5 นักแสดงนำจาก Across The Sky เม้าท์หลังกอง โชว์เคมีความเข้าขากันสุดๆ

Alternative Textaccount_circle
event

ละครเรื่อง Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” เป็นละครแห่งความฝันของวัยรุ่นจริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่พูดถึงความฝันในเส้นทางนักร้องของวัยรุ่นผ่านเรื่องราวเส้นทางอุปสรรคต่างๆ ที่แต่ละคนต้องเจอ โดยเป็นละครที่ขนนักแสดงรุ่นใหม่มาแน่นจอ โดยมาจาก 3 เวทีประกวดของช่องวัน 31 ด้วย ขอบอกเลยว่าสุดสัปดาห์ดูแล้วอินตามหนักมาก แล้วยิ่งอินมากขึ้นเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับ 5 นักแสดงนำอย่าง บอส-บูลเศรษฐ์, เอินเอิน-ฟาติมา, ไดร์ม่อน-ณรกร,ใยไหม – ชินารดี และปลื้ม – ธยศทรณ์ ที่งานนี้ได้คุยกันแบบจัดเต็มมากแม่

บอส-เอินเอิน-ไดร์ม่อน-ใยไหม-ปลื้ม กับการโคจรมาร่วมงานกัน

แนะนำตัวเองพร้อมคำนิยามความเป็นตัวเอง

ใยไหม : สวัสดีค่ะ “ใยไหม” รับบทเป็น “เบส” นิยามความเป็นใยไหมคือตัวเล็กค่ะ

เอินเอิน : สวัสดีค่ะ “เอินเอิน” รับบทเป็น “ของขวัญ” หนูจะเป็นคนกระโดกกระเดก เด๋อๆ ด๋าๆ นิดนึง ก็เลยนิยามเป็นกอริลลาอะไรแบบนี้ค่ะ ก็จะเหมือนกับในเรื่องค่ะ

ไดร์ม่อน : สวัสดีครับ “ไดร์ม่อน” รับบทเป็น “ฉลาม” ครับ คำนิยามของผมก็น่าจะเป็นนักประพันธ์เพลงครับ

บอส : สวัสดีครับ ผม “บอส” รับบทเป็น “สกาย” ครับ ถ้าให้นิยามความเป็นตัวเอง เอาเป็นจุดเด่นดีกว่า เมื่อกี้ใยไหมนิยามตัวเองว่าตัวเล็ก ของผมเป็นตัวสูง ผมสูง 187 เซนติเมตรครับ

ปลื้ม : สวัสดีครับ ผม “ปลื้ม” รับบทเป็น “หมอก” ครับ ถ้านิยามความเป็นตัวผมก็คือคำว่าสุขุมครับ เป็นคนนิ่งๆ ครับ

แนะนำตัวเองไปแล้ว แนะนำคาแร็กเตอร์ในเรื่องหน่อยค่ะ

ใยไหม : ในเรื่องรับบทเป็นเบสนะคะ ซึ่งคาแร็กเตอร์เบสก็ตามชื่อเลยค่ะ รู้สึกว่าต้องเป็นที่หนึ่ง ไม่เป็นรองใคร ต้องไปรอติตตามกันในเรื่องค่ะ

เอินเอิน : คาแร็กเตอร์ของของขวัญจะมีความซน แต่ว่าก็จะมีความเป็นเด็กนักเรียนหน้าห้องหน่อยค่ะ คือเขาไม่คิดว่าจะต้องเอาชนะใคร แต่เขาจะมีความมุ่งมั่นที่จะไปถึงความฝันให้ได้ ก็เลยจะเป็นคนที่ตั้งใจมากๆ ค่ะ

ปลื้ม : ในเรื่องผมรับบทเป็นหมอก ค่อนข้างจะเป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นผู้ชายอบอุ่นครับ แล้วก็ตามชื่อหมอกเลยครับ อยู่ใกล้ๆ แต่มองไม่เห็น

บอส : ในเรื่องรับบทเป็นสกายครับ เป็นคนที่มีความฝันและมีความมุ่งมั่นมากครับ แล้วด้วยอุปสรรคหลายๆ อย่างที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตเขา ทำให้มีหลายเรื่องที่เขาต้องฝ่าฟันไปครับ แต่โดยรวมก็เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่น กวนประสาท ไม่ยอมใคร และพร้อมที่จะชนครับ

ไดร์ม่อน : ผมรับบทเป็นฉลามครับ ซึ่งถ้าเปรียบเป็นสัตว์ก็จะเป็นแมงกระพรุน เพราะว่าถ้าดูภายนอกอาจจะสวยงาม แต่ถ้าโดนเข้าไปแล้วจะเจ็บปวดถึงขั้นร้ายแรงได้ครับ

อยากให้เล่าเรื่องของ Across The Sky ให้ฟังคร่าวๆ หน่อยว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

บอส : ในเรื่องนี้จะมีการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่นที่มีความฝันมาอยู่ในอคาเดมี แต่ว่าแต่ละคนจะมีเรื่องราวของตัวเองที่กว่าไปถึงความฝัน หรือการเดินทางในชีวิตของเขาก็จะมีอุปสรรคของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ก็จะได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย

ใยไหม : แต่ละคนก็จะมีความคิดไม่เหมือนกัน

หลายๆ คนก็ผ่านการตามล่าหาความฝันมาเหมือนกัน พอมาอ่านบทเรื่องนี้รู้สึกว่ามีความตรงกับชีวิตของตัวเองไหม

ไดร์ม่อน : ใกล้เคียงมากครับ เพราะว่าเราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เราเลยรู้ว่ามันเป็นยังไง ความตื่นเต้นหรือการแข่งขันกัน เราต้องผ่านความอดทน เลยรู้สึกว่าเรื่องราวใกล้เคียงกับชีวิตจริงเรามากๆ ครับ แต่ก็อาจไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

เอินเอิน : มันอาจจะแตกต่างตรงที่เรียกว่าเป็นการเดิมพันของตัวละคร หรือว่าเป็นอุปสรรคที่แต่ละคนเจอที่ไม่เหมือนกันอย่างที่บอสบอก ซึ่งตัวเรากับตัวละครก็มีที่เจอมาไม่เหมือนกัน

บอส : แต่เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครว่ารู้สึกยังไง เพราะว่าความตื่นเต้นที่จะได้ทำ หรือการทำตามความฝัน แน่นอนพวกเราได้ผ่านมาหมดแล้ว เราผ่านเวทีประกวดกันมาแล้วมากมายครับ

ปลื้ม : ต้องบอกว่าโปรเจ็กต์นี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ช่องวันรวมเอาทั้งหมด 3 เวทีใหญ่ของช่องวัน ก็คือ LAZ iCON, The Star Idol และ The Golden Song มารวมกันแสดงละครเรื่องนี้ แต่ละคนล้วนผ่านประสบการณ์โดยตรงมาแล้ว พอมาอยู่ในละคร เราเลยเข้าใจมากขึ้นและอินมากขึ้น เพราะว่าเราผ่านมาแล้ว

อยากให้แต่ละคนแนะนำหน่อยว่ามาจากเวทีไหนบ้าง

ไดร์ม่อน : ผมมาจากรายการ LAZ iCON นะครับ

บอส : ผมก็มาจาก LAZ iCON เหมือนกันครับ

ปลื้ม : แล้วผมก็มาจาก LAZ iCON เหมือนกันครับ

เอินเอิน : เอินเอินมาจาก The Star Idol ค่ะ

ใยไหม : ไหมมาจากนิวเจนค่ะ ไม่ได้ผ่านเวทีอะไรมาแบบคนอื่นเลยค่ะ

สุดสัปดาห์ : แต่เราก็ฝ่าฟันมาตั้งแต่เด็กนะ เป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก

ไดร์ม่อน : ถือว่าใยไหมเป็นรุ่นพี่ในวงการเลยนะครับ

ใยไหมเข้าวงการมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่

ใยไหม : หนูเข้าวงการมาตั้งแต่ 3 ขวบค่ะ น่าจะเข้าวงการมาประมาณ 14 หรือ 15 ปีได้ค่ะ

หลายๆ คนถ้าได้ติดตามวงการบันเทิง ก็จะรู้ว่าใยไหมผ่านงานในวงการมาเยอะมาก

เอินเอิน : จริงๆ หนูเป็นแฟนคลับใยไหมด้วยค่ะ บอส : เขามีวลีเด็ดหนิ (หันไปหาไดร์ม่อน) ไดร์ม่อน : “เจ็บมากไหม”

อยากให้แต่ละคนเล่าให้ฟังหน่อยว่าตัวเองมีความฝันอะไรบ้าง ตอนเด็กๆ อยากทำอะไร

ใยไหม : จริงๆ ก่อนที่ไหมจะเข้าวงการ ไหมมีความฝันอยากจะเป็นคุณหมอค่ะ ตอนประมาณ 2 ขวบกว่าๆ รู้สึกอยากเป็นคุณหมอจังเลย ประมาณ 3 ขวบพอไหมเข้าวงการ ไหมก็รู้สึกว่าเราถนัดทางด้านการแสดงมากกว่า ตั้งแต่ตอนเข้าวงการจนถึงปัจจุบัน ไหมรู้สึกว่าตัวเองชอบทางนี้ และไม่มีวันไหนที่เรารู้สึกท้อกับอาชีพนี้ ไหมรู้สึกว่างานสายนี้ เราต้องมีใจรักกันมันจริงๆ เพราะมันเหนื่อยเนอะ เราไม่ได้แค่ทำการแสดงอย่างเดียว เราต้องมีไปเวิร์กช็อปโน่นนี่นั่นหลายอย่างค่ะ

ใยไหมทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

ใยไหม : ได้เรียนรู้เยอะเลยนะคะ ยิ่งช่วงที่เราเริ่มโต ก็จะได้รับบทบาทที่แตกต่างมากขึ้น บทที่ชาเลนจ์ตัวเรามากขึ้น ตอนเด็กๆ เราก็เล่นบทลูก บทน้อง มันก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก แต่พอเราโตขึ้นมา เราก็จะได้รับบทที่ตัวละครมีความคิดที่โตมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น มีหลายแง่มุมมากขึ้นค่ะ แล้วก็หวังว่าในวันข้างหน้าจะได้รับโอกาสให้แสดงบทที่ชาเลนจ์ตัวเองมากขึ้นค่ะ

คนอื่นๆ ล่ะคะ ตอนเด็กๆ มีความฝันอยากเป็นอะไรกัน

เอินเอิน :  หนูอยากทำงานในวงการตั้งแต่เด็กเลย เป็นความฝันเดียวเลย หนูชอบพี่ใบเฟิร์น พิมพ์ชนกมาก พี่ใบเฟิร์นเป็นแรงบันดาลใจให้หนูอยากเข้าวงการค่ะ ถ้าหนูไม่ได้มาทำงานสายนี้ ก็ไม่รู้ตัวเองจะชอบอะไรอีกแล้วค่ะ ถ้าเป็นความฝันของหนูจริงๆ เลย ก็จะมีความฝันในด้านเพลง อยากจะไปต่อในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลค่ะ ถ้ามีโอกาส ส่วนทางด้านการแสดง หนูชอบการแสดงอยู่แล้ว แต่เหมือนคุณพ่อคุณแม่ก็ส่งเสริมไปด้านดนตรีมากกว่า เพราะหนูอยู่อุบุลฯ จะไม่ได้มีโอกาสเข้ามาแคสต์ แต่พอได้ทำก็เอ็นจอยและชอบการแสดงค่ะ

ไดร์ม่อน : จริงๆ เวทีแรกของผมคืองานภาษาไทยตอนป.3 แต่ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่พอจบม.6 เท่านั้นแหละ ชีวิตพลิกเรียบร้อย รู้แล้วว่าไม่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งตอนช่วงป.3 ผมมีโอกาสได้ร้องเพลงในงานภาษาไทย ตอนนั้นก็มีต้องไปออดิชั่นต่อหน้าคุณครู ก็ต้องไปร้องสดให้คุณครูฟัง แล้วใช้เพลงพี่บี้ เพราะผมเป็นแฟนคลับพี่บี้ครับ พอร้องเสร็จมีครูเห็นแววเลยให้ผมไปร้องคาราโอเกะ แล้วหลังจากนั้นก็ได้ขึ้นไปร้องบนเวที ซึ่งตอนนั้นพอได้รับผลตอบรับที่ดีหรือมีคนร้องตามเรา ก็เลยรู้สึกเฮ้ย! ทำไมใจฟูจังเลย ซึ่งจุดนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากมาอยู่ในวงการบันเทิงครับ แล้วผมก็ได้โอกาสมาแข่งรายการ LAZ iCON ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นงานแสดงเรื่องแรกของผมเลยครับ

บอส : ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นคนครับ เป็นสิ่งที่ผมตอบเวลาครูถามครับ ตอนนั้นผมเด็ก ก็ไม่มีความฝันว่าอยากจะเป็นอะไร ก่อนที่ผมเข้ามาในวงการบันเทิง ผมก็ไม่ได้ชอบเส้นทางนี้ ไม่ได้ชอบเต้น ไม่ได้ชอบร้องเลย แต่ว่าเราก็มีเป้าหมายของเราว่าอยากจะช่วยครอบครัวหาเงิน มีรายได้เข้ามาเสริม จุดที่ทำให้เปลี่ยนความคิดเลยคือรายการ LAZ iCON ครับ ทุกครั้งที่ได้เต้นและเพอร์ฟอร์มกับเพื่อนๆ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ ต่อให้จะเหนื่อยแค่นั้น เราจะซ้อมกันตั้งแต่ 10 โมงยันเที่ยงคืนหรือตี 2 อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ชัดเจนมากขึ้นว่าผมชอบทางนี้ คือตอนที่ได้แสดงต่อหน้าผู้คนครั้งแรก แล้วเราได้มีปฏิกิริยากับผู้ชม โอเค นี่คือสิ่งที่อยากทำแล้ว พอเราทำแล้วเห็นคนดูยิ้มและมีความสุข ชอบในสิ่งที่เราทำ อันนี้เป็นฟีลใหม่ที่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา ทำให้ผมหลงรักทางนี้โดยไม่รู้ตัวครับ ถ้าถามเป้าหมายในอนาคตของผม ผมอยากเป็นศิลปินและนักแสดงที่มีคุณภาพครับ

ปลื้ม : ผมมีหลายความฝันมากครับ เคยอยากเป็นนักบิน เป็นโน่นเป็นนี่เป็นนั่น แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยผมก็เรียนวิศวะครับ ก็พอเรียนจบวิศวะมาก็พลิกเข้ามาอยู่ในวงการ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เป้าหมายของเราค่อนข้างมั่นคงแล้วว่าเราชอบการแสดง เพราะยิ่งผมมาแสดง ผมก็รู้สึกว่ามีไม่กี่อาชีพที่เราสามารถเป็นอาชีพอื่นได้ เช่น ผมอาจอยากจะเป็นวิศวะและอยากเป็นหมอ แต่ผมไม่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ ซึ่งการมาเป็นนักแสดง ผมสามารถเป็นวิศวะได้ เป็นหมอได้ แล้วผมก็ได้ลองทำในสิ่งต่างๆ เยอะแยะ และก็ได้เรียนรู้ได้ทุกวัน ทำให้ได้เห็นเสน่ห์ของการทำอาชีพนี้ครับ

เรื่องนี้มีการรวบรวมนักแสดงจาก 3 เวทีถึง 14 คนเลย เป็นยังไงบ้าง

ไดร์ม่อน : อยากจะบอกว่าตอนเจอกันครั้งแรกทุกคนยังเงียบๆ กันอยู่ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่พอรู้จักกันแล้ว อยู่ด้วยกันก็รู้สึกสนุกมาก

แล้วมีวิธีละลายพฤติกรรมกันยังไงบ้าง เพราะบางคนอาจจะไม่เคยเจอกันเลย

ใยไหม : จริงๆ มีเวิร์กช็อปก่อนที่จะเปิดกล้อง

เอินเอิน :  ส่วนมากก็เริ่มจากการคุยเรื่องงาน

บอส : แล้วเดี๋ยวก็ไปเรื่องไร้สาระเอง

พอได้ไปเวิร์กช็อปกันแล้ว พอมาเปิดกล้องเป็นยังไงบ้าง

ไดร์ม่อน : ก่อนที่จะไปถ่ายทำก็เตรียมซ้อมบทมาอย่างดีเลยครับ เพราะเราไม่อยากจะไปผิดหน้างาน เดี๋ยวจะทำให้ทีมงานล่าช้า ก็ทำการบ้านเต็มที่ ท่องบทกับตัวเอง 3 จบเลยครับ แล้วพอได้แสดงซีนแรกก็ได้เข้าฉากกับเพื่อนๆ มีฉากเต้นด้วย ก็ต้องรอชมครับ

บอส : ส่วนผมซีนแรกได้เข้าฉากกับเอินเป็นซีนเปิดเลย ก็คือตื่นเต้นอะเนอะ

เอินเอิน : ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ แล้วซีนแรกคือซีนขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งหนูไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ ขี่ไม่แข็ง แล้วต้องขี่เร็วด้วยค่ะ คือหนูเพิ่งหัดมาสามวันก่อนที่จะถ่าย แล้วด้วยความที่เป็นซีนแรกหนูก็พยายามทำเวลาให้เหลือเวลาสำหรับซีนต่อๆ ไป เพราะวันแรกเราเปิดมาก็มีซีนต้องถ่ายเยอะมากค่ะ

บอส : ใช่ครับ วันแรกที่เราถ่าย เราต้องคอยเช็กพี่ๆ ทีมงานตลอดว่าโอเคไหมครับ เราทำเวลาโอเคดีไหม นานไปหรือเปล่า

ปลื้ม : ไม่ต่างกันครับ ซีนแรกที่ผมเข้าเป็นซีนที่อยู่รวมๆ กันหลายคนครับ แต่พอเข้าไปก็จะเห็นแต่ละคนยังมีความเกร็งๆ กันอยู่ ทุกคนก็ต่างคิดกับตัวเองกันว่าจะทำได้ไหม แล้วมันก็เลยมีความล่กเกิดขึ้น ซีนแรกๆ บรรยากาศก็เลยค่อนข้างเกร็งๆ อยู่ พออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ บรรยากาศก็ค่อยๆ ดีขึ้น

ใยไหม : ตัวไหมก็หนักใจเหมือนกันค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานเป็นนักแสดงมานาน แต่เราก็จะมีฟีลที่คิดว่าเราจะพลาดไหมวันนี้ พลาดแล้วจะทำให้งานไปช้าหรือเปล่า เพราะอยู่กันหลายคนด้วย เกรงใจเพื่อนๆ และเกรงใจพี่ๆ ทีมงานทุกคนค่ะ แต่ก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ

เจอความโหด มัน ฮาอะไรในกองบ้าง

ไดร์ม่อน : ถ้าเป็นรสชาติก็ขอบอกเลยว่าครบรสครับ

ปลื้ม : เรื่องนี้จะไม่ใช่แค่ละครที่แสดงเฉยๆ จะมีการร้องและเต้นด้วย ก่อนที่จะถ่ายพวกเราต้องไปฝึกซ้อมกันหนักมาก พอมาเข้าซีนก็จะมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องคอนโทรล เพราะเราต้องแสดงด้วย แล้วเต้นกับร้องไปด้วยครับ

บอส : เพราะปกติแค่การแสดงอย่างเดียวก็ยากแล้ว แต่อันนี้เราต้องโฟกัสการร้องและการเต้นไปด้วย แล้วจะต้องไปพร้อมกัน มันคือความยากตรงนี้ครับ ซึ่งในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้ฟังเพลงเพราะๆ เยอะมากครับ

มาถึงช่วงให้เม้าท์กันเองบ้าง ให้เม้าท์เพื่อนคนหนึ่งในนี้ โดยมีให้จับสลากด้วย

เอินเอิน : เอินจับได้ไดร์ม่อนค่ะ ไดร์ม่อนเป็นคนน่ารัก เขาเป็นคนที่มีความตลกในตัว แล้วเหมือนมีฟีลแบดบอยแบบจะทำเหมือนฉันไม่ค่อยจะสนเธอหรอกนะ แต่เอาผ้ามาคลุมขาให้อะไรอย่างนี้ค่ะ เขาจะเป็นทรงนั้น จริงๆ เป็นคนอบอุ่นนะ

ไดร์ม่อน : ผมจับได้บอสครับ เวลาที่บอสเต้น ผมรู้สึกว่าผมเหมือนเด็กอะ แล้วเขาเหมือนครูสอนเต้น เพราะเขาจะใส่เต็มใส่สุดไม่ว่าจะผ่านมากี่ชั่วโมงก็ตามครับ ชั่วโมงแรกผมจะใส่สุดมากเลย แต่เขาจะใส่สุด 4 ชั่วโมง ผมก็จะรู้สึกว่าเขาเอาเอนเนอร์จี้มาจากไหน เรียกว่าเป็นคนที่เต็มที่และเอนเนอร์จี้เยอะ พอเต้นด้วยกันก็มีกำลังใจครับ

บอส : ผมจับได้เอินเอินครับ

เอินเอิน : หนูไม่ไว้ใจบอสเลยค่ะ

บอส : ทำไมเธอไม่ไว้ใจฉัน ก็มีหลายเรื่องนะ เอาเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้แล้วกันครับ คือตอนที่เขาหาว เขาจะชอบบีบจมูกตัวเอง ผมไม่เข้าใจตรงนี้จริงๆ แล้วผมก็จะเป็นคนเดียวที่หันไปเห็นคนเดียวทุกทีครับ

เอินเอิน : หนูรู้สึกว่าเวลาหาวจะชอบจมูกบานค่ะ หนูไม่ห่วงปากแต่ห่วงจมูก

บอส : คือเวลาคุณหาวคุณต้องปิดปากรู้เปล่า

เอินเอิน : ไม่ ผมไม่ห่วงปาก ผมห่วงจมูก

บอส : เป็นเรื่องที่ผมคาใจมาจนถึงวันนี้ แล้วผมก็จะถามเขาว่าทำไมต้องบีบด้วย หลังๆ ผมก็เริ่มทำตามแล้วครับ

ปลื้ม : ในละครเรื่องนี้ผมเข้าฉากกับใยไหมเยอะสุดแล้วครับ แล้วก็ที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่รู้สึกนับถือมาก คือใยไหมมีซีนที่ต้องร้องไห้ วันที่ต้องร้องไห้ เขาสามารถหนึ่ง สอง สาม แล้วน้ำตาไหลได้เลยครับ   

ใยไหม : จับได้พี่ปลื้มค่ะ เห็นเขาเป็นคนนิ่งๆ แบบนี้ จริงๆ เป็นคนขี้แกล้งมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะคนที่ตัวเล็กกว่าเขา อย่างในกองจะมีพี่คนหนึ่งที่ตัวเล็กเหมือนกันก็คือพี่ฟิน พี่ฟินเป็นคนที่กลัวแมงมุมมาก มีวันหนึ่งพี่ปลื้มก็ล็อกตัวพี่ฟินแล้วก็จับพี่ฟินไปเข้าหาแมงมุม พอไหมเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารพี่ฟิน

ปลื้ม : จริงๆ วันนั้นไม่ใช่ผมคนเดียวครับ มีการร่วมขบวนการ ผมเป็นคนมีหน้าที่ล็อกตัว

ใยไหม : แต่พี่ปลื้มทำหน้าสะใจมากนะ แล้วพี่ปลื้มก็จะชอบทำให้ไหมตกใจ ประเด็นไหมจะตกใจทุกร้องที่พี่ปลื้มทำ

สุดท้ายนี้ฝากละครเรื่อง “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” กับผู้อ่านสุดสัปดาห์หน่อยค่ะ

เอินเอิน : หลายคนที่มาแสดงในเรื่องนี้เลยค่ะที่มีเรื่องนี้เป็นผลงานการแสดงชิ้นแรก แล้วเป็นการแสดงที่ต้องทั้งร้องและเต้นไปด้วย พวกเราทุ่มเทและพยายามกันสุดๆ เลยค่ะ ก็ขอฝากละครเรื่องนี้และ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ

บอส : เรามีช่องทางโซเชียลของ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ด้วยนะครับ โดย Instagram กับ Tiktok จะใช้ชื่อว่า @AcrosstheSky.official ส่วนทวิตเตอร์คือ @ AcrosstheSkyTH ครับ ฝากด้วยนะครับ ทางออฟฟิเชียลก็การอัพเดตข่าวสาวเกี่ยวกับละครกับกิจกรรมต่างๆ ของพวกเราเลยครับ

บอกเลยว่าตอนนี้ละครกำลังสนุกเลยไปติดตามชมกันได้ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 20:15 น.  ทางช่องวัน31 และสามารถดูย้อนหลังที่ Netflix ค่า

 

TEXT : ImJinah

PHOTO : ธรรมนาถ อินทร์ปรุง

 

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

5 นักแสดงจากหนังเรื่อง “เพื่อน(ไม่)สนิท” แท็กทีมเผยเคมีสุดเข้าขา กับเรื่องราวหลังกองสุดฮา

MXFRUIT เกิร์ลกรุ๊ปไทยผู้สไตล์ไม่เหมือนใคร โดดเด่นเป็นตัวเอง เดบิวต์ปุ๊บก็ได้รับความสนใจทันที

พูดคุยกับ ยิม ธัญญะ นักแสดงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมแพสชั่นอันแรงกล้าที่มีต่ออาชีพนักแสดง      

เม้าท์กับแมทธิว-ลีเดีย-พลอย-แอริน สปอยล์ความมันในรายการเรียลิตี้สุดเผ็ช Deane’s Dynasty