We Miss You So MARK มาร์ค ต้วน (MARK TUAN) คือหนึ่งในสมาชิกไอดอลเคป๊อป GOT7 ที่ได้รับพลังความรักจากแฟนๆ อย่างล้นหลามมากที่สุด ดัชนีความรักนั้นวัดได้ไม่ยาก จากยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมของเขาที่อีกนิดจะถึง 13 ล้านคน มาเมืองไทยเกือบ 2 อาทิตย์ ก็กวาดเทรนดิ้งในทวิตเตอร์เป็นว่าเล่น ที่สำคัญสุด PULL-UP MARK TUAN FAN MEETING IN THAILAND แฟนมีตติ้งครั้งแรกของเขาในเมืองไทย ก็ sold out ทั้ง 3 รอบในพริบตา ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับความรัก การสนับสนุน และความคิดถึงจากแฟนๆมากขนาดไหน
สุดสัปดาห์มีนัดกับมาร์คในวันรุ่งขึ้นหลังจบแฟนมีต แม้อาจจะยังเหนื่อยล้าอยู่บ้างนิดหน่อย แต่สิ่งที่ฉายชัดในแววตาคือความสุขทุกครั้งที่พูดถึงโชว์ อากาเซ และเพลง รอยยิ้มกว้างๆ กับความสุขง่ายๆ เมื่อเขาได้เอร็ดอร่อยกับข้าวกะเพราหมูสับและน้ำแตงโมปั่น เมนูสุดโปรด ทำให้เราเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย เพราะกว่า 3 ปี ที่ไม่ได้เจอกันนั้น พวกเราคิดถึงมาร์คม้ากมากจริงๆ เรามีสัมภาษณ์มาร์ค ต้วน บางส่วนจากนิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับสิงหาคมมาให้อ่านแก้คิดถึงผู้ชายที่เรารักกันด้วย
We Miss You So MARK บทสัมภาษณ์ที่มาจากความคิดถึงกับ มาร์ค ต้วน
หลายปีที่ผ่านมาในช่วงโควิดระบาด คุณทำอะไรบ้างคะ
ช่วงเริ่มต้นของการระบาด ผมยังอยู่ในเกาหลีครับ ตอนนั้นเราออกผลงานมา 2 อัลบั้ม การทำงานช่วงนั้นก็จะต่างจากเดิม เพราะต้องทำการแสดงมากมายหลายโชว์โดยที่ไม่มีผู้ชม หลายสิ่งเริ่มไม่เหมือนที่เคยเป็นมา และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ย้ายกลับไปที่สหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังคงทำเพลงอยู่
วันที่ย้ายกลับไปสหรัฐอเมริกา คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะตอนนั้นแฟนเพลงใจหายกันเลยทีเดียว
กังวลนิดหน่อยนะครับ แต่ก็มีความสุข เพราะจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัว ผมก็คิดเยอะอยู่นะก่อนจะตัดสินใจย้ายกลับไปแอลเอ และปล่อยวางทุกเรื่อง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆครับ แต่มาถึงตอนนี้ทุกคนก็คงไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะผมกลับมาแล้ว แฟนๆสำคัญสำหรับผมที่สุดครับ
ย้อนกลับไปตอนช่วงที่ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แอลเอแรกๆ ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้างคะ
มาร์ค: มีความสุขมากครับ รู้สึกสบายใจขึ้นมาก และก็รู้สึกว่าได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งนึง
เล่าถึงช่วงเวลาที่ได้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวและเพื่อนๆสักนิดได้ไหมคะ
ช่วงนั้นยังเป็นช่วงโควิดครับ ก็เลยไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่หลังจากนั้นผมกับครอบครัวและเพื่อนๆก็ได้ไปเที่ยวฮาวายกัน ผมสนุกมากเลย
พูดถึงอัลบั้ม GOT7 EP สักนิด เมมเบอร์มีส่วนร่วมอะไรกันบ้าง
พวกเราวางแผนทำงานชุดนี้มาปีนึงแล้วครับ ทุกอย่างมาจากไอเดียวงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเพลง โลโก้ หรือกแพกเกจจิ้ง ทุกอย่างคือไอเดียของเรา ผมว่ามันออกมาดีนะครับ เราทุกคนช่วยกันโหวต พวกเรามีกัน 7 คน ไอเดียของใครได้ 4 โหวตก็คือชนะ ซึ่งผู้ชนะก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
มาเมืองไทยก็หลายหนแล้ว คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของเมืองไทยคะ
อาหารสิครับ ดีงามมาก โดยเฉพาะซอส หรือ น้ำจิ้มต่างๆ อร่อยมาก กินกับอะไรก็อร่อยไปหมดเลย ผมชอบใส่พวกซอสหรือน้ำจิ้มในอาหารทุกจานเลย
งั้นขอถามได้ไหมคะว่าชอบกินขนาดนี้ยังผอมอยู่ได้ยังไง ออกกำลังกายหนักหรือเปล่าคะ
ไม่รู้เหมือนกันครับ (หัวเราะ) ผมแทบไม่ออกกำลังเลยนะ
แล้วครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาถ่ายปกกับสุดสัปดาห์เป็นครั้งที่ 2 ของคุณด้วย เป็นยังไงบ้างคะ
ก็แตกต่างไปจากครั้งก่อนเยอะอยู่นะครับ ครั้งที่แล้วออกเป็นแนวสตรีท ผมยังจำได้ว่ามีพิซซ่า และผมของผมก็เป็นสีเหลือง แต่ครั้งนี้เสื้อผ้าออกจะโตขึ้น แฟชั่นมากขึ้น ผมชอบมากเลย
แฟนมีตครั้งแรกล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง
ตอนแรกก็ออกจะกังวล ประหม่า เครียด วันแรกนี่รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปวันที่ขึ้นแสดงหนแรกในชีวิตอีกครั้ง หัวใจผมเต้นรัวๆ แต่เสียงเชียร์จากแฟนๆ ก็ทำให้ผมหายกังวล รู้สึกว่านี่แหละ คือเพื่อสิ่งที่ผมตั้งใจทำมา ตอนที่แฟนๆ ทำแฟนโปรเจ็กต์ให้ เป็นอะไรที่ซาบซึ้งใจมากจนผมร้องไห้ออกมาเลยครับ วันที่ 2 ที่ 3 ก็ไม่กังวลแล้ว เอเนอจี้มาเต็ม เหลือแค่ความตื่นเต้น แล้วก็สนุกไปกับโชว์ ผมสนุกมากๆ และก็หวังว่าแฟนๆ ทุกคนจะสนุกด้วยเช่นกันครับ
อะไรที่จุดประกายให้คุณมาเป็นศิลปินเดี่ยวคะ
ก็ไม่ได้จุดประกายอะไรหรอกครับ แค่ว่าตอนที่กลับมาแอลเอ ผมรู้สึกอยากจะเล่าเรื่องของของตัวเองผ่านเพลง แล้วผมก็รู้สึกสนุกกับมัน ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองผ่านเพลงเหล่านั้น ซึ่งทำให้ผมสบายใจขึ้นและปลดปล่อยความกดดันมากมายที่เคยมีออกไปด้วย
งั้นถ้าเปลี่ยนเป็นว่า… กว่า 10 ปีบนเส้นทางสายดนตรีที่ผ่านมาคุณรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
ผมว่าหากย้อนไปช่วงแรกๆ ผมอาจจะยอมแพ้กับหลายเรื่องง่ายเกินไป บางทีก็เหมือนไม่มีแพชชั่น แต่ตอนนี้การทำงานคือความสนุก ได้ทำเพลงในแบบที่ผมชอบ จนไม่รู้สึกว่ามันคืองานแล้วครับ ผมรู้แฮปปี้มากกว่าที่เคย ทุกอย่างคือความสนุก มันทำให้ผมมีแรงผลักดันในการทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมมากๆ เลยครับ
ตอนนี้ถ้าให้เรียงบทบาทตามความชอบ นักร้อง แร็ปเปอร์ นายแบบ เจ้าของแบรนด์แฟชั่น CEO เกมสตรีมเมอร์ อะไรมาก่อนมาหลังคะ
นักร้องและแร็ปเปอร์ มาก่อนครับ เพราะการได้เพอร์ฟอร์มคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของผม แล้วค่อยงานแฟชั่น ต่อไปเป็นเกมสตรีมเมอร์ ผมเก่งอยู่นะ (ยิ้ม) ส่วน CEO มาสุดท้ายเลยครับ
ช่วงเวลาไหนในชีวิตคือช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับคุณคะ
การได้มาที่เกาหลี เพื่อมาเป็น GOT7 เพราะถ้าไม่มีช่วงเวลานั้น ก็คงไม่มีพวกเราทั้ง 7 อย่างในวันนี้ครับ
พอดีเลย เพราะกำลังจะถามต่อว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้ทำงานในวงการ คิดว่าคุณน่าจะทำอะไรอยู่
ผมเคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนหลายครั้งเหมือนกันนะครับ แต่ก็ไม่รู้เลย อาจจะเป็นงานแนวครีเอทีฟมั้งครับ
เคยมีอาชีพในฝันสมัยยังเด็กไหมคะ
ไม่มีเลยครับ ผมไม่เคยมีอาชีพในฝัน อืม อาจจะสักตอน ป.2 มั้ง ผมเคยอยากเป็นนักดับเพลิง ไม่รู้ทำไมด้วยนะ อาจจะแค่มันดูเท่ดี (ทำท่าถือสายฉีดน้ำดับเพลิง)
เคยมีคำพูดว่าชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 40 สำหรับคุณ คิดว่าชีวิตตัวเองเริ่มต้นตอน…..
อันนี้ต้องคิดเยอะแฮะ ! อืมมมม… ผมว่าชีวิตเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณอยากจะให้มันเริ่ม ซึ่งแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันไปนะ แต่สำหรับผม ชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้วครับ และชีวิตผมก็ยังไม่มีเส้นชัยด้วย ขอแค่ให้ได้ทำในสิ่งที่มีความสุข และก้าวต่อไปเรื่อยๆ ในทุกวันเท่านั้นพอ
มองไปในอนาคตที่ไกลหน่อย คิดว่าอีก 20 ปี ชีวิตคุณจะเป็นยังไงคะ
ตอนนั้นผมก็ 48 ใกล้จะ 50 แล้ว ตอนนั้นคงแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก มีเบบี้มาร์คแล้ว (ยิ้ม) ผมคงสนุกกับการเลี้ยงลูกน่าดูเลย ถึงตอนนั้นคงไม่วิ่งไปมาบนเวทีแล้วละมั้ง แต่ผมน่าจะยังแสดงบนเวทีอยู่นะ เพราะอย่างที่บอก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตผมเลย แต่พวกคุณจะยังอยากดูผมโชว์ตอนอายุ 48 อยู่ไหมนะ สัญญาไหม?(ยิ้ม)
อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ทั้งเวอร์ชั่นไทยและอังกฤษ พร้อมชมภาพแบบจุใจที่ Sudsapda Collectible Issue : August 2022 ปก มาร์ค ต้วน สำหับ เวอร์ชั่น E – Book สามารถติดตามรายละเอียดได้ในวันที่ 20 สิงหาคม ที่เว็บร้านหนังสือนายอินทร์ และติดตามที่เพจ สุดสัปดาห์แฟนคลับ
Text: กฤษณา คชธรรมรัตน์ / Photo: JoJoJae
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แจ็คสัน หวัง ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ กับความสามารถที่ถ่ายทอดจาก DNA
แจ็คสัน หวัง จากนักกีฬาทีมชาติ สู่เส้นทางศิลปิน-ผู้บริหารที่นำพา TEAM WANG ไปไกลระดับโลก