เอ่ยชื่อ “จีนี่ เรคคอร์ดส” เชื่อว่าคอเพลงร็อกทั้งหลายไม่มีใครไม่รู้จัก ค่ายนี้เป็นบ้านของศิลปินดังมากมาย และวันนี้จีนี่ก็ยืนหยัดคู่วงการเพลงไทยมาถึงปีที่ 19 พวกเขาจึงจัดหนักจัดเต็มกับการกลับมาของเทศกาลดนตรีร็อกครั้งยิ่งใหญ่ ที่ทุกคนตั้งตารอ g19 “genie fest 19 ปี กว่าจะร็อกเท่าวันนี้” ที่ขน 20 ศิลปินร็อกระดับท็อปขึ้นเวที เพื่อสร้างตำนานสุดมันด้วยกันอีกครั้ง และนี่คือศิลปินเชื้อสายจีนี่ที่ผ่านอะไรกันมาเยอะและเต็มไปด้วยความผูกพันแน่นแฟ้น จนหน้ากระดาษแทบบรรรยายไม่พอ
เบื้องลึกเบื้องหลัง ศิลปินค่ายจีนี่ g19 “กว่าจะร็อกเท่าวันนี้” มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
Bodyslam
ตูน: วันที่เดินเข้ามาจีนี่วันแรกเหมือนเราเป็นเด็กฝากจากพี่ ๆ บิ๊กแอส ซึ่งเข้ามาอยู่จีนี่ก่อน ซึ่งช่วงนั้นอัลบั้ม Seven ของบิ๊กแอสมีเพลง เล่นของสูง ดังมาก ในขณะที่บอดี้สแลมหมดสัญญากับค่ายเก่าพอดี พี่กบกับพี่อ๊อฟเลยจูงมือน้องชายเข้ามาฝากกับพี่นิค (วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้บริหารค่าย) ตอนนั้นก็ไม่ได้คาดหวังว่ามาแล้วเราต้องมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม พวกเรามาที่นี่ด้วยความสบายใจ อบอุ่น มีความสุขที่จะได้อยู่กับพี่ ๆ บิ๊กแอสมากกว่าครับ ส่วนพี่นิคก็ให้เกียรติให้อิสระบอดี้สแลมได้ทำงานเต็มที่ในแบบเรา ไม่สร้างกรอบว่าต้องทำนั่นทำนี่
ปิ๊ด: ผมจำสภาพแรกที่เข้ามาสกรีนเทสต์ได้ดี ลุคผมแย่สุดเลย ใส่เสื้อสี ๆ ลาย ๆ ผมทรงประมาณเต้าหมิงซื่อ F4 ผ่านการยืดและหนีบมาด้วย (หัวเราะ)
ตูน: แต่ละคนมากันคนละทิศละทางเลย มีศัพท์เรียกเฉพาะพวกเรากันเองว่า “ด้วงจ้อน” (ยิ้ม) วันนั้นผมใส่เสื้อฮาวายสีเหลือง ส่วนพี่ชัชกับพี่ยอดแต่งตัวเก่ง ดูดีสุดในวง
ปิ๊ด: มากันแบบจ้อน ๆ ไม่มีสไตล์อะไรเลย (หัวเราะ)
ยอด: ผมไว้ผมยาวถึงก้นเลยครับ
ชัช: ผมเน้นแต่งตัวโทนสีดำ เจาะปากด้วย
ปิ๊ด: ดูดีนะ แต่สติไม่ค่อยมี (ฮายกวง)
ยอด: 12 ปีในจีนี่ พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันแค่เรื่องงาน ถ้าใครมีปัญหา เรื่องส่วนตัวก็สามารถเคาะประตูห้องพี่ ๆ ได้เสมอ พี่ ๆ จะให้คำปรึกษาแนะวิธีแก้ปัญหาด้วยดีมาตลอด
โอม: ส่วนผมเป็นสมาชิกใหม่ที่มาหลังสุด ก็อยากขอบคุณบอดี้สแลมที่ไว้ใจให้ผมเข้ามาร่วมทางด้วย ขอบคุณพี่ ๆในจีนี่ ขอบคุณแฟนเพลงบอดี้สแลมทุกคนที่ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองครับ
ตูน: วงบอดี้สแลมเดินทางบนเส้นทางดนตรีมา 15 ปี เราได้เห็นแฟนเพลงหลายยุค ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ๆ ยังวัยรุ่นตามเชียร์กันมาตลอด พอทำงานมีภาระหน้าที่ อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่ยังติดตามความเคลื่อนไหว และเชียร์เราอยู่ห่าง ๆ เสมอ จนมาปีหลัง ๆ แฟนเพลงเราเด็กลงเรื่อย ๆ และมีแฟนเพลงรุ่นพี่ป้าน้าอาเพิ่มขึ้นด้วย บางงานได้เห็นภาพแฟนเพลงมากันเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก เป็นภาพที่อบอุ่นหัวใจมากครับ 10 กุมภาพันธ์นี้ กับคอนเสิร์ต g19 ผมคิดว่านี่จะเป็นโชว์ใหญ่โชว์แรก ที่ทุกคนจะได้เห็นบอดี้สแลมกับเพลงในอัลบั้มใหม่ ซึ่งไม่ใช่เป็นความพิเศษเพื่อคนดูเท่านั้น แต่มันพิเศษสำหรับบอดี้สแลมด้วย พวกเราตั้งตารอที่จะให้ถึงวันนั้นเช่นเดียวกันกับทุกคนครับ
25 Hours
แหลม: การย้ายค่ายมาอยู่จีนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของวงครับ เพราะเราเชื่อว่าต้นไม้จะโตได้ต้องมีดินที่เหมาะสม เราเองก็ต้องหาพื้นที่ที่เหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งเมื่อได้เข้ามาคุยกับผู้ใหญ่ที่จีนี่แล้วทำให้เราตัดสินใจได้ง่าย เพราะที่นี่ลงตัวกับเราที่สุด จีนี่ยังให้ทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์ดำเนินและเติบโตไปอย่างที่ควรเป็น ให้เราได้สร้างงานในแบบที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง
จ๊อบ: มาตรฐานการทำงานของจีนี่มีความเป็นระบบ เมื่อก่อนเราทำงานค่ายเล็ก ๆ วิธีการไม่ได้ตายตัว เราคิดและทำกันเองซะเยอะ พอมาอยู่ที่จีนี่ระบบการทำงานของวงก็ดีขึ้นหลายอย่าง เพราะค่ายซัพพอร์ตศิลปินทุก ๆ ด้าน
แหลม: ตอนนี้ทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์อายุ 8 ปี เราอยู่จีนี่มา 3 ปี ก็ต้องปรับตัวไปด้วยตลอด แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนจนเสียจริต เรายังทำดนตรีในแบบที่เราเป็น เพราะเชื่อมาตลอดว่า แม้โลกจะเปลี่ยนไปไวแค่ไหน แต่ถ้าคนยังรักในดนตรี วงดนตรีก็จะยังคงอยู่ไม่ไปไหน นี่คือสิ่งที่จริงแท้และแน่นอน ตลอด 8 ปีในการทำงาน สิ่งที่ดีที่สุดในการเล่นดนตรีในฐานะวงทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์คือ แฟนเพลง พวกเขาคือหัวใจ ต่อให้ทำเพลงดีแค่ไหน แต่ไม่มีคนฟัง ไม่มีคนอุ้มชู ก็เหมือนเทน้ำลงทรายแล้วหายไป
ช่วงแรกที่เป็นทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์ เราเคยไปเล่นในจังหวัดที่ไม่คิดว่ามีคนดู แต่ปรากฏว่าคนดูเต็มร้านเลย แล้วร้องได้ทุกเพลง เพลงที่ไม่ได้โปรโมตเขาก็ร้องได้ แล้วภาพแบบนี้ก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ จนวันนี้เรามีแฟนเพลงทั่วประเทศเหนียวแน่น พวกเขาโตมาพร้อมเรา เป็นแฟนเพลงเราตั้งแต่เด็กจนเรียนจบทำงาน บางคนมีลูกแล้ว ก็ยังติดตามกันอยู่ ซึ่งพวกเขาคือสิ่งล้ำค่าสำหรับพวกเรา
สำหรับคอนเสิร์ต g19 เป็นการรวมตัวของศิลปิน ทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทุกอย่างจะรวบตึงอยู่ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใหญ่มาก ขอเชิญชวนแฟนจีนี่ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ดนตรีร็อกด้วยกัน สนุกกันตามสไตล์ของตัวเอง ไปให้กำลังใจทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์ท่ามกลางหมู่มวลชาวร็อกชุดดำ เราเหมือนเป็นผีเสื้อตัวน้อยครับ (ยิ้ม) พวกเรามีเพลงใหม่ไปเล่นและมีโชว์ที่ตั้งใจทำเป็นพิเศษให้แฟนเพลงด้วยครับ
ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์
“จริง ๆ พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าใครเลือกให้พี่มาอยู่ที่นี่ (ยิ้ม) เดิมพี่อยู่ค่ายจีราฟเรคอร์ดส แต่พอค่ายปิดตัวลง พี่ก็ย้ายมาอยู่จีนี่ ตอนนั้นพี่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรเรื่องย้ายค่ายนะ เพราะจีนี่ก็อยู่ภายใต้แกรมมี่เหมือนกัน ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านหลังเดิม เพียงแค่ย้ายห้องเท่านั้นเอง แต่พี่รู้สึกดีมากที่เราไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะพี่ไม่สามารถทําเพลงตามกระแสได้ถ้าไม่อยากทํา ถ้าสิ่งนั้นฮิตแล้วเราอยากทํา พี่ถึงจะทํา ซึ่งพี่นิค ผู้บริหารจีนี่เข้าใจพี่ในทุกอย่างที่พี่เป็น จึงเป็นการทํางานที่สบายใจมาก ๆ ตลอด 13 - 14 ปีที่อยู่ด้วยกัน
“20 กว่าปีบนเส้นทางดนตรี มันสอนการใช้ชีวิตพี่อย่างมาก พี่อยากเล่นดนตรีเป็นอาชีพ เพราะทําแล้วมีความสุข แต่มันมีข้อเสียตรงที่รายได้ไม่สม่ำเสมอ เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเพลงที่ทําออกไปคนจะชอบมากน้อยแค่ไหน แต่พี่เชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราทําการบ้านหนักพอ ความคิดผ่าน กระบวนการกลั่นกรองมาอย่างดี จะมีคนชอบเสมอ แล้วยิ่งมีการจัดการ การตลาด การพีอาร์ การดูแลระบบการเงินที่ดี ชีวิตนักดนตรีก็จะไม่มีปัญหา
“มีหลายคนเป็นแฟนเพลงตั้งแต่เขายังเป็นนักเรียน นักศึกษา มาวันนี้ต่างเติบโต เป็นผู้บริหาร เป็นพ่อคนแม่คน ก็ยังคงเป็นแฟนเพลงเราอยู่ วันนี้วงการเพลงมาถึงยุคฟังเพลงในโซเชียลจนมีเพลงร้อยล้านวิว เพลงเราแมสขึ้น ช่วงนี้ไปไหนมาไหนแฟนเพลงเข้ามาทักทายขอถ่ายรูปเยอะ ทั้งเด็กเล็กวัยรุ่น พี่ป้าน้าอาเรียก ‘พี่ป้าง ๆ’ เด็กสองสามขวบก็เรียก ‘พี่ป้าง’ บางคนก็เรียก‘ลุงป้าง’ แฟนเพลงตัวเล็ก ๆ นี่แหละช่วยร้องดังลั่นไม่แพ้แฟนเพลงผู้ใหญ่เลยนะ ความสุขและความรู้สึกดี ๆ แบบนี้หาซื้อที่ไหนไม่ได้จริง ๆ และนี่แหละคือความสุขของคนทำงานดนตรี”
Potato
ปั๊ป: โปเตโต้เคยอยู่จีนี่เมื่อ 10 ปีที่แล้วครับ ทำอัลบั้มชุดที่ 5 Circle ได้หนึ่งชุด แล้วเราก็ย้ายไปอยู่ค่ายอื่นในแกรมมี่ เหมือนหนีออกจากบ้านแล้ววันหนึ่งก็หอบของกลับมา พี่ครับ ขอกลับบ้าน มันเป็นฟีลนั้นเลย (หัวเราะ)
หั่ง: ผมทำงานเบื้องหลัง เลยมีโอกาสได้เจอพี่นิคอยู่เรื่อย ๆ แม้ช่วงที่โปเตโต้ไม่ได้อยู่ที่จีนี่ แต่พี่นิคยังคงติดตามมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความห่วงใย
ปั๊ป: จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน คอนเสิร์ต g16 ผมขึ้นเวทีนี้ในฐานะเกสต์ เหมือนได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง จำได้ว่าวันนั้นร้องเพลง ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ในอัลบั้มที่ 5 ที่ทำกับจีนี่ วันนั้นผมไปคนเดียว พอลงจากเวที ด้วยบรรยากาศมันทำให้ผมรู้สึกว่า เราอยากได้รับโอกาสอีกครั้งจากค่ายเพลงร็อคอันดับ 1 ของเมืองไทย ก็ขอพี่นิคกลับมาว่า ถ้าเรากลับมาอยู่ที่นี่ พี่จะรับหรือเปล่า วันที่เข้าไปคุยที่จีนี่ยังไม่ได้เซ็นสัญญานะ แต่พี่นิคก็พาพวกเราไปแนะนำ แล้วบอกว่าน้องๆ จะกลับมาอยู่ที่นี่นะ
หั่ง: เวลาเข้าไปที่ค่ายจะรู้สึกเฮฮามาก จนบางทีไม่ได้รู้สึกว่าเป็นค่ายเพลง บรรยากาศมันก็จะแฮ็ปปี้ ไม่เครียด เหมือนอยู่บ้าน แต่อีกมุมหนึ่งเวลาทำงาน ทีมงานทุกคนก็จริงจังมาก
ปั๊ป: ทีมจีนี่ให้เราทำงานเต็มที่ พยายามผลักให้เราลองทำด้านอื่น ๆ ด้วย ลองแบบนี้มั้ย จากที่เคยเป็นนักร้อง ไม่อยากเป็นพระเอกเอ็มวีเอง ก็ได้ลอง พี่หั่งเองก็บิลด์ กลายเป็นว่ากลับมาครั้งนี้ ผมเปิดตัวเองมากขึ้น ได้ลองเล่นมินิซีรี่ส์ ทำให้ผมเข้าใจมุมมองศิลปะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่เราทำอยู่มากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ปิดตัวเองมาตลอด ยึดแต่ว่าฉันเป็นนักร้อง จะร้องเพลงอย่างเดียว จะไม่ทำอย่างอื่น เดี๋ยวเสียภาพลักษณ์ ขนาดตัวเองยังไม่เชื่อ แล้วคนดูจะเชื่อได้ยังไงสุดท้ายแล้ว ถ้าเราทำด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นงานรูปแบบใด คนดูเขาสัมผัสได้อยู่แล้ว และเขาก็พร้อมเชื่อในสิ่งที่เราทำ
ปีนี้หลัง g19 เราเตรียมออกอัลบั้มเต็มชุดที่ 7 ชื่อชุดตรงตัวเลยว่า ชุดที่เจ็ด ชุดนี้ห่างจากชุดก่อนประมาณ 7 ปี ระยะทาง 7 ปี ผ่านเรื่องราวมาเยอะ เลยอยากตั้งชื่อที่มันชัดเจน ตลอด 17 ปีของโปเตโต้ คนที่เราอยากขอบคุณมาก ๆ คือแฟนเพลง พวกเราไม่ได้เข้มแข็งทุกวัน มันมีช่วงที่อ่อนแอ หลายครั้งที่เราเหนื่อย คิดลังเลว่าจะไปต่อดีมั้ย แต่ก็ได้แฟนเพลงที่หันไปแล้วยังอยู่พร้อมประคอง หยิบยื่นกำลังใจมาให้เสมอ ทำให้เรายังอยากทำงานต่อ ความรักของแฟนเพลงเป็นอีกหนึ่งความรักที่เราควรเรียนรู้ เพราะพวกเขาไม่เคยต้องการการตอบแทน มีแต่จะให้ อยากเห็นพวกเรามีความสุขและประสบความสำเร็จ ซึ่งพวกเราก็รู้สึกกับพวกเขาอย่างนั้นเช่นเดียวกันครับ
Labanoon
เมธี: เราเพิ่งมาอยู่จีนี่ได้ 3 ปีครับ ซึ่งก่อนมาจีนี่เราหยุดชีวิตการเป็นศิลปินไป 8 - 9 ปี ต้องขอบคุนพี่กบ บิ๊กแอส ที่ชวนเรามา (ยิ้ม) ทีแรกลาบานูนตั้งใจจะทำเพลงเองขายเอง ไม่คิดว่าจะมีสังกัด ยิ่งคำว่า “จีนี่” สำหรับเราเป็นค่ายที่ยิ่งใหญ่มาก แล้วคนจะยังรู้จักลาบานูนอีกเหรอ เพลงเราจะขายได้อยู่มั้ย ประโยคสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจได้คือ ตอนพี่กบโทร.ปรึกษากับพี่นิคว่า มีไอเดียจะทำอะไรกับวงของเราบ้าง พี่นิคตอบว่า “ลาบานูนเปรียบเสมือนจิกซอว์ที่ขาดไป เขาจะเข้ามาเติมเต็มจีนี่” ผมจำได้เลยจนวันนี้และก็จำวันที่เข้ามาเซ็นสัญญาได้ว่า พี่กบกับพี่อ๊อฟ บิ๊กแอส เป็นคนพามาเหมือนผู้ปกครองมาส่งเข้าโรงเรียนเลย
อนันต์: คงกลัวพวกเราร้องไห้เหมือนเปิดเทอมวันแรก (หัวเราะ)
เมธี: หลังจากเข้ามาจีนี่ ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาคือ ศึกษานารี ต้องขอบคุณพี่ ๆ ที่ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ตอนทำเดโม่พี่ตูนก็มานั่งฟังด้วย ทุกคนดีใจที่รู้ว่าเรากลับมาทำเพลงอีกครั้ง ทุกคนเชียร์เรากันขนาดนี้ แล้วเราจะไม่ขึ้นชกได้ยังไง จากที่เคยกลัว แพ้ชนะตอนนั้นผมไม่สนใจแล้ว คิดแค่ว่าเอาวะ กูซัดเต็มที่ วินาทีแรกที่รู้สึกฮึกเหิม ผมก็หยิบสมุดจับปากกาเริ่มเขียนเพลง ทำมันให้ดีที่สุด ทำอย่างมีความสุขแค่นั้นพอ
สมเมย์: ตอนมาที่นี่เหมือนเรานับหนึ่งใหม่ ฉะนั้นเลยไม่คิดเยอะหรือคาดหวังมาก ทุกอย่างทำไปตามสัญชาตญาณ
เมธี: ไม่เคยคิดว่าเพลงจะประสบความสำเร็จถึงขึ้นหลักร้อยล้านวิว แต่ความสำคัญมันไม่ใช่แค่ยอดวิวสามสี่ร้อยล้านวิว เพราะบางเพลงยอดวิวไม่มากแต่มีอิทธิพลบางอย่างกับคนฟัง เช่น เพลง ตายดาบหน้า ผมได้รับคอมเมนต์จากเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่บอกว่า เขาเป็นมะเร็งเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่พอฟังเพลงนี้แล้วเลยลุกขึ้นมาสู้ ถ้าไม่ได้ฟังเพลงนี้คงฆ่าตัวตายไปแล้ว
อนันต์: พวกเรากำลังจะมีงานใหญ่คือ คอนเสิร์ต g19 ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้ขึ้นคอนเสิร์ตนี้ เพราะตอน g16 ผมได้แค่ดูแผ่นซีดี แต่คราวนี้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน พูดแล้วก็ตื่นเต้น
สมเมย์: ไม่อยากให้พลาดงานนี้จริง ๆ ครับ เพราะการจะรวมทุกวงในจีนี่ให้ มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ
“คอนเสิร์ต g19 มี่ว่าเป็นเหมือนงานที่พี่น้องลงเรือลำเดียวกัน พายเรือเพื่อไปถึงจุดหมายเดียวกัน ก็คือทำให้คนที่มาดูมีความสุข ตอนนี้ศิลปินทุกคนเต็มที่มาก คิดโชว์ของตัวเอง แล้วส่งโปรเจ็กต์กับทีมงาน ฟีลเหมือนส่งการบ้านอาจารย์เลย ส่วนโปรเจ็กต์ของมี่ก็มีวางโครงไว้แล้ว แต่ไม่อยากบอกอะไรมาก เดี๋ยวคนอื่นทราบสิคะ ตอนนี้แค่คิดว่าเล่นที่ราชมังคลาฯก็ตื่นเต้นแล้วนะ สถานที่ใหญ่มาก และมี่ยังไม่เคยเล่นที่นี่มาก่อน น่าจะสนุกและมันมาก (ยิ้ม)
“ในชีวิตของการเป็นศิลปิน มี่เองก็มูฟมาหลายค่ายในแกรมมี่ ที่เลือกมาอยู่จีนี่เพราะความหนักแน่นของค่ายนี้ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลศิลปิน และผลักดันผลงานที่เป็นคาแร็กเตอร์ของศิลปินออกมาได้อย่างชัดเจนมาก มี่อยากร่วมงานกับทีมที่ทุ่มเทแบบเข้าใจงานจริง ๆ พร้อมกับให้เราเป็นในแบบที่เราเป็น เป็นการทำงานที่แฮ็ปปี้มากค่ะ ในบ้านหลังนี้มี่ถือว่าเราเป็นน้องใหม่ค่ะ น้องใหม่ที่หน้าแก่ (หัวเราะ)
“ทีมงานจีนี่ทุกคนน่ารักมาก พี่นิคเป็นผู้ใหญ่ที่ใส่ใจและรับฟังเสมอ พร้อมกับช่วยวิเคราะห์งานให้ด้วยว่าเพลงนี้ออกไปจะเป็นยังไง เพราะมี่เองก็ไม่เคยนั่งวิเคราะห์เลย มี่รู้สึกว่ามันดีกว่าที่เรานั่งทำงานอยู่คนเดียวในบ้าน โดยที่ไม่ทราบว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง อีกกลุ่มคนที่มี่ซาบซึ้งมากคือแฟนเพลง สิบกว่าปีในการเป็นศิลปินมี่ยังเป็นมี่คนเดิม จริงใจกับทุกสิ่งที่ทำตลอดการเป็นนักร้อง มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่พวกเขายังอยู่ และเป็นพลังที่คอยขับเคลื่อนให้เราก้าวต่อไป แม้ไม่ได้เจอกันตามงาน แฟน ๆ ยังติดตามกันอยู่เรื่อย ๆ ให้กำลังใจกันห่าง ๆ น่ารักมาก ปีนี้มี่จะมีเพลงออกมาให้ฟังกัน ฝากติดตามด้วยนะคะ และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ มี่จะรอเจอมิตรรักแฟนเพลงของมี่และของทุกวงค่ะ”
Paradox
ต้า: ความผูกพันระหว่างจีนี่กับพาราด็อกซ์ยาวนานร่วม 17 ปี เริ่มตั้งแต่แกรมมี่ยังอยู่ตึกซีมิค ทาวเวอร์บี ห้องทำงานของจีนี่มีแค่โต๊ะทำงานอยู่ตัวเดียว ครั้งแรกที่เข้ามาคือพาเพื่อนมาเสนอเพลงกับพี่นิค เพราะเพื่อนมีแววมาก ส่วนพวกเราทำเพลงนอกกระแส ไม่ค่อยแมสเท่าไร จนพี่เต็ด - ยุทธนา บุญอ้อม ชวนให้มาทำอัลบั้ม Intro 2000 ตอนนั้นก็ส่งเพลง ท่ามกลาง แนวเพลงค่อนข้างแปลก นอกกระแสสไตล์เรามาก แต่ปรากฏว่ากลับประสบความสำเร็จ จากนั้นค่ายจีนี่ก็ชวนให้มาออกอัลบั้มเต็มด้วยกัน โดยที่ทางค่ายจะไม่แตะต้องเราเลย อยากให้เราทำงานแปลกๆ อย่างที่เราเป็น พอปรึกษาคุณสองซึ่งคึกคักมาก เขาบอกว่า น่าสนใจนะ ตรงข้ามกับผม คือมีความกลัว ถ้าอยู่กับแกรมมี่จะลงตัวมั้ย รู้สึกว่าทำเองขายเองอยู่แบบใต้ดินก็มีความสุขดีแล้ว
สอง: ป๋าเต็ดเอาเทปที่เราทำใต้ดินไปให้พี่นิคฟัง เขาคิดว่าพี่นิคก็น่าจะชอบ แต่ผมก็ไม่คิดว่าแกจะชอบถึงขั้นให้อิสระเราได้ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกที่ออกกับจีนี่คือ Summer มีเพลงดังเพลงฮิตคือน้องเปิ้ล, ฤดูร้อน, Love ซึ่งทุกวันนี้พาราด็อกซ์ยังเล่นเพลงนี้อยู่เกือบทุกเวที
ต้า: 17 ปีที่อยู่จีนี่ พวกเราประทับใจความยืดหยุ่นของค่าย และวิสัยทัศน์ของพี่นิคที่เฉียบขาด อะไรใช่ไม่ใช่บอกกันชัดเจน ถ้าเรามีปัญหาหรืออึดอัดใจอะไรสามารถคุยกับค่ายได้ ค่ายพร้อมจะช่วยซัพพอร์ตทุกอย่าง ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่การทำงาน เราเหมือนครอบครัวที่มีความเอ็นดูกันตลอด พาราด็อกซ์เหมือนเด็กไม่ค่อยเข้าบ้าน นอกคอกนิดหนึ่ง ปีหนึ่งจะเข้าตึกสองสามหน
สอง: ถ้าช่วงโปรโมตงานจะเข้าตึกบ่อยหน่อย ถ้าไม่โปรโมตก็หายไป 5 ปีไม่เคยเข้าบริษัทเลย
ต้า: คอนเสิร์ตครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะเรามีอัลบั้มใหม่ คือถ้าไม่มีอัลบั้มใหม่ก็คงเขินหน่อย ๆ ครับ (ยิ้ม) เพราะเหมือนเราเล่นเพลงเก่า งานนี้เราจะเตรียมเพลงใหม่ ๆ มาฝากให้หายคิดถึงพาราด็อกซ์มีแฟนเพลงหลายรุ่นมากครับ รุ่นแรกจะเป็นเด็กช่างกล ช่างศิลป์ ผู้ชายหน้าโหด ๆ รุ่นถัดมาเป็นเด็กไอที เด็กวิทยาศาสตร์ เด็กเรียนหมอ จากนั้นก็เริ่มมีแฟนเพลงผู้หญิงแนวใสปิ๊ง แนวครอบครัวพ่อแม่ลูก ปีนี้คาดว่าเราจะมีแฟนเพลงเจนใหม่เพิ่มเข้ามาอีก อาจจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้จักกันใหม่ แต่ดีใจครับ เพราะแฟนเพลงกลุ่มนี้เขาจะติดตามไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ด้านแฟนเพลงเก่า ๆ ที่โตแล้วก็ยังคอยตามสนับสนุนไปคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ คือดูเรามาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว จนวันนี้มีลูกแล้วก็หอบกันมาดูพาราด็อกซ์ ก็ไม่รู้ว่า g19 จะพาลูกพาหลานมากันมั้ย ถ้ามาก็ดีนะ อบอุ่นเหมือนมางานเลี้ยงญาติพี่น้อง (ยิ้ม)
Klear
แพท: วันที่เข้ามาเซ็นสัญญาที่จีนี่เรารีบเซ็นกันมากแทบไม่อ่าน กลัวค่ายเปลี่ยนใจค่ะ (หัวเราะ) จำได้ว่าวันนั้นมีคำถามมากมายจากพี่นิค ประมาณว่า ทำเพลงจะเอากล่อง เงิน หรือชื่อเสียง มันไม่ใช่คำถามถูกผิดหรอก พี่เขาแค่อยากรู้ทัศนคติ เราตอบไปว่าเอากล่อง ตอนนั้นเราเป็นเด็กติสท์ที่แรง ไม่สนเรื่องการตลาด ยอดขาย เราเป็นแบบนี้ เราอยากทำแบบนี้ เราคิดว่าเพลงที่เราทำดีแล้ว ซึ่งมองย้อนกลับไปมันยังไม่ดี ถึงขั้นที่เราจะมั่นใจตัวเองได้ขนาดนั้น
นัฐ: ตอนนั้นอายุ 20 ต้น ๆ ด้วยวัยตอนนั้นมันก็ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้วครับเรารู้สึกว่าก็เต็มที่แล้ว
แพท: ปรากฏว่าการเซ็นสัญญาที่เราคิดว่ามันเป็นเส้นชัย มันไม่ใช่เลย มันเหมือนจุดสตาร์ตปล่อยตัวเราให้ลงสนามจริง พอลงไปแข่งแล้วเราก็แพ้ เมื่อก่อนแพทดาร์กมาก ไม่คุยกับคนดูเลย ถึงขั้นถูกส่งไปเรียนแอ๊คติ้งโค้ช เพื่อปรับจูนทัศนคติ ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีมาก ทิศทางวงเปลี่ยนเราแฮ็ปปี้ที่ได้เปลี่ยน เราได้เรียนรู้ว่า แสงสว่างมันดีกว่าที่จะมาแสดงความดาร์ก รู้สึกว่าชีวิตมีความสุขขึ้นมาก
คี: ค่ายจีนี่สอนให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง แบบไม่ได้บังคับด้วยนะครับ แนะนำแนวทางว่าอะไรดีไม่ดี ถ้าเราไม่เชื่อ เขาก็ปล่อยให้เราไปเจอข้อผิดพลาดเอง คือจีนี่ลงทุนกับเราเยอะมากครับ
แพท: พี่นิคถึงกับพูดว่า โรยเงินให้เดินแล้วเราก็เอาไปผลาญ พอยิ่งโตเรายิ่งเข้าใจ เราเปิดใจรับฟังความคิดเห็น คุยกันแล้วก็พัฒนาไปด้วยกัน สื่อสารกับคนฟังมากขึ้น ลงไปอยู่กับคนดู ลงไปนั่งกับเขา ถ้าใครร้องไห้ เราจะเดินลงไปหา ไปอยู่ใกล้ ๆ เราอยากรู้จักคนดู อยากดูแลเขาให้มากที่สุด
ณัฐ: ขอบคุณแฟนเพลง ไม่ใช่พูดเพื่อให้ดูเก๋ แต่ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีเคลียร์วันนี้จริงๆ เวลาเราไปเล่น เราได้พลังจากแฟนเพลงส่งขึ้นมาเพื่อ ที่เราจะได้ไปต่อในวันต่อไป ไปที่ใหม่เขาก็ส่งพลังมาให้เราอีก
นัฐ: มันคือโมเมนต์ที่เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นดนตรี แล้วพวกเราก็กอบโกยกำลังใจเหล่านี้มาสร้างผลงานที่ดีเพื่อแฟนเพลงต่อไปครับ
Sweet Mullet
เต๋า: ก่อนเข้ามาเป็นศิลปินที่จีนี่ ผมทำงานเป็นครีเอทีฟ พอเซ็นสัญญาก็ต้องลาออกจากงานประจำเพื่อมาเตรียมทำเพลง
แป๊บ: ผมลาออกจากเล่นดนตรีกลางคืน ซึ่งรายได้ค่อนข้างโอเค ณ ตอนนั้น
หมู: ผมยังเรียนอยู่ปีหนึ่ง วันเซ็นสัญญาต้องมีผู้ปกครองไปด้วย
ตี่: ผมทำธุรกิจที่บ้าน ก็ค่อย ๆ เฟดตัวออกมาทำเพลง ซึ่งต้องขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจและไม่ว่าอะไร
เต๋า: ช่วงที่ทำเพลงแรก ๆ เรียกว่าลำบากกันมากครับ ลาออกจากงานที่ทำก็เหมือนกับทุบหม้อข้าวตัวเอง บ้านผมอยู่สมุทรปราการ นั่งรถเมล์หลายต่อเพื่อไปทำเพลงบ้านโปรดิวเซอร์ย่านฝั่งธน กว่าจะกลับบ้านก็ตีสามตีสี่ เป็นช่วงที่รอรถเมล์นานมาก ชั่วโมงหนึ่งมาที กระทั่งเราได้เพลงแรกของการเป็นศิลปิน คือเพลง ตอบ ในอัลบั้ม Showroom Vol.1 ซึ่งรวมเพลงจากศิลปินหน้าใหม่ของค่ายจีนี่อย่างเรโทรสเปกต์, ซินญอริต้า, kaberry, Saturday Seiko, Day Tripper พอปล่อย ตอบ ออกไป เรื่องที่ต้องต่อสู้ต่อมาของพวกเราคือ ช่วยกันโทร.เข้าคลื่นวิทยุเพื่อขอเพลง
ตี่: เมื่อก่อนการที่เพลงได้เปิดคลื่นวิทยุมีผลต่อฟีดแบ็กมาก พวกเราก็กระจายบอกเพื่อนให้ช่วยโทร. ส่งเอสเอ็มเอสไปขอเพลง โทร.เล่นเกมหน้าไมค์เพื่อขอเพลง ซึ่งก็ช่วยได้เยอะนะครับ แล้วเพลง ตอบ ก็ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
เต๋า: ด้วยความที่เพลงเป็นแนวร็อคเมทัลอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูคนฟังเท่าไร การเป็นศิลปินในช่วงแรกของเราก็จะถูกปรามาสเยอะ วงนี้จะไปรอดมั้ยเพลงห่วยหรือเปล่าเนี่ย เพลงทำมาเหมือนวงนั้นวงนี้เลย ก๊อปมาละสิ วงนี้จะไปได้สักกี่น้ำ คือจิตใจพวกเราก็ต้องเข้มแข็งประมาณหนึ่ง สิบกว่าปีผ่านไปกาลเวลาก็ได้พิสูจน์การทำงาน และเพลงของพวกเรา เราอยู่กับจีนี่มา 14 - 15 ปีแล้ว ทุกวันก็ยังเล่นดนตรีด้วยความรักเสมอ คำปรามาสที่เคยเจอมา มันทำให้เราโตขึ้น รู้จักเรียนรู้และรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ
ตี่: จีนี่สอนให้เราเข้าวงจรชีวิตศิลปิน อ้อ มีรถตู้มารับ ก่อนจะขึ้นเล่นต้อง มีซาวนด์เช็ก รู้จักการแต่งหน้าครั้งแรกก็ที่จีนี่ (หัวเราะ) ต้องรองพื้น เขียนคิ้วชีวิตกองถ่าย การสัมภาษณ์สื่อควรตอบอย่างไร เรียนรู้มารยาทสังคม ทำงานแบบมืออาชีพต้องแบบนี้นะ ต้องรู้ให้ครบทุกมุมในการทำงาน
แป๊บ: นอกจากเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรายังได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพผ่าน รุ่นพี่ในค่ายเดียวกัน ได้เห็นวินัยในการทำงาน วิธีคิดต่าง ๆ เช่น พี่ ๆ วงบอดี้สแลมที่เราชื่นชม เราเคยเล่นเป็นวงเปิดให้ การได้อยู่ใกล้พี่ๆ หลังเวทีทำให้เห็นว่าคนเก่งทำงานกันอย่างไร เตรียมตัวอย่างไร เตรียมสคริปต์อย่างไร
หมู: 19 ปีข้างหน้า พวกเราก็คงทำเพลงเล่นดนตรีต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีแรงเล่นน่ะครับ
เต๋า: ทุกวันนี้มีแรงมีกำลังใจทำได้ก็เพราะแฟนเพลงเลยครับ เหมือนเราโตมาด้วยกัน เจอกันตั้งแต่พวกเขาเรียนมัธยม เข้ามหา’ลัย บางคนเรียนจบหมอแล้ว บางคนเห็นกันตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก จนไม่นานมานี้ส่งข่าวมาบอกเราว่ากำลังจะแต่งงานแล้วนะ ระหว่างสวีตมัลเล็ตกับแฟนเพลงเรามีการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตลอด เราไม่เคยหยุดที่จะเล่นดนตรี และไม่เคยหยุดที่จะรักแฟนเพลงเช่นกัน เพราะเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเราครับ
Cocktail
โอม: ก่อนหน้าจะเข้าจีนี่ ปีเราทำเพลงใต้ดินมาตลอด เคยไปเสนอค่ายก็ไม่มีใครรับ จนวันหนึ่งจีนี่เปิดบ้านต้อนรับเราเข้ามาอยู่ด้วย เราเซ็นสัญญาเมื่อปี 2008 จำได้เลยว่าเป็นวันพฤหัสฯ ฝนตก รถติด มีกระดาษอยู่ข้างหน้าปึกหนึ่งให้เซ็น
ฟิลิปส์: วงอื่น ๆ ในจีนี่ส่วนใหญ่เคยมีค่ายมาก่อน แต่เราไม่เคยมีค่ายมีสังกัด วันหนึ่งมาอยู่ค่ายที่มีความแมส แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือซีเรียสอะไร
โอม: จีนี่เป็นค่ายที่เห็นศักยภาพของพวกเรา พร้อมกับดึงศักยภาพเราออกมาแล้วผลักไปให้คนเห็นในวงกว้าง จีนี่เต็มที่กับเรามาก สนับสนุนสิ่งที่เราคิดให้เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ค่ายทุ่มเทและให้เกียรติวงเสมอมา สำหรับผมการที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวเรา มันยิ่งใหญ่มากครับ จาก g16 มา g19 เราไม่กล้าพูดว่าวงมีความพีคขึ้น ที่ผ่านมาขอพูดว่า กราฟเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ดีกว่า มีบางช่วงเฉียงมากเฉียงน้อย แต่ไม่ได้ดิ่งลงผมมองว่าวงของเรายังดำเนินต่อไปอยู่ มันยังไม่จบครับ ทั้งหมดทั้งมวลขอมอบเครดิตให้ทีมงานทุกฝ่ายครับ ทั้งทีมเพลง การตลาด พีอาร์ ฯลฯ
ฟิลิปส์: การที่โอมเป็น หน้ากากหอยนางรม ก็ทำให้วงเรายิ่งแมสขึ้นครับ คือในฐานะที่เขาเป็นฟร้อนต์แมน คนค่อนข้างสนใจเขาเยอะมาก สนใจวิธีการร้องของโอม สนใจวงเรามากขึ้น
ปาร์ค: บางคอนเสิร์ตเราไปเล่นบางพื้นที่ เพลงเราอาจไปถึงคนดูยาก แต่ด้วยความที่นักร้องเราแมสมากขึ้น เป็นคนของประชาชนมากขึ้น คนดูรับได้หมดและพร้อมสนุกไปกับเรา คือเริ่มแรกเขาเป็นแฟนคลับหน้ากากหอยนางรม สุดท้ายก็ตามมาเป็นแฟนคลับค็อกเทล
โอม: หน้ากากหอยนางรมเป็นสะพานเชื่อมไปสู่แฟนเพลงที่กว้างขึ้น ถ้าดูจากสถิติ เมื่อก่อนแฟนเพลงเราอายุ 13 - 20 ปี ตอนนี้ 14 - 45 ปี กลุ่มอายุหลากหลาย ขยายฐานไปหลายจังหวัดมากขึ้นไปด้วย ซึ่งมันดีมากเลย เพราะค็อกเทลไม่แบ่งแยกกลุ่มคนฟัง ไม่จำกัดคาแร็กเตอร์ครับ
โอม: 8 ปีที่อยู่จีนี่ พวกเราต้องขอบคุณผู้ใหญ่และทีมงานทุกฝ่ายที่คอยซัพพอร์ต โดยเฉพาะพี่นิคจะสอนผมตลอด มีคำพูดหนึ่งที่พี่นิคสอนแล้วผมจำได้เสมอคือ “จงพูดเรื่องของเราให้เป็นเรื่องของเขา อย่าพูดเรื่องของเราเพราะจะไม่มีใครอยากฟัง” อีกคำสอนหนึ่งที่เป็นกำลังใจทำงานได้ดีมาก ๆ คือ “เวลาล้มอย่าลุกมือเปล่า มองให้ชัดตอนล้มว่าตรงหน้ามีอะไรบ้าง จะได้แยกแยะถูก วันที่เราประสบสำเร็จจะมีคนชื่นชมเรามากมาย แต่วันที่เราแพ้มีคนพร้อมจะเหยียบย่ำ ดังนั้นช่วงเวลาแห่งการล้มเหลวเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในการพิสูจน์ว่าใครเป็นมิตรแท้และศัตรู”
ติดตามเส้นทางอันเข้มข้นของร็อคสตาร์ g19 ได้ที่หน้าถัดไป