Marketing Communication การสื่อสารการตลาดที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญ

Marketing Communication หรือการสื่อสารทางการตลาด เป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ว่าแบรนด์จะมีสินค้า บริการ หรือคุณภาพที่ดีแค่ไหน หากไม่สามารถสื่อสารออกไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจพลาดโอกาสในการสร้างยอดขายและความสัมพันธ์กับลูกค้า การวางกลยุทธ์การสื่อสารจึงต้องอาศัยความเข้าใจทั้งในมุมของผู้บริโภค พฤติกรรมการเสพสื่อ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ต้องการนำเสนอ 

บทความนี้จะพาไปรู้จักกันว่า Marcom หรือ Marketing Communication คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง พร้อมแนะนำวิธีการสร้างกลยุทธ์ Marketing Communication ที่นำไปใช้กับธุรกิจได้จริง เพื่อให้แบรนด์เติบโตและสร้างการจดจำในใจผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน

รู้จัก Marketing Communication คืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับแบรนด์?

Marketing Communication หรือการสื่อสารทางการตลาด คือกระบวนการที่แบรนด์ใช้ในการส่งสารไปยังผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การโปรโมต การประชาสัมพันธ์ หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นความสนใจ และจูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อ

การมี Marketing Communication ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างยั่งยืน เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์สื่อสารคุณค่าและจุดเด่นของสินค้าได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภค (Brand Equity) โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีสภาพแวดล้อมทางการตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การวางแผนและเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับแบรนด์ได้ ทั้งในแง่ของยอดขายและความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) ในระยะยาวนั่นเอง

องค์ประกอบของ Marketing Communication มีอะไรบ้าง? 

การวางกลยุทธ์ Marketing Communication เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ข้อความหรือโฆษณาที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังต้องมีองค์ประกอบหลายด้านที่ช่วยสนับสนุนให้สารของแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคอย่างตรงจุด ดังต่อไปนี้

• Brand แบรนด์เป็นแก่นหลักของการสื่อสาร เพราะเป็นสิ่งที่กำหนดตัวตน โทนเสียง และภาพลักษณ์ที่ต้องการถ่ายทอดสู่ผู้บริโภค
• Marketing Research การวิจัยตลาดช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรม ความต้องการ และความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อใช้ในการวางแผนการสื่อสารอย่างตรงจุด
• Target Audience การระบุกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้ข้อความทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถเลือกช่องทางการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
• Message Strategy กลยุทธ์ด้านข้อความหรือสารที่แบรนด์ต้องการสื่อ ควรมีความชัดเจน สอดคล้องกับแบรนด์ และสามารถจูงใจผู้ฟังให้เกิดการตอบสนองตามที่ตั้งเป้าไว้
• Communication Channels การเลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล รวมถึงโฆษณาออนไลน์หรือออฟไลน์ จะช่วยให้สารส่งถึงผู้รับได้ตรงเวลาและถูกบริบท
• Feedback & Adjustment การรับฟังผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย เช่น ยอดคลิก ความคิดเห็น หรือยอดขาย จะช่วยให้แบรนด์ปรับปรุงการสื่อสารให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สร้างกลยุทธ์ Marketing Communication เพื่อเพิ่มยอดขาย ทำอย่างไรดี?

คงจะเข้าใจกันแล้วว่าการสื่อสารการตลาดคืออะไร และมีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อแบรนด์ ในหัวข้อนี้ลองมาดูกันว่าการลงมือสร้างกลยุทธ์ Marketing Communication ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้จริง

1. วิเคราะห์และทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

การเข้าใจลูกค้าหรือผู้บริโภคคือจุดเริ่มต้นของการสร้าง Marketing Communication ที่แม่นยำ โดยแบรนด์ต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของตัวเองเป็นใคร มีความสนใจ หรือมีพฤติกรรมการซื้อแบบใด จากนั้นจึงออกแบบสารและคอนเทนต์ให้ตรงกับความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถสร้างการจูงใจได้ตรงจุดมากขึ้น

2. กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน 

หลังจากทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแล้ว Marketing Communication Plan ข้อถัดมาคือการกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มการรับรู้ กระตุ้นยอดขาย หรือสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) การกำหนดวัตถุประสงค์ที่วัดผลได้จะช่วยให้ประเมินความสำเร็จได้ง่ายขึ้น และทำให้ทีมมีทิศทางร่วมกันในทุกแคมเปญ

3. เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม 

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกช่องทางจะเหมาะกับทุกกลุ่มเป้าหมาย หนึ่งในสิ่งสำคัญของการทำ Marketing Communication คือการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เช่น Facebook, Instagram, YouTube, Email หรือแม้แต่สื่อออฟไลน์ หากแบรนด์เลือกช่องทางที่เหมาะสม จะช่วยประหยัดงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญได้ดียิ่งขึ้น 

4. วางรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์

โทนเสียง ภาษาที่ใช้ และลักษณะของภาพหรือวิดีโอล้วนมีผลต่อการรับรู้ของลูกค้า นั่นหมายความว่าการวางรูปแบบที่ชัดเจนจะทำให้แบรนด์ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ ดังนั้นควรกำหนดสไตล์การสื่อสารให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อให้ทุกช่องทางมีความต่อเนื่องกันและจดจำได้ง่าย

5. สร้าง “Key Message” ที่ชัดเจน ตรงใจ เชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายได้ดี 

อีกหนึ่งขั้นตอนในการสร้างกลยุทธ์ Marketing Communication คือการสร้าง Key Message ที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งต้องมีทั้งความชัดเจน กระชับ และเชื่อมโยงกับปัญหาหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดี เพราะ Key Message ที่ดีจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจแบรนด์ในเวลาอันสั้น และสามารถจดจำความแตกต่างของแบรนด์กับคู่แข่งได้อย่างชัดเจน 

6. วัดผลการสื่อสาร เพื่อหาแนวทางปรับปรุงให้ดีขึ้น 

หลังจากเผยแพร่แคมเปญแล้ว แบรนด์ต้องเก็บข้อมูลเพื่อตรวจสอบว่าผลลัพธ์ของการทำ Marketing Communication เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เช่น ยอดวิว, ยอดแชร์, Engagement หรือ Conversion Rate ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เห็นว่าควรปรับอะไรในครั้งต่อไป เพื่อให้กลยุทธ์การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

สร้าง Marketing Communication ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยอินไซต์จาก Wisesight Research

Marketing Communication ไม่ใช่เพียงแค่การบอกเล่าเกี่ยวกับแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการวางกลยุทธ์ที่ช่วยให้สารเข้าถึงใจผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง หากแบรนด์เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เลือกช่องทางและข้อความได้เหมาะสม ก็จะสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างภาพลักษณ์ และความสัมพันธ์ที่มั่นคงในระยะยาวได้ไม่ยาก การวางแผนการสื่อสารที่ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนการวางกลยุทธ์ Marketing Communication ให้แม่นยำยิ่งขึ้น ขอแนะนำ Wisesight ผู้เชี่ยวชาญด้านการนำเสนอโซลูชัน การวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียอย่างครบครันด้วยเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง มาพร้อมบริการ Wisesight Research ที่จะวิเคราะห์พฤติกรรม ความสนใจ และกระแสในโลกโซเชียลแบบเจาะลึก ช่วยให้แบรนด์เข้าใจอินไซต์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และสามารถนำไปต่อยอดการสร้างแบรนด์ การทำการตลาด การวางกลยุทธ์แบรนด์ หรือปรับปรุงสินค้าและบริการ จากเสียงของผู้บริโภคที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ