คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล เป็นนักร้องเดี่ยวสายเลือดใหม่จากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ที่เพิ่งเดบิวต์เมื่อปี 2022 นี่เอง ซึ่งบอกเลยว่าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดามากๆ เพราะนอกจากคินจะเป็นนักร้องแล้ว ก่อนหน้านั้นคินเป็นนักกีฬาฮอกกี้ระดับทีมชาติ ซึ่งติดในทีมระดับเยาวชนมาตั้งแต่อายุยังน้อย และปัจจุบันคินก็ยังยึดอาชีพเป็นนักกีฬาควบคู่ไปกับการเป็นนักร้อง
ต้องบอกว่าคินทำทั้งสองบทบาทได้ดีมาก เป็นนักกีฬาก็ทำได้ดี ฝีมือสุดยอด ผ่านการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติมากมาย และยังมุ่งมั่นกับการเป็นนักกีฬาสุดๆ ในขณะเดียวกันพอหันมาจับไมค์ คินก็มีเสียงอันไพเราะและยังมีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดแฟนๆ ได้อีก
คินได้เล่าให้สุดสัปดาห์ฟังว่าเขาเติบโตมากับการเล่นกีฬา เรียกว่าเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็ก แต่อีกมุมหนึ่งคินก็ชื่นชอบการร้องเพลงมากๆ ถึงขนาดเวลาว่างต้องแอบไปร้องเพลง แต่คินไปแอบร้องเพลงยังไง ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ งานนี้คุยกับคินจัดเต็มมากตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กยันเป้าหมายในอนาคต
KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้
แนะนำตัวเองพร้อมบอกจุดเด่นของตัวเองหน่อยค่ะ
ได้ครับผม สวัสดีครับ ผมคินนะครับผม มาจากค่าย White Fox ในเครือ GMM Grammy ครับ ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นตัวเองก็เป็นคนที่เอาใจใส่คนครับผม และก็เทกแคร์คนอื่นครับ ก็จะพยายามเทกแคร์แฟนคลับทุกคนครับ ทุกคนก็แฮปปี้ที่อยู่กับคิน และก็เป็นคนตลกครับ อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยแล้วสบายใจกับเราครับ
อยากรู้ว่าตอนวัยเด็ก คินเป็นเด็กสไตล์ไหนคะ
ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กที่เล่นกีฬาอย่างเดียวเลยครับ กับเรียนหนังสือ สองอย่างเลยครับสมัยก่อน ก็มีร้องเพลงบ้างเป็นงานอดิเรกเล็กๆ ของผมครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ซ้อมกีฬาเยอะมาก คินซ้อมฮอกกี้ 5 วันเลยสมัยก่อน ซ้อมบาส 2 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ซ้อมฮอกกี้ต่ออีก 2 ชั่วโมง เล่นสองกีฬาเลยครับผม แล้วก็มีช่วงที่ไปปั่นจักรยานด้วยครับผมก็ปั่น 40 กิโลเมตรเลยครับ
ด้วยความต่อหนึ่งวันทำหลายอย่างมาก ในหนึ่งวันคินมีวิธีแบ่งเวลายังไงบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อนเวลาไปเล่นกีฬา ส่วนใหญ่ผมจะเล่นกีฬาเป็นทีม แม้กระทั่งจักรยานก็ไม่ได้ไปคนเดียว ก็ได้ไปเจอเพื่อนๆ พี่น้องทั้งหลายที่ไปด้วยกันครับ ก็รู้สึกว่าอันนั้นเป็นเวลาพักผ่อน บางทีเราไม่ได้เล่นกีฬาเพื่อที่จะเอาจริงเอาจัง บางอย่างเวลาเราเล่น เราก็แค่เล่นเพื่อผ่อนคลาย
อย่างปั่นจักรยาน คินจะตื่นตี4 หรือตี5 ไปปั่นจักรยานประมาณ 6 โมงครับ ซึ่งเช้ามาก บางทีปั่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เวลาเราปั่นไป ตลอดระยะเวลาที่ปั่นไปก็จะมีเหมือนกับคลองครับผม บางทีก็มีสัตว์อยู่ในนั้นบ้าง ก็รู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่ได้ปั่นแบบว่าสปินต์ตลอดเวลา เราปั่นไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องการที่จะพุ่งไปเลย เราไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ แค่ให้มันครบรอบสองรอบประมาณนั้นครับ
นอกจากเล่นกีฬาเยอะ เราเป็นเด็กมีบุคลิกอุปนิสัยสไตล์ไหน เรียบร้อยหรือว่าเฮฮา สดใสคะ
เป็นเด็กเฮฮา สดใสตั้งแต่เด็กเลยครับ ก็จะเป็นคนที่ชอบอยู่กับเพื่อน ไม่ค่อยชอบทำอะไรคนเดียว แต่เวลาอยู่คนเดียวเราก็มีนะ แต่ว่าเราก็ไม่ได้ชอบที่จะอยู่คนเดียวขนาดนั้น ติดการที่ทำอะไรเป็นทีมครับ อย่างปั่นจักรยานก็ไปปั่นกับเพื่อนที่เล่นฮอกกี้ด้วยกันนี่แหละครับ และบาสที่ผมเล่น ผมก็เป็นทีมกับเพื่อน ซึ่งก็คือเพื่อนจากทีมฮอกกี้ด้วยกันครับ
ที่จริงก็คือบางทีเราเล่นกีฬาอื่นนอกจากฮอกกี้บ้าง ซึ่งการที่ผมเล่นฮอกกี้ พอไปเล่นกีฬาอื่นก็ทำให้เห็นอะไรมากขึ้น เช่น แผนการเล่นบางอย่างก็อาจจะคล้ายๆ กัน พยายามประยุกต์วิธีการเล่นเข้ามากับฮอกกี้ได้
แล้วคินเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูสไตล์ไหนจากคุณพ่อคุณแม่ เป๊ะไหม หรือว่าชิลๆ
ถามว่า strick ไหม ก็ strick พอสมควรนะ แต่ว่าอยากเล่นกีฬาอะไรก็ได้เล่นครับ จริงๆ พ่อแม่จะบอกตลอดเลยว่าชอบอะไรก็ทำ ถ้าไม่ชอบให้หยุด เขาจะแบบว่าไม่ฝืนเลย ถ้าเราไม่ชอบทำอะไร แล้วเราฝืนทำต่อไปยังไง ระยะยาวเราทำไม่ได้นานหรอกครับ เขาก็เลยจะซัพพอร์ตตลอดครับว่า ชอบใช่ไหม ถ้าชอบก็ลุย อย่างบาสถ้าชอบก็เล่นเลย ฮอกกี้คินก็เล่นเลย
แล้วนอกจากการซัพพอร์ตด้านนี้ เขาซัพพอร์ตด้านไหนอีกมั้ย อย่างคอยช่วยดูเรื่องตารางให้อะไรแบบนี้
แม่ก็จะคอยช่วยจัดตารางครับผม และมาเชียร์ มาซัพพอร์ต คุณแม่จะเป็นห่วงตลอดเลยเรื่องของการบาดเจ็บ คุณแม่ก็จะวิ่งมาตลอดเลย จริงๆ ก็เคยบาดเจ็บหนักตอนเล่นฮอกกี้พอสมควร บาดเจ็บมาเยอะมากครับผม บางทีก็มีโดนชน คุณแม่ก็จะกลัวแล้ว เช่น บางทีแม่ยืนเชียร์อยู่ข้างบน แล้วผมตะโกน ม๊า! ขอพลาสเตอร์ยาได้ไหม คือตอนนั้นนิ้วแตก นิ้วแตกแบบว่าไม่ใช่แค่ถลอกนะครับ อารมณ์เหมือนโดนบีบ แล้วมันปริออกมา จริงๆต้องเย็บ แต่ยังแข่งอยู่ ก็เลยขอพลาสเตอร์ยามาพัน จริงๆ แล้วมีแข่งอีกเกมส์หนึ่งด้วย แต่แม่บอกไม่ต้องเล่นแล้ว ไปเย็บ ผมก็เลยขอพันแล้วไปเล่นต่อ ไม่เย็บแล้วกันทำให้ปัจจุบันนิ้วก็เลยมีร่องรอยจากการบาดเจ็บครั้งนั้นครับ
อันนี้คือเจ็บหนักสุดแล้วใช่ไหม มีอย่างอื่นที่เคยเจ็บหนักกว่านี้ไหม
อันนี้ก็ปกตินะครับ ผมเคยคางแตก แต่ที่เจ็บหนักสุดก็โดนล้มทับครับ เดินไม่ได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง เหมือนเส้นพลิก แล้วตอนนั้นคินแข่งทีมชาติครั้งแรกแล้วก็ชนกันแล้วเขาล้มทับมา ก็เลยเดินไม่ได้ แต่เราฝืนเล่นรอบชิงสุดท้ายนะ เราฝืนลงไปเพราะอยากเล่น ไปทั้งทีแล้วมันก็รอบชิงด้วย เราโดนประมาณเกมส์ก่อนชิงประมาณสองเกมส์ครับ แล้วก็พักได้ประมาณสองเกมส์ก็ไปเล่นรอบชิง มีลงไปเกมส์รอบก่อนชิงรอบหนึ่ง ลงไปปุ๊บ ไม่ไหวครับ ตอนนั้นโค้ชเขาอยากให้ลง เราก็ลงไป แต่ว่าไม่ไหว พอกลับมาไทยก็มารักษาตัวต่อ เจ็บสุดละมั้งครับที่โดนมา
ก่อนที่จะไปถึงทีมชาติ อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เล่นฮอกกี้มาจากอะไร เพราะถ้าพูดถึงฮอกกี้ในประเทศไทย กีฬานี้อาจจะไม่ได้เป็นกีฬาที่แมส หรือคนรู้จักเยอะ ทำไมเราถึงเลือกเล่นกีฬานี้
เริ่มจากญาติคินครับ คินมีญาติเป็นฝรั่ง แล้วเขาก็ไปเรียนไอซ์สเก็ตนี่แหละ ฝรั่งส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นแบบกีฬาสไตล์นี้เป็นกีฬาท้องถิ่นของเขาที่แบบลูกเขาควรเล่นไอซ์สเก็ตเป็นนะ บ้านเขาบางทีพอน้ำแข็งเริ่มละลายจะพาลูกออกไปเล่นสเก็ต ซึ่งตอนนั้นก็เห็นคินก็เห็นญาติเล่นแล้วเขาก็ชวนไปเล่น
ตอนแรกตอนที่คินเด็กมากๆ คินเคยไปทำงานกับคุณแม่แล้วที่นั่นมีลานสเก็ตพอดี ก็เลยไปดู อยากเล่น แต่เชื่อมั้ยว่าแม่ไม่ให้เล่นครับ แม่บอกว่าเป็นกีฬาอันตราย กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวนั่น แต่พอมีโอกาสที่ญาติเขามาชวนแล้วเหมือนเราอยากเล่นอยู่แล้ว พอญาติชวนก็เลยไปลอง แล้วเราก็เกิดติดใจครับ ก็เลยเล่นจนมาถึงทีมชาติครับ
ก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย! ถ้ามันเกิดมาเพื่อที่จะได้เล่นจริงๆ มันก็จะได้เล่น ตอนนั้นจำได้ว่าก็ประมาณ 4 ขวบ จำได้แน่ๆ ว่าเราเคยขอแม่เล่นตอนเด็ก คินเริ่มเล่นสเก็ต 8 ขวบ แต่จำได้ว่าประมาณ 6 ขวบ หรือ 4 ขวบคินจำไม่ได้แม่นๆ คือเคยขอแล้ว แต่แม่บอกกีฬาอันตราย อย่าเล่น ม๊ากลัว
เราคิดว่าเสน่ห์ของฮอกกี้คืออะไรที่ทำให้อยากเล่น แล้วพอได้ลองก็ติดใจจนเล่นกีฬาชนิดนี้มาถึงวันนี้
คิดว่าก็เป็นเสน่ห์ของทุกกีฬาแหละครับ การแพ้ชนะ ก็คือในการแข่งขันมีคนหนึ่งดีใจก็ต้องมีคนหนึ่งเสียใจ เป็นเสน่ห์ที่เราต้องยอมรับ ถ้าฝั่งชนะก็เป็นอะไรที่สวยงามตลอด แต่เราไม่รู้หรอกว่าฝั่งแพ้จะเป็นยังไง เวลาเราสนใจดูเกมจริงๆ เราไม่ได้สนใจหรอกว่าคนแพ้เป็นยังไง เราสนใจแต่คนชนะว่าเขาดีใจ เขาร้องไห้กัน อย่างเวลารอบชิงอ่ะ ไม่รู้ว่าคนดูกีฬาทุกคนจะสังเกตไหม เวลาฮอกกี้ชิง แล้วรอบชิงชนะ คนจะวิ่งไปกอดกัน กล้องก็จะแพลนไปฝั่งที่กอดกัน แต่กล้องจะไม่แพลนไปฝั่งแพ้ ฝั่งแพ้บางทีตอนแข่งทีมชาติบางคนล้มทั้งน้ำตาเลยครับ
แล้วก็อีกเสน่ห์นึงก็คือเป็นกีฬาที่กระทบกระทั่งสูงครับ บางคนก็ชอบกัน เพราะเป็นกีฬาแบบ มาดิ ชนก็ชน มาเลย อยากชนก็มา เดี๋ยวรอรับอะไรอย่างนี้อะครับ
แล้วก็เรื่องของพวก sportsmanship ต่างๆ ก็เรียกว่าเป็นเสน่ห์ของฮอกกี้จริงๆ นะครับ เพราะสมมติเกิดเราชนกันแทบตายเลยนะ คินเคยแบบจะต่อยเพื่อนในสนามด้วย คือแบบตอนนั้นอารมณ์เสียกันทั้งคู่ พอจบกันก็เป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมนะ พอเกมจบก็เฮ้ย! เป็นไง โอเคเปล่า จับมือกัน เรื่องนั้นจบก็คือจบ คือบางคนกลัวนะที่มาดูแข่ง คือเห็นแข่งแล้วแบบว่า เฮ้ย! มันรุนแรง มันต่อยกันจริงจังมาก ชนกันแรงมาก ชนกันเจ็บ ชนกันแตกเลย แต่พอหมดเวลาออกนอกสนาม ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครับ
แล้วการฝึกซ้อมของนักกีฬาน่าจะมีตารางการฝึกซ้อมที่แน่น ตัวคินโอเคกับการซ้อมหนักมั้ยคะ
โอเคครับ ถ้าจะแนะนำคนที่กำลังหาแรงบันดาลใจอยู่ว่าเราอยากทำอะไรสักอย่าง ต้องบอกก่อนว่าถ้าเราชอบจริงๆ เราจะทำมันไปได้นาน อย่างบางคนคินเห็นพ่อแม่บังคับเพื่อให้ลูกไปเล่นกีฬา แต่ของผมคุณแม่ไม่เคยบังคับไปซ้อมเลยนะ มีแต่ผมไปซ้อมเองอย่างเดียวเลยครับ คือเราอยากทำมันเองเพราะเวลาเราทำแล้วเรามีความสุข ถึงจะเหนื่อยก็เถอะ แต่เราก็มีความสุขที่จะเหนื่อย
พอวันที่เราก้าวขึ้นไปเป็นทีมชาติได้ ครั้งแรกที่รู้ว่าได้ติดทีมชาติแล้ว ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง
จริงๆ ก็ดีใจครับผม ตอนนั้นติดทีมชาติตอนอายุ 13 ครับ โดยติดชาติรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีครับ โห! ดีใจมาก เพราะตอนนั้นเราเด็กสุดในทีมด้วยครับ เพื่อนที่อายุ 13 ติดกันไม่กี่คน แล้วก็ไปแข่งต่างประเทศเลยเป็นทัวร์นาเมนต์แรก ตอนแรกเราก็เล่นในระดับสโมสรครับ ซึ่งตอนนั้นเราก็อยากจะทำไรก็ทำ อยากจะคุยเล่น อยากจะกวนเพื่อน แกล้งกันในสนามก็ไม่มีอะไรถูกผิด
แต่ว่าพอเรามีธงชาติติดอยู่บนหน้าอก มันเป็นความรู้สึกที่ เฮ้ย!เราพราวด์อะทุกอย่างมันเป็นกฎระเบียบ แล้วถ้าเราทำอะไรพลาดนิดเดียวนี่คือประเทศเราเสียเลยนะ เราแบกรับคนทั่วประเทศอยู่บนหน้าอกเราอะ แล้วเวลาเราแข่งเวลาเรามองธงชาติเรารู้สึกแพ้ไม่ได้ เราทำเพื่อประเทศ เราจะคิดว่าแพ้ค่อยกลับไปซ้อมไม่ได้ คือเราซ้อมมาเพื่อจะเอาแชมป์ให้กับประเทศเราอะครับ แล้วก็ความคิดหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเมื่อเราติดทีมชาติ เราจริงจังกับการเล่นมากขึ้น เราทำทุกอย่างใส่สุดทุกอย่างที่เรามีแล้วในการแข่งขัน ถึงแม้เราแพ้ชนะก็ต้องทำให้ดีที่สุดตลอดเพราะเราติดธงไว้แล้ว
แล้วก็พอติดทีมชาติก็ทำให้เรารู้สึกเรียนรู้ที่จะ Respect ธงชาติเยอะขึ้นมาก อย่างในทีมก็จะระวังมากเลย เรื่องการเอาอุปกรณ์ที่มีธงชาตินักกีฬาฮอกกี้ทุกคนจะไม่วางที่พื้นเลย ถ้าเห็นวางจะรีบหยิบขึ้นมาเลยนะ คือวางไม่ได้เลย จะเลี่ยงการเอาธงชาติไปไว้ที่พื้น แล้วก็จะไว้สูงตลอดครับ เราก็จะมีธงที่แบบแห่กัน จะมีเอามือรวมกันแล้วแปะไว้ที่ธง แล้วเขาก็จะปลุกกำลังใจ แบบว่า สู้ไหม สู้ไหม เราก็ตอบ สู้ สู้ แล้วก็รวมพลังกัน 1 2 3 Thailand อะไรอย่างนี้ครับ
การที่เราได้ทำแบบนั้นคิดว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากเลยนะในชีวิต เพราะว่าตอนแข่งแล้วธงชาติอยู่บนอก แล้วพอเราได้มารวมพลังกับเพื่อน รู้สึกว่ามันขลังครับ เราไม่รู้นะว่าคนอื่นคิดเหมือนกันรึเปล่า แต่เรารู้สึกว่า ทำไมมันขลังจังเลย โมเมนต์นี้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องสู้ ทำให้บางครั้งสามารถกลับมาชนะได้ สู้ดิวะ
นอกจากนี้ความเป็นทีมชาติ ก็จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับรุ่นน้องที่มาดู ทำให้เวลาแข่งก็ต้องพยายามใช้สมองเยอะกว่าเดิมมากๆ เพราะแบบว่าพลาดนิดเดียวคือเสียเลยครับ ถ้าเสียคือเราจะมาขอโทษแล้วจบไม่ได้ เพราะมีคนในประเทศมาเพื่อมาเชียร์เรา แน่นอนตอนเราแข่งสโมสรก็จะมีคนไทยเชียร์ฝั่งนู้น คนไทยเชียร์ฝั่งนี้ แต่ว่าทุกทีมทั่วประเทศไทยรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะว่านี่คือทีมชาติ แล้วทุกคนที่มาคือมาเชียร์ทีมชาติ ทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็เลยแบบพราวด์มากๆ ครับ
แล้วมีแมทช์ไหนที่อยู่ในความทรงจำที่เราจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้
โอ้โห! U 20 เลยครับ ที่พึ่งแข่งมาได้แชมป์ที่ผ่านมา บอกก่อนว่าทีมชาติมีทั้งหมด 20 คนครับ แต่ติดโควิดไป 10 คน ติดก่อนรอบ semi final ก็คือถ้าเราชนะคือเราเข้าชิงที่ 1 เลย แล้วถ้าแพ้ตกรอบชิงที่ 3 เลย แล้วเราชนะ 10 ลูกเกือบทุกเกม แต่วันหนึ่งก็มีเหตุให้หายไปครึ่งทีม ฝั่งตรงข้ามนำก่อนประมาณ 3-0 มั้งครับ เกมนั้นเป็นเกมที่ มะม๊าเล่าให้ฟังว่าดูไม่ไหว กดดันต้องออกไปไหว้พระเลยครับ ทุกคนคือใจไปแล้ว ถ้าแพ้ก็ต้องไปชิงที่สามเลย
สุดท้ายตามกลับมา 20 นาทีสุดท้าย ปกติการแข่งขันฮอกกี้จะแบ่งเป็น 3 period แล้ว period ที่ 3 ตามกลับมาชนะได้อะ ต่อเวลาด้วยมั้งครับแล้วก็ชนะ คือเกมนั้นรู้สึกดีใจเหมือนได้แชมป์ ตอนนั้นเรานึกว่าเราทำให้ทีมชาติด้วย และเราทำให้เพื่อนที่ติดโควิดด้วย มันเป็นอะไรที่แบบสุดยอดในชีวิตแล้วครับ คือใจทุกคนสู้ขาดใจอ เพราะมันเหลืออยู่แค่นั้น หายไปแล้วครึ่งทีม แล้วตอนแข่ง เราเล่นแล้วเปลี่ยนตัวออกได้นั่งพักแค่นิดเดียว ก็ต้องลงไปเล่นต่อๆ คือมันทรมานมากจริงๆ
เกมในรอบชิงนี่ก็หนักพอกัน เขาก็นำก่อนเหมือนเดิม ซึ่งตอนรอบชิงคินแบบสู้ขาดใจเลยนะ ถ้าจำไม่ผิด เราชนะ 4-3 ครับ แข่งกับประเทศสิงคโปร์ เป็นแมทช์ Asia and Oceania Championship ครับ ตอนนั้นเราก็โดนนำก่อนนี่แหละ โอ้ย! ทุกคนก็หัวใจจะวาย แล้วตอนนั้นคินยิงไปสามลูก (หัวเราะ) แล้วก็ชนะ 4-3 ก็รู้สึกว่าเกมนั้นเป็นอะไรที่แบบสุดๆ แล้วเหมือนกัน
หลังจากนั้นคือเราก็ work hard play hard มากอ่ะ เพราะช่วงก่อนหน้านั้นเครียดมาก คนหายไปเยอะมาก เวลาลงที เราลง 5 คน แล้วก็จะมีเพื่อนเรามาเปลี่ยน พอเราวิ่งไปเปลี่ยน 5 คนปุ๊บ พอวิ่งมาเปลี่ยนแล้วลงเลยๆ เหมือนฮอกกี้จะเปลี่ยนทีละคนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะเปลี่ยนเป็นขุดเหมือนบาสประมาณนี้ครับ
ปกติถ้าเจอช่วงเวลาที่การแข่งขันสูสี มีวิธีจัดการความตื่นเต้นยังไง
คินเคยยิงจุดโทษที่เกาหลี ถ้าคินยิงเข้าก็ชนะเลย ถ้ายิงไม่เข้าก็เล่นต่อครับ คือเราก็อยากจบ ก่อนลงโค้ชก็เอาเบาะตี เฮ้ย! ยิงเข้าชนะเลยนะ โห! กดดันมากกว่าเดิม คุณแม่บอกตอนดูหัวใจจะวาย (หัวเราะ)
ในฐานะนักกีฬา คินมีวิธีการสร้างวินัยในตัวเองไหม เพื่อที่จะรักษาฟอร์มและพัฒนาตัวเองขึ้น
ทำอะไรก็ตามต้องไม่หยุดซ้อมครับ การซ้อมสำคัญ เพราะที่จริงบางทีคินก็แอบเอียงมาด้านนักร้อง เต้นเยอะมากครับ แล้วก็ซ้อมน้อยลง พอซ้อมน้อยลงบางทีทั้งสมองและร่างกายก็จะเหมือนหยุดไป แบบพอลงไปขาไม่ไป คือใจเรามันไปแล้ว ถึงหน้าโกลแล้ว แต่ขาเราทำไมขยับไม่ได้นะ กล้ามเนื้อเรามันไม่ชินครับ ที่จริงควรจะซ้อมเรื่อยๆ ครับ ไม่ว่าจะซ้อมเต้น ร้องเพลง เรียนหนังสือ ทุกอย่างก็ควรจะทำให้สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ไม่ควรหยุดพัฒนาครับ
แล้วก็ไม่ควรเป็นน้ำเต็มแก้ว คือห้ามคิดเลยว่าเก่ง คิดได้แต่ห้ามแบบว่าใครพูดอะไรแล้วเราไม่ฟัง หมายถึงเวลาเล่นฮอกกี้ ถึงแม้เราจะได้แชมป์มา 3 สมัยติดก็ตาม ห้ามอ่อนให้ผู้ต่อสู้ ห้ามคิดว่าตัวเองเก่ง คือเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เราเก่งขึ้นมาขนาดนี้ได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน เราทำได้ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะทำไม่ได้
สิ่งที่เราคิดไว้เสมอนอกจากน้ำเต็มแก้ว มีอะไรที่จะฟิกซ์ไว้ไหมในการใช้ชีวิต อย่างเช่น อาหารการกิน
ที่จริงช่วงเก็บตัวนักกีฬาก่อนแข่งก็จะระวังเรื่องอาหาร การกินมากครับ จะฟิสเนตบ่อยครับ และหลีกเลี่ยงการไปเล่นกีฬาอื่นในช่วงนั้นครับ จะระวังอุบัติเหตุเยอะมากพอสมควรครับ
แล้วคินมีเป้าหมายอะไรที่มองไว้ในฐานะนักกีฬาไหมคะ
ก็อีก 2 ปีหน้า ซีเกมส์ก็เจอกันครับ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ อยากจะคัดให้ติดครับในรุ่นซีเกมส์ ครั้งหน้าจะจัดที่เมืองไทยด้วย สนุกสนานแน่นอนครับ
มาถึงการพลิกบทบาทมาเป็นนักร้องกันบ้าง จากคนที่ใช้ชีวิตเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็กจนโต จุดพลิกผันที่ทำให้เราอยากมาทำงานด้านนี้มาจากอะไรคะ
ที่จริงตอนเราซ้อมกีฬา ที่บอกว่าแอบร้องเพลงเล็กๆ คือเราจะมีแอบไปร้องเพลงอยู่สัปดาห์ละครั้งครับ คือเราอยากร้องเพลงให้ได้ แล้วก็ชอบอยู่แล้วส่วนตัวครับผม ประจวบเหมาะกับตอนที่ไปแข่งซีเกมส์ครั้งหนึ่งแล้วคินไปติดอยู่ในแฮชแท็ก #นักกีฬาหล่อบอกต่อ (หัวเราะ) แล้วทางค่ายเขาเห็น เขาก็ชวนคินมาออดิชั่นครับ ก็เลยได้มาเป็นศิลปินครับ
แล้วตอนที่เราแอบไปร้องเพลง ไปร้องที่ไหนคะ
ก็ไปเรียนเลยครับ (หัวเราะ) ไม่บอกเพื่อนด้วย เพราะอาย คือสมัยก่อนเราเล่นกีฬาอย่างเดียวไง ถ้าคนรู้ก็จะ เฮ้ย! ไปเรียนร้องเพลงเหรอ คนก็จะแตกตื่นอะไรอย่างนั้นครับ กลัวสุดท้ายเรามาเป็นนักร้อง ทุกคนก็แบบ เฮ้ย!เอาจริงเหรอ (หัวเราะ)
ด้วยความที่เราเป็นนักกีฬา พอเรามาเป็นนักร้อง มีอะไรที่สั่งสมมาจากการเป็นนักกีฬาที่ช่วยได้มั้ย
ก็จะช่วยในเรื่องของวินัยมากกว่าครับ ถ้าบอกว่าความตื่นเต้น ก็ตื่นเต้นเหมือนเดิมแน่นอน (หัวเราะ) เราขึ้นร้องเพลงเราตื่นเต้นเหมือนเดิม พอหลังๆ ก็เริ่มสบายมากขึ้น เริ่มกดดันน้อยลงครับ ผมจะมีติดนิสัยแบบเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ทุกอย่างต้องเป๊ะ อย่างสมัยก่อนมันก็จะต้องเป๊ะตลอดเวลา ซึ่งสำหรับการเป็นนักร้องบางทีก็ต้องสบายๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก
แล้วสำหรับคิน การเป็นนักกีฬากับนักร้องแตกต่างกันยังไง
แตกต่างเยอะนะครับ เพราะว่าอย่างปีแรกการเล่นฮอกกี้เราต้องเก็บอารมณ์สุดๆ เลย เราเอาอารมณ์มาใช้มาได้ เพราะไม่งั้นรูปเกมเสียแน่นอน เราทำเสียไม่ได้ อารมณ์ต้องคุมดีๆ อยู่ดีๆ วิ่งไปชนเขาเนี่ยแล้วฟาวล์ขึ้นมาเพื่อนเดือดร้อนอีก แต่ว่าในพาร์ทของร้องเพลงเราต้องสื่อสารอารมณ์มาให้ได้เยอะที่สุดให้คนฟังแล้วซึ้ง
คินมีการปรับตัวยังไงบ้างเมื่อต้องมาเป็นนักร้อง
ตอนแรกเราติดความเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ก็ปรับตัวเยอะมากพอสมควรครับ กว่าที่เราจะสบายเวลายืนอยู่หน้าคนเยอะๆ กว่าที่เราจะกล้าร้องเพลงให้หลายๆ คนฟัง เพราะแรกๆ เขินมากครับ แล้วก็เราเป็นนักกีฬาด้วย ตัวเราก็จะแข็ง พอเรามาเต้นก็เต้นไม่ได้เพราะเราตัวแข็ง บางทีหลังไม่ต้องตรงตลอดเวลา เวลาเต้นก็มีต้องหลังค่อมบ้างอะไรแบบนั้นครับ แต่ว่าพอเราเดินเข้าลานนักกีฬาก็ต้องหลังตรง (หัวเราะ)
แล้วคินมองเป้าหมายในฐานะนักร้องไว้ยังไงบ้าง
ถ้าเป้าหมายในฐานะนักร้อง ก็อยากจะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองครับผม แล้วก็อยากจะออกเพลงมาให้แฟนๆได้ฟังเยอะๆ ครับให้ทุกคนร้องตามได้ อยากให้ทุกคนฟังแล้วมีความสุข เอ็นจอยกับการฟังเพลงของคินครับ
แบ่งเวลายังไงเพราะตอนนี้ก็ยังเป็นนักกีฬาอยู่ แต่ก็ยังต้องทำอาชีพนี้ด้วย
ที่จริงเวลาซ้อมฮอกกี้บางทีก็จะซ้อมตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ก็เย็นหรือค่ำไปเลยครับ ส่วนพาร์ทของร้องเพลงจะอยู่ช่วงบ่าย แล้วเรียนก็จะเป็นช่วงเช้า เพราะว่าเลิกเรียน 4 โมง บางทีก็เข้าตึกเลย 5 โมงถึงสองทุ่ม แล้วรีบไปซ้อมฮอกกี้ต่อ 3 ทุ่ม หรือไม่ก็ 2 ทุ่มครึ่งอะไรอย่างนั้นครับ โชคดีที่อยู่ใกล้กันครับ ซ้อมฮอกกี้พระราม9 ซ้อมเต้นที่อโศก ก็เลยโอเคอยู่ครับ
มีอะไรในวงการที่อยากทำอีกไหมนอกจากการเป็นนักร้อง
ก็งานแสดงครับผม มีได้ลองบ้างแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายดี เพราะว่าเราได้ลองเป็นคนอื่นครับ เพราะอย่างนักร้องเราได้เป็นตัวเอง 100% เราไม่ใช่ใครเลย เราเป็นคินที่ร้องเพลงให้ทุกคนฟัง แต่พอเราเป็นนักแสดงเราก็จะเป็นคนในบทนั้น เราได้ลองทำอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยทำ ก็ได้ลองไปบ้างเป็นอะไรที่ท้าทายสนุกมากครับ
สุดท้ายนี้ให้ฝากผลงานหน่อยและฝากอะไรถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์ค่ะ
ฝากละครนะครับ เรื่อง “รักร้าย” ทางช่อง one31 นะครับผม แล้วก็ฝากอัลบั้ม Adrenaline ของคินด้วยครับ ก็มีทั้งหมด 5 เพลง และฝากค่าย White Fox ด้วยครับ ส่วนกีฬาฮอกกี้ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจดูกับกีฬาฮอกกี้ ลองไปเล่นสเก็ตดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าชอบจริงๆ ก็ลุยฮอกกี้เลยครับ เป็นกีฬาที่มีความเร็ว กระทบกระทั่ง ไม่ใช่แค่ผู้ชายเล่นได้อย่างเดียวนะ ผู้หญิงก็มีนะ เพราะน้องสาวคินก็เล่น ตอนนี้ก็ติดทีมชาติแล้วเหมือนกัน เล่นได้ทุกเพศทุกวัยเลยครับ เผื่อเราจะได้มีโอกาสมาเล่นด้วยกัน (หัวเราะ) แล้วก็ถ้าคินมีแข่งอะไรก็อยากให้ทุกคนมาดู เผื่อจะมีแรงบันดาลใจให้อยากลองทำอะไรที่เรารักบ้างครับ
.
.
TEXT : ImJinah
PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม
.
.
.
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม
ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA
Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว
FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก