วงการ T-POP มีศิลปินน้องใหม่เกิดขึ้นอีกวงแล้ว ครั้งนี้เป็นสไตล์ดูโอ้กันบ้าง นั่นก็คือสองหนุ่ม FIRZTER จากค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ได้แก่ เฟิร์สและเชสเตอร์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน
ชื่อวง FIRZTER มีที่มาจากการรวมชื่อของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน พร้อมกับมีตัว Z มาเชื่อมตรงกลางโดยจะสื่อถึงทั้ง Gen Z และการเชื่อมโยงทั้งคู่เข้าด้วยกัน สื่อถึงมิตรภาพและความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สู้ในสิ่งที่รัก และซื่อสัตย์กับความฝันนั่นเองค่า
สำหรับเพลงเดบิวต์เปิดตัวของ FIRZTER คือเพลง “ดวงจันทร์” เป็นเพลงที่ทั้งคู่ได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วย โดยเพลงปล่อยออกมาให้ได้ฟังเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่สองหนุ่มจะเดบิวต์อย่างเป็นทางการ สุดสัปดาห์ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขามาด้วย เรียกว่าคุยกันตั้งแต่เรื่องมิตรภาพสมัยเด็ก จนมาถึงการได้เดบิวต์เป็นศิลปินดูโอด้วยกัน
คุยจัดเต็มกับ FIRZTER สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลย ย้อนกลับไปตอนนั้นหน่อยค่ะว่าเจอกันที่ไหน และความทรงจำที่มีต่อกันตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง
เชสเตอร์ : เราเจอกันที่โรงเรียนสอนเต้นที่หนึ่ง แล้วเราก็เหมือนได้เรียนในคลาสเดียวกันเกือบทุกวันเลยครับ ซึ่งเตอร์ก็ได้เจอเฟิร์สที่นั่นครับ
เฟิร์ส : พ่อแม่พวกเราก็นั่งรอพวกเราเรียน ก็เลยคุยกันและได้รู้จักกัน พ่อแม่ก็เลยสนิทกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน
เชสเตอร์ : ไปเที่ยวด้วยกันทุกครั้งที่เรียนเสร็จ กินข้าวด้วยกันตลอดครับ
แล้วความทรงจำตอนเรียนเต้นในคลาสเดียวกันเป็นยังไงคะ
เชสเตอร์ : ตอนนั้นพวกผมไม่ชอบกันครับ เพราะว่าเฟิร์สก็เก่งมากครับ แล้วตอนเด็กๆ แต่ละคนก็จะชอบแข่งขันกัน ก็จะมีไม่ชอบหน้ากันอะไรแบบนี้ครับ
ตอนนั้นทั้งสองคนไม่ชอบหน้ากัน แต่พ่อแม่ก็มีไปกินข้าวด้วยกัน สถานการณ์เป็นยังไง
เชสเตอร์ : หมั่นไส้ตั้งแต่แรก แต่มาดีกันจริงๆ ก็คือ เวลาพ่อแม่พามากินข้าว ซึ่งพอเวลาเริ่มผ่านมา 2-3 ปี ก็ต้องอยู่ด้วยกันอะครับ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันครับ
เฟิร์ส : ใช่ครับผม
ด้วยความที่เชสเตอร์และเฟิร์สสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วมีช่วงที่ห่างหายกันไปบ้างไหม
เฟิร์ส : มีช่วงที่เว้นว่างห่างหายกันครับผม ก่อนเข้า LAZ iCON
เชสเตอร์ : คือเตอร์กับเฟิร์สเข้าไปประกวดรายการหนึ่งด้วยกัน แต่ก่อนหน้านั้นเตอร์ไม่ได้เจอเฟิร์สมาประมาณเกือบ 2 ปีครับ
แม้จะมีช่วงเวลาห่างหายกันไป แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบันเลยใช่มั้ยคะ ความสนิทของทั้งสองคนสนิทกันขนาดไหนคะ
เฟิร์ส : ก็ไปไหนไปด้วยกันอะครับผม ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันครับ
แล้วมีโมเมนต์ไหนที่จำไม่ลืมมาจนทุกวันนี้
เชสเตอร์ : ผมกับเฟิร์สนะครับ เอาจริงๆ ตอนที่ดีกันจริงๆ คือตอนที่ไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ต Magic James ของพี่เจมส์จิด้วยกันครับตอนอายุ 13 ซึ่งหลังคอนเสิร์ตนั้น พวกเราต่อยกันครับ
เฟิร์ส : แต่ว่าที่จริงไม่มีอะไรเลยนะครับ ผมนั่งดูเตอร์เล่นกับคนอื่นอยู่ คนอื่นก็เลยยุ ต่อยกันเลยๆ ก็เลยต่อยกัน หลังจากนั้นก็เลยต่อยจริง
เชสเตอร์ : แล้วหลังจากก็เลยดีกันเลย เตอร์กลัวเฟิร์สไปฟ้องแม่ครับ ผมชกเฟิร์สปากแตกอะครับ ผมก็เลยพยายามทำดีด้วยครับ จนสุดท้ายก็เลยรักกัน
เฟิร์ส : ใช่ครับผม
เมื่อกี้บอกว่ามีช่วงที่ห่างหายกันไป 2 ปีก่อนแข่งขันในรายการ LAZ iCON พอกลับมาเจอกันในรายการด้วยกันเป็นยังไงบ้าง
เชสเตอร์ : จริงๆ จุดเริ่มต้นที่ได้ไปรายการ LAZ iCON ด้วยกันมาจากที่เตอร์ได้รับติดต่อให้ไปร่วมรายการ แล้วก็เตอร์รู้สึกว่าอยากมีเพื่อนไปด้วย ก็เลยโทรไปหาเฟิร์ส เฟิร์สก็เลยมาด้วยกัน เหมือนโทรไปชวนกันออดิชันครับ
เฟิร์ส : เวลาผมไปไหน สมมติไปออดิชันก็ต้องมีเพื่อน ไม่อยากไปคนเดียว ก็เข้าใจ ก็เลยไปเป็นเพื่อนเตอร์ครับ
สุดท้ายก็ออดิชั่นติดทั้งคู่ ตอนเข้าแข่งขันในรายการเป็นยังไงบ้าง
เฟิร์ส : ตอนอยู่ในรายการไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ
เชสเตอร์ : ใช่ เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สอยู่คนละทีมกันเลย จะมีแค่อีพีสุดท้ายที่มาอยู่ด้วยกันครับ
พูดถึงตอนไปเข้าแข่งขันรายการเพื่อคว้าโอกาสเป็นศิลปิน บวกกับทั้งคู่เรียนเต้นตั้งแต่เด็ก เลยอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไปเรียนเต้นมาจากอะไร
เฟิร์ส : ผมอยากเรียนครับ ตอนเด็กก็เริ่มจากอยากร้องเพลงก่อน ก็เริ่มเรียนร้องเพลงก่อน ประมาณ 6 ขวบ หลังเรียนร้องเพลงเสร็จ ตอนแรกยังไม่ได้อยากเต้นครับ แต่มีเพื่อนแม่คนหนึ่งเมื่อก่อนเขาเรียนเต้น ผมก็ลองไปเรียนตาม ก็เริ่มชอบเรียนเต้นครับผม ก็เลยเรียนควบคู่มาตลอด ผมเริ่มอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอนร้องเพลงครับ
เชสเตอร์ : ของเตอร์ แรงบันดาลใจมาจากการที่เตอร์มีแฟนตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง คราวนี้เตอร์ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจได้คือการร้องเพลง กับการเต้น มันจะดูป๊อปปูลาร์มาก จะดูหล่ออะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้นครับ ร้องเพลง เต้น ทุกอย่างเลย เราฝึกจนแบบวันหนึ่งพ่อแม่เสนอให้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนเต้นแห่งหนึ่งที่ได้ไปเจอกับเฟิร์สที่นี่ เราก็เลยตัดสินใจไปเลย เผื่อว่าจะเต้นดีขึ้นก็จะได้หล่อขึ้นต่อหน้าผู้หญิงอะไรแบบนี้ครับ
กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งสองคนผ่านจุดทดสอบอะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
เชสเตอร์ : โห! คือเตอร์กับเฟิร์สนะ 7 วัน เตอร์ว่าเรียนพวกเต้น พวกร้องกัน 7 วันเลยครับ คือเรียนทุกวันหลังเรียนที่โรงเรียนเสร็จปุ๊บ มาซ้อม หลังเรียนเสร็จปุ๊บเข้ามาเรียนเต้น เข้ามาเรียนร้อง ลูปมันเป็นอย่างนี้มาตลอด จนมาถึงช่วงหนึ่งเราเริ่มโตขึ้น ก็เริ่มมีไปออดิชั่นนะ เฟิร์สจะมีไปเข้าแข่งขันรายการ
เฟิร์ส : เตอร์ก็จะมีค่าย
เชสเตอร์ : ก็คือซ้อมกันหนัก แต่อยู่คนละทางกันครับ
แล้วตอนไปแข่ง LAZ iCON รายการนี้ให้อะไรกับทั้งสองคนบ้าง
เฟิร์ส : รายการนี้ให้หลายอย่างกับเฟิร์สนะ ในเรื่องการฝึกซ้อมและเรื่องระเบียบวินัย ได้ฐานแฟนคลับมากขึ้นเยอะมากๆ แล้วก็ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์กับเพื่อนครับผม
เชสเตอร์ : สำหรับเตอร์ก็คิดเหมือนกันครับว่ารายการนี้ที่ให้เตอร์จริงๆ คือเรื่องมิตรภาพครับ คือทุกคนใน LAZ iCON เป็นครอบครัวเดียวกันครับ
นอกจากเคยเข้าแข่งขันในรายการ จากที่ทั้งคู่เล่าก่อนหน้านี้ว่ามีไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตให้ศิลปินรุ่นพี่ มีเคยเป็นแดนเซอร์ให้ใครอีกมั้ยคะ นอกจากเจมส์จิ
เฟิร์ส : เต้นให้พี่เจ เจตริน
เตอร์ : ใช่ เตอร์กับเฟิร์สไปเต้นให้พี่เจ เจตรินครับ
เฟิร์ส : เป็นแดนเซอร์นี่แหละครับ ตอนนั้นได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีครับ
เตอร์ : เหมือนเราเรียนกันมาพอๆ กันเลยอ่ะ ทั้งร้อง ทั้งเต้น
ยังจำความรู้สึกตอนเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตที่จัดที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีได้มั้ยว่าเป็นยังไง ตื่นเต้นไหม เพราะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่อิมแพคได้
เฟิร์ส : จริงๆ ตอนเด็กผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากไปโชว์ความเท่ จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ผมแค่รู้สึกว่า ผมได้มาเต้นโชว์คนดูเยอะมากแค่นั้นอะครับ
เชสเตอร์ : ใช่ครับ แต่ผมมีความดีใจนะครับที่ได้ขึ้นเวทีใหญ่
การที่เราได้เป็นแดนเซอร์ให้รุ่นพี่ศิลปิน ทำให้ยิ่งจุดประกายในการเดินเส้นทางนี้มากขึ้นมั้ยคะ
เฟิร์ส : เฟิร์สว่าจุดประกายนะครับ เพราะพี่เจ เจตรินก็เป็นไอดอลหนึ่งคนที่เฟิร์สชอบ แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมาก เฟิร์สแค่รู้สึกว่าสักวันหนึ่งเฟิร์สอยากจะไปอยู่จุดๆ นั้นให้ได้มากกว่า เพราะว่าเหนื่อยมาเยอะครับผม
แล้วการได้ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายแกรมมี่ได้ ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของไทยเลย รู้สึกยังไงบ้าง
เชสเตอร์ : ตอนเข้ามาเป็นเด็กฝึก ถ้าให้พูดตรงๆ พวกผมยังไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น เรามาดีใจตอนที่พวกเราได้เดบิวต์เป็นศิลปิน อันนี้คือดีใจมาก ตอนแรกเตอร์กับเฟิร์สกะเข้ามาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่คราวนี้พี่ๆ ทีมงานหรือค่ายเขาจับมาคู่กัน
เฟิร์ส : แล้วเขาไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นเพื่อนกัน
เชสเตอร์ : พอจับมาคู่กันปุ๊บ ความรู้สึกเตอร์กลับเปลี่ยนครับ ตอนนี้เราไม่ได้อยากเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เราโอเคมากกับการทำคู่ เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทเรา ด้วยเคมีอะไรหลายๆ อย่าง เวลาร้อง เต้นค่อนข้างที่จะเชื่อมกันและลงตัวมากครับ
กว่าจะได้เดบิวต์ ทั้งสองคนผ่านการฝึกฝนที่โหดมากมั้ยคะ
เฟิร์ส : สำหรับผมไม่หนักครับ เพราะเคยเจอหนักมากกว่านี้แล้วครับก่อนหน้านี้
เชสเตอร์ : มันโอเคครับ ไม่ได้หนัก เตอร์เคยเจอโหดมากมาแล้ว
เฟิร์ส : อันนี้ก็คือเราก็พัฒนาความสามารถตัวเอง เช่น เรียนร้องเพลง และมีการสอบเพื่อดูว่าในทุกๆ วีค เราพัฒนาขึ้นยังไงบ้าง เพื่ออัพสกิลตัวเองครับผม
ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว อยากให้เล่าหน่อยว่าเพลงเดบิวต์ของ FIRZTER เป็นเพลงสไตล์ไหน
เฟิร์ส : แนวเพลงก็จะเป็นแนว HIPHOP กับ R&B และลาติน ก็คือจะผสมกันหลายๆ แนวครับผม เพลงจะเล่าเกี่ยวกับซื้อบ้านให้เธอบนดวงจันทร์ครับ ส่วนที่มาของเพลงต้องให้เตอร์เล่าครับ
เชสเตอร์ : เพลงนี้เป็นการสานต่อตอนอนุบาล เวลาเขาจีบกัน เขาก็จะซื้อบ้านที่ทองหล่อให้ แต่ของเตอร์กับเฟิร์สมันธรรมดาไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราต้องเหนือกว่านั้นครับ เราก็เลยไปซื้อให้เธอที่ดวงจันทร์เลย ก็คือเพลงนี้จริงๆ ใช้เวลาแต่งครึ่งชั่วโมงได้ครับ เตอร์กับเฟิร์สมีส่วนร่วมในการทำเนื้อร้อง ทำบีท ทำเดโม่ทุกอย่างแล้วก็ส่งให้ค่ายไป แล้วทีนี้ค่ายก็เห็นว่าเพลงนี้เขาชอบมาก ก็เลยให้เราไปทำกับนักดนตรีต่างชาติที่ทำดนตรีดีมาก และมีพี่แม็ค ศรัณย์มาเป็น executive producer ด้วย เหมือนมีหลายหัวมาช่วยกันคิดครับ
เฟิร์ส : ก็เลยทำให้ออกมาเป็นเพลง “ดวงจันทร์” ครับ
ตอนที่ส่งเพลงไปให้ค่ายแล้วเพลงผ่าน ตอนนั้นรู้สึกยังบ้าง
เชสเตอร์ : ดีใจนะ
เฟิร์ส : ผมดีใจ รู้สึกว่าเราได้ทำเพลงตามสไตล์ที่เราชอบอ่ะครับ คือทุกอย่างมันมาจากเรา
เชสเตอร์ : White Music ก็เปิดใจกับเพลงเราด้วยครับ
เฟิร์ส : ใช่ ก็เลยพอใจในสิ่งที่เราทำ แล้วก็ตื่นเต้นมากครับ
แล้วเบื้องหลังการเตรียมตัวในเรื่องการเต้นสำหรับเพลงเดบิวต์เป็นยังไงบ้าง
เฟิร์ส : ตอนแรกเฟิร์สกับเตอร์จะไม่เต้นครับ เพราะอยากเป็น hiphop boys ครับ จะเต้นแบบฟรีสไตล์อะไรแบบนี้ครับ แต่ว่าพอมาดูภาพจริงๆ ก็โอเค อาจจะต้องเต้นบ้าง
เชสเตอร์ : เต้นหน่อยดีกว่า ให้เพลงมันมีความมันขึ้นครับ
เฟิร์ส : เราจะมีคนมาออกแบบท่าเต้นให้ ส่วนพวกเรามีส่วนร่วมในการเลือกท่าเต้น
เชสเตอร์ : ทางคนออกแบบท่าเต้นเขาทำมาเป็น options ให้เราเลือกว่าอยากได้แบบไหนอะไรแบบนี้ครับ
เฟิร์ส : แล้วตอนแรกดูในคลิปก็คิดว่ามันไม่เหนื่อยครับ แต่จริงๆ แล้วเหนื่อยแทบตาย (หัวเราะ) เหมือนวิ่ง 50 นาทีครับ
เชสเตอร์ : อยากให้ทุกคนได้ลองเต้นท่าเพลงนี้ดู ทุกคนจะรู้ว่าเหนื่อยมาก เหมือนได้ออกกำลังกาย
เฟิร์ส : ตอนซ้อมเต้นผมอยากกลับบ้านเลยครับ (หัวเราะ)
ปกติยุคนี้ก็ต้องมีทำท่าเต้นให้คนไปเต้นตาม ทาง FIRZTER จะมี challenge อะไรมาฝากให้ทุกคนไปเต้นตามกันมั้ย
เฟิร์ส : เราคิดท่าเต้นง่ายๆ มาให้ครับ
เชสเตอร์ : เรามี Tiktok ให้ทุกคนได้เต้นด้วย
เฟิร์ส : ก็คืออาจจะไม่ได้เหนื่อยเหมือน MV ง่ายๆ ครับ
เชสเตอร์ : ถ้าเกิดอยากคัฟเวอร์ท่าจริง เราก็ยินดีมากครับ
เฟิร์ส : ถ้าไม่เหนื่อยนะ ผมยกย่องเลย แต่ก็สนุก (หัวเราะ)
ที่บอกว่าเต้นแล้วเหนื่อยคือท่าเต้นเป็นแบบไหนคะ
เฟิร์ส : ท่าเต้นจะเป็นแนวการเต้นที่เท้าจะไม่อยู่กับพื้นเลย จะกระโดดตลอดเวลา แล้วก็มีมือต้องคอยมูฟตลอดเวลา
เชสเตอร์ : จะเหมือนเราทำคาร์ดิโอ ออกกำลังกายตลอดเวลา คือเต้นประมาณ 30 วินาที เหมือนวิ่งไปแล้ว 10 นาที
แล้วมีน้ำหนักลดมั้ยคะเวลาซ้อมเต้นช่วงนี้
เฟิร์ส : น้ำหนักผมลดครับ ผมเป็นคนเล่นฟิตเนส ผมเลยต้องชั่งน้ำหนักตลอด แล้วช่วงที่กลับมาเต้นอีก เพราะก่อนหน้านี้มีช่วงที่ไม่ได้เต้นครับ น้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม แล้วพอกลับมาเต้น ผมเหลือ 59-60 กิโลกรัมครับ
เชสเตอร์ : ผมเป็นคนผอม แต่จริงๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนที่มีพุง และพุงใหญ่มากเหมือนตี๋น้อยเลย แล้วพอได้มาเต้นเพลงนี้คือพุงผมยุบไปเลยครับ
คิดว่าจุดเด่นของ FIRZTER คือจุดไหนบ้าง
เชสเตอร์ : ผลงานพวกเราก็คือตัวพวกเราเลยครับ เพราะพวกเราทำเอง
เฟิร์ส : ใช่ และพวกเราก็เป็นตัวเองครับผม รวมถึงสไตล์ของเราด้วยครับ
เชสเตอร์ : จะบอกว่าเสียงเตอร์กับเฟิร์ส ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ เสียงเตอร์กับเฟิร์สค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์ เป็นเสียงเด็กที่อยู่ในผู้ใหญ่ครับ
ด้วยความที่ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนวันนี้ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน มีความประทับใจอะไรต่อกันบ้างคะ
เฟิร์ส : สำหรับเฟิร์สก็คือเป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไปย้อนดูรูปก็เห็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้มาเดบิวต์ด้วยกัน มันเหมือนเป็นอะไรถูกล็อกไว้แล้วอะครับ ก็รู้สึกว่าเตอร์เป็นคนเก่ง ทำได้ทุกอย่าง และเป็นคนตั้งใจ มีไฟครับ บางทีเฟิร์สก็มีความขี้เกียจบ้าง แต่พอมีเตอร์อยู่ด้วย พอเตอร์จะลงมือทำ ผมก็ต้องทำไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่มีเตอร์ ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ครับ เพราะอย่างไปรายการ LAZ iCON เตอร์ก็เป็นคนชวน มีช่วงหนึ่งที่เฟิร์สจะไม่ทำแล้ว เพราะไปออดิชันจนถึงรอบสุดท้ายมาหลายครั้งแล้วแบบไม่ได้ตลอด ก็เลยรู้สึกเฟลครับ แต่เป็นเพราะเตอร์ก็เลยมาครับผม
เชสเตอร์ : คำตอบเดียวกันเลยครับ คือเฟิร์สเป็นคนที่เก่งมากทุกอย่าง เช่น เรื่องความคิด เฟิร์สเป็นคนฉลาดมาก จริงๆ เตอร์ก็เป็นคนมีความขี้เกียจเหมือนกัน เราจะสลับกันตลอดเวลา คือถ้าเตอร์ขี้เกียจ เฟิร์สจะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้นมา แต่ถ้าเฟิร์สขี้เกียจ เตอร์ก็จะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้น เหมือนมันจะสลับกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ประทับใจที่แบบเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ใจกันหมดในทุกอย่าง ทำงานด้วยกันแล้วรู้สึกมีความสุข เราสามารถอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดอะครับ เตอร์ก็คิดว่าถ้าเตอร์ต้องมาดูโอคู่กับคนอื่น เตอร์อาจจะมีความไม่ค่อยสนิทใจ หรือมีความเกร็งนิดนึง แต่พอเป็นเฟิร์ส เตอร์รู้สึกว่าเราได้ทำงานกับครอบครัวเราครับ
ทั้งสองคนมองเป้าหมายในอนาคตยังไงบ้าง
เฟิร์ส : น่าจะต่างกันครับ เป้าหมายของเฟิร์สก็คือดนตรีนี่แหละครับผม อยากให้มันแบบเดินไปไหนก็ได้ยินเพลงตัวเองครับ ให้มีคนรู้จัก และดังไปถึงต่างประเทศครับ
เชสเตอร์ : ของเตอร์เหมือนกันครับ
เฟิร์ส : เป้าหมายเราต่างกันไม่ใช่เหรอ
เชสเตอร์ : ก็ตอนแรกนายบอกนายขอรวยเฉยๆ
เฟิร์ส : ขอรวยด้วยครับ (หัวเราะ)
เชสเตอร์ : จริงๆ เป้าหมายคืออยากให้เพลงดังแบบทั่วโลกเลย อยากให้เพลงนี้ทุกๆคน ทุกๆ อายุ และทุกๆ โอกาสสามารถฟังได้หมดครับ
สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานและฝากให้แฟนๆ สุดสัปดาห์ติดตามหน่อยค่ะ
เฟิร์ส : ฝากแฟนคลับทุกคนไม่ว่าใครก็ตามเลยนะครับ ฝากติดตามเพลงดวงจันทร์ด้วยนะครับผม เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำกันมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบครับ และขอให้ติดตามเพลงหลังๆ จากนี้ด้วยครับ
เชสเตอร์ : เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำทุกเพลง ตั้งใจสุดๆ เลยครับ ฝากทุกๆ คนด้วย เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สจะเป็นหนึ่งในศิลปิน T-POP ที่สนับสนุนให้เพลงไทยได้มีโอกาสไประดับโลก ก็ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ
.
.
TEXT : ImJinah
PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม
.
.
.
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม
ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA
Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว