ถ้าใครจำกันได้ว่าช่วงปี 2022 เคยเกิดไวรัลหนึ่งดังสนั่นไปทั่วโซเชียล เมื่อมีการแชร์คลิปของกลุ่มวงดนตรีวัยรุ่นที่ได้เปิดการแสดงย่านสยามสแควร์แล้วมีผู้ชมมากมายไปยืนชม ซึ่งด้วยเสียงร้องอันไพเราะและทักษะการเล่นดนตรีอันดีงาม บวกกับเสน่ห์ของสมาชิกในวงดนตรีก็ทำให้ชื่อของ “Yes Indeed” ดังในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว
หลังจากนั้นชีวิตของพวกเขา Yes Indeed ก็เปลี่ยนไป จากเด็กนักเรียนมัธยมฯ และนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รักในดนตรี มารวมตัวกันเล่นดนตรีด้วยกัน จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตก็พลิกผันได้กลายเป็นศิลปิน เข้ามาอยู่ค่ายใหญ่อย่าง White Music ในเครือ GMM Grammy มีซิงเกิลแรกเปิดตัว เพลง “เลื่อนชั้น” และล่าสุดเพิ่งจะปล่อยซิงเกิลที่สอง “ลอกข้อสอบ” ออกมา
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สุดสัปดาห์เลยขอไปพูดคุยกับ Yes Indeed ถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นศิลปิน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ชอบดนตรี จนได้มารวมตัวกัน จนถึงเรื่องราวการได้มาเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วในปัจจุบัน ซึ่งบอกเลยว่าพวกเขารักดนตรีกันอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ แล้วสมาชิกในวงยังเคมีเข้าขารับส่งกันโบ๊ะบ๊ะมาก
Yes Indeed วงดนตรีคนรุ่นใหม่เจ้าของไวรัลข้ามปี
ก่อนอื่นอยากให้แนะนำตัว พร้อมตำแหน่งในวงหน่อยค่ะ
พอร์ส : สวัสดีครับ ผมพอร์ส yes indeed เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ครับผม
มังกร : สวัสดีครับ ผมมังกรนะครับ เป็นมือกลองครับ
ตฤณ : สวัสดีครับ ผมตฤณนะครับ เป็นมือคีย์บอร์ดครับ
ทะเล : สวัสดีครับ ผมทะเลนะครับ เป็นมือกีตาร์ครับ
แพนเค้ก : สวัสดีค่ะ แพนเค้กนะคะ เป็นนักร้องนำค่ะ
อยากรู้ว่าทั้ง 5 คน มารวมตัวกันได้ยังไง
พอร์ส : จริงๆแล้ว ผมกับเค้กเป็นพี่น้องกัน แล้วทีนี้เราก็มีความฝันที่อยากจะให้คนมาติดตาม เราก็เลยทำช่อง YouTube กับ Facebook ลงคลิปคัฟเวอร์ต่างๆ ครับ แล้วก็มีเพื่อนๆ หรือญาติมาสนับสนุน คอยแชร์ให้ แต่เรารู้สึกว่าเป็นคนที่รู้จักกันกับเราอยู่แล้ว เราเลยคิดว่าอยากให้คนนอกรู้จักเรามากขึ้น อยากหาประสบการณ์มากขึ้น ก็เลยหาวิธีทำให้คนรู้จักเราเยอะขึ้น โดยการที่ออกไปเล่นเปิดหมวกในที่สาธารณะ เพื่อให้คนอื่นได้เจอเรา ได้พบเห็นเรามากขึ้นครับ
แพนเค้ก : แล้วทีนี้เล่นกัน 2 คนไปนานๆ ก็รู้สึกเบื่อและอิ่มตัว ก็เลยอยากที่จะชวนคนหลายๆ คนเข้ามา พอร์สก็รู้จักกับมังกรตั้งแต่ตอนประถมและเป็นเพื่อนกัน ก็เลยเห็นคลิปมังกรจากในออนไลน์ ก็เลยชวนเข้ามา ต่อมาเล่นไปสักระยะหนึ่งหนูรู้จักกับทะเล ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด เหมือนทะเลก็เหงาๆ เป็นคนที่เรียนสายดนตรีอยู่แล้วด้วย เลยชวนเข้ามาเล่นด้วยกัน กลายเป็น 4 คน พวกเราก็เลยรวมตัวกันไปเล่นที่เอเชียทีควันลอยกระทง หลังจากนั้นน้องตฤณเห็นพวกเราแล้วก็เข้ามาทัก มาขอเล่นบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ และเราก็มารวมตัวกัน 5 คนแบบงงๆ (หัวเราะ)
ทำไมตอนนั้นตฤณถึงเลือกที่จะทักไปหาพี่ๆ คะ
ตฤณ : คือผมมีความฝันอยากจะทำวงดนตรีออกมาเล่นข้างนอกอยู่แล้วครับ และก็เห็นว่าวงนี้เขาเล่นแล้วดูน่าสนุกดี เลยอยากจะไปแจมกับเขาครับ ก็เลยทักขอเข้าไปเลยครับ
ตอนที่ออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกัน เคยเจอประสบการณ์อะไรบ้าง มีเคยโดนไล่ไหม
พอร์ส : ช่วงแรกๆ มีบ้างครับ เพราะว่าพวกเราก็ไม่ได้ร้องเพลงเก่งเลย คุณภาพของเครื่องเสียงอาจจะไม่ดีอะไรขนาดนั้น อาจจะมีเสียงแตกบ้าง ซ่าบ้าง ก็เลยทำให้เป็นที่รำคาญมากกว่าเป็นที่ยอมรับในช่วงนั้น แต่เราก็ฝึกตัวเองมาเรื่อยๆ ใช้การฝึกฝน ออกไปเล่นบ่อยๆ เราก็เริ่มรู้ว่าต้องเอาเครื่องเสียงแบบไหนไปเล่นเพื่อให้คนชอบ เราก็เลยหาวิธีจนคนก็เริ่มเปิดใจและยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ และก็มีประสบการณ์ฝนตกบ้าง เป็นอุปสรรคต่างๆ นาๆ กันไปครับ
เคยมีเหตุการณ์ที่เล่นๆ อยู่แล้วฝนเทบ้างไหมคะ แล้วทำยังไง
พอร์ส : มีครับ ประจำเลย
แพนเค้ก : มีค่ะ เราก็เล่นต่อเลย ถ้าเกิดมันหนักจริงๆ ก็เก็บค่ะ ส่วนใหญ่ฝนจะปรอยๆ พอเริ่มหนัก เราก็เริ่มมูฟเข้าไปเล่นข้างในค่ะ
เคยมีประสบการณ์อย่างอื่นอีกไหม ที่รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ
ตฤณ : สำหรับผมก็เป็นเหตุการณ์สยามแตกครับ ด้วยความที่เรามาจากการรวมตัวกันเป็นวงดนตรี และมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมาถึงตรงนี้ด้วย
แพนเค้ก : ของหนูก็เป็นประสบการณ์ที่มีคนเดินเข้ามาบอกว่าลูกเขาเล่นดนตรี เพราะว่าพวกเราเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกเขาเริ่มเล่นดนตรี พอฟังแล้ว รู้สึกเหมือนเราได้เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตด้วยเลยค่ะ
อย่างที่ตฤณบอกว่ามีเหตุการณ์สยามแตก ตอนที่เจอเหตุการณ์นั้น มันเปลี่ยนชีวิตเราขนาดไหน
พอร์ส : วันนั้นที่สยามแตก ตอนแรกๆ เราไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นเราสนุก เพราะไม่เคยเล่นดนตรีแล้วแบบคนเยอะขนาดนั้น หรือถ้าคนเยอะจริงๆ ทุกคนก็จะแบบตั้งใจถ่ายเรามาก แต่วันนั้นคือวันที่ทุกคนเอ็นจอยกับพวกเรามาก อาจจะมีถ่ายคลิป จับโทรศัพท์ก็จริง แต่ทุกคนถ่ายเราพร้อมกับเอ็นจอยไปกับพวกเรา มีความสุขแล้วก็อินไปกับเสียงเพลงที่พวกเราเล่นออกไป เป็นอะไรที่แบบสนุกมาก จนเราไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเราได้กลับบ้านไปก็ไปเจอว่ามีคลิปเรามากมายในโซเชียลครับ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาครับ
ทะเล : ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนกันครับ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีใครรู้จัก พอมีกระแสนี้ขึ้นมาก็เลยมีคนสนใจ บางทีจะทำอะไร ก็ต้องระวังตัวหน่อย วางตัวให้ถูกเวลาไปไหนแต่ละที่ เวลาทำอะไรก็ต้องคิดตลอดว่าแบบ มีคนเห็นอยู่นะอะไรแบบนี้ครับ
จากวันนั้นทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป ได้เข้ามาเป็นศิลปินในค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่ รู้สึกยังไงบ้าง
มังกร & พอร์ส : ตื่นเต้น
แพนเค้ก : ดีใจแบบทำตัวไม่ถูก แล้วก็รู้อยู่แล้วว่าเราต้องพัฒนาขึ้นไปให้เก่งกว่านี้แน่นอนค่ะ
พอร์ส : ผมยังเคยพูดเล่นกับมังกรอยู่เลย (หัวเราะ) ก่อนที่จะได้เข้ามาแกรมมี่ประมาณ 2-3 เดือน ที่เราได้มีโอกาสไปเล่นที่หน้าลิโด้ ว่าแบบมังกร แกจะบ้าเหรอ เราจะเข้าแกรมมี่ได้จริงๆ เหรอ พอเข้ามาก็ต้องมีปรับตัวในเรื่องฝีมือและการฝึกซ้อมส่วนตัว รวมถึงการตรงต่อเวลามากขึ้น คือก่อนหน้านี้เราก็เล่นกันด้วยความสนุกล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรมาตั้งเป็นมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ พอเราเข้ามาอยู่ในแกรมมี่ เราจะต้องฝึกซ้อม สร้างมาตรฐานให้เหมาะสมกับที่ที่เราอยู่ด้วย
การที่มาอยู่วงเดียวกัน ด้วยความที่แต่ละคนก็ต่างที่มา นิสัยก็ต่างกัน มีวิธีปรับกันยังไงบ้าง
แพนเค้ก : อยู่ด้วยกันให้มากขึ้น ใช้วันหยุดร่วมกันและอยู่ด้วยกันบ่อยๆ
มังกร : ช่วงเปิดหมวกแรกๆ เราก็อาจจะส่งสัญญาณกัน มองตากัน เหมือนเป็นการบังคับให้ต้องปรับตัวหากันอะครับ จุดนั้นอาจจะช่วยให้เราจูนกันได้ครับ
เมาท์เพื่อนในวงหน่อยค่ะ ใครที่มีโมเมนต์ที่ทำให้เราประทับใจไม่ลืมจนต้องขอเล่าหน่อย
พอร์ส : เจอตฤณครั้งแรกก็คือตลกมาก เพราะว่าบุคลิกเขาจะดูแบบเป็นคนเนี้ยบๆ เสื้อตึงๆ กางเกงตึงๆ (หัวเราะ) แล้วพอได้มารู้จักกัน ผมก็ได้เซอร์ไพรส์มากขึ้น เพราะว่าเขาดูพวกเราจนจบ แล้วเขาก็ขอมาร้อง ผมก็งง เด็กนี่เป็นใครนะ ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) เขามาขอร้องเพลง เพลงแรกก็คือเพลงลูกอม ผมฟังแล้วก็รู้สึกเพราะมากก เพราะว่าภายนอกเป็นคนเรียบร้อย เพลงลูกอมก็ต้องเป็นคนที่ดูอบอุ่น พอเขาร้องทีหนึ่งนี่ผมหนาวเลยครับ ผมก็เลยถามเขาว่าเล่นดนตรีอะไรเป็นบ้าง เขาก็บอกว่าเขาเล่นเปียโนได้ ผมก็เลยเออ วงเราก็คีย์บอร์ดอยู่ เพื่อให้มีอะไรที่คุมดนตรีได้มากขึ้น ผมก็เลยลองให้เขาแบกไปเล่น แล้วเขาก็แบกคีย์บอร์ดตัวใหญ่มากๆ มาเลยครับ
แพนเค้ก : ตฤณเป็นเด็กที่มีความพยายาม ดูกระตือรือร้นในการอยากเล่นมากค่ะ ส่วนหนูก็ประทับใจพี่มังกรนะคะ ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่อาจจะตีกลองเบา แต่พัฒนาเร็วมาก พอได้ไปเรียนตีกลองแค่ไม่กี่ครั้ง ก็พัฒนาขึ้นเร็วมาก มีแต่คนบอกว่าพัฒนาขึ้น ก็ภูมิใจ ประทับใจที่เขาดูขยัน (หัวเราะ)
มังกร : ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เคยเรียนดนตรีมาเลย ก็จะแบบศึกษาเอง ซ้อมเอง แต่เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ โชคดีที่มีพี่ๆ ศิลปินในแกรมมี่คอยแนะนำ คอยช่วยสอนให้ ผมก็ฝึกซ้อมเพิ่มครับ
ทะเล : หลายคนน่าจะลืมแต่พี่มังกรไม่น่าจะลืม เป็นช่วงสยามแตกที่เป็นเพลงสุดท้ายที่จะได้เล่น ตอนนั้นที่ฝนตก แล้วเป็นท่อนโซโล่ของผม ทุกคนก็หนีออกกันไปหมดแล้ว เพราะกลัวไฟดูด แต่มันเป็นท่อนเดียวของผม แล้วก็เหลือพี่มังกรยังเล่นกับผมอยู่ เพราะถ้าไม่มีพี่มังกร ผมก็คงไม่ได้เล่นโซโล่ท่อนนั้นแล้ว เราก็เล่นกันจนจบ และวิ่งเข้าร่มกันครับ
มังกร : กลองเกือบพัง (หัวเราะ)
สุดสัปดาห์ : ทำไมถึงไม่ทอดทิ้งกัน
มังกร : มันใกล้จบเพลงพอดี (หัวเราะ)
พอร์ส : อารมณ์ค้างๆ
มังกร : ใช่ เครื่องผมมันอาจจะพอกันน้ำได้นิดนึง คนอื่นผมเข้าใจว่าเครื่องเป็นไม้อะครับ
ตฤณ : คีย์บอร์ดไม่กันน้ำครับ (หัวเราะ) คือจริงๆ ผมอยากจะอยู่ด้วยมาก แต่คีย์บอร์ดไม่กันน้ำ เดี๋ยวพังครับ ส่วนผมประทับใจพี่พอร์สแล้วกันครับ ตอนเข้ามาผมปลื้มพี่พอร์สมาก คนอะไรเท่มาก เป็นไอดอลเลย แต่เข้ามาอยู่วงเดียวกันก็รั่วเกินครับ เป็นคนแบบนำพาสีสันให้กับวงนี้ ถ้าเรื่องไร้สาระก็คนนี้แหละครับ
พอร์ส : อันนี้ความประทับใจนะครับ ความประทับใจนะครับตฤณ (หัวเราะ)
ตฤณ : ไม่ๆ เขาให้เมาท์ได้ ตอนแรกก็ประทับใจ แต่ว่าพอรู้จักกันมาก็ขอเปลี่ยนเป็นเมาท์ดีกว่า (หัวเราะ)
อยากรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนมารักดนตรีมาจากอะไร
พอร์ส : ของผมก็ที่บ้านเป็นนักดนตรีครับ ได้ฟังและอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เล่นจริงจังขนาดนั้น จนขึ้น ป.5-6 ผมชอบรุ่นพี่คนหนึ่งครับ แต่คือผมไม่หล่อไง ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำไงให้หล่อ ผมก็เลยไปดูฮอร์โมนส์ พอดูปั๊บผมหล่อเลย (หัวเราะ) พี่ต้นหนในซีรีส์มีคาแรกเตอร์ที่หัดเล่นกีตาร์เพื่อคนๆหนึ่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ คือคาแรกเตอร์ต่างจากตอนที่เขาเล่นไม่เป็น ในเรื่องเขาก็ดูไม่มีอะไร แต่พอเขาเล่นปั๊บ เขาก็หล่อขึ้นมาเลย เราก็เลยแบบ เฮ้ย! เราลองทำแบบนี้ดีไหม แล้วพอเราทำเราก็ได้ผล ทุกวันนี้ผมก็เลยหล่อเลย (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการฝึกก็ฝึกเองครับ แล้วก็เพิ่งจะมาเรียนเพิ่มนิดนึง ฝึกเองมาเรื่อยๆ ดูจาก YouTube และเรียนกับ GMM Academy ครับ ดีมากๆ ผมชอบมาก
แพนเค้ก : หนูเช่นกันค่ะ เป็นครอบครัวที่เป็นนักดนตรีอยู่แล้ว ซึ่งหนูเห็นว่าครอบครัวเล่นดนตรีกันมาทั้งตระกูล หนูก็เบื่อ ตอนแรกคือเบื่อมาก ไม่อยากเล่นดนตรี ไม่อยากร้องเพลง ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ว่าด้วยความที่ฟังคนอื่นเขาเล่นมาตั้งแต่เด็ก เลยสามารถร้องได้
แล้วตอนนั้นพอร์สทำ YouTube แต่ว่าไม่ได้ร้องเพลง เพราะว่าเป็นคนเล่นกีตาร์อย่างเดียว พอร์สก็เลยมาขอให้หนูไปร้องให้ จะได้คัฟเวอร์กันสองคน แต่มาเริ่มชอบจริงๆ ก็ตอนสยามแตกเลย เพราะว่าหนูรู้สึกว่า พอเราเป็นที่ยอมรับ มีคนชื่นชมเราก็รู้สึกมั่นใจ เพราะว่าหนูเป็นคนที่แบบไม่ค่อยมั่นใจในด้านการร้องเพลงเท่าไหร่ หนูก็เลยแบบไม่อยากจะทำ แต่ว่าพอมีคนชื่นชมและได้เห็นความสามารถของเรา เราก็อยากทำให้เห็นมากกว่าเดิมค่ะ เป็นคนแบบชอบเอาขนะความกลัวอะไรแบบนี้ค่ะ
ทะเล : ของผมก็จริงๆ เกิดจากคุณพ่อครับ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นนักดนตรีนะครับ เขาเล่นกีตาร์โปร่ง เราก็จะได้ยินพ่อเปิดเพลงตั้งแต่เด็กอะไรแบบนี้ครับ ก็เลยเหมือนซึมซับเข้ามาในตัว ที่นี้ประมาณช่วง ป.1-2 พ่อก็เอากีตาร์ให้เราเล่นดู ผมก็ลองฝึกด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนครับ แล้วก็หยุดเล่นไปสักพักหนึ่ง
จนช่วง ม.1 ผมกลับมาเล่นกีตาร์ เพราะว่ามีครูเขารู้ว่าเราเล่นกีตาร์ได้ เขาเลยอยากให้เราไปลองประกวดดูครับ ช่วงนั้นก็เลยมีแพสชั่นขึ้นมาว่าอยากทำวง ก็เลยฝึกจาก YouTube จนตอน ม.4 ผมได้เข้าไปเรียนสายดนตรี ก็เลยเริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ
มังกร : ผมเริ่มเล่นดนตรีตอน ม.1 ครับ ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนประถมถามพอร์สได้เลยว่าผมเป็นคนที่ไม่ทำกิจกรรมอะไรสักอย่างเลย วันๆ ก็จะเข้าแต่ห้องสมุด พอ ม.1 ปุ๊บจะมีงาน open house ครับ รุ่นพี่เขาก็จะมาเล่นดนตรี แล้วทีนี้ผมก็เห็นรุ่นพี่เล่นอยู่บนเวทีก็เลยรู้สึกว่าอยากเล่นดนตรีบ้าง อยากมีวันหนึ่งที่ขึ้นไปบนเวทีอย่างนั้นครับ
ตอนแรกผมเลยเริ่มเล่นจากเบสก่อนครับ เพราะว่าในวงไม่มีใครเล่นเบสเลย (หัวเราะ) แล้วก็ลองย้ายไปกีตาร์ดู จากนั้นก็ย้ายไปเจอกลองตอน ม.3 ครับ ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เล่นแล้วเข้ากับเราที่สุด แรกๆ ก็โดนเพื่อนด่า ส่ายหัวเลยครับ ก็ฝึกมาเรื่อยๆ ครับ
ตฤณ : ผมก็เป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่โดนบังคับเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กครับ (หัวเราะ) ไม่เคยรู้สึกชอบเลย ตอนนั้นโดนบังคับเรียนเปียโนคลาสสิค ทนเรียนมานานมากครับ จนมีวันหนึ่งตัดสินใจว่า ยังไงก็ตามจะไม่เล่นแล้ว ไม่ว่าใครจะยังไงก็ไม่ไปแล้ว จนแม่ก็บอกไม่เป็นไร งั้นไปเรียนดนตรีที่โรงเรียนข้างบ้าน โจทย์ที่แม่ให้กับครูก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปสอบเกรดหรือเรียนเพื่อไปเล่นเพลงยากๆ ได้ แต่กลายเป็นเพื่อให้เราเล่นเพลงที่เราอยากเล่น เล่นเพลงที่เราชอบ หลังจากนั้นผมก็เลยเล่นมาเรื่อยๆ และรู้สึกชอบดนตรีขึ้นเรื่อยๆครับ
ตอนนี้ทุกคนมองเป้าหมายของวงไว้ว่ายังไง มีเป้าหมายอะไรที่อยากทำให้ได้กันบ้าง
ตฤณ : ความฝันของผมก็อยากให้วงนี้อยู่ไปนานๆ ครับ แล้วก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เป็นวงที่มาแค่กระแสแล้วก็วูบหายไป อยากให้เป็นวงที่อยู่กับวงการนี้ไปนานๆ ครับ
มังกร : อยากเติบโตไปพร้อมกับทุกๆ คนเลยครับ และพัฒนาฝีมือหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กันครับ ก็ยังอยากทำกันไปเรื่อยๆ ครับ
พอร์ส : ก็จะคล้ายๆ กัน ให้เดินทางตามเวลาไปเรื่อยๆ เราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดวันไหน แต่ว่าวันนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้เป็นที่จดจำในวันข้างหน้าของใครหลายๆ คนครับ
แพนเค้ก : ของหนูอยากให้มีคอนเสิร์ตของวงเราสักครั้งในชีวิต อยากทำโชว์ อยากคิดโชว์เอง อยากเป็นคนดีไซน์โชว์ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วก็อยากให้ทุกที่นั่งเต็ม ให้ทุกคนซื้อบัตรมาดูคอนเสิร์ตของเราอ่ะค่ะ
สุดสัปดาห์ : มีที่ไหนที่เราอยากไปเล่นสักครั้งในชีวิตให้ได้
แพนเค้ก : โห ทุกที่! ตอนนี้เราเหลืออยู่ที่เดียว คืออิมแพค อารีน่า เมืองทองค่ะ อยากเล่นที่นั่นสักครั้งค่ะ
ทะเล : ของผมความฝันของวง ผมอยากให้ทุกคนอินและเข้าใจในเพลงเรา ทำเพลงออกมาแล้วคนฟังรู้สึกตรงกับเรา อยากให้คนรักเพลงของเราและร้องเพลงของเราได้ด้วย
พูดถึงเพลงพอดี ถึงเวลาขายเพลงแล้ว เล่าถึงเพลงที่ปล่อยออกมาหน่อยค่ะเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร
พอร์ส : สำหรับเพลงแรก เพลงเลื่อนชั้น ก็เป็นเพลงรักใสๆ ในวัยเรียน รุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ หรือว่าทุกคนจะแปลความหมายในสถานะแบบไหนก็ได้ ที่เกี่ยวกับการทำยังไงก็ได้เพื่อให้ใครสักคนรู้สึกชอบเรา เราต้องทำตัวเอง พัฒนาให้เท่าเขา หรือต้องทำตัวเองดีเพื่อที่จะให้คู่กับเขาครับ ผมรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง หรือแม้กระทั่งคล้ายๆ ตัวผมในวัยที่หัดเล่นกีตาร์ด้วยครับ
มังกร : ส่วนเพลงที่ 2 เพลง “ลอกข้อสอบ” ก็จะเป็นแนวคนๆ หนึ่งอยากรู้คำตอบในหัวใจของอีกคนหนึ่งครับ
แพนเค้ก : เป็นฟีลอยากที่จะชอบคนๆนี้ แต่ถ้าคนนี้เขาไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร แค่อยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา คือเป็นฝ่ายรออยู่ฝ่ายเดียว ก็เลยคิดว่าสักวันหนึ่งอยากจะรู้สักทีว่าเฮ้ย! คนที่เราชอบรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ถ้าเกิดไม่รู้สึกอะไรก็เป็นแค่เพื่อนก็ได้อะไรประมาณนี้ค่ะ (หัวเราะ)
พอร์ส : ถึงได้รู้คำตอบแล้ว แต่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้เป็นเพื่อนเขาอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันเลย
สุดท้ายนี้อยากให้ฝากผลงาน แล้วก็ฝากถึงแฟนๆ สุดสัปดาห์เพื่อให้เขารู้จักวงเรามากขึ้นค่ะ
พอร์ส : ก็ฝากเพลงแรก “เลื่อนชั้น” ด้วยครับ แล้วก็เพลงล่าสุดที่ปล่อยไป เพลง “ลอกข้อสอบ” ด้วยนะครับ ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนนะครับ แล้วก็ฝากทุกคอนเทนต์และผลงานของเรากับช่องออฟฟิเชียลของ White Music แล้วก็ GMM Grammy นะครับ รวมถึงของฝากแฟนเพจของ yesindeedband นะครับ จะมีไอจีส่วนตัวของพวกเราอยู่หน้าไบโอนั้นเลยครับ สามารถเข้าไปกดติดตามได้ครับผม
มังกร : สามารถติดตามพวกเราได้ที่สุดสัปดาห์ด้วยนะครับ
.
.
TEXT : ImJinah
PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม
.
.
.
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
4 ศิลปินคลื่นลูกใหม่แห่งตึก GMM GRAMMY ที่ขนความดีงามมาเต็ม
FIRZTER ดูโอน้องใหม่แห่งวงการ T-POP สองเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
ALALA เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่แห่ง T-POP กับเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ALALA