ยุนจงอู & เจย์ จาก Boys Planet แท็กทีมโชว์เคมี เปิดเผยมิตรภาพและเรื่องราวเบื้องหลังรายการ

ถ้าใครได้ติดตามรายการ Boys Planet จะรู้จักสองหนุ่มนามว่ายุนจงอูและเจย์เป็นอย่างดี เพราะ ยุนจงอู และเจย์ ต่างเป็นผู้เข้าแข่งขันตัวท็อปของรายการทั้งด้านความสามารถและความนิยม เป็นคนที่แจ้งเกิดในรายการจากความสามารถบนเวทีที่เหนือชั้นจนพุ่งกระแทกตาแฟนคลับเข้าเต็มๆ ทำให้ทั้งคู่ได้รับแรงสนับสนุนจนสามารถทะลุไปได้ถึงรอบไฟนอลของ Boys Planet

แม้ว่าตอนนี้รายการ Boys Planet จะปิดฉากไปเรียบร้อย แต่ความรักและแรงสนับสนุนที่แฟนๆ มีให้กับจงอูและเจย์ยังมากมายเหมือนเดิม ซึ่งแน่นอนว่าในประเทศไทยมีแฟนคลับของทั้งสองคนอยู่จำนวนมาก จงอูกับเจย์ก็เลยตัดสินใจเดินทางมาร่วมงาน 2023 K-POP ROOKIES FESTA in BANGKOK กับเพื่อนๆ ในรายการ ทั้ง 4 หนุ่มทีม REDSTART BOYS และอีฮวานฮีกับอีดงยอล เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา

งานนี้สุดสัปดาห์มีโอกาสได้ไปพูดคุยกับยุนจงอูและเจย์แบบจัดเต็มมาก โดยได้พูดคุยทั้งเรื่องการเข้าร่วมรายการ Boys Planet มิตรภาพของทั้งคู่ ไปจนถึงการเดินมาประเทศไทยในครั้งนี้ บอกเลยว่าแฟนๆ ของยุนจงอูและเจย์พลาดบทสัมภาษณ์นี้ไม่ได้โดยเด็ดขาดจ้า

Yoon Jongwoo, Jay, Jay Chang, Jongwoo, เจย์, ยุนจงอู, จงอู, เจย์ ชาง, Boys Planet, เจย์ ชาง Boys Planet, เจย์ Boys Planet, ยุนจงอู Boys Planet, จงอู Boys Planet, เด็กฝึกหัดใน Boys Planet, รายการ Boys Planet, 보이즈플래닛, 윤종우, 제이창, 제이, รายการเกาหลี, รายการหาไอดอลเกาหลี, รายการเซอร์ไวเวิลเกาหลี, รายการเซอร์ไวเวิลเอ็มเน็ต, ยุนจงอูกับเจย์

จับเข่าคุยกับ ยุนจงอู & เจย์ ทุกเรื่องราวในรายการ Boys Planet

เริ่มด้วยแนะนำตัวกับแฟนๆ สุดสัปดาห์พร้อมบอก 3 จุดเด่นของตัวเองหน่อยค่ะ

จงอู : สวัสดีครับผมชื่อ “จงอู” ครับ (แนะนำตัวเป็นภาษาไทย) สำหรับ 3 จุดเด่นของผมนะครับ จุดเด่นแรกคือผมมีภาพลักษณ์ที่มั่นใจเวลาอยู่บนเวทีครับ ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของผมครับ ส่วนจุดเด่นที่สองคือผมเป็นคนมีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ครับ แม้ว่าจะเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยเข้ามา ผมจะไม่หลีกหนีช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ผมจะต่อสู้กับมันแล้วผ่านไปให้ได้ครับ และจุดเด่นที่สามของผมคือผมชอบเล่นกีฬามากครับ ไม่มีกีฬาไหนที่ผมเล่นไม่ได้ครับ

เจย์ : สวัสดีครับผมชื่อ “เจย์” ครับ (แนะนำตัวเป็นภาษาไทย) สำหรับจุดเด่นข้อแรกของผมคือเสียงร้องครับ ส่วนจุดเด่นข้อที่สองคือเป็นคนมีพลังบวกหรือเอนเนอร์จี้สดใสครับ และจุดเด่นข้อที่สามคือการเต้นลีลาศครับ (พร้อมทำท่าไวรัลของตัวเองประกอบการพูดด้วยค่ะ เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งจงอูและสุดสัปดาห์ไปเลย)

Jay, Jay Chang, เจย์, เจย์ ชาง, Boys Planet, เจย์ ชาง Boys Planet, เจย์ Boys Planet, 제이창, 제이

พูดถึงจุดเด่นของตัวเองไปแล้ว อยากให้ทั้งสองคนผลัดกันพูดถึงจุดเด่นของอีกฝ่ายบ้างค่ะ

จงอู : จุดเด่นของเจย์ก็เหมือนที่เขาพูดไปเมื่อกี้เลยว่าเสียงร้องของเขา ผมเห็นด้วยครับ เจย์เป็นคนที่มีทักษะการร้องเพลงที่ทำให้คนฟังพุ่งความสนใจไปที่เขาได้ทันที เขามีเสียงที่วิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหน เสียงของเขาทำให้คนหันมาตั้งใจฟังและดึงดูดใจผู้ฟังได้ เป็นจุดเด่นที่ดีมากและผมรู้สึกชื่นชมมากๆ ครับ ซึ่งเป็นความสามารถที่ผมอยากจะมีบ้างครับ และเจย์เป็นคนที่เชื่อฟังพี่ๆ ดีมากครับ เป็นน้องที่มีท่าทางน่ารักเยอะๆ และสกินชิพเยอะ เขาเป็นคนที่น่ารักมากๆ ครับ

เจย์ : ขอบคุณครับ จุดเด่นของพี่จงอูที่ผมเห็นคือเป็นคนที่สามารถดึงดูดผู้ชมให้มามองที่เขาเวลาบนเวทีได้ภายใน 5 วินาที เป็นความสามารถที่ผมรู้สึกยอมรับมากๆ ครับ

จองอู : ขอบคุณครับ

เจย์ : ผมชอบสเตจ Back Door มากครับ

Yoon Jongwoo, Jongwoo, ยุนจงอู, จงอู, Boys Planet, ยุนจงอู Boys Planet, จงอู Boys Planet, เด็กฝึกหัดใน Boys Planet, รายการ Boys Planet, 보이즈플래닛, 윤종우

ทั้งสองคนได้เจอกันในรายการ Boys Planet เล่าถึงความประทับใจแรกที่มีต่อกัน

จงอู : ครั้งแรกที่ผมเจอเจย์ตอนการประเมินรอบแรกครับ แล้วระหว่างที่ผมนั่งอยู่ในเซ็ต ที่จอก็ขึ้นมาว่าผู้เข้าแข่งขันจากอเมริกา แล้วเจย์ก็เดินออกมา ซึ่งเห็นที่ไวบ์ความเป็นอเมริกาออกมาเลยครับ ผมก็คิดขึ้นมาเลยว่าสมกับเป็นคนอเมริกาจริงๆ เป็นคนที่ดูแล้วไม่ธรรมดาเลยครับ

เจย์ : ผมเองก็เจอพี่จงอูครั้งแรกในวันนั้นครับ วันนั้นพี่จงอูโชว์เพลง Mirotic ครับ แล้วอยู่ดีๆ พี่เขาก็ร้องท่อนคอรัสด้วยเสียงต่ำ ตอนนั้นผมกำลังเหนื่อยๆ อยู่ครับ พอเห็นการแสดงของพี่จองอูปุ๊บ ผมก็โฟกัสการแสดงของพี่เขาทันที จริงๆ แล้วก่อนที่ผมจะได้เจอกับพี่จงอู ผมเป็นแฟนคลับของพี่เขาอยู่แล้วครับ

จากครั้งแรกที่เจอแล้วก็ได้มาอยู่ทีมเดียวกัน ตอนที่รู้ว่าได้อยู่ทีมเดียวกันครั้งแรกรู้สึกยังไง

จงอู : จริงๆ แล้วผมเข้าร่วมทีมเพลง Home ของรุ่นพี่ SEVENTEEN ก่อนเจย์ครับ ตอนที่เจย์เดินออกมาเลือกทีมผมไม่รู้เลยว่าเขาจะมาอยู่ทีมเดียวกัน เพราะตอนก่อนจะเริ่มเลือกทีม ผมถามเจย์ว่าจะเลือกเพลงอะไร แต่ในบรรดาเพลงทั้งหมดที่เขาคิดจะเลือกไม่มีเพลง Home ครับ เพราะแบบนั้น พอหลังจากที่ผมเลือกเข้าทีม Home ผมก็ยืนรอเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ แล้วก็มาถึงคิวเจย์เลือกทีม ซึ่งผมไม่มีความคิดเลยว่าเจย์จะมาเข้าทีม Home ผมคิดว่าเจย์คงไม่มาเข้าทีมเดียวกับเราหรอก

พอผมคิดจบ แล้วเขาก็เดินมาแถวโซนข้างๆ ผมแล้วกำลังคิดหนักว่าจะเลือกเพลงอะไร อยู่ดีๆ เขาก็เดินมาหาผมแล้วพูดว่า “ผมขอฝากตัวด้วยนะครับพี่” แล้วยื่นมือมาให้จับ ตอนนั้นผมพูดขึ้นมาว่าจริงเหรอ แกล้งกันอยู่หรือเปล่า จริงเหรอ ใช่ไหม ผมถามคุณว่าจริงเหรอ

เจย์ : ใช่ครับ

จงอู : อยู่ดีๆ เราก็ได้อยู่ทีมเดียวกันครับ ผมเลยรู้สึกมีความมั่นใจขึ้นมาและรู้สึกอุ่นใจมากครับ ผมรู้สึกขอบคุณเขามากครับที่เลือกมาอยู่ทีมเดียวกัน

เจย์ : ผมอยากจะอยู่ทีมเดียวกับพี่จงอูครับ เพราะแบบนั้นผมก็เลยเลือกเข้าทีม Home ครับ

ตอนที่ได้ฝึกซ้อมด้วยกันเป็นยังไง ทั้งสองคนดูสนิทกัน เคมีเข้ากัน และชื่นชมกันและกัน

จงอู : จริงๆ แล้ว ผมและเจย์ต่างยอมรับในความสามารถของกันและกันครับ ผมชื่นชมความสามารถในการร้องเพลงของเจย์ว่าเวลาที่เขาร้องเพลงดูเท่มากจริงๆ และยอมรับในความสามารถของเขามากๆ เช่นเดียวกับเจย์ เขาเองก็ชื่นชมผม เราต่างเคารพและยอมรับกัน เพราะเรามีความสามารถแตกต่างกัน เราเลยต่างช่วยเหลือกัน ตอนที่เราฝึกซ้อมด้วยกัน ผมก็ซ้อมเจย์เต้น ส่วนเจย์ก็สอนเรื่องร้องผม พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันตลอด เลยทำให้สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

เจย์ : ตอนที่ผมได้ฝึกซ้อมกับพี่จงอู ผมไม่ถนัดเรื่องเต้นครับ แต่เพราะมีพี่จงอูคอยช่วยเหลือผมเลยสามารถเต้นได้ดีขึ้นครับ

มีความประทับใจอะไรต่อกันบ้างคะ

จงอู : เจย์เป็นคนที่มีความขี้เล่นมากๆ ครับ เพราะมีความขี้เล่นมาก จริงๆ แล้วเวลาซ้อมผมจะเป็นคนที่จริงจังและอ่อนไหวง่ายครับ จะโฟกัสกับการฝึกซ้อมมากๆ ผมจะคิดอะไรในหัวเยอะมากและจริงจัง ทำให้เวลาซ้อมจะรู้สึกยิ้มไม่ค่อยออก เจย์จะคอยเข้ามาเล่นกับผมและช่วยรีเฟรชให้ทุกคน ทำให้บรรยากาศดูสดใสขึ้นมาครับ เพราะความขี้เล่นของเขาเลยค่ะ ทำให้การฝึกซ้อมสนุกมากครับ ดีมากเลยครับ

เจย์ : ตอนที่ซ้อมกับพี่เขา พี่จงอูจะมีไวบ์เหมือนกัปตันครับ พอได้อยู่กับเขา ทำให้ผมมีความตั้งใจที่จะทำให้ดีขึ้นครับ ความมั่นใจของพี่จงอูเป็นสิ่งทีผมอยากมีบ้างครับ

ให้คะแนนเคมีของคุณทั้งสองคนเท่าไหร่ คิดว่าพวกคุณเข้าขากันยังไงบ้าง และเข้าขาในเรื่องไหนที่สุด

เจย์ : ผมให้ 8 คะแนนเต็ม 10 ครับ เพราะตอนนั้นผมยังมีจุดที่บกพร่องอยู่ครับ ผมอยากจะเรียนรู้จากพี่จงอู แล้วจะพัฒนาขึ้นเพื่อให้เต็ม 10 คะแนนครับ

จงอู : งั้นผมให้ 2 คะแนนครับ จะได้รวมกันเป็น 10 คะแนน (หัวเราะ) ผมคิดว่าเราสองคนมาเจอกันไม่ใช่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งกับมนุษย์คนหนึ่ง แต่เราเจอกันในฐานะศิลปินกับศิลปิน ถ้าได้ดูในรายการจะเห็นว่าเราสองคนต่างยอมรับซึ่งกันและกัน เพราะเราต่างเคารพซึ่งกันและกัน เลยทำให้เรารู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน เลยสนิทกันครับ

ถ้าสามารถสติลความสามารถหรืออะไรก็ได้ของอีกฝ่าย อยากสติลอะไร และเพราะอะไร

เจย์ : แน่นอนครับทักษะการเต้นของพี่จงอูครับ

จงอู : ผมอยากสลับคอกับเขาครับ อยากได้เสียงร้องของเขาครับ

มีเบื้องหลังอะไรในรายการ Boys Planet แล้วแฟนๆ ไม่รู้ เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

จงอู : ในรายการที่ออนแอร์ออกมาบางทีจะดูเหมือนพวกเราไม่ค่อยสนิทกัน แต่จริงๆ แล้วเวลาที่ไม่มีกล้องถ่าย พวกเราสนิทกันมากทุกคนครับ เราเลยได้เห็นมุมที่สบายๆ ของกันและกันเยอะมากครับ ถ้าให้พูดแบบสรุปๆ คือพวกเรานอนก็นอนด้วยกัน กินข้าวก็กินพร้อมกัน พวกเราทุกคนในรายการมีความใกล้ชิดกันเหมือนคนในครอบครัวเลยครับ ผมได้เห็นภาพของเพื่อนๆ ในรายการที่คนอื่นไม่เห็นหมดทุกอย่างเลยครับ ประมาณนั้นครับ

ต่าทั้งสองคนต่างมีโชว์ดีๆ ที่อิมแพ็กมากในรายการ Boys Planet แล้วสำหรับคุณคิดว่าโชว์ไหนของตัวเองคือมาสเตอร์พีซ

เจย์ : ของผมคิดว่าเป็นโชว์ Love Me Right ครับ เป็นสเตจที่ผมภาคภูมิใจมาก เพราะว่าผมมีความเข้ากับเพลง และผมสามารถโชว์เสียงร้องของผมออกมาได้ดี ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมสนุกมากครับ

จงอู : ของผมต้องโชว์ Back Door ครับ เพราะได้อันดับ 1 จากสเตจนี้ครับ

โจทย์ไหนในรายการ Boys Planet ที่ยากที่สุด

จงอู : ของผมคือเพลง Switch ครับ เพราะตอนนั้นมีเวลาซ้อมค่อนข้างน้อย ไม่มีเวลามากนักที่ซ้อมเพื่อให้โชว์ออกมาเพอร์เฟ็กต์ ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อยและเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากครับ

เจย์ : ของผมคือตอนสเตจเพลง Home ครับ เพราะตอนนั้นผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพคอ ไม่ค่อยสบายครับ เลยทำให้ไม่สามารถโชว์ความสามารถของตัวเองออกมาได้ รู้สึกยากมากครับ

โมเมนต์ไหนที่รู้สึกประทับใจที่สุดในรายการ Boys Planet จนน่าจดจำไปตลอดชีวิต

เจย์ : ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุดในรายการ Boys Planet คือตอนหลังโชว์เพลง Not Alone ในรอบไฟนอลของรายการเสร็จครับ ตอนนั้นมีแฟนๆ ส่งเสียงเชียร์ผมกันดังมากครับ เพราะสเตจนั้นเป็นสเตจสุดท้ายในรายการแล้ว เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของผม และน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ผมจดจำไปตลอดชีวิตครับ

จงอู : ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุด มีช่วงเวลาที่ผมจดจำได้ไม่ลืมครับ คือตอนได้ขึ้นสเตจครั้งแรกตอนเพลง Back Door ครับ ก่อนหน้าที่โชว์จะเริ่มขึ้น ผมจะยืนอยู่ตรงกลางคนเดียวแล้วหันหลังอยู่ แล้วด้านข้างก็มีเมมเบอร์ในทีม Back Door สแตนบายอยู่ แล้วถ้าหันหลังไป ด้านหน้าจะมีแฟนๆ ยืนอยู่ พอผมหันหลังไปเห็นแฟนๆ ทุกคนปุ๊บ เป็นช่วงเวลาที่ผมตื่นเต้นและประทับใจที่สุดครับ

คุณได้รับความรักเยอะมากในรายการ มีแฟนๆ เพิ่มขึ้นและคนชื่นชมในความสามารถมากมาย มีได้เช็กฟีดแบ็กผู้ชมไหม และมีคำชมไหนที่ชอบที่สุด เพราะอะไร

จงอู : การถ่ายทำค่อนข้างจะยาวนานก็จริง แต่ก็มีช่วงที่ได้พักด้วยครับ ตอนนั้นแฟนๆ มีทำโปรเจ็กต์ให้ผมที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินครับ ซึ่งผมก็ได้ไปดูโปรเจ็กต์มา แล้วเจอโพสอิทที่แฟนๆ เขียนข้อความถึงผมติดไว้ครับ ผมได้อ่านโพสอิทแต่ละอันครับ

แล้วมีโพสอิทอันหนึ่งที่ผมจดจำได้ดีคือข้อความที่บอกว่าเปรียบเทียบผมเป็นเพชรครับ และแฟนคลับเขียนว่าตอนนี้นายอาจจะรู้สึกเหนื่อย เจ็บปวด อดทนอีกนิดนะ ก่อนหน้านี้ผู้คนยังไม่ได้เห็นเพชรที่ซ่อนอยู่ แม้ในตอนแรกเพชรจะยังเป็นหิน แต่วันหนึ่งก็จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเพชร ซึ่งถึงวันนั้นผู้คนก็จะรับรู้ แล้วค้นพบว่าเพชรเม็ดนี้งดงามขนาดไหน แม้จะเหนื่อย แต่อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวอีกไม่นานนายกำลังจะกลายเป็นเพชรที่งดงาม

ตอนที่ผมอ่านข้อความนี้ ผมรู้สึกพูดไม่ออกที่มีคนมองเห็นสถานการณ์ที่ผมเจอ ผมรู้สึกตื้นตันใจมากๆ ครับ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังจดจำคำพูดนี้ได้อยู่เลยครับ

เจย์ : ตอนที่ผมโชว์เพลง Over Me ผมได้รับคะแนนเป็นอันดับสุดท้ายของทีมครับ เพราะแบบนั้นความมั่นใจของผมเลยลดลง แต่พอคลิปของโชว์ได้ออกอากาศไป มีข้อความที่ให้กำลังใจผมเยอะมากครับ ชื่นชมว่าผมทำดีมาก เพราะผมได้รับแรงสนับสนุนและความรักมากมายเช่นนี้ เลยทำให้ความมั่นใจของผมกลับมาครับ

คุณคิดว่าตัวเองเติบโตขึ้นยังไงบ้างหลังได้ร่วมรายการ Boys Planet

เจย์ : ก่อนเริ่มรายการผมเต้นไม่ค่อยเก่งครับ รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ฝึกเต้นตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากเข้าร่วมรายการ Boys Planet ผมได้เรียนเต้นเยอะมาก เลยมีพัฒนาการทางด้านการเต้นที่ดีขึ้นครับ

จงอู : จุดที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นคือจิตใจของผมที่โตขึ้นครับ แม้จะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเจอกับปัญหาครับ ผมเรียนรู้ว่าจะไม่หลีกหนีปัญหา และจะพยายามหาวิธีแก้ปัญหาหรือสถานการณ์ให้ได้ ผมลุกขึ้นสู้กับสถานการณ์ที่ยากลำบากเหล่านั้นโดยคิดที่จะยอมแพ้ครับ ผมจึงได้รู้ว่าตัวเองเติบโตขึ้นจากการเข้าร่วมรายการ Boys Planet สินะ

ทั้งสองคนผ่านอะไรในเส้นทางนี้มามากมาย เล่าให้ฟังหน่อยว่าผ่านความลำบากหรือผิดหวังอะไรมาบ้าง แล้วมีวิธีการปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้อีกยังไง

จงอู : ถ้าให้เล่าแบบสรุปๆ ก็คือก่อนที่จะเข้าร่วมรายการ Boys Planet ผมเจอสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากได้ครับ ผมคิดอยู่เสมอว่าถ้าจะลองทำก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ตอนนี้รายการจบแล้ว ผมได้ลองทำในสิ่งที่อยากทำและได้รับโอกาสมากมาย รวมถึงมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วยังมีโอกาสได้เจอกับแฟนๆ อีก ผมคิดว่าผมได้กำลังเจอช่วงเวลาที่พิเศษเยอะมากครับ ผมรู้สึกขอบคุณมากครับ

เจย์ : ก่อนที่จะเข้าร่วมรายการ Boys Planet ผมไม่ได้เจอความลำบากหรือปัญหาอะไรมากมายครับ แต่ผมแค่รู้สึกอยากจะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ตอนนั้นเลยคิดว่าอยากจะสนุกกับการเข้าร่วมรายการ และได้โชว์ความสามารถของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น โดยไม่รู้สึกเสียดายทีหลังครับ การได้เข้าถึงรอบไฟนอลเป็นเป้าหมายของผมครับ แล้วก็ทำได้สำเร็จ และผมก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นครับ

ทั้งคู่เคยมาไทยไหม การมาไทยครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง

เจย์ : ครั้งนี้เป็นการมาเมืองไทยครั้งแรกของผมครับ มีหลายที่ในเมืองไทยที่ผมอยากจะไปและมีหลายอย่างที่อยากทำ เลยอยากอยู่ที่เมืองไทยนานๆ เพื่อที่จะได้เห็นเสน่ห์ของเมืองไทยในมุมต่างๆ ครับ และการได้มาขึ้นโชว์ที่ประเทศไทยและได้มาเจอแฟนคลับชาวไทย ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ครับ มีแฟนๆ มากมายมารอต้อนรับพวกเรา ผมเลยอยากมอบเวทีดีๆ เป็นการตอบแทนการต้อนรับของพวกเขา ผมคิดว่าการที่ได้มาเจอแฟนชาวไทยเป็นสิ่งที่ดีมากครับ

จงอู : ผมเคยมาเมืองไทยแล้วครับ ผมเคยมาเที่ยวกับเพื่อนๆ และมาเที่ยวกับครอบครัว แม้ผมจะมีประสบการณ์สนุกๆ และสบายๆ ในเมืองไทยมากมายก็จริง แต่ครั้งนี้ผมได้มาเจอกับแฟนๆ ชาวไทยครั้งแรกครับ เลยรู้สึกใจเต้นแรงและตื่นเต้นมากครับ ความรู้สึกของการมาไทยที่มาเพื่อเจอแฟนๆ กับมาเที่ยวแตกต่างกันเลยครับ ผมเฝ้ารอที่จะเจอแฟนคลับมากครับ

ตอนที่ผมมาเมืองไทยครั้งแรกสมัยเด็กๆ ผมมีประสบการณ์ได้ขี่ช้างครับ ช้างตัวใหญ่มากครับ แล้วตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลยตัวเล็กมาก แล้วพอเห็นช้างที่ตัวใหญ่มาก ผมก็เลยได้รู้ว่ามีสัตว์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้เลยสินะ ผมจำช่วงเวลานั้นได้ไม่ลืมเลยครับ และผมก็เคยขึ้นเรือยอร์ชชมแม่น้ำในประเทศไทยด้วยครับ ได้กินอาหารและฟังเพลงไปด้วย มีตอนที่เปิดเพลง EDM ผมจำได้ว่าผมสนุกมากครับ และตอนที่ได้ชมวิวแม่น้ำตอนกลางคืนจำได้ว่าสวยมากและโรแมนติกมากครับ

ชอบอะไรในเมืองไทยที่สุด เพราะอะไร

จงอู : ผมรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่อิสระครับ ผมรู้สึกว่าคนไทยมีไวบ์ที่แตกต่างกับคนเกาหลี เวลาผมมาไทย ผมจะรู้สึกว่าที่นี่อิสระจัง ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอึดอัด รู้สึกสบายใจเวลามาไทยครับ

เจย์ : ผมชอบอากาศในเมืองไทยครับ แม้จะร้อนก็จริง แต่มีลมเย็นสบายครับ ผมรู้สึกสดชื่นมากครับ

ก่อนมาไทยมีเตรียมตัวอะไรมาบ้างคะ

จงอู : เพราะจะมีขึ้นคอนเสิร์ตด้วย เลยเตรียมการแสดงมาครับ มีเตรียมสเตจพิเศษมาให้แฟนๆ ได้ชม อยากให้ทุกคนรอชม และก็มีเตรียมภาษาไทยกันมาครับ เช่น “สวัสดีครับผมชื่อจงอูครับ”

เจย์ : “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

จงอู : “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แล้วก็มีคำว่า “สู้ๆ” ด้วยครับ และ “ผมรักคุณ” ครับ

ถ้ามีวันพักร้อน 3 วัน 2 คืน อยากไปที่ไหนในเมืองไทย

จงอู : ผมอยากไปพัทยาครับ ถ้าผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวพัทยา ผมอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ครับ เพราะมีเพื่อนๆ ที่มีความชอบและสไตล์การเที่ยวเหมือนกันคือชอบทำกิจกรรม เลยอยากจะมาเที่ยวกับเพื่อนแล้วเล่นกีฬาทางน้ำที่พัทยาด้วยกันครับ เพราะที่พัทยามีกิจกรรมทางน้ำให้ทำเยอะครับ

เจย์ : ผมได้ยินมาจากพี่จงอูว่าภูเก็ตเป็นที่เที่ยวที่ดีและสวยมากๆ ผมเลยอยากไปภูเก็ตสักครั้งครับ

มีงานอะไรในอนาคตให้แฟนๆ รอติดตามบ้างไหมคะ

จงอู : ตอนนี้ผมกำลังเตรียมสำหรับกิจกรรมในอนาคตอยู่ครับ หวังว่าทุกคนจะรอติดตามกันนะครับ เป็นสิ่งที่แฟนๆ ชอบแน่นอนครับ

เจย์ : ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของผม ผมเลยกำลังเตรียมตัวอย่างหนักครับ และจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังครับ

สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อยค่ะ

จงอู : ครั้งนี้เป็นการเจอแฟนคลับชาวไทยครั้งแรก ซึ่งเป็นวันที่พิเศษ ผมเลยอยากจะสร้างความทรงจำที่พิเศษให้กับทุกคน และหวังว่าทุกคนจะเป็นกำลังใจให้ผมเยอะๆ ต่อไปนะครับ รักนะครับ

เจย์ : ผมรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนให้กับต้อนรับผมในการมาเมืองไทยครั้งแรกดีมากๆ ครับ ต่อไปผมจะสร้างความทรงจำดีๆ ให้กับทุกคนครับ และผมหวังว่าแฟนคลับจะได้มีช่วงเวลาที่ดีกับผมเยอะๆ นะครับ ในอนาคตผมจะพยายามอย่างหนักต่อไปครับ