หากต้องการชมความสวยงามของทะเล และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติแล้ว จังหวัดระนองเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเอไอเอสจึงเลือกสถานที่ในการสร้างความทรงจำที่แสนพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อเปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าเอไอเอสได้ไปเที่ยวชมความงามของทะเลใต้รวมไปถึงสถานที่ยอดฮิตของจังหวัดพร้อมเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพจากช่างภาพมืออาชีพ อย่างคุณนพดล อาชาสันติสุข และคุณสมโภช แตงไทย ที่ถ่ายทอดเทคนิค และแนะนำการถ่ายภาพต่างๆ ให้ลูกค้าของเราเก็บไว้เป็นความทรงจำที่สวยงาม
วันที่ 1 : ระนอง – พระราชวังรัตนรังสรรค์ – น้ำพุร้อนรักษะวาริน – ล่องเรือเดอะรอยัลอันดามัน
เอไอเอสทริปในครั้งนี้ ได้พาลูกค้าไปที่จ. ระนอง เป็นจังหวัดที่พูดถึงแล้วคงต้องนึกถึงประโยคที่ว่า“เมืองฝนแปดแดดสี่” เป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ความสุขไม่เล็กเลย.. ในการไประนอง 3 วัน 2 คืนนี้ได้มีการนัดแนะกับลูกค้าของเอไอเอส ให้ไปเจอกันที่สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายพอดี โดยมีโปรแกรมแรกโดยการพาทุกท่านตรงดิ่งไปยังร้านอาหารติดริมทะเล ชื่อร้านเคียงเล บรรยากาศของร้านนี้สวยสมชื่อมีลมทะเลพัดผ่านตลอดเวลา อาหารที่ร้านเป็นอาหารซีฟู๊ด และอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล หรืออาหารพื้นเมือง ซึ่งมื้อแรกของทริปนี้ มีห่อหมกทะเล เนื้อปลาแกงเหลืองและกุ้งผัดซอสมะขาม ลูกค้าเอไอเอสได้ทานอาหารอร่อยๆ พร้อมนั่งชมวิวสวยๆ มองเห็นเกาะสองของพม่า
และได้เรียนรู้ทฤษฎีจาก 2 อาจารย์ผู้คร่ำหวอดในวงการถ่ายภาพ อาจารย์นพดล อาชาสันติสุข และ อาจารย์สมโภช แตงไทย ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากกล้องถ่ายภาพ หรือโทรศัพท์ ลูกค้าของเราต่างได้เทคนิคการถ่ายภาพมามากมายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ว่าควรปรับแสงอย่างไร หรือดูมุมอย่างไรให้ภาพสวยแถมยังถ่ายภาพให้ดูเหมือนเล่าเรื่องจากภาพได้อีกด้วย
จากนั้นก็เดินทางต่อไปเรียนรู้การปฏิบัติจริงกับจุดท่องเที่ยวแรก คือ พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง)วังงามกลางเมืองระนอง ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ เป็นอาคารไม้ทั้งหลัง ตัวอาคารสวยและมีเอกลักษณ์ ตัวหลังคาเป็นแบบทับซ้อนทรงปั้นหยาแบบไทยและที่สำคัญคือระเบียงแต่ละหลังสามารถเดินทะลุหากันได้เป็นอนุสรณ์ในการเสด็จประทับแรมของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 อีกด้วย
หลังจากชมความงามทางสถาปัตยกรรม พระราชวังรังสรรค์แล้ว ก็เดินทางต่อไปยังน้ำพุร้อนรักษะวาริน ว่ากันว่า ที่นี่เป็นออนเซ็นแห่งเมืองระนองอุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 65 องศาเป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีแร่ธาตุสำคัญมากมาย แต่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน และการแช่เท้าในน้ำร้อนแบบนี้จะช่วยบำบัดสุขภาพ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
พอท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีก็พากันไปที่ท่าเรือประภาคารระนองดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกด้วยการไปล่องเรือเดอะรอยัลอันดามัน เป็นเรือไม้โบราณที่มีอายุกว่า 100 ปี ในแบบฉบับ Unseen ชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลทองคำพร้อมย้อนวันวานสมัยก่อนด้วยการแต่งกายชุดไทยย้อนยุคในสมัย รศ. 109 เป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์ที่ลูกค้าของเราต่างชื่นชอบ ที่จะได้แต่งกายด้วยชุดไทย (ย่าหยา-บาบ๋า) เป็นหนุ่มสาวระนองในยุคเหมืองแร่ร.ศ.109 ต่างถ่ายภาพกันสนุกจนลืมเวลาไปเลย ก่อนจะดินเนอร์กันด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษที่เอไอเอสได้จัดเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันลอกอย่อ , ลอหมี่ปู(อาหารโบราณระนอง) , ปูม้านึ่ง อาหารทะเลาต่างๆ และเมนูของหวานด้วยขนมน้ำหอม ที่เป็นขนมโบราณของระนอง
ก่อนปิดท้ายด้วยการไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมอันศักดิ์สิทธ์ และการลอยพรกพร้าวซึ่งเป็นประเพณีโบราณของชาวระนองเพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง ก่อนจะเดินทางไปเช็คอินพักผ่อนที่โรงแรมน้ำใส เขาสวยเป็นที่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว
วันที่ 2 : เกาะฮอร์สซู – เกาะตาฟุ๊ก – เกาะหัวใจมรกต – เกาะย่านเชือก
รุ่งเช้ามาเติมพลังก่อนออกเดินทางไปตามหาหัวใจมรกต ไปยังท่าเรือแกรนด์อันดามันระนองโดยนั่งเรือสปีดโบ๊ทไปท่าเรือโรงแรมแกรนด์อันดามันเกาะสนประเทศเมียนมาร์ซึ่งต้องทำเอกสารต่างๆให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะเอไอเอสจัดการให้ลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเกาะแรกที่ไป คือ เกาะฮอร์สซูที่นี่เป็นชายหาดโค้งยาว สีขาวสะอาดตา โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน มีรูปทรงคล้ายเกือกม้านอกจากจะเป็นเกาะที่น้ำทะเลใส หาดทรายสวยแล้ว ยังมีกิจกรรมดีๆอย่างการดำน้ำ ดูปะการัง ดูสัตว์ใต้ทะเลอีกด้วย
หลังจากดำน้ำเสร็จก็ต่างพากันมาชมความงดงามกันต่อที่ เกาะตาฟุ๊ก เป็นอีกเกาะที่ขึ้นชื่อและสวยงามตามธรรมชาติของพม่า ที่นี่น้ำทะเลใสจนมองเห็นปลา เม็ดทรายสีขาวละเอียดมองแล้วสบายตา และยังมีที่พักไว้รับรองนักท่องเที่ยวอีกด้วย เอไอเอสจึงจัดบริการสุดพิเศษด้วยการพาแม่ครัวจากฝั่ง มาปรุงอาหารทะเลแบบสดใหม่ในหลากหลายเมนู พร้อมชมวิวสวยๆ ก่อนออกไปตามหาหัวใจที่เกาะหัวใจมรกต ได้ถ่ายรูปจากมุมสูง จนเห็นน้ำทะเลเป็นรูปหัวใจสีเขียวมรกตอย่างสวยงาม
และมาถึงสถานที่สุดท้าย คือ เกาะย่านเชือก เป็นเกาะที่สวยที่สุดในทะเลพม่า มีความหลากหลายของธรรมชาติใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นปะการังหลายชนิด หรือฝูงปลาก็ตาม จนได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีทุ่งปะการังที่ใหญ่ที่สุด
จนมาถึงมื้อเย็น ไปทานอาหารกันที่ ร้านคุ้นลิ้นเป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ หุ่นยนต์และ การ์ตูนต่างๆ ได้บรรยากาศแฮงค์เอ้าท์ไปอีกแบบ
วันที่ 3: ภูเขาหญ้า – กรุงเทพฯ
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ พาลูกค้าไปเก็บภาพสวยๆ แวะชมธรรมชาติที่ ภูเขาหญ้าเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญอีกที่ของระนอง เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ และมีเนินเขาหัวโล้นที่เกิดตามธรรมชาติ แนวต้นยาวขึ้นเสมอกันราวกับมีคนมาตัดแต่งไว้ ด้วยความที่เป็นเนินเขาไม่สูงมาก จึงทำให้เดินไปดูบรรยากาศรอบๆได้ซึ่งในหน้าร้อนนี้ทุ่งหญ้าจะยังเป็นสีน้ำตาล
เท่านั้นยังไม่พอ ทางเอไอเอสจัดรถโพถ้องซึ่งชาวระนองเรียกว่ารถสองแถวไม้ มาสร้างสีสันให้กับภูเขาหญ้าแห่งนี้ พร้อมให้ลูกค้าเอไอเอสได้โพสท่าถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน ก่อนถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน เดินทางกลับ ถึงที่หมายกันอย่างสวัสดิภาพ
หลังจากจบทริปนี้ ลูกค้าเอไอเอสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นทริปที่อบอุ่น สนุกและสร้างความทรงจำได้เป็นอย่างดี แถมยังได้เพื่อนร่วมทางใหม่ๆและเทคนิคการถ่ายภาพที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย สำหรับใครที่อยากมาร่วมสนุกและได้รับประสบการณ์ดีๆแบบนี้กับเอไอเอส อย่าลืมติดตามรายละเอียดในทริปหน้า ได้ที่ www.ais.co.th/aistrip