แอลลี่ อชิรญา สาวน้อยมหัศจรรย์ กับเส้นทางศิลปินที่ฝ่าฟันด้วยตัวเอง 

 เปิดตัวได้สุดปัง! กับการเดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัวกับค่าย 411 Music ของ แอลลี่ อชิรญา สาวน้อยมหัศจรรย์ เพราะทันทีที่ได้ฟังซิงเกิ้ลแรก How To Love (feat. GRAY) ได้ชมเอ็มวี ได้ดูเดบิวต์โชว์เคสแรกของเธอ หลายฝ่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ธรรมดา  เส้นทางการเป็นศิลปินของแอลลี่ก้าวไปไกลแน่นอน 

เอ่ยชื่อ  แอลลี่ อชิรญา นิติพน (ALLY – Achiraya Nitibhon)  พี่ป้าน้าอาคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เธอเป็นลูกสาวของนักร้องและนักแสดงมากความสามารถ พี่อ่ำ – อมรินทร์ นิติพน เรียกว่าเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นจริงๆ เผลอแป๊บเดียวหนูน้อยแอลลี่สุดน่ารัก โตเป็นสาวแล้ว แถมสวยและเก่งมากๆ ตอนนี้แอลลี่อายุย่างเข้า 16 ปี  (แอลลี่เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2004) เธอมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการก้าวเดินตามความฝันเพื่อเป็นศิลปิน แต่กว่าจะมาเป็นศิลปินเบอร์แรกของ 411 MUSIC และถูกเรียกว่า แอลลี่ อชิรญา สาวน้อยมหัศจรรย์ ได้นั้น มันไม่ง่ายเลย

แอลลี่ต้องห่างครอบครัว ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนรู้และฝึกฝนตนเองอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะด้านการร้อง การเต้น รวมถึงทักษะอื่นๆ ที่ประเทศเกาหลีใต้เพียงลำพังเป็นเวลานานกว่า 1 ปีเต็ม เพื่อพัฒนาศักยภาพและเต็มความพร้อมในการที่จะเป็นศิลปินที่สมบูรณ์แบบที่สุด

แอลลี่ชัดเจนกับเป้าหมายในชีวิตที่ว่า.. “I do what I love, to be happy, and to make others around me happy as well.” และวันนี้ แอลลี่ พร้อมแล้วที่จะนำเสนอความสามารถและภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของเธอ ผ่านผลงานเพลงเดบิวต์ในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยวคนใหม่ของวงการเพลงไทย ดาวรุ่งดวงใหม่คนนี้กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ก้าวกระโดดครั้งสำคัญแก่วงการเพลงไทย เปิดหู.. เปิดตา.. เปิดใจ..แล้วจะรู้ว่าสาวน้อยคนนี้มีดีมากกว่าการที่ใครๆ จะจดจำเธอเป็นเพียงทายาทดารานักร้องชื่อดังเท่านั้น!!

สุดสัปดาห์ได้คิวแอลลี่เพื่อมาถ่ายแฟชั่น Digital Cover เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการถ่ายปกครั้งแรกหลังจากที่แอลลี่เดบิวต์อย่างเป็นทางการ งานนี้นอกจากได้ชมแฟชั่นสวยๆ จากแอลลี่แล้ว เรายังได้พูดคุยกับแอลลี่ถึงเส้นทางการเป็นศิลปินของเธอ ว่ากว่าจะมีวันนี้แอลลี่ผ่านอะไรมาและได้เรียนรู้อะไรบ้าง

จุดเริ่มต้นที่ทำให้แอลลี่เข้ามาเป็นศิลปินที่ 411 Music คืออะไร

“เป็นความฝันของหนูตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะว่า เราอยากเป็นศิลปิน แต่ด้วยความที่ตอนนั้นอาจจะเด็ก ยังไม่มีโอกาส หรืออะไรหลายๆ อย่างก็ยังไม่ชัดเจน จนกระทั่งได้มาเจอกับอากึ้ง (เฉลิมชัย มหากิจศิริ ผู้บริหาร บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด) อาถามว่าแอลลี่ชอบ K-POP เหรอ หนูก็ตอบว่าใช่ค่ะ จากนั้นก็เลยคุยกันต่อ แล้วอาก็บอกว่ากำลังจะทำโปรเจ็กต์ปั้นศิลปินในค่ายพอดีค่ะ

“ถ้าย้อนกลับไป หนูน่าจะรู้ตัวเองว่าอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่ 3-4 ขวบแล้วค่ะ แต่เวลาที่มีคนถามว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แอลลี่จะไม่เคยบอกว่าอยากเป็นนักร้อง เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนซัพพอร์ตมั้ย พอหนูโตขึ้น ถึงจุดหนึ่งที่เราชัดเจนและแน่ใจในความฝันของตัวเอง หนูเลยบอกป๊ะป๋ากับแม่ ว่าแอลลี่อยากเป็นนักร้องนะ”

แอลลี่มีใครเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ตัวเองอยากเป็นนักร้องคะ

“ป๊ะป๋าค่ะ หนูเห็นป๊ะป๋าทำงานมาตั้งแต่เด็ก เห็นป๊ะป๋าร้องเพลงมอบความสุขให้คนดู และป๊ะป๋าเองก็มีความสุข เหมือนเราค่อยๆ ซึมซับมาเองโดยไม่รู้ตัว  พอโตขึ้นเราเป็นคนชอบฟังเพลงมาก ฟังตลอดเวลาก็เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้อยากเป็นนักร้องค่ะ”

รู้สึกอย่างไรที่เป็นศิลปินคนแรกของค่าย 

“มีทุกฟีลลิ่งเลยค่ะ (ยิ้ม) ความกดดันเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ เพราะว่าหนูอยากให้ First Impression ของบริษัทออกมาดี แล้วก็ภูมิใจดีใจที่เราสามารถสู้จนมาอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ตื่นเต้นมาก เพราะหนูชอบเพลงของหนูมาก และอยากแสดงบนเวทีให้ทุกคนเห็น อยากให้ทุกคนมีความสุขที่ได้ฟังเพลงของหนูค่ะ”

รู้มาว่าการเข้ามาเป็นศิลปินในค่าย 411 Music แอลลี่ต้องสู้ด้วยเองทั้งหมด ต้องไปเป็นเด็กฝึกหัดที่เกาหลี เล่าให้ฟังสักนิดได้ไหมคะว่า ชีวิตที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง

“การเข้ามาเป็นศิลปินของค่ายไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าคุยกับอากึ้งแล้วก็เข้ามาร้องเพลงได้เลยนะคะ หนูปฏิเสธการเป็นลูกอ่ำ อัมรินทร์ นิติพน ไม่ได้ จึงอยากพิสูจน์ตัวเองว่าแอลลี่ทำได้นะ ไม่ได้อยากให้คนคิดว่า พอเป็นลูกของป๊ะป๋าหรือลูกหลานของใครเลยได้อะไรมาพิเศษ

“เส้นทางการเป็นศิลปิน ทุกอย่างมีขั้นตอนและมาตรฐานของค่ายที่กำหนดไว้ ต้องไปใช้ชีวิตเด็กฝึกหัดที่เกาหลีคนเดียว 1 ปี ตารางชีวิตที่นั่นเริ่มประมาณ 9 โมงเช้า หรือ  10 โมง เรียนจนถึง 4 ทุ่ม มีเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เรียนเพอร์ฟอร์ม เรียนภาษาเกาหลี ออกกำลังกายวันละ 1 – 1.30 ชั่วโมง หยุดวันอาทิตย์ ตารางเป็นแบบนี้ทุกวันตลอด 1 ปี ทุกอย่างต้องผ่านมาตรฐานของเกาหลี ต้องมีการออดิชั่น มีการประเมินผล ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ไม่สามารถเดบิวต์เป็นศิลปินได้”

“การมาฝึกที่เกาหลีเป็นอะไรที่หนักนะคะ คือหนูเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มา แรกๆ ก็ตื่นเต้น ดีจังๆ หนูอยากไป อยากลองไปเทรน เราเองก็พอรู้บ้างว่าฝึกหนัก แต่พอได้มาสัมผัส และได้เข้าระบบการเป็นเด็กฝึกหัดจริงๆ ของเกาหลี คือยากกว่าที่คิดไว้มาก-ก-ก มีทั้งแรงกดดันจากคอมเมนต์ของครู และแรงกดดันจากตัวแอลลี่เองที่อยากจะทำให้ดีขึ้นๆ

“ต้องบอกว่าครูที่นี่น่ารักทุกคน ครูตั้งใจสอนเพื่อให้เราผ่านทุกขั้นตอน ทุกคลาส แต่บางทีเราอาจยังทำไม่ได้ตามเกณฑ์ ครูก็จะมีวิธีของครูที่จะคอมเมนต์อะไรสักอย่างเพื่อผลักดันเรา ฟังแล้วก็ยิ่งทำให้แอลลี่อยากพิสูจน์ให้ครูเห็นว่าเราทำได้

อ่านบทสัมภาษณ์ แอลลี่ อชิรญา สาวน้อยมหัศจรรย์ ต่อได้ที่หน้าถัดไป