สรุปงานแถลงข่าว ส่งหมูป่ากลับบ้าน กับเหตุการณ์จากปากโค้ชเอก

Alternative Textaccount_circle
event

ภารกิจค้นหาและช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว วันนี้คือการแถลงข่าว ส่งหมูป่ากลับบ้าน เพื่อให้เด็กๆ ทั้ง 12 คนรวมถึงโค้ชเอกได้ไขข้อข้องใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ภายในถ้ำ และให้เด็กๆ ทุกคนได้กลับบ้าน สุดฯ สรุปเหตุการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ

 

สรุปงานแถลงข่าว ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

ก่อนจะเริ่มเข้าสู่งาน ได้มีการฉายภาพบรรยากาศการส่งทีมหมูป่าออกจากโรงพยาบาล เด็กๆ ทุกคนจับมือกับทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ตั้งแถวรอส่ง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนสำหรับกำลังใจ

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

ก่อนที่จะเริ่มการแถลงข่าว นักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 คนได้มาเลี้ยงลูกฟุตบอลโชว์ที่หน้าเวที เพื่อยืนยันกับสื่อมวลชนว่าตนเองแข็งแรงดี ก่อนที่จะแนะนำตัวทีละคน

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

สำหรับสุขภาพร่างกายและจิตใจของทั้ง 13 คนนั้น หมอภาคย์ให้ข้อมูลว่าทุกคนแข็งแรง พร้อมจะออกมาตั้งแต่อยู่ในถ้ำ หลังจากได้กินอาหารไปสัก 2-3 วัน ก็เริ่มคุยกันว่า ถ้าออกไปจะไปกินอะไร ไปเที่ยวที่ไหน โดยได้นัดแนะกับหมอภาคย์แล้วว่า ช่วงปิดเทอมใหญ่ทั้ง 13 คนจะไปหาหมอภาคย์ที่โคราช จ.นครราชสีมา โดยจะไปที่กองพันของหมอภาคย์นั่นเอง

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

สำหรับหลายคำถามที่ทุกคนอยากรู้ ว่าเข้าไปในถ้ำกันทำไม เกิดอะไรขึ้นในนั้น แล้วใช้ชีวิตอยู่อย่างไร โค้ชเอกได้เล่าให้ฟังว่า

“ปรึกษาตั้งแต่งานปั่นจักรยานดอยตุงแล้ว ว่าจะไปเที่ยวถ้ำหลวงกัน เพราะมีน้องๆ หลายคนยังไม่เคยไป เลยวางแผนซ้อมบอลกันบนดอยก่อน แล้วจึงไปถ้ำหลวงต่อ อยากเข้าไปศึกษาในถ้ำ เพราะตัวผมเคยเข้าไปลึกกว่านี้ คุยกันว่าจะเข้าไปแล้วออกมาภายใน 5 โมงเย็น คือไปแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะต้องส่งน้องไตตั้นไปเรียนพิเศษ

“เข้าไปลึกจนถึงเมืองลับแล เด็กๆ อยากเข้าไปสำรวจต่อ แต่ต้องว่ายน้ำเข้าไป ตี๋เลยอาสาจะไปดูให้ก่อน ทุกคนว่ายน้ำเป็น ส่วนคนที่ว่ายน้ำไม่แข็งก็ขี่หลังคนตัวโตเข้าไป ไปได้ระยะหนึ่ง ปรากฏว่าเวลาเกินแล้ว ก็เลยตกลงกันว่าจะกลับ วันหลังค่อยมากันใหม่ เดินกลับมาทางเดิม

“พอถึงสามแยก บิวตะโกนขึ้นมาบอกว่าเจอน้ำ ซึ่งน้ำเข้ามาในถ้ำสูงมาก พวกเราไม่รู้ว่าข้างนอกฝนตก ผมก็ให้น้องๆ สามคนคือ ตี๋ ไนท์ อดุลย์ จับเชือกไว้ฝั่งหนึ่ง ผมจับอีกฝั่งหนึ่ง บอกว่า ถ้าพี่กระตุกเชือก 2 ครั้งให้ดึงกลับ เพราะจะลองว่ายไปดูที่ทางออกก่อน สุดท้ายดูแล้วว่าออกไปไม่ได้จริงๆ เลยกระตุกเชือกให้น้องๆ ดึงกลับมา มีน้องหลายคนคิดว่าหลงทาง แต่ผมมั่นใจว่ามันคือทางเดิมแน่ๆ แต่ออกไปไม่ได้ ต้องหาทางใหม่ ก็เลยชวนน้องๆ ขุดร่องให้น้ำได้ระบาย แต่ไม่มีท่าทีว่าน้ำจะลด ตี๋เลยแนะนำให้ไปหาที่นอน เพราะมืดแล้ว ตอนแรกเจอเนินทรายแล้วใกล้แหล่งน้ำ ก็อยู่ตรงนั้น ชวนน้องๆ ไหว้พระสวดมนต์ ตอนนั้นไม่กลัวเลย เพราะคิดว่าน้ำต้องลด เป็นน้ำขึ้น-น้ำลงธรรมดา พอตอนเช้าก็น่าจะออกไปได้แล้ว

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

โค้ชเอกยืนยันว่าไม่มีอาหารเข้าไปในถ้ำ เพราะคิดว่าจะเข้าไปไม่นาน จึงต้องให้น้องๆ กินน้ำที่ไหลมาจากหินงอกหินย้อย ซึ่งค่อนข้างสะอาด น้องๆ ทีมหมูป่าช่วยกันเสริมว่า โค้ชเอกบอกให้น้องๆ ใช้ไฟฉายทีละกระบอก โดยเก็บกระบอกที่ไฟแรงๆ ไว้ใช้ทีหลัง ว่างๆ ก็ใช้หินขุดผนังถ้ำเพื่อหาทางออกและหนีน้ำ น้องๆ สองคนในทีมเคยมาเข้าค่ายที่นี่ และคนนำทางบอกว่ามีทางออกอยู่อีกฝั่ง แต่ถ้าเสี่ยงไปแล้วเจอทางตันคือโอกาสรอดจะเหลือน้อยมาก จึงทำได้แค่รอ และขุดผนังถ้ำไปเรื่อยๆ ก่อนขุดพวกเขาจะกินน้ำให้อิ่มก่อน

ในวันที่นักดำน้ำชาวอังกฤษเจอตัวพวกเขา ตอนนั้นทีมหมูป่าอยู่บนเนินนมสาวบนที่สูงกว่าในภาพที่เห็น พวกเขาได้ยินเสียงคนคุยกัน เลยรีบวิ่งลงมา แล้วอดุลย์ก็เริ่มต้นทักทายและพูดคุยกับพวกเขาดังในคลิปที่ปรากฏออกมา

 

เด็กๆ เล่าว่า ตอนที่ทีมซีลเข้าไปดูแล ก็รู้สึกผูกพันกันมาก เหมือนครอบครัว เพราะอยู่กันอย่างใกล้ชิด ว่างๆ ก็ชวนเล่นหมากฮอส ชวนคุยเรื่องต่างๆ หมอภาคย์เสริมว่า ตอนที่พบเด็กๆ แล้ว ก็ต้องวางแผนในเรื่องการพาทีมหมูป่าทุกคนออกไป โดยทีแรกไม่คิดว่าจะให้ดำน้ำออกไป เพราะกว่าจะเข้ามาได้ก็ยากลำบากมาก แต่เมื่อปรึกษากับนักดำน้ำต่างประเทศผู้เชี่ยวชาญ เขาก็บอกว่ามีแค่ 2 ทางคือ รอ กับให้ Full Face Mask แล้วดำน้ำออกไป

หมอภาคย์เสริมต่อว่า ตนได้ปรึกษากับนายแพทย์แฮร์ริส (แพทย์ชาวออสเตรเลีย) แล้ว ซึ่งผลออกมาว่าทีมหมูป่ามีความแข็งแรงเท่ากันทุกคน ใครออกก่อนก็ได้ จึงให้โค้ชเอกเลือกเด็กออกไป โค้ชเอกเลือกเด็กที่บ้านไกลออกไปก่อน เพราะจินตนาการว่า หากออกไปแล้วพวกเขาจะปั่นจักรยานกลับบ้าน และไปบอกข่าวกับครอบครัว ไม่คิดว่าจะต้องไปโรงพยาบาล ดังนั้นการเลือกคนออกก่อนหรือหลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องแข็งแรงหรืออ่อนแอใดๆ ทั้งสิ้น

โค้ชเอกยังได้แสดงความเสียใจต่อจ่าสมาน ผู้ซึ่งเสียสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือพวกเขา โดยเล่าว่า ตอนที่ทุกคนรู้ว่ามีหน่วยซีลหนึ่งท่านสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่า ทุกคนมีอาการช็อก เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความสูญเสียนี้ ตนเองประทับใจและรู้สึกเสียใจมากที่จ่าสมานยอมเสียสละชีวิตเพื่อภารกิจนี้ เลยชวนเด็กๆ เขียนข้อความลงบนรูปภาพของจ่าแซม เพื่อหวังว่าข้อความจะส่งไปถึงดวงวิญญาณของเขา

ส่งหมูป่ากลับบ้าน

 

ทีมหมูป่าทุกคนบอกว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้สอนให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะรู้แล้วว่าความประมาทส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาอย่างไร ทั้งยังทำให้พวกเขาเข้มแข็งและอดทนมากขึ้นด้วย ทีมหมูป่าทุกคนอยากขอโทษพ่อแม่ ที่เข้าไปในถ้ำโดยไม่ได้บอก และคงจะไม่เข้าถ้ำกันอีกแล้ว แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้น้องๆ หลายคนมีความฝันเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือ นอกจากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว พวกเขายังอยากเป็นหน่วยซีลด้วย

ทั้งนี้ ทีมหมูป่าทั้ง 13 คนยังมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 10 ที่ทรงให้กำลังใจ พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของและทรงสนับสนุนทุกหน่วยงาน ดังนั้นตอนก่อนจะเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ทั้งทีมหมูป่า และเจ้าหน้าที่บนเวทีทุกคนจึงก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

 

หลังจากนี้ นักจิตวิทยาแนะนำว่า ควรให้น้องๆ ทีมหมูป่า ใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด ขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้น้องๆ มีพื้นที่ส่วนตัวและมีเวลาอยู่กับครอบครัว หลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์ และเลี่ยงการตอบคำถามที่ทำให้ไม่สบายใจ ซึ่งตอนนี้โดยรวมแล้วน้องๆ ทุกคนมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงดีแล้ว และอยากฟื้นฟูให้แน่ใจว่าน้องๆ จะพร้อมรับทุกสถานการณ์ได้จริงๆ ยังไงสุดฯ ก็ขอแสดงความยินดีที่น้องๆ จะได้กลับบ้านกันแล้ว ขอให้ทุกคนแข็งแรง และมีอนาคตที่สดใสนะคะ

 

TEXT : Ploychompoo

 

เรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ

ชื่นใจ! คนดังทั่วโลกส่งกำลังใจให้ ทีมหมูป่า และฮีโร่ถ้ำหลวง มีใครบ้าง มาดูกัน

5 ฮีโร่หลัก จากภารกิจค้นหาใน ถ้ำหลวง กำลังสำคัญของงานนี้

ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่ช่วยปฏิบัติภารกิจ พาทีมหมูป่ากลับบ้าน พวกเขาคือใครกันบ้างนะ

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up