เชียร์ ฑิฆัมพร นำทัพดาราและคุณครูต้นแบบ มอบคำพูดเด็ดๆ สร้างแรงบันดาลใจในการอ่าน

หลังจากโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปีแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก ทางบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อเป็นปีที่ 2 พร้อมกับจัดงานเปิดตัวไปเรียบร้อย ภายในงานนอกจากจะมีคณะผู้บริหารของทั้งสองบริษัทมาร่วมงานแล้ว ยังมีดารานักแสดงอย่าง เชียร์ ฑิฆัมพร และณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การอ่านร่วมกับคุณครูต้นแบบ 2 ท่านด้วย

เชียร์ ฑิฆัมพร จับมือณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม มาร่วมแชร์ข้อคิดดีๆ ที่ได้จากการอ่าน

ได้ฤกษ์เปิดตัวปีที่ 2 ของโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานได้มีการเชิญแขกรับเชิญ 4 คนมาร่วมพูดคุยเสวนาภายใต้ชื่อว่า “สุขเพราะอ่าน…อ่านจึงสุข” โดยอ.อาทร ไทยป้อม ครูตัวอย่างจากโรงเรียนวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท , อ.อัจฉรา ประดิษฐ์ ประธานหลักสูตรวรรณกรรมเด็ก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธาอภินันท์ และณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม ซึ่งแต่ละคนแชร์ประสบการณ์และข้อคิดแบบไม่มีกั๊ก สุดฯ เองนั่งฟังไป ยังได้ข้อคิดกลับมาเพียบ แต่ละคำเด็ดๆ กระแทกใจทั้งนั้น วันนี้สุดฯ รวบรวมมาให้แล้วจ้า

ส่งความรู้ สร้างความสุข, เชียร์ ทิฆัมพร

“การอ่านหนังสือช่วยให้ประสาทสัมผัสของเราละเอียดขึ้น เราจะเริ่มอ่านสิ่งรอบๆ ตัวได้ แม้ไม่ใช่ตัวหนังสือก็ตาม เช่น นอกจากอ่านหนังสือแล้ว ครูยังสามารถอ่านสีหน้าคน บรรยากาศหรืออากาศได้” – อ.อัจฉรา ประดิษฐ์

“การจะทำอะไรสักอย่าง จะมีคำหนึ่งขึ้นมาทันที คือคำว่า “รู้” เราจะรู้ได้ก็ต้องมีข้อมูลให้มาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็มาจากอ่านนั่นเอง ซึ่งความรู้จากการอ่านนอกจากจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ความรู้เหล่านี้อาจจะทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นด้วย” – เชียร์ – ฑิฆัมพร

“การอ่านหนังสือเปรียบเสมือนการกินอาหาร เป็นอาหารสมองและอาหารจิตใจ หรือองค์ความรู้นั่นเอง พอสติปัญญาดี ส่งผลให้จิตใจเราดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่กินให้เยอะที่สุด แต่เราต้องกินของที่มีประโยชน์ บริโภคในสิ่งที่ดีๆ ความคิดที่ดี จะทำให้เราเป็นคนฉลาดและคนจิตใจดีตามไปด้วย” – ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม

“การอ่านอย่างเดียวไม่ทำให้เราจำได้ ต้องผ่านการจดหรือนำไปต่อยอด ครูต้นใช้วิธีสอนให้นักเรียนรู้จักคิดและวางแผนว่าเราจะเอาความรู้จากการอ่านเหล่านี้ไปทำอะไร การอ่านจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด” – อ.อาทร ไทยป้อม

“หนังสือแต่ละเล่มก็สอนเราไม่เหมือนกัน แถมยังรวมโลกไม่รู้กี่ใบไว้ด้วยกัน อยากไปอวกาศก็พาไปได้ และคนเราไม่มีทางเกิดได้ทันทุกยุคสมัย คิดดูว่าเราสามารถรู้จักคนเก่งๆ มากมายได้จากหนังสือเล่มเดียว เรียกว่าโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ได้เอาโลกที่กว้างใหญ่แบบนี้ไปมอบให้กับน้องๆ ได้อย่างทั่วถึงจริงๆ” – เชียร์ – ฑิฆัมพร

“การอ่านหนังสือ 15 นาที เหมาะสำหรับมือใหม่หรือสำหรับเด็ก การอ่าน 15 นาที เป็นการดีท็อกซ์จากโลกโซเชียล และ 15 นาทีก็ควรเป็นการอ่านหนังสือ เช่น วรรณกรรมคลาสสิก นอกจากนี้อย่าให้การอ่านจบแล้ว ผ่านเลยไป อาจจะชวนเด็กๆ มาคุยกันต่อ เพื่อต่อยอดความคิดจากหนังสือ” – อ.อัจฉรา ประดิษฐ์

“การอ่านสำคัญกับชีวิตเรา อยู่ที่ว่าอ่านมากหรืออ่านน้อยแค่นั้น สำหรับตัวครูเอง ครูอ่านทุกอย่างที่เป็นตัวหนังสือ แม้กระทั่งเปลือกลูกอม หรือจะเป็นถุงกล้วยแขกก็ตาม” – อ.อาทร ไทยป้อม

“การอ่านช่วยให้เรามีความรู้มากขึ้น อย่างนักแสดง ถ้าเรามีข้อมูลในลิ้นชักเยอะ เราจะแสดงได้ดี ยกตัวอย่าง เคยแสดงเรื่อง 4 แผ่นดิน เดิมทีไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน พอเราอ่านปุ๊บ เราก็เข้าถึงบทละครมากขึ้น นอกจากในหนังสือจะบอกเล่าเรื่องราวของละครแล้ว ในเล่มยังบอกประวัติศาสตร์ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศในสมัยนั้น ทำให้เราอินกับการแสดงมากขึ้นไปอีก” – ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม

“คำว่ารากฐานแทบเป็นคำอธิบายทุกอย่าง การอ่านหนังสือทำให้เรามีรากฐานในการใช้ชีวิต” – ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม

แต่ละประโยคกินใจมาก สร้างแรงบันดาลใจจนทำให้สุดฯ เองอยากลุกขึ้นมาสะสมคลังความรู้ของตัวเองบ้างเลย ยกให้เป็นวลีเด็ดเลยจ้า เรียกว่าเป็นการเสวนาที่ทำให้ผู้ร่วมงานได้รับข้อคิดดีๆ กลับไปจริงๆ ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่ควรจะอ่านหนังสือ ผู้ใหญ่อย่างเราก็ไม่สายเกินกว่าจะเพิ่มลิ้นชักความรู้ตัวเองด้วย เกิดแรงฮึดมาก ขออนุญาตไปร้านหนังสือแพร๊บส์ค่าาา