Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

Alternative Textaccount_circle
event
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY
Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

วงการ T-POP มีศิลปินน้องใหม่เกิดขึ้นอีกวงแล้ว ครั้งนี้เป็นสไตล์ดูโอ้กันบ้าง นั่นก็คือสองหนุ่ม FIRZTER จากค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ได้แก่ เฟิร์สและเชสเตอร์ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน

ชื่อวง FIRZTER มีที่มาจากการรวมชื่อของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน พร้อมกับมีตัว Z มาเชื่อมตรงกลางโดยจะสื่อถึงทั้ง Gen Z และการเชื่อมโยงทั้งคู่เข้าด้วยกัน สื่อถึงมิตรภาพและความซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สู้ในสิ่งที่รัก และซื่อสัตย์กับความฝันนั่นเองค่า

สำหรับเพลงเดบิวต์เปิดตัวของ FIRZTER คือเพลง “ดวงจันทร์” เป็นเพลงที่ทั้งคู่ได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วย โดยเพลงปล่อยออกมาให้ได้ฟังเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้าที่สองหนุ่มจะเดบิวต์อย่างเป็นทางการ สุดสัปดาห์ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขามาด้วย เรียกว่าคุยกันตั้งแต่เรื่องมิตรภาพสมัยเด็ก จนมาถึงการได้เดบิวต์เป็นศิลปินดูโอด้วยกัน

Yes Indeed, KIN, คิน ธนชัย ศักดิ์ชัยเจริญกุล, FIRZTER, ALALA, วงดนตรีไทย, เกิร์ลกรุ๊ปไทย, ดูโอ้ไทย, นักร้องไทย, ศิลปินไทย, แกรมมี่, GMM GRAMMY

คุยจัดเต็มกับ FIRZTER สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลย ย้อนกลับไปตอนนั้นหน่อยค่ะว่าเจอกันที่ไหน และความทรงจำที่มีต่อกันตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : เราเจอกันที่โรงเรียนสอนเต้นที่หนึ่ง แล้วเราก็เหมือนได้เรียนในคลาสเดียวกันเกือบทุกวันเลยครับ ซึ่งเตอร์ก็ได้เจอเฟิร์สที่นั่นครับ

เฟิร์ส : พ่อแม่พวกเราก็นั่งรอพวกเราเรียน ก็เลยคุยกันและได้รู้จักกัน พ่อแม่ก็เลยสนิทกัน เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน

เชสเตอร์ : ไปเที่ยวด้วยกันทุกครั้งที่เรียนเสร็จ กินข้าวด้วยกันตลอดครับ

แล้วความทรงจำตอนเรียนเต้นในคลาสเดียวกันเป็นยังไงคะ

เชสเตอร์ : ตอนนั้นพวกผมไม่ชอบกันครับ เพราะว่าเฟิร์สก็เก่งมากครับ แล้วตอนเด็กๆ แต่ละคนก็จะชอบแข่งขันกัน ก็จะมีไม่ชอบหน้ากันอะไรแบบนี้ครับ

ตอนนั้นทั้งสองคนไม่ชอบหน้ากัน แต่พ่อแม่ก็มีไปกินข้าวด้วยกัน สถานการณ์เป็นยังไง

เชสเตอร์ : หมั่นไส้ตั้งแต่แรก แต่มาดีกันจริงๆ ก็คือ เวลาพ่อแม่พามากินข้าว ซึ่งพอเวลาเริ่มผ่านมา 2-3 ปี ก็ต้องอยู่ด้วยกันอะครับ จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันครับ

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

ด้วยความที่เชสเตอร์และเฟิร์สสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วมีช่วงที่ห่างหายกันไปบ้างไหม

เฟิร์ส : มีช่วงที่เว้นว่างห่างหายกันครับผม ก่อนเข้า LAZ iCON

เชสเตอร์ : คือเตอร์กับเฟิร์สเข้าไปประกวดรายการหนึ่งด้วยกัน แต่ก่อนหน้านั้นเตอร์ไม่ได้เจอเฟิร์สมาประมาณเกือบ 2 ปีครับ

แม้จะมีช่วงเวลาห่างหายกันไป แต่ทั้งคู่ก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบันเลยใช่มั้ยคะ ความสนิทของทั้งสองคนสนิทกันขนาดไหนคะ

เฟิร์ส : ก็ไปไหนไปด้วยกันอะครับผม ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศก็ไปด้วยกันครับ

แล้วมีโมเมนต์ไหนที่จำไม่ลืมมาจนทุกวันนี้

เชสเตอร์ : ผมกับเฟิร์สนะครับ เอาจริงๆ ตอนที่ดีกันจริงๆ คือตอนที่ไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ต Magic James ของพี่เจมส์จิด้วยกันครับตอนอายุ 13 ซึ่งหลังคอนเสิร์ตนั้น พวกเราต่อยกันครับ

เฟิร์ส : แต่ว่าที่จริงไม่มีอะไรเลยนะครับ ผมนั่งดูเตอร์เล่นกับคนอื่นอยู่ คนอื่นก็เลยยุ ต่อยกันเลยๆ ก็เลยต่อยกัน หลังจากนั้นก็เลยต่อยจริง

เชสเตอร์ : แล้วหลังจากก็เลยดีกันเลย เตอร์กลัวเฟิร์สไปฟ้องแม่ครับ ผมชกเฟิร์สปากแตกอะครับ ผมก็เลยพยายามทำดีด้วยครับ จนสุดท้ายก็เลยรักกัน

เฟิร์ส : ใช่ครับผม

เมื่อกี้บอกว่ามีช่วงที่ห่างหายกันไป 2 ปีก่อนแข่งขันในรายการ LAZ iCON พอกลับมาเจอกันในรายการด้วยกันเป็นยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : จริงๆ จุดเริ่มต้นที่ได้ไปรายการ LAZ iCON ด้วยกันมาจากที่เตอร์ได้รับติดต่อให้ไปร่วมรายการ แล้วก็เตอร์รู้สึกว่าอยากมีเพื่อนไปด้วย ก็เลยโทรไปหาเฟิร์ส เฟิร์สก็เลยมาด้วยกัน เหมือนโทรไปชวนกันออดิชันครับ

เฟิร์ส : เวลาผมไปไหน สมมติไปออดิชันก็ต้องมีเพื่อน ไม่อยากไปคนเดียว ก็เข้าใจ ก็เลยไปเป็นเพื่อนเตอร์ครับ

สุดท้ายก็ออดิชั่นติดทั้งคู่ ตอนเข้าแข่งขันในรายการเป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนอยู่ในรายการไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ

เชสเตอร์ : ใช่ เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สอยู่คนละทีมกันเลย จะมีแค่อีพีสุดท้ายที่มาอยู่ด้วยกันครับ

พูดถึงตอนไปเข้าแข่งขันรายการเพื่อคว้าโอกาสเป็นศิลปิน บวกกับทั้งคู่เรียนเต้นตั้งแต่เด็ก เลยอยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไปเรียนเต้นมาจากอะไร

เฟิร์ส : ผมอยากเรียนครับ ตอนเด็กก็เริ่มจากอยากร้องเพลงก่อน ก็เริ่มเรียนร้องเพลงก่อน ประมาณ 6 ขวบ หลังเรียนร้องเพลงเสร็จ ตอนแรกยังไม่ได้อยากเต้นครับ แต่มีเพื่อนแม่คนหนึ่งเมื่อก่อนเขาเรียนเต้น ผมก็ลองไปเรียนตาม ก็เริ่มชอบเรียนเต้นครับผม ก็เลยเรียนควบคู่มาตลอด ผมเริ่มอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอนร้องเพลงครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์ แรงบันดาลใจมาจากการที่เตอร์มีแฟนตั้งแต่อนุบาลหนึ่ง คราวนี้เตอร์ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจได้คือการร้องเพลง กับการเต้น มันจะดูป๊อปปูลาร์มาก จะดูหล่ออะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้นครับ ร้องเพลง เต้น ทุกอย่างเลย เราฝึกจนแบบวันหนึ่งพ่อแม่เสนอให้ไปเรียนที่โรงเรียนสอนเต้นแห่งหนึ่งที่ได้ไปเจอกับเฟิร์สที่นี่ เราก็เลยตัดสินใจไปเลย เผื่อว่าจะเต้นดีขึ้นก็จะได้หล่อขึ้นต่อหน้าผู้หญิงอะไรแบบนี้ครับ

กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งสองคนผ่านจุดทดสอบอะไรมาบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

เชสเตอร์ : โห! คือเตอร์กับเฟิร์สนะ 7 วัน เตอร์ว่าเรียนพวกเต้น พวกร้องกัน 7 วันเลยครับ คือเรียนทุกวันหลังเรียนที่โรงเรียนเสร็จปุ๊บ มาซ้อม หลังเรียนเสร็จปุ๊บเข้ามาเรียนเต้น เข้ามาเรียนร้อง ลูปมันเป็นอย่างนี้มาตลอด จนมาถึงช่วงหนึ่งเราเริ่มโตขึ้น ก็เริ่มมีไปออดิชั่นนะ เฟิร์สจะมีไปเข้าแข่งขันรายการ

เฟิร์ส : เตอร์ก็จะมีค่าย

เชสเตอร์ : ก็คือซ้อมกันหนัก แต่อยู่คนละทางกันครับ

แล้วตอนไปแข่ง LAZ iCON รายการนี้ให้อะไรกับทั้งสองคนบ้าง

เฟิร์ส : รายการนี้ให้หลายอย่างกับเฟิร์สนะ ในเรื่องการฝึกซ้อมและเรื่องระเบียบวินัย ได้ฐานแฟนคลับมากขึ้นเยอะมากๆ แล้วก็ได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ต่างๆ เช่น ความสัมพันธ์กับเพื่อนครับผม

เชสเตอร์ :  สำหรับเตอร์ก็คิดเหมือนกันครับว่ารายการนี้ที่ให้เตอร์จริงๆ คือเรื่องมิตรภาพครับ คือทุกคนใน LAZ iCON เป็นครอบครัวเดียวกันครับ

นอกจากเคยเข้าแข่งขันในรายการ จากที่ทั้งคู่เล่าก่อนหน้านี้ว่ามีไปเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตให้ศิลปินรุ่นพี่ มีเคยเป็นแดนเซอร์ให้ใครอีกมั้ยคะ นอกจากเจมส์จิ

เฟิร์ส : เต้นให้พี่เจ เจตริน

เตอร์ : ใช่ เตอร์กับเฟิร์สไปเต้นให้พี่เจ เจตรินครับ

เฟิร์ส : เป็นแดนเซอร์นี่แหละครับ ตอนนั้นได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีครับ

เตอร์ : เหมือนเราเรียนกันมาพอๆ กันเลยอ่ะ ทั้งร้อง ทั้งเต้น

ยังจำความรู้สึกตอนเป็นแดนเซอร์ในคอนเสิร์ตที่จัดที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีได้มั้ยว่าเป็นยังไง ตื่นเต้นไหม เพราะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่อิมแพคได้

เฟิร์ส : จริงๆ ตอนเด็กผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากไปโชว์ความเท่ จริงๆ นะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ผมแค่รู้สึกว่า ผมได้มาเต้นโชว์คนดูเยอะมากแค่นั้นอะครับ

เชสเตอร์ : ใช่ครับ แต่ผมมีความดีใจนะครับที่ได้ขึ้นเวทีใหญ่

การที่เราได้เป็นแดนเซอร์ให้รุ่นพี่ศิลปิน ทำให้ยิ่งจุดประกายในการเดินเส้นทางนี้มากขึ้นมั้ยคะ

เฟิร์ส : เฟิร์สว่าจุดประกายนะครับ เพราะพี่เจ เจตรินก็เป็นไอดอลหนึ่งคนที่เฟิร์สชอบ แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมาก เฟิร์สแค่รู้สึกว่าสักวันหนึ่งเฟิร์สอยากจะไปอยู่จุดๆ นั้นให้ได้มากกว่า เพราะว่าเหนื่อยมาเยอะครับผม

แล้วการได้ได้ก้าวเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายแกรมมี่ได้ ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของไทยเลย รู้สึกยังไงบ้าง

เชสเตอร์ : ตอนเข้ามาเป็นเด็กฝึก ถ้าให้พูดตรงๆ พวกผมยังไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น เรามาดีใจตอนที่พวกเราได้เดบิวต์เป็นศิลปิน อันนี้คือดีใจมาก ตอนแรกเตอร์กับเฟิร์สกะเข้ามาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่คราวนี้พี่ๆ ทีมงานหรือค่ายเขาจับมาคู่กัน

เฟิร์ส : แล้วเขาไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นเพื่อนกัน

เชสเตอร์ : พอจับมาคู่กันปุ๊บ ความรู้สึกเตอร์กลับเปลี่ยนครับ ตอนนี้เราไม่ได้อยากเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เราโอเคมากกับการทำคู่ เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทเรา ด้วยเคมีอะไรหลายๆ อย่าง เวลาร้อง เต้นค่อนข้างที่จะเชื่อมกันและลงตัวมากครับ

กว่าจะได้เดบิวต์ ทั้งสองคนผ่านการฝึกฝนที่โหดมากมั้ยคะ

เฟิร์ส : สำหรับผมไม่หนักครับ เพราะเคยเจอหนักมากกว่านี้แล้วครับก่อนหน้านี้

เชสเตอร์ : มันโอเคครับ ไม่ได้หนัก เตอร์เคยเจอโหดมากมาแล้ว

เฟิร์ส : อันนี้ก็คือเราก็พัฒนาความสามารถตัวเอง เช่น เรียนร้องเพลง และมีการสอบเพื่อดูว่าในทุกๆ วีค เราพัฒนาขึ้นยังไงบ้าง เพื่ออัพสกิลตัวเองครับผม

ตอนนี้ทั้งสองคนได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว อยากให้เล่าหน่อยว่าเพลงเดบิวต์ของ FIRZTER เป็นเพลงสไตล์ไหน

เฟิร์ส : แนวเพลงก็จะเป็นแนว HIPHOP กับ R&B และลาติน ก็คือจะผสมกันหลายๆ แนวครับผม เพลงจะเล่าเกี่ยวกับซื้อบ้านให้เธอบนดวงจันทร์ครับ ส่วนที่มาของเพลงต้องให้เตอร์เล่าครับ

เชสเตอร์ : เพลงนี้เป็นการสานต่อตอนอนุบาล เวลาเขาจีบกัน เขาก็จะซื้อบ้านที่ทองหล่อให้ แต่ของเตอร์กับเฟิร์สมันธรรมดาไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราต้องเหนือกว่านั้นครับ เราก็เลยไปซื้อให้เธอที่ดวงจันทร์เลย ก็คือเพลงนี้จริงๆ ใช้เวลาแต่งครึ่งชั่วโมงได้ครับ เตอร์กับเฟิร์สมีส่วนร่วมในการทำเนื้อร้อง ทำบีท ทำเดโม่ทุกอย่างแล้วก็ส่งให้ค่ายไป แล้วทีนี้ค่ายก็เห็นว่าเพลงนี้เขาชอบมาก ก็เลยให้เราไปทำกับนักดนตรีต่างชาติที่ทำดนตรีดีมาก และมีพี่แม็ค ศรัณย์มาเป็น executive producer ด้วย เหมือนมีหลายหัวมาช่วยกันคิดครับ

เฟิร์ส : ก็เลยทำให้ออกมาเป็นเพลง “ดวงจันทร์” ครับ

ตอนที่ส่งเพลงไปให้ค่ายแล้วเพลงผ่าน ตอนนั้นรู้สึกยังบ้าง

เชสเตอร์ : ดีใจนะ

เฟิร์ส : ผมดีใจ รู้สึกว่าเราได้ทำเพลงตามสไตล์ที่เราชอบอ่ะครับ คือทุกอย่างมันมาจากเรา

เชสเตอร์ : White Music ก็เปิดใจกับเพลงเราด้วยครับ

เฟิร์ส : ใช่ ก็เลยพอใจในสิ่งที่เราทำ แล้วก็ตื่นเต้นมากครับ

แล้วเบื้องหลังการเตรียมตัวในเรื่องการเต้นสำหรับเพลงเดบิวต์เป็นยังไงบ้าง

เฟิร์ส : ตอนแรกเฟิร์สกับเตอร์จะไม่เต้นครับ เพราะอยากเป็น hiphop boys ครับ จะเต้นแบบฟรีสไตล์อะไรแบบนี้ครับ แต่ว่าพอมาดูภาพจริงๆ ก็โอเค อาจจะต้องเต้นบ้าง

เชสเตอร์ : เต้นหน่อยดีกว่า ให้เพลงมันมีความมันขึ้นครับ

เฟิร์ส : เราจะมีคนมาออกแบบท่าเต้นให้ ส่วนพวกเรามีส่วนร่วมในการเลือกท่าเต้น

เชสเตอร์ : ทางคนออกแบบท่าเต้นเขาทำมาเป็น options ให้เราเลือกว่าอยากได้แบบไหนอะไรแบบนี้ครับ

เฟิร์ส : แล้วตอนแรกดูในคลิปก็คิดว่ามันไม่เหนื่อยครับ แต่จริงๆ แล้วเหนื่อยแทบตาย (หัวเราะ) เหมือนวิ่ง 50 นาทีครับ

เชสเตอร์ : อยากให้ทุกคนได้ลองเต้นท่าเพลงนี้ดู ทุกคนจะรู้ว่าเหนื่อยมาก เหมือนได้ออกกำลังกาย

เฟิร์ส : ตอนซ้อมเต้นผมอยากกลับบ้านเลยครับ (หัวเราะ)

ปกติยุคนี้ก็ต้องมีทำท่าเต้นให้คนไปเต้นตาม ทาง FIRZTER จะมี challenge อะไรมาฝากให้ทุกคนไปเต้นตามกันมั้ย

เฟิร์ส : เราคิดท่าเต้นง่ายๆ มาให้ครับ

เชสเตอร์ : เรามี Tiktok ให้ทุกคนได้เต้นด้วย

เฟิร์ส : ก็คืออาจจะไม่ได้เหนื่อยเหมือน MV ง่ายๆ ครับ

เชสเตอร์ : ถ้าเกิดอยากคัฟเวอร์ท่าจริง เราก็ยินดีมากครับ  

เฟิร์ส : ถ้าไม่เหนื่อยนะ ผมยกย่องเลย แต่ก็สนุก (หัวเราะ)

ที่บอกว่าเต้นแล้วเหนื่อยคือท่าเต้นเป็นแบบไหนคะ

เฟิร์ส : ท่าเต้นจะเป็นแนวการเต้นที่เท้าจะไม่อยู่กับพื้นเลย จะกระโดดตลอดเวลา แล้วก็มีมือต้องคอยมูฟตลอดเวลา

เชสเตอร์ : จะเหมือนเราทำคาร์ดิโอ ออกกำลังกายตลอดเวลา คือเต้นประมาณ 30 วินาที เหมือนวิ่งไปแล้ว 10 นาที

แล้วมีน้ำหนักลดมั้ยคะเวลาซ้อมเต้นช่วงนี้

เฟิร์ส : น้ำหนักผมลดครับ ผมเป็นคนเล่นฟิตเนส ผมเลยต้องชั่งน้ำหนักตลอด แล้วช่วงที่กลับมาเต้นอีก เพราะก่อนหน้านี้มีช่วงที่ไม่ได้เต้นครับ น้ำหนักประมาณ 63 กิโลกรัม แล้วพอกลับมาเต้น ผมเหลือ 59-60 กิโลกรัมครับ

เชสเตอร์ : ผมเป็นคนผอม แต่จริงๆ อยากให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนที่มีพุง และพุงใหญ่มากเหมือนตี๋น้อยเลย แล้วพอได้มาเต้นเพลงนี้คือพุงผมยุบไปเลยครับ

คิดว่าจุดเด่นของ FIRZTER คือจุดไหนบ้าง

เชสเตอร์ : ผลงานพวกเราก็คือตัวพวกเราเลยครับ เพราะพวกเราทำเอง

เฟิร์ส : ใช่ และพวกเราก็เป็นตัวเองครับผม รวมถึงสไตล์ของเราด้วยครับ

เชสเตอร์ : จะบอกว่าเสียงเตอร์กับเฟิร์ส ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ เสียงเตอร์กับเฟิร์สค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์ เป็นเสียงเด็กที่อยู่ในผู้ใหญ่ครับ

ด้วยความที่ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนวันนี้ก็ได้มาเป็นศิลปินดูโอคู่กัน มีความประทับใจอะไรต่อกันบ้างคะ

เฟิร์ส : สำหรับเฟิร์สก็คือเป็นความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไปย้อนดูรูปก็เห็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้มาเดบิวต์ด้วยกัน มันเหมือนเป็นอะไรถูกล็อกไว้แล้วอะครับ ก็รู้สึกว่าเตอร์เป็นคนเก่ง ทำได้ทุกอย่าง และเป็นคนตั้งใจ มีไฟครับ บางทีเฟิร์สก็มีความขี้เกียจบ้าง แต่พอมีเตอร์อยู่ด้วย พอเตอร์จะลงมือทำ ผมก็ต้องทำไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่มีเตอร์ ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ครับ เพราะอย่างไปรายการ LAZ iCON เตอร์ก็เป็นคนชวน มีช่วงหนึ่งที่เฟิร์สจะไม่ทำแล้ว เพราะไปออดิชันจนถึงรอบสุดท้ายมาหลายครั้งแล้วแบบไม่ได้ตลอด ก็เลยรู้สึกเฟลครับ แต่เป็นเพราะเตอร์ก็เลยมาครับผม

เชสเตอร์ : คำตอบเดียวกันเลยครับ คือเฟิร์สเป็นคนที่เก่งมากทุกอย่าง เช่น เรื่องความคิด เฟิร์สเป็นคนฉลาดมาก จริงๆ เตอร์ก็เป็นคนมีความขี้เกียจเหมือนกัน เราจะสลับกันตลอดเวลา คือถ้าเตอร์ขี้เกียจ เฟิร์สจะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้นมา แต่ถ้าเฟิร์สขี้เกียจ เตอร์ก็จะเป็นคนที่ทำให้มีไฟขึ้น เหมือนมันจะสลับกันอยู่อย่างนี้ แล้วก็ประทับใจที่แบบเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ใจกันหมดในทุกอย่าง ทำงานด้วยกันแล้วรู้สึกมีความสุข เราสามารถอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดอะครับ เตอร์ก็คิดว่าถ้าเตอร์ต้องมาดูโอคู่กับคนอื่น เตอร์อาจจะมีความไม่ค่อยสนิทใจ หรือมีความเกร็งนิดนึง แต่พอเป็นเฟิร์ส เตอร์รู้สึกว่าเราได้ทำงานกับครอบครัวเราครับ

ทั้งสองคนมองเป้าหมายในอนาคตยังไงบ้าง

เฟิร์ส : น่าจะต่างกันครับ เป้าหมายของเฟิร์สก็คือดนตรีนี่แหละครับผม อยากให้มันแบบเดินไปไหนก็ได้ยินเพลงตัวเองครับ ให้มีคนรู้จัก และดังไปถึงต่างประเทศครับ

เชสเตอร์ : ของเตอร์เหมือนกันครับ

เฟิร์ส : เป้าหมายเราต่างกันไม่ใช่เหรอ

เชสเตอร์ : ก็ตอนแรกนายบอกนายขอรวยเฉยๆ

เฟิร์ส : ขอรวยด้วยครับ (หัวเราะ)

เชสเตอร์ : จริงๆ  เป้าหมายคืออยากให้เพลงดังแบบทั่วโลกเลย อยากให้เพลงนี้ทุกๆคน ทุกๆ อายุ และทุกๆ โอกาสสามารถฟังได้หมดครับ

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานและฝากให้แฟนๆ สุดสัปดาห์ติดตามหน่อยค่ะ

เฟิร์ส : ฝากแฟนคลับทุกคนไม่ว่าใครก็ตามเลยนะครับ ฝากติดตามเพลงดวงจันทร์ด้วยนะครับผม เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำกันมากๆ หวังว่าทุกคนจะชอบครับ และขอให้ติดตามเพลงหลังๆ จากนี้ด้วยครับ

เชสเตอร์ : เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจทำทุกเพลง ตั้งใจสุดๆ เลยครับ ฝากทุกๆ คนด้วย เพราะว่าเตอร์กับเฟิร์สจะเป็นหนึ่งในศิลปิน T-POP ที่สนับสนุนให้เพลงไทยได้มีโอกาสไประดับโลก ก็ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ

.

.

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

.

.

.

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม

KIN นักร้องเดี่ยวรูปหล่อดีกรีนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทย ที่ทั้งชีวิตมีแต่กีฬา แต่แอบซุกซ่อนความรักในการร้องเพลงไว้

ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA

Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นจากเล่นดนตรีเปิดหมวกที่สยามฯ จนเป็นไวรัล สู่ศิลปินเต็มตัว

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up