณ์ส่วนตัวสุดพิเศษได้เป็นอย่างดี เพราะที่นี่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการเดินเยี่ยมชมไร่ Estate Vineyard พร้อมกับไกด์ หรือจะเป็นการลิ้มลองรสชาติของมื้ออาหารสุดพิเศษท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงาม สำหรับสายผจญภัยก็สามารถล่องเรือข้ามน่านน้ำ มาร์ลโบโรห์ ซาวด์ (Marlborough Sounds) อันเงียบสงบบนเรือยอทช์สุดหรูสูง 54 ฟุต เป็นการสัมผัสประสบการณ์แห่งความหรูหราที่ผสมผสานกับความงามตามธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของภูมิภาคได้อย่างลงตัว

ไร่ไวน์ Black Ridge Vineyard, เซ็นทรัล โอทาโก (Central Otago)

ขอเชิญร่วมดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การชิมไวน์ ณ  Black Ridge Vineyard โรงไวน์ที่อยู่ทางใต้สุดของโลก ตั้งอยู่ในเซ็นทรัล โอทาโก (Central Otago) ขี้นชื่อในเรื่องไวน์ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) ที่ปลูกท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น พร้อมให้คอไวน์ได้ลิ้มลองและสะท้อนถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ระดับโลก ไม่ว่าคุณจะชอบกลิ่นที่เข้มข้นหรือละเอียดอ่อน เรารับประกันว่าคุณจะได้ไวน์ที่เข้ากับรสนิยมของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไร่ไวน์ Rippon Vineyard, วานากา (Wānaka)

ไร่ Rippon Vineyard ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบวานาคา (Lake Wānaka) โอบล้อมด้วยเทือกเขาเอลป์สวยสูงตระหง่าน และมีชื่อเสียงในฐานะโรงกลั่นไวน์ที่ดีที่สุดอันดับที่ 11 ของโลก พร้อมต้อนรับผู้ที่มองหาสถานที่อันงดงามเพื่อลิ้มรสไวน์ ไร่องุ่น Ribbon นี้ใช้ระบบการเพาะปลูกแบบฟาร์มชีวจิตองค์รวม ใช้สารเคมีน้อยที่สุดเพื่อความบริสุทธ์และสะอาดขั้นสูง การันตีถึงรสชาติสุดกลมกล่อมในทุกจิบที่ได้ลิ้มลอง พร้อมฝากร่องรอยของความประทับใจให้กับผู้ได้ดื่มไวน์ไว้อย่างยาวนาน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์: บริษัท วีโร่ พับลิค รีเลชั่นส์ จํากัด

ปณิษฐินาถ เสนรัตน์ (ปาล์ม)

หมายเลขโทรศัพท์ 095-674-2913

อีเมล [email protected]

ชวนรู้จัก นอร์วีเจียนซาบะ พร้อมแจกสูตรอาหารไทยจากเชฟจิ๊บ Hell’s Kitchen Thailand

account_circle
event

สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลด้วยการจัดเวิร์กชอปร่วมกับเซเลบริตี้เชฟมากฝีมือ เชฟจิ๊บ – ชภรภัช ดาภาชุติสรรค์ ผู้เข้าแข่งขันจากรายการ Hell’s Kitchen Thailand มารังสรรค์อาหารไทยจาก “นอร์วีเจียนซาบะ” ปลาทะเลน้ำลึกจากนอร์เวย์ และได้โรงเรียนสอนทำอาหาร The Food School Bangkok มาเปิดพื้นที่ครัวดีๆ ให้กิจกรรมเวิร์กชอปสุดพิเศษ งานนี้เชฟจิ๊บนำสูตรอาหารไทยมาให้ลองทำถึง 3 เมนู พร้อมกับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ถ้าพร้อมแล้ว กดเซฟ จดสูตรไว้เลยค่ะ

นอร์วีเจียนซาบะ ต่างจากซาบะชนิดอื่นยังไง

นอร์วีเจียนซาบะ หรือนอร์วีเจียนแมคเคอเรล คือปลาแมคเคอเรลที่มีแหล่งกำเนิดจากทะเลทางตอนเหนือใกล้กับชายฝั่งประเทศนอร์เวย์ เป็นปลาที่สังเกตได้ง่ายเพราะมีลวดลายเหมือนเสือโคร่งอยู่บนหลัง ลำตัวกลมเพรียวบาง

จุดเด่นของนอร์วีเจียนซาบะคือควานแน่นของไขมันที่ให้รสสัมผัสที่ดี ความมันจะทำให้เนื้อปลายังคงความฉ่ำนุ่มแม้จะผ่านความร้อนเป็นเวลานาน การปรุงนอร์วีเจียนซาบะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเยอะเพราะเนื้อปลามีความมันในตัวอยู่แล้ว จึงเหมาะกับการนำไปปรุงเมนูเฮลตี้ จุดเด่นอีกอย่างคือนอร์วีเจียนซาบะว่ายอยู่ในน้ำลึกและเย็นจัด ทำให้ปลามีเนื้อแน่น ไม่เละ และมีรสเค็มอยู่ในตัว แค่นำไปจี่ก็รับประทานได้เลย ไม่จำเป็นต้องปรุงรสเยอะ

สูตรต้มเค็ม นอร์วีเจียนซาบะ สับปะรด

ต้มเค็มนอร์วีเจียนซาบะ ดัดแปลงมาจากเมนูปลาทูต้มเค็มที่เราคุ้นเคยกัน เมนูนี้ได้ความนุ่มฉ่ำของนอร์วีเจียนซาบะมาเสริมรสชาติ น้ำซุปหวาน เนื้อปลาฉ่ำมีรสเครื่องปรุงเข้มข้น ใส่สับปะรดที่มีเอนไซม์ช่วยให้ปลานุ่มเร็ว ทำให้เมนูนี้มีรสหวานนำ เค็มตาม และเปรี้ยวปลายที่ลงตัว

ต้มเค็มนอร์วีเจียนซาบะ

วัตถุดิบ

นอร์วีเจียนซาบะ 1 ตัว

รากผักชี 4 ราก

กระเทียม 4 กลีบ

พริกไทยดำ ½ ช้อนโต๊ะ

ขิงหั่นแว่น ประมาณ 4-5 แว่น

สัปปะรดหั่นแว่น ประมาณ 8-10 แว่น

น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำเปล่า ประมาณ 500 มิลลิลิตร

น้ำตาลมะพร้าว ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. แล่ปลาซาบะเอาแค่เนื้อปลากับหนัง แบ่งปลาเป็นสามชิ้น
  2. หั่นขิงและสับปะรดเป็นแว่น บุบรากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ
  3. เตรียมหม้อ เราจะจัดเรียงวัตถุดิบต่างๆ เป็นชั้นๆ เริ่มจากสับปะรดเป็นชั้นล่างสุด แล้วใส่รากผักชี กระเทียมที่บุบเอาไว้
  4. ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา ซีอิ๊วดำ แล้วเรียงปลาซาบะในหม้อเป็นชั้นถัดไป โดยเอาด้านหนังลง
  5. โรยน้ำตาลมะพร้าวพอประมาณ ใส่พริกไทยดำที่บุบไว้ แล้วเรียงสับปะรดปิดหน้า
  6. เทน้ำเปล่าให้ท่วมสับปะรด โรยขิงโปะหน้า
  7. เอาหม้อขึ้นเตา ตั้งไฟกลางเพื่อให้เนื้อปลานุ่มแต่ไม่แตก ตั้งไฟประมาณ 1 ชั่วโมงให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในเนื้อ
  8. พอตั้งเตาสักพักความมันของปลาจะลอยขึ้นมา ให้ช้อนฟองออกเพื่อความใสของซุป
  9. ชิมแล้วปรุงรสได้ตามชอบก่อนเสิร์ฟ

สูตรฉู่ฉี่ นอร์วีเจียนซาบะ

ฉู่ฉี่น่าจะเป็นอาหารไทยจานโปรดของใครหลายคน ด้วยรสชาติของเครื่องแกงร้อนแรง กลมกล่อม หอมกะทิ เมนูฉู่ฉี่สามารถนำไปทำกับเนื้อสัตว์ได้หลายชนิด รวมไปถึงนอร์วีเจียนซาบะเช่นกัน

ฉู่ฉี่นอร์วีเจียนซาบะ

วัตถุดิบ

นอร์วีเจียนซาบะ 1 ตัว

น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

พริกแกงแดง ตามชอบ หรือปลายช้อนโต๊ะ

หัวกะทิ 5 ช้อนโต๊ะ

หางกะทิ ตามชอบ

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

ใบมะกรูดซอย

พริกชี้ฟ้าซอย

จี่ปลา

  1. แล่ปลาซาบะเอาแค่เนื้อปลากับหนัง แบ่งปลาเป็นสองชิ้น
  2. ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ
  3. เทคนิคในการจี่ปลาคือต้องรอจนกระทะร้อนจัดถึงใส่ปลาลงไป โดยจะเอาด้านหนังลงก่อน จี่สัก 2-3 นาที หรือจนหนังกรอบค่อยพลิกปลา สำหรับเมนูนี้เราจะไม่จี่จนปลาสุกเกินไป แค่พอให้หนังกรอบ เนื้อปลาพอสุก 
  4. อีกเทคนิคการจี่ปลาหรือเนื้อต่างๆ คือการนำไปคลุกเกลือก่อน นอกจากจะเป็นการปรุงรสแล้ว ยังทำให้ปลาไม่ติดกระทะ และน้ำมันไม่กระเด็นมาหาเราเยอะด้วย

ผัดเครื่องแกง

  1. ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ
  2. ใส่พริกแกงแดงตามชอบ หรือประมาณปลายช้อนโต๊ะ ตามด้วยหัวกะทิ 5 ช้อนโต๊ะ ผัดเครื่องแกงจนสุก ถ้าครีมมี่เกินไป สามารถใส่น้ำเปล่าตามได้
  3. พอเครื่องแกงสุกค่อยเติมหางกะทิ ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมรสอย่างที่ต้องการ ให้เครื่องแกงมีรสเค็มนำ
  4. ผัดเครื่องแกงต่อจนงวด ให้เนื้อข้น ค่อยยกขึ้นจากเตา
  5. จัดจาน วางปลาที่จี่ตามด้วยราดเครื่องแกงลงไป ตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าซอย

สูตรจี่ นอร์วีเจียนซาบะ เสิร์ฟคู่กับมะยงชิดซัลซ่าและหอมสไลด์กับน้ำสลัดมะนาวและผักชี

เมนูสลัดที่ครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ได้ความหวานสดชื่นจากมะยงชิดผสานกับรสสัมผัสของนอร์วีเจียนซาบะที่มีทั้งรสเค็มและความนุ่มลิ้นของเนื้อปลา

ซาบะเสิร์ฟคู่กับมะยงชิดซัลซ่าและหอมสไลด์กับน้ำสลัดมะนาวและผักชี

วัตถุดิบ

นอร์วีเจียนซาบะ 1 ตัว

น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำปลา

น้ำมะนาว

น้ำตาลปี๊บ

มะยงชิด (ใช้มะม่วงเปรี้ยว มังคุด หรือองุ่นแทนได้)

หอมแดงไทย

พริก

มะเขือเทศเชอร์รี่

แตงกวา

ใบสะระแหน่

ผักชี

เตรียมน้ำยำ

สัดส่วนของน้ำยำ น้ำปลากับน้ำมะนาวจะต้องเท่ากัน ถ้าน้ำปลา 100 กรัม น้ำมะนาวก็ต้อง 100 กรัม ส่วนน้ำตาลปี๊บจะประมาณ 75% ของมวลรวมน้ำปลาและน้ำมะนาว หลังจากผสมน้ำยำแล้ว ลองชิมก่อนปรุงรสตามชอบ

เตรียมเครื่องยำ

  1. เตรียมมะยงชิด มะเขือเทศเชอร์รี่ หอมแดง แตงกวาในปริมาณที่พอๆ กัน
  2. ผ่าครึ่งมะยงชิดแล้วหั่นแต่ละครึ่งเป็นสามซีกตามแนวยาว ทำแบบเดียวกันกับมะเขือเทศเชอร์รี่
  3. หั่นพริกกับแตงกวาตามแนวขวาง
  4. ซอยหอมแดงกับใบสะระแหน่
  5. แล่ปลาซาบะเอาแค่เนื้อปลากับหนัง แบ่งปลาเป็นสองชิ้น
  6. จี่ปลากับน้ำมันแบบเดียวกันกับการทำฉู่ฉี่ โดยใช้ไฟกลาง น้ำมันน้อย กระทะต้องร้อน เอาด้านหนังลงก่อน จี่จนหนังกรอบค่อยพลิกปลา

ปรุงยำ

  1. ใส่น้ำยำประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
  2. เวลาทำยำต้องรู้วัตถุดิบว่าผักอะไรที่คนบ่อยๆ แล้วจะหายกรอบ เราจะใส่ผักชนิดนั้นเป็นอย่างสุดท้าย อย่างเช่นในเมนูนี้เราจะใส่หอมแดงเป็นอย่างสุดท้าย ใส่พริก มะเขือเทศเชอร์รี่ แตงกวา มะยงชิด หอมแดง ใบสะระแหน่ซอยตามลำดับ แล้วตามด้วยหอมแดงซอย
  3. เวลาชิมยำให้ชิมทั้งคำ แล้วปรุงรสตามชอบ
  4. ใส่ปลาลงไป คนเบาๆ ระวังไม่ให้เนื้อปลาเละหรือแตก
  5. นำยำจัดลงจาน ตกแต่งด้วยใบผักชี

นอร์วีเจียนซาบะ ในอาหารไทย

จากที่ได้ลองชิมนอร์วีเจียนซาบะจี่ที่ยังไม่ปรุง ขอการันตีความอร่อยของเนื้อปลาเลยค่ะ ถึงไม่ได้ปรุงก็ยังอร่อยเพราะปลามีรสเค็มในตัว ไขมันในเนื้อปลาช่วยรักษาความฉ่ำของเนื้อไว้ได้นาน ถึงจะทิ้งไว้จนเย็นแล้วเอาเข้าไมโครเวฟอีกครั้ง เนื้อปลาก็ยังฉ่ำนุ่ม ไม่กระด้าง จุดนี้ช่วยเสริมรสชาติให้อาหารไทยได้ดีเลย

เชฟจิ๊บยังแนะนำอีกว่านอกจาก 3 เมนูที่สอนไป นอร์วีเจียนซาบะยังนำไปประยุกต์กับอาหารไทยได้อีกหลายเมนู สายเฮลตี้ลองนำปลาชนิดนี้ไปนึ่งแล้วกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็น่าสนใจ เพราะกรรมวิธีนี้จะรักษาความฉ่ำของปลาไว้ในแบบที่ดีต่อสุขภาพด้วย หรือสายแซ่บจะทำยำขนมจีนด้วยนอร์วีเจียนซาบะแทนยำขนมจีนปลาทูก็ดีไปอีกแบบ ยำขนมจีนรสแซ่บคู่กับปลาฉ่ำไม่แห้ง ลองแล้วติดใจแน่นอน อย่าลืมลองไปทำกันดูนะคะ

ขอขอบคุณ ภาพบางส่วนจาก Norwegian Seafood Council

Text : Nattakarn Saekhoo

สร้างกล้ามเนื้อ ปรับบุคลิก เปิดประสบการณ์พิลาทิสกับกูรูชื่อดัง ณ The Moonlight Hall จิม ทอมป์สัน

account_circle
event

จิม ทอมป์สัน เปิดบ้านจัดคลาส Glow & Flow Pilates สร้างกล้ามเนื้อ ปรับบุคลิกกับกูรู พิลาทิส ชื่อดัง เอาใจสายรักสุขภาพให้ได้ฮีลทั้งกาย ฮีลทั้งใจในบรรยากาศสบายๆ ของ The Moonlight Hall จิม ทอมป์สัน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พิลาทิส (Pilates) เป็นเทรนด์ออกกำลังกายที่มาแรงมากๆ ในช่วงนี้ โซเชียลมีเดียแทบทุกแพลตฟอร์มต่างพูดถึงพิลาทิสกันอย่างต่อเนื่อง อย่างใน TikTok ก็มีการใช้แฮชแท็ก #pilates ไปมากกว่า 7 แสนคลิปเลยทีเดียว วันนี้สุดสัปดาห์ได้รับเชิญจากทางจิม ทอมป์สันให้ไปร่วมกิจกรรม Glow & Flow Pilates กับคุณเดือน กูรูพิลาทิสผู้ก่อตั้ง Didi Pilates Studio ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นโปร่งสบายของ The Moonlight Hall จิม ทอมป์สัน 

…งานนี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่านมาเปิดประสบการณ์พิลาทิสฉบับมือใหม่หัดเล่น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อและปรับบุคลิกไปพร้อมๆ กันค่ะ

พิลาทิส (Pilates) คืออะไร

พิลาทิส (Pilates) คือการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและยืดหยุ่นของแกนกลางลำตัว (Core Strength) ซึ่งพิลาทิสจะทำประโยชน์ให้กับร่างกายหลักๆ 3 ส่วน

1. การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching)

อาการปวดเมื่อยเป็นอีกหนึ่งตัวร้ายของชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งติดโต๊ะเป็นเวลานานๆ พิลาทิสจะช่วยให้เราได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย และลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดี

2. สร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ (Muscle Flexibility)

พิลาทิสจะช่วยให้กล้ามเนื้อของเราได้ยืดหยุ่น ทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นด้วยกล้ามเนื้อที่ผ่อนคลาย ไม่แข็งตึง

3. การควบคุมแกนกลางลำตัว (Core Strength)

หัวใจของพิลาทิสคือการสร้างความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว ทำให้เราควบคุมแกนกลางได้ดีขึ้น มีบุคลิกและบาลานซ์ที่ดี ช่วยในการออกกำลังกายอื่นๆ และทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้สมบูรณ์ขึ้น

นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพกาย พิลาทิสยังช่วยเสริมสมาธิ และปรับสมดุลของอารมณ์ได้อีกด้วย ซึ่งพิลาทิสก็มีทั้งแบบใช้อุปกรณ์ที่เล่นกับเครื่องราคาเรือนแสน และแบบไม่ใช้อุปกรณ์ที่มีแค่พื้นที่เหยียดแขนขาก็เพียงพอ อย่างในบทความนี้จะเป็นการเล่นพิลาทิสแบบไม่ใช้อุปกรณ์ เหมาะกับมือใหม่ สามารถออกกำลังกายได้แม้จะอยู่ที่บ้าน

การเตรียมตัวก่อนฝึก พิลาทิส

สำหรับมือใหม่หัดพิลาทิส ออกกำลังง่ายๆ แบบไม่มีอุปกรณ์ อย่างแรกคุณต้องมีพื้นที่มากพอที่จะเหยียดแขนขาและลำตัวได้ก่อน จากนั้นเตรียมเสื่อพิลาทิสซึ่งจะมีความหนานุ่มมากกว่าเสื่อโยคะ เพราะพิลาทิสมีท่าที่ต้องนอนลงไปกับพื้นหลายท่า เสื่อที่หนานุ่มจะช่วยซัพพอร์ตหลังได้ดี ซึ่งก็หาซื้อได้ง่ายทั้งหน้าร้านและทางออนไลน์ มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพันให้เลือกสรรตามงบ และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือถุงเท้ากันลื่นที่จะมีปุ่มบริเวณพื้นถุงเท้า ป้องกันไม่ให้เท้าและตัวไถล หรือถ้าใครอยากเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นจะเตรียมถุงมือกันลื่นไว้ด้วยก็ได้ค่ะ

วอร์มอัปกันก่อน (ท่านี้ใช้พื้นที่ไม่มาก ทำตามง่าย เหมาะกับคนที่เป็นออฟฟิศซินโดรมด้วยนะ)

Step 1:

เริ่มจากการฝึกควบคุมลมหายใจ โดยนั่งขัดสมาธิ วางมือสองข้างบนหน้าท้อง หายใจเข้าทางจมูก หายใจออกทางปาก ทำช้าๆ หายใจเข้าไม่ต้องยกไหล่ขึ้นมา

Step 2:

เอามือแตะไหล่สองข้าง หมุนไหล่ไปข้างหน้า 10 ครั้ง ข้างหลัง 10 ครั้ง พยายามตั้งหลังให้ตรง

Step 3:

นั่งขัดสมาธิ กางแขนทั้งสองออกไปด้านข้าง ตั้งฝ่ามือขึ้น แล้วหมุนแขนไปข้างหน้า 10 ครั้ง ข้างหลัง 10 ครั้ง พยายามตั้งหลังให้ตรง ลำคอตั้งตรงมองไปข้างหน้า (ใครปวดเมื่อยเวลาทำงาน ท่านี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดี สามารถนั่งทำที่โต๊ะทำงานได้เลย)

Step 4:

กางแขนทั้งสองออกไปด้านข้างให้สุด หันฝ่ามือไปด้านหน้า แล้ววาดแขนเป็นวงกลมไปด้านหน้า 10 ครั้ง ด้านหลัง 10 ครั้ง และสิ่งสำคัญคือลำตัวกับคอต้องตั้งตรง

Step 5:

นั่งพับเพียบแบบขาไม่ซ้อนกันโดยเอาขาซ้ายไว้ด้านหน้า เหยียดแขนซ้ายตรงขึ้นข้างบน จากนั้นโค้งตัวกับแขนไปด้านขวา วางศีรษะให้ตรงกับแกนกลางของร่างกาย ระวังอย่าให้คอพับ ทำ 10 ครั้งแล้วจึงสลับข้าง

5 ท่า พิลาทิส พื้นฐาน ทำง่าย-มีกำลังใจทำต่อเนื่อง

ท่า Marching Toe Taps

  1. นอนชันเข่า เข่าชิด ส้นเท้าชิด ให้หลังเราอยู่ใน neutral position คือไม่โค้งขึ้นและไม่แนบพื้น ยกขาซ้ายขึ้นมา 90 องศา ให้เข่ากับเท้าอยู่ในแนวตรง จากนั้นยกขาขวาขึ้นมาใน position เดียวกัน
  2. เอาส้นเท้าลงมาแตะพื้นแล้วยกกลับขึ้นไป โดยที่แกนกลางลำตัวไม่ขยับ 
  3. สลับข้างซ้ายขวา ข้างละ 10 ครั้ง ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

ท่า Twist

  1. นอนหงายแล้วกางมือออกด้านข้าง มือคว่ำแตะพื้น ชันเข่าขึ้นมาเล็กน้อยโดยให้เข่าชิดกัน 
  2. เอนเข่าไปแตะพื้นทางซ้ายพร้อมหันหน้าไปทางขวาจนสุด พยายามเกร็งลำตัวให้อยู่นิ่ง
  3. ทำสลับกันซ้ายขวา ข้างละ 10 ครั้ง
ท่า Twist

ท่า Swan

  1. นอนคว่ำ เกร็งท้อง เกร็งก้น เหยียดขายาว มือเท้าข้างตัว
  2. ดันลำตัวด้านบนขึ้น ศอกไม่กางออกด้านข้าง แต่จะดันไปด้านหลัง
  3. ให้ตัวด้านล่างแนบเสื่อ เปิดไหล่ ไม่ยกไหล่ ไม่แหงนคอ
  4. เกร็งค้างไว้ แล้วค่อยๆ ลดตัวลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง
ท่า Swan

ท่า Swimming

  1. นอนคว่ำ เปิดอกขึ้น ตามองตรงไปข้างหน้า
  2. ยกแขนขวาเหยียดตรงจนสุด พร้อมกับยกขาซ้ายเหยียดตรง เกร็งค้างไว้แล้ววางลง
  3. ทำสลับกัน ข้างละ 10 ครั้ง โดยค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น  
ท่า Swimming

ท่า Stretching

  1. คุกเข่าขวา เหยียดขาซ้ายไปด้านข้าง วางเข่าให้ตรงกับกระดูกข้อต่อสะโพก อย่าให้สะโพกบิดไปด้านใดด้านหนึ่ง
  2. เอามือสองข้างวางหลังหู เอียงตัวไปด้านขวา แล้วกลับมาตั้งตรง
  3. ทำซ้ำ ให้รู้สึกว่าแกนกลางมีการยืดเหยียดตลอดเวลา
  4. เมื่อครบ 10 ครั้ง สลับข้างกัน 
ท่า Stretching

ทั้งหมดนี้คือท่าพิลาทิสบางส่วนจากคลาสที่เราคัดมาแล้วว่าทำตามได้ไม่ยาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ใครที่อยากบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเพื่อสุขภาพและบุคลิกภาพ ลองจัดเวลาวันละประมาณครึ่งชั่วโมง ทำใจให้สบาย เปิดเพลงเบาๆ คลอแล้วฝึกพิลาทิสกันดูนะคะ เลือกท่าที่ง่ายและเหมาะกับตัวเรา เริ่มทำเท่าที่ไหวแล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามกำลัง เพื่อสุขภาพกายใจของเราเองค่ะ

*หมายเหตุ – ทั้งท่าวอร์มอัปและท่าพิลาทีส ควรทำเท่าที่ไหว หากท่าไหนทำไม่ได้หรือรู้สึกว่าขัดกับสรีระร่างกายให้ข้ามไป

บริหารร่างกายในบรรยากาศสบายๆ ใจกลางกรุง ณ The Moonlight Hall จิม ทอมป์สัน

สำหรับสถานที่ที่เราได้ออกกำลังกายกันในวันนี้คือห้อง The Moonlight Hall ห้องจัดอีเวนต์บนชั้น 2 ของร้านอาหารจิม ทอมป์สัน เป็นสเปซจัดงานที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบรรยากาศสงบร่มรื่น เพราะตัวฮอลล์อยู่ท่ามกลางต้นไม้เขียวขจี บ้านไทยจิม ทอมป์สัน และวิวริมน้ำที่มองเห็นได้ผ่านหน้าต่างกว้างขวางให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางกรุง เดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า จึงทำให้ที่นี่ตอบโจทย์การจัดอีเวนต์ สัมมนา และปาร์ตี้ได้หลากหลายรูปแบบ

ห้อง The Moonlight Hall ชั้น 2 ร้านอาหารจิม ทอมป์สัน

ขอขอบคุณ ภาพจาก Jim Thompson

Text : Nattakarn Saekhoo

อ่านบทความสุขภาพเพิ่มเติม

เก้า สุภัสสรา – ครูจิมมี่ ยุทธนา ร่วมแชร์แนวทางในการสร้างสุขภาวะที่ดี

สสส. ชวนคนไทยลดโซเดียม แก้ปัญหาติดเค็มระดับชาติภายในปี 68

อาจารย์เซิน

อาจารย์เซิน เผย สิ่งขัดขวาง ฮวงจุ้ยบ้านไหนทำสิ่งเหล่านี้ ต้องระวัง

Alternative Textaccount_circle
event
อาจารย์เซิน
อาจารย์เซิน

อาจารย์เซิน กิตติ์ธนิน ศีลเรืองรอง อาจารย์ซินแสผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ฮวงจุ้ย และศาสตร์จีน ชี้เป้าแอพพลิเคชั่น เช็คดวง 24 ชั่วโมง

อาจารย์เซิน กิตติ์ธนิน ศีลเรืองรอง อาจารย์ซินแสผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ฮวงจุ้ย และศาสตร์จีน อันดับต้นๆของประเทศ ประสบการณ์สูงมากกว่า 14 ปี เผยข้อห้าม เกี่ยวกับฮวงจุ้ยทางเดินภายในที่พักอาศัย บ้านไหนทำสิ่งเหล่านี้อยู่ต้องระวัง!!เตือนบ้านไหนมี “พลังชี่” น้อย จะส่งผลต่อพลังงานที่มีภายในบ้าน ชีวิตจะไม่ราบรื่น ติดขัด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ

“ลักษณะของทางเดินภายในที่พักอาศัยที่ดีควรมีพลังงาน “หยาง+” เพราะเป็นพลังงานที่ส่งผลต่อความรู้สึกของเรา และในส่วน “ประตูทางเข้าบ้าน” เปรียบเสมือนจุดรับพลังงานต่างๆ จากภายนอกเข้าสู่ภายในบ้าน ซึ่งพลังงานดังกล่าวก็คือ “พลังชี่” หากภายในบ้านมีพลังชี่น้อย ก็มักจะส่งผลให้พลังงานที่มีภายในบ้านน้อยลงตาม เพราะฉะนั้นหากประตูเปรียบเสมือนจุดเชื่อมของพลังงาน ทางเดินภายในบ้านก็เปรียบเหมือนท่อเลี้ยงพลังงานเข้าไปสู่ห้องต่างๆ นั่นเอง ดังนั้น ข้อห้าม เกี่ยวกับฮวงจุ้ยทางเดินภายในที่พักอาศัย ก็คือ 1. เลี่ยงการติดกระจกเงา 2. ห้ามวางต้นไม้ที่มีลักษณะเเหลมคม 3. เลี่ยงการวางรองเท้าขวางทางเดินเข้าบ้าน 4. ห้ามวางของที่มีน้ำหนักและขนาดใหญ่ รวมถึงของที่ชำรุด 5. เลี่ยงการติดกรอบรูปภาพที่มีลักษณะใหญ่เกินไป 6. ไม่ควรแขวนนาฬิกาไว้บริเวณโถงทางเดิน 7. เลี่ยงการทาสีบริเวณโถงทางเดินที่มีความทึบ”

นอกจากนั้น อาจารย์เซิน ยังเผยทริคดีๆ เกี่ยวกับ “พลังซี่” อีกว่า“พลังชี่ คือ พลังงานที่ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป ซึ่งพลังชี่ที่มีความอ่อนโยน มีชีวิตชีวา จะนำพาสิ่งดีๆ และพลังงานดีๆ มาให้ เมื่อมีพลังงานที่ดีทยอยเข้ามาหาเราแบบไม่ขาดสาย ย่อมทำให้ชีวิตเกิดความราบรื่น ไม่ติดขัด ทำอะไรก็สำเร็จ”

อาจารย์เซิน

ศาสตร์ฮวงจุ้ยยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุด อาจารย์เซิน จึงได้สร้างแอพพลิเคชั่น Horo Academy ขึ้นมา เสมือนมี อาจารย์เซิน อยู่ใกล้ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใน แอพพลิเคชั่น สามารถกรอก วัน เดือน ปีเกิด และเบอร์โทร พอเลือกเข้าไปที่เมนู แอพก็จะคำนวนให้เลยว่า วันนี้ของคุณได้กี่คะแนน แล้วถ้าเกิดคะแนนไม่ดี ก็จะมีคำแนะนำให้ด้วยว่าห้ามทำอะไร ซึ่งส่วนนี้จะให้ใช้บริการฟรีเลย แต่ถ้าใครที่อยากดูแบบลึกลงไปอีกก็จะมีการให้บริการเกี่ยวกับ การเช็คคะแนนดวงประจำวัน, คำแนะนำการเสริมดวง, สีเสื้อประจำวัน, Lucky score, ช่วงเวลาที่ส่งเสริมดวง , วันที่ส่งเสริมดวงประจำเดือน, เลขนำโชครายปักษ์, ภาพรวมประจำเดือน, ภาพรวมประจำปี , ภาพรวมใน 10 ปี, รู้ทิศเสริมเฮง ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ครอบคลุมมากๆ แอพพลิเคชั่น : Horo Academy สามารถเข้าไปได้ที่ Line : @AJ_ZERN และ Line:@99id หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : อาจารย์ เซิน – สร้างอาชีพ พัฒนาตัวตน  YouTube  /TikTok : อาจารย์เซิน เรื่องโหราศาสตร์ที่ทุกคนอยากรู้ มีคำตอบที่ แอพพลิเคชั่น : Horo Academy

UNIQLO x Marimekko

UNIQLO x Marimekko ฤดูร้อน 2024 ในธีม “Joyful Summer Picnic”

Alternative Textaccount_circle
event
UNIQLO x Marimekko
UNIQLO x Marimekko

ยูนิโคล่ เติมเต็มความสดใสให้ซัมเมอร์ ด้วย UNIQLO x Marimekko ฤดูร้อน 2024 คอลเลคชันลิมิเต็ดเอดิชัน ในธีม “Joyful Summer Picnic”

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก เปิดตัวคอลเลคชันใหม่ของ UNIQLO x Marimekko จากความร่วมมือกับมารีเมกโกะ (Marimekko) แบรนด์ไลฟ์สไตล์และดีไซน์เฮาส์จากฟินแลนด์ โดยคอลเลคชันลิมิเต็ดเอดิชันประจำฤดูร้อน 2024 นี้ โดยได้แรงบันดาลใจจากกิจกรรมปิกนิคที่สนุกสนานในช่วงฤดูร้อนนำเสนอไอเทมเรียบง่ายและเบาสบายจากยูนิโคล่ ที่มาพร้อมลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของมารีเมกโกะ ด้วยเสื้อผ้าที่สดใสรับซัมเมอร์ พร้อมเติมสีสันให้กับช่วงเวลาพิเศษระหว่างครอบครัว เพื่อนๆ และคนที่คุณรักให้น่าจดจำยิ่งขึ้น พร้อมวางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขา และออนไลน์สโตร์ ตั้งแต่ 10 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

UNIQLO x Marimekko

6 ลายพิมพ์ไอคอนิกจาก Marimekko

พบกับลายพิมพ์ไอคอนิกสุดสดใสรับซัมเมอร์ทั้ง 6 ลาย ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง 4 คน จากดีไซน์เฮาส์มารีเมกโกะ โดยแพทเทิร์นในคอลเลคชันนี้เป็นผลงานจากช่วงสามทศวรรษตั้งแต่ ยุค 50 ยุค 60 และ ยุค 70 ลายกราฟิกที่โดดเด่นอย่าง Melooni (เมล่อน) โดยไมยา อิโซลา และ ลาย Asema (สถานี) โดยแพนติ รินต้าที่เป็นลายเล็กๆ ซ้ำไปซ้ำมา นอกจากนี้ยังมีลาย Ruukku (กระถางดอกไม้) ซึ่งเป็นลายดอกไม้ในสไตล์ abstract ของไมยา อิโซลา เสริมด้วยลายพิมพ์ Demeter จาก คัตซึจิ วากิซากะ นอกจากลายพิมพ์ 4 ลายแรก ยังมีผลงานที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกและอารมณ์ของรินต้ากับลายคลื่น Lirinä (เสียงน้ำไหล) และลาย Galleria (แกลเลอรี่) ที่เรียบง่ายของโวคโก เอสโกลิน นูร์เมสเนียมี ซึ่งเน้นอารมณ์ความรู้สึกของคอลเลคชันนี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยลายพิมพ์ที่เต็มไปด้วยลูกเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลายดอกไม้สไตล์ abstract และลายทางที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้คอลเลคชันนี้เข้ากับฤดูร้อนได้อย่างลงตัว

UNIQLO x Marimekko

สร้างสีสันให้ฤดูร้อนด้วยชุดเดรส เสื้อยืด และเครื่องแต่งกายอื่นๆ

คอลเลคชันล่าสุดนี้มีชุดเดรสหลากสไตล์เหมาะสำหรับใส่ในช่วงฤดูร้อนพร้อมกับไอเทมต่างๆ ที่เข้าชุดกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมวกบักเก็ต กระเป๋าสะพายไหล่ รองเท้าสวมผ้าแคนวาส และเครื่องแต่งกายอื่นๆ อีกมากมาย โดยสินค้าไลน์อัพนี้มีทั้งสำหรับเด็กอ่อน เด็กโต และผู้หญิง และพบกับชุดที่เพอร์เฟคสำหรับหน้าร้อน อย่างเสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตสุดเบาสบายที่พิมพ์ลายเข้าเข้าคู่กันกับกระโปรง

คอลเลคชันลิมิเต็ด เอดิชัน UNIQLO x Marimekko ฤดูร้อน 2024 วันวางจำหน่าย: วันศุกร์ที่ 10 พฤกษภาคม 2567

  • สาขาที่วางจำหน่าย: พบกับสินค้าทั้งไลน์อัพได้ที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขา และออนไลน์สโตร์
  • เว็บไซต์พิเศษ : https://www.uniqlo.com/th/th/contents/collaboration/uniqloxmarimekko/24ss/
  • สาขาที่วางจำหน่าย : พบกับสินค้าทั้งไลน์อัพได้ที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขา และออนไลน์สโตร์

ส่อง 7 เทรนด์ธุรกิจมาแรง 2567! จับทางได้ถูก โอกาสประสบความสำเร็จสูง

Alternative Textaccount_circle
event

การเลือกประเภทของธุรกิจให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและความสนใจของผู้คน เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันความเสี่ยงที่เหล่านักลงทุนและนักธุรกิจหลายคน

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนทุกคนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” เป็นวลียอดฮิต ที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ในโลกของการลงทุนและการทำธุรกิจ เพราะการลงทุนหรือการทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ‘เงิน’ หรือ ‘ทรัพยากรที่สำคัญ’ ที่เราลงไปเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น และในขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจจะตามมา ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของตลาด ยอดขายตก ค่าโฆษณา และหากมีวิกฤตเกิดขึ้นมากะทันหัน เช่น สถานการณ์โรคระบาด หรือการที่สินค้า/บริการบางประเภทจู่ๆ ก็เอาต์ เป็นต้น

การเลือกประเภทของธุรกิจให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและความสนใจของผู้คน เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันความเสี่ยงที่เหล่านักลงทุนและนักธุรกิจหลายคนเลือกที่จะใช้ เพื่อลดความเสี่ยง พร้อมเพิ่มโอกาสให้ประสบสำเร็จ แล้วในปี 2567 นี้ควรทำธุรกิจอะไรดีที่จะมั่นใจได้ว่าตรงกับความสนใจของผู้คน? บทความนี้มีคำตอบ! เพราะเราจะพาไปส่อง 7 เทรนด์ธุรกิจมาแรง 2567 ที่ขอบอกเลยว่าเป็นเทรนด์ธุรกิจที่ผ่านการรีเสิร์ชและวิเคราะห์มาแบบแน่นๆ ทั้งจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ Shopify นักลงทุนและนักธุรกิจที่วางแผนจะลงทุน หรือทำธุรกิจของตัวเองให้ได้ผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพ ตามไปดูพร้อมๆ กันเลย

1) ธุรกิจ E-Commerce

ในยุคที่ทุกอย่างทำการซื้อขายได้เพียงแค่ปลายนิ้วและอินเทอร์เน็ต ทำให้ธุรกิจประเภท E-Commerce เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย E-commerce ธุรกิจการค้าปลีกออนไลน์ผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ยอดนิยมต่างๆ เช่น Shopee, Lazada หรือเว็บไซต์สินค้าแต่ละประเภทโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการขายของผ่าน Social Madia อื่นๆ อย่าง Facebook, Instagram และ Twitter รวมถึงการทำ Affiliate Link หรือลิงก์ช่วยขายของแพลตฟอร์มด้วย จุดเด่นของการทำ E-Commerce คือการที่ทุกอย่างจะเน้นออนไลน์เป็นหลัก สร้างรายการสินค้าและทำโปรโมชันได้ง่ายมากขึ้น ทำให้การซื้อและการปิดยอดรวดเร็ว ลดต้นทุนหน้าร้าน เข้าถึงลูกค้าได้แบบอันลิมิต ยิ่งหากมีการวางแผนและใช้ Strategy ที่แม่นยำ ยอดขายเติบโต โอกาสสำเร็จมากขึ้นแน่นอน

2) ธุรกิจเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเอง

ธุรกิจเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเอง เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสุขภาพของแต่ละคนเป็นอีกเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการทำสินค้าที่เป็นเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ การทำสปา การทำหัตถการดูแลผิวพรรณ หรืออาหารคลีน เป็นต้น โดยสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งวัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สุงอายุ และทุกๆ เพศ เพราะใครๆ ก็อยากจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง มีใบหน้าและผิวพรรณที่รู้สึกมั่นใจ เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อีกทั้งสินค้าและบริการเกี่ยวกับความงามและการดูแลตัวเอง ยังเป็นสิ่งที่ต้องมีการซื้อซ้ำ ทำซ้ำเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดีขึ้น หรือบางคนก็เป็นสายอัปเดตตามเทรนด์การแต่งตัว เมกอัปอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจสามารถสร้างฐานลูกค้าประจำที่พร้อมสนับสนุนเราไปได้ตลอดนั่นเอง

3) การโฆษณาออนไลน์

โฆษณาออนไลน์ หนึ่งในการทำ Digital Marketing ที่เป็นการทำโฆษณาที่ใช้เครื่องมือและสื่อออนไลน์ได้หลากหลายรูปแบบและหลากหลายช่องทาง ทั้งผ่าน Search Engines เช่น Google หรือ Yahoo เว็บไซต์/บล็อกต่างๆ อีเมล แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, และ Twitter (X) ใช้โฆษณาเกี่ยวกับสินค้า/บริการไปยังกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของเรา จุดเด่นของการทำโฆษณาออนไลน์ คือสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสารได้ตรงจุดมากขึ้น ทั้งยังสามารถวัดผลตอบรับและสถิติได้ในทางปฏิบัติ เช่น ยอดเข้าชม ยอดคลิกดูสินค้าหรือบริการ หรือยอดซื้อ และด้วยจุดเด่นนี้ ก็ทำให้แทบไม่มีธุรกิจไหนที่จะไม่ใช้การโฆษณาออนไลน์เลย ดังนั้นการโฆษณาออนไลน์ จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถคาดหวังผลกำไรได้ดีไม่แพ้กัน

4) การครีเอตคอนเทนต์

นอกจากการทำโฆษณาออนไลน์แล้ว สายคอนเทนต์ก็มาแรงไม่แพ้กัน ทุกๆ อย่างตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นคอนเทนต์ไปแทบทั้งหมด ทั้งนำเสนอผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Youtube, Facebook, Instagram, Twitter (X) หรือ TikTok ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นจำนวนมาก จึงมีธุรกิจที่ผลิตหรือครีเอตคอนเทนต์ขึ้น เช่น การเป็น Influencer KOL ที่มีหน้ารีวิวสินค้า/บริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมกอัป อาหาร ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ การเป็น Content Creator ที่ทำหน้าที่วางแผนคอนเทนต์ให้ตรงใจลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพียงแค่มีความคิดที่สร้างสรรค์ หรือมี Signature ในผลงานของตัวเอง ก็เป็นอีกช่องทางที่สามารถหารายได้เข้ามาได้ดีเลยทีเดียว

5) ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อ

ความเชื่อและความศรัทธานั้นช่วยส่งเสริมให้ชีวิตของหลายๆ คนดำเนินต่อไปได้ ธุรกิจความเชื่อหรือที่หลายๆ คนมักจะเรียกว่า ‘มูเตลู’ นั้นจึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หันไปทางไหนก็มักจะเห็นแต่ละคนบูชาเครื่องราง วัตถุมงคลไว้ใช้เป็นที่พึ่งทางจิตใจ บ้างก็เชื่อในเรื่องของสีมงคล สีอัปมงคล พยายามหาไอเทม หรือใส่เสื้อที่เชื่อว่าถูกโฉลกกับตัวเองติดตัวไว้เสมอ ยิ่งบางคนใช้กับตัวเองแล้วได้ผลลัพธ์ดั่งใจ ขอพรแล้วเป็นจริง ก็มักจะเกิดการบอกต่อ หรือรีวิวโดยที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อเป็นอีกธุรกิจที่กำลังมาแรงในปี 2567 นั่นเอง ทั้งนี้เรื่องความเชื่อและความศรัทธาเป็นประเด็นที่อ่อนไหว และต้องพึ่งพาหลักและศาสตร์ความเชื่อที่ถูกต้อง เช่น จากตำรา จากสถานที่ และเทวรูปที่เป็นตำนาน ก่อนจะทำธุรกิจด้านนี้ควรรีเสิร์ชและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดด้วย

6) งานดูแลผู้สูงอายุ

เชื่อว่าหลายๆ คนคงพอรู้มาบ้างว่าจากข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับประชากร ในอนาคตประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ และบ้านพักคนชราที่มีอยู่ในประเทศไทยก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุเป็นเทรนด์ธุรกิจมาแรงที่น่าจับตา มีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแค่การให้บริการที่พักอาศัย และบริการดูแลช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุด้วย เช่น อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ ยารักษาโรค หรือจะเป็นแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุก็อาจเติบโตตามไปด้วย

7) ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

หากจะพูดถึงคีย์เวิร์ดคำว่าทำธุรกิจอะไรดีที่เป็น Passive Income ลงทุนไม่กี่ครั้ง แต่สามารถรับผลตอบแทนและกำไรได้ยาวๆ จะไม่มีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์คงเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ทุกคนต้องการ หากเรามีที่ดินหรือทำเลดีๆ ไว้ในครอบครอง ก็สามารถพัฒนาที่ดินไปในรูปแบบต่างๆ พร้อมสร้างผลประโยชน์ได้ในระยะยาว เช่น ศูนย์การค้า สร้างที่อยู่อาศัยประเภทหอพัก ตึกเช่า บ้านเช่า หรือใครที่ไม่อยากเสียค่าบำรุงอาคารในอนาคต ก็สามารถหาที่ดินทำเลดีๆ เพื่อทำเป็นสถานที่จอดรถได้ โดยเฉพาะชุมชนแออัดหลายพื้นที่ในกรุงเทพ ที่มีประชากรอยู่เยอะ เป็นแหล่งทำงาน มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 7 เทรนด์ธุรกิจมาแรง 2567 ส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากเหล่านีักลงทุน หรือคนที่สนใจทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ละธุรกิจมีจุดเด่น มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับช่วงเวลาและความต้องการของผู้คนในปัจจุบัน ใครที่ยังไม่แน่ใจ หรือคิดไม่ออกว่าจะทำธุรกิจอะไรดี สามารถเอาเทรนด์ธุรกิจที่เรานำมาฝากนี้ไปใช้เป็นไอเดียได้เลย และต้องขอบอกว่า 7 เทรนด์ธุรกิจมาแรงนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ จากอีกหลายสิบ หลายร้อยธุรกิจ ใครที่อยากอ่านแนวทางธุรกิจน่าทำปี 2567 เพิ่มเติม รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่น่าสนใจด้านอื่นๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลต่อได้ที่เว็บไซต์ The Street Ratchada เว็บไซต์ที่รวมทุกเคล็ดลับและคอนเทนต์ดีๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่อย่างลงตัว

Shabu Smile

หิวตามเลย! ชาบู สไมล์ ร้านบุฟเฟ่ต์สุดฮอต

Alternative Textaccount_circle
event
Shabu Smile
Shabu Smile

แพร-พิชญ์นาฏ เกียรติวัฒนชัย เจ้าของร้าน Shabu Smile – ชาบู สไมล์ เปิดร้านต้อนรับ คอชาบูให้มาลิ้มชิมรสความอร่อยแบบถึงใจถึงอารมณ์

สุดปัง! “แพร-พิชญ์นาฏ  เกียรติวัฒนชัย” เจ้าของร้าน Shabu Smile – ชาบู สไมล์ เปิดร้านต้อนรับ คอชาบูให้มาลิ้มชิมรสความอร่อยแบบถึงใจถึงอารมณ์  กับร้านชาบูสุดเก๋ที่กลายเป็นกระแสในโซเชียล เพราะร้านนี้กินไม่หมด ไม่ปรับ แถมยังสามารถห่อกลับบ้านได้อีกด้วย

Shabu Smile

โดยร้าน Shabu Smile – ชาบู สไมล์ มีเมนูไฮไลน์เด็ด ไม่ว่าจะเป็น หมู เนื้อ ซีฟู้ด แบบอลังการ และเมนูสุดว้าว อีกมากกว่า 60 เมนู อาทิ กุ้งแกะสดๆให้ทานแบบไม่อั้น, ลูกชิ้นเน้นเนื้อแป้งน้อย, ลูกชิ้นปลาระยอง , ลูกชิ้นกุ้ง(เนื้อกุ้งล้วน) วัตถุดิบคุณภาพ สด สะอาด น้ำจิ้มเด็ด น้ำซุปกลมกล่อมให้เลือกถึง 4 แบบ งานนี้บอกได้คำเดียวว่าฟินมาก

ใครที่อยากจอยความอร่อย มาทานได้ที่ ร้าน Shabu Smile – ชาบู สไมล์ มี 3 สาขา ได้แก่ สาขา เซ็นทรัลพระราม 2 : 098-739-5833 สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต : 084-361-2066 และ สาขาเซ็นทรัล ศาลายา : 098-742-0083 ใครที่ยังไม่ได้ลองถือว่าพลาด

Shabu Smile

พัคมินยอง ออนนี่แห่งชาติ ตกแฟนไทยรอบที่ล้าน สวย จึ้ง ปังเกิน!! ใน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand

account_circle
event

ทำถึงเกินคุณน้า!! สำหรับงานแรกในการจับมือกันของ 2 ผู้จัดพาร์ตเนอร์มากฝีมือ สุดสัปดาห์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ภายใต้ Amarin Media & Event ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป และ Bee Good Entertainment ที่นำทีมโดย บอย-ปกรณ์, หน่อง-ธนา และภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ กับการพานักแสดงสาวมากความสามารถจากประเทศเกาหลีใต้ พัคมินยยอง ออนนี่แห่งชาติ ลัดฟ้ามาพบปะแฟนๆ ชาวไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ใน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand ที่จัดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ณ MCC HALL ชั้น 4 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

ขึ้นชื่อว่าครั้งแรก แน่นอนว่างานครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความ “พิเศษ” ที่ “พัคมินยอง” เตรียมเอาไว้เพื่อแฟนๆ ชาวไทย ความพิเศษแรกคือ Special Gifts ที่อัดแน่นไปด้วยของขวัญที่เธอตั้งใจทำมาอย่างดี รวมถึง Fan Benefit ที่เข้าถึงผู้ชมทุกที่นั่ง จนแฟนๆ ยกให้เป็นอีกหนึ่งงานคุณภาพ

แค่เริ่มต้นก็ทำถึงทั้งทึ่ง จึ้ง ปัง! แต่ความพิเศษที่ทำให้แฟนๆ หอบความประทับใจกลับบ้านคือ ณ เวลาต่อจากนี้ กับการเริ่มต้นของงาน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand อย่างเป็นทางการ ที่ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็มอัดแน่นไปด้วยมวลแห่งความสุข สนุก และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ที่ “พี่สาวมินยอง” หรือ “มินยองออนนี่” จัดมาเซอร์วิสแฟนๆ อย่างเต็มที่

ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการแสดง โชว์ทั้งพาร์ตการร้องและการเต้น ที่เธอทุ่มเวลาฝึกซ้อมมาเพื่อวันนี้ กับเพลง 연극 Ost. จากซีรีส์ Marry My Husband, You & Me และ Flowers ซึ่งแต่ละเพลงถือเป็นพาร์ตใหม่ๆ ที่เธอได้แสดงให้แฟนๆ ได้เห็นเป็นครั้งแรก

 

ทางด้านกิจกรรมสันทนาการ “ดีเจนุ้ย” ผู้รับมอบหน้าที่ดำเนินรายการ ก็พาแฟนๆ ขำตัวโยกกับการละลายพฤติกรรมให้ “พี่สาวมินยอง” และแฟนคลับชาวไทยได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นที่ช่วง MIN YOUNG DAY ที่เปิดด้วยการให้ “มินยองออนนี่” ได้เรียนภาษาไทยแบบเร่งรัดกับ 3 ประโยคเด็ด! “จึ้งมาก ปังมาก โฮ่งมากคุณน้า” ก่อนจะไปต่อกันที่การแชร์เรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอให้แฟนๆ ได้ฟัง จาก 3 รูปภาพที่เธอคัดมาแล้วว่าต้องแชร์! และยังปิดท้ายพาร์ตนี้กับการโชว์ร้องเพลงสุดฮิตอย่างเพลง พี่ชอบหนูที่สุดเลย (I Like You The Most) มาร้องให้แฟนๆ ฟังกันสดๆ อีกด้วย

ไปต่อกับช่วง DAY by DAY Drama ที่ “พี่สาวมินยอง” มาเล่าเกี่ยวกับเบื้องหลังผลงานซีรีส์เรื่องล่าสุดของเธอที่เรียกว่าโดนใจแฟนๆ ชาวไทยสุดๆ อย่าง Marry My Husband ซึ่งตลอดระยะเวลาในการฟังเธอเล่า แฟนๆ ต่างก็มีรีแอ็กชั่น ทั้งหวีดจนเสียงหลง ทั้งหัวเราะไปกับเรื่องราวเบื้องหลัง และยิ้มไปกับการได้เห็นถึงความพยายามเป็นตัวละครของเธอผ่านรูปภาพที่แชร์ออกมา และสำหรับพาร์ตนี้ “พี่สาวมินยอง” ยังได้สร้างความทรงจำกับแฟนๆ ด้วยการสุ่มแฟนคลับผู้มีแต้มบุญสูงสุดๆ ขึ้นมาถ่ายภาพเลียนแบบฉากต่างๆ ในซีรีส์ร่วมกันอีกด้วย

ความพิเศษที่ “มินยองออนนี่” ตั้งใจมอบให้แฟนๆ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเธอยังมีช่วง Ask About M.Y ที่เธอตอบคำถาม Q&A จากแฟนๆ ก่อนจะชวนทุกคนสนุกไปกับเกม Balance Game ที่แฟนๆ ต้องตอบคำถาม XO เพื่อทายใจเธอ จนได้ผู้โชคดีขึ้นมาร่วมถ่ายรูปกับเธอ ซึ่งตอนนี้เองที่พี่สาวมินยองได้ประจักษ์กับตนเองแล้วว่าแฟนคลับของเธอในประเทศไทย มีทุกเพศทุกวัย ทั้งแฟนบอย แฟนเกิร์ล และแฟนๆ วัยรุ่นฟันน้ำนมอีกด้วย ก็เล่นน่ารักแถมยิ้มได้ละลายใจขนาดนี้ ใครจะไปต้านความน่ารักของเธอได้ไหว

 

ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอคงเป็นคำที่แฟนๆ ชาวไทยอยากมอบให้กับสาว “พัคมินยอง” ในงานนี้ เพราะได้เห็นถึงพาร์ตความตลก น่ารัก และยังสวยสะกดสายตาแบบที่มองด้วยตาเนื้อได้เพลินสุดๆ แถมเธอยังเก่งสุดๆ ที่ทั้งสามารถร้อง เต้น ที่ทำได้ดีไม่แพ้การแสดง ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยก็ได้แสดงออกถึงความรักที่มีต่อเธอทั้งการทำ Video Fanmade และชูป้ายข้อความสุดแสนอบอุ่นให้กับเธอ

ด้านสาว “พัคมินยอง” ก็เตรียมคำขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยมาเช่นกัน เป็นข้อความที่เธอตั้งใจเขียนและนำมาอ่านให้แฟนๆ ฟังด้วยตนเอง

 

“ฉันชอบประเทศไทยมาก เพราะอบอุ่น สวยงาม และมีแต่ความสงบค่ะ ครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางมาเที่ยวแต่ฉันได้มีแฟนมีตติ้งที่เมืองไทยค่ะ ซีรีส์เรื่อง Marry My Husband มีความหมายกับฉันมากจริงๆ ค่ะ หนึ่งในนั้นคือซีรีส์จบลงอย่างสวยงาม และการที่ได้มาพบกับแฟนๆ ของฉันด้วยตัวเองนั้น ฉันก็อยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกขอบคุณและได้รับกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มากๆ ค่ะ วันนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเลยค่ะ บางทีนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ฉันรอคอยมานานแล้วก็ได้เหล่าคงอัล (Kongal) และแฟนๆ ของฉันที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ! ในอนาคตฉันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกับการแสดงในฐานะนักแสดงของฉันค่ะ เพราะคติประจำใจของฉันคือ การมอบความจริงใจอยู่เสมอ ฉันหวังว่าความจริงใจของฉันจะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างดีในวันนี้ และฉันขอฝากคำทักทายถึงทุกคนผ่านจดหมายฉบับนี้ ขอบคุณและรักพวกคุณทุกคนค่ะ”

เป็นจดหมายถึงแฟนคลับที่อ่านแล้วต้องยิ้มตาม เรียกว่าปิดท้ายงาน 2024 PARK MIN YOUNG ASIA FANMEETING [MY BRAND NEW DAY] in Thailand ได้อบอุ่นและประทับใจอย่างถึงที่สุด!

#PARKMINYOUNGinThailand #MYBRANDNEWDAYinThailand#ParkMinyoung #พัคมินยอง #박민영

#Sudsapda #AMARINMEDIAANDEVENT

สหฟาร์ม

สหฟาร์ม ส่งมอบไข่ไก่แฝด สร้างกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์

Alternative Textaccount_circle
event
สหฟาร์ม
สหฟาร์ม

สหฟาร์ม ส่งมอบไข่ไก่แฝด สร้างกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ 4 โรงพยาบาล จำนวน 2,500 แผง มอบให้แก่ 4 โรงพยาบาล เพื่อเป็นกำลังใจ

ดร. ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ เห็นความสำคัญ ของบุคลากรทางการแพทย์ โดยมอบหมายเจ้าหน้าที่สหฟาร์ม เป็นตัวแทนจัดส่งไข่แฝดสหฟาร์ม จำนวน 2,500 แผง มอบให้แก่ 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี, โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เสียสละทำงานอย่างหนักในการดูแล และรักษาผู้ป่วยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา เมื่อเร็วๆ นี้

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค

ตอกย้ำความสำเร็จแคมเปญ สำนึกซ่า กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก

Alternative Textaccount_circle
event
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ตอกย้ำความสำเร็จแคมเปญ สำนึกซ่า กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก เปิดตัวเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 1.45 ลิตร จากพลาสติกรีไซเคิล 100%

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จแคมเปญ สำนึกซ่า กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก” เดินหน้าเปิดตัวเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 1.45 ลิตร ในขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ขวด rPET 100%) เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์สุดซ่าขวัญใจวัยรุ่นที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดย ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทยถือเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายแรกที่เริ่มใช้ขวด rPET 100% ในประเทศไทย

นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในเดือนเมษายน ปี 2566 เราภาคภูมิใจที่เป๊ปซี่ เป็นแบรนด์แรกในตลาดเครื่องดื่มของเมืองไทย ที่เปิดตัวใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% โดยนำร่องด้วยเครื่องดื่มเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลขนาด 550 มล. ภายใต้แคมเปญ ‘สำนึกซ่า กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก’ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ (Virgin PET) ได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ในเดือนเมษายนปีนี้ เราจึงตอกย้ำความสำเร็จด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มเป๊ปซี่ เครื่องดื่มเป๊ปซี่ กลิ่นไลม์ และเครื่องดื่มเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล ขนาด 1.45 ลิตร ในขวด rPET 100% ซึ่งเป็นขวดขนาดใหญ่ ใช้ปริมาณพลาสติกรีไซเคิลมากขึ้น เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคสายกรีนที่นิยมการบริโภคร่วมกันในกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว ซึ่งการเปิดตัวขวด rPET 100% ของเครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 1.45 ลิตร ดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์เป๊ปซี่ เครื่องดื่มสุดซ่าขวัญใจวัยรุ่นที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นอีกก้าวสำคัญของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ที่ส่งเสริมการเก็บกลับขวด PET ใช้แล้วเพื่อนำมารีไซเคิลเป็นขวดใหม่ หรือที่เรียกว่า Bottle-to-Bottle Recycling ขับเคลื่อนการใช้บรรจุภัณฑ์แห่งความยั่งยืนให้เป็นที่นิยมในประเทศไทยต่อไป”

เป๊ปซี่

ขวด recycled PET หรือขวด rPET เป็นบรรจุภัณฑ์แห่งความยั่งยืนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศและเริ่มใช้ในประเทศไทย เพราะนอกจากจะสามารถนำมาใช้บรรจุอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยตามมาตรฐานของหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นองค์การอาหารและยาสหรัฐ (USFDA) หน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ขวด rPET ยังช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดการเกิดขยะพลาสติกได้ด้วย เพราะเป็นการนำขวดพลาสติก PET ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลหมุนเวียนเป็นขวดใหม่ใช้ได้อีกไม่รู้จบ นับเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ค่านิยมองค์กร “การเติบโตอย่างยั่งยืน” หรือ “Growing for Good” บริษัทฯ จึงส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน (Sustainable Packaging Management) ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะและบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างเหมาะสม รวมถึงการเก็บกลับขวด PET ใช้แล้วเพื่อรีไซเคิลกลับมาเป็นขวด rPET หมุนเวียนใช้ใหม่ได้ไม่รู้จบ โดยหลังจากเปิดตัวขวด rPET 100% เป็นครั้งแรกกับแบรนด์ เป๊ปซี่ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องและขยายไปยังแบรนด์ชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส ส่งผลให้ในปัจจุบัน ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขวด rPET 100% มากกว่า 10 รายการ (SKU) ขึ้นแท่นเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใช้ขวด rPET 100% มากที่สุดในตลาดเครื่องดื่มไทย เพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งเป๊ปซี่และทีพลัสซึ่งใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ทั่วประเทศ

SUQQU FOUNDATION

SUQQU ฉลองความสำเร็จของ SUQQU FOUNDATION อย่างยิ่งใหญ่

account_circle
event
SUQQU FOUNDATION
SUQQU FOUNDATION

SUQQU จัดงานฉลองความสำเร็จ ของ SUQQU FOUNDATION ผลิตภัณฑ์กลุ่มรองพื้นที่ได้รับเสียงตอบรับและมียอดจำหน่ายสูงสุดของแบรนด์ ตอกย้ำความสำเร็จแนวคิด SUQQU INNER GLOW เนรมิตผิวโกลว์ที่แตกต่าง เสริมความมั่นใจให้กับหนุ่มสาวทั่วโลก

SUQQU FOUNDATION
THE FOUNDATION และ THE LIQUID FOUNDATION จาก SUQQU

SUQQU (ซุคกุ) แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ลักซ์สุดหรูจากญี่ปุ่นที่เน้นสร้างสรรค์ความงามอย่างเป็นธรรมชาติ แสดงออกถึงตัวตนอันงดงามจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริงมาตลอด 20 ปี จัดงาน “SUQQU THE 4EVER GLOW CELEBRATION” ฉลองความสำเร็จ “SUQQU FOUNDATION” ผลิตภัณฑ์กลุ่มรองพื้นที่ได้รับเสียงตอบรับและมียอดจำหน่ายสูงสุดของแบรนด์ ได้แก่  THE LIQUID FOUNDATION รองพื้นชนิดลิควิดรูปแบบใหม่ ที่มอบความเปล่งประกายให้ผิวด้วยนวัตกรรมที่ทำให้ผงพิกเมนต์เป็นของเหลวและผสมให้เป็นรองพื้นชนิดน้ำแบบอิมัลซิไฟเออร์ และ THE FOUNDATION รองพื้นเนื้อครีมที่มอบความสมบูรณ์แบบแห่งผิว มาพร้อมกับแพ็คเกจใหม่ที่สะท้อนถึงความเรียบเนียนและผิวโกลว์

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก จุนโกะ ทะคิไร  ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด แบรนด์ SUQQU พร้อมด้วย มาซารุ ยามาโซะ เมคอัพอาร์ติสซุคกุจากประเทศญี่ปุ่น มาอัปเดตเทคนิคการแต่งหน้าโกลว์ ที่เปี่ยมความชุ่มชื้น มอบผิวสวยมีชีวิตชีวา สง่างาม และเผยศาสตร์แห่งการชะลอวัยด้วย GANKIN การนวดหน้าเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยมี อัตสึชิ ซูมิโนะ พร้อมด้วย แสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้บริหาร ซุคกุ (ประเทศไทย) ให้การต้อนรับ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพฯ สุขุมวิท เมื่อไม่นานมานี้

งานนี้ สุดสัปดาห์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับผู้บริหารของแบรนด์ถึงเทรนด์ความงามในแบบฉบับญี่ปุ่นและแบบฉบับของแบรนด์ SUQQU มาฝากผู้อ่านด้วยค่ะ

ผู้บริหารซุคกุ
ทีมผู้บริหารที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน (จากซ้าย) อัตสึชิ ซูมิโนะ, จุนโกะ ทะคิไร และแสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์

ปรัชญาความงามในแบบฉบับ SUQQU

จุนโกะ ทะคิไร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด แบรนด์ SUQQU ประเทศญี่ปุ่น“แบรนด์ SUQQU เป็นเครื่องสำอางและสกินแคร์ระดับลักซ์ชัวรี่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยนำสุนทรียศาสตร์ของญี่ปุ่นมาผสมผสานกับแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ มารังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ SUQQU ภายใต้แนวคิด The essence of living beautifully ดั่งความหมายของ SUQQU ที่มาจากคำภาษาญี่ปุ่น “sukutto’” แปลว่าการยืนตรงอย่างสง่างาม

“คุณสมบัติพิเศษ 2 ประการของ SUQQU ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ “ความงามแห่งการเคลื่อนไหว” เราสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยการคำนึงถึงความสวยงามเมื่อเคลื่อนไหว เช่น ผลิตภัณฑ์รองพื้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเราโดดเด่นด้วยความเปล่งประกายสวยงามที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และ “เงา” เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของเราจึงเน้นความเปล่งประกายมชีวิตชีวา เช่น Color Makeup ผลิตภัณฑ์แต่งหน้า พาเลทท์อายแชโดว์ และบลัชออน ที่มีเม็ดสีเข้มข้น ช่วยสร้างความสดใส ความสว่างและมิติให้ใบหน้า”

นอกจากนี้ จุนโกะ ยังได้บอกเล่าถึงการแต่งหน้าในสไตล์ญี่ปุ่นด้วยว่า “คนญี่ปุ่นจะไม่เน้นตาหรือปากเด่น แต่จะเน้นความบาลานซ์กันทั่วใบหน้า สินค้าเด่นของฝั่งญี่ปุ่นคือ อายแชโดว์ที่เน้นสีที่มีความหม่นจากส่วนผสมของสีดำเล็กน้อยเพื่อให้ลุคที่กลมกลืน รองพื้น และผลิตภัณฑ์กันแดดค่ะ”

สาธิตเทคนิคการแต่งหน้า SUQQU’s GLOW

ไอเท็มที่ฮิตที่สุดของชาวไทย

สำหรับประเด็นนี้ ไม่น่าจะมีใครรู้ลึกรู้จริงไปกว่า แสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และการตลาด แบรนด์ SUQQU ประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า

“กลุ่มผลิตภัณฑ์เด่นของ SUQQU อันดับหนึ่งคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Base Makeup ทางแบรนด์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณสมบัติที่สามารถปรับสภาพผิวตามข้อกังวลต่างๆ และรังสรรค์ผิวให้เงาสวย พร้อมส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว ได้แก่ THE FOUNDATION รองพื้นเนื้อครีมสูตรใหม่มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกำลังดีและเนียนนุ่ม แสดงออกถึงความแวววาว ในขณะที่เพิ่มความปกปิด แต่ก็กลืนกับผิวได้ดี มอบผิวสวยได้ยาวนาน ด้วยฟังก์ชันการปรับเปลี่ยนน้ำมันบนผิวเมื่อเวลาผ่านไป ให้เป็นแสงสะท้อนที่สวยงาม มอบความชุ่มชื้น ที่ไม่รู้สึกเหนอะหรือหนักผิว อุดมด้วยสารสกัด 13 ชนิดจากญี่ปุ่น ขณะที่ THE LIQUID FOUNDATION รองพื้นชนิดลิควิดซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีในประเทศไทยนับตั้งแต่เปิดตัว มีความเรียบเนียนและบางเบาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Liquid และมีความเงาคงอยู่บนผิวได้ยาวนาน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและเปล่งประกาย และมีส่วนผสมช่วยบำรุงผิวจากญี่ปุ่น 13 ชนิดเช่นกัน อีกทั้งเนื้อสัมผัสแบบลิควิดมอบความสดชื่นจึงเหมาะกับทุกฤดูกาลในประเทศไทย นอกจากนี้ไอเท็มขายดีในไทยคือลิปสติก อายแชโดว์ และบลัชออน” 

ซุคกุ
Genkin Massage ศาสตร์การนวดหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ SUQQU

20 ปี SUQQU ในประเทศไทย

อัตสึชิ ซูมิโนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ ประเทศไทย และผู้บริหาร ซุคกุ (ประเทศไทย) เผยว่า “สำหรับประเทศไทย นับตั้งแต่ก้าวแรกในปี พ.ศ.2549 ที่แบรนด์ SUQQU ได้เข้ามาส่งต่อความงามชั้นสูงแบบฉบับญี่ปุ่นให้กับชาวไทย ก็ได้เสียงตอบรับที่ดีเสมอมา โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรองพื้นของเรา กับคอนเซปต์ SUQQU’s GLOW ซึ่งรังสรรค์ผิวโกลว์สวยมีชีวิตชีวาได้อย่างเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะในเมืองไทยที่อากาศร้อน แต่เทคโนโลยีของ SUQQU ช่วยให้ผิวดูสวยงามหรูหราแม้เวลาจะผ่านไป ด้วยความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ SUQQU ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถสร้างยอดการเติบโตได้มากถึง 4 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก และ SUQQU ก็เป็นหนึ่งใน Wish list ของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเช่นกัน

“ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวดังกล่าวยังมีจำนวนน้อย แต่ SUQQU ได้รับการชื่นชมจากลูกค้าคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ถือเป็นความภาคภูมิใจและความรู้สึกขอบคุณอย่างลึกซึ้งที่ทุกท่านให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของงานฉลองในวันนี้”

ทีมผู้บริหารถ่ายภาพร่วมกับแขกที่มาร่วมงาน

ร่วมสัมผัส SUQQU แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ระดับลักซ์ชูรี่จากญี่ปุ่น ได้ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลป่าตองภูเก็ต, เซ็นทรัลภูเก็ตฟลอเรสต้า หรือ Central Online ติดตามข้อมูล SUQQU ได้ที่ www.suqqu.com และ www.facebook.com/suqquthailand

ติดตามบทความด้านสุขภาพและความงามที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

เจาะเทคโนโลยีในลิปสติกรุ่นล่าสุด Rough Star Vibrant จาก KANEBO #สวยฉ่ำไม่ตกร่อง

คนดังตบเท้าร่วมงานระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครั้งแรกของ SHISEIDO ในงาน Journey of Potential

PAYOT กลับสู่วงการ Skincare ไทยอีกครั้ง ชูผลิตภัณฑ์กลุ่ม Pâte Grise ช่วยดูแลปัญหาสิว

INGU แนะนำครีมสำหรับผิวแห้ง GREEN TEA DEEP REPAIR CREAM 

จิออร์จิโอ อาร์มานี่แต่งตั้ง JACKSON WANG เป็น GLOBAL FRAGRANCE AMBASSADOR คน

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

Sonos Era 300

Sonos Era 300 ลำโพงสุดสมาร์ทที่รองรับ Dolby Atmos ประสบการณ์เสียงเพลงสุดพรีเมี่ยม

account_circle
event
Sonos Era 300
Sonos Era 300

แนะนำ&มินิรีวิว เครื่องเสียงไลน์ใหม่จาก Sonos แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา กับ Sonos Era 300 ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นเพื่อประสบการณ์การฟังเพลงแบบพรีเมี่ยม แอปพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และรูปลักษณ์เรียบโก้ที่วางตรงไหนของบ้านก็เนี้ยบ

Sonos Era 300

พัฒนาร่วมกับโปรดิวเซอร์แถวหน้าของวงการ

สำหรับเทคโนโลยีของSonos Era 300 ถูกพัฒนาโดยโปรดิวเซอร์ที่ร่วมงานกับ The Beatles, Adele และ Rihanna ซึ่งแสดงถึงถึงการให้ความสำคัญกับประสบการณ์การฟังเพลงอย่างจริงจัง

โซนอส

ด้านใน Sonos Era 300 ประกอบไปด้วย Woofer 2 ตัว (ดอกลำโพงวูเฟอร์ ตอบสนองความถี่ได้กว้าง ตั้งแต่ 40 Hz – 2000 Hz ให้เสียงเบสที่นุ่มนวล) และ Tweeter 4 ตัว (ดอกลำโพงทวีตเตอร์ ตอบสนองความถี่สูง 2000 Hz – 20000 Hz) ถูกจัดวางอย่างเหมาะสมทั้งด้านซ้าย-ขวา ด้านหน้า และด้านบน เพื่อกระจายเสียงรอบทิศทางจากผนังถึงผนังและพื้นถึงเพดาน ทำให้รองรับเพลงในระบบ Dolby Atmos หรือระบบเสียง 3 มิติที่ถ่ายทอดเสียงได้รอบทิศทาง คือ หน้า-หลัง ซ้าย-ขวา และด้านบน จาก Apple ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังให้น่าประทับใจมากขึ้น เพราะเสียงจากลำโพงจะดัง ชัดเจน กระจายไปรอบทิศทาง และให้ความรู้สึกเหมือนว่าเสียงนั้นล้อมรอบตัวเราไว้

แอปพลิเคชั่น Sonos เติมเต็มประสบการณ์แห่งเสียง

ลำโพงตัวนี้ต้องใช้คู่กับแอปพลิเคชั่น Sonos ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากทั้ง App Store และ Play Store ก็คือใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวกทั้งระบบ Android และ IOS

การตั้งค่า

การตั้งค่าและควบคุม Sonos Era 300 นั้นต้องทำผ่านแอปฯ Sonos ซึ่งไม่ได้ยาก และใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Sonos เชื่อมต่อ WiFi เพิ่มอุปกรณ์ Sonos Era 300 เท่านี้ก็สามารถตั้งค่าและควบคุมลำโพงจากสมาร์ทโฟนได้ทันที ทั้งปรับเสียงเบส เสียงแหลม และระดับเสียง หรือจะควบคุมด้วยแผงควบคุมบนลำโพงก็ทำได้ง่าย เพราะมีทั้งแถบควบคุมเสียง ปุ่มเล่นและหยุดเพลง ปุ่มเล่นเพลงก่อนหน้า เล่นเพลงถัดไป หรือถ้าคุณมีอุปกรณ์ของ Sonos หลายชิ้นก็สามารถกดปุ่มบนลำโพงเพื่อจับกลุ่มอุปกรณ์ทั้งหมดได้ทันที

ลำโพงSonos

*(ในส่วนของความยากง่าย เรามองว่าสำหรับคนเจนใหม่หรือคนที่ชอบเทคโนโลยีอยู่แล้วน่าจะถือว่าง่ายเลย แต่สำหรับคนยุคก่อนหน้านั้นหรือไม่ถนัดเทคโนโลยีอาจจะต้องใช้เวลาศึกษานิดหน่อย แต่ไม่ถือว่ายากเกินไปเพราะหน้าตาแอปฯ ค่อนข้าง User Friendly)

ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ

ฟังก์ชั่นที่มากับลำโพงก็ตอบสนองการใช้งานหลากหลายรูปแบบ โดยสามารถใช้งานฟังก์ชั่นที่หลากหลายนี้พร้อมเพิ่มลูกเล่นผ่านแอปฯ เช่น

  • สามารถเชื่อม Era 300 2 ตัวกับลำโพง Sonos Arc หรือ Sonos Beam (Gen2) เพื่อเปิดประสบการณ์ Dolby Atmos สร้างพื้นที่เสียงครอบคลุมรอบทิศทางได้
  • เซ็ตรูปแบบการใช้งานแบบ Multi Room คือสั่งให้ลำโพง Sonos ในแต่ละจุดของบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องสันทนาการ เล่นเพลงพร้อมกัน (ในแต่ละห้องใช้ลำโพง Sonos รุ่นที่ต่างกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นเดียวกัน)
  • เปิดใช้เทคโนโลยี Trueplay ผ่านแอปฯ เพื่อวิเคราะห์พื้นที่ในห้อง ทำให้เสียงที่ออกมาเหมาะสมกับพื้นที่และดีที่สุด เพื่อให้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนก็จะได้ยินเสียงที่มีคุณภาพไม่ต่างกัน โดยมีทั้งแบบ

Quick Tuning – ให้ลำโพงปล่อยเสียงออกมาแล้วใช้ไมโครโพนในลำโพงจับเสียงสะท้อนในการปรับจูน

Advanced Tuning – ถือ iPhone หรือ iPad เดินไปรอบห้องเพื่อใช้ไมโครโฟนใน iPhone หรือ iPad จับเสียงสะท้อนเพื่อปรับจูน (คุณภาพเสียงจะเต็มประสิทธิภาพกว่า)

ลำโพงSonos

การเชื่อมต่อและการสั่งงานด้วยเสียง

ในส่วนของการเชื่อมต่อของ Sonos Era 300 สามารถทำได้ทั้งผ่าน WiFi, Bluetooth หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกผ่านช่อง USB-C ที่ให้มา และสามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Sonos Voice Control, Apple Siri และ Amazon Alexa

จากการทดลองสั่งงานผ่าน Sonos Voice Control พบว่าใช้งานไม่ยาก แค่เรียกชื่อแอปฯ Hey Sonos + คำสั่งภาษาอังกฤษที่สั้นและง่าย เช่น Hey Sonos + Play Music เพื่อเล่นเพลง, Hey Sonos + Next เพื่อเปลี่ยนเพลง และแอปฯ ฟังอังกฤษสำเนียงไทยรู้เรื่อง แค่ต้องพูดให้ชัดเจน

Sonos Era 300

การใช้งานผ่านแอปฯ สตรีมมิ่ง

นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานผ่านสตรีมมิ่งหลายเจ้าทั้ง YouTube Music, Amazon Music, Apple Music, Audible, TIDAL, Spotify, Pandora ซึ่งจะสั่งเล่นเพลงผ่านแต่ละแอปฯ สตรีมมิ่งโดยตรงก็ได้ หรือสั่งผ่านแอปฯ Sonos เลยก็ได้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่น ถ้าสั่งเล่นเพลงผ่านแอปฯ Sonos ก็จะสามารถเลือกเพลงจากหลายแอปฯ ได้พร้อมกัน ในขณะที่การสั่งจากแอปฯ สตรีมมิ่งที่คุ้นเคยก็จะใช้งานได้คล่องมือกว่าและเห็นรายละเอียดเพลงที่มากกว่า

ดีไซน์เรียบโก้ เหมาะจะเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน

ทั้งหมดนี้มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย ด้านบนเป็นแผงควบคุมลำโพงที่ดีไซน์ให้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง ส่วนด้านหลังประกอบด้วยปุ่ม Bluetooth สวิตช์เปิดปิดไมโครโฟน รูปลั๊กไฟ กับช่อง USB-C ขนาด 3.5 มม. ผิวสัมผัสลำโพงเป็นแบบแมตต์ให้ความรู้สึกเรียบหรู รุ่นนี้มี 2 สี คือ สีดำและสีขาว สามารถเลือกไปแมตช์กับมู้ดแอนด์โทนของบ้านได้ จะวางบนเฟอร์นิเจอร์ บนพื้น หรือติดผนังก็ลงตัว (มีอุปกรณ์ซัพพอร์ทการติดตั้ง เช่น ขาตั้ง ตัวยึดผนัง)

Sonos Era 300

รายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของทางแบรนด์

• มาพร้อมทวีตเตอร์ 4 ตัว (ยิงเสียงออกด้านหน้า, ซ้าย, ขวา, บน)
• วูฟเฟอร์ 2 ตัว รองรับ Dolby Atmos และ Spatial Audio จาก Apple Music
• กระจายเสียงรอบทิศทาง สร้างเวทีเสียงในรูปแบบสเตอริโอที่กว้างทั่วทั้งห้อง
• การออกแบบรูปแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อสุนทรียศาสตร์ของการฟังเพลง
• รองรับการเชื่อมต่อ Soundbar เช่น ARC หรือ Beam (Gen 2)
• รองรับการฟังเพลงจากสตรีมมิ่งมิวสิคต่างๆ ด้วยการเชื่อมต่อผ่าน Sonos app
• ติดตั้งง่าย เพียงทำตามคำแนะนำจาก Sonos app
• รับฟัง Sonos Radio เพลงดังจากทั่วโลก
• ระบบ Trueplay วิเคราะห์เสียงให้เหมาะสมกับห้อง
• การรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wifi
• รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa และ Sonos Voice Control
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, Sono Line-In Adapter (ไม่รวมในกล่อง), Apple AirPlay 2

Sonos Era 300 มาในราคา 22,900 บาท  สามารถจับจองเป็นเจ้าของลำโพงตัวท็อปจาก Sonos ได้ที่หน้าร้านและช่องทางออนไลน์ของ TC Acoustic ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ลำโพงSonos
Sonos Era 100 รุ่นเล็กของแบรนดฺ์ที่สามารถใช้เชื่อมต่อกับรุ่นอื่นๆ ผ่านแอปฯ Sonos เพื่อเพิ่มประสบการณ์การฟังที่ดี

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก Sonos

อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

รีวิวจัดเต็ม Dyson Airwrap multi-styler รุ่นใหม่ มาพร้อม 3 หัวเป่าใหม่ ต่างจากเดิมยังไง!?

Made in Singapore …ทำทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ที่สิงคโปร์ EP.1

Made in Singapore …ทำทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ที่สิงคโปร์ EP.2

Breathe Pilates สตูดิโอดังจากสิงคโปร์ปักธงในไทยแล้วที่เอราวัณแบ็งค็อก

10 เคล็ดลับหลับสบาย คลายความหงุดหงิด #ให้การนอนเยียวยาเรา

รีวิว & รีชาร์จกายใจไปกับ RXV Wellness Village

แง่คิดในการ “วางใจ” และ “ความสมดุล” จาก เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ

ไทโชเต

ไทโชเต ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่น เสนอความอร่อยใหม่แบบพรีเมียม

Alternative Textaccount_circle
event
ไทโชเต
ไทโชเต

“ไทโชเต” ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่นในเครืออิมแพ็ค นำเสนอความอร่อยใหม่แบบพรีเมียม ในราคาเริ่มต้นเพียง 329-499 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“ไทโชเต” ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นกับความอร่อยด้วยน้ำซุป 4 สไตล์จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การบริหารงานโดยอิมแพ็ค เมืองทองธานี ขอแนะนำความอร่อยใหม่สำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นกับหลากหลายเมนูพรีเมียมที่รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นดี ทั้งฟัวกราส์ ปลาไหลญี่ปุ่น แซลมอน และคานิมิโสะ ในรสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ โดยมีให้เลือกถึง 9 เมนู ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 329 – 499 บาท พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (หรือจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง)

ไทโชเต

พบกับเมนูอร่อยสำหรับมื้อพิเศษกับ 9 เมนูชั้นเลิศ เริ่มต้นที่ 3 เมนูเอาใจคนรักราเมนและคานิมิโสะ ได้แก่ “มิโสะ ราเมน คานิมิโสะ” ราคา 499 บาท มิโสะราเมนน้ำซุปเข้มข้น ท็อปด้านบนด้วยคานิมิโสะหรือมันปู เนื้อปู และไข่ปลาแซลมอน “ทงคตสึ ราเมน คานิมิโสะ” ราคา 499 บาท โดดเด่นด้วยน้ำซุปทงคตสึ พร้อมราเมนเหนียวนุ่ม และคานิมิโสะ “ราเมนฟัวกราส์และเป็ดรมควัน” ราคา 439 บาท ราเมนสไตล์ญี่ปุ่นที่ใส่ตับห่านนุ่มๆ พร้อมเนื้อเป็ดรมควันคุณภาพดี

สำหรับคนรักซูชิและปลาแซลมอน ห้ามพลาดเมนู “แซลมอนสไปซี่โรล” ราคา 329 บาท ที่ใช้แซลมอนคุณภาพดีจากจากประเทศนอร์เวย์ พร้อมด้วยไข่หวาน และผัก ราดด้วยซอสสไปซี่เข้มข้น “ข้าวหน้าปลาแซลมอนและไข่ปลาแซลมอน” ราคา 329 บาท ข้าวญี่ปุ่นอัดแน่นด้วยปลาแซลมอนและไข่ปลาแซลมอนสดใหม่ และ “ข้าวหน้าคานิมิโสะ แซลมอนชิราชิ” ราคา 499 บาท อร่อยอลังการกับข้าวญี่ปุ่นหอมๆ พร้อมแซลมอนและไข่หวาน ท็อปด้วยมันปู เนื้อปู และไข่ปลาแซลมอน

ไทโชเต

และอีก 3 เมนูข้าวญี่ปุ่นหน้าต่างๆ ที่เสิร์ฟในชามหินร้อนๆ ได้แก่ “อิชิยากิ ฟัวกราส์และปลาไหลญี่ปุ่น” ราคา 499 บาท “อิชิยากิ ฟัวกราส์และแซลมอน” ราคา 499 บาท “อิชิยากิ ปลาไหลญี่ปุ่น” ราคา 399 บาท

หากมาชมงานที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี และต้องการอิ่มอร่อยกับเมนูราเมนสไตล์ญี่ปุ่น และ 9 เมนูพรีเมียมใหม่นี้ ต้องแวะมาที่ “ไทโชเต” ตั้งอยู่บริเวณฟู้ดเอเทรี่ยม ชั้น 1 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 20.00 น. สำรองความอร่อย โทร. 02-833-4284 หรือ 064-184-7108 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก : TaishoteiRamen และอินสตาแกรม : taishotei_ramen

keyboard_arrow_up