หมอเจษ ในละครอุ้มรักเกมลวง ที่รับบทโดย เจษ-เจษฏ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ นั้นเรียกว่ามาเซอร์ไพรส์สร้างสีสัน ชนิดจุดพลุวันชาติกันเลยทีเดียว เพราะการมาส่งท้ายแค่ไม่กี่อีพีนี้ทำเอาคนดูพากันหลงรักหมอเจษ และฟิน จิ้น กับเคมีที่เข้ากันดี๊ดีระหว่างหมอเจษกับเกี้ยว จนเกิดการรีเควสท์ให้ช่อง One ทำภาคสองเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่กันอย่างเกรียวกราว
หมอเจษ อุ้มรักเกมลวง นอกจอโปรไฟล์ไม่ธรรมดา หล่อ เรียนดี ทายาทตลาดรังสิต
เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ นับว่าเป็นนักแสดงมีฝีมืออีกคนหนึ่งก็ว่าได้ เจษผ่านการเล่นละครมาหลายเรื่อง บทจะร้ายก็ทำเอาคนดูเกลียด บทคนดีก็ทำให้คนดูรักได้ ล่าสุดกับบท หมอเจษ สูติแพทย์ที่เข้ามาช่วยชีวิตเกี้ยว กชมน (รับบทโดย กบ สุวนันท์ ปุณณกันต์) เพียงแค่ปรากฏตัวในซีนแรก ก็ทำเอาเกิดกระแส #หมอหล่อบอกต่อด้วย กันสนั่นโซเชียล คนดูอยากแอดมิทแทนคนไข้กชมนกันเป็นแถวๆ
เห็นในเรื่องอุ้มรักเกมลวง หมอเจษหล่อ เก่ง ละมุนละไม ใจดี แอบกวนนิดๆ แบบนี้ จะบอกว่าชีวิตของ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ โปรไฟล์ก็ไม่ธรรมดาเลยนะ เจษเรียนเก่งมาก จบดีกรีปริญญาโท สาขาวิชาการเงินประยุกต์ (Applied Finance) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.91 !! และเป็นทายาทตลาดรังสิต ไปอี๊ก เรียกว่าครบสูตรชายในฝันกันเลยจ้ะ
ทายาทตลาดรังสิต เมื่อถึงเวลาต้องสานต่อ
เป็นที่รู้กันพอสมควรว่า ฐานะทางบ้านของเจษอยู่ในขั้นที่เรียกว่าเศรษฐี ตระกูลทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รังสิต และเป็นเจ้าของตลาดรังสิต อย่างไรก็ดีเจษเผยว่าเขาใช้ชีวิตไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ชอบที่จะยืนได้และดิ้นรนด้วยตัวเองมากกว่า
“ตระกูลผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และก็มีตลาดรังสิต แต่ตัวผมไม่เคยยุ่ง เพราะธุรกิจที่อยู่ตัวแล้ว เป็นน้ำหล่อเลี้ยงตระกูล ไม่ใช่แค่ครอบครัวผม เราเป็นครอบครัวคนจีน ก็จะเป็นการบริหารแบบกงสี มีระบบเซ็ตอยู่แล้ว ที่ผมยังไม่เข้าไปยุ่ง เพราะไม่ถึงเวลาเจนฯ ของเรา แต่ก็ควรต้องเรียนรู้ไว้ เพราะวันหนึ่งถ้าถึงเจนฯ ของเราต้องเข้าไปช่วยงาน เป็นอะไรที่ทิ้งไม่ได้ ต้องรักษาให้คงอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน”
เรียนดี กีฬาเด่น เล่นดนตรีได้
เจษไม่ใช่แค่มีดีแค่การแสดงเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถหลากหลาย อาชีพนักแสดงก็เป็นสิ่งที่เจษไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสเข้ามาทำ นอกจากนี้เจษยังชอบตีกลอง และเคยคิดว่าถ้าได้เข้ามาในวงการก็น่าจะเป็นนักดนตรี
“ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะได้เขามาทำงานในวงการบันเทิงเลย ผมอยากเป็นนักดนตรี นักกีฬามากกว่า ไม่เคยวางตัวเองไว้ว่าต้องทำงานอะไร ผมเตะบอลตั้งแต่ประถม ป.4 ป. 5 เป็นนักกีฬาของโรงเรียน เริ่มเล่นดนตรีตอนอยู่มัธยม ยาวมาถึงมหา’ลัย เคยส่งผลงานเข้าประกวดฮอตเวฟมิวสิคอวอร์ดด้วยนะ แต่ไม่ได้
“เรื่องเรียนโดยพื้นฐานผมเป็นเด็กค่อนข้างเรียนโอเค จึงตัดสินใจเรียนสายที่คิดว่าตัวเองน่าจะรอดและไปต่อได้ ปริญญาตรีจบคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทจบ การเงิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“ผมเริ่มเข้าวงการตั้งแต่ม.ปลาย ก็จะมีคนถามว่า ทำไมไม่เรียนนิเทศศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์ ผมคิดว่าสายงานวงการบันเทิง ไม่จำเป็นต้องเรียนให้ตรงสายซะทีเดียว ผมว่ามันเป็นเรื่องของประสบการณ์ กับพรสวรรค์ ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากการจะได้ไปต่อในวงการยาวๆ เราก็ควรต้องสร้างฐานของตัวเองให้แข็งแรงด้วย
“พ่ออยากให้ผมเรียนการเงิน ทุกอย่างวนมาเรื่องของวัฏจักรของเงินที่หล่อเลี้ยงทุกอย่าง ซึ่งเราควรรู้ระบบเข้าใจกลไกว่า เราจะอยู่กับมันอย่างไร จะบริหารเงินอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด วิเคราะห์ว่าช่องไหนที่จะทำให้เงินงอกเงย ดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบอะไรกับเรา มันเป็นเรื่องที่เราเห็นทั่วไปนะ เพียงแค่เราไม่เคยรู้ และเราก็ได้มาเรียนรู้มันอย่างมีหลักการ
ผู้ชายสายอนุรักษ์
“ผมอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมเลือกเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน บอกคนใกล้ตัวว่าควรทำอย่างไร บอกถึงผลกระทบ ว่าแบบนี้ไม่ทำดีกว่านะ ทำแบบนี้จะช่วยโลกอย่างไร ผมไม่ใช้หลอดพลาสติกเลยถ้าไม่จำเป็น เพราะประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับโทษ ไม่ใช้ถุงพลาสติก ใช้ถุงผ้าแทน ถ้าจะใช้ผมจะรวมให้อยู่ในถุงพลาสติกใบเดียวกันให้มากที่สุด คือผมว่าเหล่านี้เป็นเรื่องทำง่ายมาก อยู่ที่เราจะลงมือทำมั้ย”
8 ปีในวงการของ เจษฏ์พิพัฒ ล่าสุดปังมากในบท หมอเจษ
“ผมเข้าวงการบันเทิงจากการเล่นหนังของพี่พจน์ อานนท์ ตอนนั้นอยู่ม.ปลาย ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เล่นหนังได้สองสามปีจนเข้ามหา’ลัย แล้วผมก็มีโอกาสได้เข้ามาแคสต์ที่เอ็กแซ็กท์ จากนั้นหนึ่งปีจึงมีละครเรื่องแรก
“ทางบ้านไม่ห้ามเรื่องทำงานในวงการบันเทิงครับ แต่ในวันที่เรายังลุ่มๆ ดอนๆ เขาก็เป็นห่วงว่าเราจะอยู่ได้มั้ยกับตรงนี้ ซึ่งทางบ้านก็มีเดดไลน์ให้เรา ขีดเส้นไว้ให้สองปีนะตั้งแต่เข้าเอ็กแซ็กท์ว่า ต้องมีละคร ต้องเห็นพัฒนาการ เห็นว่าประสบความสำเร็จ ผมก็ต้องถีบตัวเอง เราก็ลุ้นนะว่า เราจะไปถึงระดับไหน เพราะก็ไม่อยากเลิกทำถ้าวันหนึ่งไม่เป็นไปตามเป้า แต่มันก็เป็นเดดไลน์ที่เหมาะนะ พ่อแม่ผมทำถูกแล้วที่ปล่อยให้ผมได้ทำอะไรอย่างที่ตรงการ แต่ก็มีกรอบไว้ให้ จะได้รู้ว่าสิ่งนั้นทำได้จริงมั้ย อยู่ได้จริงมั้ย ไม่งั้นมันก็จะสบายไป ไม่มีอะไรผลักดัน
“ผมเติบโตมาในครอบครัวที่เลี้ยงลูกให้เรียนรู้ชีวิตจากความผิดพลาด และประสบการณ์ของตัวเอง ปล่อยให้ทำอะไรเอง ปล่อยให้ชีวิตเอง ตัดสินเอง แล้วถ้าผิดพลาด ก็สอนจากความผิดพลาด ผมเลยโตขึ้นจากประสบการณ์
“8 ปีที่ได้ทำงานในวงการบันเทิง เรียกว่าผมเติบโตในเส้นทางในวงการกับพี่บอย พี่ป้อน เลยก็ว่าได้ เขาสอนให้เราเป็นนักแสดงด้วยความเข้าใจ ด้วยประสบการณ์ชีวิต เข้าใจคนอื่นๆ และเปลี่ยนตัวเอง ก่อนที่เราจะไปเป็นตัวละครที่คนรักคนชอบ เราต้องเปลี่ยนต้วเองก่อน ต้องทำตัวเองให้เป็นคนดีขึ้นก่อน ส่งผลให้ผมโตขึ้นในแง่วุฒิภาวะ ความคิดต่างๆ ทำให้เราเป็นคนที่ละเอียดอ่อนขึ้น มีมุมมองเรื่องต่างๆ ในแง่บวก แม้แต่เรื่องที่มีความเห็นต่าง ถ้าผมไม่ได้เป็นนักแสดง ผมอาจจะเข้าใจคนอื่นๆ ได้น้อยกว่านี้
“สำหรับฟีดแบ็กของหมอเจษ เป็นอะไรที่ไม่เคยคาดคิดว่า จะได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ ตอนแรกที่เล่นตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่ เพราะเป็นการทำงานครั้งแรกหลังจากพักไปนานจากการผ่าตัด ไม่เคยคิดเลยว่า จะได้เล่นกับรุ่นใหญ่ขนาดนี้ พี่กบ พี่โดนัทไม่เคยร่วมงานด้วยกันเลย แต่รู้ว่าเก่งมาก ผมก็มีการเข้าไปดูในฉากด้วยว่าพี่กบเล่นอย่างไร เขาเป็นเกี้ยวยังไง แล้วก็ได้เห็นเลยว่า พี่เขาเก่งจริง
“ผมชอบนะเวลาเล่นละครแล้วมีคนเรียกชื่อตัวละคร นั่นหมายถึงว่าเขาเชื่อในการแสดงของเรา เวลาร้ายก็เกลียดมาก อย่างตอนเล่นพิษสวาท คนก็ด่าจริงจังมาก กับหมอเจษคนก็ชอบมาก รู้สึกดีที่คนอิน ได้เป็นฟันเฟืองหนึ่งของละครให้ประสบความสำเร็จ ขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามผลงาน อย่างก็ฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ นะครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”
Text: AuAi Photo: Sudsapda
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เจ้านาย วรรธนะสิน ในวัย 19 ขวบปี ที่ได้เรียนรู้ทั้งความสำเร็จและความผิดหวัง
Special Interview : DYE อัลบั้มใหม่ GOT7 และการคัมแบ็กที่ช่วยเยียวยาหัวใจเราในช่วงล็อกดาวน์
เจาะทุกเรื่องในชีวิต อิน สาริน จากเด็กแสบน่าหมั่นไส้ สู่พระเอกดาวรุ่งช่อง3
Exclusive Interview: WayV บอยแบนด์ดาวรุ่งจีน ฮอตมาก เก่งมาก หล่อมาก เพอร์เฟ็คท์ขนาดนี้ไม่รักยังไงไหว
นนกุล กับเส้นทางโกอินเตอร์ที่เมืองจีน ตายเอาดาบหน้า ดีกว่าไร้เป้าหมาย