ใกล้จะได้ชมในวันที่ 24 ธันวาคม 2020 นี้แล้ว จากหนังสือขายดีระดับโลกสู่หนังฟีลกู้ดต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส กับเรื่อง A Christmas Gift from Bob ภาคต่อของหนังยอดฮิตขวัญใจผู้ชมอย่าง A Street Cat Named Bob (2016) ที่ว่าด้วยเรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ของเจมส์และบ๊อบ เจ้าแมวเพื่อนซี้ที่สุดของเขา นับตั้งแต่วันที่ เจมส์ โบเวน ได้ช่วยเหลือแมวจรที่ถูกทิ้งไว้บริเวณโถงทางเดินในที่พักอาศัยของเขา เจมส์และบ๊อบก็ได้เริ่มต้นมิตรภาพที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา นำไปสู่เรื่องราวที่กินใจผู้คนนับล้านทั่วโลก
โดยในหนัง A Christmas Gift from Bob จะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เจมส์และบ๊อบได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบนท้องถนน ซึ่งบ๊อบได้ช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุด ด้วยการมอบทั้งมิตรภาพและแรงบันดาลใจให้กับเขา นอกจากนี้ทั้งคู่ยังได้ร่วมกันสัมผัสและเข้าใจถึงความหมายรวมทั้งจิตวิญญาณที่แท้จริงของเทศกาลคริสต์มาสนี้ไปพร้อมกัน
กว่าจะมาเป็น A Christmas Gift from Bob
เริ่มต้นจาก A Street Cat Named Bob
วันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ผู้อำนวยการสร้าง อดัม โรลสตัน ก็ได้พบว่าเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่ A Street Cat Named Bob (2016) ภาพยนตร์จากหนังสือที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงและขึ้นแท่นเป็นหนังสือขายดีระดับปรากฏการณ์ได้ออกฉายในวงกว้างตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงโรงภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักรซึ่งในสหราชอาณาจักรนั้นเพิ่มความพิเศษด้วยการจัดงานใหญ่ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ Curzon Mayfair ณ กรุงลอนดอน โดยมีราชวงศ์เข้าร่วมรับชมภาพยนตร์ด้วย
เจ้าแมวบ๊อบนั้นเรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของงานเลยทีเดียว เขาได้ร่วมเดินพรมแดงภายในงานอยู่บนไหล่เจ้าของอย่างเจมส์ โบเวน ซึ่งบรรยากาศของงานมีทั้งนักข่าวช่างภาพ และแฟนๆ มาให้การต้อนรับพร้อมทั้งส่งเสียงบอกรักชื่นชมทั้งสองอย่างมากมายล้นหลาม โดยทั้งคู่ยังได้ร่วมออกเดินทางโปรโมทภาพยนตร์ที่ประเทศเยอรมนี ฮอลแลนด์ นอร์เวย์สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 นั่นเอง แกร์รี่ เจนกินส์ ผู้เขียนหนังสือก็ได้ส่งลิงก์รายงานข่าวมาให้อดัม เป็นอีเมลที่ได้ลงเนื้อหาไว้ว่า ภาพยนตร์นั้นเพิ่งเข้าโรงฉายในประเทศจีนและทำรายได้เปิดตัวบนบ็อกซ์ออฟฟิศในระดับที่เหนือคาด ด้วยการเปิดตัวที่อันดับ 3 ซึ่งถือเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียวสำหรับการเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนน้อยสัญชาติอังกฤษอย่างเรื่องนี้
มิตรภาพของเจมส์และบ๊อบหลังจากนั้น
ผู้ชมจะอยากรู้เรื่องมิตรภาพของเจมส์และบ๊อบอีกไหม
การสร้างภาคต่อดูจะเป็นวิธีการเดียวที่จะตอบคำถามนั้นได้ แต่เรื่องราวส่วนไหนที่จะหยิบมาเล่าต่อในครั้งนี้ดีล่ะ ภาพยนตร์ภาคแรกเป็นเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากในหนังสือสองเล่มแรกอย่าง A Street Cat Named Bob และ The World According to Bob และอดัม โรลสตันยังได้มีโอกาสสร้างทีวีซีรี่ย์อนิเมชั่นสำหรับผู้ชมก่อนวัยเรียนที่อ้างอิงมาจากชุดหนังสือสำหรับเด็กชื่อว่า My Name is Bob และ Bob To The Rescue อีกด้วย
ดังนั้นหนังสือที่ยังไม่ได้หยิบเรื่องราวมาเล่าเลยก็คือเรื่อง A Christmas Gift from Bob ที่เล่าถึงตอนที่เจมส์และบ๊อบใช้เวลาร่วมกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ก่อนที่เจมส์จะได้ผันตัวเองมาเป็นนักเขียนหนังสือขายดีในที่สุด
เดินหน้าโปรเจ็กต์ A Christmas Gift from Bob
เมื่อหาเรื่องราวภาคต่อที่จะนำมาสร้างได้แล้ว พวกเขาจึงเริ่มต้นเดินหน้าโปรเจ็กต์นี้อย่างเป็นทางการ มีเป้าหมายคือการสร้างภาพยนตร์ให้เข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ด้วยเนื้อหาที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี โดยมีเรื่องราวต่อมาจาก A Street Cat Named Bob นั่นเอง ด้าน แกร์รี่ เจนกินส์ ก็เป็นผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้เขียนบทภาพยนตร์ในครั้งนี้ เรียกว่าไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว เพราะเขาเองคือหนึ่งในผู้เขียนฉบับหนังสือ
ในเวลาเดียวกัน DDDream ค่ายผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ภาคแรกในจีนได้สอบถามกับพวกเขามาว่าตัวหนังจะมีการสร้างภาคต่อออกมาอีกไหม ดังนั้นด้วยการที่มีผู้จัดจำหน่ายให้ความสนใจในภาพยนตร์ชุดนี้อยู่แล้ว แกร์รี่ เจนกินส์ จึงเริ่มต้นลงมือเขียนบทภาพยนตร์ทันที และในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2019 พวกเขาก็ได้มีบทภาพยนตร์ที่ผ่านการอนุมัติจากเจ้าของเรื่องอย่างเจมส์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมสำหรับขั้นการถ่ายทำ
ผู้กำกับภาพยนตร์คนใหม่ ชาลส์ มาร์ติน สมิธ
ข้อได้เปรียบสำคัญที่เป็นประโยชน์จากภาคแรก คือพวกเขาสามารถดูจากตารางการถ่ายทำต่างๆ และพอจะรู้ถึงงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ได้อย่างชัดเจน สำหรับในภาคต่อพวกเขาก็ยังคงวางแผนการทำการกันอย่างละเอียดรอบคอบเหมือนเช่นเคย แต่น่าเสียดายที่ โรเจอร์ สปอตติสวู้ด ผู้กำกับภาคแรก A Street Cat Named Bob นั้นคิวไม่ว่างที่จะมารับงานกำกับในภาคต่อ
แต่ภายหลังได้มีเพื่อนร่วมงานของอดัมเสนอชื่อของคนหนึ่งขึ้นมาคือ ชาลส์ มาร์ติน สมิธ เขาคือนักแสดงที่ปัจจุบันผันตัวมาทำงานเบื้องหลังในตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ ชาลส์มีเครดิตผลงานที่โดดเด่นในภาพยนตร์แนวครอบครัวและที่มีสัตว์เป็นตัวละครหลัก เช่น Dolphin Tale 1 &2 (2011 & 2014) และ A Dog’s Way Home (2019) ซึ่งเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงพอตัวและยังประสบความสำเร็จบนตารางบนบ็อกซ์ออฟฟิศอีกด้วย
ตอนแรกพวกเขาไม่คิดว่าชาลส์จะให้ความสนใจในหนังชุดของบ๊อบนี้ เพราะความที่มันเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างน้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับระดับของหนังที่ชาลส์เคยกำกับมา แต่ปรากฏว่าเมื่อชาลส์ได้มีโอกาสอ่านบทภาพยนตร์ เขาก็ตัดสินใจที่จะมากำกับในภาคต่อนี้! ชาลส์บอกว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของหนังภาคแรกและเขาก็รักในสหราชอาณาจักรอยู่แล้ว เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยกำกับภาพยนตร์ Stone of Destiny (2008) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นประสบการณ์การทำงานที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพสายงานของเขาเลยทีเดียว
ผู้ที่จะมารับบทบาทเป็น เจมส์ โบเวน
ลุค เทรดาเวย์ นักแสดงชาวอังกฤษที่เคยรับบทเป็น เจมส์ โบเวน ในภาคแรก พร้อมและยินดีที่จะกลับมารับบทบาทนี้อีกครั้ง รวมทั้งสตูดิโอค่ายผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ล้วนอยากให้ลุคกลับมารับบทเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งผู้กำกับ ชาลส์ ก็เฝ้ารอที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงมากความสามารถอย่างลุค จึงสรุปว่า ลุค เทรดาเวย์ ก็จะกลับมารับบทบาท เจมส์ โบเวน ในภาคนี้อีกครั้ง
เจ้าเหมียวที่จะมาแสดงเป็นบ๊อบ
แล้วตัวละครสำคัญอีกตัวอย่างบ๊อบล่ะ …บ๊อบที่อายุมากขึ้นสี่ปีและยังมีความขี้กังวลอยู่เล็กน้อย บ๊อบจึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ก่อนที่จะมาร่วมจอในภาพยนตร์ สำหรับเจ้าแมวในหนังนั้นรับบทโดยทั้งตัวจริงอย่างบ๊อบ รวมถึง ลีโอ, จัฟฟา และตัวอื่นๆ ที่เคยรับบทแทนเป็นบ๊อบมาแล้วในภาคแรก ซึ่งทุกๆ ตัวได้รับการฝึกฝนโดย จิลล์ คลาร์ก ผู้ฝึกสอนแมวที่ร่วมงานมาตั้งแต่ภาคที่แล้วด้วยเช่นกัน
สถานที่ถ่ายทำ A Christmas Gift from Bob
ด้าน แอนโตเนีย โลว์ ผู้ออกแบบงานสร้างจากภาคแรกยังคงกลับมารับตำแหน่งเดิมในภาคต่อนี้ กระบวนการทำงานของ A Christmas Gift from Bob จึงเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งขั้นตอนเตรียมการถ่ายทำนั้นเริ่มต้นในช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 ภายใน สตูดิโอทวิคเคนแนม (Twickenham) โดยเปิดกล้องถ่ายทำในเดือนพฤศจิกายน และสิ้นสุดลงในวันที่ 6 ธันวาคม
ในภาคนี้มีการถ่ายทำทั้งภายในสถานที่และภายนอกสถานที่ ณ รอบๆ กรุงลอนดอนตะวันตกอยู่หลายแห่ง รวมถึงการสร้างฉากขึ้นมาภายในสตูดิโอทวิคเคนแนม อีกทั้งสถานที่หลักที่ได้รับการกล่าวถึงในหนังสือและหนังภาคแรกอย่าง คอนแวนต์ การ์เดน (Covent Garden) และ แองเจล อิสลิงตัน (Angel Islington) ก็ยังคงใช้เป็นส่วนของสถานที่ในเรื่องราวภาคต่อนี้เช่นกัน
อีกทั้งยังโชคดีที่ตารางการถ่ายทำของพวกเขาตรงกับช่วงฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสอย่างพอดิบพอดี ทำให้สามารถเก็บภาพบรรยากาศตามท้องถนนและหน้าร้านค้าต่างๆ ที่ตกแต่งรับกับธีมของเทศกาลแห่งความสุขนี้ในกรุงลอนดอนได้อย่างสมจริง
การจากลาของบ๊อบในผลงานชิ้นสุดท้าย
แน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้น คือการได้เห็นบ๊อบกลับมายังกองถ่าย ณ สตูดิโอทวิคเคนแนมอีกครั้ง จากสีหน้าของบ๊อบทำให้พวกเขารู้สึกว่าบ๊อบยังคงจำสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี บ๊อบทั้งสงบนิ่งและสง่าผ่าเผยในแต่ละเทคของการถ่ายทำ การที่ทุกคนได้เห็นบ๊อบร่วมแสดงนี้เป็นอะไรที่ไม่มีใครเบื่อเลย
อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเศร้าที่ บ๊อบ เจ้าแมวแสนโด่งดังอันเป็นที่รักของคนทั่วโลกได้จากเราไปในเดือนมิถุนายน ปี 2020 นี้เอง แต่เรื่องราวของบ๊อบจะเป็นที่จดจำตลอดไปผ่านในภาพยนตร์ และในช่วงคริสต์มาสนี้แฟนๆ จะได้เห็นบ๊อบในผลงานชิ้นสุดท้ายอย่าง A Christmas Gift from Bob ที่จะเข้าฉายในเดือนธันวาคม ปี 2020
ข้อความจากเจมส์ ถึงบ๊อบ
เจมส์ โบเวน ได้กล่าวถึงการจากไปของบ๊อบไว้ว่า “บ๊อบได้ช่วยชีวิตผมไว้ บ๊อบเป็นมากกว่าแค่ความเป็นเพื่อน ด้วยการที่มีเขาอยู่เคียงข้างทำให้ผมได้พบกับเส้นทางของชีวิตและบรรรลุจุดหมายบางอย่างที่ผมมักพลาดไป การประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามของเราผ่านหนังสือและภาพยนตร์นั้นมหัศจรรย์มาก ผู้คนนับล้านได้สัมผัสกับเรื่องราวของบ๊อบ ไม่เคยมีแมวตัวไหนเหมือนเขา การจากไปของบ๊อบให้ความรู้สึกเหมือนแสงสว่างที่เกิดดับลงในชีวิต และผมจะไม่มีวันลืมเขา”
ชีวิตจริงของ เจมส์ โบเวน และ เจ้าแมว บ๊อบ
เจมส์ โบเวน เคยเป็นคนขับรถบัส และได้เข้ารับบำบัดจากการติดยาเสพติด ในปี 2007 เขาได้ช่วยเหลือแมวที่บาดเจ็บและถูกทอดทิ้งไว้ให้มันกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เจมส์และเจ้าแมวบ๊อบได้กลายเป็นภาพจำของผู้คน ด้วยการที่ทั้งคู่มักจะอยู่ด้วยกันชนิดตัวแทบติดกันเสมอเลย
ในปี 2012 เจมส์ได้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า A Street Cat Named Bob ที่เป็นบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับมิตรภาพของเขาและบ๊อบ จนได้กลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก และได้รับการดัดแปลงมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันที่ออกฉายในปี 2016
ปัจจุบันเจมส์ยังคงอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ซึ่งเขาเป็นผู้แต่งเพลงและผู้สนับสนุนด้านการกุศลแก่บุคคลไร้บ้าน และองค์กรด้านสวัสดิภาพของสัตว์
เปิดประวัติทีมนักแสดง #AGiftfromBob
ลุค เทรดาเวย์
ลุคเพิ่งมีผลงานการรับบทนำไปในทีวีซีรีส์ The Singapore Grip (2020) นอกจากนี้เขายังเคยรับบทในทีวีซีรีส์ Fortitude (2015-2018), Traitors (2019), The Hollow Crown (2013-2016), The Nightmare Worlds of H.G. Wells (2016) และยังมีผลงานการร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องเด่นอื่นๆ ของลุค อาทิ Unbroken (2014) และ Cheerful Weather for the Wedding (2012) โดยการรับทของลุคใน A Street Cat Named Bob (2016) เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งเขายังคงกลับมารับบทเดิมในภาคต่อนี้อีกครั้ง
คริสติน่า ทอนเทอรี่-ยัง
คริสติน่าเป็นนักแสดงที่มีพื้นฐานด้านการเต้นบัลเล่ต์และการเล่นดนตรีคลาสสิก เธอเป็นที่รู้จักจากการร่วมแสดงในซีรีส์ Warrior Nun (2020) ที่ออกฉายทาง Netflix
ทิม เพลสเตอร์
ทิมเคยร่วมแสดงในผลงานมากมายอย่างซีรีส์ After Life (2019), Game of Thrones (2013-2016), Doctor Who (2010) และภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody (2018), Lockout (2012), Control (2007), Kick-Ass (2010) นอกจากนี้ทิมยังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์และผู้เขียนบทละครที่เคยได้รับรางวัลอีกด้วย ผลงานสารคดีเรื่องดังของเขา Way of the Morris (2011) ได้รับการฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลSouth by Southwest (SXSW) ในปี 2011
ฟาลดุต ชาร์มา
ฟาลดุต ชาร์มา คือนักแสดงมืออาชีพที่มีผลงานในวงการมาแล้วกว่า 25 ปี เขาเพิ่งมีผลงานการร่วมแสดงไปในทีวีซีรีส์ Unforgotten (2020) และยังเคยร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องเด่นอย่าง The Singapore Grip (2020), The Accident (2019), Hanna (2019), Gravity (2013), Children of Men (2006) ส่วนด้านงานแสดงสายละครเวที เขายังเคยร่วมแสดงในเรื่อง The Rat Pack Confidential ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมด้านการแสดงอย่างเป็นเอกฉันท์ รวมถึงเรื่อง Macbeth และเรื่อง Another World
เตรียมรับของขวัญจากเพื่อนชื่อบ๊อบ #AGiftfromBob วันที่ 24 ธันวาคม 2020 นี้ ในโรงภาพยนตร์
สามารถชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ด้านล่างค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก M Pictures
ติดตามข่าวอื่นที่น่าสนใจได้ที่สุดสัปดาห์
4 หนังทาสแมว ทาสหมาของปี 2019 ครบรสทั้งซึ้ง เอ็นดู๊ว์เอ็นดู!!
ควันหลงวันกอดแมวสากล ส่อง 5 ไอดอลหนุ่มทาสแมว พาลูกๆ อวดโฉม สาวๆ เห็นแล้วต้องอยากสมัครเป็นแมว!!!
เทย์เลอร์ สวิฟท์ ทาสแมวที่แท้ทรู! ยก “แมว” ให้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
10 โอปป้าเกาหลี ตกเป็นทาสหมา ทาสแมว วงเวียนนี้ยังไงก็หนีไม่พ้น!
The Travelling Cat Chronicles อีกหนึ่งหนัง #ทาสแมว ซึ้งกินใจทุกนาที!