เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ กับบทจ่าแซม ในหนังฮอลลีวู้ด Thirteen Lives (สิบสามชีวิต) ตำนานอันน่าจดจำแห่งถ้ำหลวง

account_circle
event

สุดสัปดาห์มีโอกาสได้พูดคุยกับพระเอกฝีมือดีอีกคนของวงการ เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ กับงานแสดงครั้งสำคัญในชีวิต ที่เขาได้ร่วมงานระดับฮอลลีวู้ดในภาพยนตร์ Thirteen Lives (สิบสามชีวิต) ในบทบาทจ่าแซม นอกจากความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ประวัติศาสตร์นี้แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเผยให้เห็นเกือบทุกแง่มุมของกองทัพไทยและอาสาสมัครกว่า 10,000 คน ในการทุ่มเทและร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ปฏิบัติที่ทำให้เห็นถึงพลังกายพลังใจที่ไร้ของเขตของมนุษย์

เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ กับบทจ่าแซม ในหนังฮอลลีวู้ด Thirteen Lives (สิบสามชีวิต) ที่ดูแล้วอยากให้ทุกคนใจดีต่อกัน

เบื้องหลังก่อนจะมาเป็นจ่าแซมใน Thirteen Lives

ในเรื่อง Thirteen Lives ผมรับบทจ่าแซม ซึ่งก่อนจะมาได้มาแคสต์ ผมไม่มีข้อมูลเลยตอนแรกเลยว่า รอน ฮาวเวิร์ดกำลังจะกำกับภาพยนตร์เรื่อง Thirteen Lives และกำลังมองหานักแสดง คือผมงงมากว่าผมไปอยูไหนมา ผมไม่รู้เรื่อง แต่ผมโชคดีที่ผมกำลังทำงานอยู่กับพี่ปู-สหจักร ที่เล่นเป็นผู้ว่าฯ พี่ปูบอกว่า “เวียร์ เขามีแคสต์หนังนะ เกี่ยวกับ 13  หมู่ป่า ไปมั้ย” ผมเคยเห็นๆ เขามีทำเป็นสารคดี พี่ปูเล่าต่อว่า…  อันนี้ของรอน ฮาวเวิร์ด พอได้ยินแบบนี้ผมตื่นเต้นมาก แล้วยังไงล่ะพี่ ไปทำที่ไหน โอเค มันต้องแคสต์ใช่มั้ยพี่ เขาก็เลยให้ทางทีมงานติดต่อผมมาโดยตรง

แล้วทีมก็ส่งบทมาให้ไปแคสต์ บทแรกที่ส่งมาให้คือบทจ่าแซมเลยครับ ขีดคั่นเลยครับ ศุกลวัฒน์ ก็คือเหมือนกับว่าอยากให้เราไปแคสต์ ผมเดาว่าทางโปรดักชั่นที่ต่างประเทศเขาน่าจะศึกษาข้อมูลของนักแสดงไทยเยอะมาก เขาคงเรียกขอแคสต์ ขอความร่วมมือเข้ามาแคสต์หลายคนมากในแต่ละบท ผมแอบเห็นเยอะมาก 
ใจคิดว่าเราไม่ได้หรอก แต่ก็รู้สึกมีหวังนะ เพราะเราก็อยากได้ สุดท้ายก็ไปแคสต์ครับ ต้องบอกว่าผมเองก็ได้ติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาพอสมควรครับ เราก็รู้สึกว่า ตัวแสดงจ่าแซมยากนะเนี่ย แต่คือดีใจมากครับที่ได้แคสต์บทนี้ แล้วสุดท้ายรอนก็เลือก และขอ call back ไปเล่นให้เขาดูอีกรอบหนึ่ง ด้วยการ Zoom VDO คุยกัน ลองเล่น ลองปรับเปลี่ยน ลองเล่นแบบนี้แบบนั้น เราก็รออาทิตย์สองอาทิตย์ไม่เกินนี้ครับ เขาก็บอกว่า เราได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์นะ
ความรู้สึกแรกที่รู้ว่ารอน ฮาวเวิร์ดเลือกให้มารับบทจ่าแซม ใน Thirteen Lives
มันบอกใครไม่ได้ตอนนั้น อยากตะโกนบอกทุกคน ฉันได้เล่นหนังกับรอน ฮาวเวิร์ดนะ อยากตะโกนบอกฟ้ามาก แต่ในสัญญาคือพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าเขาจะอนุญาตให้พูด เราก็ได้แต่เก็บเงียบๆ ไว้คนเดียว แม้กระทั่งเพื่อนๆ ที่ไปแคสต์ด้วยกันที่ได้แล้ว เราก็ได้แต่มองหน้ากัน ได้ยังวะ ได้มั้ย สุดท้ายวันก่อนจะเดินทาง เขาก็เรียกรับประทานอาหารรวมกัน นักแสดงไทยที่ได้รับเลือกให้ไปเล่น Thirteen Lives ก็มานั่งกินข้าวแล้วคุยกัน เราถึงรู้ว่ามีใครบ้าง ที่จะได้ไปทำงานด้วยกันที่ต่างประเทศ  ดีใจ โอ๊ยพี่... สรุปผมได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับผมมาก แต่เป็นความโชคดีที่เราไม่ได้ไปคนเดียว เราได้ไปเป็นกลุ่ม แล้วเรายังมีคนที่รู้จัก และเพิ่งรู้จักด้วย หลายๆ คน ก็เพิ่งรู้จักในภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ

ความท้าทายในบทจ่าแซม
จริงๆ ความรู้สึกแรกมันก็ยาก ผมไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลจากไหน จ่าแซมไม่อยู่แล้ว แล้วผมก็คิดว่า เราจะทำอะไร หรือศึกษาข้อมูลอะไร เราอาจจะต้องคุยกับทางโปรดักชั่นก่อนว่าเขาอยากให้เราทำหรือเปล่า เวียร์ไม่ต้องไปศึกษาข้อมูลเอง คิดว่าจ่าแซมเป็นคนยังไง จากที่เราเห็นในข่าว จากที่เราเห็นในประวัติ ที่เราได้รับรู้กันในโซเชียล แค่นั้นพอเวียร์ แล้วเดี๋ยวเรามาพัฒนากันต่อ ก็คือจ่าแซมเป็นคนไนซ์ ช่วยเหลือคนอื่น เป็นนักกีฬา เรารู้แค่นี้ ได้ครับ หลังจากนั้นผม discuss โดยตรงกับรอน ฮาวเวิร์ด แล้วก็ทีมงาน แค่นั้นเลย ผมบอกว่า “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเป็นจ่าแซมในรูปแบบดีที่สุด” ในเวอร์ชั่นของ Thirteen Lives
 
ใจของจ่าแซมอยากจะไปช่วยเด็กทุกวันเลยนะครับ แต่เขารู้ตำแหน่งของตัวเอง ว่าโอเคเราคือหน่วยสนับสนุน เราอาจจะไม่ได้อยู่ในทีมซีลแล้ว เพราะเราเป็นอดีตหน่วยซีล แต่เราสามารถทำได้ทุกอย่างที่เขาให้ทำ จะยกของ ยกแท็งก์ นู่นนี่นั่นเราทำได้หมด ลึกๆ ในใจเขาก็อยากที่จะมีโอกาสดำน้ำด้วยตัวเอง เพื่อเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ แต่เขาก็... ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร จ่าแซมอยู่ตรงนี้นะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เสมอ สแตนด์บายได้หมด ให้เป็นคนส่งสาร ทำอะไรก็ได้ ขอให้มีโอกาสในภารกิจเพื่อช่วยให้เด็กรอดครับ
 
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทจ่าแซม
เรื่องราวโดยรวมที่เกิดขึ้น ชีวิต คาแร็กเตอร์ พอผมมีโอกาสได้รับบทจ่าแซม จ่าแซมเป็นฮีโร่หนึ่งคน ในฮีโร่ทั้งหมดในภารกิจไม่มีใครรู้จะเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ อยู่แล้ว สิ่งที่เราเรียนรู้ก็คือ ปัจจุบันในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ จ่าแซมได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ในความเป็นตัวตนของตัวเอง เขาเป็นคนที่... เขาเป็นหน่วยซีล เขามีความเป็นอดีตซีล เขามีความเป็นนักกีฬา เขามีน้ำใจนักกีฬา เขามีความเป็นทีม เขาเป็นคนที่ไนซ์ เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร ไม่ทำอะไร เขารู้ว่าความสามารถที่เขามีจะช่วยใครได้ เขารู้ว่าในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ ถ้าเราทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ ก็อยากจะทำ 
ผมรู้สึกว่า ในขณะที่เรามีชีวิต เรารู้คุณค่าของตัวเอง เรารู้จักการให้ หรือเรารู้จัก kind กับคนอื่น เราทำ เราทำ เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้ทำไปตลอดหรือเปล่า อะไรก็เกิดขึ้นได้  ผมรู้สึกว่า... ในหนังถ้าดูนะ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขั้น ผมเห็นพลังบางอย่าง หลังจากที่จ่าแซมเสียชีวิตในถ้ำ มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ  ในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยเร็วและปลอดภัย แล้วเราได้เห็นถึงความรักของครอบครัว ทุกคนเริ่มกังวลว่าภารกิจนี้ไม่ง่ายนะ ตายได้ แต่ทุกคนก็ยังอยู่ ถ้าเราไม่ช่วยเด็กก็ตาย ผมรู้สึกว่า... เฮ้ย มันดีนะ ดีจัง การสูญเสียนี้ไม่ได้เป็นการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์เลย ผมว่าจ่าแซมคงภูมิใจด้วยซ้ำ ที่สุดท้ายแล้วภารกิจสำเร็จ อาจจะไม่ได้อยู่เห็น แต่รับรู้ได้ 


   

ประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตนักแสดง
ผมไม่เคยไปถ่ายงานต่างประเทศนานๆ ผมไม่เคยทำงานโปรดักชั่นใหญ่มากๆ ขนาดนี้ ผมไม่เคยร่วมงานกับนักแสดงฮอลลีวู้ด ตอนแรกก็แอบประหม่านิดหน่อย พอได้เจอครั้งแรก เจอตั้งแตซูม ทุกคือไนซ์มาก เหมือนเราไปทำงานจริงๆ ทุกคนตั้งใจกันมาทำงาน แล้วก็นี่แหละมั้งครับ คือการทำงานที่ผมอยากทำงานด้วย ที่เป็นโปรเฟสชั่นนอล มีโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนคติ มุมมองความเห็นของตัวละคร เปิดโอกาสให้เราได้แชร์ มีส่วนร่วมในการทำงาน นี่มันงานระดับบิ๊ก แต่เรามีโอกาสได้มีส่วนร่วมเล็กๆ น้อยๆ แล้วเขาหยิบมันไปใช่ เราใจฟูมากนะ มีหลายๆ เรื่อง ที่เราต้องช่วยเขา เช่น ภาษา แอ็คของคนไทย เขาจะถามเป็นแบบนี้ใช่มั้ย เราก็... ใช่ครับ พูดอย่างนี้เลยครับ เวลาคนไทยช่วยกันจะอย่างนี้ คนไทยเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่าขอบคุณมาก เขาไม่รู้เลย มันเป็นงานยากสำหรับเขาเหมือนกัน งานเกี่ยวกับประเทศไทย แต่เขาไม่ใช่คนไทย ไม่ต้องห่วงครับ ผู้กับกับภาพเป็นคนไทย ทั้งฝ่ายศิลป์ ทีมเตรียมรถ เตรียมฉาก ในหนังเห็นมอไซด์ มีรถขายน้ำ เต็นท์ ทีมไทยทำครับ มีคนไทยเป็นหัวหน้าทีมกล้อง ที่ดูแล ผู้กำกับภาพพี่สอง พี่เล็กคืออาร์ตไดเร็กเตอร์ ทุกคนเก็บรายละเอียดกันมาก เราภูมิใจกับทีมงานไทย รวมถึงนักแสดงไทยด้วยก็มีส่วนร่วมในงาน รอนเปิดโอกาสให้เราร่วมทำงานจริงจัง ซึ่งคนไทยก็มีความสามารถมากๆ เช่นกัน
ความแตกต่างของกองถ่ายฮอลลีวู้ดและกองถ่ายไทย
มันก็เป็นวัฒนธรรมในการทำงาน สิ่งที่แตกต่างมีแค่นั้น คนไทยก็มีการทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง ของต่างประเทศก็จะมีรูปแบบในการทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องปรับตัว เรื่องเวลาไม่ต้องห่วงครับ เป๊ะ! เดินทางห่างกัน 5 นาที รถก็ต้องคนละคันแล้วนะครับ ผมชอบในเรื่องของการทำงาน คือด้วยความที่... พูดง่ายๆ ให้เห็นภาพ เงินเขาเยอะมาก ทุนเขาเยอะมาก พอเป็นโปรดักชั่นระดับบิ๊กๆ ขนาดนั้น เราจะได้เห็นอะไรที่เราอาจไม่เคยเห็น อะไรที่แพงมากๆ หรือว่าการเซตที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะว่าอันนั้นเขาดูกันทั้งโลก เงินต้องขนาดนี้ เพราะของเราก็จะดูกันประมาณนึง แต่การทำงาน ความสามารถของคนเทียบเคียงเลยครับ เก่งเหมือนกันเลย แต่แค่เรื่องเงินทุนหรือโปรดักชั่นเท่านั้นเองที่เราจะได้เห็นแบบ โอ้โห... อะไรอย่างนี้ ประมาณนั้น ฉากสำคัญๆ ส่วนใหญ่เราถ่ายที่เมืองไทย ไปที่จริง ถ่ายที่จริง 
  
ซีนดำน้ำ ซีนสำคัญในเรื่อง
สนุก อยู่ในน้ำวันหนึ่งเป็น 12 ชั่วโมง เหี่ยวหมดครับ (หัวเราะ) มีอะไรเกิดขึ้น ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา เราได้เห็นการทำงานใต้น้ำกับทีมระดับโลก ทีมที่ช่วยเซฟตี้เราระดับโลก โอ้โห... เขาทำงานสารคดีใต้น้ำไม่รู้เท่าไร มันทำให้เราสบายใจ ตอนแรกก็แอบกลัว อยู่ใต้น้ำตลอด มันเป็นที่แคบๆ ชุดเราที่มีอุปกรณ์ทุกอย่าง เยอะไปหมดเลย ดำแล้วมองไม่เห็น อย่าง ฉากที่จ่าแซมต้องเสียชีวิต ในฉากก็ต้องไม่มีอากาศจริงๆ นะ
คือเราก็ต้องไม่มีอากาศจริงๆ ใต้น้ำ พอคัตแล้ว ถึงมีทีมนำอ๊อกซิเจนมาใส่ปากเรา แล้วหายใจต่อ แต่เราสบายใจครับ เพราะเราเห็นแล้วว่า 4-5 คนหลบอยู่ตามมุม พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเราตลอด บรรยากาศการทำงาน ทุกอย่างต้องใกล้เคียงจริงหมด ทีแรกเราก็... เอางั้นเลยเหรอ ปิดอากาศเลยใช่มั้ย ต้องจริงที่สุด แต่ทุกอย่างอยู่ในความเซฟ  ผมก็เต็มที่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต 
ผมรอดูฉากใต้น้ำเลย ผมใช้เวลาในการถ่ายเยอะมาก 3 วัน ไม่รวมซ้อม หรือว่าไปดำปกติ 3 วันคือ Death Scene ซึ่งเราเห็นกันแค่นั้นในหนัง แต่ใช้เวลาถ่ายนานมาก สุดยอด ดีใจ เรารู้สึกภูมิใจอยู่อย่างหนึ่ง ที่เรากล้าบอกเขาว่า ผมขอเล่นเองทั้งหมดเลย แต่ทั้งรอนและทีม เขาก็ห่วงเรา “เวียร์ถ้ายูไม่ไหว ยูให้คนอื่นเล่นแทน แต่ถ้ายูไหว ไออยากให้เล่นเอง เพราะยูจะพูดได้เลยว่า ที่เห็นอยู่ ยูเล่นเองทั้งหมด”  รอนน่ารักมาก ผมบอกเขาว่า งั้นผมเล่นเองครับ
ผมรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสของผม ผมอยากจะทำให้ดีที่สุด เราเป็นตัวแทนจ่าแซมด้วย เรารู้สึกได้ รู้สึกว่าอุ้มถุงนั้นอยู่ตลอดเวลา มันรู้สึกทัชใจมาก รอนบอกถุงนี้จะอยู่กับเราไปจนเราตายเลยนะ มันคือภารกิจที่เรารับมอบหมายมาแล้ว ถุงนั้นมีเว็ตสูทเด็ก ที่จ่าแซมจะต้องเอาไปให้เด็กๆ มันทั้งหนัก ทั้งลอย ต้องเอาตัวกดไว้ตลอด จ่าแซมต้องกดถุงไว้ตลอด เขาต้องเหนื่อยมาก เขาต้องเหนื่อยมาก มันเป็นภารกิจที่เหนื่อย มันเป็นของสำคัญในภารกิจนี้ 
ผมดีใจที่ซีนนี้... เขาให้เวลากับซีนนี้ค่อนข้างเยอะ เราดีใจอะ เราดีใจที่เขาให้ความสำคัญ กับนักแสดงทุกคน เขาคิดกับซีนนี้เยอะมาก เพราะซีนนี้เป็นซีนที่ทุกคนไม่เห็น เวียร์ทุกคนไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ใต้น้ำ เรามาทำมันด้วยกัน เรามาให้เกียรติด้วยกันกับซีนนี้ โอ้โห... ดีใจ มีผมนิดนึงผมก็แบบ... ใจฟูแล้ว ไม่ต้องเยอะอะ



มิตรภาพนักแสดงในกองถ่าย 
ผูกพันกันมากๆ เลยครับ จะแยกย้ายกลับเมืองไทยกันแต่ละที ร้องห่มร้องไห้มันผูกพันไปแล้ว เราสิบสามชีวิตนะ เราสิบสามคนที่ไป เข้ากับชื่อเลย ไปติดอยู่ในโรงแรมด้วยกันใช้ชีวิตด้วยกัน ผูกพัน ช่วยเหลือกันทุกอย่าง แล้วก็... มีอะไรปรึกษากันตลอด กลับมาก็เลยยังติดต่อสนิทกันอยู่ อย่าง พี่ตู่ก็เพิ่งรู้จัก น้องเจมส์ก็เพิ่งรู้จัก พลอยก็เพิ่งรู้จัก หลายคนเราเพิ่งรู้จัก โชคดีที่ดีแต่ละคนเข้ากันได้ดีมาก คุยกันรู้เรื่อง ตอนแรกผมก็แอบคิดอยู่นะ ไปแล้วถ้าคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ต้องอยู่ห้องคนเดียว กินคนเดียวจะเป็นยังไงนะ กลับกลายเป็นว่าทุกคนเข้ากันได้ดี ทำกับข้าวกินกัน ร้องเพลง เล่นกีตาร์ เฮฮามาก 
ซีนประทับใจที่สุด
ซีนที่ผู้ว่าฯ กับคุณธเนศไปขอชาวนาว่า ปล่อยให้น้ำท่วมนาได้มั้ย แล้วชาวบ้านถามว่า ถ้าปล่อยให้น้ำท่วมทุ่งนาแล้วเด็กจะรอดมั้ย เราก็ตอบไม่ได้ว่าเด็กจะรอด แต่เราบอกแค่ว่า เด็กจะมีโอกาสรอดมากขึ้น แล้วเขาก็ยอม ผมรู้สึกว่านี่ก็คือฮีโร่ 
ในรูปแบบคนพื้นถิ่นจริงๆ ที่เขารักลูกรักหลานเขา อาจจะไม่ใช่ลูกหลานในสายเลือด แต่มันคือการเสียสละ ชาวนาไม่ได้รวยอยู่แล้ว แต่ถ้าเด็กมีโอกาสรอดมากขึ้น ก็เอาเลย ปล่อยน้ำให้ท่วมทุ่งนาได้ เป็นซีนที่สั้นๆ แต่ไดอะล็อกกับความรู้สึกที่ส่งออกมา มันเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของใจมนุษย์ 

ความประทับใจในการทำงานครั้งนี้
แน่ๆ ผมประทับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านเรา เป็นเรื่องราวที่... จะเป็นไปไม่ได้ มันเป็นหน้าประวัติศาสตร์ไปแล้ว เป็นอะไรที่... เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ ผมโชคดีที่ผมได้ไปกับเพื่อนๆ ทั้งสิบสองสิบสามคนของผมนี่แหละ เราได้ไปเปิดประสบการณ์พร้อมกัน มันใหม่สำหรับเรา แต่เราทำมันได้ We did it. เราทำมันได้ แล้วเราช่วยกัน เราไม่ทิ้งกันเลย ช่วงโควิดนะ คนไทยสิบสามคนไปอยู่ต่างประเทศ ทำงานใหม่ๆ ที่ไม่เราเคยทำ แต่เราอยู่ด้วยกัน เราทำมันได้ เราทำให้ต่างชาติเห็นว่าเรามีศักยภาพ เขาชมเรา เราชมเขา ชมกันไปชมกันมา ผมโชคดีที่มีกัลยามิตร ที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่ไปใช้ชีวิต ช่วยกันทำความฝันของพวกเราให้เป็นจริง ทำด้วยกัน ไม่มีคนใดคนหนึ่ง ทำด้วยกันเป็นทีม 
ฝากภาพยนตร์ Thirteen Lives กับแฟนๆ 

Thirteen Lives เข้าไปอยู่ในใจทุกคนพร้อมกันที่ Prime Video แล้วนะครับ น่าจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มมหาศาล อเมซิ่งมากๆ ใหญ่มากๆ ที่นักแสดงไทยเยอะที่สุดแล้วเท่าที่ผมเคยเห็นมา เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นความช่วยเหลือ เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้ด้วยการกระทำของมนุษย์ ด้วยการช่วยเหลือกันของคนทั้งโลก ด้วยใจล้วนๆ เพื่อเด็กๆ เราต้องมาภูมิใจร่วมกัน มาดูสิครับว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น พอมาเป็นภาพยนตร์ เราจะได้เห็นความรัก ครอบครัว ความช่วยเหลือ การไม่เห็นแก่ตัว พลังของความดีในตัวมนุษย์ มันได้ออกมา ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเฮ้ย... จริงๆ โลกเรามันน่าอยู่นะ หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมว่าเราทุกคนอยากจะทำดีต่อกันให้มากขึ้น อยากจะใจดีต่อกัน 'ทำเถอะครับ ทำดีต่อคนอื่นในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู

Text: AuAi Photo: เนาวพจน์ โพธิเกษม

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เจาะเบื้องลึกอย่างละเอียด กว่าจะเป็น Thirteen Lives (สิบสามชีวิต)

แจ็คสัน หวัง ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ กับความสามารถที่ถ่ายทอดจาก DNA

เปิด 5 เรื่องจริงของ Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งที่ทั้งโลกไม่ให้แลนดิ้ง

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up