10 ข้อคิดการทำงานของ นนท์ ธนนท์ เด็กหนุ่มที่คว้าทุกโอกาสและไม่ยอมแพ้ จนกลายเป็นผู้ชนะ!
ใครว่าคนอายุน้อยจะไม่มีประสบการณ์ชีวิต? นนท์ ธนนท์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จทุกวันนี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ กับ 10 ข้อคิดที่บอกเลยว่า ผู้ใหญ่ก็นำไปใช้ได้!
1.ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
สิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดในตัวของผู้ชายที่ชื่อ นนท์ ธนนท์ คือเขาไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเลย เพราะเขาเชื่อว่าการพัฒนาจะทำให้เรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รักมากขึ้น เมื่อเราพัฒนาจนเต็มขั้นแล้วยังสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้อีกด้วย
2.ไม่เฝ้ารอโอกาส แต่ออกไปแสวงหาด้วยตัวเอง
โอกาสเกิดขึ้นได้เสมอกับทุกคน แต่หากมัวแต่เฝ้ารอโอกาส แล้วเมื่อไรจะได้ทำในสิ่งที่เรารัก นนท์ไม่หยุดพัฒนาตัวเองและไม่เคยรอโอกาส เขาออกไป “ตามหาโอกาส” ด้วยตัวเองอยู่เสมอ แม้จะโดนปฏิเสธหรือแพ้มาไม่รู้เท่าไรก็ไม่เคยยอมแพ้ หรือหากมีโอกาสเข้ามาก็จะคว้าไว้ทุกอัน แล้วทำมันให้ดีที่สุด โดยไม่คาดหวังกับผลลัพธ์ เพราะเขาเชื่อมั่นกับความฝันของตัวเอง เชื่อว่าสักวันจะทำให้ได้ ดังนั้น แม้โอกาสครั้งนี้จะยังไม่ใช่ของเรา สักวันมันจะต้องมีวันของเราบ้างละ!
3.หากรักในสิ่งที่ทำจริงๆ แทบจะไม่ต้องสู้กับอะไรเลย
นนท์ไม่พูดว่าให้ทุกคนสู้กับความฝัน เพราะสำหรับเขา หากรักในสิ่งที่ทำจริงๆ แทบจะไม่ต้องสู้กับอะไรเลย แค่มุ่งมั่น ตั้งใจและซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ เปรียบเทียบสั้นๆ ว่า เหมือนเวลาเรารักใครสักคน ต่อให้เขาอยู่ไกลแค่ไหนเราก็ไปหาได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย นั่นละคือคำนิยามความฝันการเป็นนักร้องของนนท์
4.มีหน้าที่ก็ทำให้ดีและมีคุณภาพที่สุด โดยไม่คาดหวังให้ใครมารัก
ไม่แคร์ใครเลยก็ไม่ดี แต่จะแคร์ทุกคนบนโลกก็คงไม่ได้ บนโลกนี้มีคนตั้งเท่าไรจะคาดหวังให้ใครมารักคงเป็นไปไม่ได้ อย่างนนท์เองก็เช่นกัน ช่วงแรกที่เขาชนะการประกวดจากรายการ The Voice เขาเครียดและรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม แต่วันหนึ่งก็คิดได้ว่า เรามาทำงาน มีหน้าที่อะไรก็ทำให้ดีที่สุด มีคุณภาพมากที่สุด เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ ส่วนจะดังไม่ดัง คนจะรักไม่รักก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนดู
5.เมื่อมีคนรักก็ต้องให้ความสำคัญกับคนที่รักเราและผลงานของเรา
ไม่คาดหวังให้ใครมารักแต่หากมีคนมารัก นนท์ก็จะถนอมพวกเขาไว้อย่างดี! โดยเฉพาะแฟนคลับที่พร้อมสนับสนุนนนท์อยู่เสมอ ดังนั้น งานทุกชิ้นของเขา รวมไปถึงคอนเสิร์ตก็คิดเพียงว่า อยากให้คนดูได้ดูอะไรที่คุ้มค่ากับการเสียเวลามา! เพราะนึกถึงใจเขาใจเราว่า ตอนที่นนท์ยังเป็นคนธรรมดาก็มีโมเม้นท์อยากตามศิลปินเหมือนกัน จึงเข้าใจว่าคนดูอยากได้อะไรที่คุ้มมากที่สุด! #ขอบคุณที่รักกัน #ตอบแทนที่รักกัน
6.อย่ามองไกลเกิน แค่ทำทุกช่วงขณะชีวิตให้ดีที่สุด
หลายคนมักจะพูดว่า อยากประสบความสำเร็จให้มองการณ์ไกลเข้าไว้ จะได้มีแรงใจฮึดไปถึงฝั่งฝัน แต่สำหรับนนท์ เขาบอกว่า “ผมมองแค่ระยะสั้นๆ แล้วทำมันให้ดีที่สุด” การมองการณ์ไกลมันก็มีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะบางครั้งเมื่อเรามองไกลเกินไปอาจจะเกิดความท้อแท้ขึ้นมาได้ หรือบางทีมองไปแล้วอาจจะทำให้เกิดความประมาทเมื่อเห็นว่าทางมันเรียบกว่าที่คิดเอาไว้ และอาจจะเสียตัวตนไปเมื่อทางที่เราคิดจะไปอาจเหมือนอย่างที่คิด ดังนั้น ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด สร้างทุกโอกาสในชีวิต นี่อาจเป็นทางที่แข็งแรงกว่า
7.รางวัลไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จ
หลายคนคงทราบดีแล้วว่า นนท์ ธนนท์เป็นเด็กหนุ่มที่คว้าชัยจากเวทีใหญ่ได้ถึง 2 รางวัลคือ The Voice และ The Mask Singer แต่เขาบอกกับสุดฯ ว่า “การได้รางวัลไม่ได้แปลว่าประสบความสำเร็จ” เพราะเส้นทางการเป็นนักร้องของเขากว่าจะมาถึงอย่างที่ทุกคนเห็นในวันนี้ได้ เขาแพ้มาตั้งไม่รู้เท่าไร! แต่คนไม่ได้เห็นจุดที่เขาผ่านมาก่อน ดังนั้น จงอย่าหยุดแค่เมื่อคุณได้รางวัลแล้ว แต่ให้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพื่อจะได้คว้าทุกโอกาสได้มากยิ่งขึ้น
8.คิดบวก สิ่งร้ายๆ จะกลายเป็นดี
นนท์เล่าให้สุดฯ ฟังถึงประสบการณ์การพ่ายแพ้ตอนเด็กๆ ว่า เคยไปร้องเพลงบนเวทีลูกทุ่งที่ต่างจังหวัด แล้วถูกวัยรุ่นที่อายุใกล้ๆ กันไล่โห่ให้ลงจากเวที! ตอนนั้นนนท์รู้สึกว่าโลกโหดร้ายมาก แต่ถามว่าเขายอมแพ้มั้ย บอกเลยว่าไม่! ทุกวันนี้เขาขอบคุณเสียงโห่ร้องของคนเหล่านั้นที่เป็นวัคซีนชั้นดีและกลายเป็นแรงผลักดันให้เขามีวันนี้ได้ ดังนั้นจึงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุกความผิดหวัง ความผิดพลาด หายนะใดๆ ก็ตามแต่ หากเราคิดดีเสียอย่างก็จะเปลี่ยนเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นดี
9.ให้เวลากับตัวเอง คิดทบทวนเรื่องต่างๆ และให้รางวัลกับชีวิตบ้าง
ให้เวลากับคนเรารักและรักเราแล้ว อย่าลืมให้เวลากับตัวเองบ้าง ใช้เวลาคิดทบทวนถึงสิ่งที่ได้ทำไปว่า เราทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำดีแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ดีตรงไหนก็เอาไปปรับปรุง ขณะเดียวกันเมื่อครุ่นคิดกับตัวเองแล้ว ก็หาเวลาให้รางวัลกับชีวิตบ้าง เพราะก่อนที่จะไปสร้างความสุขให้คนอื่น เราก็ต้องมีความสุขด้วยเหมือนกัน รางวัลชีวิตที่ว่า แต่ละคนก็อาจแตกต่างกันไป สำหรับนนท์แค่ได้เล่นเกม เล่นดนตรี แล้วก็นอนหลับไป แค่นี้ก็ถือเป็นรางวัลชีวิตของเขาแล้ว
10.กตัญญู
“กตัญญู” คำนี้นนท์ไม่ได้กล่าวไว้ แต่สุดฯ ขอเติมเข้ามาในข้อสุดท้ายจ้า เพราะหลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ของนนท์แล้ว ทำให้เห็นเลยว่า แม้วันนี้เด็กหนุ่มจากภูเก็ตในวัย 22 ปีจะกลายเป็นแชมป์จากสองรายการใหญ่อย่าง The Voice และ The Mask Singer แต่นนท์ยังคงพูดถึงและขอบคุณพ่อแม่ที่เป็นกำลังใจและให้ข้อคิดดีๆ กับเขาเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังให้ความสำคัญกับแฟนคลับที่เป็นกำลังสำคัญทำให้เขามีความสุขกับการทำงาน มีพี่ทีมงานเบื้องหลัง ผู้ใหญ่ที่สนับสนุนเขามาโดยตลอด รวมไปถึงโค้ชจากรายการต่างๆ และคุณครูทุกคนที่นนท์ยังคงระลึกถึงและขอบคุณในคำสอนเหล่านั้นอยู่เสมอ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ยอดกตัญญูที่ไม่ลืมว่าใครให้อะไรเขามาบ้าง จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมเด็กใต้คนนี้ถึงมีแม่ยกอยู่ทั้งประเทศ!
รูปจาก : sudsapda.com
เรื่องโดย : Lizhu