รีวิว Law School ซีรี่ย์เกาหลีแนวกฎหมายที่ตั้งคำถามกับความยุติธรรมในสังคม!

ถ้าพูดถึงซีรี่ย์เกาหลีงานคุณภาพที่มาพร้อมความสนุกชนิดลุ้นแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ทุกอีพี ขอผายมือไปที่เรื่อง Law School เลย เป็นซีรีย์เกาหลีดีๆ ที่อยากแนะนำให้ทุกคนไปชมกัน เรื่องนี้ดียังไง ตามไปอ่าน รีวิว Law School จากสุดสัปดาห์กันได้เลยค่ะ

รีวิว Law School ซีรี่ย์เกาหลีคุณภาพคับแก้ว

ปมของเรื่อง

ยอมใจคนเขียนบทแล้วหนึ่ง ที่สามารถสร้างปมนึงที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวแล้วนำไปสู่ปมอีกมากมายได้ จนถึงจุดหนึ่งของเรื่อง สุดฯ แอบคิดเลยว่าปมซับปมซ้อนขนาดนี้ เรื่องจะคลี่คลายไปยังไง ปมพันเบอร์ล้านขนาดนี้แล้ว ซึ่งการจะเอาปมมากมายมาใส่ไว้ในเรื่องแล้วทุกปมเชื่อมโยงกันแบบที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าปมนี้ใส่มาทำไมได้และเนื้อเรื่องสมูทมาก ก็นับว่าต้องกราบคนเขียนบทเรื่องนี้จริงๆ จากตอนแรกที่ตามหาฆาตกรรม เชื่อมโยงไปสู่ประเด็นระดับชาติได้เลยเด้อ ที่สำคัญปมของเรื่องยังทำให้เห็นถึงความเทาๆ ของมนุษย์ และชวนตั้งคำถามกับกฎหมายและสังคมว่าสรุปความยุติธรรมของกฎหมายมีอยู่จริงหรือไม่

ตีแผ่สังคมเกาหลีผ่านกฎหมาย

ด้วยความปมเยอะมาก เลยได้เห็นคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากกว่าคดีฆาตกรรมที่เรื่องปูมาในตอนแรก ระหว่างกำลังตามหาว่าใครคือฆาตกรกันแน่ ก็มีเหตุการณ์มากมายในเรื่องเกิดขึ้นที่นำไปสู่คดีความที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นไปอีก แล้วประเด็นหรือคดีในเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่สะท้อนสังคมเกาหลีทั้งสิ้น บางคดีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในเกาหลีมาแล้วด้วยนะ ถึงจะเกิดขึ้นในสังคมเกาหลีก็จริง แต่สุดฯ ว่าแอบเชื่อมโยงกับสังคมไทยและหลายๆ ประเทศอยู่เหมือนกัน ทำให้ดูไปก็อินมาก มีคดีที่ทำให้น้ำตาไหลและเจ็บปวดหัวใจด้วย แต่จะไม่บอกว่าคดีอะไร อยากให้ทุกคนไปติดตามชม ซึ่งจากการตีแผ่สังคมผ่านกฎหมายนั้น ทำให้สังคมได้ย้อนกลับมามองว่าสังคมตอนนี้เป็นยังไง แล้วทำไมกฎหมายถึงมอบความยุติธรรมให้กับผู้คนไม่ได้

로스쿨, ซีรี่ย์เกาหลี, ซีรี่ย์เกาหลีแนวกฎหมาย, JTBC, ซีรี่ส์เกาหลี, ซีรี่ส์เกาหลีแนวกฎหมาย, ซีรีส์เกาหลี, ซีรีส์เกาหลีแนวกฎหมาย, อีซูกยอง, เดวิดอี, โกยุนจอง, คิมมยองมิน, อีจองอึน, คิมบอม, รยูฮเยยอง, Kim Myung Min, Kim Bum, Ryu Hy Young, and Lee Jung Eun, Lee Soo Kyung, Lee David, Go Yoon Jung, Hyun Woo, ฮยอนอู, อีเดวิด, รีวิวซีรี่ย์เกาหลี, รีวิวซีรี่ส์เกาหลี, รีวิวซีรีส์เกาหลี,

ฉากหลังที่โรงเรียนกฎหมาย

ความดีอีกอย่างคือการยกฉากหลังของเรื่องให้เกิดขึ้นที่โรงเรียนกฎหมาย ปกติเราเห็นซีรี่ย์เกาหลีแนวกฎหมายมาเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่เล่าเรื่องนักกฎหมายที่เรียนจบแล้วแต่เรื่องนี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนกฎหมายของนักเรียนและบรรดาอาจารย์ รวมไปถึงก็ยังมีเหล่านักกฎหมายด้วย เรื่องนี้จึงทำให้เราเห็นกระบวนการยุติธรรมหรือแวดวงกฎหมายตั้งแต่จุดเริ่มต้นก่อนจะก้าวออกมาทำอาชีพพวกเขาต้องเรียนอะไร ผ่านอะไรเพื่อที่จะเติบโตไปเป็นนักกฎหมายในอนาคต รวมไปถึงอาจารย์สอนกฎหมายสอนนักศึกษาไปไหน จนทำให้เห็นปลายทางของการเป็นนักกฎหมายแล้ว ที่จะมีบทในเรื่องที่ทำให้เราได้เห็นว่าการเรียนและการปลูกฝังนักกฎหมายสำคัญยังไง และการที่ก้าวออกไปเป็นนักกฎหมายแล้ว คุณจะสามารถรักษาตัวตนหรืออุดมการณ์ของตัวเองได้หรือไม่ แถมเรื่องยังพาไปสู่เรื่องช่องโหว่ทางกฎหมายที่เล่าผ่านนักกฎหมายที่รู้กฎหมายอย่างดี รวมไปถึงความรอบคอบและการตามสืบคดีให้ทุกที่สุดก่อนจะสรุปอะไร การหยิบโรงเรียนกฎหมายมาเป็นฉากหลังทำให้เรื่องลงลึกในเรื่องกฎหมายได้เยอะมากจริงๆ

การเล่าเรื่อง

ส่วนวิธีการเล่าในเรื่องนี้นั้น จะเป็นวิธีการเล่าเรื่องผ่านคำพูดและการแสดงสีหน้าของตัวละคร นอกจากนี้ช่วงแรกๆ ยังมีการตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ทำให้ดูช่วงแรกๆ อาจจะงงเนื้อเรื่องนิดนึง เพราะตัดสลับไปมาบ่อย แล้วแต่ละช่วงเวลาระยะห่างไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก ไหนบทพูดในเรื่องจะเยอะมาก ทำให้ผู้ชมชาวไทยหลายคนรู้สึกอ่านซับไม่ทัน ไหนจะมีพูดข้อกฎหมายค่อนข้างเยอะด้วย แต่อยากจะบอกว่าอ่านตรงกฎหมายไม่ทัน ก็ยังเข้าใจเรื่องราวอยู่นะ แต่ถ้าอ่านทันก็จะทำให้เราได้ลงลึกกับเรื่องราวมากขึ้นเท่านั้นเอง

อีกหนึ่งเรื่องความโดดเด่นในการเล่าเรื่องของ Law School คือการมักจะทำให้คนดูสงสัยกับเรื่องราวต่างๆ ในทุกๆ ตอน ยิ่งช่วงจบตอน พูดเลยว่าทิ้งแบบค้างเติ่งตลอด และเนื้อเรื่องเดายากมากกกกกกก แกงคนดูก็บ่อยด้วยค่าาา ใครที่ชอบสายลุ้นๆ แบบเดาทางไม่ถูก มีอะไรให้ลุ้นทุกตอนต้องถูกใจ Law School แน่นอน

ส่วนมู้ดแอนด์โทนของเรื่อง Law School จะดูเป็นฟีลหม่นๆ หน่อย แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกเครียดหัวแตกอะไรขนาดนั้น ใดๆ ฟีลความเครียดก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนอีก ถึงจะฟีลหม่นๆ สืบคดีจริงจัง แต่ก็มีความคอเมดี้มาเบรกบ้าง ที่สำคัญมีเลิฟไลน์มาให้ยิ้มและชวนเขินอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเลิฟไลน์ในเรื่องไม่ได้หวือหวา แต่กลับเป็นความสัมพันธ์ที่ทัชใจ

ส่วนการวางลำดับเรื่องก็ถือว่าเรื่องราวไม่เนือยมาก แต่อาจมีช่วงการหาผู้ต้องสงสัยว่าใครฆ่าอาจารย์ซอพยองจูที่อาจให้รู้สึกว่าคดีนี้จะกินไปทั้งเรื่องเลยหรือเปล่า ทำไมดูยังเหมือนหาฆาตกรตัวจริงไม่เจอ แต่พอดูๆ ไปจะพอเข้าใจว่าทำไมเรื่องต้องปูมาหลายตอน และชอบที่มีการแสดงให้เห็นการเจริญเติบโตของตัวละครที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และการวางคาแร็กเตอร์ตัวละครก็ดี คาแร็กเตอร์หลากหลาย นักแสดงในเรื่องเยอะมาก แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าคนไหนไม่มีความหมายในเรื่อง ทุกคนต่างมีส่วนสำคัญของตัวเอง และตัวละครหลายๆ ตัวก็มีเส้นเรื่องของตัวเองที่ทำให้เรื่องราวสนุกขึ้นและเชื่อมโยงกันอีกด้วย

นักแสดงปังทุกคน

ขอปรบมือดังๆ ให้กับนักแสดงทุกคนในเรื่อง Law School ดังๆ เล่นดีทุกคนจริงๆ ไม่รู้จะอวยยังไงหมด ตีบทแตกทุกคน ทำให้เราหลงรักตัวละครมากๆ ตัวไหนที่สร้างมาเพื่อทำให้คนดูไม่ชอบ ก็เล่นได้ทำให้รู้สึกเกลียดและรำคาญจริงๆ 5555+ นักแสดงเล่นออกมาได้ทำให้รู้สึกอินเบอร์สุด ต้องยอมจริง งานรวมนักแสดงคุณภาพ การแสดงก็เลยออกมาคุณภาพ ไม่ขออวยเจาะเป็นคน ขออวยทุกคนไปเลยนะคะ ตั้งแต่แก๊งอาจารย์ แก๊งนักศึกษา แก๊งนักแสดงสมทบ แก๊งตัวร้าย แก๊งนักกฎหมาย ไปจนถึงแก๊งนักแสดงตัวประกอบทั้งหลาย

นอกจากการแสดงจะดีงามแล้ว เคมีนักแสดงยังเข้ากันมากๆ ใครได้ชมเรื่อง Law School ก็ต้องชอบความสัมพันธ์ของแก๊งนักศึกษากลุ่มติวที่ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป แล้วนักแสดงก็เล่นได้เข้าขากันจริงๆ ไหนจะเคมีของอาจารย์กับนักศึกษาอีก เรื่องเคมีต้องให้อีกหนึ่ง

องค์ประกอบศิลป์

งานองค์ประกอบศิลป์ในเรื่องปังอยู่เด้อ สีภาพในเรื่องจะเป็นโทนมืดๆ สังเกตหลายๆ ฉากจะมีความคุมโทนมาก ทั้งการการย้อมสีภาพ สีของเสื้อผ้า และสีของโลเคชั่น แถมวิธีการตั้งองค์ประกอบของเรื่องนี้ก็น่าสนใจ เช่น มีการตั้งเฟรมภาพเอียงๆ มุมภาพที่ใช้ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เพิ่มอรรถรสในการดู และยังมีผลต่อเรื่องราวด้วย

Law School เป็นเรื่องที่มีการวางสัญญะเยอะผ่านองค์ประกอบศิลป์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้น โลเคชั่น องค์ประกอบภาพ การตัดต่อ พร๊อบส์ ไปจนถึงบทละคร ไหนจะการตัดต่อที่ทำให้เรื่องราวสนุกและลุ้นมากขึ้น นอกจากนี้โลเคชั่นสมจริงสุดๆ ด้วย

งาน message ที่ชวนตั้งคำถามกับตัวเองและสังคม

พูดเลยว่าด้วยเรื่องราวและองค์ประกอบทั้งหมดของ Law School แสดงให้เห็นเลยว่างาน message ที่เรื่องต้องการจะสื่อมีเยอะ เรียกว่าทิ้งให้คิดตามทุกตอน ในขณะเดียวกันตัว message ก็ยังไม่ถูกทิ้งและยังคงถูกเน้น กับการตั้งคำถามกับกระบวนการยุติธรรม โดย message หลักและรองเชื่อมโยงกันด้วย และการทำให้คนดูตั้งคำถามกับกฎหมาย ก็ยังทำให้ได้ตั้งคำถามกับตัวเองและตั้งคำถามกับสังคมไปด้วย ผ่านคดี เหตุการณ์ในเรื่องและความเทาๆ ของตัวละคร และ message หนึ่งที่สุดฯ มองเห็นและรู้สึกว่าแอบจุกเหมือนกัน แถมยังเป็น message ที่ดูง่ายๆ แต่มีคนจำนวนมากกลับทำไม่ได้ คือ การอย่าไปตัดสินใครหรือเหตุการณ์อะไรง่ายๆ ก่อนจะรู้เรื่องราวทั้งหมด เรียกว่าเป็นเรื่องที่มีตั้งแต่ message ที่ย่อยง่าย และ message ที่ซับซ้อนที่พาเราไปถึงจุดที่ลึกในระดับสังคมได้