อ๊อฟ ปองศักดิ์ถอดบทเรียน ชีวิต ความรัก และการจากลา ในวัย35ปี

พูดถึงนักร้องคุณภาพของเมืองไทย ต้องมีชื่อ อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ อยู่ในท็อปลิสต์ …กว่า 15 ปีในวงการเพลงที่เขาต่อสู้ผ่านบททดสอบมามากมายกว่าจะมายืนอยู่แถวหน้า และการเติบโตจนมาถึงอายุ 35 ปี อ๊อฟก็ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านบททดสอบชีวิตมาแทบทุกรูปแบบ ล่าสุด สุดสัปดาห์ได้เจออ๊อฟ ในช่วงที่เขากำลังซ้อมคอนเสิร์ตใหญ่ “Magic Night Concert คืนมหัศจรรย์วันของอ๊อฟ ปองศักดิ์”ที่จะเกิดขึ้นวันที่ 15-16 ก.พ.นี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอล์ ชั้น 5 ว เราเลยขออัพเดตชีวิตกันนิดนึงว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไปๆมาๆ กลายเป็นว่าเราเข้าสู่ช่วง อ๊อฟ ปองศักดิ์ถอดบทเรียน ไปได้เมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าหลังจากอ่านจบ นอกจากคุณจะได้ทั้งความบันเทิงแล้ว ยังจะได้ข้อคิด จากบทสัมภาษณ์ที่เราได้คุยกับอ๊อฟ ปองศักดิ์ ในวันนี้อย่างจุใจแน่นอน

จากข่าวคราว เราๆ ท่านๆ ได้รู้ว่า ช่วงปีที่แล้วและปีนี้ที่ อ๊อฟผ่านโมเมนต์แห่งการสูญเสียคุณแม่ ผู้หญิงที่เขารักที่สุด รวมถึงแผลสดๆ ที่เพิ่งเลิกราจากคนรักได้ไม่นาน แม้จะผ่านเรื่องราวหนักหนาสาหัสมาพอสมควร แต่ความน่ารัก และเสียงหัวเราะ ของอ๊อฟยังพร้อมมอบให้กับคนรอบข้างเสมอไม่เคยเปลี่ยน

 

อ๊อฟ ปองศักดิ์ถอดบทเรียน ชีวิต ความรัก และการจากลา

ช่วงนี้สภาพจิตใจเป็นอย่างไรบ้างคะ

ปีที่แล้วและปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง ปีนี้เลยเริ่มต้นปีแบบอึนๆ แต่ยังโชคดีที่ว่าเรามีงานที่โฟกัสชัดเจน ส่วนวันที่เหลือ ถ้าไม่ได้ทำอะไรก็จะล่องลอยหน่อยๆ ช่วงธันวามีบ้าง แว้บๆ ที่เราพูดๆ อยู่ก็ซึมไปเลย หรือช่วงสองเดือนที่แล้ว ตุลา-พฤศจิกา บางทีพูดไม่ได้เลย เป็นเหมือนแผลสด สภาพจิตใจตอนนี้ถามว่าเต็ม 100 ไหม ก็ไม่ 100 เท่าไร แต่ว่าดีขึ้น เราสามารถพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่ร้องไห้แล้ว

เวลาจะค่อยๆ รักษาจิตใจของเราเอง แล้วเราจะเข้าใจและสามารถพูดถึงด้วยความรู้สึกว่า การจากลาเป็นสัจธรรมของโลก เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก จากไปแล้วสิ่งที่จะหลงเหลืออยู่คือความทรงจำที่มีแต่ความสุข ถ้าเรามัวมานั่งคิดว่า ทำไมแม่ไม่อยู่ด้วยกันนะ ทำไมต้องทิ้งฉันไปนะ มันก็จะวนอยู่แค่นั้น สุดท้ายแล้วไม่ใช่แค่เราอย่างเดียว เหมือนจิตเราก็ไปผูกทำให้เขาเป็นห่วงอีก

แต่แม่คือไปหาทุกคนนะ ไปหาพี่สาวสองคน พี่ชาย พี่สะใภ้ น้าชาย ไปหมด ยกเว้นอ๊อฟ อ๊อฟไม่กลัวนะ บอกแม่ตลอดว่ามาเข้าหาหนูเถอะ หนูอยากเจอ คนอื่นๆ ก็เจอในฝันว่าได้กอดได้จับมือ ให้สัมผัสได้ว่าเขามาหา แต่นี่ไม่มีเลยจ้ะ แม่คงคิดว่าเราจะห่วงหรือเปล่า แต่เขาก็คงรู้ว่าอ๊อฟโอเคแล้ว

ช่วงที่แม่อาการไม่ค่อยดี ได้ยินว่าอ๊อฟยอมสละความสุขของตัวเอง และวางมือจากงาน เพื่อมาใช้เวลาอยู่กับแม่ให้มากที่สุด

ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไปเนอะ ไม่ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สิ่งที่เราทำมันสุดความสามารถของเราแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระบวนการรักษา ขั้นตอนในการดูแล แม่รับรู้ถึงกำลังใจจากเรา แม้แต่ขณะที่เขาสโตรกขึ้นมา ถึงพูดไม่ได้ก็ตาม เราก็พยายามให้เขารู้ว่า เราอยู่ข้างๆ เขา ให้แม่รู้ว่าเราโคตรรักเขาเลย

แล้วแม่เป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งนะ มีช่วงที่อ๊อฟต้องบินไปทัวร์ยุโรป ไม่อยู่เดือนเดือนนึง อ๊อฟบอกว่า แม่…อ๊อฟอยากให้แม่รออ๊อฟกลับมาก่อนนะ ถ้าเกิดว่าแม่รอไม่ไหว แม่ก็… พูดยังไม่ทันจบ แม่ก็เอามือขึ้นมาจุ๊ๆๆ ใส่เรา ประมาณว่าไม่ต้องพูดหรอก แม่เข้าใจ หลังจากที่อ๊อฟคุยกับเขาประมาณ 4 วันมั้ง แม่ก็จากไปอย่างสงบ

การจากลา วันหนึ่งต้องเกิดขึ้น อยู่ที่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย มันทำให้เราเข้าใจว่า ไม่มีอะไรเป็นของเราตลอดไป เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ คือในวันที่สูญเสีย เกิดความเสียใจมากๆ จนเราแทบทนไม่ไหว แต่ในอีกมุมหนึ่งในฐานะลูก อ๊อฟรู้สึกว่าโชคดีที่มีเวลา ได้ทำเพื่อแม่อย่างดีที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ใจวันที่เขาป่วยมากๆ เขาก็ยังมีรอยยิ้ม เขาพร้อมจะสู้ไปกับเรา

แล้วในวันที่ความรักของอ๊อฟต้องเลิกราล่ะ

2 ปีกว่าๆ สำหรับอ๊อฟ มันเป็นเวลาที่มีค่ามาก เรารักกัน ทำสิ่งดีๆ ให้กัน เราทำเต็มที่ที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา อ๊อฟเองก็งงว่า มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร มันไม่มีอะไรบอกก่อนล่วงหน้าเลย ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อ๊อฟเป็นคนที่รู้สึกอะไร คิดอะไร เราก็โพส และทำตามที่เรารู้สึกแบบนี้

เริ่มต้นเลยเกิดจากความที่ อ๊อฟสูญเสียแม่ไป เหมือนกับว่าเขาให้เวลาในการที่เราจะรับมือกับความสูญเสียข้างในของเราไม่พอ 120 กว่าวัน อ๊อฟอยู่กับแม่มา 35 ปี แล้วจะให้อ๊อฟกลับไปเป็นเหมือนคนเดิม ตอนที่แม่ยังอยู่มันยากมั้ยล่ะ

ระยะเวลาที่ผ่านมาอ๊อฟมอบความสุขให้กับคนรอบข้างอ๊อฟตลอด บางทีก็ลืมมอบความสุขให้กับตัวเอง มันต้องใช้เวลารักษาแผลข้างในของเราให้หาย

ระยะเวลาแค่ร้อยกว่าวัน ที่ผ่านมาอ๊อฟก็อยู่กับเขา ทุกอย่างมันเป็นชีวิตปกติ เรามีเวลาให้กัน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร เพียงแต่ว่าอ๊อฟก็เข้าใจ ในบางครั้งที่โอเค เรามีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ต้องโฟกัส เรามีงานโน่นนี่นั่น เวลาของอ๊อฟปกติที่แม่เราอยู่ ก็จะเป็นแม่ ครอบครัวแล้วก็เขา พอแม่ไม่อยู่ อ๊อฟก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เขาต้องการคืออะไร

 

มีคนใดคนหนึ่งไม่เหมือนเดิมใช่ไหม

เขาว่าอ๊อฟไม่เหมือนเดิม และให้เขาพยายามอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่สามารถทำให้ความรักไปต่อได้ เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน เขารู้สึกตั้งแต่เรากลับมาจากทัวร์ยุโรป ตัวอ๊อฟเองตอนที่คุณแม่เสีย หลังวันเผาคุณแม่อ๊อฟก็บินไปยุโรป 1 เดือน ตอนที่อ๊อฟอยู่ยุโรป อ๊อฟทัวร์อยู่ อ๊อฟก็ใช้เวลาปกติ คือใช้เวลาคุยไลน์ มีอะไรเราก็ส่งบอกเขาตลอดเวลา

ก็อย่างที่อ๊อฟบอกว่า อ๊อฟก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรคือสัญญาณให้เขารู้สึกว่า เขาไม่สำคัญในชีวิตเราแล้ว คือก่อนหน้านี้เราเคยทะเลาะเลิกกัน 1 ครั้ง แต่ไม่ได้เลิกกันนะ มันแค่ห่างเพื่อทบทวนสิ่งที่เรารู้สึก สิ่งที่เราพูด หลังคุณแม่เสีย 1 รอบช่วงเดือนธันวาคม

ถ้าพูดถึงพฤติกรรม อ๊อฟอยู่คนเดียวกับตัวเองมากขึ้น แต่ว่าความรักเท่าเดิม อ๊อฟเคยถามเขาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าฉันให้เธอน้อยลง คืออ๊อฟให้เขาทุกอย่าง

ทั้งเวลาหลังเราทำงานกลับมา เรามีวันหยุดเราก็อยากใช้เวลากับเขา ซึ่งบางทีเราก็ เอ่อ…เวลาเราทำงานมาเหนื่อยๆ เราก็อยากนอน อยากตื่นสายๆ ทิ้งร่าง แต่ในขณะเดียวกันใจเราก็อยากอยู่ด้วยกันคิดถึงกัน ทุกอย่างมันยังเป็นปกติ

เหมือนว่าอ๊อฟเองก็พยายามรักษาความรักให้ดีที่สุดมาตลอด ..
ถ้าในมุมของอ๊อฟ อ๊อฟพยายามเต็มที่ที่สุดแล้ว คนเราส่วนใหญ่เวลาที่เคยได้อะไรก็มักจะคิดว่าต้องได้แบบนั้นตลอด อ๊อฟก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย! ถ้าเราไม่ได้รักคุณน้อยลง

แต่เรารักตัวเองมากขึ้น ซึ่งเราไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ เพราะเราแค่รู้สึกว่าแผลที่อยู่ในใจของเรา ถ้าหากคุณให้เวลาเรามากกว่านี้มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอก

อ๊อฟก็ยื้อเต็มที่นะ อ๊อฟแค่บอกให้เขาลองดูในสิ่งที่อ๊อฟเคยทำให้เขา ให้เขามองดูว่าอ๊อฟไม่เคยพยายามยื้อเขาไม่ตรงไหน อ๊อฟไม่พยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราตรงไหน

เป็นการตัดสินใจจากลากันด้วยดีมั้ยคะ

ในวันที่เลิกกัน ในวันที่บอกว่าจะเลิกกันจะจบกัน คือ…ตอนเช้ายังอยู่ด้วยกันเลย เพียงแค่มันเป็นเรื่องที่อ๊อฟพูดขึ้นมาและเขารู้สึกว่า เขาไม่สำคัญ เขาไม่สำคัญแล้ว มันก็เลยกลายเป็นว่าตัวอ๊อฟเองไม่อยากจะอธิบายอีกแล้ว อ๊อฟถามเขาว่า เธอจะให้ฉันกลับไปเหมือนตอนที่แม่ฉันยังอยู่เลยเหรอ

อ๊อฟคิดว่าเป็นที่ใจอ๊อฟเอง ถ้าเอาจริงๆ นะต้นเหตุมันเกิดจากใจอ๊อฟที่มันยังไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น ที่เราจะมอบความรู้สึกดีๆ ทั้งหมด ให้ใครหลายๆคน

หลังจากตัดสินใจเลิกกันแล้ว อ๊อฟก็ยังรู้สึกหวังดีนะ รู้สึกว่าเขาเป็นคนนึงที่ดีมากๆ ในชีวิตอ๊อฟ ก็หวังว่าเขาจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างแข็งแรง

อยากให้อ๊อฟแชร์มุมมองความรักจากเพศที่สามสักนิด

บ้านเราเป็นการยอมรับแค่ปากแต่มีข้อแม้ อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย ตัวอ๊อฟเองที่เป็นเพศที่สาม ก็ยังรู้สึกว่า เป็นแฟนกันน่ารักจังเลย เดินจับมือกันน่ารักจังเลย แต่ถ้าจูบปากกันข้างนอก ไม่น่ารักแล้วนะ

อ๊อฟอาจจะเป็นคนหัวโบราณ แค่เขายอมรับในการที่เรามีแฟนได้ แล้วก็ทำตัวปกติได้แบบชายหญิงทั่วไป ก็ถือว่าโอเคที่สุดแล้ว โลกในประเทศเราเป็นโลกที่ไม่ได้เปิดรับขนาดนั้น ไม่ 100%

สำหรับงานแต่งงานในมุมมองความรักของอ๊อฟ มันคืองานที่ทุกคนต้องยินดี ถ้าเราไม่ได้เป็นที่รู้จักแล้ววันหนึ่งจะแต่งงานกับแฟนผู้ชาย เราไม่ต้องแคร์ว่าใครจะยังไง เพราะไม่เห็นคอมเมนต์ต่างๆ อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นบุคคลสาธารณะ ทุกคนก็อยากมีภาพงานแต่งงานอยู่แล้ว แต่ว่างานแต่งงานควรจะเป็นงานที่ทุกคนร่วมยินดีกับเรา ไม่ใช่ว่าอี๋ หรือมีคอมเม้นต์ย้อนแย้ง

ที่อ๊อฟคิดว่าอาจจะมีคนอี๋กัน เพราะยังเห็นมีพวกที่เอาคำว่ามนต์รักฟักทองบดมาพูด มาเขียนอยู่เลย ตราบใดที่ยังมีคอมเมนต์เหล่านี้ นั่นมันหมายความว่ายังยอมรับไม่ได้หรอก คืออ๊อฟไม่ได้แคร์คอมเมนต์ แต่อ๊อฟอยากตัดปัญหา

เม้าท์มอยถึงคอนเสิร์ตเดี่ยว “Magic Night Concert คืนมหัศจรรย์วันของอ๊อฟ ปองศักดิ์ สักนิดค่ะ

เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ของอ๊อฟ ชื่อคอนเสิร์ตว่า “Magic Night Concert คืนมหัศจรรย์วันของอ๊อฟ ปองศักดิ์” วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ตอนแรกจะตั้งชื่อแค่ว่า Magic Night Concert แค่นี้คนก็น่าจะรู้แล้วแหละ แต่พี่ฉอดบอกว่าคอนเสิร์ตไทย ควรจะมีชื่อภาษาไทยด้วย เลยลงตัวที่ตรงนี้

คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นฉลองครบรอบ 10 ปีของอ๊อฟ พอต้องทำครั้งที่ 2 เลยต้องคิดเยอะว่าจะทำไงให้เป็นรูปแบบที่แตกต่างกัน เลยคิดว่าเป็น Magic Night ไหม ธีมก็คือมาปาร์ตี้กันสนุกสนาน เป็นอะไรที่มหัศจรรย์กันจริงๆ

ที่พิเศษขึ้นคือแขกรับเชิญ ซึ่งเป็นคนสนิทของอ๊อฟ 8 คน เปิดเผยแล้ว 7 คน แล้วยังเหลืออีกคนที่ยังไม่เปิดเผย ซึ่งแขกรับเชิญทั้ง 2 วันเหมือนกัน ใครที่ดูรอบวันเสาร์ ก็จะรู้แล้วว่าวันอาทิตย์เป็นใคร (หัวเราะ) ก็ดี เผื่อว่าซื้อบัตรมาดูวันอาทิตย์ยังทัน

ปุยฝ้ายเจอกันในรายการ The Mask Singer แข่งอยู่ในกรุ๊ปเดียวกัน เราแข่งกันแล้วเราก็ชนะ เราเห็นว่าน้องมีศักยภาพมาก ร้องเพลงเพราะมาก แต่ไม่ค่อยเห็นภาพเขาเป็นนักร้องเท่าไหร่ เราก็อยากให้น้องได้โชว์ศักยภาพของตัวเองบนเวทีใหญ่ๆ ที่เป็นคอนเสิร์ตจริงๆ ภาพความเป็นนักร้องของนางจะได้ชัดขึ้นด้วย แล้วนางก็ยินดีมาก ฝ้ายเป็นน้องรักที่เรารู้สึกว่ารักอย่างจริงใจ เราก็อยากให้พบกับสิ่งดีๆ อะไรแบบนี้

พี่ฮาย พี่ตั๊กเขาเป็นศิลปินที่อ๊อฟเจอทุกครั้งแล้วรู้สึกว่าสนุกมาก แต่ไม่เคยได้เจอแบบเข้าคู่กันจริงๆ หมายถึงโชว์ด้วยกันแบบจริงๆ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำโชว์สนุกๆ ด้วยกันเนอะ

โจ๊ก โซคูล เคยสัมภาษณ์นางตอนรายการสามแยก on tv ก็เลยรู้สึกอยากร่วมงานกับเขาจังเลย แล้วธีมของเราเป็นปาร์ตี้สนุกสนาน ภาพแรกที่คนน่าจะมีความสุขกันก็คือโจ๊กขึ้นไปอยู่บนเวทีโดยไม่ต้องพูดไม่ต้องร้องอะไรก็ตลกแล้ว

UrboyTJ สายแร๊พ อ๊อฟชอบสไตล์เพลง แนวเพลง ชอบดนตรีเขา แล้วอ๊อฟก็…ชอบเขา (หัวเราะ) เคยส่ง Inbox ไปหาว่าชอบผลงาน ตอนเขาลงไอจีสตอรี่ แล้วด้วยความที่นางสนิทกับโอ๊ต ตอนทำคอนเสิร์ตสามแยกปากหวาน เราก็มีโอกาสเจอเขาแว้บๆ หลังเวที เราก็รู้สึกว่าชอบจังเลย น่ารัก เอ็นดู๊ (เสียงสอง) ครั้งนี้คอนเสิร์ตอ๊อฟ ใช้อำนาจในการเป็นเจ้าของคอนเสิร์ต พามาเป็นแขกรับเชิญให้ได้ แล้วเขาก็ยินดีมา แสดงว่าเขาต้องมีใจให้อ๊อฟแหละ (หัวเราะ)

น้องมีมี่ ลี เป็นคนเดียวที่เพิ่งมาได้รู้จักกันตอนทำคอนเสิร์ตครั้งนี้ แต่อ๊อฟรู้ว่ามีเด็กไทยไปประกวดรายการที่จีน ซึ่งพี่ฉอดก็บอกว่ามีน้องคนนึงนะร้องเพลงเก่งมากๆ เลย ไปดังมากที่จีน อ๊อฟก็บอกว่า อ๋อ คนนี้เคยดูในรายการ จนพี่ฉอดเสนอว่าเชิญมาขึ้นคอนเสิร์ตด้วยไหม อ๊อฟก็ว่าดีเหมือนกันนะพี่

เราคิดว่าตัวเราถ้ามีโอกาสได้ร้องเพลงกับน้อง มีรูปไปปล่อยในเพจข่าวนักร้องในจีน ก็น่าจะมีแฟนเพลงจีนมากขึ้นเนอะ ตัวอ๊อฟเองมีแฟนละครที่เป็นคนจีนจากซิทคอมเสือ ชะนี เก้งอยู่แล้ว แต่ว่าบางคนก็อาจจะรู้จักเราแค่ในบทบาทชีต้าร์ ไม่ได้รู้จักในฐานะนักร้องเท่าไหร่ การมาร่วมงานกันครั้งนี้เราจะจับมือให้คนเห็นบนเวทีคอนเสิร์ตด้วยกันทั้งคู่

เท่าที่ดูจากรายชื่อที่ผ่านมาแบบพี่ฮาย พี่ตั๊ก ปุยฝ้าย โจ๊ก มีแต่สายฮา กลัวคนดูจะคิดว่า เอ… จะเอาฮาอย่างเดียวหรือเปล่า ก็เลยมีน้อง นนท์ ธนนท์ไหม ซึ่งตัวเราเองรู้สึกว่าน้องเป็นคนมีความสามารถในการร้องเพลงมาก ร้องเพลงเก่งมากๆ อ๊อฟให้ฉายาน้องว่าเป็นปีศาจเสียงร้องเลยอะ แต่เราได้ร้องเพลงกับน้องแค่แว้บๆ ในรายการ The Mask เอง หนึ่งเพลงถ้วน เราก็อยากทำโชว์กับน้องจริงๆ ตอน 4 แยกปากหวานเราก็ได้น้องนนท์ ธนนท์เป็นแขกรับเชิญให้กับเรา 4 คนแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ได้ร้องด้วยกันจริงๆ ถ้าทำโชว์ให้มันดีๆ อ๊อฟว่ามันน่าจะออกมารสดี

อ๊อฟอยากให้ความสนุก ตลก ขำเป็นของแถม เพราะแต่ละคนที่พูดชื่อมาทุกคนร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว แต่ของแถมของคอนเสิร์ตนี้คือ การที่เราทั้งหมด talk ด้วยกันสนุก มีความ talk นิดหน่อย มีความเป็นโชว์อะไรแบบนี้

ถึงจะผ่านเรื่องราวหนักๆ มาเมื่อปีที่แล้วจนปีนี้ อ๊อฟก็ยังโชคดีที่มีผู้คนดีๆ อยู่รอบตัวทั้งเพื่อนผองน้องพี่ แฟนเพลงที่คอยมอบพลังดีๆ ให้เรา ขอบคุณทุกๆ คนจริงๆ คอนเสิร์ตครั้งนี้อ๊อฟมีส่วนร่วมเกือบทุกอย่าง ตั้งใจทำเพื่อตอบแทนทุกคนที่รักอ๊อฟ

อย่างไรก้อยากชวนไปดูคอนเสิร์ตกันด้วยนะจ๊ะ อ๊อฟเตรียมมอบความสนุก ความสดใสให้กับทุกคน  ยังจองบัตรได้ที่ Thai ticket major ทั้งในเว็บและเคาน์เตอร์ทุกสาขาจ้า

ป.ล. อย่าลืมติดตามคลิปสนุกๆ  I love Sudsapda ที่เรานัดมาถ่ายกันในวันนี้ บอกเลยว่า เฮฮาแซบนัวไม่แพ้หมูปลาร้าคอกวัวที่พาไปชิมกันทีเดียวนะจ๊ะยูว์

Text: ชุติกาญจน์  อ่อนเอม Photo: Sudsapda

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

WayV บอยแบนด์ดาวรุ่งจีน ฮอตมาก เก่งมาก หล่อมาก เพอร์เฟ็คท์ขนาดนี้ไม่รักยังไงไหว