ฝ้า กระ และจุดด่างดำ เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกกังวลใจ เนื่องจากปัญหานี้ทำให้ผิวหน้ามีความหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน และมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน หากปล่อยไว้นานก็จะยิ่งฝังลึกและทำการรักษาได้ยาก
แต่ปัจจุบันมีวิธีรักษาฝ้ามากมาย หนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและราคาเข้าถึงง่ายนั่นก็คือ “ครีมทาฝ้า” ว่าแต่ครีมทาฝ้าอันตรายไหม? ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล? เลือกครีมทาฝ้า กระ ยี่ห้อไหนดีให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ บทความนี้มีคำตอบ!
สารบัญบทความ
- ทำไมถึงควรใช้ครีมทาฝ้า
- ครีมทาฝ้าอันตรายไหม? ควรเลือกครีมทาฝ้าอย่างไร?
- ครีมทาฝ้าควรใช้ในขั้นตอนไหน?
- รักษาฝ้าด้วยครีม ใช้เวลานานไหม?
- ควรดูแลตนเองอย่างไรเพื่อไม่ให้ฝ้ากลับมาใหม่
- สรุปเกี่ยวกับครีมทาฝ้า เลือกใช้ยี่ห้อไหนดี?
ทำไมถึงควรใช้ครีมทาฝ้า
ครีมทาฝ้า หรือ ยาทาฝ้า ส่วนมากมักมีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์ที่ช่วยชะลอการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ เช่น Glycolic Acid, Alpha Arbutin, Hyaluronic Acid, Vitamin E และ Licorice Extract
การใช้ครีมทาฝ้าเป็นประจำ จะทำให้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และฝ้าฝังลึกค่อยๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน สว่างกระจ่างใสขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้นการใช้ครีมทากันฝ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่ และทำให้ปัญหาฝ้าเบาลงได้
ครีมทาฝ้าอันตรายไหม? ควรเลือกครีมทาฝ้าอย่างไร?
ครีมทาฝ้าอันตรายไหม? ควรเลือกครีมทาฝ้าอย่างไร? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนมักสงสัยและกังวล จริง ๆ แล้วหากเลือกครีมทาฝ้าที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และมีส่วนผสมที่อ่อนโยนก็จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเกิดอันตรายใด ๆ
แต่ถ้าหากเลือกใช้ครีมทาหน้าลดฝ้า กระ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรอง และมีส่วนผสมที่รุนแรง ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น ผิวระคายเคือง, ผิวบางลง, มีอาการแสบคัน และเป็นสิวอักเสบ
เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาฝ้า จึงควรพิจารณาจากคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้
- เลือกครีมทาฝ้าที่มีมาตรฐาน ควรเลือกครีมทาฝ้า กระ ที่น่าเชื่อถือ วางจำหน่ายโดยร้านค้าที่มีหลักแหล่ง มีรายละเอียดบนฉลากครบตามที่อย. กำหนด และไม่มีการโฆษณาที่เกินจริง
- ตรวจสอบส่วนผสม ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาฝ้า ควรตรวจสอบส่วนผสมบนฉลากของผลิตภัณฑ์ ไม่ควรใช้ครีมทาแก้ฝ้าที่มีส่วนผสมของสารปรอท หรือสารไฮโดรควิโนน เพราะสารเหล่านี้จะทำให้เกิดผลกระทบกับผิวหน้าได้ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ตนเองแพ้ด้วย เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้
- ทดสอบก่อนใช้ ก่อนเลือกซื้อครีมทาฝ้า ควรทดสอบด้วยการทาครีมที่บริเวณท้องแขนเพื่อสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากมีอาการระคายเคือง แสบคัน หรือมีผื่นแดง ก็ไม่ควรเลือกซื้อครีมทาฝ้ายี่ห้อนั้น
ครีมทาฝ้าควรใช้ในขั้นตอนไหน?
ขั้นตอนการใช้ครีมทาฝ้า หลายคนอาจคิดว่าครีมทาฝ้าควรใช้แค่ตอนก่อนนอนเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วครีมทาฝ้าสามารถใช้ได้ทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน โดยควรใช้หลังจากขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าและการเตรียมผิวด้วยโทนเนอร์ เพื่อให้ครีมซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่ใช้ครีมทาฝ้า กระ ในตอนเช้า ควรทาครีมกันแดดปิดท้ายด้วยเป็นประจำ เนื่องจากรังสี UV ในแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำ การทาครีมกันแดดปิดท้ายจะช่วยป้องกันการเกิดฝ้าได้อีกขั้น รวมถึงทำให้ครีมทาฝ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
รักษาฝ้าด้วยครีม ใช้เวลานานไหม?
หลายคนอาจสงสัยว่ารักษาฝ้าด้วยครีมใช้เวลานานไหม? สำหรับระยะเวลาในการรักษาฝ้าด้วยครีมทาฝ้านั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดและความรุนแรงของฝ้า, สภาพผิวหนัง, ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์, การใช้ครีมทากันฝ้าอย่างสม่ำเสมอ และการป้องกันแสงแดด
โดยปกติแล้ว การรักษาฝ้าด้วยครีมทาฝ้ามักจะต้องใช้ระยะเวลานานเป็นเดือนถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ หากมีความอดทน ใช้ครีมทาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ และป้องกันแสงแดดอย่างเป็นประจำ ปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำก็จะค่อย ๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ควรดูแลตนเองอย่างไรเพื่อไม่ให้ฝ้ากลับมาใหม่
นอกจากการใช้ครีมทาฝ้าเพื่อรักษาฝ้าแล้ว การดูแลตนเองและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฝ้าก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเราสามารถปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ ดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุก 15 นาทีก่อนออกแดด
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ควรใส่หมวกปีกกว้าง กางร่ม หรือใส่เสื้อแขนยาวเมื่อต้องออกไปเจอแสงแดดจัด
- ดูแลสุขภาพผิว เช่น ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, พักผ่อนให้เพียงพอ, งดสูบบุหรี่, งดดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำเปล่าให้เยอะ ๆ
- ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ นอกจากการใช้ครีมทาแก้ฝ้าแล้ว การใช้ครีมบำรุงอื่น ๆ ก็สามารถช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพร่วมกันได้
- ลดความเครียด เนื่องจากความเครียดทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และอาจส่งผลให้ปัญหาฝ้ามีความรุนแรงมากขึ้น
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากมีปัญหาฝ้าเรื้อรัง อาจต้องเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังเพื่อหาแนวทางการรักษาเพิ่มเติม
สรุปเกี่ยวกับครีมทาฝ้า เลือกใช้ยี่ห้อไหนดี?
ครีมทาฝ้า เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง และมีส่วนผสมที่ดี ก็จะช่วยรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
สำหรับใครที่กำลังมองหาครีมทาฝ้าน่าสนใจ เราขอแนะนำครีมทาฝ้าจาก Romrawin cosmetics ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่คิดค้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังกว่า 20 ปี อย่าง Absolute Light Cream ด้วยส่วนผสมของ Brightening Complex, Kojic Acid Dipalmitate และ Vitamin B3 ที่สามารถช่วยชะลอการผลิตเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ คืนความสดใสให้กับผิว