เที่ยวไป ทำงานไป เกาะติดกองถ่าย “อี้โยเนะ เจแปน” ตอนที่ 3 : โอกุมิคาวะ & อิเซะชิมะ

Alternative Textaccount_circle
event

28

 

ยังคงทำตัวกลมกลืนอยู่กับชาวญี่ปุ่นที่ดินแดนอาทิตย์อุทัย คราวนี้ไอจังและเมย์จัง 2 สาวพิธีกร รายการ “ว้าว! วันหยุด” ช่วง “อี้โยเนะ เจแปน” ขออาสาพาเรามาสัมผัสธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ โอกุมิคาวะ (Okumikawa) และ อิเซะชิมะ (Iseshima) ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ซอกมุมไหนที่ยังไม่เคยเห็น ไกด์ (จำเป็น) ของเราจัดให้แบบเต็มอิ่ม พร้อมแล้ว Let’s go!

1 2 5

3 4

โอกุมิคาวะ สโลว์ไลฟ์สไตล์บ้านทุ่งหลายคนยังไม่รู้ว่าย่านชนบถของญี่ปุ่นก็มีดีเหมือนกัน วันนี้เราเลยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกเดินทางสู่ โอกุมิคาวะแฝงตัวเป็นคนโลคัลสักหนึ่งวัน เราตั้งต้นกันที่ เมือง โทโยะฮาชิ จังหวัดไอจิ (Aichi) ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำหรับผลิตรถยนต์โตโยต้า และถ้าใครคิดว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยมลพิษละก็ คิดผิดถนัด เพราะสภาพแวดล้อม 70 เปอร์เซ็นต์ของเมืองนี้เต็มไปด้วยภูเขาและธรรมชาติ ขอบอกว่าดีงามจนรัวชัตเตอร์แทบไม่ทัน
กว่า 2 ชั่วโมงบนเส้นทางอันคดโค้ง ในที่สุดเราก็มาถึงDonguri no Sato Inabu ที่นี่เป็นช็อปขายผักสด สินค้า
และอาหารแปรรูปที่ทำจากข้าวคุณภาพดี พันธุ์ Mineasahi ซึ่งเป็นข้าวพันธ์ุท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงและหาซื้อยาก เพราะ
มีคนปลูกแค่ 10คนเท่านั้น แถมยังปลูกในในสภาพแวดล้อมที่สูงกว่าปกติ ทำให้เติบโตได้ดีกว่า ว่าแล้วก็ต้องลองชิม
Rice Ball โมจิถั่วแดงและขนมปังที่ทำมาจากข้าวพันธุ์นี้เสียหน่อย ความอร่อยไม่ขอบรรยาย เอาเป็นว่าขนาดชาวญี่ปุ่นจากทั่วทุกสารทิศยังแห่กันมาที่นี่เพื่อซื้อกลับไปกินก็แล้วกัน

6 7 8

222 3333

 

เรียกน้ำย่อยกันพอหอมปากหอมคอ ต่อไปคือของจริงใครที่ชอบกินเนื้อต้องไม่พลาดร้านนี้ Nouka Restaurant
Banjyaru เป็นร้านอาหารโลคัลขนาดเล็กกะทัดรัดตกแต่งด้วยไม้ทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและลำธาร
บรรยากาศว่าดีแล้ว พอได้ลองชิมเมนูเนื้อวัว Danto Beef บอกเลยว่าดีกว่าอีกสิบเท่า เอาใจไปเลยสิบดวง
นมี่มันสวรรค์ของคนชอบกินเนื้อชัดๆ วัวของที่นี่กว่า 500 ตัวถูกเลี้ยงมาเป็นอย่างดีด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของข้าวพันธุ์ท้องถิ่นคุณภาพสูง ส่วนน้ำก็เป็นน้ำบริสุทธิ์จากลำธารเลยทำให้วัวตัวใหญ่และไม่ค่อยมีไขมัน แต่ราคาก็สูงมาก
เช่นกัน ไอจังและเมย์จังแอบกระซิบว่า ที่นี่หมดไปกับค่าอาหารวัวถึงเดือนละ 7 ล้านเยนเชียวละ

9 10  12  14

หลังจากเติมพลังเสร็จแล้วเราก็มาชมผลงานแฮนด์เมดเก๋ ๆ ที่ ร้านไม้และเครื่องหนัง Aoyama ด้วยสไตล์การ
ตกแต่งแบบมินิมัลบวกกับทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขามีสายลมหนาว (10 องศา) พัดผ่าน เชื่อเลยว่าใครมาต้อง
ตกหลุมรักที่นี่ เจ้าของร้านผู้เป็นภรรยาถนัดทำงานเครื่องหนัง จึงทำเครื่องหนังขาย มีทั้งสร้อยข้อมือ
กระเป๋า รองเท้า เข็มขัดส่วนสามีถนัดด้านงานไม้จึงขายสินค้าต่าง ๆ ที่ทำจากไม้อาทิ เฟอร์นิเจอร์ แหวน แจกัน ที่วางแก้วน้ำ โดยไม้ที่ใช้เป็นไม้ที่หาได้ในละแวกนี้และเป็นไม้เนื้อหอมชนิดเดียวกับที่นิยมใช้ทำอ่างไม้สำหรับแช่อนเซ็น นอกจากนี้ยังเปิดสอนเวิร์คชอปการสลักลวดลายลงบนไม้อีกด้วยไอจังและเมย์จังเลยนึกสนุกลองสลักชื่อของตัวเองลงบนช้อนส้อมและจานดูบ้าง ผลงานจะออกมาเป็นอย่างไรสวยเหมือนคนทำหรือไม่ ต้องติดตามในรายการนะจ๊ะ

 

16 15 13 11

ยังไม่ทันไรพระอาทิตย์ก็ตกดินซะแล้ว สถานที่สุดท้ายที่เราจะมาสัมผัสชีวิตสโลว์ไลฟ์คือที่ Inaka Experience
Guest House Danon เกสต์เฮ้าส์ของที่นี่เป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณที่เจ้าของปรับปรุงให้นักท่องเที่ยวได้ลองมาใช้ชีวิต
แบบบ้าน ๆ ไอจังและเมย์จังจึงนำวัตถุดิบที่หาได้ในละแวกนี้ทั้งข้าวพันธุ์ Mineasahi เนื้อวัว Danto Beef ผักสด ไข่ มาทำอาหารกินกัน ว่าแล้วคุณลุงเจ้าของบ้านก็โชว์ทักษะการหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ด้วยเตาถ่านให้ทีมงานลองชิม ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือบรรยากาศพาไป ข้าวในกระบอกไม้ไผ่และกับข้าวที่สองสาวทำมาจึงหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นทุกคนพร้อมใจกันแยกย้ายสลายตัว

18 19 21 22

อิเซะชิมะ สักการะศาลเจ้าอันโด่งดัง

วันรุ่งขึ้นเรามาสร้างแลนด์มาร์กกันต่อที่ เมืองอิเซะชิมะ ใน จังหวัดมิเอะ (Mie) ถ้ามาถึงนี่แล้วไม่มา
ศาลเจ้าอิเซะจินกุ (Ise Jingu Shrine) ถือว่ามาไม่ถึง เพราะที่นี่เปน็ ศาลเจา้ ทใี่ หญแ่ ละมคี วามสำคัญที่สุดในญี่ปุ่น เป็นที่สถิตของ เทพีอะมะเตะระสุ (Amaterasu) ที่เชื่อเชื่อกันว่าเป้นต้นกำเนิดของราชวงค์ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นและสรรพสงิ่ ทงั้ หลาย ชาวญี่ปุ่นจึงเคารพและศรัทธาที่นี่มากจนมีผู้เดินทางมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ปีละมากกว่าเจ็ดล้านคน
ตามประเพณีก่อนที่จะลอดผ่านประตูศาลเจ้า (โทริอิ) เข้าไปให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง สะพานอูจิบาชิ (Ujibashi) ซึ่งยาวประมาณ100 เมตร ด้านล่างเป็น แม่น้ำอิซูซุ (Isuzu) เชื่อกันว่าสะพานนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นจึงมาชำระล้างตนให้บริสุทธิ์ที่ศาลาด้วยการตักน้ำขึ้นมาหนึ่งกระบวย ล้างมือซ้ายก่อนแล้วค่อยล้างมือขวา ตามด้วยบ้วนปาก แล้วยกกระบวยขึ้นตั้งฉากให้น้ำที่เหลือไหลลงมาล้างด้ามจับ แล้วจึงนำไปวางที่เดิมระหว่างทางเดินเข้าไปด้านในไอจังและเมย์จังแนะนำให้แวะริมแม่น้ำอิซูซุ ล้างมือและกวักน้ำขึ้นมาพรมตามร่างกายเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกร่มรื่นมากขึ้นเท่านั้น เพราะศาลเจ้าแห่งนี้
ล้อมรอบไปด้วยป่าและต้นไม้ใหญ่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเงียบสงบ

20

2324

 

ไอจังและเมย์จังได้อธิบายวิธีการขอพรแบบญี่ปุ่นไปในตอนที่แล้วนั่นก็คือโยนเงินใส่กล่อง ยืนตรงโค้งคำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้งอธิษฐาน เสร็จแล้วจึงโค้งคำนับอีก1 ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น ที่สำคัญเมื่อเดินออกจากศาลเจ้าแล้วอย่าลืม
หันกลับไปโค้งคำนับที่ประตูศาลเจ้าด้วยหลังจากขอพรเสริมสิริมงคลเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาหาอะไรรองท้องสักหน่อย ตรงข้ามศาลเจ้าอิเซะจินกุจะเป็น ถนนโอฮาไรมาจิ (Oharaimachi) ซึ่งเป็นแหล่งขายของกินเรียงรายอยู่มากมาย เดิน
เข้าไปเรื่อย ๆ จะเจอ ย่าน OkageYokocho เป็นกลุ่มบ้านโบราณที่อนุรักษ์ไว้ เปิดขายของที่ระลึกและอาหารพื้นเมืองอีกมากมายเช่นกัน บางวันก็จะมีการแสดงพื้นบ้านให้ชมพ่อค้าแม่ค้าเองก็จะแต่งกายย้อนยุคให้เข้ากับบรรยากาศ
ทำเอาถูกใจสองพิธีกรของเราจนเอ่ยปากชมว่า “อี้โยเนะ”ตลอดทาง

 

25 26

 

เรามาหยุดอยู่หน้า ร้าน Dangorouchaya ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 300 ปีแล้ว มาที่นี่ต้องสั่ง
Akafuku Senzai มาชมิ ใหไ้ ด้ เมนนี้แปลว่า “ความสุขสีแดง”เป็นขนมโมจิขึ้นชื่อทำมาจากแป้งโมจิผสมกับถั่วแดงบดเชื่อว่าถ้ากินแล้วจะมีแต่ความสุข นำโชคลาภมาให้ต่อด้วยราเม็งรสชาติต้นตำรับแห่ง ร้าน Yokocho Soba Shouseiko โดดเด่นด้วยน้ำซุปกระดูกวัวมัตสึซากะซึ่งเป็นวัวที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยและดีที่สุดในโลก ท็อปปิ้งด้วย
แฮมหมสู ดวางพาดเตม็ ขอบชาม ซดดงั ๆ ทงั้ นำ้ ซปุ และเสน้เพิ่มอรรถรสในการกิน ฟินมั้ยให้ทายตอนบ่ายเรามาสแตนด์บายกันที่ โรงแรม Toba International Hotel Shiojitei เพ่อื มาแช่อนเซ็นน้ำพุร้อนที่มีส่วนผสมไข่มุก สรรพคุณคือช่วยให้ผิวพรรณดี บอกเลยว่าน้ำอุ่นพอเหมาะแบบนี้กับบรรยากาศโดยรอบที่เป็นสวนชวนเคลิ้มจนไม่อยากไปไหนเลยทีเดียว แอบกระซิบว่าตามธรรมเนียมของคนญี่ปุ่น เมื่อแช่อนเซ็นเสร็จแล้วมักจะออกมาดื่มนมเพื่อความสดชื่น ดังนั้นจึงมีตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญอยู่ด้านหน้าว่าแล้วเราก็มาล่องเรือรอบ อ่าวโทบะ (Toba) กันต่อ
ความพิเศษอยู่ที่เรือมีลักษณะเหมือนวังมังกร ซึ่งเป็นวังที่ปรากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นเรื่อง “อุระชิมะทาโร่”
ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเราก็มาถึง เกาะไข่มุกมิกิโมโตะ(Mikimoto Pearl Island) บริเวณด้านหน้าจะเห็นรูปปั้น
ท่านโคคิชิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มเพาะเลี้ยงหอยมุกคนแรกของโลก และก่อตั้งกิจการฟาร์ม
หอยมุกขึ้นเมื่อ 120 ปีก่อน

 

30 29 27

 

ส่วนด้านใน พิพิธภัณฑ์ไข่มุก (Pearl Museum) มีการจัดแสดงสาธิตขั้นตอนการผลิตและคัดเลือกขนาดของ
หอยมุกรวมถึงการทำเครื่องประดับจากหอยมุกด้วย สืบรู้มาว่าในจำนวนไข่มุกเป็นล้านเม็ด มีจำนวนเพียงแค่ 5
เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จัดว่าเป็น High Quality คือไข่มุกจะมีสีขาวอมชมพูเนียนสม่ำเสมอทั้งเม็ด ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่การ
จัดแสดง มงกุฎมุก (Pearl Crown) เป็นเครื่องประดับสมัยโบราณตั้งแต่ปี 1978 ทำจากมุก 872 เม็ด ทองคำออีก 18 กิโลกรัม เมย์จังเลยไม่พลาดขอสวมมงกุฎมุกของจริงดูสักครั้งแน่นอนว่าต้องระวังกันยิ่งชีพเลยทีเดียวปิดท้ายด้วยการถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก เป็นอันว่าเสร็จสิ้นภารกิจตะลุยดินแดนอาทิตย์อุทัยในครั้งนี้ หากอยากรู้ว่าโอกุมิคาวะและอิเซะชิมะในแบบภาพเคลื่อนไหวระบบ HD จะ “อี้โยเนะ” ขนาดไหน ติดตามชมได้ในรายการ ว้าว! วันหยุด ช่วง อี้โยเนะ เจแปน ทางAmarin TV HD ช่อง 34 นะคะ

 

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

พิเศษเพื่อแฟนๆ Sudsapda.com แผนที่วาดด้วยมือสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆสำหรับใครที่อยากตามรอยเมย์จังและไอจังในอิเซะชิมะ

 

TX160207_02_iseshima-map

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up