“เขาใหญ่” นับเป็นแหล่งพักผ่อนสุดฮิตของนักเดินทางทั้งไทยและเทศ ส่วนหนึ่งเพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่มากนัก อีกทั้งยังห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติและอากาศสบายๆ ตลอดทั้งปี เชื่อว่าทั้งที่พัก ที่เที่ยวน่าจะผ่านตาคุณผู้อ่านกันมาแล้วแทบทั้งนั้น แต่ค่ะแต่…แต่สุดฯ เชื่อว่ายังมีหลายคนที่อาจยังไม่เคยไปสัมผัส โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่ (HOTEL LABARIS KHAO YAI) ธีมโฮเทลสไตล์ใหม่ เก๋ไก๋ น่าค้นหาประหนึ่งหลุดออกมาจากเทพนิยาย จนสุดฯ ต้องรีบไปรีวิวมาฝากคุณผู้อ่านรัวๆ นี่แหละค่ะ
มาถึง โฮเทล ลาบาริส เขาใหญ่ แค่แวบแรกก็สัมผัสได้ถึงความลึกลับเหมือนเข้ามาในเขาวงกต สมกับชื่อ Labaris ที่แท้ทรู! (Labaris มาจากคำว่า Labyrinth แปลเป็นไทยว่า เขาวงกต)
ตามตำนานกรีกเล่าว่า กษัติรย์ไมดาสได้สั่งให้ยอดนักประดิษฐ์เดดาลัสสร้างเขาวงกตขึ้นมา เพื่อเป็นกับดักมิโนทอร์ (สัตว์ประหลาดตัวเป็นคนหัวเป็นวัว) และท่ามกลางภูมิทัศน์ของธรรมชาติโดยรอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สถาปนิกก็ตั้งใจออกแบบพื้นที่เล่นระดับทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 โซนคือ Welcome Zone, The Heart of Labaris, Explore The Secret Room : Laughing Stone Garden, Tracking The Beauty of Romance และ The Meander Wonderer แต่ละโซนทำให้สุดฯ เหมือนได้ท่องไปในเขาวงกตในตำนานเลยก็ว่าได้
เข้าสู่โซนแรกที่ต้อนรับบรรดาผู้เข้าพักท่องเข้าสู่ Welcome Zone สนามหญ้าขนาดใหญ่ ประดับประดาดอกไม้หลากหลายชนิด และเหล่ารูปปั้นของสัตว์วิเศษ เช่น Lapin Horn, Fire Eater เป็นต้น ซ่อนตัวอยู่บนเนินดินที่จำลองให้เป็นโพรงของเหล่าสัตว์วิเศษ โดยมี Rabbit Cafe เป็นโพรงให้ทุกคนได้เข้าไปนั่งชิลลิ้มรสชาติกาแฟและขนมหวานที่ทำสดใหม่ทุกวัน เวลาเข้าไปนั่งข้างในแล้วมองออกมาทางประตูกระจก จะได้ฟีลความกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เหมือนนั่งอยู่ในโพรงกระต่ายจริงๆ
ต่อมาก็มีผู้นำทางเราไปยังโซน The Heart of Labaris งานนี้จะต้องเดินลัดเลาะเขาวงกตสุดลึกลับเข้าไปเจอกับปราสาทหลังงาม 2 หลังคือ Starry Castle และ Midnight Castle ในปราสาทแบ่งเป็น Duplex Room, Grand Deluxe Room และ Deluxe Room รวมทั้งหมด 60 ห้อง ซึ่งหันหน้าออกจากห้องพักได้ชมวิวเขาวงกตที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้สีสันสวยงามที่สวยตะลึงเลยทีเดียว
นอกจากส่วนของปราสาท ยังมี Explore The Secret Room : Laughing Stone Garden ซึ่งเป็นโซนหมู่บ้านลึกลับที่มีห้องพัก Pool Villa 10 หลัง ซ่อนอยู่ใน Infinite Forest สวนกระจกที่สะท้อนให้เห็นภาพสวนทั้งสี่ด้านและทางเข้าหมู่บ้านเหมือนกันแบบแยกไม่ออก ทำเอาคนหลงทิศแบบสุดฯ แทบหาทางไปไม่ถูกเลยจ้า
โซนถัดมาไม่ได้แค่เติมเต็มจินตนาการเท่านั้น แต่ยังทำให้อิ่มท้องด้วยกับ Tracking The Beauty of Romance ที่ Labaris Restaurant เสิร์ฟเมนูอาหารสไตล์ Thai Cuisine and Grill Bar (อาหารไทย อาหารตะวันตกและฟิวชั่น) พร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มอีกมากมาย ห้องอาหารนี้ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยผนังกระจกสูงทำให้เห็นวิวด้านนอกได้รอบด้าน ตกกลางคืนยิ่งชวนให้โรแมนติกขึ้นไปอีกขั้น
ปิดท้าย The Meander Wonderer โซนสุดท้ายที่จะทำให้การท่องแดนเทพนิยายเพอร์เฟคท์อย่างสมบูรณ์แบบกับพื้นที่ของสระว่ายน้ำที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแม่น้ำอันคดเคี้ยวไร้ที่สิ้นสุด ที่นี่เขาเรียกสระว่ายน้ำว่า Creek มีทั้ง Nomadic Creek (สระสำหรับผู้ใหญ่) และ Cub’s Creek (สระสำหรับเด็ก) เดินถัดไปอีกนิดจะเจอกับสะพานข้ามไปยังลำธารตามธรรมชาติใช้ชื่อว่า Endless River ที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ที่หลอมรวมกับผืนป่าได้อย่างน่าอัศจรรย์
สุดฯ มาพักผ่อนครั้งนี้บอกเลยว่าได้รูปกลับบ้านไปอัพโซเชียลเพียบ ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยเก๋ แถมยังตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งเรื่องความสะดวกสบายของห้องพัก ความปลอดภัยของบริเวณเครื่องเล่น และอาหารรสเลิศ เต็มสิบให้ร้อยไปเลยจ้า
Text : Lizhu
Photo : Lizhu / HOTEL LABARIS KHAO YAI
อ่านข่าวไลฟ์สไตล์เก๋ๆ ได้ที่นี่อีกเพียบ
Coworking space เทรนด์ออฟฟิศของคนยุคใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน!
ดื่มกาแฟ ซึบซับงานศิลป์ อีกไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่งศิลป์พีระศรี