Cuisine de Garden ความอร่อยที่รวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้ามาไว้ด้วย

Alternative Textaccount_circle
event

Cuisine de Garden เป็นหนึ่งในร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นโดดเด่นที่สุดในเชียงใหม่ เมนูอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและการเดินทางของเชฟแนน ลีลวัฒน์ มั่นคงติพันธ์ ผ่านเทคนิคการทำอาหารทั้งแบบฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทย และวัตถุดิบท้องถิ่น จึงเกิดเป็นเมนูสุดครีเอท อร่อย จนต้องร้องว้าวดังๆ

Cuisine de Garden ปรับโฉมร้า พร้อมเสิร์ฟเมนูใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

ทุกองค์ประกอบรังสรรค์ออกมาได้อย่างมีศิลป์มาตั้งแต่เปิดร้านในปี 2011 ความสำเร็จของเชฟแนนต่อยอดไปถึงสาขาที่สองในกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับรางวัล Michelin Plate สำหรับ Michelin Guide Thailand 2019 ทว่าเขาก็ยังไม่ลืมรากเหง้าของความสำเร็จ เลยกลับมาปรับโฉมร้านดั้งเดิมในเชียงใหม่พร้อมกับเมนูอาหารใหม่สำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็น

เชฟแนนมีชื่อในฐานะหนึ่งในสิบสุดยอดเชฟอาหารสไตล์โมเลกุลาของ Iron Chef Thailand ซึ่งอาหารของเชฟแนน เต็มไปด้วยลูกเล่น และสัมผัสที่แปลกใหม่ แรงบันดาลใจของเชฟแนน สั่งสมจากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเชฟแนนได้มีโอกาสเดินทางขึ้นไปบนดอยทางภาคเหนือได้ไปสัมผัสกับวัฒนธรรม ของชาวเขาเผ่าต่างๆ ได้เกิดแรงบันดาลใจนำเอาวัตถุดิบจากอาหารของชาวเขามารังสรรค์เป็นเมนูใหม่ ที่เพิ่มขึ้นมาในเซ็ทเมนูของทางร้าน และเป็นเมนูที่เสิร์ฟเฉพาะที่สาขาเชียงใหม่เท่านั้น

ได้แก่ ชีสสเฟียร์เสิร์ฟพร้อมใบสะระแนและมะนาวคาเวียร์จากสวนที่สะเมิง, กุ้งหวานจากสุราษราดด้วยเพสพริกสมุนไพรเสิร์ฟกับแตกกวาออร์แกนิคดอง และเพสโต้กุยช่ายเห็ดจากโครงการหลวงนำมาอบดินโคลนนา เสิร์ฟพร้อมซุปดาชิที่มีส่วนผสมของน้ำเห็ดหมักและไข่ผำจากสันป่าตอง และเต้าหู้สด , และเมนูชีสฮาลูมีกับมะยมดองผักคะน้ำแห้งป่น และซอสมะยม

นอกจากเมนูใหม่แล้ว ทางร้านได้ปรับเปลี่ยนภายในร้านใหม่ และเพิ่มโซนสวนด้านนอก รวมถึงทางเข้าที่ปรับไปอยู่ด้านข้างเพื่อให้จอดรถสะดวกขึ้นและให้บรรยากาศภายในร้านที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งภายในพื้นที่สวนที่เพิ่มขึ้นมายังสามารถรองรับงานแต่งงานและอีเวนขนาดเล็กได้

“ธรรมชาติเป็นแก่นหลักของทุกสิ่งที่เราทำ เราพยายามเข้าป่าและเรียนรู้จากคนในท้องถิ่นมากมายหลายเผ่าซึ่งพวกเขามีหลายอย่างที่เราสามารถนำกลับมาแบ่งปันกับลูกค้าได้” เชฟแนนอธิบายและเสริมอีกว่าวัตถุดิบทุกชนิดที่ใช้เป็นวัตถุดิบออร์แกนิกและหาซื้อจากแหล่งผลิตในเชียงใหม่ซึ่งวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีมากมายให้คัดสรรนี้เป็นอีกหนึ่งเหนุผลว่าทำไมเชฟแนนจึงตัดสินใจเพิ่มเมนูสำหรับ Cuisine de Garden สาขาเชียงใหม่”

นอกจากประตูทางเข้ากับสวนใหม่แล้ว Cuisine de Garden ยังแบ่งพื้นที่เป็นร้านกาแฟ สตูดิโอศิลปะ และในอนาคตจะจัดตลาดออร์แกนิคชุมชนในสวนอีกด้วย

Chef’s Recommend เมนูแนะนำจากเชฟที่หมาะสำหรับหน้าฝน

Cuisine de Garden

Black Rice with Cat Fish Ball & Acacia Leaves with Snake Head Fish Ball :

“ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” เมนูแสดงให้เห็นว่าเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยนาข้าวและอาหาร โดยเฉพาปลาน้ำจืดที่มีมากมายหลายชนิด เมนูนี้ นำปลาสองชนิดมาปรุง คือปลาดุก และปลาช่อนแดดเดียว ทำด้วยวิธีเดียวกันคือ ย่างไฟอ่อนๆ แล้วทาซอสที่มีส่วนผสมของน้ำอ้อยและน้ำมะขาม จากนั้นนำเนื้อปลามายี นำกางออก และคลุกเคล้ากับตะไคร้หอมแดงและซอสมะขามปั้นเป็นลูกกลมๆ ลูกหนึงคลุกกับข้าวเหนียวลืมผัวที่นำไปทอดให้กรอบ คลุกเคล้ากับผักชะอม เป็นสองคำเรียกน้ำย่อยได้ดีมาก

Nest : คือ Signature Menu ที่มีเสน่ห์  มีไข่เป็นวัตถุดิบหลัก ดังนั้นคุณภาพของไข่จึงเป็นสิ่งที่ใส่ใจมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่กระบวนการ Cooking ไปจนถึงการเลือกคัดสรรไข่ที่จะนำมาใช้ในจานนี้ เพราะ texture ความเข้มข้น ความแน่นของเนื้อไข่ มีผลต่อสัมผัสรสชาติ และการทำให้เมนูนี้ complete จริงๆ จึงต้องเลือกไข่มาจากฟาร์มออแกนิค เป็นไข่จากฟาร์มไก่อารมณ์ดี ไข่จึงสดใหม่ และให้ความเฟิร์มของเนื้อไข่ที่เข้ากันกับองค์ประกอบที่เหลือภายในจาน ไข่แต่ละใบของจึงออกมาหน้าตาภายนอกทั้งสี ทรง ไม่เหมือนกันเลยสักใบ เพราะไม่ได้มาจากระบบอุตสาหกรรม จึงมั่นใจได้ว่าไข่ทุกใบจะมอบรสชาติยอดเยี่ยมที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน

Toasted Rice & Miso Churros wtih Field Crab Oil Dip : “ปูอ่อง” ชูโรสมิโสะและข้าวคั่ว จิ้มซอสปูนาซาบายอนและยอดผักหวาน เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจตามชื่อ ก็คือปูอ่องนั่นเอง นำวิถีการกินอันน่ารักของชาวเหนือมาประยุกให้ดูร่วมสมัย โดยใช้ชูโรสที่ปรุงด้วยมิโสะแล้วโรยด้วยข้าวคั่วหอมๆ ให้ได้กลิ่นอวลๆในปาก กินกับซอสมันปูนาที่ได้จากฟาร์มปูนาที่ดอยหล่อ มาทำในรูปแบบซาบายอน จิ้มกินกันเพลินๆ สลับกับยอดผักหวาน อยากบอกว่าปูนาฟาร์มที่เลือกมานั้นสดมากๆ

 

Snail Prawn : เมนูนี้เชฟแนน ได้รับแรงบันดาลใจมากจากปูเสฉวน ซึ่งเป็นปูที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือกหอย ด้วยความแปลกที่เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเปลือกของสัตว์อีกชนิดหนึ่ง เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่พิเศษมาก เชฟแนนจึงเอามาตีความออกมาเป็นเมนูนี้  ที่เป็นเหมือนกุ้งที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือกหอย ใช้กุ้งออแกนิคจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมาจากฟาร์มที่สร้างระบบนิเวศที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุดให้กับกุ้ง ตัวเนื้อกุ้งจึงมีความกรอบและให้รสชาติที่หวานธรรมชาติเป็นพิเศษ นำมาคลุกเคล้าหมักกับน้ำเสาวรสก่อน กินคู่กับซอสที่ทำมาจากเสาวรสจากฟาร์มในจังหวัดเชียงใหม่ผสมกับมันกุ้งจากตัวกุ้ง ตบด้วยกลิ่นหอมๆจากมะพร้าวคั่วที่ทอพมาบนซอสจิ้ม 

 

Cuisine de Garden

จับปูใส่กระด้ง: มนูใหม่ ที่เชฟแนนได้แรงบันดาลใจในการนำเสนอหน้าตาและวิธีการเสิร์ฟเมนูนี้มาจากสุภาษิตของไทย คือ “จับปูใส่กระด้ง” นำเอาเนื้อปูมาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับอโวคาโดไทย และเพิ่มกลิ่นหอมๆ แบบมีเสน่ห์ของใบชะพลู ก่อนที่จะท็อปด้วยโฟมนุ่มๆ และรสชาติเบาๆของกะทิ เสิร์ฟมาคู่กันกับสลัดผักที่ใช้ใบชะคราม ที่คลุกเคล้ากับน้ำมันกระทียมเจียวหอมๆ กินสลับกันไปมาเพิ่มรสชาติให้กับเมนูนี้ 

Cuisine de Garden, Chiang Mai

เปิด: 12.00-14.00, 18.00-22.00 (ปิดวันจันทร์)

มื้อกลางวัน 12 คอร์ส ราคา 1290 บาท++

มื้อเย็น 15 คอร์ท ราคา 1590 บาท++

กรุณาจองโต๊ะทุกครั้ง

โทร: +66(0)53 441 599  หรือ +66(0)81 774 1479

อีเมล์:[email protected]

www.cuisinedegarden.com

ใครที่อยู่กรุงเทพฯ ก็สามารถแวะไปชิมความอร่อย ได้ที่ สาขาเอกมัย ซอย 2 จองโต๊ะที่เบอร์ 061 626 2816

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Stay with Nimman สเตย์ที่นี่ไม่มีผิดหวัง 

 

 

 

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up