พูดคุยกับ SHAUN & Jeff Satur กับการโคจรร่วมงานกัน เล่าความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ

เรียกว่าเป็นโปรเจ็กต์คอลแล็บสุดปังที่น่าจับตามองหนักมาก เมื่อเจฟ ซาเตอร์ นักแสดงและนักร้องได้โคจรมาร่วมงานกับ SHAUN นักร้องนักแต่งเพลงชาวเกาหลี งานนี้สุดสัปดาห์ก็มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับ SHAUN & Jeff Satur สองหนุ่มเสียงดีระดับหูเคลือบทองแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งเป็นการพูดคุยที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองสุดๆ เชื่อว่าพอทุกคนได้อ่านบทสัมภาษณ์จะสัมผัสได้ถึงความประทับใจในการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งสองหนุ่มออกผ่านทุกตัวอักษรเลย

SHAUN & Jeff Satur, SHAUN, Jeff Satur, เจฟ ซาเตอร์, Steal the Show, 숀, นักร้องเกาหลี, นักร้องไทย, SHAUN & เจฟ ซาเตอร์, ศิลปินเกาหลี, ศิลปินไทย

สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ SHAUN & Jeff Satur ที่ผนึกกำลังมาทำให้ทุกคนหูเคลือบทอง

สองหนุ่มเสียงดี เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) นักแสดงและนักร้องที่มีผลงานเพลงฮิตมากมาย เช่น ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade) และ SHAUN นักร้องและนักแต่งเพลงชาวเกาหลี ที่มีผลงานเพลงยอดฮิตอย่าง Way Back Home ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องรู้จักเพลงนี้ โดยทั้งสองได้โคจรมาร่วมงานกันในเพลง Steal the Show เลยต้องขอมาพูดคุยกับทั้งเจฟและ SHAUN เกี่ยวกับการได้มาทำเพลงด้วยกันในครั้งนี้สักหน่อยว่าเบื้องหลังการได้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง

ครั้งแรกที่ได้ยินว่าจะได้โคจรมาร่วมงานกัน รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

เจฟ : คือจริงๆ รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าจริงๆ ผมฟังเพลงเขาอยู่แล้ว อย่างเพลง Way Back Home คือทุกคนต้องรู้จักเพลงนี้ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเราได้คอลแล็บกับเขาแล้วมันจะเป็นยังไง จริงๆ แล้วตอนแรกที่ผมฟังเดโม่ จะไม่ใช่เดโม่แบบนี้ เป็นอีกเพลงหนึ่งเลย ตอนนั้นรู้สึกว่า เราจะเข้ากับเพลงนั้นได้ไหม แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ส่งอีกเพลงหนึ่งมา ซึ่งเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะร็อกมากๆ แล้วผมรู้สึกว่า เอ้อ! ถ้าเป็นแบบเนี้ย คือมันเท่มากเลย ที่จะได้ร่วมงานกันในเพลงนี้ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเราได้เล่นโชว์เพลงนี้ในคอนเสิร์ตของผมเองน่าจะดีมาก

SHAUN : ในตอนแรกผมยังไม่ค่อยรู้สไตล์ของคุณเจฟเท่าไหร่ ผมก็เลยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณเจฟว่า เป็นคนแบบไหน ร้องเพลงประมาณไหน และผมก็คิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดี แล้วก็มีความคาดหวังในเพลงนี้สูงมากครับ

ครั้งนี้ถือเป็นการคอลแล็บข้ามประเทศเลย พอได้มาร่วมกันจริๆ การร่วมงานกันครั้งแรก เป็นยังไงบ้างคะ

เจฟ : คือต้องบอกว่าครั้งนี้คือครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเขา เพราะการทำงานจะเป็นลักษณะส่งเพลงกันไปมา โดยคุยกันแบบผ่าน Zoom ซึ่งมันเป็นการทำงานแบบระยะไกลมากๆ เรื่องการอัดเพลงเราก็อัดที่นี่ แล้วก็ส่งไปให้เขา แต่จริงๆ แล้วไม่มีปัญหาอะไรในการทำงานเลย รู้สึกว่าโฟลว์มาก แล้วอยู่ดีๆ มาสเตอร์ออกแล้ว เป็นการทำงานที่ค่อนข้างง่าย รู้สึกว่าเขาเป็นคน easy going และก็รู้สึกว่าคุยง่าย

SHAUN : ก่อนอื่นเลย ผมประทับใจในตัวคุณเจฟคือ พอได้มาลองคุยกัน และได้มาฟีทเจอริ่งในผลงานเพลงด้วยกัน สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจก็คือ ในระหว่างการทำงานคุณเจฟก็บอกว่าอยากทำแบบนั้นในการแสดงของตัวเอง ซึ่งคุณเจฟให้ความสำคัญกับผลงานมาก ผมเลยรู้สึกประทับใจและรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากครับ ในลักษณะการทำงานแบบนี้มันไม่ได้เจอกันง่ายๆ เลยครับในตัวศิลปิน แล้วผมก็ได้ไปเสิร์ชดูยูทูบที่คุณเจฟเขาได้ร้องเพลงของผมด้วย ก็รู้สึกว่าแปลกใหม่ดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมีคนเอาไปร้องในการแสดงสดของตัวเองด้วยครับ

เพลง Steal the Show เป็นเพลงที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร และเป็นแนวไหนคะ

เจฟ : คือจริงๆ เพลงมันจะมีความอิเล็กทรอนิกส์ แล้วก็เป็นร็อก ผมรู้สึกว่าเนื้อเพลงมันเป็นอะไรที่ถ้าเราอ่านเราจะรู้สึกว่าไม่ได้เล่าแบบเจาะลึกลงไปในความสัมพันธ์มาก มันเป็นการอุปมาอุปไมยซะส่วนมาก ทุกคนอ่านก็คือตีความได้คนละแบบเลยครับ สำหรับผมรู้สึกว่ามันเป็นการประชดของคนคนหนึ่งที่รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้คงแบบอยากจะมีตัวตนมากในที่ที่หนึ่ง จนยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น ก็เชิญ Steal the Show ไปได้เลยครับ

SHAUN : เพลง Steal the Show นะครับ มีความหมายว่า เป็นการขโมย หรือเป็นการขโมยซีนเพื่อที่จะได้เป็นตัวเอก ถ้าได้ชมมิวสิกวิดีโอแล้วทุกคนก็น่าจะดูออกถึงความแตกต่างของสองฝั่งได้อย่างชัดเจนเลยครับ แล้วก็ในตอนท้ายของมิวสิกวิดีโอ ความแตกต่างนั้นก็จะมาเผชิญหน้ากันนิดหน่อยครับ เมื่อทุกคนดูมิวสิกวิดีโอจบ ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและการเผชิญหน้าครับ เนื่องจากเพลงนี้เป็นแนวเพลงที่ใหม่สำหรับผมและผมก็ไม่เคยทำมาก่อน ก็คิดว่าแฟนๆ น่าจะเซอร์ไพรส์กับเพลงนี้ครับ

แต่ละคนได้แรงบันดาลใจหรือไอเดียในการสร้างสรรค์บทเพลงนี้มาจากไหนคะ

เจฟ : ผมจะพูดในพาร์ตร้องละกัน สำหรับการตีความอย่างที่บอก ผมก็ดึงแรงบันดาลใจมาจากแบบการที่เราได้เห็น คือจริงๆ ผมมีเพลงที่มีฟิลลิ่งคล้ายๆ อยู่ นั่นคือเพลง Comedy มันคือการที่เราได้รู้สึกว่าโลกใบนี้มันมีบางคนที่เรารู้สึกว่าเขาทำอะไรบางอย่าง เพื่อต้องการบางสิ่ง โดยที่เขาพยายามจะใส่หน้ากากตัวเองไว้ แต่ในเพลงนี้ผมรู้สึกว่าเรารู้ว่าคนคนนั้นคือใคร แล้วมันคือคนที่เรารักด้วย และอาจจะเคยรักด้วยซ้ำอะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้นก็คือเขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาแล้ว ผมเลยเอาเอนเนอร์จี้ตรงนั้นมาใส่ในตอนที่อัดเพลง แล้วมันก็ได้ Vibe ที่ปกติผมไม่ค่อยได้ร้องแบบนี้เท่าไหร่ มันจะมีความแบบเล่าเรื่องผสมกับความเป็นการพูดในเพลงด้วย เพราะฉะนั้นก็ฟังแล้วจะรู้ว่ามันแตกต่างจากที่เคยเห็นแน่นอนครับ

SHAUN : เพลงนี้ถ้าพูดถึงที่ไปที่มาแล้ว มันเกิดขึ้นช่วงปี 2020 ครับ ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกันกับทีมที่ LA ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีความคิดพิเศษอะไรครับ ผมแค่รู้สึกว่าอยากลองทำแนวเพลงใหม่ๆ ทำอะไรใหม่ๆ ดู ก็เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมา แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเพลงที่เน้นในเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก แล้วก็แววตา ซึ่งผมก็คิดว่าเหมาะสมกับคุณเจฟพอดีด้วย เป็นการคอลแล็บที่ลงตัวมากครับ

ช่วยเล่าขั้นตอนการทำงานในการคอลแล็บครั้งนี้หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง

เจฟ : อย่างที่บอกเลย คือจริงๆ เดโม่แรกที่ส่งมามันเป็นเพลงที่ส่วนมากมันไม่ใช่แนวผมเลยครับ แล้วผมคิดอยู่นานว่าแบบเราจะทพยังไงดี หรือว่าเราจะร้องเพลงนี้ออกมายังไงให้มันดี สักพักหนึ่งเขาก็ส่งอีกเพลงให้ผม คือผมเป็นคนที่ชอบเล่นกีตาร์มาก แล้วในพาร์ตของท่อนฮุก ที่มันเป็นท่อนดร็อปแรงๆ มันเป็นกีตาร์แล้วเหมือนคันโยก ผมรู้สึกว่า โห! ไอเดียเขาดีมากเลยที่ใช้การแบบโยกกีตาร์ด้วยสายกีตาร์ในท่อนนั้น ผมรู้สึกว่ามันเท่มาก แล้วยังไม่เคยเห็นเพลงไหนที่ใช้มาก่อน เลยรู้สึกว่าประทับใจ

SHAUN : ผมเห็นว่าตารางงานของคุณเจฟค่อนข้างยุ่งมาก ผมก็รู้สึกเกรงใจ ด้วยความที่คุยงานกันข้ามประเทศ เป็นการอัดเสียงส่งกันไปส่งกันมา ในช่วงหลังๆ ผมก็เริ่มมีไกด์ไลน์เยอะขึ้น แต่คุณเจฟก็ยังส่งงานให้ผมมาเพิ่มเติมตลอด ผมเลยรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ ทำงานด้วยกันอย่างใส่ใจในรายละเอียดมากๆ ครับ

อยากรู้ว่าส่วนผสมระหว่างดนตรีและเสียงของเจฟกับ SHAUN มาเจอกัน ทำให้เกิดกลิ่นอายแบบไหนที่ทุกคนจะได้สัมผัสผ่านเพลงนี้คะ

เจฟ : ผมว่าสิ่งหนึ่งที่จะได้สัมผัสเลย คือมันจะไม่ใช่สิ่งที่เคยเห็นมาจากทั้งเจฟ แล้วก็ SHAUN ด้วย อย่างที่บอก เขาก็ไม่เคยทำเพลงแนวนี้มาก่อน แล้วผมเองก็ไม่เคยร้องเพลงแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน มันจะเซอร์ไพรส์ทั้งคนฟังแล้วก็ตัวผมด้วย แล้วก็สิ่งที่จะได้รับก็คือ มันจะเป็นอารมณ์ที่พีคมากๆ แต่ว่าเหมือนพอฟังแล้วรู้สึกเหมือนติดเพลงนี้ แม้จะฟังเรื่อยๆ แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอเสียที สำหรับผมที่ฟัง มันรู้สึกว่ามันติดมาก

SHAUN : แฟนๆ ชาวไทยหลายๆ คนก็น่าจะจำผมได้จากเพลง Way Back Home ก็คงจะคิดว่าสไตล์ผมก็น่าจะประมาณนี้ แต่ครั้งนี้เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของผมในอีกรูปแบบหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจากภาพจำของทุกคนในเพลง Way Back Home เมื่อได้ดูมิวสิกวิดีโอเพลงนี้แล้วก็จะรู้สึกได้เลยว่าเป็นอีกด้านหนึ่งของผม ผมก็คาดหวังว่าแฟนๆ น่าจะชอบนะครับ รอติดตามกันนะครับ

พอได้มาร่วมงานกัน มีความประทับใจต่ออีกฝ่ายยังไงบ้างคะ

เจฟ : สิ่งที่ผมประทับใจคือเขาเป็นคนไนซ์มากนะครับ พอเราเป็นอาร์ติสต์มากๆ บางครั้งมันจะมีอีโก้อะไรบางอย่าง แต่ตัว SHAUN ก็คือแบบไม่มีเลย แล้วเรารู้สึกว่าทั้งทีมเขา แล้วก็ตัวเขา เป็นคนที่น่ารักมากๆ ครับ แล้วก็ในพาร์ตการทำงานรู้สึกว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะในเชิงการทำเพลงอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าเครื่องดนตรีแต่ละอย่างที่เขาหยิบมาใช้มันเหมาะกับเพลง ไกด์ที่เขาส่งมาให้ ผมรู้สึกประทับใจมากตรงที่ว่ามันไกด์มาแบบผมคิดไม่ถึงว่ามันจะร้องแบบนี้ได้ แล้วรู้สึกว่าพอมันรวมเข้าด้วยกันกับการร้องของผมแล้ว รู้สึกว่ามันออกมาแบบทำให้เพลงนี้มันสมบูรณ์มากๆ ครับ

SHAUN : หลังจากที่ผมได้หาข้อมูลเกี่ยวกับคุณเจฟแล้ว จึงทำให้ผมเห็นว่าเพลงที่เขาเคยร้องจะเป็นเพลงสไตล์บัลลาดซะส่วนใหญ่ แต่พอครั้งนี้ได้มาคอลแล็บร่วมกันผมประทับใจมาก เพราะว่ามันออกมาในฟิลลิ่งที่ผมต้องการเลยครับ แล้วก็ล่าสุดผมเจอคลิปที่เขาคัฟเวอร์เพลงที่คอลแล็บกับเปียโน ฟังแล้ว เพลินมากครับ ชอบมาก

แล้วมีแชร์อะไรกันเรื่องเกี่ยวกับดนตรีหรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันบ้างคะ

เจฟ : ผมสอนไปเมื่อกี้ก่อนเข้ารายการ เขาเป็นคนเซนส์ดี นักดนตรีหลายคนจะมีเซนส์แบบนี้ ที่จะลอกเลียนแบบเก่ง ฟังแล้วแบบพูดได้เลยอะไรอย่างเนี้ย ผมรู้สึกว่าเขามีเซนส์ตรงนั้น

SHAUN : ขอนึกแป๊บนะครับ จำไม่ได้ คำว่าสบายดีพูดยังไงนะครับ ลืมไปแล้วครับทั้งๆ ที่สอนเมื่อกี้

เจฟ : สะ..สบาย

SHAUN : อ๋อ อะไรอีกนะครับ

เจฟ : สบายดี

SHAUN : สบายดี

เจฟ : ไหมครับ

SHAUN : ไหมครับ สบายดีไหมครับ

ถ้าในอนาคตมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก อยากจะทำเพลงแบบไหนด้วยกันคะ

เจฟ : สำหรับผม ผมอยากทำเพลงที่ SHAUN ไม่เคยทำ ผมอยากรู้ว่าการตีความตัวของเพลงในแบบ SHAUN ไม่เคยทำ แล้วผมเองก็ไม่เคยทำอีก คือผมอยากทำอะไรที่ไม่เคยทำไปตลอด ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน อาจจะเป็นแบบ แนวเมทัล

สุดสัปดาห์ : ลูกทุ่งไหมคะ

เจฟ : ไม่แน่นะครับผม รอซิงเกิ้ลของผม ต้องรอดู

SHAUN : ผมคิดว่าครั้งนี้ทุกคนอาจจะตกใจกับแนวเพลงของผมไปแล้ว ก็เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาสหน้าก็อยากลองทำเพลงที่มันเบาเลเวลมากกว่านี้หน่อย เพลงที่ฟังสบายๆ มากขึ้น แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ อยากร่วมขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกัน อาจจะผมมาที่ไทยมาขึ้นคอนเสิร์ตกับคุณเจฟ หรือเชิญคุณเจฟร่วมขึ้นคอนเสิร์ตกับผมที่เกาหลี ผมคิดว่าแฟนๆ น่าจะชอบเป็นอย่างมากครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานและฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อยค่ะ

เจฟ : ผมตื่นเต้นกับโปรเจ็กต์นี้มากๆ แล้วก็เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะตื่นเต้นเหมือนกันครับผม ยังไงก็ขอฝากเพลง Steal the Show เป็นเพลงอีกเพลงหนึ่งที่ผมประทับใจมากๆ แล้วก็คิดภาพว่าตอนเล่นโชว์คงจะมันส์มากๆ อยากให้ทุกคนไปฝึกซ้อมขากันมาดีๆ นะครับผม เพราะว่าอาจจะต้องโดดกัน อาจจะต้องใช้กล้ามหน้าขานิดหนึ่งนะครับผม ก็ฝากติดตามเพลง Steal the Show แล้วก็ฝากติดตามผลงานของ SHAUN ด้วยครับ

SHAUN : ตั้งแต่เพลง Way Back Home ผมก็ได้รับการสนับสนุนความรักมากมายจากแฟนๆ ซึ่งผมทราบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่พวกเราก็ได้เจออุปสรรคจากโควิด-19 แล้วก็อดทนผ่านช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นระยะเวลานานเลย ครั้งนี้พวกเราก็ได้ผ่านมาได้ด้วยดี แล้วต่อไปนี้ผมก็หวังว่าน่าจะได้เห็นกันและกันบ่อยมากขึ้นนะครับ รวมถึงเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาร่วมการสัมภาษณ์กับคุณเจฟในครั้งนี้ ฝากแฟนๆ ช่วยติดตามพวกเราสองคนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

บอกเลยว่าเจฟกับ SHAUN ได้โคจรมาเจอกัน ทำเพลงด้วยกันแล้วปล่อยให้พวกเราได้ฟังแบบนี้จะพลาดได้อย่างไร ต้องรีบตามฟังกันด่วนๆ นะจ๊ะทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เพลงดี หูเคลือบทองมากจริง ขอคอนเฟิร์มจ้า

TEXT : ImJinah, KwonSeoyun

PHOTO : kampan