มีคนบอกว่า “กระบี่” ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สงสัยจะเป็นเรื่องจริงเพราะหากถามว่าไปมากี่ครั้งแล้วคำตอบคือ นับไม่ถ้วน แต่ถ้าชวนจะไปอีกไหม มีหรือจะปฏิเสธ คราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีคนชวนให้ไปดูอันซีนเมืองกระบี่ เราจึงตกปากรับคำทันที พร้อมกับรีบเก็บกระเป๋าแล้วพุ่งตัวไปสนามบินอย่างไม่รีรอ #เที่ยวนี้ดีต่อใจ
ทริปนี้วางแพลนไว้คร่าวๆ แบบไม่เร่งรีบและไม่เอ้อระเหยจนเกินไป จึงลงตัวที่ 4 วัน 3 คืน โดยออกจากกรุงเทพฯ เจ็ดโมงเช้า นั่งบางกอกแอร์เวย์สไปลงสนามบินกระบี่สายๆ จากนั้นเข้าที่พักให้หายเหนื่อยกันก่อน แล้วค่อยออกไปท่องอันซีนกระบี่อย่างที่ตั้งใจ
DAY 1 : ใช้ชีวิตลักชัวรีในที่พัก 5 ดาวใหม่ล่าสุด
จะว่าไป The Shellsea Krabi ที่พักที่เลือกให้เป็นโอเอซิสเติมพลังของเราในทริปนี้ก็ถือว่าเป็นอันซีนกระบี่เบาๆ เพราะเป็นโรงแรมน้องใหม่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นที่พักลักชัวรีระดับ 5 ดาวแห่งแรกและแห่งเดียวบนอ่าวน้ำเมาอีกด้วย จึงดีงามจนอยากจะบอกต่อเลยทีเดียว
นอกจากห้องพักที่แบ่งเป็น 5 ประเภทให้เลือกทั้งการ์เด้นวิว ซีวิว พูลแอ๊กเซส โอเชียนวิว และแกรนด์วิลล่าแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางที่มีให้เลือกลงไปแหวกว่ายถึง 2 สระ ห้องฟิตเนส สปา รวมถึงห้องอาหารที่เสิร์ฟเมนูอร่อยอีก 2 แห่ง อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุกๆ เลียบอ่าวไปชมความงามของท้องทะเลและวิถีชีวิตชาวบ้านรอบๆ อ่าว
ดังนั้นวันแรกที่ไปถึงเราจึงเลือกที่จะเซฟพลังด้วยการทำกิจกรรมชิลๆ ในที่พัก บางคนก็หนีร้อนไปลงสระว่ายน้ำ บ้างก็เข้าสปา แต่เราเลือกที่จะนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ ชมวิวทะเลสวยๆ ที่ Fin Bar บาร์ริมสระที่ให้อารมณ์ชิลขั้นสุด
ตกเย็นสิ่งที่เรารอคอยมาทั้งวันก็มาถึง นั่นคืออาหารเย็นมื้อใหญ่ที่ห้องอาหาร Sirloin มื้อนี้เราจัดหนักจัดเต็มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ ทั้ง ปูอะลาสก้าผัดผงกะหรี่ ที่มาแบบเนื้อๆ เน้นๆ ส้มตำน้ำเมา กับสารพัดซีฟู้ดเกรดพรีเมียม แกงเผ็ดเดอะเชลซี รสชาติดีจนเกลี้ยงจาน และที่เด็ดสุดคือ พล่าเนื้อมะเขืออ่อน อร่อยจนต้องขอสอง คือจบมื้อแบบอิ่มจนแทบลุกไม่ขึ้น ถือว่าเป็นการเริ่มต้นทริปแบบกิจกรรมไม่มาก แต่กินหนักมาก
อ่าน DAY 2 ได้ที่หน้า 2 ค่ะ