แปลน รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์ จากนักศึกษาด้านการครัว ตัดสินใจวางมีด วางตะหลิว ถอดผ้ากันเปื้อน เดินหน้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสำเร็จไม่ได้วัดกันเพียงใบปริญญา
แปลน รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์ กับมาตรฐานความสำเร็จที่ไม่ได้วัดด้วยใบปริญญา
ก่อนอื่นอยากจะทำความรู้จักกับแปลนให้มากขึ้นสักนิด อยากรู้เรื่องครอบครัวของแปลนว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกๆ สไตล์ไหนคะ
ผมมีพี่สาว 1 คน เรียนหมอ แม่จะเลี้ยงผมกับพี่เหมือนเลี้ยงฝาแฝดเลย กินเหมือนกัน จะได้อะไรก็ต้องเหมือนกัน คำถามคือ แล้วทำไมผมกับพี่สาวถึงไม่เหมือนกัน ผมจะไม่ค่อยเอาดีเรื่องการเรียนเหมือนพี่สาว ก็คือในส่วนของสมองนั้นผมโดนพี่สาวแย่งไปหมด (หัวเราะ) คือพี่สาวเรียนเก่งมาก เรียนหมออยู่ที่จุฬาฯ ได้เกรด 4 ตลอด ส่วนผมได้เกรด 1.98
ผมเติบโตมาในครอบครัวที่แม่เป็นช้างเท้าหน้า ผมชอบแซวว่าพ่อไม่ค่อยกล้าหือเท่าไร (หัวเราะ) พ่อจะปล่อยให้แม่จัดการทุกอย่าง พ่อจะชิลมาก แม่จะจัดการทุกอย่าง คอยอบรมลูกๆ แม่ดุกว่าพ่อ แต่แม่ก็ไม่ได้ถึงกับเข้มงวดหรือห้ามอะไรมาก คือถ้าลูกอยากลอง อยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากไปเที่ยวก็ไป แต่ต้องอยู่ในกฎ ต้องดูแลตัวเองได้ ต้องรู้จักวางแผน 1 2 3 4 อย่างทุกวันนี้ผมทำงานแล้ว แม่ก็จะเตือนตลอดว่า อย่าใช้เงินเกินตัวนะ เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องรู้จักเก็บเงิน มีกองทุน วันหนึ่งมีแฟนมีลูก เขาจะได้สบายไม่เดือดร้อน แม่ผมก็จะเป็นประมาณนี้
แล้วเรื่องการเรียนล่ะคะ แม่ส่งเสริมแปลนอย่างไรบ้าง
แม่ก็บ่นเรื่องผลการเรียนผมตลอด เขาก็ส่งผมไปเรียนกวดวิชาสารพัด ผมก็ไปช่วงแรกๆ หลังๆ ก็โดดเรียนกวดวิชา ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลยนะครับ อย่าทำตามเด็ดขาด คือตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม เราออกไปเรียน เพราะแค่อย่างเจอเพื่อน อยากมีความสุขกับเพื่อน พอแม่จับได้คือบ้านแตก เวลาแม่โกรธแต่ละทีก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ ไม่คุยกันเป็นอาทิตย์เลย อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่คุยกันนะ ต่างคนต่างเก๊ก คือเราก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ผิด แต่สุดท้ายผมก็ง้อแม่นะ แกล้งถามนั่นถามนี่ แปะโพสอิทตรงทางเดิน นวดขาให้ (หัวเราะ)
พอจะเข้ามหาวิทยาลัย รู้ว่าแปลนเลือกเรียนด้าน Cooking การครัว ทำไมถึงตัดสินใจเรียนด้านนี้
เป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากทำอะไร เรียนก็ไม่เอาไหน เพื่อนแนะนำว่ามาเรียนด้วยกันมั้ย ไม่ต้องเครียดเรื่องการเตรียมสอบมากนัก ผมก็ตามเพื่อนมาเรียน เราไม่ชอบตัวหนังสือ คิดว่าคงไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะ หรือเรียนคงไม่ยากมาก แต่ที่ไหนได้การเรียนทำอาหารมีทั้งศาสตร์และศิลป์ มีสูตร มีหลักคำนวณ ต้องเรียน Food Science ด้วยครับ ทำอาหารต้องอุณหภูมิเท่าไรให้พอเหมาะ หั่นผักยังต้องมีขนาดที่เป๊ะๆ เหมือนในการรายการแข่งขันเลยครับ ตอนสอบคือห้ามพลาดเลยครับ ถ้าพลาดก็ต้องลงเรียนใหม่
เรียนแล้วก็ชอบนะครับ ผมรู้สึกชอบตั้งแต่ก่อนเข้าไปเรียนแล้ว ตั้งแต่ตอนต้องส่งพอร์ต ผมก็ทำอาหารที่บ้าน ทำเองถ่ายเองแล้วก็ส่งพอร์ต ความพิเศษของคนทำอาหารคือ เวลามีคนกินอาหารที่เราทำ แล้วเขาบอกว่าอร่อย มันมีความสุขแบบบอกไม่ถูกครับ แต่น่าแปลกคือ ผมจะไม่กินอาหารที่ตัวเองทำนะ เพราะเหมือนเราชิมมาเยอะแล้วมั้งครับ
ตลอด 4 ปีเป็นการเรียนที่สนุกดีนะครับ แต่ผมเรียนไม่จบจนได้รับปริญญานะครับ ผมออกตอนปี 4 คือนักศึกษาต้องมีไปฝึกงาน ฝึกตามโรงแรมบ้าง ร้านอาหารบ้าง แต่ผมไม่มีเวลาไปฝึก เนื่องจากตรงกับช่วงที่ต้องเดินหน้าถ่ายซีรีส์ แล้วฝึกงานต้องฝึกเกือบทุกวัน ทำให้เราแบ่งเวลาไปถ่ายซีรีส์ลำบากมาก ก็เลยต้องเลือก ซึ่งผมก็เลือกที่จะทำงาน ผมไม่ได้ยึดว่าปริญญาสำคัญกับเราทั้งชีวิต ผมคิดว่าตัวเองได้ความรู้มาเต็มที่แล้ว ในอนาคตผมอาจจะไปลงเรียนเทคคอร์สระยะสั้นรับใบ certificate ก็ได้ครับ
อีกนิดเดียวก็จะเรียนจบแล้ว ไม่เสียดายเหรอคะ
ผมไม่เสียดายกับอะไรที่ผมเลือก ซีรีส์ “บังเอิญรัก” ที่ผมจะถ่ายก็สำคัญ เพราะหลายคนพร้อมทำงานแล้ว แล้วผมก็พร้อมกระโจนไปทำงานตรงนี้ ส่วนแม่ผมเองก็บอกว่าเลือกเลยลูก แล้วแต่ลูก ผมว่าคุณค่าของชีวิต มาตรฐานความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมองว่าได้ปริญญาคือความสำเร็จ แต่บางคนอาจจะไม่ใช่แบบนั้น คือผมไม่สามารถตีกรอบได้ว่าปริญญาสำคัญหรือไม่สำคัญ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ละครอบครัว
แต่สำหรับ ผมความสำคัญคือ คุณจะใช้ชีวิตอย่างไร ดำรงชีวิตอย่างไรเมื่อออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมาสู่โลกความจริงข้างนอก โลกความจริงมันโหดร้าย มีเรื่องให้เราเรียนรู้นอกตำราอีกเยอะ ทั้งการแข่งขันจริง ผู้คนหลากหลายประเภท ถ้าเรารับมือได้ เราสู้ได้ ผมว่านั่นคือความสำเร็จในขั้นหนึ่งแล้ว
จากเด็กชายวัยรุ่นเฮ้วๆ แมนๆ เตะบอลครับ มาเล่นซีรีส์วายเขินมั้ย
โชคดีที่ผมได้เล่นกับเพื่อน เรารู้จักกันแล้วก็เลยไม่เขินมาก ก่อนหน้านี้ผมก็ต้องทำความรู้จักซีรีส์วายโดยการไปดู Love Sick กัปตัน-ไวท์ เล่นยังไง ถ้าเป็นหนังก็ต้อง “รักแห่งสยาม” ครับ ทุกวันนี้ก็ยังต้องเรียนรู้ในการแสดงไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดครับ
วางเป้าหมายการทำอาชีพของนักแสดงไว้อย่างไรบ้างคะ
ผมไม่ค่อยวางแผนอนาคต นี่อาจจะเป็นข้อเสียของผม ผมขอทำวันนี้ให้เต็มที่ ไม่ได้คิดว่าอายุเท่านี้ต้องทำอันนี้ อนาคตเราลิขิตไม่ได้ 100% เรารู้ว่าเราเต็มที่แค่ไหน เรารู้ว่าพลาดอะไร เราก็แก้ไขให้ดีขึ้น ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ยังผิดพลาดได้เสมอ ผมเองก็ยังคงต้องพัฒนาทักษะหลายๆ ด้านต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ยังมีแฟนคลับ และพ่อแม่ที่คอยผลักดัน เราก็ยังสู้ได้ต่อครับ
การที่เป็นคนดังมีแฟนคลับติดตามมากมาย ทำให้แปลนตั้งกฎในการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อยู่ในกฎระเบียบ อยู่ในกฎหมาย เพราะมีแฟนๆ หลายช่วงวัยติดตามเราอยู่ มีเด็กๆ ที่อาจจะมองเราเป็นไอดอล มองเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนผมได้ ผมไม่ได้ใช้แบรนด์เนม ผมไม่ติดหรู ทุกวันนี้ผมยังใส่ขาสั้น รองเท้าแตะไปเดินห้าง เรายังเป็นตัวเรา 100% ครับ แค่ต้องใช้ชีวิตให้ระมัดระวัง ไม่ให้มีภาพพจน์ที่ไม่ดี เพราะมีแฟนๆ ติดตามเราอยู่
อยากบอกอะไรกับแฟนคลับบ้างมั้ยคะ
ต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนจริงๆ ที่สนับสนุนในทุกทางที่เราเดิน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง ธุรกิจ เพลง หรือแม้กระทั่งคอยเตือน คอยบอกผมว่า ตรงนี้ไม่ดีนะ อยากให้ปรับแก้ตรงนี้นะ เป็นกระจกสะท้อนทำให้เรารู้ว่าเราพลาด เรายังไม่เพอร์เฟ็กต์ ผมอาจจะทำให้แฟนคลับเหนื่อยหรือท้อกับเราไปบ้าง เพราะเราไม่รักษาน้ำใจ ด้วยเพราะไม่ได้ตั้งใจบ้าง ด้วยแค่จะสนุกๆ บ้าง ดังนั้นคำพูดที่ต้องมีตลอดกับเขาคือ ขอโทษ และ ขอบคุณ
ถ้าผมไม่มีแฟนคลับ ผมไม่มีวันนี้หรอก เราจะไม่มีผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส เราจะไม่มีชื่อเสียงเงินทอง เราจะเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งที่เรียนไม่จบ ที่ไม่เอาไหน พอเรามาอยู่ถึงจุดนี้ ได้รับแรงสนับสนุน ยิ่งต้องทำให้เรานึกถึงแฟนคลับมากขึ้น เรียกว่าเขาให้ชีวิตเราเลยก็ว่าได้ครับ ดังนั้นผมจึงสักลายเป็น 23/10 เป็นวันของแฟนคลับ เป็นวันที่เริ่ม #วันของแปลน ความหมายคือจะได้เตือนสติเราด้วย วันไหนที่เราหลง เหลิง หรือเราไม่สนใจแฟนคลับ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ควรและผิดพลาดมาก ก็จะมองดูรอยสักนี้ ถ้าไม่มีแฟนคลับ ก็ไม่มีแปลน รัฐวิทย์ ครับ
ซีรีส์จากสูญถึงสิบ ผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดของแปลน พลิกบทบาทมาเล่นดราม่าจัดเต็ม อยากให้เล่าถึงซีรีส์เรื่องนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ
จากสูญถึงสิบ เป็นซีรีส์ที่ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตและแนะนำการเลี้ยงลูกให้กับทุกครอบครัวเป็นอย่างดี ผมรับบทเป็น “เท็น” ครับ มีเพียง “ทิน” คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงเท็นมา เพราะแม่เสียตั้งแต่เกิดไม่นาน ซึ่งคุณพ่อในเรื่องรับบทโดยพี่เต๋า-สมชาย เท็นตั้งเป้าหมายจะเป็นนักบอลเยาวชนทีมชาติให้ได้เพื่อพ่อ
และวันที่เท็นทำสำเร็จ ทินรีบกลับบ้านมาบอกข่าวดีกับพ่อ แต่ก็ต้องมาพบว่าพ่อนอนเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน เหล่าเพื่อนสนิทของพ่อจึงอาสารับเท็นไปดูแล เป็นผู้ปกครองระหว่างที่รออาแท้ๆ ของเท็นที่อยู่ต่างประเทศติดต่อกลับมา ซึ่งเท็นจะอยู่กับแต่ละบ้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ไล่ไปทีละครอบครัว การที่เท็นเข้าไปอยู่กับแต่ละครอบครัว ทำให้เห็นว่าแต่ละครอบครัวต่างก็มีปัญหาต่างกันไป เท็นจึงนำคำสอนของพ่อไปแชร์ต่อ แม้ช่วยแก้ปัญหาไม่หมด แต่ก็ช่วยให้พ่อแม่ลูกได้เปิดใจคุยกัน และปรับความเข้าใจ
เท็นคือภาพสะท้อนที่เตือนใจอาๆ น้าๆ เพื่อนพ่อด้วยเช่นกัน ทำให้เขากลับมาถามตัวเองว่า เราเลี้ยงลูกมาพร้อมให้เขาเดินด้วยตัวเองในวันที่ไม่มีเราได้หรือเปล่า เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ทุกคนเลยหันมาให้เวลาและอยู่กับลูกๆอย่างมีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของคำว่าจากสูญถึงสิบ คือเท็นจะลุกขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคำสอนของพ่อที่คอยสอนเขามาตลอด พ่อสอนว่า “ถ้าเราล้มเราต้องลุก” เท็นได้รู้แล้วว่า ในวันที่เขา“สูญเสีย” ไม่ได้แปลว่า มันจะว่างเปล่ากลายเป็น “ศูนย์” เพราะถ้าเราเข้าใจและเข้มแข็ง จาก “สูญ” เราสามารถผ่านมาถึง “สิบ” ได้อย่างมีความสุข เหมือนกับยังมีทิน พ่อของเขาคอยอยู่เคียงข้างและเฝ้ามองเท็นเติบโตตลอดไป
ได้ร่วมงานกับพี่เต๋าเป็นอย่างไรบ้างคะ
ตอนแรกทั้งกลัวและเกร็ง เพราะภาพลักษณ์จากบทที่พี่เต๋าเคยเล่น ดูแบดๆ บุคลิกพี่เขาก็ดูเฟี้ยวๆ ด้วยครับ แต่พอเจอกันปุ๊บ พี่เต๋าน่ารักมาก เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นมาก ชวนเราคุยตลอด ยิ่งเราชอบเตะบอลเหมือนกัน ชอบทีมแมนยูฯ เหมือนกัน คือคอเดียวกันเลย พี่เต๋าเหมือนพ่อผมจริงๆ เลยครับ แล้วเรียกผมว่าลูกด้วย มีครั้งหนึ่งพาลูกสาวมาเจอผมด้วย น้องก็รู้จักผมด้วย เหมือนผมเป็นลูกชายพี่เต๋าอีกคนไปแล้วครับ (ยิ้ม)
ซีนพ่อลูกที่ประทับใจ
มีหลายซีนเลย ซึ่งหลายๆ ซีนเราจะได้การแสดงความรักของพ่อ คือเหมือนพ่อจะคุยเล่นนะ แต่ในความคุยเล่นพ่อได้แฝงข้อคิดไว้ทุกบทสนทนา พอพ่อจากไปแล้วคำสอนที่เหมือนคุยเล่นๆ มันกลับมาสอนเราได้ นำไปประยุกต์ใช้ได้ ผมว่าคนดู ดูแล้วต้องได้แง่คิดดีๆ แน่นอนครับ
ซีนพีคของเรื่องสำหรับแปลนคือซีนไหน
น่าจะในอีพีแรกเลย ที่ได้ดูกันแล้ว คือเป็นจุดหักเหที่พีคมาก เป็นความดีใจที่สุด ตั้งใจกลับไปจะบอกข่าวดีกับพ่อ แต่กลับเจอพ่อนอนไร้ลมหายใจ จากนั้นอารมณ์ก็เปลี่ยนมาเสียใจแบบเหมือนโลกสลาย ดีใจสุดมาเป็นดิ่งสุดๆ ซีนนี้ผมอ่านบทไปสองรอบ แล้วไปลุยหน้างาน ให้สภาพแวดล้อมและอารมณ์ตอนนั้นพาเราไป ซึ่งผมก็ใส่เต็มที่สุดเหมือนกันครับ
ฝากซีรีส์เรื่องนี้สักนิดค่ะ
บางครั้งเราอาจจะละเลยครอบครัว เราอาจจะให้ความสำคัญกับเพื่อน กับงาน หรือคนอื่นๆ มากกว่าคนในครอบครัว ซึ่งผมเองก็เคยเป็น เราติดเพื่อน เราเห็นครอบครัวเป็นของตายจะกลับเมื่อไรก็ได้ นั่นเพราะคุณยังไม่เคยสูญเสีย แต่ถ้าคนที่สูญเสียแล้ว เขาอยากจะย้อนเวลากลับไป ก็ทำไม่ได้แล้ว แล้วคนที่ยังมีโอกาสทำไมถึงไม่กลับบ้านไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัว กับพ่อแม่ให้เต็มที่ แบ่งเวลาให้เขา บอกรักกัน กอดเขา หอมเขา ใช้เวลาทุกนาทีให้เต็มที่ เพื่อวันหนึ่งเราจะไม่ได้เสียดาย ฝากซีรีส์จากสูญถึงสิบด้วยครับ อยากให้ดูเพราะเป็นซีรีส์น้ำดี ครบรส ให้แง่คิดดีๆ เยอะมากครับ ออกอากาศทางช่อง 3 กด 33 ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 น. และดูย้อนหลังได้ทาง AIS Play
Text: AuAi Photo: เนาวพจน์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
มีน พีรวิชญ์ จากเด็กหลอดแก้ว จากตัวประกอบ สู่เส้นทางนักแสดงอนาคตไกล
อิ้งค์ วรันธร เปานิล นักร้องหญิงขวัญใจแฟนบอยและแฟนเกิร์ลทุกเพศทุกวัย