หยิ่น-วอร์ สองหนุ่มหล่อสไตล์เกาหลี นักแสดงนำจากซีรีส์ “กลรักรุ่นพี่” ที่ได้รับความนิยมจนกระแสพีคติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลก ส่งให้ หยิ่น-อานันท์ หว่อง และวอร์-วนรัตน์ รัศมีรัตน์ “ขึ้นแท่นคู่จิ้นน้องใหม่มาแรงแห่งปี 2020 ไปอย่างสวยงาม
หยิ่น-วอร์ กับเรื่องที่ขอและอยากให้เข้าใจ
ทำความรู้จัก หยิ่น-วอร์
หยิ่น: ผมเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงครับ คุณแม่เป็นคนไทย คุณพ่อเป็นชาวฮ่องกง ตอนนี้อายุ 21 ย่าง 22 ปี เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ กำลังจะขึ้นปี 4 ไม่ใช่เด็กเรียนเด็กเนิร์ด แต่อยากได้เกรดดีๆ ผมลุ้นให้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งต้องได้ 3.60 ขึ้นไป ตอนนี้เกรดเฉลี่ยผมอยู่ที่ 3.61 ผมคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นคนประเภทหัวดีแต่ขี้ลืม (หัวเราะ) คือเข้าใจอะไรในจุดหนึ่งแล้วก็จริง แต่ผ่านไปสักพักก็จะลืม ดังนั้นเวลาเรียนผมจะค่อนข้างตั้งใจเรียนให้เข้าใจ เพราะถึงแม้จะลืมไป พอกลับมาทบทวนใหม่ก็จะจำได้ครับ
วอร์: สวัสดีครับ วอร์ นะครับ ตอนนี้อายุ 26 ปี เรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนที่ยังเรียนหนังสือ ผมจะเรียนให้พอผ่าน ไม่ได้ตั้งใจเรียนมาก ชอบวิชาไหนก็จะตั้งใจเป็นพิเศษกับวิชานั้น เกรดเฉลี่ยประมาณ 3 ครับ
ผมว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมันคือการทดลอง การเรียนรู้ ผมจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมหา’ลัยเรียนรู้ให้คุ้ม เราเรียนด้านอุตสาหกรรม ผมก็จะเรียนรู้กับเครื่องจักรต่างๆ ให้มากที่สุด ถ้าอยากรู้วิชาจากสาขาอื่น ผมก็ไปนั่งเรียนกับเพื่อนในสาขานั้นๆ เรียนจบแล้วผมตั้งใจจะเป็นนายตัวเอง ทำกิจการเป็นของตัวเอง ระหว่างนี้การสะสมข้อมูลและองค์ความรู้ไว้ให้มากที่สุด ถือเป็นกำไรของชีวิตครับ
เส้นทางในวงการบันเทิงของ หยิ่น-วอร์
วอร์: ผู้จัดการผมเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยครับ เขามาถามผมตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วว่าสนใจเข้าวงการบันเทิงมั้ย แต่ผมปฏิเสธ ไม่ว่าจะถามกี่ทีผมก็ปฏิเสธตลอด คือผมไม่สนใจที่จะเข้าวงการบันเทิง ไม่อยากเป็นนักแสดง จนกระทั่งปี 4 พี่เขามาถามอีก จนเราเริ่มเอะใจว่า หรือพี่เขาจะเห็นอะไรในตัวเรา เริ่มคิดได้ว่าในเมื่อมีโอกาสก็ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสนี้ ผมเริ่มต้นทำงานในวงการ จากถ่ายโฆษณา และงานซีรีส์ต่างๆ แต่เล่นเป็นตัวรอง ไม่ใช่ตัวหลักครับ
หยิ่น: ผมเริ่มจากทำกิจกรรมมหา’ลัย โครงการ Open House แนะนำข้อมูลมหา’ลัยให้กับน้องๆ แล้วรูปผมก็ถูกแชร์ไปเยอะ จากนั้นก็มีสินค้าต่างๆ ติดต่อให้รีวิว ไม่ได้มีงานแสดงอะไร จนกระทั่งมีโปรเจ็กท์ซีรีส์ En Of Love รักวุ่นๆ ของหนุ่มวิศวะ เข้ามาให้ลองทำ ซึ่งทั้งหมดมี 3 เรื่อง ผมกับพี่วอร์จะอยู่ในเรื่อง “กลรักรุ่นพี่” (Love Mechanics) เรียกว่าเป็นงานแสดงเรื่องแรกในชีวิตเลย ซึ่งตอนรับเล่นก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้เล่นเป็นบทนำ ผมเล่นบทอะไรก็ได้ ไม่คิดมากเลย
ตอนรับเล่นผมไม่ได้อธิบายอะไรให้ครอบครัวฟังมาก ว่าจะเล่นซีรีส์วายเป็นแบบนี้ๆ นะ แม่ค่อนข้างโอเคทุกอย่างกับผม จะให้ผมตัดสินใจเอง แต่พ่ออยากให้เน้นเรื่องเรียน ด้วยความที่ท่านทำงานเป็นผู้จัดการโรงงาน เป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดเป็นระบบ เลยอยากให้ลูกทำงานที่มั่นคง ถ้าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย พ่อกลัวว่าลูกจะเครียดจะกดดัน เพราะดาราที่ต่างประเทศมักจะกดดันจนเครียด หลายคนเป็นโรคซึมเศร้า แต่ผมก็บอกท่านว่า ไม่รู้ว่าผมจะดังหรือเปล่า ผมยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น ที่รับเล่นเพราะมองว่ามันเป็นโอกาส
วอร์: ผมมองว่าซีรีส์วายก็เป็นบทประพันธ์เรื่องหนึ่งไม่ต่างจากแนวอื่นๆ เป็นงานแสดงที่เราได้รับมอบหมายให้ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์หนึ่ง คือไม่ได้มองว่าเป็นซีรีส์วายแปลกหรือแตกต่างอะไร ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจความเป็นวายระดับหนึ่งนะ มันก็คืออีกหนึ่งรูปแบบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคม ซึ่งในเรื่องกลรักรุ่นพี่ผมรับบท “มาร์ค” เป็นเฟรชชี่ปี 1 เป็นคนโลกส่วนตัวสูง เก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ก็จะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่สนิทด้วย มาร์คเหมือนผมตรงที่ถ้าไม่คุ้นกับใคร ก็จะไม่ค่อยเข้าไปคุยก่อน คือผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เข้าหาคนไม่เป็นครับ
หยิ่น: ผมเล่นเป็น “วี” รุ่นพี่ปี 3 เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูง ขี้สงสาร รักเพื่อน มีมาดเข้มๆ หน่อย ออกไปทางโมโหร้าย ใครแตะเพื่อนเดี๋ยวเข้าไปเคลียร์เอง ชีวิตจริงผมก็เป็นขี้สงสาร รักเพื่อนนะ แต่ไม่ได้ห้าวหาญพร้อมบวกเหมือนวี (หัวเราะ) ซีรีส์จบแล้ว ใครยังไม่ได้ดู ดูย้อนหลังได้นะครับ ใครดูแล้วก็ดูอีกได้ครับ
ลูก(ผู้)ชายหัวเรี่ยวหัวแรง
หยิ่น: เหตุผลหนึ่งที่ผมรับเล่นซีรีส์เพื่อจะได้มีรายได้มาดูแลตัวเองและครอบครัวด้วย เรียกว่าซีรีส์ “กลรักรุ่นพี่” เปลี่ยนชีวิตผมไปเยอะเลย คือครอบครัวผมฐานะไม่ค่อยดีครับ รายได้จากการทำงานในวงการบันเทิงผมสามารถส่งเงินให้ที่บ้านใช้ได้ ยายกับแม่ผมมีความสุขขึ้น
ต้องเท้าความไปตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ครอบครัวผมล้มละลาย พ่อเริ่มต้นทำธุรกิจเสื้อผ้า มีหน้าร้านอยู่ในห้าง พอเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วยความที่พ่อกู้เงินมาทำธุรกิจ แล้วระบบธุรกิจคือต้องขายของออกไป เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียนเข้ามา แต่ธุรกิจมันไปต่อไม่ได้ ทำให้เป็นหนี้เป็นสิน จากที่พ่อเคยเป็นเจ้าของกิจการ ก็มาต้องเป็นพนักงานบริษัท แต่พอจะไปสมัครงานส่วนใหญ่จะไม่รับคนอายุเยอะเข้าทำงาน พ่อก็เลยต้องย้ายกลับไปทำงานที่ฮ่องกงบ้านเกิด ส่งเงินมาให้ผมเรียน อย่างน้อยอยู่ที่โน่นยังมีญาติๆ คอยช่วยเหลือดูแลกัน ด้านญาติๆ ก็ช่วยส่งค่าเล่าเรียนมาให้ ซึ่งพอเรียนจบผมก็จะทยอยคืนให้
ชีวิตผมจะอยู่กับยายเป็นหลัก แม่ทำสวนครับ การทำสวนจะเหนื่อยมาก แล้วต้องเดินทางไปๆกลับๆ จนบางทีแม่ก็จะพักแถวสวนเลย ภาพที่ผมจำได้ไม่ลืมคือยายร้องไห้เพราะเรื่องเงิน ซึ่งผมไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว
ตอนนี้รายได้ของผมอาจจะยังไม่พอจะช่วยให้พ่อกับแม่หยุดทำงานได้ แต่อย่างน้อยสภาพคล่องทางการเงินของครอบครัวก็ดีขึ้น ผมพอมีเงินให้ยายกับแม่ใช้จ่ายได้สบายขึ้น ไม่ต้องร้องไห้กับเรื่องเงินอีก ความฝันของผมที่ต้องทำให้สำเร็จคือ อยากทำให้ทุกคนในบ้านมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องทำงานหนักแล้วทั้งพ่อและแม่ ผมหวังให้พ่อไม่ต้องทำงาน และกลับมาอยู่เมืองไทยพร้อมหน้าพร้อมตา ผมจะเป็นคนดูแลทุกคนเอง
ลูกคนกลางต้องอดทน
วอร์: พาร์ทชีวิตของผมอาจจะไม่มีอะไรโลดโผนมาก ใช้ชีวิตเรียบๆ พ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบไม่ได้สปอยล์มาก ไม่ได้ต้องการให้ลูกเป็นคนเก่งที่สุด แต่ลูกต้องเป็นคนดี ไม่เอาเปรียบใคร
ผมมีพี่น้องสามคน ผมเป็นลูกชายคนกลาง มีพี่สาวกับน้องสาว บ้านผมอยู่ที่อำเภอวาปี จังหวัดมหาสารคาม ความที่เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน พ่อจะให้ชอบผมทำอะไรเอง เช่น นั่งรถเมล์ไปเรียนเอง บ้านอยู่อำเภอวาปี โรงเรียนอยู่ในตัวเมือง ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง นั่งสองแถว ต่อรถเมล์ ขาไป 40 ก.ม. ขากลับอีก 40 ก.ม. ส่วนพี่สาวกับน้องสาวเรียนคนละโรงเรียน พ่อไปส่ง
ตอนเด็กๆ ผมก็ได้แต่คิดและหงุดหงิดว่า ทำไมพ่อไม่มารับมาส่งผมบ้าง คือเลิกเรียนผมอยากกลับบ้านเย็นสักหน่อยเพื่อเตะบอลกับเพื่อนๆ แต่ทำไม่ได้ครับ เพราะรถหมดตอนห้าโมงครึ่ง ซึ่งตอนเด็กๆ เราไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่พยายามจะสอนอะไร แต่พอโตก็รู้ว่า พ่อพยายามสอนให้เราอดทน ช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่ยังเด็ก โตขึ้นผมจึงพึ่งคนอื่นน้อยมากเลยครับ
กลรักรุ่นพี่ แรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลกอันดับ 1
วอร์: ผมไม่ได้คาดหวังเลยว่ากระแสจะไปไกลขนาดนั้น เราหวังแค่ว่าคนดูชอบซีรีส์ ดูแล้วมีความสุขผมก็พอใจมากแล้ว
หยิ่น: ผมว่าส่วนหนึ่งคือคนดูชอบเนื้อเรื่อง แต่หลักๆ ที่พุ่งติดเทรนด์โลกได้ ก็น่าจะเพราะความรักและกำลังใจของแฟนคลับที่มีต่อเราสองคน ต้องขอบคุณแฟนคลับที่รักเรา รักซีรีส์กลรักรุ่นพี่ ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะเลย มีคนรู้จักมากขึ้น ก่อนซีรีส์ออนยอดฟอลโลว์ประมาณ 5 หมื่น พอออนปุ๊บ ก็ขยับเป็นเกือบแสน พอเข้าเรื่องของตัวเองอยู่ที่ 4-5 แสน ปัจจุบัน 9 แสนกว่า ขึ้นสัปดาห์ละแสนเลย เริ่มมีงานติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ คิดว่าเราก็คงเริ่มเป็นที่รู้จักบ้างแล้ว (ยิ้ม)
วอร์: ก่อนออนของผมประมาณ 9 หมื่นกว่า ปัจจุบัน 9 แสนกว่า ตกใจมากเหมือนกัน
เมื่อความดังมาพร้อมกับดราม่า
วอร์: พยายามรับมือให้ได้ครับ ผมเข้าใจนะว่ามีคนรักก็ต้องมีคนที่ไม่รักด้วย มันคือเรื่องจริงที่ในโลกนี้จะมีแต่คนรักเราไม่ได้ บางทีมีคนมาเกลียดเราทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ อยากบอกว่าใจจริงแล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากให้คนเกลียด ไม่รักผมก็ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าเกลียดผมเลยครับ ผมก็คนธรรมดา บางครั้งเข้าไปอ่านคอมเมนต์ที่พูดถึงเราในทางลบก็รู้สึกเศร้าเหมือนกัน แต่เราก็ต้องยอมรับและผ่านไปให้ได้ครับ
หยิ่น: ถ้าพูดในทางทฤษฎี คือเราก็ต้องยอมรับ และเข้าใจว่าก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พอเจอเรื่อยๆ หนักขึ้นๆ ผมก็ทำตามที่ตัวเองพูดไม่ได้ 100% หรอกครับ เราอดที่จะเสียใจ เครียดกับคำด่าคำวิจารณ์ในบางจุดไม่ได้
หยิ่น-วอร์ กับเรื่องที่ขอ
หยิ่น: อยากฝากแฟนๆ ที่รักผมว่า ถ้ารักผมก็ต้องรักคู่ของผม ก็คือรักพี่วอร์ด้วย อย่าแบ่งแยกกัน บางทีพี่เขายังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ ก็มีประเด็น “เพราะพี่เขาอย่างนี้ๆ หยิ่นถึงต้องเจอแบบนี้ๆ สงสารหยิ่นจัง” บางข้อความอ่านแล้วมันบั่นทอนนะ มันรุนแรงและหนักเกินกว่าคนๆหนึ่งรับได้ บางทีตื่นเช้ามาผมเปิดอ่านแล้วเจออะไรแบบนี้ ผมจะดาร์กไปทั้งวันเลย
ผมกับพี่วอร์มาถึงจุดนี้พร้อมกัน เรียกว่าแจ้งเกิดพร้อมกัน เราสองคนผ่านอะไรมามากกว่าที่ทุกคนรู้ ความสัมพันธ์ของเราสองคนยิ่งกว่าคู่จิ้นที่แจ้งเกิดมาจากซีรีส์วาย ความสัมพันธ์ของเรามันคือความผูกพัน ความเป็นพี่น้อง เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่พร้อมจะช่วยเหลือกันเสมอ เราไม่ใช่แค่จะมาแสดงผ่านกล้องแล้วเบื้องหลังเราเกลียดกัน
สำหรับบางทีที่แฟนๆ ขอโมเมนต์คู่ บางทีเราไม่ได้ทำให้ ไม่ใช่ว่าเราเกลียดกันนะครับ ทั้งผมและพี่วอร์อยากให้ภาพมันเกิดโดยธรรมชาติ ไปตามฟีลลิ่งมากกว่า ไม่ได้อยากสร้างภาพกันออกมา หากในอนาคตพี่วอร์ของผมทำอะไรให้ใครไม่ถูกใจ และถ้าหากผมทำอะไรไม่ถูกใจใคร ก็อยากให้รู้ว่าพวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย ยังไงก็ขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ
กำลังใจทำให้มีแรงสู้
หยิ่น: ความรักมาพร้อมกับกำลังใจที่ดี มีหลายคอมเมนต์ที่ย้อนกลับมาให้กำลังใจผมเยอะเหมือนกัน แฟนๆ บอกว่าเวลาเขาเหนื่อยและท้อ เขาจะคอยดูเรา เพราะเราเป็นกำลังใจให้เขาได้ เรื่องราวที่เคยให้สัมภาษณ์ เขาสามารถเอาไปปรับใช้กับชีวิตเขาได้ ผมดีใจนะว่าประสบการณ์ แง่คิดบางอย่างที่ผมพูดไปสามารถช่วยใครบางคนได้
วอร์: ผมก็ประทับใจไม่ต่างจากหยิ่น หลายคนบอกว่าเขามีแรงบันดาลใจทำสิ่งต่างๆ เพราะเรานำพาเขาไป ไม่ว่าจะเรื่องทัศนคติ แฟนคลับต่างชาติอย่างเรียนภาษาไทยเพื่อจะได้พิมพ์หาผม อย่างผมชอบเล่นดนตรี ตีกลอง เล่นกีตาร์ เขาก็อยากไปเรียนตีกลอง เล่นกีตาร์ให้ได้ ซึ่งเขาเองก็อยากเล่นมานานแต่ไม่มีโอกาส พอเห็นเราเล่นดนตรีเขาก็อยากเล่นด้วย การที่มีคนรักในแบบที่เราเป็นเรา ยิ่งทำให้เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ทีแรกเราอาจจะแค่เป็นตัวเอง เราก็อยากปรับการวางตัวใหม่ เพื่อเป็นตัวเราในแบบที่ดีขึ้น นอกจากนี้ก็ต้องขอบคุณเรื่องราวร้ายๆ ในมุมหนึ่งมันทำให้เราเห็นคนที่รักเรามาก มีกำลังใจส่งมาให้เรา
หยิ่น: ในของขวัญต่างๆ จะมีโน้ต มีจดหมายเขียนมาให้ ผมเก็บไว้หมดเลยนะ เวลามาอ่านความรู้สึกดีๆ ที่เขาเขียนให้มันเป็นพลังให้เราเดินหน้าต่อ ทำให้เราคิดว่าเราต้องแคร์คนกลุ่มนี้ที่รักเรามาก
เป้าหมายในวงการบันเทิง
หยิ่น: ผมเริ่มสนใจงานแสดงมากขึ้นเรื่อยๆครับ อยากเล่นบทที่หลากหลายเพื่อพัฒนาตัวเอง อยากเล่นบทแบบ ดูสุขุมแต่แอบมีมุมตลกอย่างบทพระเอกในเรื่อง “รักมั้ยนะ เลขาคิม?” (What’s wrong with secretary Kim ?) พระเอกดูน่าหมั่นไส้นะ แต่ก็น่ารักและมีเสน่ห์มากๆ อยากเล่นให้ถึงแบบนั้นบ้าง
วอร์: ผมอยากลองเล่นบทโรคจิต หน้าอาจจะไม่ให้นะ (ยิ้ม) แต่อยากลองว่าถ้าเราศึกษาบทแล้ว เราจะจิตได้ถึงขั้นไหน อยากเล่นบทลึกๆ เพื่อพัฒนาตัวเองครับ
หยิ่น: สำหรับผลงานใหม่ ถ้ามีอะไรเราจะมาอัพเดตกันเรื่อยๆ ผ่านไอจีและทวิตเตอร์ครับ แต่ที่แน่ๆ จะมี กลรักรุ่นพี่ภาคสอง ฝากติดตามด้วยครับ เร็วๆ แล้วเจอกันนะครับ
Text: AuAi Photo: Sudsapda
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิน เมธวิน ลูกชายที่เลือกตามใจพ่อแม่ มากกว่าทำตามหัวใจตัวเอง
ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากตัวประกอบส่งตัวเองเรียน สู่นักแสดงดาวรุ่งดังไกลทั่วเอเชีย
Exclusive Interview: ก้าวใหม่ของ มิว ศุภศิษฏ์ บนเส้นทางดนตรีที่เคยฝันไว้
มิว ศุภศิษฏ์ เด็กเรียนหัวกะทิสู่นักแสดงอนาคตไกล และปริญญาเอกที่จะคว้ามาให้ได้
เรื่องย่อละคร ฉลาดเกมส์โกง กับบทสรุปที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์
เจ้านาย จูเน่ ไอซ์ นาน่า กับภารกิจโกงข้อสอบครั้งใหม่ที่พีคยิ่งกว่าเดิม