มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ คือชื่อของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับความหล่อ รูปร่างสูงโปร่ง คาริสม่ามาเต็มแบบยากจะละสายตา เขาแจ้งเกิดและดังไกลไปทั่วโลกกับซีรี่ย์วาย TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ
และจากที่สุดสัปดาห์ได้คุยกับมิว ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ความหล่อเท่านั้น มิวจัดอยู่ในกลุ่มคน ‘มีของ’ครบเครื่องรอบด้าน เรียนเก่งระดับเกียรตินิยมเหรียญทอง เป็นว่าที่ดร. ในอนาคตอันใกล้ ฐานะดี ทัศนคติดี มองโลกในแง่ดี ร้องเพลงเพราะ เล่นดนตรีได้ ดีไปหมด จนไม่สงสัยเลยว่า ทำไมแฟนๆ ถึงเทใจให้เขากันมากมายขนาดนี้
มิว ศุภศิษฏ์ จากเด็กเรียนหัวกะทิ สู่นักแสดงอนาคตไกล และปริญญาเอกหนึ่งใบที่จะคว้ามาให้ได้
ย้อนกลับไปวัยเด็ก ด.ช.ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ เป็นเด็กฟีลไหนคะ
ผมมีน้องสาว 1 คน ก็หวงน้องอยู่นิดนึง แต่ด้วยความที่เราอายุห่างกันไม่มากเลยทั้งรัก ทั้งหวง ห่วง และตีกันตลอด (หัวเราะ) บ้านผมเลี้ยงกลับกัน ลูกสาวเลี้ยงแบบตามใจมาก น้องทำอะไรได้หมดเลย คนนั้นโอ๋ คนนี้โอ๋ เข้มงวดเรื่องเรียนเหมือนกันนะ แต่ไม่เท่าผม คงเพราะผมเป็นลูกชายมั้ง เหมือนเป็นความหวังหมู่บ้าน (หัวเราะ)
ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กเรียนเลยครับ ที่บ้านจะให้เรียนพิเศษเยอะมาก เพราะแพลนว่าจะเข้าสาธิตเกษตรฯ ก็เรียนเลยพิเศษตั้งแต่อนุบาล ผมเรียนสาธิตเกษตรฯ ตั้งแต่ ป.1-ม.6 พ่อแม่ค่อนข้างดุเลยครับ เขาจะเป๊ะมากๆ ค่อนข้างมีระบบระเบียบและกติกาให้ลูกชัดเจน เรียนต้องจริงจัง ถึงเวลาทำการบ้าน เรียนพิเศษต้องทำ พอรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองแล้ว อยากเล่นอะไรเล่นให้เต็มที่ เล่นเกม ดูการ์ตูน เล่นกับเพื่อนก็จัดไปให้เต็มที่เช่นกัน
หลังเลิกเรียนของผมจะเป็นเวลากิจกรรม มีเล่นรักบี้ ซ้อมวิ่ง เรียนว่ายน้ำ เสาร์อาทิตย์เรียนพิเศษเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษและวิชาบังคับอื่นๆ หลายคนชอบถามว่าผมเรียนเยอะไปมั้ย ตอนเด็กๆ ไม่หลุดโฟกัสบ้างเลยเหรอ อืม…. มันน่าจะชินนะ (ยิ้ม) แต่ก็มีช่วงขี้เกียจเหมือนกัน ติดเกม ติดเพื่อน สุดท้ายเราก็เดินกลับมาทำหน้าที่ของเราเหมือนเดิม เพราะเวลาเล่น พ่อแม่ได้จัดไว้ให้แล้ว สำหรับการไปเรียนพิเศษก็เหมือนได้ไปเที่ยวไปได้ไปเจอเพื่อน เลยไม่ค่อย worry เท่าไร
แอบรู้มาว่ามิวเรียนเก่งมาก..
ตอนประถมคือท็อปเลยครับ แต่พอเข้ามัธยมก็ไม่ขนาดนั้น เพราะวิธีเรียนและการอ่านหนังสือจะต่างไปจากเดิมนึดนึง เลยปรับตัวไม่ถูก ผมรู้สึกว่าตอนเด็กเราไม่ต้องใช้ความพยายามในการเรียนมากเท่ามัธยม เหมือนยิ่งโตวิชาการก็ยากขึ้น วิธีเดิมที่เราใช้ไม่ค่อย active มีส่วนทำให้ผลการเรียนตกลง ช่วงนั้นก็เสียความมั่นใจไปเหมือนกัน จากเกรด 4.00 – 3.8 เหลือ 3 กว่านิดๆ
ทำไมถึงเลือกเรียนวิศวกรรม ปริญญาตรี-เอก
ความหวังหมู่บ้านครับ (หัวเราะ) อาม่าให้เลือก 2 อย่าง คือเรียนหมอ กับ วิศวะ ใจผมอยากเลือกนิเทศฯ เพราะม.ปลายเริ่มเข้าวงการแล้ว สุดท้ายก็คิดว่าเอาไว้เราไปเทคคอร์สการแสดง ร้องเพลงเพิ่มเติมเองก็ได้ การเรียนเหมือนเป็นตอบแทนครอบครัว เลยตัดสินใจเลือกวิศวะ ไม่เรียนหมอเพราะต้องเรียน 6 ปี แต่ตอนนี้ผมเรียนนานกว่าหมอแล้ว ตรี โท เอกปาเข้าไป 7 ปีแล้วเนี่ย (หัวเราะ) ผมจบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ที่ 1 ของภาคก็เลยได้เกียรตินิยมเหรียญทอง ต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ด้านวิศวอุตสาหการยาวๆ เลย เป็นภาควิชาที่เรียนแล้วคลิกมากที่สุด
แล้วทำไมตัดสินใจเรียนถึงดอกเตอร์
เพราะที่บ้านเหมือนกัน เขาอยากให้เรียน แล้วผมรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ก็สู้ต่อได้ครับ (ยิ้ม)
อยากให้มิวแชร์เคล็ดลับเรื่องการเรียน ทำอย่างไรผลการเรียนจึงออกมาดี
ถ้าน้องๆ ประถม มัธยม คือต้องโฟกัสในห้องเรียนที่ครูสอน แล้วพอมาอ่านหนังสือตอนสอบจะง่ายขึ้น ตอนอ่านหนังสือก็ต้องโฟกัสจริงๆ ด้วยนะ ไม่ใช่อ่านแบบยังห่วงเล่น รีบอ่านให้จบๆแล้วไปเล่นเกม แบบนั้นไม่ได้นะครับ
ส่วนระดับมหา’ลัย ด้วยความที่เป็นการเรียนที่อิสระมากขึ้น เหมือนดาบสองคมนะ อาจารย์จะไม่บังคับแล้วว่าต้องเข้าห้องเรียน แต่สำหรับผมคือ จะไม่ขาดเรียนโดยไม่จำเป็น เข้าห้องเรียนให้ครบ พยายามนั่งฟังอาจารย์สอน แนะนำว่าให้สังเกตเวลาอาจารย์ถามในห้องเรียน ส่วนใหญ่มักเป็นแนวทางนำไปสู่การออกข้อสอบด้วย เราจะพอเดาออกว่าอาจารย์คนนี้ออกข้อสอบประมาณนี้ ฉะนั้นคนที่เข้าห้องเรียนตลอดจะได้เปรียบจุดนี้
เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ละเอียด เพราะเราจะเข้าใจบทเรียนจริงๆ เราก็จะรู้จักเชื่อมโยง ประยุกต์เป็น บางทีอาจารย์ก็จะไม่ออกข้อสอบตรงๆ เขาจะเอาความรู้ไปประยุกต์กับเรื่องอื่น เวลาผมติวกับเพื่อน เราจะคิดคำถามแปลกๆ แล้วก็ถามเพื่อน เหมือนเก็งข้อสอบกันเอง
เห็นว่าตอนปริญญาโท ไปเป็นอาจารย์ฝึกสอนด้วย เล่าประสบการณ์ฝึกสอนให้ฟังสักนิด
ตอนเรียนปริญญาโท อาจารย์ให้ไปเป็นผู้ช่วยสอนเด็กมหาวิทยาลัย ถ้าคลาสไหนอาจารย์ไม่ได้เข้า เราก็จะเข้าแทน และจะมีออฟฟิศไทม์ 3 ชั่วโมง ใน 3 ชั่วโมงนี้เราจะนั่งที่ออฟฟิศ แล้วจะมีเด็กมาถามเกี่ยวกับการบ้าน และเรื่องข้อสอบ ไม่เข้าใจเนื้อหาการเรียนก็มาถาม
เป็นช่วงเวลาที่สนุกและน่าประทับใจมาก เราผ่านการเป็นนักเรียนมาก่อน อยากให้อาจารย์สอนแบบไหนถึงจะเข้าใจ สอนแบบนี้ไม่เข้าใจเลย การเป็นอาจารย์ใช้วิชาการแสดงได้นะ คือการอธิบายความ การพรีเซนต์เพื่อความเข้าใจ
สไตล์การสอนของอาจารย์มิวเป็นอย่างไรคะ
เวลาสอนจะขึ้นเป็นหัวข้อเฉยๆ แล้วเวลาสอนในห้องให้จดกันเอง พอจบสัก 2 สไลด์ ผมจะให้ลองทำแบบฝึกหัด ถกเถียงกันในห้อง จากนั้นก็จะสุ่มคนมาเฉลยหน้าห้อง ไม่รู้แหละถ้าผมสุ่มเลือกใคร ต้องออกมาทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ต้องบอกว่าไม่ได้เพราะอะไร ไม่เข้าใจตรงไหน แล้วผมจะสอนต่อได้ว่ามันต้องแบบนี้ๆ
ปัญหาของนักศึกษาคือ การที่ทำไม่ได้ คือการที่ไม่ได้ลองทำ เขาไม่รู้ว่าจุดที่ไม่ได้คืออะไร เพราะฉะนั้น เวลาเรียนกับผมทุกคนต้องเข้าใจ ต้องได้ เรียนในคลาสผมก็จะลุ้นระทึกหน่อยว่า ท้ายคลาสใครจะถูกเรียกออกไปทำเฉลยหน้าห้อง ผมไม่ดุนะ แต่ก็ไม่ชิล ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ
อาจารย์มิวโดนนักศึกษาแซวบ้างมั้ยคะ
ก็มีบ้าง ครูมาสอนหรือมาเดินแบบคะ (หัวเราะ) แต่ผมตั้งใจสอนนะครับ นักเรียนก็จะแบบ อยากให้ครูมาสอนต่อ คือจบปริญญาเอก ผมก็คิดเหมือนกันนะว่า อยากสอนหนังสือด้วย เพราะจากประสบการณ์ที่เคยสอน รู้สึกดีมากเวลาเห็นเขาทำแบบฝึกหัดได้ ทำข้อสอบได้ เราอยากสอนให้น้องๆ ได้ความรู้จริงๆ คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น ไม่ใช่เสียเวลาเรียน 3 ชั่วโมงผ่านไปแบบงงๆ
แล้วมิวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้ยังไงคะ
เป็นแพทเทิร์นเลยครับ ไปเดินสยามแล้วก็มีโมเดลลิ่งมาชวนไปแคสต์โฆษณา ได้บ้างไม่ได้บ้าง สลับกันไป มีไปเล่นเอ็มวี และรับเชิญเล่นละคร ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเราแสดงไม่ดีเลย จินตนาการไม่ได้เวลาเล่น ช่วงนึงท้อมากแคสต์อะไรก็ไม่ผ่าน ทั้งละคร โฆษณา ยิ่งคิดมากยิ่งเล่นไม่ได้ ตัดสินใจเลิกแคสต์งานไปปีกว่า เอาเวลาไปลุยให้จบปริญญาตรี จบแล้วก็เลยตัดสินใจไปเรียนแอ็คติ้งเพิ่ม เรียนเองจ่ายเงินเอง
ถ้าเราไม่เก่งการแสดง ไม่มีทางที่เราจะถูกเลือก เรียนไปปีครึ่ง จบคอร์สเรียบร้อย พอแคสต์งานก็ได้งานโฆษณาและซีรีส์มาเรื่อยๆ เลย จังหวะนั้นเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ลุยทำงานตรงนี้ได้เต็มที่ พ่อแม่ก็ยอมให้เราทำงานในวงการ เพราะผมเรียนต่อให้เขาเรื่อยๆ มันเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ดีลกัน คือคุณพ่อไม่สนับสนุนเท่าไร ถ้าลูกจะมาสายบันเทิงก็ต้องมีอะไรมาแลกกัน ส่วนคุณแม่ตามใจลูก
TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ เป็นซีรี่ย์วายที่ปังมาก เปลี่ยนชีวิตมิวไปอย่างไรบ้าง
เล่าย้อนไปนิดนึงว่า ทางแฟนคลับมาบอกว่านิยายเรื่องนี้ดังมาก บทดี อยากให้ผมลองไปแคสต์ดู เขาก็เชียร์และส่งข่าวมาให้ เพื่อให้เราส่งโปร์ไฟล์ไปแคสต์ทางออนไลน์ก่อน แล้วเชื่อมั้ยครับผมเกือบพลาดจะไม่ได้เล่นเรื่องนี้ คือทางทีมส่งอีเมลตอบกลับเรียกให้ผมไปแคสต์ตอน 11 โมง ซึ่งเขามีการประกาศทางเว็บก่อนแล้ว แต่ผมไม่ได้เช็คเมล ไม่ได้รู้ข่าว เพิ่งมาเห็นตอนเช้าวันที่กำลังจะแคสต์ เลยรีบโทรไปหาทีมงานขอโทษจริงจัง โดยขอไปสายสักนิด โชคดีที่ทีมงานให้ผมไปให้ทันบ่ายโมง พอไปถึงที่แคสต์ แฟนคลับมาให้กำลังใจเต็มเลย เป็นกลุ่มที่ติดตามเราตั้งแต่เราเล่นเรื่องแรก What The Duck The Series ต้องขอบคุณแรงหนุนจากแฟนคลับจริงๆ ส่วนหนึ่งถ้าไม่มีเขา ผมก็คงไม่มาถึงจุดนี้แน่ๆ
ผมไม่เคยคิดเลยว่า ฟีดแบ็กจะมากมายขนาดนี้ สิ่งที่คิดตอนเล่นก็คือ ทำอย่างไรให้คนที่เคยอ่านนิยายเชื่อในตัวเรา เพราะเขาจะมีภาพในหัวว่า ‘ธาร’ ต้องประมาณนี้ ‘ไทป์’ ต้องประมาณนี้ ยิ่งนิยายเรื่องนี้ดังมาก เรายิ่งต้องทำการบ้านหนักมากเช่นกัน แล้วพอผลตอบรับออกมาดี คือโล่งเลย ดีใจมากด้วย ยิ่งคนดูบอกว่า นักแสดงตรงกับในนิยายมาก “พี่มิวเหมือนหลุดมาจากนิยาย” นี่คือคำชมที่ผมปลื้มที่สุด
ส่วนเรื่องความดัง ความปัง ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นตัวผมเลยนะ ผมยังไปเดินห้าง กินข้าว ดูหนัง เหมือนเดิม เวลาอยู่ในที่สาธารณะ ก็อาจจะต้องระวังมากขึ้น ทั้งการวางตัว กาลเทศะต่างๆ เพราะจะมีคนเข้ามาหา ทักทาย ขอถ่ายรูป อาจจะยืนหาวในที่สาธารณะไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) เรื่องส่วนตัวอื่นๆ ผมไม่ซีเรียส
ส่วนมุมอื่นๆ จากที่ใส่ใจรายละเอียดอยู่แล้ว ก็อาจจะต้องเพิ่มขึ้น เพราะเรามีแฟนคลับมากขึ้น มุมมองต่อสิ่งต่างๆ เราต้องมองรอบด้าน ใส่ใจทุกรายละเอียด และสิ่งที่เปราะบางที่สุด คือการเทคแคร์แฟนคลับ ต้องอยู่บนความเหมาะสมและเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการน้อยใจ อยากบอกว่า ผมรักทุกคนเท่ากันหมด ไม่มีใครมากกว่าน้อยกว่ากันเลย
เวลาไปงานต่างๆ จะมีแฟนคลับมาให้กำลังใจเยอะ เขาไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาให้เราเลย แค่มาเจอกันก็ชื่นใจแล้ว หรือแค่มาบอกรักเราในทวิตเตอร์ ผมก็ดีใจ มีกำลังใจทำงานแล้ว อีกอย่างเขาจะคอยเตือนเราในบางเรื่องด้วยนะ เช่น พี่มิวผอมไปนะ ดูแลสุขภาพด้วยนะ นั่นหมายถึงเราละเลยและไม่ดูแลตัวเอง ทำให้น้องๆ เป็นห่วง
ถ้าเลือกนางเอกได้ อยากแสดงคู่กับนางเอกคนไหนคะ
ญาญ่าครับ ผมชื่นชมการแสดงของน้องมาก น้องเป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ น่าชื่นชม การที่เราได้ร่วมงานกับคนเก่งจะทำให้เราพัฒนาตัวเองไปด้วย (ยิ้ม)
ถ้าการแสดงเรื่องใหม่ ไม่ใช่ซีรี่ย์วาย กดดันมั้ยว่าจะได้รับการตอบรับไม่เท่าซีรี่ย์วาย
ผมไม่กดดันครับ มองว่ามันเป็นอีกงานที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น เป็นหน้าที่ของเราแล้วที่จะทำผลงานให้ออกมาดี และคนดูมีความสุข เป็นความท้าทายที่จะทำอย่างไรให้สลัดภาพเดิมออกไป และให้คนดูเชื่อในบทบาทใหม่ของเรา
แสดงว่าน่าจะมีเรื่องใหม่รอแล้ว
ยังบอกอะไรมากไม่ได้ครับ มีพูดคุยบ้าง แต่ที่แน่ๆ TharnType the Series ซีซั่น 2 ครับ
วางแผนการทำงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง
แพลนในอนาคตอันใกล้นี้ คือผมเพิ่งเปิด “MEW SUPPASIT STUDIO ” คอยดูแลเรื่องงาน และวางแผนงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ตอนนี้มี Year Plan ให้ผมล่วงหน้าแล้ว เพื่อผมจะได้ทำงาน รับงานอย่างเป็นระบบ มีการจัดสรรเวลาให้ผมไปเพิ่มเติมทักษะด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการร้องเพลง ดนตรี การแสดง งานอื่นๆ ที่ผมสนใจ ก็คือพิธีกร เป็นอะไรที่คิดว่าพอทำได้ แต่ต้องฝึกฝนเพิ่ม และอยากเป็นคนทำงานเบื้องหลังด้วยครับ อยากเป็นผู้จัดทำซีรี่ย์ของตัวเองสักเรื่อง (ยิ้ม)
เป็นคนเก่ง มีความสามารถ มาพร้อมวินัยขนาดนี้ เราเชื่อว่าไม่มีอะไรที่มิวทำไม่ได้แน่นอน
ป.ล. ติดตามความเคลื่อนไหวและภาพหล่อใจละลายของหนุ่มมิวได้เนืองๆจากไอจี @mewsuppasit นะจ๊ะ
Text: AuAi Photo: สุดสัปดาห์
ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
WHY R U THE SERIES เพราะรักใช่เปล่า ซีรี่ย์วายแนวใหม่ที่มาพร้อมทีมนักแสดงหน้าใหม่ฝีมือดี
รวมดาราชายที่โด่งดังจาก คู่จิ้นชายชาย ในซีรี่ย์วายฟินกันทั่วบ้านทั่วเมือง
5 อันดันซีรี่ย์วาย2018 ที่สายวายไม่ควรพลาด #จิ้นฟินจิกหมอน
ซีรี่ย์วายจีน Addicted ที่ถูกระงับออกอากาศกลางคัน จะถูกรีเมคในเกาหลีใต้