7 เหตุผลที่ต้องดู It’s Okay to Not Be Okay ซีรี่ย์เกาหลีที่เล่าเรื่องในใจ!

It’s Okay to Not Be Okay เป็นซีรี่ย์เกาหลีที่น่าดูตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์ออกมาแล้ว ยิ่งสุดฯ ได้ชมเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งติดและสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยความดีงามที่ดึงดูดให้เราติดตามเรื่องนี้ต่อ จะมีอะไรบ้าง ตามสุดฯ ไปส่อง 7 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดชมเรื่องนี้กัน

It’s Okay to Not Be Okay ซีรี่ย์เกาหลีสุดแปลกใหม่

ผลงานคัมแบ็คของคิมซูฮยอน

อย่างที่หลายๆ คนน่าจะพอรู้กันอยู่แล้วว่า เรื่องIt’s Okay to Not Be Okay เป็นผลงานคัมแบ็คสายจอแก้วของคิมซูฮยอนในรอบ 5 ปี หลังจาก The Producers เมื่อปี 2015 และยังเป็นผลงานเต็มๆ หลังออกจากกรม ด้วย ซึ่งคิมซูฮยอน ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีแฟนๆ ติดตามมากที่สุดคนหนึ่ง ดูได้จากการไปแสดงรับเชิญให้ Hotel del Luna และ Crash Landing on You ซีนที่เขาปรากฏตัวก็เรียกได้ว่าขโมยซีนสุดๆ และยังเป็นนักแสดงระดับมือรางวัล เขาได้พิสูจน์ให้เห็นทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยมด้วยบทที่แสนท้าทายในIt’s Okay to Not Be Okay กับตัวละคร “มุนคังแท” ผู้ชายที่เหมือนจะยิ้มแต่ข้างในและดวงตากลับเศร้า เพียงแค่อีพีเดียว คิมซูฮยอนก็ได้รับคำชมเรื่องการแสดงไปเยอะมาก

It's Okay to Not Be Okay, คิมซูฮยอน, ซอเยจี, ซีรีส์เกาหลี, ดาราเกาหลี, 사이코지만 괜찮아, Kim Soo Hyun, Seo Ye Ji, 서예지, 김수현, โอจองเซ, พัคคยูยอง, พัคกยูยอง

ซอเยจี นักแสดงหญิงที่จะต้องจับตามองต่อจากนี้

สำหรับแฟนๆ ชาวไทย ก่อนหน้านี้ซอเยจีอาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ฝีมือการแสดงของเธอต้องบอกว่าปังโดยเฉพาะการสื่อสารผ่านสายตา ในการออกอากาศครั้งแรกของเรื่องนี้ ซอเยจีก็ได้แสดงให้เห็นทั้งการแสดงอันดีงาม ความสวยที่เปล่งประกาย และน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกอย่างต่างส่งเสริมให้ผู้ชมเข้าถึงตัวละครของเธอมากขึ้น จนทำให้ผู้ชมพากันอวยและตกหลุมรักซอเยจีเป็นแถบ

ต้องบอกก่อนว่าการมารับบท “โกมุนยอง” ซอเยจีทำการบ้านหนักมาก เพราะเป็นคาแร็กเตอร์ของนางเอกที่ไม่เหมือนซีรี่ย์เรื่องไหนๆ เปิดตัวมาด้วยการเป็นนักเขียนวรรณกรรมเด็กที่ไม่สนใจความรู้สึกใคร มีบุคลิกภาพผิดปกติชนิดต่อต้านสังคม ซึ่งทำให้ในช่วงแรกของซีรี่ย์หลายคนอาจไม่ชอบใจการกระทำต่างๆ ของโกมุนยองนัก แต่ซีรี่ย์จะทำให้เห็นว่าตัวเธอเองจะได้รับการเยียวยาและมองเห็นบาดแผลในจิตใจที่เป็นต้นเหตุของพฤติกรรมแย่ๆ ทั้งหลายได้อย่างไร ซึ่งจากการแอบส่อง ผู้ชมหลายๆ คนก็เข้าใจในคาแร็กเตอร์ของโกมุนยอง เรียกว่าต้องให้เครดิตการแสดงของซอเยจีเลย เข้าคอนเซ็ปต์ “ถึงร้ายก็รัก”

เคมีระหว่างพระนางที่แรงตั้งแต่ก่อนซีรี่ย์ออนแอร์

อีกหนึ่งสิ่งที่ส่งให้ซีรี่ย์มีความสนุกและทำให้ผู้ชมอินมากขึ้น คือ เคมีของคู่พระนาง หลายเสียงบอกว่าเคมีคู่นี้ดีมากกกกก ซึ่งมีแววเคมีแรงมาตั้งแต่ก่อนซีรี่ย์จะออนแอร์ซะอีก ถ้าให้ย้อนกลับไปไกลๆ หน่อย ก็ต้อง 6 ปีที่แล้วกับการร่วมงานกันในโฆษณา คิมซูฮยอนและซอเยจีแอบมีเคมี ฟิสิกส์ ชีวะบางอย่างที่ไม่ธรรมดา ยิ่งมาเห็นในงานแถลงข่าว คลิป และรูปต่างๆ บอกเลยว่าเคมีมันได้มาก ซึ่งพอได้เห็นเคมีแบบเต็มๆ ในซีรี่ย์ พูดได้เดียวว่า เข้ากันแบบไม่รู้จะบรรยายยังไง ต้องไปดูเอง

ตัวละครที่น่าสนใจกับบทออทิสติก

ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นตัวละครออทิสติกในซีรี่ย์เกาหลี ซึ่งทีมผู้สร้างIt’s Okay to Not Be Okay ตั้งใจที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของออทิสติกให้สังคมผ่านบท “มุนซังแท” ที่รับบทโดยโอจองเซ ซึ่งเขาจะเอาชนะใจผู้ชมได้ด้วยความบริสุทธิ์ของจิตใจและรอยยิ้มที่ใสสะอาด

โอจองเซ นับว่าเป็นนักแสดงสมทบฝีมือคุณภาพของเกาหลีที่มีประสบการณ์โชกโชน ซึ่งทุกๆ บทที่เขาได้รับ มักจะเป็นคาแร็กเตอร์ที่น่าจดจำ อย่างเช่น ซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง When the Camellia Blooms ที่ออนแอร์เมื่อปี 2019 กับบทชายวัยกลางคนที่ชอบให้คนสนใจ ก็ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Baeksang Arts Awards มาแล้ว จากการดูไป 4 ตอน บอกเลยว่าโอจองเซตีบทแตกกระจุย

ซีรี่ย์เกาหลีที่ผสมผสานครบทุกอารมณ์

แค่เปิดเรื่องนี้มาก็จัดแนวโรแมนติกดราม่าแฟนตาซีแบบงาน CG จัดเต็มแล้ว แต่ในอีพี 1-2 เรากลับเห็นการผสมผสานโทนเรื่องที่มีปริศนาคดีฆาตกรรมเข้ามา จากการเสียชีวิตของแม่ ที่มุนซังแทเป็นคนเห็นเหตุการณ์แต่กลับบอกเล่าออกมาไม่ได้ ซึ่งความหลากหลายของซีรี่ย์ทำออกมาได้ลงตัว ทั้งยังหยิบเอาประเด็นทางจิตวิทยามาใช้ประกอบได้อย่างน่าสนใจอีก

ส่วนเส้นเรื่องโรแมนติกดราม่าระหว่างมุนคังแท และโกมุนยอง ก็เต็มไปด้วยซีนชวนจิกหมอน ที่มีการมองลึกลงไปในดวงตาหลายต่อหลายครั้ง และช็อตแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เราได้เห็นเคมีของคู่นี้ที่ชัดเจนแบบไม่ต้องสืบ

วิธีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่

อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้มีความแฟนตาซี เพราะมีการหยิบวิธีเล่าเรื่องที่ต่างจากซีรี่ย์เกาหลีเรื่องอื่นๆ นั่นก็คือ การเล่านิทาน ซึ่งตรงนี้นี่แหละที่ทำให้ผู้ชมออกปากชม เพราะเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่และยังทำให้เข้าใจเส้นเรื่อง เข้าใจตัวละคร และอินกับเรื่องราวของตัวละครมากขึ้น น่าสนใจมาก เรียกว่าเป็นการอแดปคาแร็กเตอร์นักเขียนวรรณกรรมของนางเอกมาใช้ในการเล่าเรื่องด้วย #ประทับใจ

การเยียวยาจิตใจที่คนดูนำไปใช้ได้จริง

ถ้าได้อ่านเรื่องย่อและคาแร็กเตอร์ของตัวละครจะได้กลิ่นของงานจิตใจ จิตวิทยาลอยฟุ้งมาก ทั้งบทของซอเยจีที่มีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ หรือคิมซูฮยอนที่เป็นเจ้าหน้าที่แผนกจิตเวช ทำให้เขาใช้ความรู้ที่มีมาในการสอนให้ โกมุนยอง รู้จักท่าอ้อมกอดผีเสื้อ (Butterfly Hug) ซึ่งเป็นเทคนิกที่ใช้จริงในการบำบัดจิตใจแบบ EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing Therapy – จิตบำบัดเกี่ยวกับบาดแผลทางใจ เหตุการณ์สะเทือนใจรุนแรง หรือความทรงจำที่เจ็บปวด) เป็นเทคนิคสงบสติอารมณ์ หรือใช้ในเวลาที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งการนำศาสตร์จิตบำบัดมาใช้ประกอบในซีรีส์นี้ ทำให้ผู้ชมสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้