#SudsapdaBeauty ขอตอบรับกระแส Thai Beauty ที่กำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรีวิว ครีมกันแดดแบรนด์ไทย ที่ดังมากอย่าง MISTINE และ HER HYNESS
…เจ้าแรกดังมานานจนตอนนี้ครองใจสาวจีนไปเต็มๆ ส่วนแบรนด์หลังเพิ่งมาแต่ก็แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ทั้งสองแบรนด์ดียังไง ทำไมปัง สุดสัปดาห์จะมาเฉลยค่ะ
MISTINE ส่ง ครีมกันแดดแบรนด์ไทย ครองใจ พส.จีน
สำหรับแบรนด์ MISTINE (มิสทิน หรือที่เรามักเรียกติดปากกันว่า มิสทีน) ไม่ต้องพูดกันเยอะเรื่องความโด่งดัง สมัยก่อนเป็นสินค้าขายตรงดังระดับประเทศ ปัจจุบันเป็นแบรนด์ไทยที่ดังมากในจีน โดยเฉพาะครีมกันแดดที่ทางแบรนด์เลือกเป็นสินค้าเรือธง (Flagship Product) ในการบุกเบิกตลาดและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สร้างสถิติขึ้นเป็นครีมกันแดดยอดขายอันดับ 1 ในหลายแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และพาสินค้าอื่นๆ ไปครองใจพส.จีนกันเป็นขบวน ไม่ว่าจะเป็นคุชชั่น ลิปจุ่ม ไปจนถึงสินค้าไลฟ์สไตล์
ครีมกันแดดที่เป็นตำนานและทุกคนรู้จักกันดีคงหนีไม่พ้นรุ่นคลาสสิคอย่าง กันแดดมิสทีนฝาส้ม (บางคนก็เรียกฝาเหลือง) และทางแบรนด์ยังแตกไลน์รุ่นอื่นๆ ออกมาอีกเพียบ เช่น กันแดดสูตรสำหรับเด็ก (ขวดเป็นรูปดาวน่ารักมาก) กันแดดสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย กันแดดสูตรลดเลือนริ้วรอย กันแดดสูตรเมคอัพเบส ฯลฯ แต่ละตัวก็มีเนื้อและคุณสมบัติต่างกันไป ตั้งแต่เนื้อเบามาก ปานกลาง เนื้อหนักขึ้นมาหน่อย ให้เลือกใช้กันตามสภาพผิวและความชอบ
จากที่เคยลองใช้ เราว่ากันแดดของมิสทีนคุณภาพดีหลายตัวเลย ซึ่งเรื่องคุณภาพนั้นการันตีได้จากความนิยมในจีน โดย คุณดนัย ดีโรจนวงศ์ ผู้บริหารใหญ่ Mistine เคยให้สัมภาษณ์กับสุดสัปดาห์ว่า “ชาวจีนกังวลกับการใช้สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ แปลว่าเมื่อเราบอกว่าสินค้าดี ใส่อะไรไปเท่าไหร่ ถ้าเขาเอาไปตรวจสอบต้องได้ตามนั้นเป๊ะๆ” ดังนั้นถ้ากันแดดมิสทีนได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพ น่าจะแปลว่าของเขาแน่จริง (อ่านบทสัมภาษณ์คุณดนัยฉบับเต็ม คลิกที่นี่)
นอกจากนี้ในเรื่องของแพ็คเกจจิ้ง ต้องบอกว่าช่วงหลังมิสทีนปรับได้ดีมาก มีความอินเตอร์ ดูเรียบเก๋ น่าใช้ จุดที่ชอบเป็นพิเศษคือ การจัด Typo บนกล่องที่ลงตัวและสื่อสารถึงตัวสินค้าได้ดี มีรายละเอียดครบทั้งชื่อสินค้า รุ่น คุณสมบัติ ส่วนผสม และอื่นๆ แต่ดูสะอาดตา ส่วนตัวหลอดก็มาในคอนเซปต์เดียวกัน เรียบๆ เน้น Typo เป็นแบบหัวปั๊มกดใช้สะดวก สะอาด ไม่ปนเปื้อน
รีวิวครีมกันแดด MISTINE
ในที่นี้จะขอพูดถึงตัวที่เราลองแล้วชอบที่สุดคือ Mistine Aqua Base Ultra Protection Essence Skin Care Sunscreen SPF50+ PA++++ เป็นกันแดด Aqua base สูตรลดเลือนริ้วรอยสำหรับผิวแพ้ง่าย
ประเภทของกันแดด – กันแดดมิสทีนสูตรนี้เป็นประเภท Hybrid จากส่วนผสมข้างกล่องมีสารกันแดดหลายตัว ทั้งแบบ Chemical, Physical และ Hybrid (เช่น สารกันแดดกลุ่ม Chemical: Octocrylene, Homosalate, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Ethylhexyl Salicylate, Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine กลุ่ม Hybrid: Methylene Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol, กลุ่ม Physical: Titanium Dioxide)
เนื้อกันแดด – เนื้อเอสเซนส์บางเบา เกลี่ยง่าย แห้งไว แต่ไม่ได้ทำให้ผิวรู้สึกแห้ง คือทาแล้วรู้สึกชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะ ไม่หนัก ไม่เหนียว และไม่แห้งไป สบายผิวกำลังดีเลยค่ะ
สี – ในส่วนของสี เนื้อจะเป็นสีขาวทึบ แต่ทาแล้วไม่วอก ไม่ลอย
อื่นๆ – รุ่นนี้ผสมสารบำรุงมาหลายตัว เช่น 3% Nicotinamide, 4-Butylresorcinol, Glabridin, Lichochalcone สามตัวแรกช่วยเรื่องเม็ดสี ส่วนตัวหลังช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีสารที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เช่น Butylene Glycol ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี 4 ชนิดที่เป็นอันตรายต่อปะการัง
สรุป – เราว่ากันแดดขวดนี้ตอบโจทย์คนชอบอะไรแบบ All in one ขวดเดียวครบทั้งกันแดดและบำรุง ส่วนตัวผิวเริ่มแห้งตามวัยแต่ไม่ถึงกับแห้งมากเลยชอบกันแดดขวดนี้ตรงที่ความสบายผิว มีบำรุงในตัว ชุ่มชื้นแต่ไม่มัน ไม่ตึ๊บ ไม่วอก ซึมง่าย แห้งไว แล้วก็มาในขวดปั๊มกดใช้สะดวก
HER HYNESS กันแดดเนื้อจึ้งจิตจึ้งใจ
เป็นอีกแบรนด์ที่ดังมากในโลกออนไลน์ทั้งกันแดดและสกินแคร์ ต้องบอกว่าเราตัดสินใจลองกันแดดของ Her Hyness จากการแนะนำของเพื่อนฝรั่ง จริงๆ ได้ยินชื่อเสียงครีมกันแดดของเขามานานแล้วแต่เรามีตัวอื่นที่ชอบใช้อยู่เลยยังไม่ได้คิดจะลอง พอได้ยินเธอบอกว่าใช้กันแดดแบรนด์ไทยของ Her Hyness อยู่นะ เพราะชอบเนื้อสัมผัส …โอเค ถ้าพูดขนาดนี้ เราเป็นคนไทยจะพลาดของดีเมืองไทยได้ไง ต้องลองแล้วละ
สำหรับกันแดดของ Her Hyness ตอนนี้ออกมา 2 รุ่น คือ รุ่นแรกขวดชมพูตัวดัง Her Hyness Royal Hya Water Sunscreen SPF50+ PA++++ และรุ่นใหม่ที่ออกมาทีหลังขวดส้มชมพู Her Hyness Hexapeptide Anti-ageing Super Dry Touch Sunscreen SPF50+ PA++++ กันแดดสูตรแอนไทเอจจิ้ง
สองสูตรนี้มีจุดต่างใหญ่ๆ คือ เนื้อและคุณสมบัติ สูตรดั้งเดิมเป็นเนื้อครีมที่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อ Watery เมื่อทา เน้นการปกป้องและให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับการใช้ประจำวัน ส่วนสูตรใหม่เป็นเนื้อ Silky ที่จะหนักขึ้นมาหน่อย แต่ก็มาพร้อมการปกป้องที่แน่นขึ้น ติดทนขึ้น กันน้ำ และมีส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องแอนไทเอจจิ้ง เหมาะกับกิจกรรมเอ๊าต์ดอร์
ทั้ง 2 สูตรมาในแพ็คเกจที่ระบุข้อมูลสินค้าและข้อมูลสำคัญครบถ้วน เด่นชัด อ่านแล้วเข้าใจง่ายว่าผลิตภัณฑ์นี้คืออะไร มีคุณสมบัติอะไร ฯลฯ ใช้ได้แบบไม่มีข้อสงสัยในใจ
รีวิวครีมกันแดด Her Hyness
สำหรับในบทความนี้ขอ รีวิวครีมกันแดด Her Hyness Royal Hya Water Sunscreen SPF50+ PA++++ รุ่นขวดชมพู ซึ่งเราชอบมากกว่า
ประเภทของกันแดด – เป็นสูตรไฮบริดที่รวมข้อดีของกันแดดสูตร Chemical และ Physical เข้าด้วยกัน โดยจากส่วนผสมหลักข้างกล่องมีทั้งส่วนผสมของ Chemical และ Physical (เช่น สารกันแดดกลุ่ม Chemical: Butyl Methoxydibenzoylmethane, Octocrylene, Ethylhexyl Salicylate, กลุ่ม Physical: Titanium Dioxide, Zinc Oxide)
เนื้อกันแดด – รักในความเนื้อเบามากกก เป็นเนื้อครีมที่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อ Watery เมื่อทาลงบนผิว ซึมง่าย เบาสบายผิวขั้นสุด และให้ความชุ่มชื้นแบบกำลังดี ไม่เหนียว ไม่มันใดๆ ทั้งสิน ไม่แปลกที่เพื่อนฝรั่งจะเลิฟ
สี – เนื้อสีขาวแต่ทาแล้วจะซึมลงไปกับผิวเลย เรารู้สึกว่าเนื้อโปร่งแสงและเบามาก ไม่กวนเมคอัพแม้แต่น้อย ทั้งในเรื่องความเป็นคราบและสี
อื่นๆ – มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและบำรุง เช่น Sodium Hyaluronate, Royal Jelly, Hydroxyethyl Urea, Niacinamide ไม่มีกลิ่นน้ำหอม เป็นสินค้าคลีนบิวตี้และไม่ทดลองกับสัตว์ ปราศจากสารเคมีรุนแรงที่เป็นอันตราย (ทั้งหมดนี้ระบุอยู่ที่กล่องเลย ข้อมูลครบถ้วนจริงๆ) และมาในหัวปั๊มกดใช้ง่าย สะอาด ไม่ปนเปื้อน
สรุป – ไม่แปลกใจที่ครีมกันแดดของเขาโด่งดังและเพื่อนชาวต่างชาติของเราเลือกใช้ เพราะมีจุดเด่นที่เนื้อกันแดดเบาสบายผิวจริงๆ ไม่วอก ไม่ลอย แถมยังชุ่มชื้นแต่ไม่มัน ไม่เหนียว ซึมไว ทาแล้วโปร่งแสงเกือบๆ จะ Invisible เลย แต่งหน้าตามได้สบายมาก เหมาะจะใช้ในชีวิตประจำวันสุดๆ
ขอสรุปว่าพอเปิดใจลองแล้วชอบทั้ง 2 ตัว ตอนนี้อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งทั้งคู่ ใช้สลับกันในชีวิตประจำวัน วันไหนรู้สึกหน้าแห้งหน่อยจัดกันแดดมิสทีนขวดขาว วันไหนผิวปกติใช้กันแดด Her Hyness ขวดชมพู
ทั้งหมดนี้คือความปังของ ครีมกันแดดแบรนด์ไทย ทั้ง 2 แบรนด์ที่ดังไกลถึงต่างแดน ใครรีๆ รอๆ ที่จะลองแนะนำค่ะ …แล้วจะรู้ว่าเค้าทำถึง!
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครีมกันแดดแต่ละประเภท
กันแดดแบบ Chemical – เป็นกันแดดที่ใช้หลักการดูดซับรังสียูวีแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อน ข้อดีคือราคาไม่สูง หาได้ง่ายในท้องตลาด เนื้อบางเบา สีอ่อน ข้อเสียคือต้องทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมงหากออกแดด
สารในกันแดดกลุ่ม Chemical เช่น Octinoxate, Avobenzone (Butyl Methoxydibenzoylmethane), Homosalate, Octocrylene, Oxybenzone (Benzophenone-3), Octisalate (Ethylhexyl Salicylate), PABA
ครีมกันแดดแบบ Physical – ทำงานแบบสะท้อนรังสียูวีออกไป ข้อดีคือโอกาสแพ้หรือระคายเคืองน้อยกว่า ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ ปกป้องผิวได้ดี ข้อเสียคือเนื้อจะหนักกว่า
ส่วนผสมในกลุ่มนี้คือ Zinc Oxide และ Titanium Dioxide (เป็นสารกันแดดเพียง 2 ตัวที่ FDA ให้การรับรองมายาวนาน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสารกันแดดตัวอื่นที่ FDA ยังไม่รับรองจะไม่ปลอดภัยเสมอไป เพราะยังมีการถกเถียงกันว่า FDA เข้มเกินไปหรือไม่ เนื่องจากสารบางตัวทางยุโรปและประเทศอื่นๆ ให้การรับรองและใช้มานานแล้ว โดยขณะนี้กำลังมีความพยายามยื่นขอการรับรองสารกันแดด Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Chemical เพิ่มเติมอยู่ ซึ่งจะทราบผลประมาณเดือนมีนาคม 2026 – อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว CBS News ของสหรัฐอเมริกา)
กันแดดแบบ Hybrid – เป็นกันแดดที่ผสมข้อดีและลดข้อเสียระหว่าง Chemical กับ Physical คือทำงานแบบทั้งดูดซับและสะท้อนรังสียูวี เนื้อจะเบากว่าแบบ Physical ปัจจุบันหลายแบรนด์เลือกใช้สูตรนี้เพื่อการปกป้องที่ดีขึ้นและและเนื้อสัมผัสที่น่าใช้ยิ่งขึ้น
ส่วนผสมในกันแดดแบบHybrid อาจมีทั้งส่วนผสมในกลุ่ม Physical และ Chemical ร่วมกัน และส่วนผสมที่มีคุณสมบัติสะท้อนและดูดซับในตัวเอง เช่น Methylene Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol
*หมายเหตุ – การรีวิวเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล ผลลัพธ์และความรู้สึกอาจแตกต่างไปตามสภาพผิว ความชอบ และประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
Text/Images: Nicharee W.