ส่องคาแร็กเตอร์ตัวละครเรื่อง Record of Youth ซีรี่ย์เกาหลีเรื่องใหม่ของพัคโบกอม!

คิดถึงพัคโบกอมมาก ขนาดเข้ากรมไปไม่กี่วัน ดีนะที่พัคโบกอมก็รู้ใจฝากผลงานให้ได้ชมแก้คิดถึง เรื่องแรกที่ออนแอร์เรียบร้อย นั่นก็คือ ซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Record of Youth ก่อนที่จะไปชมกันที่ Netflix ไปส่องคาแร็กเตอร์ตัวละครหลักกันก่อนดีกว่า ว่าใครรับบทเป็นอะไร มีคาแร็กเตอร์และภูมิหลังยังไง

3 ตัวละครหลักในซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Record of Youth

พัคโบกอม รับบทเป็น ซาฮเยจุน (อายุ 26 ปี อาชีพ นายแบบและนักแสดง)

Record of Youth, เส้นทางดาว, 청춘기록, ซีรี่ย์เกาหลี, 박소담, 변우석, 박보검, พัคโบกอม, พัคโซดัม, บยอนอูซอก, Byun Woo Seok, Park So Dam, Byeon Woo Seok, Park Bo Gum, ซาฮเยจุน, อันจองฮา, วอนแฮฮโย

ในเรื่องRecord of Youth “พัคโบกอม” จะรับบทเป็น “ซาฮเยจุน” ซึ่งเป็นนายแบบรูปหล่อชื่อดัง แต่แท้จริงเขาอยากเป็นนักแสดง ซาฮเยจุนเป็นคนมีความทะเยอทะยาน แม้ว่าเขาจะเป็นนายแบบที่หน้าตาหล่อเหลา แต่เหล่าดีไซเนอร์มักเลือกวอนแฮฮโยเพื่อนสนิทของเขาก่อนเสมอ ทว่าด้วยความที่ซาฮเยจุนมีความขยันและมีพรสวรรค์ที่มาพร้อมความมีสไตล์ จึงทำให้เขาโด่งดังขึ้นมาในที่สุด

หลังจากซาฮเยจุนโด่งดัง เขารับรู้ได้ว่าใคร โดยเฉพาะผู้หญิง มองเขาเปลี่ยนไปบ้าง แถมยิ่งรู้ว่าเป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ในย่านฮันนัมดง ทำให้ใครต่อใครพากันคิดว่าซาฮเยจุนรวย แม้ความจริงจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถึงกระนั้นภาพลักษณ์ดังกล่าว รวมถึงหน้าตาก็ไม่ได้ทำร้ายเขาอีกต่อไปแล้ว

ซาฮเยจุนยังเป็นคนเปิดเผยและมองโลกในแง่ดี บางคนวิจารณ์เขาว่าไม่รู้จักโตและคาดหวังอะไรไม่ได้ แต่เขาไม่เปลี่ยนตัวเองเพราะความคิดของคนอื่น เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร และมีความแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ถึงกระนั้นเวลาที่ต้องพบเจอกับความหนักหนาสาหัสในชีวิต ก็มีบ่อยครั้งที่เขาต้องเสียน้ำตา

นอกจากบุคลิกและนิสัยของซาฮเยจุนแล้ว สุดฯ ยังมีภูมิหลังของเขามาเล่าให้ฟังด้วย

ซาฮเยจุนมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก ซาฮเยจุนอยากให้พ่อภูมิใจในตัวเขาบ้าง เลยขยันเรียนอย่างหนัก แต่ก็ไม่เคยได้ผลการเรียนที่ดีกว่าพี่ชาเลย เขาจึงมองพี่ชายเป็นคู่แข่งที่ต้องเอาชนะให้ได้

แต่วันหนึ่งซาฮเยจุนก็เปลี่ยนใจ เมื่อมาคิดได้ว่าการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มีแต่จะทำให้ความภาคภูมิใจในตัวเองลดลง และความคิดนี้เองที่ทำให้เขาเติบโตขึ้น ซาฮเยจุนกลายเป็นคนที่ไม่คิดจะแข่งกับใครอีก โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว แถมความคิดในเรื่องนี้ยังช่วยซาฮเยจุนในเส้นทางอาชีพนายแบบอีกด้วย

อย่างที่บอกไปว่าซาฮเยจุนเรียนไม่ค่อยเก่ง แม้เขาจะพยายามตั้งใจเรียนอย่างหนัก ซาฮเยจุนรู้ตัวดีว่าไม่มีทางประสบความสำเร็จทางด้านการเรียนเกินหน้าพี่ชายได้ จึงหันไปหาอะไรบางอย่างที่ตัวเองทำได้ดีและชื่นชอบแทน ซาฮเยจุนมักจะคิดเสมอว่าการพยายามทำอะไรซ้ำๆ ที่ไม่ได้นำพาความสำเร็จมาให้ เป็นเรื่องโง่เขลา และถ้าทำอะไรไม่ได้ดีก็ช่างมันดีกว่า ถึงอย่างนั้น กลับมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่ยอมปล่อยมือจากความฝัน คือการเป็นนักแสดง แม้มองเห็นอาชีพนี้เป็นโอกาสที่เอื้อมไม่ถึง แต่ซาฮเยจุนจะไม่ยอมละทิ้งความฝันการเป็นนักแสดงเด็ดขาด

บอกเลยว่าเส้นทางการเป็นนักแสดงของซาฮเยจุนไม่ราบรื่นตั้งแต่แรก เพราะพ่อของซาฮเยจุนต้องการให้เขาเป็นข้าราชการและใช้ชีวิตที่มั่นคงกว่าที่ผ่านมา แต่ซาฮเยจุนกลับทำตรงข้ามกับความปรารถนาของพ่อ ซาฮเยจุนสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลีเพื่อเป็นนักแสดง แต่หลังเรียนไปได้เพียงปีเดียวเขาก็ลาออก เพราะพ่อแม่ต้องจ่ายค่าเรียนให้ทั้งเขาและพี่ชาย เขาเลยต้องหยุดเรียน ฮเยจุนจึงคิดว่าแทนที่จะเรียนสู้ใช้ทักษะที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า ในเมื่อทักษะด้านการแสดงของตัวเองยังไม่ดี ซาฮเยจุนเลยตัดสินใจจะหาเงินด้วยการเป็นนายแบบไปก่อน

แอบได้กลิ่นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างพ่อกับฮเยจุนไหมทุกคน จริงๆ คุณพ่อรักฮเยจุนมาก แต่ก็มีความรู้สึกเกลียดชังฝังอยู่ลึกๆ ด้วยสาเหตุบางอย่าง ทำให้ฮเยจุนรู้สึกว่าในครอบครัวมีเพียงคุณตาคนเดียวที่รักเขา

พัคโซดัม รับบทเป็น อันจองฮา (อายุ 26 ปี อาชีพ เมคอัพอาร์ทติสต์)

ส่วน “พัคโซดัม” ผู้ที่ปังมากจากผลงานการแสดงก่อนหน้านี้ในภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์ Parasite ในบท “เจสสิก้า” จะพลิกคาแร็กเตอร์แบบขั้วตรงข้าม มารับบทเป็น “อันจองฮา” หญิงสาวที่มีจิตใจดีและอ่อนโยน พยายามมองโลกในแง่ดี แม้พ่อแม่จะหย่ากัน จนอันจองฮาต้องย้ายโรงเรียนหลายครั้ง แต่กลับทำให้อันจองฮาเป็นคนที่รู้จักปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าอันจองฮาจะเจอสภาพแวดล้อมแบบไหน เธอก็จะรักษาบาดแผลที่มีโดยไม่ปริปากบอกใครถึงความเจ็บปวดนั้น

ถึงแม้ว่าใครๆ จะบอกว่าอันจองฮาปากตรงกับใจ แต่ความจริงแล้วเธอยั้งตัวเองไว้บ่อยๆ อันจองฮามักเป็นที่ชื่นชอบและมีความเข้าใจคนอื่น มีใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่ตลอด แต่ความจริงแล้ว อันจองฮามักจะร้องไห้คนเดียวประจำ เธอจะรู้สึกอ้างว้างง่าย เพราะแบบนี้อันจองฮาจึงต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงา

ตอนเด็กๆ อันจองฮาคิดว่าการเรียนคือทางเดียวที่จะพิสูจน์ความสามารถ อันจองฮายอมเดินทางจากเมืองชองจู เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยในโซล ซึ่งเธอสามารถทำให้พ่อแม่ภูมิใจด้วยการสอบติดหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเกาหลีได้ ระหว่างเรียนอันจองฮาก็รับงานสอนพิเศษระดับสูงที่รายได้ดีควบคู่กันไปด้วยเพื่อหาค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

อันจองฮาขยันขันแข็งทำงานตัวเป็นเกลียวและมีความฝันที่จะเป็นเมคอัพอาร์ทติสต์ แต่ในความเป็นจริง อันจองฮารู้ดีว่าเธออาจจะถังแตกได้ ถ้าวิ่งไล่ตามความฝันนั้น เพราะความยากจนจะทำให้ชีวิตเลวร้าย แถมเธอยังรู้ดีว่าอาชีพที่เธอใฝ่ฝันจะทำให้ชีวิตเธอวุ่นวายขนาดไหน

ด้วยความเจ็บปวดและความเหงาที่อันจองฮาเก็บไว้ในใจ เธอจึงสถาปนาตัวเองเป็นติ่งตัวแม่ ติดตามเหล่าไอดอลไปทั่ว บูชาเหล่าซุปตาร์เท่าชีวิต โดยหลักเกณฑ์ในการเลือกไอดอลที่ชอบ คือ หน้าตา พวกเขาต้องหล่อในระดับที่แค่มองก็ทำให้ยิ้มได้ทั้งวัน แต่อันจองฮาไม่ได้ชอบแค่ไอดอลนะจ๊ะ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอคลั่งนายแบบคนหนึ่งแบบสุด นั่นก็คือ “ซาฮเยจุน” ชอบถึงขนาดที่แค่ฟังชื่อก็เคลิ้มแล้ว เธอชอบที่ทั้งตัวเองและเขาเกิดปี 1993 เหมือนกัน และยังชอบพลังงานที่สดใส จึงยกตำแหน่งไอดอลหมายเลขหนึ่งให้ไปเลย

หลังอันจองฮาเรียนจบ เธอก็ทำให้พ่อแม่ภูมิใจอีกครั้ง เพราะอันจองฮาได้งานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เธอมีทุกอย่างที่อยากมี แต่อันจองฮากลับลาออกจากงานหลังผ่านไปแค่สามปี แม้หัวหน้าทีมพยายามเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจ แต่เธอคิดแล้วว่าการทำงานที่นี่ต่อไป แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่มีความสุข

หลังลาออกจากงาน อันจองฮาก็ได้งานเป็นทีมแต่งหน้าในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งย่านชองดัมดง อันจองฮาทุ่มเทหนักมาก เรียกว่ามี 100% จองฮาให้ไปเลย 200% จนได้โอกาสแต่งหน้าให้นายแบบนางแบบที่งานแฟชั่นวีคของดีไซเนอร์ “ชาร์ลี จอง” อันจองฮาดีใจมากขึ้นอีก เมื่อรู้ว่านายแบบคนโปรดอย่างซาฮเยจุนจะมาขึ้นเวทีด้วย อันจองฮาพยายามสงบสติอารมณ์และบอกตัวเองว่างานต้องมาก่อนนะ แต่สุดท้ายเธอก็เข้าไปมีเอี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในงานจนได้

บยอนอูซอก รับบทเป็น วอนแฮฮโย (อายุ26 ปี อาชีพ นายแบบ/นักแสดง)

ตัวละครหลักในเรื่อง ไม่ได้มีแค่พระนางอย่างเดียวนะจ๊ะ ยังมี “บยอนอูซอก” ที่มาสวมบทบาทเป็น “วอนแฮฮโย” เขาเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อม เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย คุณปู่เป็นถึงประธานคณะกรรมการที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ส่วนคุณพ่อเป็นศาสตราจารย์และคณะกรรมการของมหาวิทยาลัย ในขณะที่คุณแม่เป็นแม่บ้านที่จบด้านศิลปะ เดิมทีก่อนเข้าโรงเรียน วอนแฮฮโยเข้าใจว่าครอบครัวของเขาก็ปกติ แม้พวกเขาจะไปเที่ยวต่างประเทศ ไปเล่นสกี หรือพักโรงแรมหรูๆ กันเป็นประจำ แต่พอเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐ วอนแฮฮโยก็ได้รู้ว่าชีวิตเขาไม่เหมือนใครหลายๆ คน และที่นั่นทำให้วอนแฮฮโยได้รู้จักและกลายเป็นเพื่อนกับซาฮเยจุน

บางครั้งความร่ำรวยของแตัวเองก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับซาฮเยจุน วอนแฮโยรู้สึกชื่นชมซาฮเยจุนอย่างมาก เพราะซาฮเยจุนเป็นคนอ่อนโยน สุภาพ เป็นกันเอง และเป็นคนเปิดเผย แถมยังขี้เล่นมาก ไหนจะยังรู้ว่าตัวเองชอบและไม่ชอบอะไร และถ้าไม่อยากทำอะไรก็แค่ปฏิเสธ

แต่สำหรับวอนแฮฮโย เขายึดมั่นเสมอว่าการเป็นผู้ชายคือการต้องท้าทายตัวเอง ทำให้วอนแฮฮโยชอบการแข่งขันและเกลียดความพ่ายแพ้ เขาจะทุ่มเทอย่างมากเมื่อเป็นเรื่องที่ชอบ เขาไม่เห็นด้วยเวลาคนอื่นบอกว่าเขาได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเนื่องจากฐานะทางครอบครัว วอนแฮฮโยทุ่มเทอย่างหนักและเชื่อว่าเพราะตัวเองถึงทำให้มาถึงจุดนี้ได้ ซึ่งเกิดจากการแข่งขันอย่างยุติธรรมและการทำงานหนักของตัวเอง

วอนแฮฮโยจะคิดเสมอว่าตัวเองไม่ได้เหนือกว่าซาฮเยจุนเพราะพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เขาดีกว่า คือ ความขยันขันแข็งและความพยายามที่เขาทุ่มเทลงไปต่างหาก เขาจะอ่อนไหวเวลามีอะไรที่ดูไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับตัวเอง

วอนแฮฮโยเองก็มีความฝันอยากจะเป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน หลังเขาโด่งดังในฐานะนายแบบแล้ว วอนแฮฮโยได้เซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ใหญ่ ทำให้เขาได้รับโอกาสมากมาย แถมบางครั้งการที่เขาไปไหนมาไหนกับดาราดังในค่ายเดียวกัน ก็ทำให้เขาได้รับบทบาทเล็กๆ ไปด้วย เพราะเหตุนี้วอนแฮฮโยจึงพอเป็นรู้จักทั้งในฐานะนายแบบและนักแสดง

เรียกว่าได้ทำความรู้จักทั้งพื้นหลังและนิสัยกันแบบละเอียดเลยทีเดียว เอาจริงๆ อ่านแค่นี้ก็มีความอยากตามดูแล้วอะ แอบเอ๊ะ! กับหลายประเด็นเลย มีความเหมือนจะตรงกับชีวิตจริงของใครๆ หลายคน ใครอยากติดตามชมเรื่อง Record of Youth ติดตามซับไทยได้ทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 ที่ Netflix นะคะ

TEXT : ImJinah

PHOTO : Facebook(@tvNDrama)