แม้ชื่อของ วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร จะเรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่ ชนิดที่ไม่เคยมีผลงานมาก่อนเลย แต่เพราะการแสดงของเขาในซีรีส์ เพราะเราคู่กัน ทำให้หลายคนสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ จนกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูด ยิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเลยทำให้เสน่ห์ของ #คูมกาตุ่ย เข้ายึดหัวใจแฟนคลับทั่วโลกไปได้ภายในชั่วข้ามคืน
หลังจากคุยกันได้ไม่กี่นาที เราก็ค้นพบนิยามที่เหมาะกับหนุ่มหน้าใสคนนี้ขึ้นมาทันใด “ วิน เมธวิน ชายหนุ่มผู้น่ารักที่สมควรถูกรัก”
ชีวิตของ วิน เมธวิน ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
“งานแน่นๆ ทำงาน 7 วันเลยครับ แต่ทุกงานที่ได้ทำสนุกและมีความสุขมาก งานเยอะช่วงนี้ก็เลยมีเบลอๆ อ๊องๆ บ้าง ตอนนี้ผมก็อ๊องอยู่นะครับ (หัวเราะ) คือเวลาอ๊อง สมองจะช้า ต้องใช้เวลาประมวลผลสักพัก ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไร ผมจะกอบโกยด้วยการนอนให้มากที่สุด แล้วก็ไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส พยายามดูแลสุขภาพให้ดี เพราะเราต้องใช้ร่างกายไปทำงานครับ”
วินเข้าวงการมาได้อย่างไรคะ
“ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมครับ ว่างๆ รู้สึกอยากเรียนเต้น เลยขอพ่อแม่ไปเรียนเต้น แล้วครูที่เป็นเจ้าของโรงเรียน รู้จักกับผู้จัดการที่ปั้นนักแสดง เลยชักชวนให้มาที่ GMM TV จังหวะพอดีกับที่เขากำลังหานักแสดง เพราะเราคู่กัน 2gether The Series เลยเข้ามาออดิชั่น พี่ๆ ลองให้ผมเล่นกับพี่ไบร์ทด้วยกันรอบหนึ่ง เพื่อดูว่าเคมีไปด้วยกันได้มั้ย ปรากฎว่าได้ ก็ได้เล่นเลย”
คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนให้เข้าวงการมั้ยคะ
“สนับสนุนครับ ท่านไม่ได้ห้ามอะไรเลย เพราะใกล้จะเรียนจบแล้วด้วย ก่อนที่จะมาทำงานในวงการ ผมคิดอยู่ว่าจบแล้วจะไปทำอะไรต่อดี คือผมเคยมีโอกาสได้ฝึกงานแบบออฟฟิศไทม์ เป็นงานประจำที่รู้สึกว่าไม่ใช่ทางเราเลย จนมีโอกาสได้เข้ามาลองทำตรงนี้ ก็ได้รู้ว่านี่คืออีกหนึ่งอาชีพที่เรามีความสุขที่ได้ออกมาทำงานทุกวัน ไม่ได้รู้สึกเบื่อ หรือไม่อยากทำเลย แต่ละวันได้ทำนั่นทำนี่ ได้ถ่ายละคร ถ่ายแบบ ได้เจอคนหลากหลาย เอ็นจอยมากทั้งวันครับ”
รู้มาว่าวินต้องลดน้ำหนักลงไปถึง 10 กิโลกรัม เพื่อเล่นซีรีส์เพราะเราคู่กัน ใช้วิธีอะไรในการลดให้ได้ถึงขนาดนั้น
“ผมใช้เวลาลดน้ำหนัก 1 เดือนนิดๆ ด้วยวิธี Intermittent Fasting (IF) คือใน 24 ชั่วโมง เราจะอดอาหาร 16 ชั่วโมง กิน 8 ชั่วโมง หรือบางวันก็จะอด 18 ชั่วโมง กิน 6 ชั่วโมง และใน 6 และ 8 ชั่วโมงที่กินได้นั้น ผมกิน 2 มื้อ ช่วงแรกๆ ก็ทรมานหน่อย สักพักเริ่มชิน และผมก็ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ซึ่งเห็นผลเลยครับ”
ตอนเด็กๆ ด.ช. วิน เมธวิน มีความฝันอยากเป็นอะไรคะ
“สมัยประถมผมเป็นเด็กเรียน ค่อนข้างเนิร์ดเลย แต่ในความเนิร์ดนั้นก็ยังเตะบอล เล่นกีฬากับเพื่อน โตขึ้นหน่อยเริ่มมีความสุขกับการทำกิจกรรมมากกว่าเรียนแล้ว (หัวเราะ) ชอบเตะบอล เล่นบาส ครับ
“ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันอยากเป็นสถาปนิกครับ แต่ด้วยความที่คุณพ่อมีธุรกิจของที่บ้านอยู่แล้ว เขาก็วางแผนอยากให้ผมเรียนคณะที่สามารถมาช่วยสานต่อธุรกิจที่บ้านได้ ปัจจุบันผมกำลังศึกษาที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) เรียนยากมากครับ แต่ก็ตั้งใจเรียนให้จบครับ โชคดีมากครับที่ได้โอกาสทำงานในวงการช่วงที่จะเรียนจบพอดี ถ้าเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ผมไม่น่าจะไหวชัวร์”
ลูกชายที่ตามใจพ่อแม่ มากกว่าตามใจตัวเอง
ทำไมถึงไม่บอกที่บ้านว่าอยากเรียนสถาปัตย์ฯ ไม่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์
“คือผมเป็นคนเชื่อฟังพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก จะไม่ออกนอกกรอบจากที่พ่อแม่บอกเลย ท่านอยากให้ทำอะไรสอนอะไรผมทำตามตลอด อยากให้เรียนอะไรก็เรียน ผมก็เรียนได้นะ แค่บางทีไม่อิน แต่ก็เข้าใจว่าพ่อแม่มองอนาคตที่ดีไว้ให้เรา”
คุณพ่อคุณแม่ของวินเลี้ยงลูกสไตล์ไหนคะ
“ผมก็แอบดื้อบ้างแหละตามประสาเด็กผู้ชาย แต่โดยรวมแล้วยังเชื่อฟังอยู่เพราะกลัวแม่ตี (หัวเราะ) คือครอบครัวผมผมเลี้ยงลูกแบบตีเหมือนกันนะ แต่พอโตเริ่มก็ไม่ตีแล้ว คุณแม่จะค่อนข้างดุและเป็นระเบียบ จะสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบ การบ้านต้องส่งตรงเวลา ถึงเวลาเรียนต้องเรียน ถึงเวลาอ่านหนังสือต้องอ่าน ถึงเวลาเล่นก็เล่นได้ ส่วนคุณพ่อจะชิลกว่า แนวแบบคุยเล่นกันได้ สนุกๆ แมนๆ คุยกันครับ ผมก็จะสนิททั้งคุณพ่อและคุณแม่ เวลามีปัญหา ก็จะดูว่าเรื่องนั้นจะคุยกับใคร เรื่องงาน แนวธุรกิจจะปรึกษาพ่อ เรื่องชีวิตจะคุยกับแม่
“ผมมีพี่น้อง 4คน มีพี่สาว 2 คน ผมเป็นลูกชายคนที่ 3 และมีน้องชาย 1 คน ถือว่าเป็นลูกชายคนโตในครอบครัวคนจีน ก็เป็นความหวังหมู่บ้านครับ (หัวเราะ) นี่แหละพ่อเลยให้เรียนสาขาที่สามารถมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวได้ แต่พี่น้องคนอื่นๆ ปล่อยครับ เรียนอะไรได้ ลูกสาวคุณแม่จะดูแลเป็นหลัก ลูกชายคุณพ่อจะดูแลมากว่า
“ในบรรดาพี่น้องผมสนิทกับพี่สาวคนที่ 2 กับน้องชายที่สุด พี่สาวคนโตห่างกันมากหน่อย แต่เราก็มักจะไปทำกิจกรรมพร้อมหน้าพร้อมตากันตลอด กินข้าวดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกัน คุยกันได้เกือบทุกเรื่องในพี่น้องทั้ง 4 คน วันอาทิตย์จะเป็นวันของครอบครัวเมื่อก่อนต้องอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่เดี๋ยวนี้ผมงานเยอะ วันอาทิตย์ก็ต้องไปทำงานบ้าง ซึ่งที่บ้านก็เข้าใจครับ”
ทราบมาว่าวินเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยใช่ไหมคะ
“ได้มีโอกาสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่รัฐไอโอวา ประเทศสหรับอเมริกาครับ ประสบการณ์ที่ได้คือได้ภาษาก่อนเลยอันดับแรก ต่อมาคือได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตมากขึ้น ทำให้ผมได้เรียนรู้โลกที่กว้างขึ้น ได้พบเจอผู้คนที่ต่างวัฒนธรรม ตอนอยู่เมืองไทยเราจะใช้ชีวิตอยู่แบบคนเมือง เที่ยวห้างอยู่ตามตึก แต่ไปเรียนที่โน่นผมใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติเยอะมาก ได้ตั้งแคมป์ในป่า ขับรถเล่นริมหาด เที่ยวแบบโร้ดทริป ว่ายน้ำในทะเลสาบ สนุกมาก วิวสวยมากๆ โฮสต์ที่ดูแลก็น่ารักมาก ไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากที่บ้านผม เขาดูแลผมอย่างดีเลย จันทร์-ศุกร์ไปเรียน เสาร์-อาทิตย์อยู่บ้าน บางทีก็ออกไปข้างนอก”
หลายคนชอบแซว เรียกกันว่า “คุณหนูวิน” จริงๆ แล้ววินเป็นคุณหนูมั้ย
“ผมไม่ได้เป็นคนหนูเลยครับ พี่ๆ เพื่อนๆ เล่นใหญ่กันเฉยๆ เหตุเกิดเพราะพี่เต-ตะวันเลย คือจะมีช่วงที่มีแฮชเท็ก #อยู่บ้านเพื่อสังคม แต่เขาแซวผมกันว่า #อยู่คฤหาสน์เพื่อสังคม เท่านั้นแหละครับ เป็นเรื่องเป็นราวแซวกันมาจนทุกวันนี้ รูปที่ผมลงมันเห็นเป็นมุมบ้านแตกต่างจากบ้านอื่นหรือยังไงผมก็ไม่รู้ แต่บ้านผมไม่ได้เป็นคฤหาสน์ ธรรมดาปกติเลยครับ
“ถามว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงแบบคุณหนูเลยมั้ย พูดตามตรงก็คือ เราไม่ได้ลำบากอะไร ไม่ได้ขาดอะไร เลี้ยงผมปกติ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป มีคนดูแลบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าเลี้ยงเหมือนเป็นไข่ในหิน ไม่ขนาดนั้น พ่อแม่ยังปล่อยให้ผมไปเที่ยวกับเพื่อนได้ตามต่างจังหวัด เข้ามัธยมก็เริ่มปล่อยแล้ว”
หลังจากซีรีส์เป็นกระแส มาถึงวันนี้รับมือกับความดังได้หรือยังคะ
“เรียกว่าทำงานทุกวัน ก็ปรับตัวไปในแต่ละวันมากกว่าครับ เหมือนเราได้เรียนรู้ทุกวันที่ทำงาน เรียนรู้ทุกเหตุการณ์ที่เข้ามา ซีรีส์เพราะเราคู่กันเป็นงานแรกในวงการบันเทิง ไม่เคยผ่านโฆษณา ไม่เคยถ่ายเอ็มวี ไม่เคยถ่ายแบบ ไม่เคยอะไรทั้งนั้น ผมใหม่มากกับวงการนี้ แล้ววันหนึ่งผมได้เข้ามา แล้วมายืนในจุดนี้เลย แรกๆ ก็งงๆ อึ้งๆ แหละ คือมันพีคมากเลยนะสำหรับเด็กใหม่อย่างเรา อย่าเรียกว่าเกินฝันเลย เพราะผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมาถึงขนาดนี้
“มาอยู่จุดนี้ได้ เราก็ต้องรู้ตัวนะว่าอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร อยู่ทำไม อาชีพของเรามีหน้าที่ที่ควรทำอะไรบ้าง ทำแล้วคนอื่นได้อะไร พอผมได้คำตอบแล้ว จึงรู้อาชีพนักแสดงทำให้คนมีความสุขมากมาย บางทีก็ช่วยทำให้เขามีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ เหตุผลแค่นี้ ก็ทำให้ผมมีความสุขที่จะเดินออกจากบ้านไปทำงานในทุกๆ แล้วครับ”
พอเริ่มมีชื่อเสียงแล้วมีอะไรที่วินต้องปรับเปลี่ยนตัวเองบ้างไหม
“ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองครับ ถึงจะมีชื่อเสียงแค่ไหนผมก็ยังเป็นวินคนเดิม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือเราต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ใช้คำว่า “ระวังมากขึ้น” เลยละ จะทำอะไรเราต้องคิดมากขึ้น เพราะว่ามีคนมองเราอยู่เยอะ มีคนติดตามเรา เด็กๆ ก็ตามเยอะ
“การมาอยู่ตรงนี้เหมือนยืนในจุดสปอตไลท์ แน่นอนว่าเราศูนย์เสียความเป็นส่วนตัว แต่มันก็มีบางอย่างที่เราได้มา เช่น โอกาสการทำงาน มีคนมากมายรักเรา คือผมว่ามันต้องแลกกันระหว่างความเป็นส่วนตัว กับการได้รับโอกาสต่างๆครับ”
ถ้าเลือกได้วินอยากร่วมงานกับใครคะ
“(ยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่าย) เจนนี่ แบล็คพิ้งก์ ครับ How you like that (ร้องให้ฟังด้วยจ้า) คือรู้แหละว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมปลื้มเขามากๆ เลย ที่สุดเลยคนนี้ ต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นคนไทย ผมชอบพี่ญาญ่า กับพี่ณเดชน์ ผมดูละครพี่เขาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ น่ารักมาก ผมเชื่อว่าถ้าได้ทำงานกับคนเก่ง เราจะได้เก่งไปด้วยครับ”
วินมีเป้าหมายอะไรที่อยากทำในอนาคตอีกบ้างคะ
“อยากทำงานแทนคุณพ่อครับ อยากให้พ่อกับแม่พักไม่ต้องเหนื่อยกับการทำงานแล้ว เดี๋ยวผมลุยเอง ในอนาคตผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องสานต่อธุรกิจครอบครัว แต่ตอนนี้งานในวงการผมเพิ่งเริ่มต้น รอให้อยู่ตัวก่อน ผมคงต้องแบ่งเวลาไปทำธุรกิจของครอบครัวควบคู่กันไปด้วย แต่ยังไงผมก็ไม่ทิ้งงานในวงการบันเทิงแน่นอนครับ”
อยากให้วินพูดถึงพี่ไบร์ทหน่อยค่ะ
“จริงๆ พี่ไบร์ทเป็นอาจารย์สอนผมในระดับหนึ่งเลยนะครับ ผมได้เรียนรู้จากการทำงานกับเขาค่อนข้างเยอะเลย เรียนรู้ว่าเขาทำงานอย่างไร มีแนวคิดอย่างไร ผมเป็นใครจากไหนก็รู้ มาเล่นซีรีส์กับเขา แล้ววันหนึ่งก็กลายนักแสดงที่มีคนรู้จัก มีงานเข้ามา ดังนั้นผมต้องรีบปรับตัวและพัฒนาฝีมือ จะได้ไม่ถ่วงพี่เขา
“พี่ไบร์ทเขาเป็นคนน่ารักนะ คนอาจจะมองว่าเขานิ่งๆ คือถ้าไม่รู้จักจะนิ่งไว้ก่อน แต่พอคุ้นเคยก็เฮฮามากอยู่นะ คือในความนิ่งของเขาแฝงความน่ารักเต็มไปหมด เป็นคนเอาใจใส่คนอื่น ไม่ซับซ้อน กวนๆ กินง่ายอยู่ง่าย หลับง่ายมากๆ ง่ายจนทุกคนตกใจว่านอนได้ยังไง (หัวเราะ) มีครั้งหนึ่งอยู่ในที่ที่เสียงดังมาก หันไปอีกทีคือหลับ พี่ไบร์ทหลับได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมือนกดสวิตช์ปิด”
ถ้าให้พูดกับแฟนคลับตอนนี้ วิน เมธวิน อยากบอกอะไร…
“ขอบคุณที่รักและคอยสนับสนุนผมมาตลอดในทุกเรื่องๆ นะครับ ผมก็จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ให้ดีขึ้น เพื่อให้แฟนๆ ทุกคนมีความสุขในทุกวันที่ได้พบกันนะครับ” (ยิ้มโชว์ฟันกระต่ายอีกรอบ)
Text: AuAi Photo: Sudsapda
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากตัวประกอบส่งตัวเองเรียน สู่นักแสดงดาวรุ่งดังไกลทั่วเอเชีย
นนกุล กับเส้นทางโกอินเตอร์ที่เมืองจีน ตายเอาดาบหน้า ดีกว่าไร้เป้าหมาย
แอลลี่ อชิรญา สาวน้อยมหัศจรรย์ กับเส้นทางศิลปินที่ฝ่าฟันด้วยตัวเอง
เจ้านาย จูเน่ ไอซ์ นาน่า กับภารกิจโกงข้อสอบครั้งใหม่ที่พีคยิ่งกว่าเดิม
เจ้านาย จูเน่ ไอซ์ นาน่า ถ่ายแฟชั่น Digital Cover กับสุดสัปดาห์ สวยจริงหล่อจริงไม่โกง