สุดสัปดาห์มีนักแสดงรุ่นใหม่ของไทยอีกคนที่น่าจับตามองมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันค่า นั่นก็คือ ยิม ธัญญะ ธีระขจรกิจ ที่ขอบอกเลยว่าจากการได้ไปพูดคุยกับยิมมา เป็นนักแสดงที่มีแพสชั่นมาเต็มกับการเป็นนักแสดงมากๆ ซึ่งล่าสุดเขาก็มีผลงานการแสดงสุดท้าทายกับการต้องรับบทเป็นสองคาแร็กเตอร์ในซีรีส์เรื่อง “เกิดใหม่อีกครั้งเป็นคาสโนวา (Casanova Begins)” ว่าแต่เรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร และการต้องมารับบทสุดท้าทายนี้ของยิมจะเป็นยังไงบ้าง สุดสัปดาห์มีบทสัมภาษณ์จากยิมมากฝากค่า
สัมภาษณ์ ยิม ธัญญะ กับเส้นทางนักแสดงที่มาพร้อมแพสชั่น
เส้นทางการเป็นนักแสดงของยิม เริ่มต้นขึ้นยังไงคะ
เส้นทางนักแสดงของยิมเริ่มต้นขึ้นจากตอนเรียนมหา’ลัย ยิมไปแคสต์โฆษณาและเอ็มวี แต่ก่อนหน้านั้นด้วยความที่ยิมเรียนเกี่ยวกับด้านนิเทศศาสตร์ ก็เลยมีรุ่นพี่ให้เราไปเล่นโน่นเล่นนี่ แล้วก็เคยไปเป็นเอ็กซ์ตร้าในหนังเรื่องหนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มเส้นทางเป็นนักแสดงแบบจริงๆ จังๆ มากขึ้นตอนปี 2 ก็ได้เป็นเล่นหนังสั้นของผู้กำกับพี่เสือ พิชย จรัสบุญประชา รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เล่นกับนนกุล ชานน สันตินธรกุล ชื่อเรื่องว่า “ดงผีป่า” (The Sanctuary) เป็นฟีลหนังผีหน่อย แต่ไม่ได้แนวผีมาก
แล้วก็หายไปเลย กลับมาแสดงอีกครั้งตอนปี 4 เริ่มถ่ายโฆษณา เล่นเอ็มวี ถ่ายแบบ แล้วก็เริ่มมาเล่นซีรีส์ของแกรมมี่ เป็นนักแสดงสมทบครับ แล้วก็ค่อยมาเป็นนักแสดงหลัก ได้รับบทเป็น “ตูน” คนที่มีภาวะโรคซึมเศร้าในซีรีส์เรื่อง “junk mail จดหมายที่ไม่ถูกเปิด ตอน จดหมายจากเพื่อนดาม” ก่อนจะมีเล่นซีรีส์วายเต็มตัวครับ
เดิมมีความฝันอยากเป็นนักแสดงอยู่แล้วไหมคะ หรือฝันอยากทำอาชีพอื่น
ยิมมีความฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็กแล้วครับ ตอนเด็กๆ ก็จะชอบดูทีวี ชอบดูรายการแข่งขันไม่ว่าจะแข่งขันร้องเพลงหรือแข่งอะไรต่างๆ แล้วในรายการจะมีคลาสแอ็กติ้ง ยิมก็จะชอบไปนั่งดู แล้วรู้สึกว่าเราอยากทำแบบเขา ผมมีทำตามด้วยนะครับตามที่ครูเขาสอนเด็กในคลาส พอเราทำตาม เราก็รู้สึกว่าวันหนึ่งเราอยากเป็นนักแสดงแบบนี้ อยากทำแบบนี้ได้เหมือนกันนะ
จากความฝันวัยเด็กในวันนั้น ยิมก็ได้มาเป็นนักแสดงเต็มตัวเรียบร้อย แล้วล่าสุดยิมก็มีผลงานซีรีส์เรื่อง “เกิดใหม่อีกครั้งเป็นคาสโนวา (Casanova Begins)” เล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
เรื่องราวจะเริ่มขึ้นที่ “ปลื้ม” วิญญาณแฟนเก่าของ “ขุนเขา” เขาต้องเข้าไปสู่ในร่างของ “คิม” ที่เป็นคาสโนวา ซึ่งคิมเป็นคนที่ปลื้มและขุนเขาเกลียด แต่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้เพื่อตามจีบขุนเขา แต่จะมีข้อจำกัดหนึ่งอยู่นั่นก็คือถ้ามีใครรู้ว่าข้างในเราเป็นใคร จะมีชีวิตอยู่ต่อได้เพียงแค่ 24 นาที เรื่องราวก็จะมีความน่าสนใจตรงนี้ครับ
ด้วยความที่เรื่องนี้ต้องรับบทเป็นสองคาแร็กเตอร์ มีความแตกต่างกันยังไงบ้างคะ
อย่างคิมก็จะเป็นหนุ่มคาสโนวาเลย ชอบเอาชนะ เอาแต่ใจ ส่วนปลื้มคือตรงข้ามกันคิมเลย เป็นคนที่คลั่งรักมาก ให้ความรักมาเป็นอันดับ 1 คำสัญญาต้องมาก่อน สองตัวละครเลยมีความคอนทราสกัน
แล้วตอนที่อ่านบทครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างที่ต้องมารับบทนี้ ซึ่งมันท้าทายมาก
ตอนแรกที่ยิมอ่านบทแล้วรู้ว่าต้องมาแคสต์เรื่องนี้ ยิมก็แค่รู้สึกว่าเฮ้ย! บทนี้ทำไมมันจัง ทำไมน่าเล่นจัง อยากเอาตัวเองไปกระโจนเป็นตัวละครทั้งสองตัวนี้ครับ อยากรู้ว่าเราเล่น เราจะดีไซน์บทยังไง เราจะขยี้แล้วทำออกมาเป็นยังไง พอมีโอกาสได้แคสต์ผ่านแล้ว ได้ไปเวิร์กช็อป พอได้เล่นจริงๆ ก็รู้สึกว่าเป็นการแสดงที่มันเหมือนกันนะที่ได้เล่นเป็นสองคาแร็กเตอร์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ความยากคือเราไม่สามารถเป็นคาแร็กเตอร์ใดได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าเราต้องเล่นยังไงก็ได้ให้เป็นอีกคนหนึ่งโดยไม่เป็นตัวเอง แต่ยังมีความเป็นตัวเองหลงเหลืออยู่ แบบเป็นสัญญาณแบบบางๆ ให้เขารู้ว่าเป็นเรา
เท่าที่ฟังบทจะมีความซับซ้อนอยู่ แล้วมีการไปเวิร์กกับตัวละครยังไงบ้างคะ
มีไปเวิร์กช็อปหนักอยู่เหมือนกันครับ เราต้องมานั่งรีเสิร์ช วิเคราะห์ตัวละคร และหาซีนร่วมกันว่าซีนนี้เป็นซีนที่เราทัชจริง เป็นซีนที่เราชอบของตัวละครนี้ หรือซีนนี้คือซีนที่เราไม่ชอบของตัวละครนี้ เหมือนต้องเวิร์กทุกไดนามิกของบทเลยเหมือนกันครับ
แล้วเวลาแสดงมีวิธีการแยกตัวละครยังไงบ้าง เพราะคาแร็กเตอร์ตัวละครต่างกัน วิธีการแสดงก็น่าจะแตกต่างกัน
ของยิมง่ายตรงที่เราทำการบ้านมาแข็งแรงแล้ว ไม่ได้ค่อนข้างยากมาก แต่แค่จูนอินกับตัวเองนิดหนึ่งว่าตอนนี้เราเป็นคิมนะ เราเป็นปลื้มนะ ซึ่งสองตัวละครนี้ยิมแบ่งชัดอยู่แล้วครับ เพราะยิมรู้สึกว่าทั้งสองตัวละครเขาใช้สายตาที่ดีเหมือนกัน แล้วเป็นสายตาที่ละเอียด ซึ่งเป็นการใช้สายตาที่ไม่เหมือนกัน อย่างตัวคิมเขาเป็นคาสโนวา การใช้สายตาเขาจะมีความเจ้าเล่ห์กว่า มีความละเมียดในบางอย่างมากกว่า ในขณะที่ตัวปลื้ม ใช้สายตาเหมือนกัน แต่เป็นสายตาที่ใส่ซื่อกว่า แต่พร้อมที่จะพุ่งชนถ้าเป็นเรื่องของความรัก
นอกจากเจอคาแร็กเตอร์ที่ยากแล้ว มีซีนไหนที่รู้สึกว่ายากบ้างไหม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดราม่าหนักมากๆ ของยิมเหมือนกัน แล้วยิมจำได้เลยว่าเหมือนจะเป็นซีนจบ แล้วเป็นซีนจบที่ดราม่าหนักมากๆ แล้วต้องแข่งกันเรื่องของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก มีเวลาในการถ่ายซีนนั้นแค่ 5 นาที แล้วซีนนั้นเป็นซีนที่ใหญ่เหมือนกัน ต้องเก็บหลายมุม ซึ่งซีนนั้นมีนัยยะบางอย่างว่าถ้าเกิดพระอาทิตย์นั้นดับลง ชีวิตเราก็ไปเลย มันเลยมีความยากตรงนั้น แล้วมวลทุกอย่าง ด้วยความที่ซีนนั้นบทยาว รายละเอียดของซีนนั้น และเราไม่สามารถเล่นชั้นเดียวได้อย่างที่บอกไป แถมมีความพีคกว่านั้นคือเป็นซีนดราม่านะ แต่เราไม่สามารถดราม่าแบบสุดโต่งได้ขนาดนั้น เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เขาอยู่กับเราแล้วมีความสุขที่สุด ณ โมเมนต์นั้น เราต้องพูดไปยิ้มไป แต่เป็นซีนที่เศร้ามาก แล้วเราก็ร้องไห้จริงๆ แต่เราต้องกลั้นทุกอย่าง แล้วด้วยแข่งกับเวลาอีก มันเลยสุดๆ มากๆ เลยครับ
ถึงแม้ว่าทั้งสองตัวละครจะคาแร็กเตอร์ต่างกัน แต่มีมุมมองที่เหมือนกันคือเรื่องของคลั่งรัก แล้วในมุมมองความรักของยิมเป็นยังไง
ยิมเป็นคนที่มีความรักแบบเรียบง่ายมากเลยครับ อะไรก็ได้ ชิลล์ๆ เลย แต่ขอแค่เราคุยกัน เราสบายใจและเราคลิกกัน ผมเชื่อว่าถ้าคนเราอยู่ด้วยกัน เป็นพื้นที่ที่สบายใจจริงๆ เราไม่ต้องฝืนในการที่จะเป็นตัวเอง เขาไม่ต้องฝืนในการที่จะเป็นตัวเขา แต่ก็ต้องมีจุดตรงนี้ที่เราต้องเบลนมาหากัน ถ้าเราหาจุดเบลนตรงกลางนั้นได้ ยิมว่าจะเป็นคู่ที่แฮ็ปปี้แน่ๆ
บรรยากาศในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม
ม่วน สนุกมากครับ แต่ต้องเป็นตอนยิมไม่ถ่ายนะ ยิมจะชอบไปนั่งอยู่หน้าเซ็ต ชอบไปทำตัวเป็นผู้กำกับ ชอบไปคุยกับทีมงานว่าพี่ผมอยากถ่าย ผมขอลองถ่ายได้ไหม แกล้งทำเป็นผู้กำกับแบบอันโน่นได้ อันนี่ได้ แล้วก็ชอบไปเล่น ไปป่วนคนอื่น เป็นพาร์ทที่ยิมได้รีแล็กจากการถ่ายทำในแต่ละวัน เพราะบางวันที่ยิมมีถ่าย ถ้าเป็นซีนดราม่าก็จะดราม่าทั้งวันเลยครับ ตาบวมไปถึงอีกวันหนึ่ง แล้วการที่เราได้รีแล็ก ได้เล่นกับเพื่อน กับทีมงาน และช่างหน้าช่างผม มันก็เลยเป็นโมเมนต์ที่สนุก แล้วความสนุกอีกอย่างของการทำงานคือทุกคนไม่กดดันเรา ทุกคนใจเย็นกับยิม อย่างที่ยิมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าด้วยความซีนเป็นซีนที่หนัก เป็นซีนที่ยาก มีเวลาจำกัดในการถ่ายทำ ทุกคนก็รู้ว่ามันไม่ทันแล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าเราทำเต็มที่ ทุกฝ่ายเต็มที่หมด เขาก็ให้พื้นที่กับเรา ให้เวลากับเรามากๆ รู้สึกว่าเป็นความสนุกในการทำงานแบบเราได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ ได้ร่วมงานกับเพื่อนๆ และทีมงานทุกคนครับ เป็นจุดที่เราได้เจอคนเก่งๆ แล้วร่วมมือกันทำผลงานให้ออกมาดีแล้ว
จากการแสดงในเรื่องนี้ ทำให้ยิมได้เรียนรู้แง่คิดอะไรบ้างคะ
ยิมรู้สึกว่าทำให้เราเห็นค่ากับตัวเองมากขึ้น และเห็นค่ากับทุกอย่างมากขึ้น คนเราไม่สามารถตายแล้วมาเกิดใหม่โดยที่สามารถกลับมาแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองได้ ยิมเลยรู้สึกว่าทำให้เราต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ใส่ใจทุกคนมากขึ้น ถ้าเป็นมู้ดรวมของเรื่องนี้ ยิมรู้สึกว่าถ้าคนดูดูเรื่องนี้จบ อาจจะอยากไปบอกคนรอบตัวว่าเรารักคุณนะ เราคิดถึงเธอนะ ไปกินข้าวด้วยกันนะ มันทำให้กล้าที่จะพูดมากขึ้น กล้าที่จะแสดงความรู้สึกมากขึ้น
แล้วเรื่องนี้ทำให้ยิมเติบโตในฐานะนักแสดงยังไงบ้างคะ
จริงๆ ทุกเรื่องก็ทำให้ยิมเติบโตมากขึ้น แต่เรื่องนี้เราได้เล่นเป็นสองตัวละครเลย และในระยะเวลาที่กระชับ ในการถ่ายทำเราต้องเก่งขึ้นให้เร็วขึ้นที่สุด เพื่อให้ทุกคนทำงานได้ง่ายที่สุด ยิมเลยรู้สึกว่าเราต้องทำให้ดีขึ้น เราต้องเก่งขึ้น
คิดว่าความสนุกของเรื่องนี้ที่จะทำให้ผู้ชมเอนจอยและติดตามดูยันจบคืออะไร
ยิมคิดว่าถ้าทุกคนดูเรื่องนี้น่าจะต้องเตรียมทิชชู่กันเยอะหน่อย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างดราม่าหนักที่สุดในโปรเจ็กต์นี้เลย แล้วก็ไม่ได้มีแค่ความดราม่าอย่างเดียว ยิมรู้สึกว่ามีความคอเมดี้และความแฟนตาซีบางอย่าง แล้วคิดว่าคนดูจะรักในทุกๆ ตัวละคร และรักในเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ นอกจากนี้คนดูจะได้แง่คิดอย่างที่ยิมบอกไปจะทำให้เห็นค่าในตัวเองมากขึ้น ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ มากขึ้น แล้วไปแสดงความรู้สึกกับคนอื่นมากขึ้น
จากบทบาทในเรื่องนี้ก็ได้รับบทที่ท้าทายไปแล้ว มีบทแบบไหนที่อยากลองเล่นได้อนาคตไหม
มีสองแบบที่อยากลองเล่นครับ อย่างแรกอยากลองเล่นแนวโรแมนติกคอเมดี้ดู เพราะที่ผ่านมายิมชอบเล่นสายดราม่าเยอะ เรารู้สึกว่าโอเค เราทำได้แล้วแหละสายดราม่า เราอยากจะมาลองเล่นโรแมนติกคอเมดี้ดู แต่เป็นแนวรอมคอมที่ตัวละครกลมๆ หน่อยครับ หมายถึงว่ามีมิติของมัน มีมิติในเส้นเรื่องว่าทำไมเขาเป็นอย่างนี้ ทำไมเขารู้สึกแบบนี้ แล้วเขามีปมในพาร์ทชีวิตเขายังไง อยากลองเล่นครับ
อีกแนวอยากลองเล่นเป็นผีๆ หรือหนังผีก็ได้ เพราะอยากรู้จักผีครับ (หัวเราะ) ยิมรู้สึกว่าพอเราเป็นคน เราแสดงตัวละครหนึ่ง ความคิดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่พอเป็นผี จะมีความคิดที่ซับซ้อนกว่านั้น จะมีสัญญาณบางอย่าง เช่น ผีตลกก็อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง ผีโหดก็คิดอีกแบบหนึ่ง ผีเคียดแค้นก็คิดอีกแบบหนึ่ง ยิมรู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดแค่ชั้นในแต่ละมิติของผี เขาต้องมีเหตุและผลที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ มีแรงจูงใจที่ทำให้เขาทำแบบนี้ อยากลองเล่น อยากรู้ว่าถ้ายิมเป็นผี ยิมจะเป็นในเวอร์ชั่นไหนนะ
ดูเหมือนยิมจะเป็นคนที่ชอบตัวละครที่มีมิติ หรือมีความซับซ้อนใช่ไหมคะ
ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ยิมก็ผ่านความหนักหน่วงมามากเหมือนกัน เคยแสดงเป็นคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเลย เวลายิมเจอบทยากมาเยอะ ยิมชอบมาก เหมือนเป็นคนบ้า มา มาอีก มาเลย ชอบมาก อยากจะกระโจนไปเล่นอีก สนุก ก็เลยอยากจะฉีกคาแร็กเตอร์ตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ
มองภาพตัวเองในฐานะนักแสดงไว้ยังไงบ้าง
เป็นสองเวย์แล้วกัน เวย์แรกยิมอยากให้ป๊าม๊า อาม่าอากง เห็นชื่อยิมอยู่บนจอทีวี แล้วก็เห็นยิมขึ้นไปรับรางวัล แล้วยิมได้พูดกับเขาแล้วนะว่ายิมทำได้แล้ว แค่ทุกวันนี้เขาได้เห็นเราบนจอทีวี เขาก็ตื่นเต้นมากๆ เลย อาม่าจะบอกว่าเมื่อไหร่จะมีชื่อยิมอยู่บนนั้นบ้าง ยิมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราอยากจะทำให้เขาเห็นครับ ก็อยากทำให้ได้
ส่วนอีกเวอร์ชั่นหนึ่งคืออยากเป็นนักแสดงที่คนชื่นชอบในฐานะนักแสดง และรู้จักว่ายิมเป็นยิม ที่รับได้หลายบทบาทและเล่นได้หลายบทบาทครับ
แล้วมีอะไรที่อยากทำอีกไหม นอกจากการเป็นนักแสดง
อยากเป็นนักธุรกิจครับ โดยอยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง และอยากมีร้านคาเฟ่เป็นของตัวเอง แต่อยากทำแบบเป็นอาณาจักรของตัวเอง
ปกติยิมเป็นคนมีไลฟ์สไตล์เป็นแบบไหนคะ
ยิมเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบแฟชั่น ชอบถ่ายรูปคนอื่น ชอบแต่งบ้าน ชอบฟังเพลง คือเหมือนไลฟ์สไตล์วัยรุ่นทั่วไป แต่ก็จะมีอีกพาร์ทหนึ่งที่ค่อนข้างจริงจัง ก็จะเป็นคนที่เป๊ะในการทำงาน เป็นคนชอบไปคุยกับคนที่จะทำธุรกิจ เราชอบไปคุย ไปเสนอความคิด ขายไอเดียให้กับเขา ช่วยเขาคิด รู้สึกว่ามันอะ เพราะเรายังทำไม่ได้ แต่เราอยากให้ทุกคนทำออกมาแล้วออกมาดี แล้วพอเราได้ไปคุยกับเขาเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเหมือนกันนะ
สุดท้ายนี้ให้ฝากผลงาน และฝากอะไรถึงแฟนๆ หน่อยค่ะ
ขอฝากซีรีส์ “เกิดใหม่อีกครั้งเป็นคาสโนวา (Casanova Begins)” ด้วยนะครับ อาจจะออนแอร์จบไปแล้ว แต่อยากให้ทุกคนไปดูย้อนหลังกันนะครับ ส่วนผลงานอื่นๆ ก็สามารถติดตามยิมได้ในอินสตาแกรม @gymthunyah แล้วก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่อยู่กับยิมมาตั้งแต่วันแรกที่ยิมเริ่มก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง ก็ยังอยู่กันเหนียวแน่น ถึงแม้ว่าปัจจุบันบางคนอาจจะยังอยู่หรือไม่อยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ต่างเป็นแรงผลักดันให้ยิมมาได้ถึงจุดนี้ครับ แล้วก็อยากจะบอกว่าจะไม่หยุดนิ่ง จะพัฒนาตัวเองต่อไปครับ และจะให้คนชื่นชอบเราที่เราเป็นเราแบบนี้ต่อนี้ รวมถึงจะทำบทบาทในพาร์ทของเราให้เต็มที่เพื่อให้ทุกคนอินและรักตัวละครที่ยิมเล่นครับ แล้วก็รอดูความสำเร็จของยิมนะ ยิมอยากมีชื่อให้อาม่าอากง ป๊าม๊าเห็นครับ
ใครที่ยังไม่ได้ชมซีรีส์ “เกิดใหม่อีกครั้งเป็นคาสโนวา (Casanova Begins)” ตามไปชมย้อนหลัง แบบ UNCUT version กันได้บนแอป iQIYI และเว็บ iQ.com ที่เดียวเท่านั้น และสามารถไปติดตามช่องทางโซเชียลต่างๆ ของยิมนอกจากอินสตาแกรมได้อีก ไม่ว่าจะเป็น Twiter : @gymthunyah และ Tiktok : @gymthunyah ค่า
.
.
TEXT : ImJinah
PHOTO : ธรรมนาถ อินทร์ปรุง
.
.
.
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
สัมภาษณ์พิเศษแบบจอยๆ กับ แทคยอน ไอดอล-นักแสดงตัวพ่อ แชร์ความผูกพันที่มีต่อประเทศไทย
เม้าท์กับแมทธิว-ลีเดีย-พลอย-แอริน สปอยล์ความมันในรายการเรียลิตี้สุดเผ็ช Deane’s Dynasty