สัมภาษณ์พิเศษ ซูรุ่ยฉี (SU RUIQI หรือ SURY) ศิลปินสาวชาวจีนที่มีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม แม้เธอจะผ่านความผิดหวัง และอุปสรรคมาไม่น้อยในเส้นทางสายดนตรี แต่เธอก็ไม่เคยละทิ้งความฝันและความพยายามเลยสักครั้ง
ซูรุ่ยฉี สาวน้อยผู้ไม่เคยยอมแพ้
ซูรุ่ยฉี เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เคยผ่านการแข่งขันในรายการเซอร์ไวเวิลมาแล้วถึง 3 รายการ ต้องบอกว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้เธอผ่านทั้งความผิดหวัง เสียใจมาไม่น้อย แต่เธอก็ไม่เคยยอมแพ้ และไม่เคยละทิ้งความฝันของเธอเลย โดยในปี 2018 ซูรุ่ยฉี เคยเข้าร่วมรายการ PRODUCE 101 CHINA สามารถทะลุไปได้ถึงรอบ 36 คนสุดท้าย แต่ยังไม่สามารถเข้าไปสู่รอบไฟนอลได้
สองปีต่อมา ซูรุ่ยฉีตัดสินใจกลับมาเข้าร่วมรายการเดิมอีกครั้ง โดยรายการมีการเปลี่ยนชื่อเป็น CHUANG ตั้งแต่ปี 2019 และในรายการ CHUANG 2020 ครั้งนี้ ซูรุ่ยฉีก็กลับมาพร้อมความสามารถที่ครบเครื่องทั้ง ร้อง เต้น และแร็ป จัดเต็มมาก เรียกว่าทำผลงานได้ดีตั้งแต่รอบแรก และทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ ในรายการ ทำให้ซูรุ่ยฉีเข้าสู่รอบไฟนอลได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายมากที่เธอไม่ติด 1 ใน 7 พลาดโอกาสการเดบิวต์เป็นสมาชิก BONBON GIRLS 303 ใครหลายคนต่างก็พากันเสียดาย เพราะเธอเก่งและมีความสามารถมากจริงๆ
แม้เส้นทางในการวิ่งตามความฝันในการเป็นไอดอลของซูรุ่ยฉีจะพลาดหวังมาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา แต่สาวน้อยคนนี้ก็ยังคงสู้ไม่ถอย เธอตัดสินใจวิ่งเข้าหาความฝันอีกครั้ง ด้วยการบินข้ามประเทศมาเข้าร่วมรายการของเกาหลีอย่างรายการ Girls Planet 999 โดยซูรุ่ยฉีเป็นหนึ่งใน 33 ผู้เข้าแข่งขันจากประเทศจีน
แฟนๆ ที่ติดตามซูรุ่ยฉีมาตลอด ต่างก็ส่งกำลังใจให้เธอกันอย่างมากมาย ในรายการซูรุ่ยฉีโชว์ความสามารถหลายอย่างทั้งร้อง ทั้งเต้น ทำให้แฟนๆ ชาวจีนและเกาหลีรวมถึงประเทศอื่นๆ ต่างก็ชื่นชอบในตัวเธอมากขึ้น ผลการแข่งขันซูรุ่ยฉีถูกคัดออกในรอบสุดท้าย ได้อันดับ 13
แม้เธอจะตกรอบจากการแข่งขันครั้งนั้น แต่ความพยายามและความฝันไม่เคยหายไปจากตัวเธอเลย ซูรุ่ยฉียังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำผลงานเพลงดีๆ ออกมาในฐานะศิลปินเดี่ยว ล่าสุดเธอปล่อยเพลง “The Phoenix” ที่อยากส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับแฟนๆ ของเธอ
สุดสัปดาห์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ซูรุ่ยฉี ผ่านทางออนไลน์ และการได้พูดคุยกันครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเป็นยอดนักสู้ของเธอจริงๆ
สัมภาษณ์พิเศษ ซูรุ่ยฉี ศิลปินสาวชาวจีนที่ไม่เคยละทิ้งความฝันและความพยายาม
อยากให้เล่าถึงครอบครัวของคุณให้เราฟังสักนิดค่ะ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกสไตล์ไหนคะ
ฉันมีน้องสาวค่ะ พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบไม่เข้มงวดมาก ปล่อยให้ลูกได้คิดและทำอะไรอย่างอิสระ จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ ท่านทั้งสองสนับสนุนฉันอย่างดีในการทำงานในวงการนี้ คอยให้กำลังใจฉันในการทำสิ่งตัวเองรัก สำหรับครอบครัวของเราใช้ชีวิตแบบชิลๆ ง่ายๆ กันค่ะ พ่อแม่เหมือนเพื่อนฉันเลย กับพ่อเรามักจะมีเรื่องคุยกันเสมอ อย่างเมื่อเร็วๆนี้ ฉันดูรายการกับคุณพ่อ ฉันบอกให้ท่านลองฟังเพลงของไอดอลที่ฉันชอบ เขาปล่อยเพลงใหม่แล้วนะคะ ลองดูการแสดงนี่สิ พ่อดูแล้วบอกว่า “พ่อคิดว่าพวกเขาเยี่ยมมาก” คุณพ่อยังชอบคอมเม้นท์ แชร์ความคิดเห็นต่างๆกับฉัน ให้ความรู้สึกเหมือนฉันคุยกับเพื่อนค่ะ
ช่วงวัยเรียนของคุณล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่วงวัยเรียน ฉันได้เข้าร่วมโปรเจ็กต์ศิลปะมาโดยตลอด รวมถึงการเข้าร่วมกลุ่มและชมรม อย่างชมรมเต้น และอื่นๆ อีกมากมาย ฉันเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมมากค่ะ สิ่งเหล่านั้นมีความหมายอย่างมาก เพราะมันบ่มเพาะให้ฉันเป็นฉันในวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงโรงเรียนอนุบาล
และเพราะว่าฉันเข้าร่วมกลุ่มทั้งหลายในเวลาเดียวกัน เลยทำให้ตารางชนกัน ในตอนเริ่มต้นพวกเขาก็บอกกับฉันว่า ไม่เป็นไรนะ ถ้าตารางชนกัน วันนี้เธอมาคลาสหนึ่ง พรุ่งนี้เธอค่อยมาอีกคลาสหนึ่งก็ได้ เหมือนให้สลับและจัดตารางเวลา แต่สุดท้ายฉันก็รู้ตัวว่า ฉันเข้าร่วมชมรมหลายชมรมเกินไปค่ะ มีประมาณ 4 ชมรมที่ฉันเข้าร่วม (ยิ้ม) และในท้ายที่สุด ฉันก็ไม่มีทางเลือก ฉันจึงยอมเลิกทำบางอย่างไป เหลือแค่ 2 ชมรมที่ฉันยังคงร่วมอยู่ค่ะ
ฉันยังเคยเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ด้วย อย่างเช่น วอลเลย์บอล แต่ไม่เชิงชมรมวอลเลย์บอลนะคะ เป็นเหมือนคลาสออกกำลังกายที่ผสมวอลเลย์ที่เกี่ยวข้องกับการเต้น รวมถึงชมรมเต้นฉันก็ร่วมด้วย ชมรมคอรัส และชมรมวิทยุกระจายเสียง ฉันเป็นส่วนหนึ่งของชมรมทั้งหมดที่กล่าวมา เรียกได้ว่าในช่วงวัยเรียน ฉันแบ่งเวลาทำกิจกรรมร่วมกับชมรมนับไม่ถ้วนเลยละค่ะ
ในเส้นทางของการเป็นศิลปิน คุณเคยผ่านการผิดหวังมาก่อน คุณเคยร้องไห้ หรือเคยคิดที่จะยอมแพ้บ้างมั้ยคะ
ฉันคิดว่าการร้องไห้เป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับทุกคน แต่ฉันไม่ค่อยร้องไห้เท่าไรค่ะ ฉันคิดว่าฉันอาจจะร้องเมื่อตอนฉันยังเด็ก แต่เมื่อฉันโตขึ้นฉันก็ร้องไห้ไม่เยอะแล้วค่ะ พูดถึงเรื่องการยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยคิดนะคะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยอยากถอดใจ แต่ว่าฉันต้องทำค่ะ ฉันต้องไปต่อค่ะ
ฉันเคยคิดถึงการหาทางออก(ในวงการบันเทิง)ให้ตัวเอง ตอนนั้นฉันคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของฉัน ฉันพูดว่า ‘พ่อคะ แม่คะ คิดว่าหนูควรทำอันนี้แทนดีไหมคะ’ และพ่อแม่ของฉันโกรธมากตอนที่ได้ยินฉันพูดแบบนั้นออกไป พวกท่านตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า… ‘ทำไมลูกถึงอยากทำสิ่งนี้ล่ะ? เคยบอกว่าความฝันของลูกคือการเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ?’ ‘ทำไมอยู่ดีๆ ถึงคิดจะลองทำเรื่องนี้ล่ะ? ทำไมถึงไม่ทำตามความฝัน?’
ในตอนนั้นฉันรู้สึกผิดมากเลยละค่ะ ฉันคิดว่า ‘แน่นอนฉันอยากที่จะเป็นนักร้อง แต่ฉันแค่มองไม่เห็นความหวังเลย และไม่เห็นทางออกอีกแล้ว’ ฉันเลยบอกกับพวกท่านถึงแผนสำรอง ฉันไม่สามารถที่จะนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกผิดมากที่เห็นพ่อแม่ผิดหวัง
หลังจากบทสนทนาครั้งนั้น ทุกค่ำฉันจะไปหาแม่แล้วพูดคุยกันค่ะ พวกเรานั่งร้องไห้ด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นฉันค่ะ (ยิ้ม) แม่ฉันไม่ค่อยร้องไห้ ฉันร้องไห้แล้วพวกท่านก็เริ่มเข้าใจกับสิ่งที่ฉันต้องเจอในช่วงเวลานั้น แต่ในเวลาเดียวกัน เรื่องพวกนี้ก็เป็นแรงผลักดันเช่นกัน เพราะความแน่วแน่ของพวกท่าน ทำให้ฉันไม่อยากยอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน และยังคงไล่ตามความฝันฉันอยู่ ในตอนนั้นฉันรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ของฉันมากๆ เลยค่ะ
คุณอยากบอกอะไรกับทุกคนที่กำลังสู้เพื่อความฝันบ้างคะ
อย่างแรกเลยนะคะ เมื่อคุณรู้สึกว่าอยากที่จะยอมแพ้ ให้ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าคุณยอมแพ้กับความฝันของคุณ ใน 10 ปีข้างหน้า เมื่อคุณมองย้อนกลับมาคุณจะรู้สึกเสียใจมั้ย ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจะต้องเสียใจ และคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะยอมแพ้ ฉันคิดว่าคุณควรที่จะสู้ต่อไปค่ะ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า ในอีก 10 ปี มองย้อนมาแล้วรู้สึกว่าฉันโอเค ฉันไม่เสียใจ หรืออาจจะคิดว่าเส้นทางที่ฉันกำลังอยู่ตอนนี้ ฉันคิดมาดีแล้วละ หากเป็นเช่นนั้นฉันคิดว่าคุณควรจะเคารพการตัดสินใจของตัวเองเช่นกัน
จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมรายการ Girls Planet 999 ช่วงเวลาไหนที่คุณประทับใจเป็นพิเศษคะ
ถ้าพูดถึงเรื่องรายการ Girls Planet 999 แล้วคงเป็นเรื่องของ Wen Zhe ตอนนั้นเธอเกือบจะถูกคัดออกจากรายการ เธอยืนอยู่บนเวทีและก็ร้องไห้ออกมา เธอพูดว่า ‘ฉันไม่อยากจากไป’ และในตอนนั้นฉันรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ เพราะเธอเคยบอกเอาไว้หลายต่อหลายครั้งว่า เธอคาดหวังกับตัวเองเอาไว้มากในการมาออกรายการนี้ และเธอเลยรู้สึกว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม เธอไม่สามารถออกจากรายการได้ในรอบแรก เธอต้องทำให้ได้ดีกว่ารอบที่แล้ว
แต่ในตอนนั้นมันช่างโชคร้ายจริงๆ หลังจากรอบแรกเธอเกือบถูกคัดออกจากรายการ เธอสั่นไปหมดและกลั้นหายใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันไม่อยากไป ฉันไม่อยากจากไป” และฉันที่ยืนอยู่บนเวทีในช่วงเวลานั้น รู้สึกว่าเธอช่างมีสปิริต นั่นทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่ฉันอดทนไล่ตามความฝัน สำหรับพวกเราที่เข้าร่วมรายการเซอร์ไวเวิล เพื่อที่จะได้โอกาสในการยืนอยู่บนเวที สำหรับพวกเราที่มีความฝันร่วมกันนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจและน่าจดจำมากสำหรับฉันค่ะ
แล้วถ้าเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำระหว่างคุณกับแฟนคลับล่ะคะ
ตอนวันเกิดครบรอบ 19 ปี ฉันอยู่บนเวที และมีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นระหว่างวันเกิดของฉัน แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวเลย หลังจากนั้นฉันได้ย้อนดูการแสดงบน VCR ฉันเห็นแฟนๆ และ VCR ที่แฟนๆ ทำให้ฉัน ผู้คนมากมายเชียร์ฉัน ให้กำลังใจฉัน นอกจากนั้นพวกเขายังตัดต่อคลิปเกี่ยวกับฉัน รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง พวกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมด อย่างเมื่อตอนฉันยังเด็กมากๆ เด็กมากเสียจนฉันเองก็ยังจำไม่ได้ อะไรก็ตามที่ฉันเคยทำ อะไรก็ตามที่ฉันเคยพูด ทั้งหมดนั้นถูกรวบรวมเอาไว้ในวิดีโอ ในตอนนั้นฉันคิดจริงๆ ว่าฉันเหมาะสมตรงไหนที่จะได้รับความอบอุ่นเหล่านี้ ได้รับเวลาและความทุ่มเทที่ทุกคนมีให้เพื่อที่จะทำเรื่องเหล่านี้ออกมา ฉันรู้สึกตื้นตันมาก และรู้สึกราวกับได้รับคำอวยพรที่ได้ร่วมเดินบนเส้นทางนี้กับทุกคนค่ะ
คุณอยากลองทำอะไรอย่างอื่นในวงการบันเทิงบ้างไหม
จริงๆ แล้วฉันรู้สึกว่าศิลปะทุกแขนงเชื่อมโยงกันนะคะ ฉันคิดว่าฉันอยากลองอะไรใหม่ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ฉันพร้อมที่จะเรียนรู้มันก่อนค่ะ เมื่อฉันรู้สึกว่าพร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนเห็นอีกด้านของฉัน ทุกคนอาจได้เซอร์ไพรส์กันค่ะ
เพลงใหม่ล่าสุดของคุณ “The Phoenix” ปล่อยออกมาแล้ว ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของตัวเองรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ตอนที่ฉันได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก ฉันรู้สึกถึงการต่อสู้ และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาค่ะ เป็นความรู้สึกประมาณนั้นเลยค่ะ ฮึกเหิมและน่าหลงใหลราวกับเพลงสงคราม เป็นอะไรบางอย่างที่คุณจะฟังก่อนเล่นเกมหรือฟังตอนเล่นเกม ราวกับว่าคุณจะทำได้ดีขึ้นเมื่อฟังเพลงนี้ เมื่อตอนที่ฉันได้ยินเพลงเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าฉันต้องเล่นเกมเลยค่ะ (หัวเราะ) ฉันต้องฟังเพลงนี้เพื่อไปแข่งขัน
ส่วนตัวแล้วฉันชอบเพลงแบบนี้มากค่ะ เพลงที่ลุกไหม้ไปด้วยความน่าหลงใหล ตอนได้ยินเพลงนี้ ฉันพูดออกมาเลยค่ะว่า ‘เพลงนี้ใช่เลย มันเยี่ยมมาก’ อย่างแรกคือความชอบ อย่างที่สองเพราะว่าเพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่ต้องมาคิดว่าจะเล่าเรื่องราวออกมาอย่างไร ภาพของเพลงนี้มันชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ชัดมากเสียจนสามารถเขียนเนื้อเพลงออกมาได้ท่อนต่อท่อนเลยค่ะ
รู้มาว่าคุณเคยมาเมืองไทย ประทับใจอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยบ้างคะ
ฉันชอบประเทศไทยมาก สิ่งที่ฉันชอบคือข้าวเหนียวมะม่วง ต้มยำกุ้งค่ะ และก็ยังชอบปู ล็อบสเตอร์ อาหารทุกอย่างอร่อยมากๆ พวกอาหารประเภทแกงก็อร่อยค่ะ ฉันกินไปเยอะมาก ตอนที่ฉันอยู่เฉิงตู บางทีฉันก็ไปร้านอาหารไทยหรือกินอาหารไทยค่ะ เพราะฉันคิดว่ามันน่าอร่อยและอร่อยมากๆ เลยละค่ะ ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว ฉันก็ชอบมาก ฉันได้ไปที่หนึ่ง ฉันคิดว่ามันคือสวนสนุกอะไรประมาณนั้น มีชิงช้าสวรรค์และฉันก็ได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าที่นั่นเรียกว่าอะไรค่ะ (ยิ้ม)
อยากบอกอะไรกับแฟนๆ ชาวไทยที่รักและคอยสนับสนุนคุณไหมคะ
ขอบคุณทุกคนนะคะที่คอยสนับสนุนกันมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ และฉันจะตั้งใจทำงานต่อไป ผลิตผลงานที่ดีสำหรับทุกคน แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน แต่ฉันหวังว่าพวกคุณจะได้รับรู้ถึงข้อความจากงานของฉัน พลังที่ฉันอยากส่งต่อให้ทุกคน ในอนาคตนี้ฉันอาจจะปล่อยเพลงใหม่ และยังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมถึงเข้าร่วมรายการวาไรตี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะคอยติดตามดูนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
Text: AuAi Photo: Weibo https://m.weibo.cn/status/4717297467655388?
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สามสหายสายฮา ป๊อบ ว่าน โจ๊ก จาก ออฟฟิศติดฮา ซิทคอมที่อยากให้ทุกคนมีรอยยิ้ม
JAY B (เจบี) คนชิค ผู้หลงรักแมวและการถ่ายภาพ
แจ็คสัน หวัง จากนักกีฬาทีมชาติ-ศิลปิน สู่เส้นทางผู้บริหารที่นำพา TEAM WANG ไปไกลระดับโลก