ยังมีความจำเป็นในการสื่อสารให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ ปัจจุบันยังมีเด็กได้รับควันบุหรี่ภายในครัวเรือนสูงถึง 5 ล้านคน แม้หลายๆ คนพยายามแล้วที่จะไปสูบไกลๆ แต่ควันบุหรี่นั้นลอยไกลกว่าที่คุณคิด

ภาพรวมของการได้รับควันบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าในครัวเรือนนั้นจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่สูบบุหรี่ 3.43 ล้านคน ในจำนวนนี้ได้รับควันบุหรี่ในบ้านตัวเอง แบ่งเป็นเพศชาย 6 แสนกว่าคน เพศหญิง 2.82 ล้านคน ขณะที่ในครัวเรือนที่มีเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ขวบ พบว่า ในทุก 10 ครัวเรือน จะมี 5 ครัวเรือนที่มีคนสูบบุหรี่ ในจำนวนนี้มี 3 ครัวเรือนมีการสูบในบ้าน รวมแล้วจะมีเด็กไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนเป็นอย่างน้อย ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน แม้ในภาพรวม แนวโน้มการได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน จะลดลงจาก 39.9% ในปี 2557 เหลือ 23.7% ในปี 2564

สสส. และภาคีเครือข่าย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่เห็นถึงความจำเป็นในการสื่อสารให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ จากการทำงานเพื่อหาต้นตอของปัญหา ทำให้พบว่าผู้ปกครองทุกคนรักคนในครอบครัว และได้มีความพยายามแล้วที่จะเดินไปสูบในบริเวณอื่นของตัวบ้าน หรือในพื้นที่บ้าน อาทิ การเดินออกจากห้องนั่งเล่น การเดินสูบบริเวณที่จอดรถ การสูบริมรั้ว ที่มองแล้วว่าไม่มีคนในครอบครัวอยู่ใกล้ๆ แต่ความจริงของการเดินทางของควันบุหรี่นั้นลอยได้ไกลกว่าที่คุณคิด และตกค้างได้นาน กอปรกับการเติบโตของการใช้บุหรี่รูปแบบใหม่ บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้พบควันจากบุหรี่ และไอจากบุหรี่ไฟฟ้า

จึงเป็นที่มาว่าสสส. และภาคีเครือข่าย มีความจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่สูบ หรือครอบครัวที่มีผู้ใกล้ชิดสูบบุหรี่ เข้าใจว่าควันจากบุหรี่จากการสูบนั้นสร้างสารพิษตกค้างในรูปแบบฝุ่น PM2.5 ได้สูง และถึงแม้ผู้สูบหลายๆ ท่านได้พยายามเดินไปสูบแล้วแต่ระยะการเดินทางของบุหรี่นั้นไกลได้ถึง 10 เมตร ทำให้สามารถลอยกลับเข้ามาในบ้านได้

คลิป เจาะอันตรายการตกค้างและการเดินทางของบุหรี่

เราอยากเห็นถึงครัวเรือน และทุกครอบครัวมีความสุขมาช่วยกันให้บ้านป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ โดยถ้าหากใครกำลังมาหาทางเลือก หรือตัวช่วยเลิกบุหรี่ สามารถโทร.ปรึกษาการเลิกบุหรี่ได้ที่ 1600

กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส เพิ่มเติมได้ที่

• Facebook
• Line
• Tiktok
• Youtube
• Website

เขย่าตลาดสกินแคร์ คาโอ เปิดตัว บิโอเร เมคอัพ รีมูฟเวอร์ คลีนซิ่ง แอคเน่ในบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก รีไซเคิลได้ 100%

นับว่าเป็นก้าวสำคัญของ คาโอ สู่ตลาดความงามอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Beauty กับการเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์บิโอเร โดยส่ง บิโอเร เมคอัพ รีมูฟเวอร์ เพอร์เฟค คลีนซิ่ง วอเตอร์ – แอคเน่ แคร์ (Biore Makeup Remover Perfect Cleansing Water – Acne Care) ที่เปลี่ยนมาใช้พลาสติกที่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ 100% เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการใช้พลาสติกและการสร้างขยะในอนาคต ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ ESG ด้านสิ่งแวดล้อม

เจาะเบื้องหลังแนวคิด บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ของบิโอเร เมคอัพ รีมูฟเวอร์

คุณภัททิรา ชัชวาลย์ปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดธุรกิจสินค้าอุปโภค บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “คาโอให้ความสำคัญเรื่องการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผ่านกลยุทธ์ ESG หรือ Kirei Lifestyle Plan พื้นฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของคาโอ ที่จะช่วยเสริมสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่งดงามของผู้บริโภคทั้งภายในและภายนอก ทั้ง 3 มิติ (ESG) ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารงานอย่างโปร่งใส(Environmental, Social and Governance) เราจึงมุ่งยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างความยั่งยืนแก่ผู้บริโภค เพื่อโลกที่สะอาดและสมบูรณ์ โดยคาโอตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2030 ผลิตภัณฑ์คาโอทั้งหมดจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิต ซึ่งรวมถึงลดการสร้างขยะพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้”

เพราะหลังม่านการดูแลความงามของผู้หญิง สร้างผลกระทบด้านขยะและส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมกับโลกมากกว่าที่คิด จากข้อมูลองค์กร Zero Waste รายงานว่า ในแต่ละปีอุตสาหกรรมความงามทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์สร้างขยะจากบรรจุภัณฑ์มากกว่า 1.2 แสนล้านชิ้น[1] โดยมี 14% ของบรรจุภัณฑ์เท่านั้นที่ส่งไปยังโรงงานรีไซเคิล และมีเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิล ที่เหลือถูกกำจัดโดยการฝังกลบ ซึ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวนั้น อาจใช้เวลาถึง 450 ปี ในการย่อยสลาย

อีกทั้งข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ประเทศไทย รายงานว่า มีขยะพลาสติกประมาณร้อยละ 12 ของปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น หรือประมาณปีละ 2 ล้านตัน มีการนำกลับไปใช้ประโยชน์ประมาณปีละ 0.5 ล้านตัน (ร้อยละ 25) เท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในมลพิษร้ายแรงและเป็นเหตุผลให้ผู้บริโภคจำนวนมาก

“จากปัญหาขยะพลาสติกที่มาจากบรรจุภัณฑ์ความงาม ทำให้จุดประกายความคิดว่าในเมื่อการดูแลผิวหน้าของผู้หญิงเป็นรูทีนบิวตี้ที่ต้องทำเป็นประจำ ก็คงจะดีไม่น้อยหากทุกคนจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเหมือนที่เรารักผิวหน้าตัวเองในทุกๆ วัน เราจึงเลือกแบรนด์บิโอเร ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงที่สุดในกลุ่มสินค้าดูแลสุขภาพและความงามของคาโอ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักและคุ้นเคย เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยเลือกเซกเมนท์ เมคอัพ รีมูฟเวอร์ เพอร์เฟค คลีนซิ่ง วอเตอร์ – แอคเน่ แคร์ เพราะเป็นสินค้าที่ต้องใช้ทุกวัน มาปรับแพ็กเกจ เพื่อมาเป็นโครงการ นำร่องก่อนที่จะขยายไปสู่สินค้าหมวดอื่นๆ”

บรรจุภัณฑ์ใหม่ ให้ “เชิดหน้าใส รักษ์โลก”

สำหรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ของบิโอเร เมคอัพ รีมูฟเวอร์ เพอร์เฟค คลีนซิ่ง วอเตอร์ – แอคเน่ แคร์ (Biore Makeup Remover Perfect Cleansing Water – Acne Care) มาพร้อมแคมเปญ “เชิดหน้าใสรักษ์โลก” โดยมีจำหน่าย 2 ชนิด ทั้งแบบชนิดขวด ขนาด 400 มล. โดยมีส่วนผสมของวัสดุทดแทนจากพืช (Bio-PET) เป็นส่วนประกอบสูงสุด 30% ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของตลาดสกินแคร์ที่นำบรรจุภัณฑ์ประเภท Plant-based มาใช้เป็นครั้งแรก โดยทุก 1,000 ขวด จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ต้น

และชนิด “รีฟิล” หรือ “ถุงเติม” ขนาด 330 มล. เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุ PE ประเภทเดียว (Mono Material) ทำให้รีไซเคิลได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีการผสมกับวัสดุอื่นๆ ซึ่งบรรจุภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% ช่วยลดขยะพลาสติกให้เป็นศูนย์ และลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกจากการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลใหม่

“นอกจากตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ตัวผลิตภัณฑ์เองยังปลอดภัยด้วยสารสกัดจากธรรมชาติและไม่ใส่สีสังเคราะห์ และคงคุณสมบัติการทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของคาโอเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคงคุณภาพคำนึงถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง” คุณภัททิรา กล่าวทิ้งท้าย

KAO x Watsons แท็กทีมรักษ์โลก

ในการเปิดตัว บิโอเร เมคอัพ รีมูฟเวอร์ เพอร์เฟค คลีนซิ่ง วอเตอร์ – แอคเน่ แคร์ (Biore Makeup Remover Perfect Cleansing Water – Acne Care) ในบรรจุภัณฑ์ใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทาง คาโอได้จับมือกับวัตสัน (Watsons) โดยวางจำหน่ายเฉพาะที่ วัตสัน ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน(Sustainable Choices) ซึ่งเป็นโซนพิเศษนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพต่อผู้บริโภค เน้นความใส่ใจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า 1,800 รายการ เพื่อส่งเสริมแนวคิด Green is the new beautiful สร้างนิยามของความงามแบบใหม่ที่ใส่ใจโลกไปด้วยกัน โดยลูกค้าสามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านวัตสัน ทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ Watsons.co.th หรือผ่านแอป WatsonsTH ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store และ App Store

อุตสาหกรรมการออกแบบของประเทศไทยได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ไทยอย่างมหาศาล และเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อิทธิพลของการดีไซน์จะเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ทั้งยังเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ จนนำไปสู่การได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่การจะก้าวไปสู่ความสำเร็จจะต้องได้รับการฝึกฝนที่มี แบบแผน ขั้นตอน อย่างต่อเนื่อง จากสถาบันที่มีมาตรฐานนานาชาติและได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลก

เตชทัต หลวงพิทักษ์ (อั้ม) ศิษย์เก่าสาขาออกแบบแฟชั่น รุ่นที่ 14 ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ แบรนด์เสื้อผ้า SAAMU (ซามู) เผยถึงมุมมองต่อวงการดีไซน์ในปัจจุบันว่า “หลังจากมาเรียนที่ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ สิ่งที่ได้รับจากที่นี่คือได้มุมมอง แนวคิด กระบวนการออกแบบและการทำงานในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้จนถึงทุกวันนี้ และรวมไปถึงการได้รับโอกาสในการเป็นนักเรียน ทุนต่างประเทศ ซึ่งทำให้ได้เปิดมุมมอง โลกทัศน์ และความรู้ใหม่ๆ ในการออกแบบได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจธุรกิจหรือโลกของแฟชั่น ก็อย่าลังเลที่จะหยิบยื่นโอกาสให้กับตัวเอง เพราะซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ เป็นสถาบันออกแบบนานาชาติที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเมื่อเรียนจบไป สามารถสร้างแบรนด์ สร้างอาชีพออกสู่ตลาด หรือแม้แต่ต่อยอดทางการศึกษาได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันเทคโนโลยีและสื่อต่างๆ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่น ทำให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก ส่งผลให้เกิดแบรนด์แฟชั่นใหม่ๆ ขึ้นมากมาย แต่นักออกแบบต้องไม่ลืมที่จะสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง ประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยี เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการออกแบบต่อไป”

ธนุนาฏ เอกะสิงห์ (มิ้ม) ศิษย์เก่าสาขาออกแบบแฟชั่น รุ่นที่ 20 เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า STORI WARE กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของความใฝ่ฝันเริ่มจากความต้องการจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า และมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ยังขาดความรู้พื้นฐานในด้านนี้จนได้มาศึกษาที่ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ โรงเรียนสอนออกแบบแฟชั่น ที่สอนครอบคลุมทุกด้านในแบบสากลที่ไม่ได้มีการตีกรอบทางความคิด สนับสนุนให้นักเรียนพัฒนาต่อยอดในสไตล์ความชอบของตนเองได้อย่างเต็มที่ ชอบเรียน Research and Entrepreneur หรือการวิจัยเพื่อการทำแบรนด์โดยตรง ทำให้เราสามารถนำความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยมาต่อยอดในการทำแบรนด์ของเราได้ทันที และยังช่วยพัฒนาและต่อยอดแบรนด์ให้ในขณะที่เรียน โดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษาช่วยให้คำแนะนำ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปัจจุบันแบรนด์ STORI WARE ประสบผลสำเร็จได้ เป็นผลมาจากการ บ่มเพาะของ ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ การมาเรียนที่นี่จะทำให้ความสำเร็จของคุณง่ายขึ้น เพราะมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา แนะนำแนวทางให้เรา ทำให้การสร้างแบรนด์ที่เริ่มต้นจากศูนย์นั้นเป็นไปได้ และไม่ได้ยากจนเกินไป

วงการดีไซน์ในปัจจุบันให้ความสำคัญสูงสุดกับการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์และความหลากหลายที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังมีกระแสความต้องการใหม่ๆ และ เทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ทำให้นักออกแบบต้องปรับตัวและ พัฒนาตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกสมัยใหม่ได้อย่างไม่ตกเทรนด์”

ณัฐวุฒิ เตียวต่อสกุล (ก็อต) ศิษย์เก่าสาขาออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ รุ่นที่ 18 ผู้ชนะการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์กับ SCG และ เจ้าของ Studio TEAL Industrial & Product Design และแบรนด์ I.divert เล่าว่า “ผมได้รับโอกาสดีๆ มากมายจากการประกวดงานออกแบบ ประสบการณ์ตรงคือช่วงปีสองของการเรียนในสมัยที่ผมเรียนนั้น อาจารย์จะให้ส่งงานประกวดการออกแบบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพลาสติก ซึ่งก็เป็นนับเป็นการบ้าน ที่อาจารย์จะคอยให้คำแนะนำในการเข้าส่งงานในคลาสเรียน จากการที่ได้คำแนะนำและทำงานนอกเหนือจากคนอื่นๆ ในห้อง จึงได้มีโอกาสฟังคำแนะนำและมุมมองของอาจารย์ได้มากยิ่งขึ้น จึงคิดว่าเหตุการณ์นั้นคือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ทำให้เราต่อยอดธุรกิจได้จนถึงปัจจุบัน

วงการดีไซน์ในปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญมากกว่าสมัยก่อนมาก การทำธุรกิจในยุคสมัยนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ความสวยงาม และสิ่งแปลกใหม่ ไม่ใช่แค่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว ประกอบกับการมีเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดทำให้นักออกแบบสามารถสื่อสารความเป็นตัวตนให้ผู้คนรับรู้ได้อย่างง่าย นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับนักออกแบบ และวงการดีไซน์อย่างมีนัยสำคัญ ฝากถึงผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์ว่า งานออกแบบไม่ใช่แค่สวยไม่สวย แต่ต้องมองให้รอบด้านทั้งวัสดุ โครงสร้าง การใช้งาน ต้นทุนและอื่นๆ”

ธารารัตน์ สิทธิวันชัย (ทอฟฟี่) ศิษย์เก่าสาขาออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ รุ่นที่ 16 ปัจจุบันเป็น Assistant Retail Manager ดูแลการตกแต่งของร้าน Samsung ทั้งหมดในประเทศไทย เผยว่า “ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความคิด ความฝันที่จะเป็นนักออกแบบ อยากเปลี่ยนสายอาชีพ หรือนักออกแบบที่อยากมีช่องทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ที่นี่เปรียบเสมือนประตูที่ก้าวเข้าสู่โลกของการดีไซน์ มีหลักสูตรการเรียนแค่ 2 ปี และยังสามารถเรียนต่างประเทศอีก 2 ปี ได้วุฒิปริญญาตรีมหาวิทยาลัยที่มีความร่วมมือด้วย ทั้งที่อังกฤษและอิตาลี ซึ่งตนก็ได้ทุนเรียนต่อที่ Elisava ที่ประเทศสเปน เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ Top Ten ของยุโรป ตรงตามเป้าหมายที่หวังไว้มาก พร้อมทั้งอาจารย์ยังสนับสนุนไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเรียน แต่รวมไปถึงการประกวดอื่นๆ ด้วย ทำให้ตนมีผลงานเพิ่มขึ้น ซึ่งคิดว่าการที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของเรา ส่วนหนึ่งเพราะสิ่งที่ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ให้ บวกกับความพยายามของตัวผู้เรียน อีกทั้งได้เปลี่ยนสายอาชีพและสามารถเข้าทำงานด้านดีไซน์ได้ เรียกได้ว่าสานฝันการเป็นดีไซเนอร์อย่างแท้จริง”

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาด้านการออกแบบ ซีไอดีไอ ชนาพัฒน์ เปิดสอน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการออกแบบแฟชั่น (Fashion Design) และหลักสูตรออกแบบตกแต่งภายในและผลิตภัณฑ์ (Interior & Product Design) สอนโดยอาจารย์ต่างชาติผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบระดับโลก กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ สามารถเข้าร่วมงาน Open House ได้ฟรี เพื่อฟังการแนะนำหลักสูตร พร้อมชมผลงานนักศึกษา และพูดคุยกับศิษย์เก่าที่สร้างแบรนด์ เพื่อสร้างความพร้อมเข้าสู่วงการนักออกแบบ ในวันที่ 9 และ 22 กรกฎาคม, วันที่ 6 และ 19 สิงหาคม, วันที่ 3,17 และ วันที่ 24 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ www.chanapatana.com/th/open-house, โทร 081-432-8555, ไลน์แอด: @cidichanapatana หรือ https://lin.ee/4AoRhnQ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.chanapatana.com และ www.facebook.com/Chanapatana

บีเทรนด์ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดวาร์ป ชวนอินเทรนด์กับไอเทมสุดล้ำในงาน “บีเทรนด์ แกดเจ็ต เพลย์กราวด์” เปิดสเปซให้กับสาวกที่ชื่นชอบแกดเจ็ต

บีเทรนด์ (BETREND) เดอะมอลล์ กรุ๊ป แหล่งรวมสินค้าไลฟ์สไตล์ ตอกย้ำ NO.1 ONE STOP SHOPPING FOR CREATIVE & LIFESTYLE STORE จัดงาน “บีเทรนด์ แกดเจ็ต เพลย์กราวด์ 2023” (BETREND GADGET PLAYGROUND 2023) เปิดสเปซให้กับสาวกที่ชื่นชอบแกดเจ็ต มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สินค้าและไอเทมสุดล้ำ ทั้งอุปกรณ์แกดเจ็ต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงจากแบรนด์ดังชั้นนำระดับโลก สินค้า INNOVATION, รวมทั้งอุปกรณ์สุด SMART ที่แฟนแกดเจ็ตไม่ควรพลาด ทั้งยังมีเครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน, หนังสือ รวมถึงของขวัญหลากสไตล์แบบครบครัน พร้อมโปรโมชั่น และกิจกรรมจากแบรนด์ กว่า 100 แบรนด์ ตอบโจทย์เทรนดี้สมาร์ทไลฟ์ยุคดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม – 31 สิงหาคม 2566 ที่ BETREND เดอะมอลล์ทุกสาขา, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และพื้นที่พิเศษระหว่างวันที่ 6 – 12 กรกฎาคม 2566, วันที่ 24 – 31 สิงหาคม 2566 ที่ M EVENT HALL ชั้น B เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ และวันที่ 26 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2566 ที่ตึก HELIX ชั้น 3 ดิ เอ็มควอเทียร์

งาน “บีเทรนด์ แกดเจ็ต เพลย์กราวด์ จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “GADGET SPACE” เปิดพื้นที่สำหรับคนรักแกดเจ็ต ชวนไอทีเลิฟเว่อร์ ร่วมอัพเดทไอเทมสุดล้ำ สเปคสุดปัง การันตีคุณภาพและความครบครันจาก แบรนด์ดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์แกดเจ็ตตัวท๊อป, เครื่องเขียนดีไซน์สวย, อุปกรณ์สำนักงานยอดนิยม, หนังสือยอดฮิต รวมถึงของขวัญหลากสไตล์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล อาทิ

INNOVATION SPACE สัมผัสที่สุดกับนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์หรู ที่มาช่วยเติมสีสันความสะดวกสบายของการใช้ชีวิต พร้อมยกทัพมาไว้ภายในงาน อาทิ กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า AIRWHEEL, ลําโพงไร้สาย COTODAMA ที่มาพร้อมกับ LYRIC SYNC TECHNOLOGY, ลำโพงบลูทูธ TRANSPARENT, รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า NIU, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า MONOWHELL, โกคาร์ทไฟฟ้า NINEBOT

SMART SPACE อินเทรนด์ก่อนใคร เอาใจสายไฮเทคที่ต้องการเสริมลูกเล่นทั้งเสน่ห์ความเท่ห์ และความสมาร์ท พบกับไอเทมสินค้าเทคโนโลยีกับฟังก์ชั่นและดีไซน์เพิ่มความสมาร์ทที่สายเทคเลิฟเว่อร์ต้องรีบจับจอง ไม่ว่าจะเป็น XIAOMI สินค้าสมาร์ทฟังก์ชัน, PANDO อุปกรณ์สุดสมาร์ทสำหรับสัตว์เลี้ยง, GARMIN สมาร์ทวอทช์

GAMER SPACE เปิดวาร์ปชวนท่องโลกแห่งจินตนาการ เพลิดเพลินไปกับกลุ่มสินค้าไอเทมเกมสเปคแรงจัดเต็ม ที่เกมเมอร์ตัวจริงไม่ควรพลาด อาทิ BOARD GAME, CARD GAME, MIDEER PUZZLE GAME, NANOBLOCK, WOODERFUL LIFE

COLLECTIVE SPACE เปิดโหมดเอาใจคนชอบสะสม พบกับกองทัพไอเทมสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่นสุดคิ้วท์ ที่เห็นแล้วต้องร้องว้าว ไม่ว่าจะเป็น K-POP COLLECTION, อัลบั้ม, โฟโต้บุ๊ค, โปสเตอร์ศิลปินโปรด, โคมไฟ, หมวก รวมถึงกลุ่มตุ๊กตาสุดน่ารักจาก CARE BEARS, ESTER BUNNY, BT21, น้องหมีสุดเท่ห์ BEARBRICK, หุ่นยนต์เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ MARVEL, และตัวการ์ตูนลิขสิทธิ์แท้จาก LINE FRIENDS, KAKAO FRIENDS

ART SPACE แต่งแต้มทุกสีสัน ชวนเสพศิลป์กับคาราวานไอเทมสินค้างานอาร์ต ที่ช่วยจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจผ่านชิ้นงานศิลปะ อาทิ อุปกรณ์สำหรับ PAINTING, ปากกา MARKERS, แก้วน้ำหลากสีสัน, เคสสมาร์ทโฟนสุดเก๋ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งคอลเลคชั่นสุดแนวจากศิลปินคนดัง

ภายในงานได้เชิญหนุ่มสาวสมาร์ทไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ มาร่วมอัพเดทความล้ำสมัยของไอเทมสินค้า ที่ คัดสรรไว้ภายในงาน อาทิ คุณอุ้ม อิชย์ญาดา คลอวุฒิเสถียร บล็อกเกอร์ชื่อดังสายไอที แกดเจ็ต จากช่อง IAUMReview คุณญี่ปุ่น ธนัฐ ธนจิระชัย พิธีกร และผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่จากช่อง MONO29 รวมถึง คุณธชปาณ ปิติตรานันท์ ดิจิทัลครีเอเตอร์หนุ่มจากช่อง Here’s Jae และคุณปริณรัฐฐ์ ณัฐวัฒน์พล สมาร์ทไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่ โดยมี คุณรวมพร อิทธิพงศ์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า BETREND, WATCH GALLERIA และ KIDS’ PLANET มาร่วมต้อนรับ ชวนเปิดประสบการณ์สู่โลกเทคโนโลยี ณ M EVENT HALL ชั้น B เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ

นอกจากนี้ BETREND ยังได้จัดโปรโมชั่นดีลเด็ดสุดคุ้มมากมาย อาทิ สินค้าแกดเจ็ตแบรนด์ดังเคาน์เตอร์ปกติลดสูงสุด 80% สำหรับสมาชิกบัตร M CARD รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ต่อที่ 1 : รับส่วนลด 100 บาท เพียงแลกคะแนนสะสม 400 M POINT ต่อที่ 2 : รับส่วนลดเพิ่ม 12.5% (เมื่อใช้คะแนนแลกแต่ไม่เกินยอดซื้อ) พิเศษนักช้อป 5 ท่านที่มียอดซื้อสูงสุดตลอดแคมเปญ รับฟรี ของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท (สะสมยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไปตลอดรายการ) จากแบรนด์ TRANSPARENT, AIRWHEEL, GARMIN สมาชิกบัตรเครดิต ลดเพิ่ม/คะแนนสะสม/เครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 25% รวมถึงการแบ่งชำระ 0% ทุกชิ้น นาน 10 เดือน และนานสูงสุด 6 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ภายในงานพบกับกิจกรรม WORKSHOP สุดล้ำหลากสไตล์ จากแบรนด์ชั้นนำที่สลับหมุนเวียนมาร่วมสร้างสีสันตลอดการจัดงาน อาทิ กิจกรรม DJ WORKSHOP จาก PIONEER DJ, กิจกรรม MODEL Y RESISTANCE TRAINING MIRROR จาก SKLZ, BOARD GAME

พิเศษสำหรับสมาชิก M CARD ร่วมสนุกกับ AR HUNTING GAME ล่าคะแนนสะสมกาแลคซี่พ้อยท์ เพื่อรับของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์มากมาย เมื่อช้อปสินค้าภายในงาน ตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป/ ใบเสร็จ รับสิทธิ์เล่นเกมได้ 1 สิทธิ์ ระหว่างวันที่ 6 – 12 กรกฎาคม 2566, วันที่ 24 – 30 สิงหาคม 2566 ที่ M EVENT HALL ชั้น B เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ และวันที่ 26 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2566 ที่ตึก HELIX ชั้น 3 ดิ เอ็มควอเทียร์

พร้อมพบกับไฮไลท์ BETREND SPACE PHOTO ROOM ห้องจำลองแห่งอวกาศให้คุณมาถ่ายภาพ ที่บริเวณแผนก BETREND เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ปิดท้ายด้วยกิจกรรมความสนุกกับมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จากบอยกรุ๊ปหน้าใหม่ของวงการ T-POP วง PERSES (เพอร์เซส) ที่ M EVENT HALL ชั้น B เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ

เปิดวาร์ปไอเทมสุดล้ำ พร้อมโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่แห่งปี กับแคมเปญ “บีเทรนด์ แกดเจ็ต เพลย์กราวด์ 2023” ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม – 31 สิงหาคม 2566 ที่ BETREND เดอะมอลล์ ทุกสาขา และ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา, เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ หรือช้อปผ่าน MONLINE.COM