เจบี ลีดเดอร์คนชิค นิยามที่แฟน ๆ ชาวอากาเซมอบให้ผู้ชายคนนี้ และใครที่ได้ติดตามเจบี จะรู้ว่าลีดเดอร์ไม่เพียงเป็นตำแหน่งหน้าที่ใน GOT7 เท่านั้น แต่ลีดเดอร์คนนี้แทบจะเป็นทุกอย่างให้วง เพราะหลังจากหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิม เจบีเรียกว่าเป็นศูนย์กลางของเมมเบอร์ ผู้ทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อให้วงไปต่อภายใต้ชื่อ GOT7
สัญญาที่ GOT7 มอบให้กับอากาเซไม่เคยจางหาย หลังเมมเบอร์แต่ละคนจัดการภารกิจส่วนตัว เจบีพยายามผนึกกำลังทุกคนร่วมกันทำผลงานอัลบั้ม “WINTER HEPTAGON” ออกมาเติมเต็ม ทุกความคิดถึงให้ชาวอากาเซได้ชื่นใจ และอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่หลายคนรอคอย นั่นคือคอนเสิร์ตใหญ่ที่ราชมังฯ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นได้ด้วยเพราะความรักจากอาเกเซและมิตรภาพที่เหนียวแน่นของวง GOT7
ดวงดาวทั้ง 7 ความรัก และมิตรภาพ ยังโคจรรอบ JAY B ผลักดันให้เขาเดินหน้าต่อเพื่อ GOT7
เพื่ออากาเซเสมอ

ความรู้สึกของการถ่ายแฟชั่นปกครั้งนี้
ก็ถือว่านานมากแล้วครับที่ไม่ได้ถ่ายนิตยสารแบบนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากตอนถ่ายครั้งก่อน เป็นการถ่ายทำที่มีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้ใหญ่สนุกมากเลยครับ ผมเคยถ่ายสุดสัปดาห์มาก่อนใช่ไหม เหมือนผมจะจำได้ครับ ใช่แล้วละ
หลังออกจากกรม คุณก็ลุยงานเต็มที่เลย คิดถึงบรรยากาศการทำงานขนาดไหนคะ
จริงๆ ก็ไม่ได้คิดถึงทุกช่วงเวลานะครับแต่ก็จะมีช่วงเวลาที่คิดถึง ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่อยากจะขึ้นแสดงบนเวทีและอยากปล่อยเพลงใหม่ออกมาครับ
เล่าถึงอัลบั้มเต็มครั้งแรกของคุณภายใต้ชื่อว่า “Archive 1: [Road Runner]”
เป็นอัลบั้มที่มีทั้งหมด 13 เพลงครับ ออกมาในรูปแบบอัลบั้มเต็ม เพื่อปิดท้ายบทหนึ่งของผม เลยได้ทำอัลบั้มเต็มออกมา เป็นสิ่งที่ผมเคยแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ และสิ่งที่จะแสดงให้เห็นในอนาคต เหมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างการเปลี่ยนผ่านของทั้งสองช่วง ผมรู้สึกแบบนั้นครับ หวังว่าหลายคนจะตั้งใจฟังครับ
มีช่วงเวลาไหนที่น่าจดจำระหว่างทำอัลบั้มนี้บ้าง
ตัวเพลงเอง ซึ่งบางเพลงก็แต่งไว้นานมากแล้วบางเพลงก็แต่งเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตอนทำเพลงผมพยายามให้มันเข้ากับภาพรวมทั้งหมด และใส่ใจกับโทนเสียงร้องของผมมาก แม้แต่ตอนบันทึกเสียง ผมก็ตั้งใจบันทึกเสียงมากเลยครับ
ขอ 1 เพลงที่บอกความเป็นตัวเองมากที่สุดในอัลบั้ม
เพลง If You ครับ ดูจะตรงกับนิสัยของผมมากที่สุด จริง ๆ แล้วเพลงนั้นเกี่ยวกับการครุ่นคิดอย่างมาก
เกี่ยวกับความเขินอายและความกังวลเยอะมาก ซึ่งผมก็เป็นคนที่มีนิสัยประมาณนั้นครับ

ความรู้สึกที่ได้กลับมาจัดคอนเสิร์ต “2024 -2025 JAY B CONCERT [TAPE: RELOAD] IN BANGKOK”
ในเมื่อทุกคนรอคอย พวกเราก็กลับมาพร้อมการแสดงที่มั่นใจครับ ผมหวังว่าสิ่งที่เตรียมมาจะส่งต่อไปถึงทุกคนได้ดี และหวังว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานครับ
มองย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เดบิวต์จนถึงวันนี้ คุณรู้สึกอย่างไร และเห็นพัฒนาการในชีวิตตัวเองในแต่ละช่วงเวลาอย่างไร
ผมคิดอะไรได้หลากหลายมากเลยครับ ก็มีสิ่งที่รู้สึกเสียดายด้วยครับ และมีบางส่วนที่คิดว่าทำให้ผมเติบโตขึ้น ทุกคนก็คงเป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ ไม่ใช่แค่สายงานของผม แต่ไม่ว่าคนในสายงานไหนก็ตาม จะมีช่วงที่ดีและไม่ดีสลับกันไป มันคือชีวิตครับ แต่ในช่วงนั้นการเลือกทางที่ดีที่สุดน่าจะเป็นสิ่งที่ดี ตอนนี้ผมก็คิดแบบนั้นครับ ในมุมมองของผมมีหลายอย่างครับ ถ้าหันกลับไปมอง ในบางจุดหรือบางส่วนเราก็อาจรู้สึกเสียดาย แต่ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้เราเติบโตมากขึ้น สำหรับการแสดงนี้หรือการแสดงทั้งหมด ทุกคนคงคิดเหมือนกัน รู้สึกเหมือนกัน แต่ในบางกรณีเราใช้ชีวิตแตกต่างกัน และในบางกรณีก็ยังแตกต่างกัน ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องใช้ชีวิต และชีวิตประจำวันเหล่านี้ของทุกคนเหมือนกันหมดครับ
ถ้าคิดถึงช่วงแรกของการเดบิวต์ ตอนเพลง Bounce พี่จินยองเคยบอกให้ทำท่าทางอะไรบางอย่างในอินโทร ผมก็สงสัยว่าตัวเองน่าจะทำ
ได้ดีกว่านี้ไหม แล้วตอนเพลง Girls Girls Girls ที่เราใส่ชุดที่มีดีไซน์ลายหินอ่อน ผมคิดว่าตอนนั้นน่าจะเสนอความเห็นให้แต่งตัวลุคแคชวลกว่านี้
ช็อตประทับใจจากแฟนเพลงที่ยังจำจนถึงวันนี้ หรือความคลั่งไคล้แบบน่ารัก ๆ ที่ยังจำได้
ผมจำได้ครับ มันเป็นเรื่องสนุกนะครับ ตอนนั้นเรากำลังแสดง แล้วมีแฟนคนหนึ่งเขียนอะไรบางอย่างในสมุดสเก็ตช์แล้วชูขึ้นมาอย่างตั้งใจ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ Avengers: Endgame กำลังเป็นที่นิยม บนสมุดนั้นเขียนว่า “Iron Man Die.” ทั้งผมและสมาชิกในวงยังไม่ได้ดูหนังมาก่อนเลย มันเลยกลายเป็นเรื่องตลก ผมจำได้ว่าโดนสปอยล์กลางการแสดงเลยครับ แต่ผมไม่ค่อยใส่ใจเรื่องโดนสปอยล์ครับเลยไปดู ตอนนั้นเพื่อนรอบตัวผมก็ห้ามกันว่าอย่าสปอยล์กัน พอเจอแบบนั้นมันก็ตลกดีครับ
พูดถึงอัลบั้มคัมแบ็กของ GOT7
จากสิ่งที่ผมค้นหามา คีย์เวิร์ดที่ใช้คือ ดวงดาว เลข 7 และฤดูหนาวครับ ทั้งสามอย่างนี้คือสิ่งหลักที่ผมนำมาคิดครับ ในฤดูหนาวจะมีดาวที่ส่องแสงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และในฤดูหนาวจะมีรูปร่างหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ จริง ๆ แล้วเรียกว่าเฮกซากอน ไม่ใช่เฮปทากอน
ผมคิดเยอะมากว่าจะใช้เฮปทากอนหรือเฮกซากอนดี เพราะในหกเหลี่ยมนั้นมีดาวเพิ่มอีกหนึ่งดวงอยู่ตรงกลาง ถ้านับจำนวนดาว เฮปทากอนก็มีเจ็ดดวงพอดี เลยลังเลว่าจะใช้คำว่าเฮปทากอนหรือเฮกซากอน แต่คิดว่าน่าจะใช้เจ็ดเหลี่ยมดีกว่า เลยเลือกเฮปทากอนครับ และที่เราเดบิวต์ก็คือฤดูหนาวครับ แล้วทำไมถึงคิดถึงดาว พวกเราทั้งเจ็ดคนต่างเปล่งประกายอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง แต่เมื่อเราอยู่ด้วยกันในฤดูหนาว เราจะส่องแสงได้เจิดจ้ายิ่งขึ้น นั่นคือความหมายที่เราอยากสื่อ ดังนั้นผมหวังว่าฤดูหนาวปีนี้จะอบอุ่นขึ้นกว่าที่ผ่านมา

เล่าถึงเบื้องหลังการทำอัลบั้ม “WINTER HEPTAGON” กับเมมเบอร์ในวง เพราะแต่ละคนก็อยู่ต่างที่และยุ่งกันมาก
ความจริงมันไม่ง่ายเลย และมันยากจริง ๆ พอพวกเราตัดสินใจทำแล้วและด้วยความตั้งใจ ถึงแม้บางคนจะไม่อยู่ เราก็ซ้อมหรืออัดเสียงกับสมาชิกที่อยู่ ณ ตอนนั้น และทำงานอย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลาที่มี ใช่ครับ แม้จะไม่บ่อย แต่ในตอนนั้นผมต้องรอให้ ตรงกับเวลาในประเทศของเขาแล้วถึงโทร.ไปในตอนนั้นที่เป็นลีดเดอร์ในค่าย JYP จะมีบริษัทคอยซัพพอร์ต มันไม่ได้รู้สึกหนักสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พวกเราทั้ง 7 คนอยู่กันคนละบริษัท และผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น เลยรู้สึกถึงความยากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างนะครับ แต่ผมแค่รับฟังและรวบรวมความคิดเห็นจากพวกเขา แล้วเสนอความคิดเห็น ในตอนนั้นผมแค่จัดการภาพรวมเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าบางครั้งผมต้องใส่ใจและดูแลมากขึ้น
ความรู้สึกที่ GOT7 ได้กลับมาทำงานด้วยกัน
อย่างแรกเลย พวกเรามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ครับ เพราะเราสนิทกันเวลามาเจอกันก็สามารถคุยกันได้อย่างสบายใจ ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้นานขนาดนี้ แม้ว่าตอนนี้พวกเราจะอยู่กันคนละบริษัท แต่พวกเรายังสามารถออกอัลบั้มด้วยกันได้ ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก และในขณะเดียวกันผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งนี้ด้วย
คุณเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองก่อนและหลังรับราชการทหารบ้างคะ
รู้สึกเหมือนได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นอย่างดีรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย คุณหมายถึงช่วงหลังจากที่ปลดประจำการจากกองทัพใช่ไหมครับ หลังจากปลดประจำการผมก็รีบไปถ่ายทำมิวสิกวิดีโอทันที ถ้าเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ผมคิดว่ามันไม่ได้เกิดจากการเข้ารับการเกณฑ์ทหารหรอกครับ แต่คงเป็นเพราะเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากเหมือนครับ แต่ผมมีเกณฑ์ของตัวเองอยู่
ผมคิดว่าผมเริ่มมีความคิดที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น ผมพยายามมองให้ชัดเจนว่ามันคืออะไร ยอมรับและทำความเข้าใจกับมัน แล้วคิดว่าครั้งหน้าควรทำแบบนี้แทน ผมคิดว่าตัวเองเริ่มไตร่ตรองรอบคอบมากขึ้นครับ ผมคิดว่างั้นนะ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาชีพศิลปิน
สิ่งที่เรียนรู้เหรอครับ ไม่เชิงว่าเป็นสิ่งที่เรียนรู้ แต่เป็นสิ่งที่ผมใส่ใจมากขึ้น ก็คือ แม้ว่าผมจะทำงานในฐานะศิลปิน แต่นั่นเป็นอาชีพของผม ผมคิดว่าการเป็นศิลปินไม่ได้หมายความว่าผมควรจะหลงตัวเอง มากกว่าความถ่อมตัว ผมคิดว่าควรใช้ชีวิตอย่างเป็นมนุษย์ที่ดี ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นอาชีพที่ทำให้ได้รับทั้งชื่อเสียงและความนิยมมากเลยครับ ขอบคุณครับ

text: AuAi
photo: Tommy Tong
style: เบญจ์ เบญจสิริรักษ์