ช่วงต้นปีหมายเชิญฉบับหนึ่งมาถึงในวันที่หน้ากากกันฝุ่นPM2.5 กำลังเป็นของหายาก พอๆกับหนังปลา IRVINS ของ(คนอื่น)ฝากยอดฮิต เมื่อใครต่อใครรู้ว่าเรากำลังจะเดินทางไปสิงคโปร์ แต่… ณ จุดนี้จะหนังปลาหรือหน้ากากบอกเลยว่าลืมไปก่อนค่ะ เพราะจุดหมายปลายทางของเราคือการบินไปเสพอาร์ตให้สาแก่ใจในงานสัปดาห์ศิลปะสิงคโปร์ หรือ Singapore Art Week 2019 นั่นเอง
งานสัปดาห์ศิลปะสิงคโปร์ หรือ Singapore Art Week นั้นเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในแวดวงศิลปะรวมไปถึงนักท่องเที่ยว ด้วยความที่จัดใหญ่ จัดเต็ม เป็นหน้าเป็นตาของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรามานาน จนถึงปีนี้ก็เป็นปีที่ 7 แล้ว โดย Singapore Art Week 2019 นั้นจัดขึ้นภายใต้ธีม “Art Takes Over” กล่าวคือตลอดระยะเวลาเกือบ10 วัน (ระหว่างวันที่ 19-27 มกราคม 2562) จะมีการจัดกิจกรรมและงานอีเวนท์ขึ้นตามสถานที่ต่างๆทั่วเกาะสิงคโปร์ พูดง่ายๆคือนอกจากจะเราจะพบงานศิลปะได้ในหอศิลป์ แกลเลอรี พิพิธภัณฑ์แล้ว ตามสถานที่สาธารณะ ย่านชุมชน ซอกเล็กซอยน้อยต่างๆ ก็จะมีอาร์ตให้เสพกันทั่วถึง ประหนึ่งว่าที่นี่กลายเป็นอาณานิคมที่โดนศิลปะยึดครองไปเป็นการชั่วคราว
ด้วยระยะเวลาจำกัด เราอาจเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบทั้งหมด แต่ก็ขอคัดมาเน้นๆเพื่อคุณผู้อ่าน เผื่อว่าครั้งหน้าใครจะไปตามเสพบ้างนะจ๊ะ
#จัดจ้านในย่านไชน่าทาวน์แอนด์ลิตเติ้ลอินเดีย
ขอยกมาเปิดเป็นโปรแกรมแรกในบรรดางานอาร์ตทั้งหมดของ Singapore Art Week 2019 เพราะสุดฯเชื่อว่าโปรแกรมนี้น่าจะถูกใจสายถ่ายรูปอัพโซเชียลเป็นพิเศษ นั่นคือโปรแกรมการเดินชมศิลปะในย่านชุมชน
ย่านชุมชนที่ว่านี้มีสองจุดด้วยกัน จุดแรกคือ ARTWALK Little India ที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ( Singapore Tourism Board – STB) จับมือ LASALLE College of the Arts พานักศึกษามาสร้างสรรค์จิตรกรรมบนกำแพง 20 แห่ง รวมถึงจัดวางงานศิลปะ(Pop up Installations) ตามพื้นที่ต่างๆ ภายใต้ธีม ‘Image and Sound of Fragrance’ ตีความกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศอินเดียออกมาในรูปแบบต่างๆ
สำหรับเราความน่าประทับใจของโปรเจคท์นี้คือ การได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้คนในย่านดังกล่าว (India Shopkeepers and Heritage Association) ที่พร้อมอุทิศกำแพงบ้าน ตลอดจนอำนวยความสะดวกเพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมของตนออกสู่สายตาชาวโลก ใครที่ชอบศิลปะแนวนี้ที่นี่เขาจัดเป็นประจำทุกปี คอยติดตามรายละเอียดได้ที่ Artwalklittleindia.sg จ้ะ
ย่านแนะนำย่านถัดมาสำหรับสายอาร์ตวอล์คเกอร์ทัั้งหลาย ได้แก่ ย่าน Tanjong Paga’s ติดกับไชน่าทาวน์ อยู่ระหว่าง Singapore General Hospital และสถานีรถไฟเก่า ย่านนี้จะประกอบด้วย Neil Road, Blair Road, Spottiswoode Park Road และ Everton Road ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่สงบและงดงาม มีสตูดิโอศิลปิน บ้านนักสะสม แกลเลอรี และสตรีทอาร์ตซ่อนตัวอยู่ตามมุมต่างๆ ท่ามกลางตึกโบราณที่ได้รับการรักษาให้คงสภาพเดิมไว้อย่างดี ถ้าจะบอกว่าที่นี่ Art is truly in the air คงจะไม่ผิดนัก ย่านนี้เข้าร่วมด้วยโปรเจคท์ที่ชื่อว่า The Blair Plain Artsy Walk
หนึ่งในเอกลักษณ์ของย่านนี้คือภาพวาดฝาผนัง ( Contemporary Wall Murals) ฝีมือศิลปินท้องถิ่น Yip Yew Chong อดีตนักบัญชีผู้รักการวาดภาพ และผันตัวมาเป็นศิลปินจนมีผลงานที่ใครๆก็ต้องแวะมาชื่นชม
นอกจากนี้ยังมี ผลงานของ Alex Face ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวไทย เบื้องหลังภาพนี้คือ เจ้าของเลขที่ 63 Spottiswoods Park Road ซึ่งเป็นร้านขายยาโบราณแห่งนี้ ได้ติดต่อให้ Alex Face มาวาดภาพ Mardi (คาแรคเตอร์เด็กน้อยสวมหูกระต่ายตาปรือที่ได้แรงบันดาลใจจากลูกสาวของเขา) กำลังเฉลิมฉลองเทศกาล Peranakan ถ้าสังเกตจะเห็นว่า Mardi สวมชุดพื้นเมืองพร้อมมาลัยดอกไม้บนศีรษะ ในขณะที่ด้านข้างมีเพื่อนกำลังขี่Segway สื่อถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและโลกสมัยใหม่ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
#อาร์ตตัวพ่ออาร์ตตัวแม่
จบจากสายอัพรูปก็มาถึงโปรแกรมสำหรับคนที่นิยมเสพอาร์ตแบบลึกขึ้นมาหน่อย งานนี้เรารวบตึงมาให้สามรายการด้วยกัน
รายการแรกค่อนข้างเล่นใหญ่เพราะจัดแสดงภายใต้คอนเซปต์เดียวแต่สองสถานที่ด้วยกัน นั่นคือ Minimalism: Space. Light. Object. Exhibition จัดขึ้นที่หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ( National Gallery Singapore) และพิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (ArtScience Museum) เรียกได้ว่าเป็นการจัดนิทรรศการศิลปะแนวนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรวมผลงานมินิมัลลิสท์ระดับมาสเตอร์พีซกว่า 150 ชิ้น บอกเล่าพัฒนาการของแนวคิดศิลปะมินิมัลลิสท์ตั้งแต่ยุค 1950 จนถึงปัจจุบัน บางชิ้นนี่มินิมัลจนเราอ้าปากค้าง พร้อมกับคิดในใจว่า “อย่างนี้ก็ได้เหรอ” เอาจริงๆถือเป็นการเบิกเนตรด้านงานศิลป์เลยก็ว่าได้ เราไม่ใช่สายแข็งยังทึ่งขนาดนี้ ใครที่เป็นสายมินิมัลลิสท์ได้มาดูน่าจะฟินไปสามวันแปดวันเลยทีเดียวเชียว
รายการถัดมาคือ Lucy Liu and Shubigi Rao: Unhomed Belongings จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสิงคโปร์ (National Museum Singapore) ใช่ค่ะ ลูซี่ ลิว นักแสดงฮอลลีวู้ดคนนั้นนั่นแหละค่ะ งานนี้จัดแสดงผลงานศิลปะของเธอ กับศิลปินชาวสิงคโปร์ ชูบิจิ ราว ทั้งคู่ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะเป็นตัวเชื่อมมิตรภาพของพวกเขาเข้าด้วยกัน และงานที่จัดแสดงทั้งหมดก็สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันของทั้งสองคนได้อย่างกลมกลืน
ปิดท้ายสายแข็งด้วย IMPART Collectors’ Show 2019: Fabulous Monsters ณ พิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์ (อีกครั้ง) ซึ่งเป็นอีกรายการที่น่าจะใช้คำว่ามาสเตอร์พีซได้เต็มปาก เพราะเป็นการรวบรวมงานศิลปะร่วมสมัยในสไตล์เหนือจริงทั้งหลาย จากคอลเลคชั่นส่วนตัวของนักสะสมมาจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชมกัน
งานแต่ละชิ้นเปรียบได้กับการหลีกหนีโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย เข้าสู่โลกแห่งความฝันและจินตนาการของศิลปิน แล้วคลี่คลายออกมาเป็นงานศิลป์ที่แฝงการวิพากษ์สังคม การเมือง และวัฒนธรรมเอเชียอย่างเจ็บแสบ แหลมคม ซึ่งการที่เรายืนมองงานศิลปะสไตล์เหนือจริงแล้วยังรับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านั้นได้ มันคือรูปแบบการสื่อสารที่สุดยอดมากจริงๆ ในสายตาเรา
ขอเชิญชมความดีงามของ IMPART Collectors’ Show 2019: Fabulous Monsters ได้ที่ artoutreachsingapore.org/impart-collectors-show/
#อาร์ตอินดี้ที่แท้ทรู
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อศิลปะมาเจอกับเทคโนโลยี มันก็คืองานดีๆที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ไงล่ะคะ
งานแรกคือ Art x Tech for Good ที่นักเรียนศิลปะ 10 คนจากสถาบัน LASALLE College of the Arts เข้าร่วมโครงการเทคโนโลยี ‘please insert human’ กับสตูดิโอ MeshMinds แต่ละคนจะได้ทดลองบูรณาการหลอมรวมศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น VR/AR/MR , 360 films, 3D modeling & printing ฯลฯ ผลลัพธ์ที่ได้คือ งานศิลปะในรูปแบบใหม่ที่ขยายกลุ่มผู้เสพอาร์ตออกไปได้กว้างขึ้น ที่สำคัญงานศิลปะเหล่านี้จะเน้นการมีส่วนร่วมกับผู้ชม ซึ่งทำให้ผลงานแต่ละชิ้นแม้จะเป็นงานเล็กๆแต่น่าประทับใจไปอีกแบบ
เสพงานศิลป์ตอนกลางวันมาก็มาก มาสัมผัสงานอาร์ตยามค่ำคืนบ้างก็รื่นรมย์ไปอีกแบบ งานนี้ถือได้ว่าเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของ Singapore Art Week 2019 เลยก็ว่าได้ กับเทศกาลประจำปีที่จะแปลงโฉมย่าน Civic District ของสิงคโปร์ ให้กลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสีสัน ชื่อนี้พูดขึ้นเมื่อไรทุกคนจะต้องร้องอ๋อ สำหรับ Light to Night Festival ที่ใช้บรรดาอาคารสถานที่สำคัญ และพื้นที่สาธารณะในย่านนั้นแทนผืนผ้าใบในการแสดงแสงสีเสียง อันงดงามภายใต้ผืนฟ้าอันมืดมิด นับเป็นการจัดแสดงงานศิลปะกลางแจ้งที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดงานหนึ่งเลยทีเดียว
ปีนี้จัดขึ้นในธีม Traces and Echoes สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติ ความเป็นระเบียบ และความชุลมุนวุ่นวาย
#อาร์ตขายฝัน
ปิดท้ายด้วยอีกงานที่เราชอบที่สุด (ตั้งแต่มายังไม่เห็นไม่ชอบสักงาน แฮ่!) ในช่วงเทศกาล Singapore Art Week 2019 นี้ นั่นก็คือ งานนิทรรศการ Selling Dreams: Early Advertising in Singapore ณ อาคารหอสมุดแห่งชาติ (National Library Building) รวบรวมงานโฆษณาสิ่งพิมพ์ในยุคอดีตมาจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ เรียกว่าไม่ใช่แค่ถ่ายภาพแล้วจัดบอร์ด แต่เป็นการจัดแสดงแบบสื่อผสมผสาน แบ่งโซนชัดเจน ตั้งแต่โฆษณาเสื้อผ้า อาหาร ยา บ้าน รถยนต์ ไปจนกระทั่งถึงสายการบิน และแต่ละโซนจะมีไฮไลท์ให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมกับโซนนั้นๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีบวกความคิดสร้างสรรค์
ขอปรบมือให้สกิลคนจัดงานที่ทำให้เรื่องเรียบๆอย่างโฆษณาโบราณกลายเป็นเรื่องสนุกและเพลิน จนเราใช้เวลาอยู่ในนั้นหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
สรุปส่งท้ายด้วยการเมาท์มอยกับคุณผู้อ่านเบาๆ หลังจากเสพอาร์ตอย่างเพลิดเพลินมาเช้าจรดเย็น 4 วันรวด เราก็พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมชื่อของ Singapore Art Week จึงประสบความสำเร็จมาได้ในวันนี้ ส่วนสำคัญน่าจะเป็นเพราะความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่แม่งานคือหน่วยงานของรัฐอันได้แก่ สภาศิลปกรรมแห่งชาติ (national Arts Councils – NAC) การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ( Singapore Tourism Board – STB) และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (Singapore Economy Development Board) สถาบันการศึกษาต่างๆที่ส่งอนาคตของชาติเข้ามามีส่วนร่วมบ้างก็ร่วมกันสร้างงาน บ้างก็ร่วมในฐานะผู้ชม ไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของตึกในชุมชนที่ให้ความร่วมมืออุทิศผนังบ้านตนให้ใช้เป็นที่จัดแสดงงาน เรียกว่าสามัคคีกันตั้งแต่คนทำงานยันคนมาดู (การมาดูก็เป็นการให้ความร่วมมืออย่างหนึ่งเนอะ) Singapore Art Week 2019 จึงเรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
หลังฝุ่น PM2.5 ซา ก็เอาใจช่วยให้บ้านเรามีศิลปะเป็นวาระแห่งชาติกับเขาบ้างซะที มันดีต่อใจจริงๆนะ.
ใครสนใจอยากไปสัมผัส Singapore Art Week บ้าง ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.visitsingapore.com , Artweek.sg หรือแฮชแท็กเหล่านี้ในโซเชียลมีเดีย #sgartweek #SAW2019 #ArtTakesOver
SUDSAPDA RECOMMENDS ! แถมไว้เผื่อใครตามรอยสุดฯ
The Shopping List : Design Orchard แหล่งรวมโลคัลแบรนด์ทั้งแฟชั่น ไลฟสไตล์ และของที่ระลึก รับประกันความ unique เก๋ไก๋ระดับสิบ www.designorchard.sg
The Eat List : Lei Garden @ CHIJMES กินอาหารจีนอร่อยๆ แล้วดื่มด่ำกับบรรยากาศย้อนยุคท่ามกลางตึกโบราณาสไตล์นีโอคลาสสิค แหล่งแฮงค์เอาท์วันชิลชิลของคนที่นี่
The Chic List: SIRI HOUSE ถ้าร่ำลือกันว่ามาสิงคโปร์ต้องไปปาร์ตี้ที่ Zouk ไนท์คลับระดับโลก ขอบอกว่า ณ จุดนี้ SIRI HOUSE จากเครือแสนสิริในบ้านเราก็กำลังเป็นอีกหนึ่งที่แฮงค์เอาท์ที่ติดอันดับท็อปจนสิงคโปเรี่ยนต้องจองคิวล่วงหน้ากันรัวๆ
The Café List : Straits Clan’s Clan Café ย่าน Joo chiat paranakan คนอาร์ตๆที่บ้านอยู่แถวนั้นเขาจะมาจิบกาแฟกินมื้อสายกัน ณ จุดนี้
The YOTEL List : นอนไหนดีๆ นอนนี่เลยจ้า อย่าประหลาดใจถ้าเปิดประตูเข้าไปเจอเตียงเลย ความกะทัดรัดนี้มีที่มา เพราะโรงแรมนี้วางคอนเซปต์ไว้ว่า ห้องพักดีไซน์ให้เหมือนอยู่ในแคปซูลอวกาศ (ปล.ทุกคนยืนยันว่าเตียงดีดูดวิญญาณมาก) และยังมีไฮไลท์เป็นน้องหุ่นยนต์มิตรภาพ สมมติว่าคุณโทรไปขอหมวกอาบน้ำจากพนักงานต้อนรับ น้องหุ่นนี่ละจะเป็นคนขึ้นมาส่งของให้คุณถึงหน้าประตู (www.yotel.com, Fb @YOTELhotels)
Text&photo : M
ใครชอบกินเที่ยวอย่างมีสไตล์ สุดฯจัดให้ !!!
ลิ้มรสชาติระดับวีไอพีที่ ร้านดังของฮ่องกง & ร้านมิชลินสตาร์ #มันดีมาก
พักผ่อนท่องแดนมหัศจรรย์ที่ โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่
เกาะขอบสวรรค์ในวันฝนพรำที่จางเจียเจี้ย