เชื่อว่าถ้าใครได้ติดตามวงการเคป๊อปจะสังเกตเห็นว่าช่วงหลังๆ วงไอดอลเกาหลีมักจะไม่ค่อยมีวงที่มีในคอนเซ็ปต์น่ารัก สดใส มีความเป็นวัยทีนแบบเด็กหนุ่มหรือเด็กสาวสักเท่าไหร่ จนกระทั่ง ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2023 ก็กำเนิดเกิดวง THE WIND จากค่าย WITH US Entertainment ที่เป็นค่ายในเครือของ AROUND US Entertainment ต้นสังกัดของวงในตำนานอย่าง Highlight ออกมา ซึ่งเป็นวงที่คอนเซ็ปต์แบบสไตล์เด็กหนุ่มที่เราไม่ได้เห็นมานาน ทำให้ได้รับความสนใจจากแฟนเคป๊อปอย่างมาก
ความพีคคือนอกจาก THE WIND จะเป็นวงที่มาในคอนเซ็ปต์ที่ไม่ได้เห็นในวงการเคป๊อปเท่าไหร่นักในช่วงหลังๆ แล้ว เมมเบอร์แต่ละคนยังอายุน้อยมาก ทุกคนล้วนอายุยังอยู่ในช่วง 10 ปีอยู่ แล้วในบรรดาเมมเบอร์ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ ชินแจวอน คิมฮีซู ธนาทร ชเวฮันบิน พัคฮายูชาน อันชานวอน และจางฮยอนจุน ยังมีหนึ่งในสมาชิกเป็นคนไทยด้วย นั่นก็คือ “ธนาทร” นั่นเอง ซึ่งพอเดบิวต์ได้แค่ 3 เดือน THE WIND ก็ไม่พลาด เดินทางมาประเทศไทย ขึ้นแสดงในคอนเสิร์ต SIMPLE K MUSIC Thailand เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา
งานนี้สุดสัปดาห์ก็เลยไม่พลาด ก่อนวันคอนเสิร์ตหนึ่งวันก็ได้ไปสัมภาษณ์น้องๆ THE WIND ทั้ง 7 คนมา พร้อมถ่ายภาพน่ารักๆ มาฝากแฟนๆ ด้วย ขอบอกเลยว่าน้องๆ ทุกคนน่ารักมาก เรียกว่าสัมภาษณ์ไปเอ็นดูไปของแทร่ แล้วได้คุยกันแบบจัดเต็มสุดๆ ทั้งเรื่องตั้งแต่เป็นเด็กฝึก การได้เดบิวต์ โรลโมเดลของแต่ละคน ความสัมพันธ์ในวง เมาท์เมมเบอร์ ยันการเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ค่า ไหนๆ ก็สปอยล์มาขนาดนี้แล้ว ไปพบกับบทสัมภาษณ์พิเศษของน้องๆ THE WIND กันเลยค่า
THE WIND แชร์ถึงการเดินทางมาประเทศไทย พร้อมเผยเบื้องหลังก่อนเดบิวต์
เริ่มด้วยแนะนำวง และอยากให้แต่ละคนแนะนำตัวพร้อมเสน่ห์ของตัวเองให้ทุกคนจดจำได้หน่อยค่ะ
ทุกคน : สวัสดีครับ พวกเรา THE WIND ครับ
ชินแจวอน : สวัสดีครับ ผม “ชินแจวอน” ลีดเดอร์ของ THE WIND ครับ ด้วยความที่เป็นลีดเดอร์ ผมคิดว่าเสน่ห์ของผมคือความแข็งแรงครับ
อันชานวอน : สวัสดีครับ “อันชานวอน” เป็นรับบทเป็นน้องเล็กลำดับที่ 1 ของ THE WIND ครับ ถ้าพูดถึงเสน่ห์ของผม ซึ่งถ้าด้วยปากของตัวเองก็รู้สึกค่อนข้างเขินนิดหนึ่งครับ แต่ก็คือความน่ารักครับ
ธนาทร : สวัสดีครับ ผม “ธนาทร” นะครับ เป็นคนไทยคนเดียวของวง และของค่าย แล้วก็เป็นคนเดียวที่เกิดปี 2005 ครับ
จางฮยอนจุน : สวัสดีครับผม “จางฮยอนจุน” น้องเล็กตัวจริงของ THE WIND ครับ เสน่ห์ของผมคือลักยิ้มที่สวยงาม และใบหน้าตอนยิ้มแล้วจะเห็นลักยิ้มครับ
พัคฮายูชาน : สวัสดีครับผม “พัคฮายูชาน” ผู้รับตำแหน่งเป็นมันสมองและผู้สร้างบรรยากาศของ THE WIND ครับ เสน่ห์ของผมคือน้ำเสียงครับ
ชเวฮันบิน : สวัสดีครับผม “ชเวฮันบิน” เป็นเมนแดนซ์ของ THE WIND และเป็นคนที่สูงที่สุดในวงครับ เพราะผมเป็นเมนแดนซ์ เสน่ห์ของผมก็คือการเต้นครับ
คิมฮีซู : สวัสดีครับผม “คิมฮีซู” พ่อบ้าน all-rounder ของ THE WIND ครับ เสน่ห์ของผมคือตายิ้มครับ
ถ้าให้นิยาม 5 คำที่อธิบายความเป็น THE WIND จะนิยามว่าอะไร
ธนาทร : น่ารัก สดชื่น หล่อ มีเสน่ห์ และยิ้มเก่งครับ
ชินแจวอน : พวกเราคิดเหมือนกับธนาทรครับ
THE WIND ถือว่าเป็นวงน้องใหม่ของวงการเคป็อปที่ได้รับความสนใจมากๆ คิดว่าเสน่ห์อะไรของวงที่สามารถมัดใจผู้คนมาเป็นแฟนคลับได้
ชเวฮันบิน : ผมคิดว่าเสน่ห์ของ THE WIND ที่พิเศษคือเพราะพวกเราทุกคนเป็นวงที่สมาชิกมีอายุอยู่ในช่วง 10 ปี พวกเราเลยมีภาพลักษณ์แบบวัยรุ่น มีความเป็น Youth และ Teen ผสมผสานเข้าด้วยกันเป็น Youth Teen นั่นเองครับ ผมคิดว่าตรงนี้คือเสน่ห์ของวงเรา
เล่าชีวิตการเป็นเด็กฝึกหัดของ THE WIND ให้ฟังหน่อยค่ะ
อันชานวอน : ตอนที่พวกเราเป็นเด็กฝึกหัด ผมเป็นคนแรกที่เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดคนแรกครับ เลยผมได้เจอพี่ๆ ในวงทีละคน แม้ตอนเจอกันแรกๆ จะยังทำตัวไม่ค่อยถูก แต่ด้วยความที่ผมเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดก่อนก็เลยมีสิ่งที่ผมได้แนะนำหรือสอนหลายอย่าง ให้พี่ๆ ในขณะเดียวกันพี่ๆ เองก็มีแนะนำหลายอย่างให้กับผมเช่นกัน เราต่างแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้กันครับ
วันที่รู้ว่าจะได้เดบิวต์รู้สึกยังไงบ้าง เรากำลังทำความฝันสำเร็จแล้ว
ธนาทร : จริงๆ ตอนที่รู้ว่าจะได้เดบิวต์ รู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าเราได้จะได้เดบิวต์แล้วเหรอ วันก่อนหน้านั้นเรายังซ้อมกันอยู่เลย ยังเตรียมเดบิวต์กันอยู่เลย เอาจริงๆ แม้กระทั่งวันที่เดบิวต์ยังไม่รู้เลยว่า ณ วินาทีตอนนั้น เราเป็นศิลปินแล้วอะครับ เราจะมีแฟนคลับ จะมีชื่อเสียง ดีใจมากๆ ครับ
เล่าถึงช่วงเวลาที่เตรียมเดบิวต์หน่อยเป็นยังไง ตื่นเต้น เฝ้ารอขนาดไหน
คิมฮีซู : จริงๆ ในวงของเรา ชานวอนเป็นเด็กฝึกหัดนานที่สุดประมาณ 4 ปีครึ่ง ก็คือเริ่มต้นจากชานวอน แล้วค่อยๆ มีเมมเบอร์คนอื่นเข้ามาเรื่อยๆ จนรวมตัวกลายเป็นเมมเบอร์ 7 คน แล้วเพลงเดบิวต์ของพวกเราอย่าง Island เป็นเพลงที่พวกเราได้ฟังครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วก่อนที่จะได้เดบิวต์ พวกเราเลยดีใจมากที่ได้เพลงเดบิวต์ของตัวเองแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ตั้งใจฝึกซ้อมเต้นกันมาเรื่อยๆ และในช่วงเวลานั้นที่พวกเราได้ฝึกซ้อมด้วยกันก็ทำให้สมาชิกในวงสนิทกันมากขึ้น และเป็นการฝึกซ้อมที่สนุกมากครับ
พอได้รู้ว่าจะได้เดบิวต์ครั้งแรกแล้ว ทุกคนก็มีความรู้สึกว่าฝันจะเป็นจริงแล้ว เพราะพวกเราคิดเหมือนกันว่าในช่วงที่ใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกหัดก็พยายามฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ แต่พอจะเริ่มใกล้วันเดบิวต์เข้าไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกมันใกล้จะเป็นความจริงแล้วเหรอ มีความรู้สึกแบบนี้เข้ามาครับ จนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะได้เดบิวต์เลยครับ เลยคิดว่าเราตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อให้พร้อมสำหรับเดบิวต์ครับ
แล้วพอได้เดบิวต์ ได้ขึ้นสเตจครั้งแรก เป็นยังไงบ้าง
จางฮยอนจุน : หลังจากเดบิวต์แล้ว ตอนก่อนที่จะขึ้นเวทีแรกของพวกเรา ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลยครับ แต่พอขึ้นไปแสดงบนเวทีแล้ว ผมมีความรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าที่คิดเลยหนิ ซึ่งหลังจากได้โชว์ต่อหน้าแฟนๆ และพูดคุยกับแฟนๆ ก็รู้สึกสนุกมากๆ ครับ
พอเดบิวต์และผ่านสเตจแรกแล้ว แน่นอนว่าก็ได้ทำหลายอย่าง เช่น ได้ไปรายการเพลง ได้ออกรายการ ได้เจอรุ่นพี่ ได้เจอแฟนคลับ ฯลฯ ช่วงเวลาไหนหลังเดบิวต์ที่รู้สึกตื่นเต้นที่สุดคะ
ชินแจวอน : ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดหลังเดบิวต์ สำหรับผมนะครับ ทุกครั้งที่ให้เลือกว่าใครคือโรลโมเดล ผมก็จะตอบว่ารุ่นพี่ BTOB ตลอดเลยครับ หลังจากที่ได้เดบิวต์แล้วพวกเรามีโอกาสได้ไปออกรายการวิทยุของรุ่นพี่ BTOB ครับ แล้วได้เจอกับรุ่นพี่มินฮยอก ปกติผมเป็นคนที่พูดเก่ง ไม่ใช่คนที่ไม่ค่อยพูดครับ แต่พอไปเจอรุ่นพี่มินฮยอก ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ตอนที่ได้พูดคุยกัน ผมปากสั่นและตัวสั่นไปหมด และทำตัวไม่ถูกเลยครับ
พัคฮายูชาน : แค่การได้เดบิวต์ก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ตื่นเต้นและตื้นตันที่สุดแล้วครับ แต่มีช่วงหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปขึ้นแสดงในงานเฟสติวัล แล้วตอนนั้นคนดูมีประมาณ 8,000 คนครับ ซึ่งการมีคนดูมากมายขนาดนั้นก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นในการโชว์ครับ เพราะมีคนถึง 8,000 คนอยู่ตรงหน้าเราและเป็นการขึ้นแสดงโดยมีคนดู 8,000 คนเป็นครั้งแรกครับ
แต่ละคนมีใครที่ยึดถือเป็นโรลโมเดลบ้างคะ
ชินแจวอน : เหมือนผมจะแอบสปอยล์ไปแล้วเมื่อกี้สินะครับ (หัวเราะ) ก็อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ โรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่ BTOB ครับ
อันชานวอน : ส่วนตัวผมชื่นชอบและมีรุ่นพี่ AKMU เป็นโรลโมเดลครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรีหรือความคิดของรุ่นพี่ทั้งสองคน ผมรู้สึกว่ามีความน่าเคารพนับถือมากครับ
ธนาทร : ของผมถ้าชอบเป็นพิเศษไม่ได้มีชอบใครเป็นพิเศษเลยครับ ผมชอบรุ่นพี่คนไทยทุกคนเลยครับที่ได้มีโอกาสเดบิวต์ที่เกาหลีครับ
จางฮยอนจุน : สำหรับผม โรลโมเดลไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีทั้งหมด 2 คนครับ นั่นก็คือ รุ่นพี่ฮยอนจิน Stray Kids และรุ่นพี่ยอนจุน TXT ครับ
พัคฮายูชาน : โรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่แบคฮยอน EXO ครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องของรุ่นพี่ และฝีมือการเต้นของเขา ผมชื่นชอบมากครับ
ชเวฮันบิน : โรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่แทมิน SHINee ครับ เพราะว่าไลน์เต้นของรุ่นพี่สวยงามมากครับ
คิมฮีซู : โรลโมเดลของผมเหมือนกับฮยอนจุนครับ มีทั้งหมด 2 คน คือรุ่นพี่อูจี SEVENTEEN และรุ่นพี่จินยอง B1A4 ครับ
THE WIND เพิ่งปล่อยเพลงใหม่มา รวมถึงก่อนหน้านี้ก็มีเพลงเดบิวต์ออกมาด้วย แนะนำเพลงไตเติ้ลที่เพิ่งปล่อยและเพลงเดบิวต์หน่อยค่ะ
คิมฮีซู : เริ่มจากเพลงเดบิวต์ก่อนนะครับ เพลงเดบิวต์ “Island” ในมินิอัลบั้มชุดแรกของพวกเราครับ เป็นเพลงเดบิวต์ที่มีความหมายเกี่ยวกับมีความฝันไปด้วยกัน ไปที่เกาะแห่งความฝันด้วยกัน เป็นเพลงสนุกๆ ร่าเริงสดใสครับ และอีกเพลงหนึ่งคือเพลง “We Go” เป็นเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมา โดยเป็นเพลงที่มีเพิ่มจังหวะเป็นจังหวะเร็วๆ สนุกๆ แล้วก็มีเมโลดี้ที่ไพเราะ ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นเพลงสดใส ร่าเริงด้วยเช่นกันครับ
เพลงไหนของวงที่คิดว่าเหมาะกับประเทศไทยที่สุด
ธนาทร : ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพลง “Summer Vacation” เหมาะกับอากาศของประเทศไทยครับ ตอนเพลงนี้ปล่อยออกมา ผมนึกถึงแดดประเทศไทยเป็นอย่างแรกเลยครับ
ไหนๆ ก็พูดถึงประเทศไทยแล้ว ได้มาประเทศไทยครั้งแรกในฐานะ THE WIND รู้สึกยังไงบ้าง
พัคฮายูชาน : การมาประเทศไทยในครั้งนี้ถือว่าเป็นการขึ้นแสดงในต่างประเทศเป็นครั้งแรกเลยครับ ก็รู้สึกตื่นเต้นมากและเป็นโอกาสที่รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ครับ พวกเราจะทำให้เต็มที่เพื่อการแสดงดีๆ ให้สมกับเป็นเวทีแรกในต่างประเทศครับ
ยกเว้นน้องธนาทร มีใครเคยมาไทยแล้วบ้างไหมคะ ถ้าเคย การมาไทยตอนนั้นเป็นยังไง
ชเวฮันบิน : คุณพ่อคุณแม่ของผมเคยมาฮันนีมูนที่ประเทศไทยครับ แล้วตอนนั้นผมอยู่ในท้องของคุณแม่พอครับ ผมเลยเคยมาประเทศไทยตอนอยู่ในท้องแม่ครั้งหนึ่งครับ (เอ็นดูน้อง 5555+)
แล้วการมาไทยในครั้งนี้ของ THE WIND มีอะไรอยากทำในประเทศไทยไหมคะ
จางฮยอนจุน : อย่างแรกเลยผมคิดเสมอว่าถ้ามาเมืองไทยอยากกินต้มยำกุ้งครับ เพราะตอนอยู่ที่เกาหลี พี่ธนาทรเคยซื้อมาม่าต้มยำกุ้งให้กินครับ แล้วผมเคยกินกับพี่ฮันบินสองคนครับ รู้สึกว่าอร่อยมากครับ แต่อยากรู้ว่ารสชาติจริงๆ ของต้มยำกุ้งเป็นยังไง ก็เลยคิดว่าถ้ามาเมืองไทยอยากจะกินต้มยำกุ้งครับ
สุดสัปดาห์ : แล้วได้ลองกินต้มยำกุ้งหรือยังคะ
จางฮยอนจุน : ยังไม่ได้ลองกินเลยครับ
สุดสัปดาห์ : ขอให้ได้ลองกินนะคะ จะได้รู้รสชาติจริงๆ ของต้มยำกุ้งว่าเป็นยังไง อร่อยมากๆ ค่ะ
ก่อนมาไทย ธนาทรได้มีได้บอกข้อมูลหรือสอนอะไรสำหรับเตรียมพร้อมมาไทยไหม
ธนาทร : ผมก็สอนภาษาไทยที่เป็นคำพื้นฐานบางคำที่เป็นคำง่ายๆ ไปครับ เช่น สวัสดีครับ ขอบคุณครับ รักนะครับ ประมาณนี้ครับ
ชเวฮันบิน : พี่ธนาทรมีสอนคำสำหรับเล่นเป่ายิงฉุบให้ด้วยครับ ค้อน กรรไกร กระดาษ
ธนาทรเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้ามีทัวร์อยากมาไทยประเทศแรก เพราะเป็นบ้านเกิด ถ้าได้จัด อยากจะโชว์อะไรบ้างให้แฟนๆ ชาวไทยดู
ธนาทร : ใช่ครับ ถ้าได้มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยก็ต้องร้องเพลงไทย ต้องมีเพลงไทยอยู่แล้ว แต่ว่าเอาจริงๆ ก็อยากโชว์ความสามารถของพวกเราที่หลากหลายให้แฟนๆ ชาวไทยได้ดูกันครับ
ถ้าได้ถ่ายรายการของวงในไทย อยากจะไปถ่ายที่ไหน และทำอะไรที่นั่นบ้าง
อันชานวอน : พี่ธนาทรเป็นคนไทยก็คงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยมากกว่าพวกเราอยู่แล้ว อยากให้เป็นคอนเทนต์แบบไปไหนก็ได้ครับ แต่อยากให้พี่ธนาทรเป็นไกด์นำเที่ยว แล้วพาเมมเบอร์ทุกคนไปเที่ยวด้วยกันครับ
สุดสัปดาห์ : แล้วในฐานะเป็นไกด์ น้องธนาทรจะพาเพื่อนไปที่ไหนคะ
ธนาทร : เมื่อวานมีโอกาสได้ไปที่ตลาดจ๊อดแฟร์ครับ เพื่อนๆ ก็ตื่นเต้นกันมากว่าอันนี้อะไร อันโน่นอะไร แต่ถ้าอยากไปที่อื่น ผมอยากพาไปห้างและก็พวกร้านสะดวกซื้อครับว่าแตกต่างจากเกาหลียังไง
สุดสัปดาห์ : แล้วเมมเบอร์คนอื่นๆ มีที่ไหนที่อยากให้ธนาทรพาไปไหมคะ
ชินแจวอน : อยากไปนั่งตุ๊กๆ ครับ
ตอนที่เจอเมมเบอร์คนไหนครั้งแรกที่มีโมเมนต์จำได้ไม่ลืมที่สุด
ธนาทร : ผมมีครับ มีตอนเจอน้องฮยอนจุนครั้งแรกครับ มาครั้งแรกแบบน่ารักมาก เหมือนเด็กเรียน ใส่แว่น แล้วคล้องบัตร T-Money ไว้สำหรับสแกนขึ้นรถสาธารณะ และสะพายกระเป๋ามา พอเจอกันครั้งแรกก็แนะนำตัวเองว่าสวัสดีครับ ชื่อฮยอนจุน และบอกอายุตัวเองครับ แค่นั้นก็จบบทสนทนา ไม่ได้พูดอะไรกันต่อครับ (หัวเราะ)
THE WIND มีวิธีในการอยู่ด้วยกันและทำงานด้วยกันยังไงให้ออกมาแฮปปี้
พัคฮายูชาน : พวกเรายังอายุน้อยกันอยู่ ยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ ซึ่งการที่มารวมตัวกันแล้วการสนิทกันจะค่อนข้างง่ายครับ และตัวผมเองเป็นคนสร้างบรรยากาศเก่งอยู่แล้ว ผมคิดว่าตัวผมเองนี่แหละที่ทำให้วงมีพลังกันขึ้นมาในการจะสร้างบรรยากาศที่ดีและทีมเวิร์กที่ดีด้วยกันครับ
เม้าท์เมมเบอร์หน่อยค่ะ ใครตื่นยากที่สุด
ชินแจวอน : ผมกับฮีซูเหมือนเป็นหัวหน้าคอยดูแลห้องนอนแต่ละห้อง เพราะจะมีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้องแล้วจะคอยปลุกเมมเบอร์ครับ เท่าที่ดูจากทั้งหมดแล้วคนที่ตื่นยากที่สุดคือฮยอนจุนครับ (แอบกระซิบตอนแจวอนตอบแอบมีคนโล่งใจที่ไม่ใช่ตัวเองด้วยค่ะ เอ็นดู)
ใครตลกเฮฮาที่สุด
คิมฮีซู : แน่นอนครับว่าพัคฮายูชานครับ เพราะเป็นคนคอยสร้างบรรยากาศในวง ผมเลยคิดว่าเขาเป็นคนที่ตลกที่สุดครับ
ใครเรียบร้อยที่สุด
(มองตากันแล้วพร้อมใจหัวเราะ)
อันชานวอน : คิดว่าไม่มีครับ
ชินแจวอน : ผมคิดว่าเป็นผมครับ
ทุกคน : คิดว่าไม่น่าใช่นะครับ
พัคฮายูชาน : จริงๆ แล้วในบรรดาเมมเบอร์ของพวกเราไม่มีคนที่เรียบร้อยที่สุดหรือเงียบตลอดเวลาครับ เมมเบอร์ทุกคนเป็นคนสนุกสนานร่าเริงครับ แต่ว่าถ้าถึงเวลาจะให้เงียบหรือเรียบร้อยที่สุดจริงๆ น่าจะเป็นชานวอนกับพี่ธนาทรครับ
คิดว่าใครมีความเท่ที่สุด
(มองตากันแล้วหัวเราะอีกครั้ง)
พัคฮายูชาน : คนที่ดูเท่ที่สุดเหรอครับ
ชินแจวอน : คนที่มีความเท่ที่สุดคือธนาทรครับ
ใครความจำดีที่สุด
ชินแจวอน : คนที่ความจำดีที่สุดคือยูชานครับ เพราะว่าเวลาเรียนท่าเต้นใหม่ๆ เขาจะจำได้เร็วที่สุด และเวลาที่ต้องจำสคริปต์ที่จะพูดเวลาออกรายการ เขาก็จะจำได้ครับ เคยมีตอนหนึ่งที่จอที่คอยบอกสคริปต์ไม่ขึ้นมา ยูชานก็รีบวิ่งไปหลังเวทีไปอ่านสคริปต์ แล้วก็ออกมาพูดได้หมดเลยครับแม้สคริปต์จะยาวมาก
คอนเซ็ปต์ของTHE WINDเป็นแนววัยทีน เด็กหนุ่มใช่ไหมคะ แล้วมีคอนเซ็ปต์แบบไหนที่อยากทำในอนาคต
ชเวฮันบิน : ด้วยวัยหรืออายุของพวกเราในตอนนี้ก็เหมาะกับคอนเซ็ปต์แบบนี้ที่สุดแล้วครับ แต่ว่าถ้าในอนาคตตอนที่เราอายุมากขึ้นกว่านี้ ก็อยากจะทำคอนเซ็ปต์ที่แรงๆ ดาร์กๆ ดูบ้างครับ
แต่ละคนมีอะไรที่อยากจะทำในวงการบันเทิงหรืออยากจะโชว์ให้ทุกคนในอนาคตบ้างไหมคะ
คิมฮีซู : ส่วนตัวผม อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าโรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่อูจี SEVENTEEN และรุ่นพี่จินยอง B1A4 ซึ่งรุ่นพี่ทั้งสองคนเป็นเมมเบอร์ที่เป็น all-rounder อยู่แล้ว เก่งทุกด้านครับ ซึ่งรุ่นพี่ทั้งสองคนก็เก่งด้านแต่งเพลงด้วย ถ้าผมมีโอกาส ผมก็จะพยายามเรียนรู้เรื่องการแต่งเพลง แล้วอยากจะแต่งเพลงให้กับวงครับ ในอนาคตก็อยากเป็นนักแต่งเพลงที่ดีครับ
ชินแจวอน : ผมมีสิ่งที่อยากทำมาตลอดครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะเล่นมิวสิกเคิลครับ เพราะมีทั้งการแสดงและการร้องเพลงด้วยครับ
ในฐานะรุ่นพี่ที่อยู่ในค่ายเดียวกัน รุ่นพี่ Highlight ให้คำแนะนำอะไรไหมคะ
พัคฮายูชาน : ก่อนที่พวกเราจะเดบิวต์ เคยมีโอกาสได้เห็นรุ่นพี่ Highlight ทำงาน และเคยได้ไปดูการแสดงและดูการอัดเสียงของรุ่นพี่อีกีกวังครับ รุ่นพี่บอกพวกเราว่าเอนจอยกับทุกๆ อย่าง เอนจอยกับการทำงานครับ เพราะคำพูดนั้นทำให้ทุกวันนี้พวกเราก็ทำงานด้วยความสนุกและเอนจอยได้ครับ
ตอนนี้ทุกคนอายุอยู่ในช่วง 10 ปีกัน ถ้าให้มองภาพวงและภาพตัวเองอีก 20 ปี ตอนช่วงอายุ 30 ปี มองไว้ว่ายังไง
จางฮยอนจุน : ส่วนตัวผมมีภาพที่มองเอาไว้ในอีก 20 ปีข้างหน้าครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเป็นโรลโมเดลของคนอื่นด้วยเช่นกันครับ เพราะถ้าเราได้เป็นโรลโมเดลของใครสักคน เราก็คงจะรู้ดีใจและภาคภูมิใจในตัวเองครับ
เป้าหมายในอนาคตของTHE WINDคืออะไรบ้างคะ
ชินแจวอน : ส่วนตัวผมนะครับ ถ้าเป็นเป้าหมายข้างหน้าในเวลาอันใกล้ อยากจะจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวของพวกเราครับ แต่ถ้าเป็นเป้าหมายสูงสุดของวงจริงๆ ก็คืออยากจะเป็นเหมือนรุ่นพี่ Highlight ที่เป็นศิลปินที่ได้รับความรักจากแฟนๆ และทำงานด้วยกันยาวนานครับ
สุดท้ายนี้ ให้ฝากผลงานและฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทย
ธนาทร : ผลงานล่าสุดของTHE WINDเป็นซิงเกิลอัลบั้มแรกของพวกเราครับ ชื่อว่า “Ready : Summer Vacation” จะมีทั้งหมด 3 เพลงครับ คือเพลง Intro ชื่อว่า “Ready”, เพลงไตเติ้ล “We Go” และอีกหนึ่งเพลงก็เป็น “Summer Vacation” ครับ ก็ขอฝากทั้งสามเพลงด้วยครับ และพรุ่งนี้ (26 สิงหาคม 2023) จะมีขึ้นคอนเสิร์ต SIMPLE K MUSIC Thailand ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกผมด้วยนะครับ
และขอฝากTHE WINDด้วยนะครับ วงของพวกเราเป็นสไตล์เพลงที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ในช่วงยุคนี้แล้ว ก็อยากให้ทุกคนมาลองฟังเพลงของพวกผม แล้วก็เมมเบอร์ทุกคนเป็นเด็กที่น่ารัก และการแสดงสีหน้าก็เป็นธรรมชาติ ฟังเพลงพวกเราแล้วจะรู้สึกสดชื่น และคลายเครียดได้ครับ ก็ขอฝากทุกคนเอ็นดูพวกผมด้วยนะครับ
น้องขอฝากให้ช่วยเอ็นดูขนาดนี้ งานนี้ก็ต้องขอเชิญชวนทุกคนมาทำความรู้จักและสนับสนุนผลงานของ THE WIND กันนะคะ เป็นวงน้องใหม่อายุน้อยที่ความสามารถเกินอายุ และมีเสน่ห์ไม่เหมือนใครด้วย บอกเลยถ้าได้รู้จักอาจจะโดนตกไม่รู้ตัวได้เลยค่า #รับประกัน
.
.
TEXT : ImJinah
PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม
.
.
.
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
จา-เฟริสท์ แย้มเบื้องหลังกองถ่ายทำซีรี่ย์เรื่อง Be Mine SuperStar และการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
Exclusive Interview กับ BALLISTIK BOYZ ศิลปินชั้นนำแห่งวงการ J-POP ความปังระดับตัวพ่อ
สัมภาษณ์พิเศษวง PSYCHIC FEVER วงน้องใหม่มาแรงจากญี่ปุ่น พกพาความดีงามเบอร์ล้าน
พูดคุยกับ TRINITY กับการเติบโตจนได้ร่วมงานกับศิลปินต่างชาติ และมุมมองต่อวงการ T-POP