account_circle
ได้ยินกิตติศัพท์ความเทพของเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson มานานแล้ว พอเขาออกรุ่นใหม่ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Digital Slim ที่เล็กและเบากว่าเดิม เพราะออกแบบมาสำหรับชาวเอเชียโดยเฉพาะ สุดฯ ก็เลยว้าวมาก รีบจัดรีวิวมาฝากสาวๆ เลยค่ะ
จุดเด่นที่ลองใช้แล้วรู้สึกชอบ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Digital Slim
เล็ก-เบา-สั้น ใช้ถนัดมือ + เหมาะกับไลฟ์สไตล์สาวเอเชีย
เอาเรื่องภายนอกก่อนเลย เราชอบที่มันเล็ก แล้วก็เบากว่าเดิม สามารถถือมือเดียวได้ และมีหลายหัวให้เปลี่ยนได้ เพราะบางจุด เช่น ซอกตู้แคบๆ หรือใต้เตียง ถ้าต้องถือ 2 มือมันจะใช้ไม่สะดวก คือเหมาะกับบ้านสมัยนี้ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะกับคนของเยอะ ในบ้านมีซอกหลืบเยอะ ที่สำคัญเหมาะกับผู้หญิงร่างเล็กแบบสาวเอเชีย และด้วยความที่ด้ามมันไม่ยาวมาก เราลองเทียบกับไม้กวาดก็คือใกล้เคียง เวลาถือมือเดียวก็เลยถนัดมากค่ะ
นอกจากนี้ เสียงดูดมันไม่ดังมากเกินไป (เบากว่าเครื่องแบบเก่าของเราที่เป็นกระปุกๆ มีล้อลากมาก) เราสามารถดูดตอนกลางคืนได้ไม่ต้องเกรงใจบ้านติดกัน เรื่องพวกนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เราว่าสำคัญนะ เพราะมันตอบโจทย์ของคนยุคนี้ ที่ทำงานกลับบ้านมืดค่ำ แล้วผู้หญิงเราสระผมเป่าผมที เส้นผมเอย รังแคเอย ร่วงเต็มห้อง ให้รอไปดูดฝุ่นวันหยุดอาทิตย์ละครั้งก็ไม่ไหวเนอะ (ทุกวันนี้กวาดเอา แล้วค่อยไปดูดฝุ่นวันเสาร์ รู้สึกไม่สะดวกเท่าไหร่ค่ะ พอมีเครื่องดูดฝุ่นที่เสียงไม่ดังมาก มันก็สะดวกขึ้น)
ประสิทธิภาพและเทคโนโลยี
ทางแบรนด์ยืนยันว่า รุ่นนี้เล็กกว่ารุ่น V11 20% เบากว่า 30% แต่ประสิทธิภาพดีใกล้เคียงกัน แบบนี้ก็เริดเลยค่ะ เพราะ Dyson รุ่น V11 เขาขึ้นชื่อมากจริงๆ มาดูกันว่าเทคโนโลยีเด็ดๆ ในรุ่นนี้มีอะไรบ้าง
หัวแปรงทำความสะอาดลูกกลิ้งแบบนุ่มที่เบาลง 40%
ประสิทธิภาพการกรองฝุ่นมากขึ้นแต่ใช้พลังงานน้อยลง โดยกรองฝุ่นอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% และที่เก็บฝุ่นมิดชิดดีมากเลยค่ะ ไม่มีฝุ่นกระจายออกมา
พลังไซโคลน 11 ชั้น สามารถดูดฝุ่นแบบเก็บเรียบ! พร้อมมอเตอร์ Hyperdymium สร้างกระแสลมทรงพลัง ทำให้สามารถดูดเศษขยะขนาดใหญ่และดักจับฝุ่นขนาดเล็กมากได้พร้อมกัน โดยไม่เสียแรงดูดไปเปล่าๆ ฉะนั้นดูดเส้นผมของเราได้สบายมาก
ทำความสะอาดขอบมุม ซอกหลืบได้ดีขึ้น เพราะรุ่นนี้มีการปรับทิศทางลมให้ดีขึ้น และปรับมุมหัวแปรงให้เรียบเพื่อให้การไหลเวียนของลมสู่หัวทำความสะอาดดีขึ้น เราชอบที่เวลาไปเจอมุมต่างๆ หัวดูดมันหมุนตามทิศทางที่ต้องการได้ง่าย
ทำความสะอาดพื้นผิวได้หลายแบบ เพราะมีหัวต่อหลากหลาย ทั้งพื้นบ้าน ที่นอน และเบาะโซฟา คือดีย์
ตัวเครื่องเป็นชิ้นเดียว ใช้ง่าย และสะดวกขึ้น
ตัวเครื่องมีหน้าจอ LCD แสดงโหมดการทำความสะอาดและเวลาที่คงเหลือ + แจ้งเตือนการบำรุงรักษาตัวกรอง และรายงานการอุดตันของตัวเครื่องด้วย … ล้ำไปอีก! เหมาะกับคนงานยุ่งขี้ลืมมากๆ
แบตค่อนข้างอึด แบตเตอรี่ของเขาเป็น นิเกิ้ล-โคบอลต์-อะลูมิเนียม 5 เซลล์ ชาร์จครั้งนึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ใช้ได้นาน 40 นาทีในโหมดประหยัดพลังงาน สำหรับเราว่าพอดีเพราะบ้านหลังไม่ใหญ่ แต่ถ้าบ้านใครหลังใหญ่ จะใช้ครั้งละนานกว่านั้นก็สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 80 นาทีค่ะ (ถ้าดูดฝุ่นครั้งนึงนานกว่านี้ บ้านหลังนั้นต้องเป็นคฤหาสน์แน่ๆ)
ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก
แม้เครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวนี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ แต่การดูแลกลับง่าย ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพราะ…
สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ทุกส่วน ตั้งแต่ตัวกรอง แถบแปรง ไปจนถึงตัวถัง คือออกแบบมาดีมาก
มีหน้าจอแจ้งเตือนการเปลี่ยนตัวกรอง และมีการแจ้งเตือนการอุดตัด
ทนทานต่อการใช้งาน เห็นล้ำๆ แบบนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะบอบบางจนต้องใช้ระวังๆ เราลองดูดใต้โต๊ะชนโน่นนี่ก็ไม่สะเทือน ที่พีคคือตอนถ่ายรูปทำหล่นกระแทกพื้น ใจหายวาบ แต่เปิดเครื่องยังทำงานได้เหมือนเดิมค่ะ ก็คือตัวนี้ใช้งานได้ตามปกติ เพราะเวลาเราดูดฝุ่นมันก็ต้องมีชนกับเฟอร์นิเจอร์บ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่แนะนำให้ทำหล่นนะคะ ^^’
มีคู่มือภาษาไทย อ่านง่าย เข้าใจง่าย
มีประกัน ส่งซ่อมได้ที่ห้างสรรพสินค้า สะดวกค่ะ
สรุปก็คือทั้งหมดนี้ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ทุกอย่างของเรานะ ทั้งเหมาะกับรูปร่าง เบา ใช้ง่าย ถนัดมือ พลังดูดแรงดี และดูแลทำความสะอาดง่าย ในความเห็นเราก็คือดีงามสมคำร่ำลือค่ะ
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Digital Slim ราคาอยู่ที่ 19,900.- ใครที่เล็งๆ อยู่ไปดูของจริงและลองใช้งานดูว่าดีจริงไหมได้ที่ช็อป Dyson Demo เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สยามพารากอน และไอคอนสยาม หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ dyson.co.th ( กระซิบว่าในช่วง 11/11 โปรฯ ออนไลน์ของเขาดีงามนะ ลองส่องดู อาจจะได้ราคาที่ถูกใจค่ะ)
เรื่อง/ภาพ : Nicharee W.
ภาพบางส่วน : Dyson
อ่านข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ค่ะ
รีวิว 3 อุปกรณ์ไฮเทค ตัวท็อปของสาวบิวตี้