10 เรือนไฮไลต์ ในงาน “ Siam Paragon Watch Expo 2020 ” มหกรรมการแสดงนาฬิกาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ที่งานนี้คนรักนาฬิกาจะมารวมพลกันเพื่อสัมผัสแบรนด์นาฬิกากว่า 180 แบรนด์ดังในตำนาน และไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือ การเผยโฉมคอลเลคชั่นปี 2020 ครั้งแรกในโลก
สุดฯ เอารายละเอียดมาให้ดูกันชัดๆ เห็นแล้วชวนฝันไปว่าอยากได้บ้างไรบ้าง #ขยันทำงานสิจ๊ะรออะไร
แฟรงค์ มุลเลอร์ รุ่น VANGUARD 7 DAYS POWER RESERVE SKELETON
ถือเป็น 1 ใน 10 เรือนไฮไลต์ของงาน Siam Paragon Watch Expo 2020 ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดแสดงกลไกอันงดงามสลับซับซ้อนซึ่งเปรียบเสมือนขุมสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรือน บริดจ์ซึ่งได้รับการขัดแต่งด้วยมือจนไร้ที่ติ ไม่เพียงเผยกลไกที่ผลิตขึ้นในโรงงานของแบรนด์เอง แต่ยังรวมถึงหน้าปัดย่อยวินาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาด้วย ดีไซน์แบบโอเพนเวิร์ก หรือที่เรียกกันว่า “สเกเลตัน” นี้โดดเด่นด้วยเส้นสายเรขาคณิตและโครงสร้างสถาปัตยกรรม เน้นความโปร่งใส ทำให้ผู้รักนาฬิกาได้ชื่นชมกลไกได้อย่างใกล้ชิด
Grand Seiko รุ่น 60th Anniversary Limited Edition
เนื่องในโอกาสฉลอง 60 ปีแบรนด์ แกรนด์ ไซโก้ ทางแบรนด์จึงได้เปิดตัวนาฬิกาเรือนพิเศษ เพื่อรำลึกความสำคัญของ Shizukuishi watch studio สถานที่ซึ่งนาฬิกาแกรนด์ ไซโก กลไกจักรกลทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้น โดยลวดลายที่หน้าปัดได้แรงบันดาลใจมาจากต้น White Birch ในป่าบริเวณ Shizukuishi เป็นงานแกะสลักด้วยมืออย่างปราณีตตัวเรือน 18K สีโรสโกลด์ โดยมีขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร สามารถการกันน้ำได้ถึง 30 เมตร ซึ่งใช้กลไกไขลาน cal.9S64 มีความเที่ยงตรง +50 to -3 วินาทีต่อวัน พร้อมพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง
Longines รุ่น The Longines Heritage Classic Chronograph 1946
ลองจินส์ ชุบขีวิตเรือนเวลาในอดีตปลายยุค 1940 ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งภายในตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 40 มม. ของ The Longines Heritgae Classic Chronograph 1946 บรรจุกลไกอัตโนมัติ L895.5 ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อลองจินส์โดยเฉพาะ และเพื่อเป็นการรักษาดีไซน์ดั้งเดิมเอาไว้หน้าปัดนาฬิกาจึงเป็นสีเงินโอพาลีนทรงโดมที่เสริมด้วยหน้าปัดย่อยสองวง นั่นคือหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาที และหน้าปัดย่อยวินาที ตกแต่งด้วยเลขอารบิกฟอนต์ “dolphin “ ตัวเอียง
นอกจากนี้ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา คำว่า LONGINES ยังใช้ฟอนต์ในสไตล์แอนทีคที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค ขณะเดียวกันก็ดูสวยงามเข้ากับหน้าปัดได้อย่างพอดี ส่วนเข็มนาฬิกามาในทรง “ใบไม้” สีน้ำเงิน ก็ช่วยขับเน้นความสวยงามของนาฬิกาหรูเรือนนี้ ที่มาพร้อมกับกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์กันแสงสะท้อนและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ส่วนสายนาฬิกาของโมเดลนี้เป็นสายนาฬิกาหนังสีดำกึ่งด้าน ที่มีผิวสัมผัสอ่อนนุ่มในสไตล์วินเทจเข้ากับตัวเรือน
BREITLING รุ่น CHRONOMAT B01 42
THE NEW BREITLING CHRONOMAT COLLECTION เปรียบเสมือนคอลเลคชั่นสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Breitling (ไบร์ทลิ่ง) กับการเปิดตัวครั้งแรกในปี 1984 ในยุคที่ นาฬิกา Quartz ตัวเรือนบางเฉียบกาลังเป็นที่นิยม Breitling วางเดิมพันด้วยนาฬิกาจักรกลอันยอดเยี่ยมที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เป็นผู้ชนะ และกลายเป็นตัวแทนแห่งยุค จนมาปี 2020 นี้ Chronomat ก็ได้รับการออกแบบใหม่อีกครั้ง เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมลุย และมีสไตล์เข้ากับ Breitling Chronomat รุ่นใหม่
Breitling Chronomat รุ่นใหม่นับเป็นนาฬิกาสปอร์ตอเนกประสงค์อย่างแท้จริง เพราะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ที่บ้าน เดินเล่น ชายหาด ไปจนถึงงานเลี้ยงสุดหรู สายนาฬิกา Rouleaux (โรลอซ์) ที่สะดุดตาสื่อให้เห็นถึงสไตล์ย้อนยุคที่แฝงความทันสมัยของ Breitling เช่นเดียวกับขอบหมุนพร้อมหลักหมุดอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เพียงแค่ช่วยปกป้องกระจกหน้าปัดจากการกระแทกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การหมุนปรับตั้งเวลาเป็นไปได้อย่างสะดวกง่ายดาย และนาฬิกาจับเวลารุ่นใหม่ในคอลเลคชั่นนี้ทุกเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไก Breitling Manufacture Caliber 01 เป็นกลไกจักรกลแบบ In-House ที่มีพลังงานสำรองอันน่าประทับใจถึง 70 ชั่วโมง
Zenith รุ่น DEFY CLASSIC
รูปลักษณ์แข็งแกร่ง สง่างามในสไตล์สปอร์ตทันสมัย มีจุดเด่นที่ตัวเรือนขนาด Titanium ซึ่งมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เรียกได้ว่านาฬิการุ่นนี้เป็นการรวมกันของทั้งความเท่อันโดดเด่นสะดดุตา กลไกอันประณีตสลับซับซ้อน และสมรรถภาพการทำงานอันเที่ยงตรงสูงสุด และสำหรับสายนั้นมีทั้งเวอร์ชั่นสาย bracelet สายหนังประกบยาง และ สายยางทั้งเส้นที่สามารถตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ของชีวิตแบบร่วมสมัย
CARL F. BUCHERER รุ่น Heritage Bicompax Annual
นาฬิกา Carl F. Bucherer รุ่น Heritage BiCompax Annual Limited Edition ตัวเรือน 41 มม. หนา 14.05 มม. กันน้ำได้ลึกถึง 30 เมตร กระจกทรงโดมสไตล์วินเทจทำมาจากคริสตัลแซพไฟร์ เคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ทั้ง 1 ฝั่ง เช่นเดียวกับฝาหลังที่ใช้คริสตัลแซพไฟร์ เคลือบสารกันแสงสะท้อน อันเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกรุ่นของ Carl F. Buchererer
แรงบันดาลใจในการออกแบบเรือนนี้มาจากความทรงจำในยุค 1956 โดยเฉพาะการจัดวางหน้าปัดย่อย 2 วงในแบบ Bi-compax ที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา เพื่อการแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่ง พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา การแสดงวันที่แบบ Large Date และการแสดงเดือนของระบบปฏิทิน Annual Calendar จากการทำงานของกลไกAutomaticชั้นเยี่ยม Cal. CFB 1972
TAG Heuer รุ่น Carrera 160TH ANNIVERSARY EDITION
วาระครบรอบการก่อตั้งแบรนด์ 160 ปีในปี 2020 TAG Heuer ได้ผลิตนาฬิการุ่นพิเศษคือ Carrera 160 Years Silver Limited Edition ที่มีการผลิตเพียง 1,860 เรือน (ตามปีของการก่อตั้ง) โดยทางแบรนด์ได้ยึดสไตล์การออกแบบมาจากนาฬิกาต้นแบบรุ่นคลาสสิคอย่าง Carrera 2447S ในยุค 1960S นาฬิกามีความความโดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเงินงามสง่าเป็นประกายจากการขัดลาย Sunray หรือที่เรียกกันว่า Starburst รวมถึงหน้าปัดจับเวลาแบบ tri-compact และตัวเรือนรูปทรงคลาสสิคที่ไม่เคยล้าสมัย
ตัวเรือนมีขนาด 39mm ผลิตจากสเตนเลสสตีล กันน้ำลึก 100 เมตร สายหนังจระเข้สีดำพร้อมตัวล็อกสเตนเลสสตีลขัดเงาแบบบานพับ หน้าปัดกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง 2 ชั้น ฝาหลังแบบใสโชว์โรเตอร์ที่มีการสลักอย่างสวยงาม โดยมีการสลักคำว่า “One of 1860” เอาไว้ตรงขอบฝา เรือนเวลาใช้กลไก In-house ใหม่อย่าง Caliber Heuer 02 โดยกลไกรุ่นนี้สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 30 ชั่วโมงจากนาฬิกาต้นแบบ
ORIS รุ่น Carysfort Reef Limited Edition
นาฬิการุ่นที่สามที่โอริสรังสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุน Coral Restoration Foundation (มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูปะการัง) ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,000 เรือน ในตัวเรือนสตีล สามารถแสดงเวลาได้สามไทม์โซนพร้อมกัน ด้วยมาตรแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงที่สลักด้วยเลเซอร์บนวงแหวนขอบหน้าปัดเซรามิค ตัวเรือนสเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น วงแหวนขอบหน้าปัดแบบปรับหมุนได้สองทิศทางเคลือบด้วยเซรามิคสีน้ำเงินและสีดำ (กลางวัน/กลางคืน) และมาตรเวลา GMT มีขนาด 43.5 มม. หน้าปัดสีน้ำเงินเกรเดียนท์ วัสดุเรืองแสงทั้งเข็มและขีดบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน ฝาหลังสเตนเลสตีลแบบขันสกรู สลักลายพิเศษอุปกรณ์ปรับตั้งเวลา เม็ดมะยมนิรภัยสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว สายนาฬิกา สเตนเลสสตีล หรือสายรับเบอร์สีส้ม พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับและส่วนขยายสาย สามารถกันน้ำ 30 บาร์ (300 เมตร) หมายเลขเครื่อง Oris 798 ด้านฟังก์ชั่น เข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มวินาที และเข็มแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงจากจุดศูนย์กลาง หน้าต่างแสดงวันที่ ปรับวันที่แบบฉับพลัน ปุ่มปรับวันที่ กลไกปรับตั้งเวลาแบบละเอียด และหยุดเข็มวินาที การขึ้นลานอัตโนมัติมีพลังงานสำรอง 42 ชั่วโมง จำนวนจำกัด 2,000 เรือน บรรจุในกล่องพิเศษที่ผลิตขึ้นด้วยวัสดุที่ทำจากสาหร่ายซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Seiko รุ่น The 1968 Professional Diver’s 300m Re-creation
เพื่อฉลองครบรอบ 55 ปีของความสำเร็จครั้งแรก Seiko นำเสนอในคอลเลคชั่น Prospex ซึ่งปัจจุบันคือเครื่องหมายแห่งความเป็นเลิศของนาฬิกาที่สามารถตอบสนองความต้องการได้กับกีฬาทุกประเภท รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ท้าทายทุกรูปแบบ นาฬิกานี้ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ให้โดดเด่นด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงิน-เทา ซึ่งสะท้อนถึงความงามของทะเล ขณะเดียวกันก็ยังซ่อนความสามารถในการแสดงค่าที่ยอดเยี่ยมในระดับความลึก ซึ่งทำให้ความเข้มของสีน้ำเงินของมหาสมุทรลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไล่ระดับสีของพื้นหน้าปัดใน 1968 re-creation รหัส SLA039J ด้วยวิธีที่แสงจะค่อยๆ จางหายไปเมื่อดำดิ่งลงสู่ความมืดของโลกใต้มหาสมุทรอันลึกลับ
นาฬิกาไซโก รหัส SLA039J วางจำหน่ายด้วยจำนวนผลิตจำกัดเพียงรุ่นละ 1,100 เรือน
Gucci
สานต่อความสำเร็จของคอลเลคชั่นคลาสสิคเหนือกาลเวลา กุชชี่ (Gucci) แบรนด์แฟชั่นระดับโลก เปิดตัวเรือนเวลา จี-ไทม์เลส สลิม รุ่นล่าสุดที่ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ อเลสซานโดร มิเคเล่ (Alessandro Michele) นำเอาคอลเลคชั่นที่สาวกกุชชี่คุ้นตากลับมาตีความใหม่ ทวิสต์ด้วยแฟชั่นไอคอนรูปผึ้งที่นำมาดีไซน์เป็นเข็มวินาที ด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์ เพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้แอกเซสเซอรีส์บนข้อมือไม่จำเจอีกต่อไป
คอลเลคชั่น G-Timeless Slim นำเสนอดีไซน์ใหม่ในลุคเอเลแกนซ์ ที่แฝงไปด้วยความมีชีวิตชีวาด้วยสายสเตนเลสสตีลแบบ 9 ข้อต่อ ที่ประกอบเข้ากับหน้าปัดสามสีสุดคลาสสิค ทั้งแบบสายเยลโล่โกลด์ แมทช์เข้ากับหน้าปัดซันบรัชสีเงิน และแบบสายสตีล ที่ลงตัวเข้ากับหน้าปัดซันบรัชสีเงิน หรือสีดำ ทั้งยังมีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาด คือ 29 มิลลิเมตร และ 36 มิลลิเมตร
ถ้าอยากไปเห็นของจริงของ 10 เรือนไฮไลต์ เหล่านี้ ก็ยังมีเวลานะจ๊ะ งาน พลาดไม่ได้กับมหกรรมการแสดงนาฬิกา “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2020” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9- 29 กรกฎาคม 2563 ณ บริเวณพื้นที่จัดแสดง ฮอลล์ ออฟ เฟม, เมนฮอลล์, แผนกนาฬิกา ชั้น M และ แฟชั่น ฮอลล์, แฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และต่อเนื่องที่แผนกวอทซ์ แกลเลอเรีย เดอะมอลล์ทุกสาขา, ดิ เอ็มโพเรียม, พารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ และบลูพอร์ตหัวหิน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563
อ่านเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เครือข่าย 5 G ความเร็วและแรง ที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเราไปตลอดกาล!
เทคนิคเซฟแบตฯ สมาร์ทโฟน ให้อึดใช้งานได้ยาวๆ ไปทั้งวัน
HUAWEI P40 Pro+ และ HUAWEI Mate Xs มีอะไรเด็ด น่าโดน ไปดูกัน
ซัมซุงแจกสูตร 5 เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย เมื่อต้อง ทำงานผ่านสมาร์ทดีไวซ์
4 สมาร์ทดีไวซ์ไอที ทีชาว Work from Home ควรมี #งานจะดีชีวิตจะง่าย