เบลล่า ราณี แคมเปน 10 ปีในวงการ อยู่อย่างไรให้ยืนหนึ่งอย่างเป็นที่รัก

Alternative Textaccount_circle
event
เบลล่า ราณี แคมเปน ขึ้นแท่นเป็นนางเอกร้อยล้านขวัญใจคนไทยไปแล้ว จากที่ไม่คิดว่าจะมาเป็นนักแสดง มาวันนี้เธอโลดแล่นในวงการบันเทิงมา 10 ปีแล้ว ไม่ว่าจะดังขนาดไหน เธออยู่กับความดังอย่างมีสติ และใช้ผลงานพิสูจน์ความสามารถ ล่าสุดเบลล่ามีผลงานการแสดงคอมเมอดี้ กับภาพยนตร์เรื่อง อีเรียมซิ่ง ที่โกยรายได้หลัก 100 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครยังไม่ได้ดูรีบตีตั๋วเข้าชมยังทันนะ สนุกมา ฮามาก เบลล่ารับประกันว่าขำกันไหล่สั่นทั้งเรื่อง

เบลล่า ราณี แคมเปน 10 ปีในวงการ อยู่อย่างไรให้ยืนหนึ่งอย่างเป็นที่รัก

เรารู้ว่าเบลล่าคิวงานแน่นมาก แต่สุดสัปดาห์โชคดีได้โอกาสได้พบปะพูดคุย อัพเดตชีวิตช่วงนี้ของเบลล่า รวมถึงตัวตน เรื่องราวในวัยเด็ก กระทั่งเรื่องความน่ารักของพี่เวียร์ ฟังไปอมเผลออมยิ้มตามไปด้วย
อัพเดตช่วงงานตอนนี้ของเบลล่าหน่อยค่ะ
ช่วงนี้เบลทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุดเลย แต่เบลจะพยายามแบ่งเวลาให้บาลานซ์ อย่างเดือนที่แล้วเราไปเที่ยวมาแล้ว เดือนนี้เราก็จะทำงานทุกวัน แต่เดี๋ยวใกล้ๆ สิ้นปีก็จะมีวันหยุดยาว เราก็จะล็อกวันเอาว่าเราจะหยุดวันนี้ถึงวันนี้นะ
ตัวตนของเบลล่าเป็นอย่างไรคะ
เบลคิดว่าตัวเองเป็นคนมีหลายมุมในตัวเองมาก โหมดจริงจัง โหมดทำงาน โหมดไม่คิดอะไร เฮฮา ติ๊งต๊องก็มี โหมดรักครอบครัว รักน้ำรักปลา เป็นทาสหมา ทาสแมวก็มี
เบลล่า ราณี แคมเปน
แล้วคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกสไตล์ไหนคะ
ตอนวัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่ก็จะเลี้ยงลูกเข้มงวดนิดนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะให้เป็นตัวของตัวเอง อยู่ในกรอบนะ จะทำกิจกรรมก็ได้แต่ต้องไม่ทิ้งการเรียน คือคุณพ่อจะเป็นคนอังกฤษที่มีความเป็นเอเชียมาก เพราะเขาชอบเรื่องวัฒนธรรมไทย อยากให้ลูกเกิดมาในประเทศไทย ส่วนคุณแม่จะเลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง คุณแม่เก่งเรื่องการใช้ชีวิต เอาตัวรอด ส่วนคุณพ่อเก่งเรื่องวิชาการ เขาก็จะเบลนด์สองอย่างนี้มาสอนลูกได้อย่างบาลานซ์มากๆ
ตอนเด็กๆ เบลเรียบร้อยนะคะ ไปๆ มาๆ มาแก่นเซี้ยวได้ไงก็ไม่รู้ คือเป็นที่ชอบทำกิจกรรมมาก ประกวดต่างๆ ถือป้าย ไปเป็นนางรำ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เบลเป็นสายเอ็นเตอร์เทน รวมกลุ่มกับเพื่อนเต้นอะไรประหลาด ก่อนที่ครูจะเข้าห้องเรียน พอครูมาก็แยกกลับไปนั่งโต๊ะ เราเป็นคนที่เข้ากับคนไง่าย สนุกสนาน คุยกับใครก็ได้ เล่นกับใครก็ได้
เบลล่า ราณี แคมเปน
ถือว่าเป็นเด็กเรียนเลยมั้ยคะ
อย่างตอนเด็กๆ เบลไม่เคยหลุดจากที่ 1-3 เลยนะคะ พอเริ่มโตเริ่มทำกิจกรรมเยอะ มีช่วงที่ดร็อปลง บาลานซ์ตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาสอบ แล้วก็ไม่ได้ไปสอบ มันไปถึงขึ้นนั้นเลย พอปรับจูนกลับมาบาลานซ์ตัวเองได้ใหม่ ก็ตั้งเป้าว่า ฉันจะต้องกลับมาเรียนดีอีกครั้งให้ได้ ก็สอบได้ที่ 1 จากที่แบบไม่ค่อยได้ หลังจากวางแผนเป้าหมายเลยว่า เราต้องทำให้ได้ดีทั้งกิจกรรมและเรียน แล้วยิ่งทำกิจกรรมเราก็ยิ่งเรียนดีมากกว่าเดิมด้วยค่ะ
เบลจ่ายค่าเรียนพิเศษเองด้วย คือทำงานตอนซัมเมอร์เป็นรีเซปชั่นที่เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เพราะเราได้เรื่องภาษา สมัยนั้นมีเรื่องของเศรษฐกิจด้วย เราอยากเรียนพิเศษอันนี้มาก พ่อแม่ก็แบบ… เหรอ… จะดีเหรอ… เราก็เลยจ่ายเอง พอทำงานเองรู้เลยว่าแม่ทำงานหนักเหมือนกัน รู้คุณค่าของเงินว่า ต้องทำงานนะถึงได้จะได้มา อย่างสมมติว่าเบลจะทำกิจกรรมอะไร เป็นลีดฯ เราก็จะจ่ายค่าชุดเอง ซื้อโทรศัพท์มือถือเอง พอเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มมีแคสต์งานโฆษณา พอมีรายได้เราก็จ่ายค่าเทอมเอง
เส้นทางการมาเป็นนักแสดงเป็นมาอย่างไรคะ
ทางผู้ใหญ่ช่อง 3 เห็นจากโฆษณา เลยเรียนเข้าไปแคสต์ ตอนนั้นเบลปี 3 ขึ้นปี 4 ต้องทำเล่มจบ เบลก็บอกว่ายังไม่พร้อมเลยค่ะ ตอนนี้ขอเรียนก่อนนะคะ เพราะที่บ้านค่อนข้างซีเรียสเรื่องเรียน แต่ไปๆ มาๆ ก็ยาวมาจนทุกวันนี้ ความจริงการเป็นนักแสดงเป็นอะไรที่เบลไม่เคยคิดมาก่อนเลย เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ลองทำ เราเริ่มชอบการแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ คือพอจับทางได้ปุ๊บ เราสนุกที่จะเริ่มหัดใช้ใจเล่นเป็น เราไปสัมผัสได้ว่าเวลาเล่นเป็นคนไม่ดี ก็รู้สึกแย่ รู้สึกนอยด์ รู้สึกเครียด แต่พอเล่นเป็นคนอารมณ์ดี เรามีความสุข เหมือนเราได้เรียนรู้คนไปในตัว ได้พัฒนาความคิด จิตใจของตัวเอง ให้มัน positive ขึ้น
เบลล่า ราณี แคมเปน

จุดเปลี่ยนในชีวิตของเบลล่า

ช่วงที่คุณพ่อเสีย ปีนั้นค่อนข้างหนัก เบลถ่ายละครเรื่องเพลิงบุญ เบลถ่ายบุพเพฯ เรียนโท มีเรื่องคุณพ่อด้วย เป็นปีเดียวกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต เป็นปีที่เบลเจอเรื่องราวค่อนข้างหนัก เหมือนเราทำให้เราโตขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง มีความรับผิดชอบอย่างแน่วแน่มากขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้น ให้เวลาเต็มที่กับทุกๆ วัน ทุกๆ วินาที อันนี้คือ turning point ที่หนึ่ง ส่วน tuning point
อีกหนึ่งก็คือ ตอนบุพเพสันนิวาสค่ะ เหมือนจะพลิกชีวิตเลยก็ไม่เชิง มันก็ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเราค่อนข้างเยอะ อย่าง เรื่องงานต่างๆ เราไม่คิดฝันว่า เวลาเราไปงานจะมีคนล้นห้าง ไม่คิดว่าจะมีภาพแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตเรา มันเป็นโมเม้นท์ที่น่าจดจำและประทับใจมาก มันชื่นใจเพราะเราใช้แรง ใช้ความพยายามกับงานค่อนข้างเยอะ เบลเป็นคนให้ใจกับการทำงานมากๆ พอมีคนเห็น ให้การตอบรับที่ดี เราก็ดีใจ ไปไหนใครๆ ก็เรียกแม่นาย เรียกออเจ้า ทุกวันนี้เด็กๆ ใส่ชุดไทยมาหายังมีอยู่เลยค่ะ และการที่คนรักความเป็นไทย ใส่ชุดไทย เที่ยววัดไทย เที่ยวเมืองไทย จุดนี้คือความภูมิใจสูงสุดเลยค่ะ
ทำอย่างไรให้ไม่เหลิงกับความดังที่เข้ามาคะ
สติค่ะ เราต้องมีสติตลอดเวลา ถึงเราจะเหนื่อยเราต้องใจเย็น อย่างเอาความเหนื่อยไปใส่ที่คนอื่น วันหนึ่งที่เราเคยอยู่จุดทีสูง อีกวันหนึ่งเราอาจจะมาอยู่ที่จุดเดิมก็ได้ ถ้าคนจะจดจำเรา ให้เขาจดจำเรื่องราวดีๆ ของเรา หรือผลงานดีๆ ของเรา จุดนี้น่าจะอยู่ในใจคนมากกว่าความดังค่ะ
วงการบันเทิงสอนให้เบลล่าได้เติบโตอย่างไรบ้าง
เหมือนเราได้เรียนรู้คน เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ความคิด เบลได้ฝึกจิตเยอะขึ้น แล้วการที่เราทำงานกับคนเยอะ ทำให้เราอยู่กับคนได้ทุกแบบ เราได้เรียนรู้คนอื่นไปด้วย มันปรับคำว่า “ทำไม” เป็น “เข้าใจ”
ขอถามเรื่องความรักบ้าง อยากรู้ว่ารู้จักกับพี่เวียร์ได้อย่างไรคะ
ก็รู้จักกันได้มา 8 ปีแล้ว คือเคยทำงานด้วยกัน เป็นหนังที่ไม่ได้เข้าฉายค่ะ จากนั้นห่างๆ กันไปสักพัก แล้วก็ได้กลับมาคุยกัน เหมือนวงจรเราอยู่ใกล้กัน เลยได้เวียนมาเจอกันอีก คือพี่เขาเหมือนเป็นรุ่นพี่ในวงการ เป็นที่ปรึกษาให้กับเรา เวลาเบลมีเรื่องปรึกษา ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้จักใคร ไม่กล้าเอาคำถามนี้ไปถามใคร เราก็เลือกที่จะถามพี่เวียร์
พี่เวียร์เขาจีบเบลล่ายังไง
เข้าไม่ใช่คนจีบค่ะ ไม่ใช้สไตล์เข้าหา แต่จะออกแนวให้คำปรึกษา อืม… ก็คุยกันๆ เป็นลักษณะที่ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป คุยกับเขาแล้วเรามีความสุข เบลชอบที่เขาจิตใจดี ไม่เคยพูดถึงคนอื่นในแง่ร้าย หรือถ้ามีเรื่องไม่ดี เขาเลือกที่จะไม่พูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดีออกมา
ความคิดของเราสองคนไปในแนวทางเดียวกัน มองอะไรเหมือนๆ กัน หลายๆ อย่างเบลคิดว่าได้มาจากพี่เขาเยอะ เรื่องมุมมองความคิดต่างๆ คือพี่เวียร์เป็นคนพูดน้อยๆ แต่ถ้าแขาแชร์อะไร เราจะโอ้โห… เฮ้ย! เขามีมุมนี้ด้วย เราคิดไม่ถึงเลยว่าคนพูดน้อยจริงๆ เขาคิดใหญ่อยู่นะ  เขาไม่พูดเยอะ แต่เก็บรายละเอียด สังเกต และใส่ใจคนอื่นเสมอ
มองอนาคตร่วมกันไว้อย่างไรบ้าง
เอาจริงๆ ก็เคยแหละ (ยิ้มเขิน) แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นจริงจังอะไรขนาดนั้น เอาอย่างนี้้แลัวกัน ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงใช่แหละ คนนี้แหละค่ะ (ยิ้มเขิน-หัวเราะ)  ขอเวลาอีกสักพัก เราทั้งคู่ยังมีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำอีกเยอะมาก
ภาพยนตร์อีเรียมซิ่ง เรื่องใหม่ของเบลล่า ช่วยเล่าถึงผลงานการแสดงชิ้นนี้ให้ฟังสักนิดค่ะ
อีเรียมซิ่ง เป็นหนังที่เบลภาคภูมิใจมาก และตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ทำ เบลทุ่มเทมาก ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างมาก สนุกมาก ทั้งขี่ควาย ยิงธนู ถ่ายใต้น้ำ วิ่งหนีจระเข้ มีแก๊งเพื่อนเป็นน้าค่อม พี่บอล พี่โรเบิร์ต เบลชอบอะไรแบบนี้มาก อยากเล่นภาพยนตร์คอมเมอดี้จริงๆ นี่เป็นเรื่องแรกที่ได้รับบทนำ ชื่ออีเรียมซิ่ง มีเรียมทุกคิวแน่อนอน
ในเรื่องพี่แพทจะเป็นพีสาวเรา เขาเล่นเป็นคนเรียบร้อย แล้วเรียมก็รู้สึกว่าทำไมรักแต่แรม ทำไมไม่มีคนรักที่ฉันเป็นแบบนี้บ้าง ทำไมไม่มีผู้ชายมาชอบฉันบ้าง อยากมีแฟน (หัวเราะ) เป็นแฝงเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วยค่ะ เบลมีความสุขกับการทำงานเรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่ฉันรัก อยากให้ทุกคนดู เชื่อว่าต้องชอบกัน และหัวเราะจนไหล่สั้นแน่นอน เรียมต้องกราบขอบพระคุณท่านเขียดผู้มีแกก ทุกๆคนด้วยความรัก นะคะ ที่ชอบหนังเรื่องนี้ อุดหนุนและเข้าไปชมหนังไทย จนรายได้เข้าสู่ 100 ล้านแล้ว ขอบคุณมากๆ นะคะ
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up