ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากตัวประกอบส่งตัวเองเรียน สู่นักแสดงดาวรุ่งดังไกลทั่วเอเชีย

Alternative Textaccount_circle
event

ซีรี่ย์ “เพราะเราคู่กัน” ฟีเวอร์! แจ้งเกิด “ไบร์ท-วิน” คู่จิ้นสายวายสุดปัง กระแสดีติดเทรนด์ทวิตเตอร์โลก จนทำให้ทั้งคู่กลายเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่ดังไกลไปทั่วเอเชีย และสำหรับหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ เรียกว่าเป็นหนุ่มฮอตมาแรงแซงทุกโค้งจริงๆ แฟนคลับแน่น ยอดผู้ติดตามในไอจีจากหลักแสนพุ่งไปที่เกือบ 3 ล้านภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ยอดไลก์รูปแตะถึงหลักล้าน ซึ่งเป็นยอดสูงสุดของคนบันเทิงไทยตอนนี้

ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากตัวประกอบส่งตัวเองเรียน สู่นักแสดงดาวรุ่งดังไกลทั่วเอเชีย

ด้วยความที่ซีรี่ย์ เพราะเราคู่กัน 2gether the series #คั่นกู ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ทำให้ ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี ขึ้นแท่นหนุ่มฮอตที่ดังเป็นพลุแตกของวงการบันเทิงไทยตอนนี้ นี่ถ้าไม่ติดวิกฤตโควิด เราคงได้เห็นปรากฎการณ์ห้างแตกจากหนุ่มคนนี้แน่นอน

ต้องบอกว่า ความสำเร็จและความนิยมที่ไบร์ทได้รับ ไม่ได้มากันง่ายๆ เขาต้องผ่านการรอคอย ความอดทน ความพยายามมานานถึง 8 ปี โดยไบร์ทได้เล่าถึงเส้นทางในวงการบันเทิงผ่านรายการแฉ สเปเชียล ที่ออกอากาศคืนวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 ว่า… งานเล็กงานน้อยทำหมด วิ่งแคสต์งาน ผ่านการเป็นนักแสดงตัวประกอบ เห็นเพียงเสี้ยวนาที ทั้งเรื่องออกแค่ 2-4 ฉากเท่านั้นก็ผ่านมาแล้ว 

ขยันแคสต์งานเพื่อส่งตัวเองเรียน 

ไบร์ทเข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มงานแรกคือพิธีกรรายการ สตอเบอร์รี่ครับเค้ก ทางช่อง 3 ทำอยู่ 2-3 ปี จนรายการปิดตัวลง จากนั้นก็ทำงานในวงการเป็นพาร์ทไทม์เรื่อยๆ แคสต์งานต่างๆ จนถึงช่วงที่เรียนระดับมหาวิทยาลัยงานเยอะขึ้น ได้เล่นซีรี่ย์ ละคร ภาพยนตร์ รับบทเด่นขึ้นเรื่อยๆ ไบร์ทเลยตัดสินดร็อปเรียน 1 ปี เพื่อลองรับงานแบบเต็มตัว พร้อมกับดูทิศทางการทำงานว่า ตัวเองจะไปได้ในวงการนี้แค่ไหน

 

 

ไบร์ทดูแลตัวเองโดยที่ไม่ขอเงินทางบ้านใช้ตั้งแต่อายุ 16-17  เพราะรู้สึกว่าการที่ถูกเลี้ยงแบบให้อิสระ ตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง ก็ควรที่จะต้องดูแลตัวเองได้ และอีกมุมหนึ่งด้วยความที่เป็นเด็กดื้อก็ยิ่งรู้สึกว่า ถ้าเลี้ยงดูตัวเองได้ เวลาจะทำอะไรก็สามารถตัดสินใจเองได้เต็มที่

ในช่วงที่จะเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่คุณแม่อยากให้เรียนวิศวะฯ ตัวไบร์ทเองก็อยากเรียนหลักสูตรนานาชาติเพราะอยากได้ทักษะภาษาอังกฤษ แต่รู้ว่าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น จึงแพลนเรื่องเรียนว่า จะต้องสอบให้ได้ทุนเรียนฟรีในระดับมหาวิทยาลัย ไบร์ทมุ่งมั่น อ่านหนังสือจนสอบผ่าน เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ ได้ตามที่ตั้งใจไว้

จังหวะงานในวงการเริ่มเข้ามาหาไบร์ทมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับคลาสเรียนที่ต้องเข้าห้องแล็บร่วมกับเพื่อนๆ ถ้าขาดเรียนก็จะไม่ได้คะแนนตรงนี้ ซึ่งข้อกำหนดของนักศึกษาทุนจะต้องได้เกรดเฉลย 3.00 ขึ้นไป ดังนั้นในการทำงานในวงการ มีบ้างที่ต้องขาดเรียน อาจจะส่งผลให้เกรดไม่ถึง 3.00 ดังนั้นไบร์ทจึงตัดสินใจสละทุน เพื่อให้นักศึกษาคนอื่นมีโอกาสได้รับทุน โดยย้ายไปเรียนสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หลักสูตรนานาชาติ

หากจะไล่เรียงไทม์ไลน์ตั้งแต่เข้าวงการ จะรู้ว่าจริงๆ แล้วไบร์ทผ่านการเล่นละครมาหลายเรื่อง แต่ไม่คุ้นหน้าเท่าไร ก็เพราะออกเพียงไม่กี่ฉาก อาทิ รูปทอง ก่อนอรุณจะรุ่ง ฯลฯ  ออก 2 ฉากบ้าง 4 ฉากบ้าง ไม่มีบทพูดเลยก็มี และที่ทำให้เขาคุ้นหน้าคุ้นตามากขึ้นอีกเรื่องก็คือ บทของหมอเป้ง ตอนวัยรุ่น จากละครรักฉุดใจนายฉุกเฉิน 

ไบร์ทเล่าว่า เคยร่วมเล่นละครเรื่อง เฮฮาเมียนาวี ทางช่อง 3 ซึ่งถ่ายไว้ประมาณ 5 ปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะออนแอร์เมื่อปีที่แล้ว รับบทพลทหารประจำกองทัพเรือ ขณะที่นักแสดงหลักเข้าฉากพูดคุยกัน ในฉากนั้นจะเห็นแค่ไบร์ทยืนอยู่ข้างหลัง บ้างก็ถูเรืออยู่ด้านหลัง หรือแบกน้ำเดินเข้าซีน เรื่องนี้มีบทพูดแค่ 2 คำเท่านั้น ทั้งเรื่องได้เงินค่าตอบแทน 3 หมื่นบาท ซึ่งเงินจากการเล่นเป็นตัวประกอบ จากการแคสต์โฆษณาต่างๆ นี่แหละคือน้ำพักน้ำแรงที่ชายหนุ่มคนนี้ส่งตัวเองเรียน 

หากถามว่าน้อยใจหรือท้อแท้มั้ย คำตอบคือ ไม่น้อยใจเลย เพราะไม่เคยคาดหวังจะได้เป็นพระเอก ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นคนดัง คิดว่าแค่ว่าเดือนหน้าต้องใช้เงินกี่บาท เดือนนี้ต้องหางานกี่งาน เดือนนี้ต้องไปแคสต์โฆษณาให้ได้กี่ตัว ถึงจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

 

พิธีกรรายการโตแล้ว

อ่านเรื่องราวของ ไบร์ท  และ 8 ปีกับผลงานการแสดง 14 เรื่อง ได้ที่หน้าถัดไป

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up