Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

ALALA เป็นเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ของวงการ T-POP ที่น่าจับตามองมาตั้งแต่เดบิวต์เลยก็ว่าได้ เป็นวงที่รวมสมาชิก 4 คน ได้แก่ เมจิ คริส อิม และมินนี่ ที่พกพาความสามารถรอบด้าน อินเนอร์แรงสไตล์ตัวลูก และยังมีคาริสม่าหรือเสน่ห์พุ่งกระแทกตาสุดๆ อีก

ทันทีที่ ALALA เดบิวต์ก็ได้รับความสนใจทันที มีคนทั้งรีแอ็กชั่น MV และเพลงของพวกเธอ รวมไปถึงคัฟเวอร์ท่าเต้นปังๆ ซึ่งนับตั้งแต่เดบิวต์เมื่อช่วงปลายปี 2022 จนถึงตอนนี้ ALALA ปล่อยเพลงมาทั้งหมด 4 เพลงแล้ว แล้วแต่ละเพลงก็ดีงามมาก

บอกเลยว่าจากการที่สุดสัปดาห์ได้ไปสัมภาษณ์ ALALA ก็พบว่าจากที่เห็นเพอร์ฟอร์แมนซ์บนสเตจว่ามีคาริสม่าสุดๆ แล้ว เวลาปกติสมาชิก ALALA ก็มีเสน่ห์มากเหมือนกัน เรียกว่าตลอดการได้พูดคุยกันเป็นการพูดคุยที่เต็มไปด้วยพลังความสดใสและมีเอนเนอร์จี้แบบจัดเต็มสุดๆ ค่า ซึ่งไหนๆ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกันแล้ว เลยคุยกันแบบจัดเต็มกับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA ได้ในทุกวันนี้

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คุยกับ ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP

ALALA ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความโดดเด่นกันทุกคน แต่ละคนคิดว่าจุดเด่นของตัวเองคืออะไร

เมจิ : หนูน่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นค่ะ เพราะว่าชอบแต่งตัว shopping เสื้อผ้า และน่าจะเป็นเรื่องการเข้าถึงง่าย ความเฟรนด์ลี่ค่ะ สามารถคุยได้กับทุกคนในกลุ่ม เวลามีอะไรทุกคนก็จะคุยกับหนู สามารถให้คำปรึกษาได้ดีค่ะ

คริส : คริสนะคะ ก็เป็นคนที่ชอบวาดรูปค่ะ ก็น่าจะเด่นเรื่องการวาดรูป และเด่นในเรื่องความตลกที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เวลาตั้งใจจะไม่ตลกค่ะ (หัวเราะ)

อิม : ของอิมนะคะ ก็น่าจะเป็นความ out growing คือพร้อมลุย เพราะอิมเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม outdoor เยอะ แล้วก็ชอบเล่นกีฬา อย่างที่สองก็เป็นคนตลกค่ะ (หัวเราะ)

มินนี่ : ส่วนมินนี่ก็จะเป็นสายกิจกรรม ชอบอยู่กับเพื่อนๆ ค่ะ จะเป็นสาย extrovert ชอบทำกิจกรรม ทั้งด้านกีฬาและกิจกรรมด้านแอ็กติ้ง รู้สึกการทำกิจกรรมเยอะทำให้ได้มีเพื่อนๆ หลากหลายดี พอมีเพื่อนหลากหลายก็สนุกขึ้นค่ะ จุดเด่นก็น่าจะเป็น extrovert และ friendly ค่ะ

ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ตอนนั้นทุกคนมีควาฝันอยากเป็นนักร้องตั้งแต่แรกเลยไหมคะ

มินนี่ : ตอนมินนี่เด็กๆ มินนี่ได้แรงบันดาลใจในการเป็นนักร้องมาจากนักร้องทางอเมริกาค่ะ ก็จะมี Ariana  Grande, Taylor Swift พอได้ดู MV ของพวกเขา และก็เคยไปคอนเสิร์ตของ katy perry ก็ยิ่งชอบค่ะ เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาด้านนี้ค่ะ ก็เลยฝันอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กเลย

ตอนแรกเราก็ชอบศิลปินฝั่งอเมริกาค่ะ แต่พอเราโตขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มชอบฝั่งเคป๊อปด้วย ก็เลยชอบทั้งเต้นกับร้องตั้งแต่เด็ก เลยได้เรียนเต้น ได้เรียนร้องเพลง ก็เป็นสิ่งที่เราชอบมาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ

อิม : อิมเหมือนกันค่ะ เพราะว่าตอนเด็กๆ อิมก็ชอบ Katy Perry หรือ Taylor Swift เหมือนกัน แล้วตอนนั้นคุณพ่อชอบ Girls’ Generation มากๆ ค่ะ(หัวเราะ) เลยเหมือนส่งต่อมาให้ลูก อิมก็ชอบฟังเพลง ชอบดู MV และอิมก็ชอบคิดว่าอยากเป็นเหมือนเขา ตั้งแต่เด็กก็เลยมีความฝันอยากจะเป็นนักร้องค่ะ

คริส : ถ้าตอนเด็ก จริงๆแล้วเมื่อก่อนอยากเป็นนางเงือกค่ะ อยากเป็นแอเรียล เพราะเมื่อก่อนดูหนังเรื่อง The Little Mermaid มาเกิน 100 รอบเลยก็ว่าได้ อยากเป็นแอเรียลมากๆ ดูพิเศษดีค่ะแบบอยู่ใต้น้ำ (หัวเราะ) แต่ถ้าอยากเป็นมากที่สุดในตอนนี้คืออยากเป็นนักร้องเหมือนเดิมค่ะ เพราะว่ามันเป็นความฝันที่คริสก็ชอบเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็ชอบอยู่บนสเตจ พอมีมีตติ้งที่ครอบครัวใหญ่จะมากินข้าวด้วยกัน เขาก็จะมีสเตจให้เด็กๆขึ้นไปร้องเพลง เราก็จะไปยืนร้องอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมงเลย จนเขาต้องบอกให้หนูลงมา หนูไม่ยอมให้ใครแย่งไมค์เลย ซึ่งเรื่องที่ทำให้เห็นว่าหนูอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กเลยค่ะ

เมจิ : ส่วนหนูนะคะ หนูชอบดูพวกหนังมากกว่า อยากเป็นนางเอก อยากเป็นนักแสดงค่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชอบพูด เราน่าจะสามารถแสดงคาแร็กเตอร์ของตัวละครออกมาได้ เพราะเมื่อก่อนก็จะมีละครโรงเรียนแล้วหนูก็ได้เล่นเป็นตัวเอก อุ้ย! เขิน (หัวเราะ) ตอนนั้นก็เลยรู้สึกชอบทางนักแสดงค่ะ

แต่พอโตขึ้นก็ได้เห็น BLACKPINK ซึ่งถือว่าเป็นแรงบันดาลใจของหนู หนูชอบเจนนี่มากค่ะ พอได้ชมเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเขาแล้วรู้สึกว่าอยากจะเป็นนักร้องขึ้นมาค่ะ

จากความฝันในวัยเด็กทุกคนก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายของบริษัทใหญ่อย่าง GMM GRAMMY การฝึกโหดขนาดไหนกว่าจะได้เดบิวต์

มินนี่ : ถือว่าโหดเหมือนกันค่ะ เพราะว่าตอนที่หนูเข้ามา จะมีเพื่อนๆ ใน ALALA ได้เทรนมาก่อน แล้วหนูก็เพิ่งเข้ามา แต่ยังไม่ได้เข้ามาในกลุ่มเพราะว่าก่อนที่จะได้เข้ามา ก็ประเมินการเต้น การร้องเพลง การเพอร์ฟอร์มทุกอย่างเลย ช่วงนั้นก็เป็นช่วงโควิดด้วย เพื่อนๆ เขาก็เริ่มซ้อมกันแล้ว แต่ช่วงนั้นหนูเหมือนทิ้งการเต้นและร้องเพลงไปนาน ตอนนั้นก็ต้องมีเพื่อนๆ มาช่วยหนูทำให้เราสามารเข้ากับกลุ่มได้

อิม : ก็ยากเหมือนกันสำหรับอิมนะคะ เพราะทุกเดือนก็จะมีสอบ เช่น สอบร้อง สอบเต้น แล้วก็จะให้คะแนนมาเป็นตัวเลขเลย ก่อนจะเข้ามาฝึก อิมจะไม่เคยโดนอะไรแบบนี้ ไม่เคยโดนติ ช่วงแรกๆ อิมก็จะรู้สึกเศร้า รู้สึกเฟลกับตัวเองนิดนึง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ปรับตัวได้ แล้วก็เรื่องเวลาด้วย ตั้งแต่อิมเข้ามา เวลาครึ่งหนึ่งอิมแบ่งให้ทางนี้เลย ก่อนหน้านี้อิมก็มีเวลาเที่ยวกับเพื่อน ก็เลยต้องปรับตัวนิดนึงค่ะ

คริส : สำหรับคริสนะคะ ตั้งแต่เริ่มออดิชั่น คริสก็เคยไปออดิชั่นมาหลายที่แล้ว พอมาออดิชั่นที่นี่ ก็โหดนิดนึง พอออดิชั่นเสร็จก็ยังมีการออดิชั่นอีกรอบนึง ก็คือการออดิชั่นร่วมกันเป็นกลุ่มค่ะ เพื่อดูว่าเคมีเข้ากันไหม ซึ่งตอนนั้นมีการซ้อมสองสัปดาห์ก่อนที่จะออดิชั่นรอบนี้ค่ะ ถ้าใครมีดีมาก เราก็ได้ผ่านเข้าไป แล้วก็ไปเทรนต่อค่ะ

หลังจากนี้การเทรนหนักมากเหมือนกัน เราได้เทรนเรื่องใหม่ๆ เยอะมากเลย เช่น การเพอร์ฟอร์ม การแต่งหน้า การทำผม การพรีเซนต์คาแร็กเตอร์ของตัวเองให้ออกมายังไง มันก็ยากหน่อยที่เรามีอะไรที่ความท้าทายใหม่ๆ ทุกวัน พูดเลยว่าเทรนนี่ที่แกรมมี่โหดมาก เพราะเรามีออดิชั่นเป็นกลุ่มก่อนที่จะเดบิวต์ไปทำเพลงอีกว่าเราพร้อมไหม เราเข้ากันไหม เราดีพอที่จะออกไปทำเพลงส่งความสุขให้ทุกคนไหม ก็เลยยากนิดนึงค่ะ เครียดนิดนึง แต่พอทำสำเร็จแล้วก็รู้สึกอุ่นใจ เพราะว่าเราได้ทำในสิ่งที่เรารักค่ะ

มินนี่ : ขอต่อจากคริสนิดนึงนะคะ นอกจากที่เราต้องหาเวลามาซ้อมด้วยกัน ซึ่งต้องบอกว่าตารางของทุกคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะเราก็ต้องเรียนด้วย ต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งในการไปเรียนที่โรงเรียนเรา ซึ่งเราก็ทำให้ดีที่สุด หลังจากเลิกเรียนก็ต้องมาที่ตึกแกรมมี่เพื่อที่จะมาซ้อมค่ะ แล้วก็มีสอบทุกเดือนด้วย ช่วงเวลานั้นก็มีความเครียดนิดนึง แต่เพื่อนๆ ก็เหมือนเป็นครอบครัวคอยซัพพอร์ตกันจนมาถึงทุกวันนี้ที่เราได้เดบิวต์แล้ว

เมจิ : สำหรับหนู สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจูนกันให้เป็นกลุ่ม เพราะว่าการที่เราเดบิวต์เป็นกลุ่ม หนึ่งไลน์เต้นต้องพร้อม สองเราต้องคุยกันว่าต่างคนชอบอะไรแล้วอยากให้แนวทางกลุ่มเป็นแบบไหน ก็ต้องมีการพูดคุยกันหลายอย่าง ต้องเข้าใจจุดเดียวกันว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ต้องการที่จะสำเร็จด้วยกันแบบไหน อันนี้น่าจะยากในช่วงแรกๆ เพราะเราอาจจะไม่ได้รู้จักกันมาก มันอยู่ที่ความสนิทด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ  และมินนี่เข้ามาทีหลังก็ถือว่ามินนี่เข้ากับพวกเราได้เร็วมากๆด้วยค่ะ

เมื่อกี้มีพูดเรื่องการต้องแบ่ง แล้วปกติมีวิธีแบ่งเวลาระหว่างการเรียนกับการซ้อมหรือการทำงานยังไงบ้างคะ

คริส : พวกเราจะมีที่จะส่งให้ทางทีมงานทุกสัปดาห์ค่ะว่าสัปดาห์นี้มีอะไรปรับเปลี่ยนไปบ้าง ถ้าไม่มีก็เหมือนเดิมค่ะ ปกติตารางก็จะเหมือนเดิม เช่น วันนี้มีเรียนร้อง วันนี้หยุด วันนี้มีเรียนเต้น ซึ่งก็จะทำให้หนูรู้ว่าแต่ละวันต้องทำอะไร ก็จะส่งแจ้งเข้าไปในกลุ่มให้เพื่อนรับรู้ว่าวันนี้มีต้องไปทำงานรึเปล่า หรือเรามีเรียนเต้น เรียนร้อง ก็เลยทำให้ง่ายขึ้นกับการเรียนและการที่เราจะมีเวลาไปซ้อมหรือไปทำงานด้วยค่ะ

มินนี่ : ช่วงตอนเป็นเด็กฝึกหัดก็จะพยายามทำการบ้านในโรงเรียนให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องทำการบ้านหลังจากเทรนเสร็จค่ะ เพราะพวกเราเทรนเสร็จก็จะดึกแล้ว พวกเราก็จะพยายามทำที่โรงเรียนให้เสร็จ หรือไม่พอมีช่วงเบรกระหว่างการเทรนก็จะทำการบ้านค่ะ และพวกเราเรียนโรงอินเตอร์กัน ก็จะมีหลักสูตรไม่เหมือนกัน เพราะมีทั้งเรียนหลักสูตรอังกฤษและหลักสูตรอเมริกา ก็ต้องมีการปรับตารางกันค่ะ

หลังจากผ่านการฝึกหัดมา วันที่รู้ว่าจะได้เดบิวต์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง

คริส : ดีใจมากกก รู้สึกเครียดอยู่นะคะว่าเพลงจะออกมายังไง คนจะชอบเพลงเราไหม วันนั้นก็สั่นเลย กลัวมากๆ แต่พอมาเพลงออกมาแล้วทุกคนชอบ เต้นคัฟเวอร์เพลงพวกเรากันเยอะมาก

มินนี่ : มินนี่ยังจำช่วงเวลานั้นได้ตอนที่ทางหัวหน้าค่ายเขาประกาศว่าเราจะได้ร่วมงานกับพี่เต๋า URBOYTJ ก็คือสุดยอดมาก เพราะว่าเขาเป็น Rapper ระดับประเทศเลยค่ะ ซึ่งเราทั้ง 4 คนก็มีความฝันที่จะเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป แล้วเราก็ได้โอกาสออกอัลบั้มแรกได้ทำงานร่วมกับพี่เต๋า แถมมีเพลงที่ได้พี่เต๋าก็มาฟีทเจอริ่งในเพลง “เถียงเก่ง” ด้วยค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าเหมือนความฝันเลยค่ะ

อิม : ใช่ค่ะ แล้วก็มีอีกโมเมนต์หนึ่งที่เราเชื่อว่าทุกคนแฮปปี้มากและก็ซึ้งมากๆ ก็คือหลังจากเดบิวต์เสร็จ อิมน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่ตอนนั้นต้องมีแถลงข่าวกับสื่อต่อ เลยต้องซับน้ำตา ตอนนั้นอิมดีใจมากๆ ซึ้งและตื่นตันใจมากๆ กับการเดบิวต์ของพวกเราค่ะ

มินนี่ : เหมือนเราก็เทรนมาด้วยกัน และเราก็เจอสอบทุกเดือน แต่พอเดบิวต์เสร็จ เรารู้สึกว่าที่เราซ้อมมาทุกอย่าง เราคุ้มแล้ว วันนี้เป็นวันของเราแล้วอะค่ะ

แล้วตอนก่อนขึ้นเวทีที่เป็นเวทีแรกของเราในฐานะศิลปิน ตื่นเต้นขนาดไหน

เมจิ : ตื่นเต้นมากกก ของเราจะไม่มีการหลบหลัง stage เพราะตอนนั้นเราเป็น stage แบบ flow แล้วเราต้องเดินเข้า คือตื่นเต้นมากที่สุดเลยตอนถือไมค์ แล้วยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเพราะมีแต่คนที่เรารู้จักที่มาดูแค่เราค่ะ วันนั้นคนประมาณ 500 คนได้ค่ะ

มินนี่ : ก็จะมีเพื่อนๆ ที่เราชวนมา

เมจิ : ใช่ๆ ก็มีเพื่อนๆ ด้วย รู้สึกซึ้งตรงจุดนี้มาก เพราะเป็นเพื่อนที่อยู่ที่โรงเรียนด้วยกันแล้วโตมาด้วยกันค่ะ เห็นกันตั้งแต่อยู่โรงเรียน แล้วเราก็มาทำงาน

มินนี่ : เหมือนเขาก็เชียร์เราตอนที่เราได้เป็นเด็กฝึกหัด แต่เหมือนวันนี้เราได้มาเป็นศิลปินแล้ว พอได้เห็นเขามาเชียร์ เราก็รู้สึกดีใจค่ะ

อิม : หนูบอกเลยว่าตื่นเต้นแค่ตอนก่อนออกไป ตอนออกไปไม่ตื่นเต้นเลย

คริส : ใช่ๆ ของคริสตื่นเต้นตอนเดิน แต่พอเริ่มเต้นจริงๆ แล้วมีความสุขมากกว่าค่ะ

อิม : ใช่ เพราะได้ยินเสียงแบบกรี๊ด อะไรอย่างนี้ค่ะ

คริส : ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกว่าความฝันของเราทำสำเร็จแล้วค่ะ

พูดถึงซิงเกิลที่ปล่อยออกมาหน่อยค่ะ มีเพลงฮิต คนเต็มตามเยอะด้วย

เมจิ : เพลง “ร้องไห้ดังๆ” ค่ะ เป็นเพลงแรกที่เราเริ่มอัด เริ่มทำ เป็นเพลงที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเพลงนี้ใหม่ ตั้งแต่ได้ยินเพลงนี้ก็คือว้าว แล้วก็เชื่อว่าทุกคนน่าจะดีใจด้วย เพลงนี้ก็จะเป็นแนว alternative pop ค่ะ ก็จะมีความแดนซ์หน่อย ยังมีไวบ์ของความเป็น EDM ส่วนเนื้อหาเพลงจะพูดถึงความรักที่เราต้องการ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ยินคำว่ารักขนาดนั้น เลยจะต้องร้องไห้ค่ะ ท่าเต้นก็คือก็รู้สึกว่ายากค่ะ (หัวเราะ) หนูว่าร้องไห้ดังๆ ยากสุดเลย

มินนี่ : มันจะมีท่าหนึ่งที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้องไห้ดังๆ ก็จะเป็นท่าสะพานโค้ง ซึ่งครั้งแรกที่ครูเขามาสอนเรา ก็คือทุกคนน่าจะปวดหลังกลับบ้านกันหมดเลยค่ะ (หัวเราะ)

อิม : คือวันแรกเราขึ้นกันมาไม่ได้ด้วย ต้องฝึกซ้อมกันเยอะมากค่ะ แต่ดีที่ทุกคนเต้นได้ เอาไปคัฟเวอร์กันเยอะมาก คุ้มแล้วกับที่เราซ้อมกันมาค่ะ

แล้วตอนที่เราเห็นฟีดแบ็กของเพลงที่ออกมา เป็นยังไงบ้าง

คริส : โห ดีมากกก

มินนี่ : คือพวกเราก็แอบส่องบน YouTube ค่ะว่าจะมีคนเต้นคัฟเวอร์เพลงเราไหม เราก็คิดว่าเพลงของเรา ท่าเต้นก็ยากนะคะ แต่ก็มีหลายๆ คนมาเต้น แล้วเป๊ะด้วย

อิม : แล้วก็มีคนรีแอ็กชั่นเพลงเรา จากต่างประเทศก็มี รู้สึกว่า อุ๊ย! มีคนรีแอ็กชั่นเพลงเราด้วย ปกติเราดูแต่รีแอ็กชั่นคนอื่น ก็รู้สึกขอบคุณทุกช่องเลยค่ะที่มารีแอ็กเพลงของพวกเรา เขาทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นเหมือนกัน และเราก็ได้เจอพี่ๆ รีแอคเกือบทุกคนที่ได้เจอกันในตามงานเลยค่ะ

สุดสัปดาห์ : เพลงต่อไปเลยค่า

มินนี่ : เพลงที่สองคือเพลง “เจ็บนะ” ค่ะ จะเป็นเพลงช้าเพลงเดียวในอัลบั้ม “BABYMVP”  ซึ่งเพลงนี้จะสื่อถึงการรักข้างเดียวว่าเรารักใครสักคนนึง แต่คนนั้นไม่ได้รักเรากลับ ก็จะสื่อถึงความรักเด็กรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นค่ะว่าเราก็เจ็บนะที่เธอไม่ได้รักเรา แต่เราก็โอเค ไม่เป็นไร เราเข้มแข็ง เราอยู่ต่อได้ เพลงนี้ก็จะมีท่าเต้นเหมือนกัน ก็มีคนเต้นคัฟเวอร์บน TikTok และ YouTube ด้วยค่ะ รู้สึกว่าแฮปปี้เหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่เพลงแรกและเพลงที่สองมีคนมาเต้นคัฟเวอร์เรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นแรงผลักดันให้กับเราพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ทำผลงานเพลงดีขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ

อิม : เพลงต่อไปชื่อว่า “เถียงเก่ง” ก็จะเป็นอีกแนวนึงเลย จะมีความร็อก เพลงนี้ก็จะเศร้าเลย โดยจะเล่าเกี่ยวกับคู่รักที่ต้องมีช่วงเวลาที่เถียงกันหน่อย เพื่อจะทำให้ความสัมพันธ์นั้นมีความสนุกอะไรอย่างนี้ค่ะ แบบเฮ้ย! เธอเถียงเก่งน้า ประมาณนั้นค่ะ ซิงเกิลนี้เราก็ได้พี่เต๋ามาฟีทเจอริ่งให้ด้วย ดีใจมากๆ เลย แล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่อุตส่าห์ยอมมาฟีทเจอริ่งกับพวกเรา

มินนี่ : แลัวก็วันที่ถ่าย MV ไม่ได้ถ่ายในกรุงเทพค่ะ เราถ่ายที่ฉะเชิงเทรา ก็คือต้องตื่นเช้ามากแล้วก็ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง พี่เต๋าก็ต้องขับรถไปด้วยค่ะ (หัวเราะ)

คริส : ซิงเกิลต่อไปก็คือ “เสียใจไม่เสียดาย” นะคะ เป็นซิงเกิลใหม่ของพวกเรา ก็หวังว่าทุกคนจะไปฟังกันเยอะๆ เพราะเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่เราเต้นเยอะมากเลย มีหมุนตีลังกาบนอากาศ เพลงนี้ก็จะเป็นสไตล์ใหม่ขึ้นมาหน่อย มีเสียงปืนบ้าง มีความ electric pop ผสมกันค่ะ เพลงนี้ก็จะสื่อประมาณว่า เขาเสียใจที่เลิกกับเรา แต่เขาก็ยังอยากกลับมา แต่เราก็ไม่ได้สน ไม่ได้แคร์  เราก็ต้องมูฟออนและไปหาคนใหม่ we don’t care ค่ะ

เมจิ : คือเหมือนเราเสียใจนะกับความสัมพันธ์นี้ แต่เราก็ไม่เสียดายค่ะ คือใครฟังก็ต้องมีอินเนอร์แบบ ไม่คิดถึงแฟนเก่าแล้วอะ

การร่วมงานกับพี่เต๋าเป็นยังไงบ้าง

อิม : น่ารักมาก

เมจิ : สนุกมาก ทำงานเก่งมาก

อิม : ใช่ แบบเทกเดียวก็ผ่านเลย คือเราเห็นพี่เต๋าตั้งแต่ตอนอัดเสียงแล้วค่ะ ซึ่งทุกคนตื่นเต้น เพราะว่าเป็นการเข้าห้องอัดครั้งแรก และโปรดิวเซอร์ของเราคือแร็ปเปอร์ระดับต้นๆ ของประเทศค่ะ บอกเลยว่าตื่นเต้น แล้วก็ต้องทำให้ดีค่ะ ต้องซ้อมอะไรอย่างนี้ แต่พอไปถึงปุ๊บ พี่เต๋าใจดีมาก น่ารักมาก และรู้สึกว่าทุกคนผ่านเร็วมากเลย ก็คือเสร็จก่อนเวลาทุกเพลง

คริส : จำได้ว่าวันนั้นหนูแขนสั่นมาก พี่เต๋าบอกว่า คริสๆ เดี๋ยวขออีกรอบนึงนะ เอาแบบมีเอนเนอร์จี้หน่อย หนูแบบได้ค่า (หัวเราะ)

อิม : คริสนี่เห็นเป็นคนเงียบๆ แต่จริงๆ เป็นคนที่ตื่นเต้นกับอะไรง่ายมาก

มีอะไรที่อยากจะทำในวงการอีกไหมคะ

คริส : หนูมีเยอะเลย หนูอยากเป็นแฟชั่นนิสต้า และอยากเป็นโปรดิวเซอร์เพลงค่ะ อยากเป็นคนที่วาดรูปแล้วทำแกลลอรี่ของตัวเอง อยากทำด้านการแสดงสายภาพยนตร์ค่ะ อยากทำอีกหลายๆ อย่างมากๆ เลยค่ะ สิ่งที่หนูอยากทำอยู่ในวงการนี้หมดเลย และหนูคิดว่าถ้าโตไปแล้วได้ทำสิ่งนี้ก็คงจะเป็นฝันที่คอมพลีตแล้วค่ะ เพราะว่าหนูอยากทำเยอะมากแต่ไม่รู้หนูจะทำได้หรือเปล่าค่ะ

เมจิ : สำหรับหนูก็น่าจะเป็นเล่นละคร ไม่ได้อยากเป็นนางเอก แค่แบบทำการแสดงอารมณ์ออกมาค่ะ (หัวเราะ) เพราะหนูเป็นคนอิโมชั่นเยอะ และก็ค่อนข้างแบบเข้าถึงคาแร็กเตอร์ของตัวละครได้ง่ายค่ะ ก็เลยอยากลองเล่นละครดูค่ะ ความจริงหนูชอบบทนางร้ายมากกว่าบทนางเอก ชอบบทที่เข้าใจง่าย อารมณ์ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่ว่าอยากได้วัยใสๆ แบบ “ยูนาบี” (นางเอกจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Nevertheless) ค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็อยากแบบทำเสื้อผ้า เพราะหนูอยากเรียนด้านแฟชั่นค่ะ

คริส : ถ้าเกิดได้เล่นละครหรือหนัง หนูอยากเป็นผีค่ะ (หัวเราะ) และอยากเล่นเป็นแนนโนะ ถ้าหนูเล่นบทแบบนี้หนูว่าลุคน่าจะแบบได้ค่ะ

อิม : ที่อิมอยากทำมากที่สุดก็คือคอนเสิร์ต ALALA ค่ะ อยากจะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง อยากให้มีแฟนคลับ BABY A มาดูเรา นอกจากนี้ก็อยากเดินแบบ หรือไม่ก็ถ่าย fashion shoot อะไรอย่างนี้ค่ะ ที่จริงอิมอยากลองทุกอย่างเลย อิมก็อยากลองว่าอิมชอบอะไรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้างค่ะ

มินนี่ : ส่วนมินนี่อยากลองแต่งเพลงเองค่ะ เพราะว่าชอบแต่งแร็ปด้วย ปีที่แล้วหนูก็เป็นประธานนักเรียน แล้วหนูก็ได้แต่งแร็ปเป็นประธานนักเรียนแล้วก็ได้เป็นด้วยค่ะ แล้วหนูก็มีหนังสือไว้เขียนแร็ปเล่นๆ วันหนึ่งก็อยากจะลองเขียนเพลงเองค่ะ แล้วก็อยากเขียนสตอรี่ว่า ใน MV ของพวกเราว่าอยากมีซีนอะไรบ้าง แบบครีเอตผลงานเองค่ะ

สุดท้ายนี้อยากจะให้ฝากผลงาน และฝากข้อความถึงแฟนๆ หน่อยค่ะ

เมจิ : ก็ฝากเพลงที่สี่ของพวกเรานะคะ “เสียใจไม่เสียดาย” ออกแล้วนะคะ และฝากติดตามพวกเรา ALALA ด้วยนะคะ จะมีผลงานดีๆ ออกมาเยอะแยะมากมายให้ทุกคนได้ชมกัน บอกเลยว่าอยากเห็นทุกคนเต้น TikTok เพลงที่สี่ของพวกเราค่ะ และอย่าลืมติดแฮชแท็กด้วยนะคะ  #ALALAเสียใจไม่เสียดาย ค่ะ

คริส : สามารถติดตาม ALALA ได้ที่ @alala.whitefox ทุกแพลตฟอร์มนะคะ และถ้าอยากฟังเพลงของพวกเรา เสียใจไม่เสียดาย ฟังได้แล้วทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเลยค่ะ หวังว่าทุกคนก็จะชอบพวกเรานะคะ

มินนี่ : แล้วก็ใครที่ยังไม่ได้ฟังเพลงแรก เพลงสอง เพลงสามของพวกเราก็สามารถฟังได้ที่ YouTube : @officialwhitemusic ค่ะ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up