สำหรับผู้หญิงหลายคน การปวดท้องประจำเดือนหรือที่เรียกกันติดปากว่าอาการปวดท้องเมนส์อาจพบได้ในทุก ๆ เดือน และยังสร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหลายอย่าง โดยอาการปวดท้องเมนมีทั้งปวดไม่รุนแรงไปจนถึงปวดรุนแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณท้องน้อย ปวดบิดเป็นพัก ๆ หรือปวดร้าวไปถึงหลังและต้นขา
บทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาการปวดท้องประจำเดือนให้มากขึ้น เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจและรับมือกับมันได้อย่างถูกวิธี
ปวดท้องประจำเดือน อาการแบบไหนที่คุณกำลังเผชิญอยู่?
ลักษณะของอาการปวดท้องประจำเดือน คืออาการปวดเกร็งบริเวณท้องน้อย ซึ่งความรุนแรงของอาการปวดจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทั้งนี้อาการปวดท้องประจำเดือนในบางรายอาจมาพร้อมกับอาการแทรกซ้อนที่ทำให้การปวดท้องประจำเดือนรุนแรงมากขึ้น ซึ่งลักษณะอาการแทรกซ้อนที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดบีบรัด ปวดเกร็ง หรือปวดหน่วง บริเวณท้องน้อยส่วนล่าง
- มีอาการปวดร้าวไปที่หลังส่วนล่าง สะโพก หรือต้นขา
- ท้องเสีย
- เวียนหัว หรือปวดศีรษะ
อาการปวดท้องประจำเดือนและอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันในแต่ละราย ซึ่งบางรายอาจเกิดอาการก่อนประจำเดือนมา 1-2 วัน หรือบางรายอาจเกิดขึ้นขณะที่เป็นประจำเดือนก็ได้
ปวดท้องประจำเดือน สาเหตุมาจากอะไร? เช็กก่อน รับมือได้เร็ว

หลายครั้งที่การปวดท้องประจำเดือนทำให้ผู้หญิงหลายคนสงสัยว่าการปวดท้องประจําเดือน สาเหตุมาจากอะไร ซึ่งการทำความเข้าใจว่าเวลาปวดท้องเมนส์มากเกิดจากอะไรจะช่วยให้เราสามารถรับมือและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว สาเหตุของอาการปวดท้องเมนส์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. ปวดท้องประจำเดือนแบบปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea)
ปวดท้องประจำเดือนแบบปฐมภูมิ เป็นอาการปวดท้องประจำเดือนที่ไม่มีโรคหรือพยาธิสภาพร้ายแรงแอบแฝงอยู่ มีสาเหตุหลักมาจากสารที่ชื่อว่า ‘โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins)’ ที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับเลือดประจำเดือนออกมา แต่เนื่องจากเกิดการบีบตัวมากเกินไป ทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง จึงรู้สึกปวดท้องประจําเดือนมากขึ้น
2. ปวดท้องประจำเดือนแบบทุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea)
การปวดท้องประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ มีสาเหตุมาจากความผิดปกติหรือโรคบางอย่างภายในอุ้งเชิงกราน มีโอกาสพบได้ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการปวดรุนแรงเรื้อรัง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) หรือยาเม็ดคุมกำเนิด และมักมีประจำเดือนที่ผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมามากผิดปกติ ประจำเดือนมีลิ่มเลือดมาก หรือเลือดออกกะปริบกะปรอยนอกรอบเดือน เป็นต้น
ปวดท้องประจำเดือน แบบไหนอันตราย ควรพบแพทย์ตอนไหน?
หากพบอาการปวดท้องประจำเดือนในลักษณะดังต่อไปนี้ อาจแสดงถึงการปวดท้องประจำเดือนแบบทุติยภูมิ หรือการปวดประจำเดือนจากความผิดปกติภายในอุ้งเชิงกราน
- ปวดท้องเมนส์มาก แม้จะทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น
- อาการทวีความรุนแรงขึ้นในทุก ๆ เดือน
- ปวดท้องประจำเดือนอย่างต่อเนื่องแม้ประจำเดือนหมดแล้ว
- เลือดประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่มาก
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เช่น ประจำเดือนขาด หรือประจำเดือนมานานกว่าปกติ
วิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนเบื้องต้น
อาการปวดประจำเดือนสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ประคบอุ่น วางกระเป๋าน้ำร้อนหรือแผ่นประคบร้อนบริเวณท้องน้อย ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
- ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน โยคะ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและลดปวดท้องเมน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มมีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้อาการปวดท้องเมนส์แย่ลง
- ใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- นวดเบา ๆ บริเวณท้องน้อย ช่วยลดอาการเกร็งช่องท้อง ลดอาการปวดประจำเดือน
ปวดท้องประจำเดือน อาการที่ต้องระวังและไม่ควรถูกละเลย
แม้การปวดท้องประจำเดือนจะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องเจอเป็นประจำ แต่หากอาการปวดท้องเมนส์ของคุณรุนแรงจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยก็ไม่ควรมองข้าม เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่ต้องได้รับการดูแลรักษา ไม่ว่าสาเหตุของการปวดท้องประจําเดือนจะเกิดจากอะไรก็ตาม
หากคุณกังวลว่าเวลาปวดท้องประจำเดือนสาเหตุมาจากอะไร หรือไม่แน่ใจว่าเมื่อปวดท้องเมนส์รุนแรง ทำไงได้บ้าง โรงพยาบาลพระรามเก้า เรามีทีมสูตินรีแพทย์พร้อมให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนมาก หรือการตรวจหาและรักษาต้นเหตุของอาการปวดเพิ่มเติม เพื่อให้คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : Praram 9 hospital
- Line : @Praram9Hospital
- โทร. 1270