ละครเรื่องที่สองจากโปรเจคท์ The Writers ของช่อง GMM25 ที่ตั้งใจคัดสรรบทประพันธ์ของสุดยอดนักเขียนเมืองไทยมาทำเป็นละคร ก็ไม่มีไรมาก หลงไฟ EP.แรกหน้าจอทีวีก็แทบลุกเป็นไฟ จนสุดฯ ต้องขอนัดนักแสดงนำ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ทอย-ปฐมพงศ์ เรือนใจดี และหลิน-มชณต สุวรรณมาศ มาเล่าถึงการทำงานกว่าจะเป็นเบื้องหน้า และเบื้องหลังสุดฮาที่ชวนยิ้มจนตีนกาขึ้นริ้วเลยทีเดียว
บทบาทใหม่ท้าทายความสามารถ
ใบเฟิร์น: เรียกว่าเป็นพลิกคาแรคเตอร์ของเฟิร์นแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ ตั้งแต่เข้าวงการมาไม่เคยเล่นบทที่แรงขนาดนี้มาก่อน ‘ก้านแก้ว’ เป็นผู้หญิงทะเยอทะยานมาก ฉันต้องท็อปฟอร์ม มีความคิดความเชื่อถึงขนาดที่ว่า คนอื่นจะมองว่าเราดีก็ต่อเมื่อเราสะพายกระเป๋าแพงๆ ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงิน ไม่รักใครจริง รักเงินเท่านั้น พูดกันตรงๆ ก็เป็นสาวไซด์ไลน์นั่นแหละ แต่มักจะบอกว่าตัวเองเป็นวีไอพี รับเดทกินข้าว เพื่อนเที่ยว ไม่ได้นั่งอ่าง แล้วจริตจะก้านที่มีต่อผู้ชายแพรวพราวมาก สายตา การเดิน เรียกว่าเป็นงานน่ะค่ะ จริตที่มีต่อผู้ชายแบดๆก็อีกแบบ แสดงต่อผู้ชายซื่อก็จะใช้อีกวิธี เช่น กับ ‘โชน’ เขาทันคน เป็นคนที่เราอยากได้มากที่สุด ก็ต้องอ้อนหน่อย เซ็กซี่ยั่วหน่อย ทำหน้าสงสารร้องห่มร้องไห้ใส่บ้าง เพื่อดึงให้เขาอยู่ข้างเราเพราะแม่เขาไม่ชอบเรา กับ ‘กุญชร’ จะแบ๊วๆ ใส่ ถ้าเขาโกรธก็จะแตะตัวนิดนึง เหล่านี้มันก็ยากเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ แค่ครึ่งเรื่องก้านแก้วก็ฟาดผู้ชายไปเป็นสิบแล้ว จะบอกว่าแค่เทรลเลอร์ออกมาคนก็ตกใจแล้ว เพราะหนูมาจากหนังวัยรุ่นใสๆ บางคนก็ปักหมุดรอดู
หนูเริ่มศึกษาวิถีการทำงานของผู้หญิงทำงานไซด์ไลน์ หรือทำอาบอบนวด โดยอ่านจากในพันทิป มีคนเขามาโพสต์ไว้ เล่าประสบการณ์จริงหมดเลยว่า เริ่มต้นงานนี้ยังไง ค่าใช้จ่ายต่อวันเท่าไร รับแขกกี่ครั้งต่อวัน รายได้เท่าไร ต้องเสียเงินให้อาบอบนวดเท่าไร แม้กระทั่งถ้าเจอผู้ชายถูกใจกัน ถ้ารับเลี้ยง 3 เดือน 6 เดือน เรียกว่าอะไร เงินควรจะอยู่ที่เท่าไร มาหาได้กี่ครั้งต่ออาทิตย์ ลงอ่างยังไง เราก็อ่านให้รู้ค่ะ เพราะช่วงท้ายเรื่อง ชีวิตของก้านแก้วจะไปสู่จุดตกต่ำมาก ช่วงแรกนางเลือกแขกได้ ทิปอย่างเดียว 3 หมื่น หลังๆเลือกไม่ได้แล้ว ถึงขึ้นต้องรับแขกนักธุรกิจจีนมารยาทแย่ๆ เหยียดคน หรือมีแบบลงหม้อสุกี้ หมายถึงรับแขกหลายคนเหมือนสวิงกิ้งเบอร์นั้นเลย
มาร์ช: ในเรื่องผมรับบท ‘โชน’ มีคู่หมั้นแล้ว พอเจอก้านแก้วก็หลงเสน่ห์เขามาก เขาจะอ้อน โปรยเสน่ห์ ใส่จริตใส่โชนตลอด เราก็หลงจนหัวปักหัวปำ ทิ้งคู่หมั้น โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่าเป็นสาวไซด์ไลน์ เชื่อที่เขาบอกหมดว่าเป็นพริตตี้ ล่าม ไกด์ หาเงินส่งเสียตัวเองเรียน มองว่าเขาเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตคนหนึ่ง
ผมเคยร่วมงานกับเฟิร์นมาแล้วครับ สนิทและคุ้นเคยกันมาก ทีแรกคิดว่าความสนิทคงทำให้การทำงานไม่ยากเท่าไร แต่ที่ไหนได้มันยากจนขนลุกนะ ในบทจะพูด “คุณก้านครับ… ไปไหนครับ…” ผมก็เขินน่ะ ทำตัวไม่ถูกแปลกๆ เพราะชีวิตจริงเราไม่คะขาใส่กัน
ใบเฟิร์น: เราจะโหวกเหวก “เฮ้ย… ไรว้า…” บ้าๆบอๆ ใส่กันตลอด
(สุดสัปดาห์: แต่อื่นๆ เช่น เล่นเป็นคนรวยไม่น่าจะยาก)
มาร์ช: นั่นแหละตัวยากเลยครับ การทำตัวเป็นคนรวยเนี่ย… (หัวเราะ)
หลิน: ชีวิตจริงมาร์ชขี้งกไง (ขำกันยกวง)
มาร์ช: ไม่เอาเข้าโหมดจริงจังสิ…. คือถึงจะเป็นผู้ชายเพียบพร้อม หล่อ บ้านรวย แต่โชนกลับเป็นคนมีคอนฟลิคท์ในชีวิตเยอะครับ มีปัญหากับแม่ มีปัญหากับคู่หมั้น สองคนนี้จะคอยตามจิกโชนตลอด แม่ส่งเลขาฯคอยตาม ทุกครั้งที่เจอหน้ากันต้องทะเลาะกัน สุดท้ายพอชีวิตเริ่มอึดอัด เราก็มีปัญหากับก้านแก้วด้วย เรียกว่าบทโชนต้องทะเลาะกับทุกคน แต่ละซีนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ขี้เหวี่ยง บทนี้ใช้พลังเยอะมาก เพราะโชนโมโหแรง ผมเองก็รู้สึกอิน โมโหจริงๆ จนเลือดขึ้นหน้า หน้าแดงไปหมด ถึงขึ้นหายใจไม่ทัน หอบ สั่งคัทแต่ละทีหมดเรี่ยวหมดแรงครับ
ทอย: ผมรับบท ‘กุญชร’ เป็นผู้ชายที่ซื่อมากกก อีกนิดเดียวก็เรียกว่าโง่แล้วครับ (หัวเราะ) ไม่ว่าก้านแก้วจะพูดอะไรก็เชื่อแบบเกินเหตุ ผมเองอ่านบทยังคิดว่าคนเราจะเชื่อได้ขนาดนั้นเหรอ เช่น เราไปหาก้านแก้ว แล้วมีผู้ชายอีกคนเดินออกจากห้องแบบกระชั้นชิด เราถามว่าใครเขาก็บอกว่าลูกค้าคุยงาน เราก็โอเคตามนั้น แต่ถ้าครั้งไหนมีความตงิดๆ โวยวาย ก้านแก้วจะเข้ามาอ้อน จับมือ ซบไหล่แค่นี้เราก็ใจอ่อนยอมเชื่อเขาแล้ว กลายเป็นเขางอนกลับหาว่าไม่เชื่อใจ ชิงโกรธเราก่อนซะงั้น แล้วเรื่องนี้ผมโตขึ้นกว่าทุกบทที่เคยเล่นมา ก็ต้องแสดงให้ดูผู้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนดูไม่ติดคาแรคเตอร์เด็กจากเรื่องก่อนๆ แถมยังต้องทำให้คนดูรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้เชื่อก้านแก้วโดยสนิทใจจริงๆ เป็นคนซื่อจริงๆ มันยากนะที่จะให้ดูรู้ว่าเชื่อจริง เราไม่ได้แกล้งโง่
หลิน: ส่วนหลินนี่คือละครยาวเรื่องแรกในชีวิตค่ะ มันต่างจากงานสายแฟชั่นมาก แต่หลินเลือกมาทำเพราะรู้สึกว่าชอบการแสดง และที่สำคัญบทประพันธ์ดีมาก ทุกคาแรคเตอร์น่าสนใจ ความยากอยู่ตรงที่ความเป็นละคร บทพูดจะยาว และเราต้องอยู่กับคาแรคเตอร์นาน ซึ่ง ‘ชาลา’ บทที่หลินเล่น เป็นผู้หญิงสู้ชีวิต เวลายิ้มเธอจะยิ้มน้อยๆ ดีใจก็ไม่สุด เป็นผู้หญิงที่ทำตัวเล็กๆ มีความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตตลอด ประมาณว่าเราพยายามเป็นคนดี แต่ทำไมโชคไม่เข้าข้าง ทำไมคนไม่เห็นความดีเราเลย ชีวิตชาลาจะซีเรียส เลยทำให้หน้าเครียดๆ ปากคว่ำ แววตาอมทุกข์นิดๆ เสมอจนหลินติดคาแรคเตอร์นี้ออกไปนอกจอหรือเปล่าไม่รู้ตัว อย่าง นั่งเล่นโทรศัพท์เพลินๆ ใจไม่ได้กังวลอะไรนะ แต่เพื่อนทักว่า มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเครียดอะไรป่าว สีหน้าแววตาออกชัดเลยค่ะ ทั้งหมดเพราะว่าเราอยู่กับคาแรคเตอร์นานไป เคยมีเข้าบทระหว่างเพื่อนสามคน มีหนู เฟิร์น ทอย บทยาว 3 หน้ากระดาษ ต้องจำบทด้วย ฟีลก็ต้องได้ แทบแย่ แต่เราก็จับมือผ่านกันมาได้
อ่านความฮาได้ที่หน้าถัดไปจ้าาา